บนั ทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูม่นั
บันทกึ โดย
หลวงปหู ลุย จนั ทสาโร
คาํ นาํ
บันทึกขอธรรมของหลวงปูมัน่ เลมนี้ ทําการบนั ทึกธรรม
โดยหลวงปูหลุย จนั ทสาโร เเละผูอา นขออนุญาตคดั ลอก,
เปน ทอ นหน่งึ จากหนังสือหลวงปูหลุย จันทสาโร วัดถ้าํ ผาบง้ิ
อําเภอวังสะพุง จงั หวัดเลย อยูในโครงการหนงั สือบรู พาจารย
เลม ๘ เริม่ ตั้งเเตหนา ๒๗๒ ถงึ หนา ๒๙๓ เรยี บเรยี งเเละ
จดั พมิ พ โดย รศ.ดร.ปฐม - รศ.ภัทรา นิคมานนท, เพือ่ เผย
เเผเ ปน ธรรมทานเทาน้ัน
ผอู านไดท ําการคัดลอกทกุ ถอ ยคาํ โดยไมม กี ารเเกไข
เปลี่ยนเเปลงท่ที ําใหค วามหมายตางไปจากตนฉบบั ใดๆ
ทงั้ ส้นิ หากมสี ิ่งไมถูกตอ งหรอื ไมเ หมาะสมประการใด ผอู าน
ขอกราบขออภัยในความไมถ ูกตองหรอื ไมเหมาะสมน้ันๆดว ย
ครบั .
มงคลวิศาล
มกราคม ๒๕๕๔
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปมู ั่น ๑
• ธรรมะ ธัมโม เรียนมาจากธรรมชาติ เห็นความเกดิ ความ
เเปรปรวน ของสังขาร ประกอบดวยไตรลกั ษณ
• อยาเชื่อหมอมากนกั ใหเชอ่ื ธรรมชาตมิ ากจงึ ดี เช่อื กรรม
เช่อื ผลของกรรม
• อรหันตก เ็ ปนคณุ อนนั ต นบั หาประมาณมไิ ด พระอรหันต
ตรสั รูในตัว เหน็ ในตัว มญี าณเเจมเเจง ดี ลว นเเตเลาเรียน
ธรรมชาตทิ ้ังน้นั ฯ
• ธรรมะช้ีเขา กายกับจติ เปน คมั ภีรเดิม
• ภเู ขาสงู ทีก่ ล้งิ มาบดสตั วใหเ ปนจุรณไปนั้น อายุ ๗๐ ป
เเลว ไมเ คยเหน็ ภูเขา เห็นเเตช าติทกุ ข ชราทุกข พยาธิทกุ ข
มรณทุกข เทา น้ันเเล ทฐิ ิมานะเปน ภเู ขาสูงหาท่ีประมาณ
มไิ ด
• ธรรมะเปนตน เอโก มอี นั เดยี ว เเตเ เสดงอาการโดยนัย
๘๔,๐๐๐ ธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๑๘ ใหเห็นดวยจกั ษดุ ว ย
ใหเ ห็นดว ยญาณคือปญญาดว ย นโม ดิน น้ํา บิดา มารดา
ปน ขึน้ มา
• ๘๔,๐๐๐ เปน อบุ ายทใ่ี หพ ระองคทรมารสัตว สัตวย อมรู
เเต ๘๔,๐๐๐ เทานนั้ จะรยู ่ิงไปกวา นน้ั เปน ไมม ี เวนเเต
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปมู น่ั ๒
นสิ ัยพทุ ธภูมฯิ รูอ นันตนัยหาประมาณมิได พน จากนสิ ัย
ของสาวก สาวกรเู เค ๘๔,๐๐๐ เทา นัน้ จะรูยงิ่ ไปกวาน้ี
มไิ ด
• ใหร ู นโม นะ นาํ้ โม ดนิ (อิ อะ) อติ ปิ โสฯ อรหํ เม่อื รู
เเลวความรูหาประมาณมิได อะ อิ สาํ คญั นัก เปน
คณุ สมบัติของพระอรหนั ต
• ธาตดุ นิ ธาตนุ ้าํ ธาตลุ ม ธาตไุ ฟ น้เี องทําใหบ คุ คลเปน
พระอรหนั ต
• ญาณ ของพระพุทธเจา ทานหมายเอา สกนธกาย เชน
นิมติ ธาตไุ ฟ ธาตุลม ธาตุนา้ํ ธาตุดนิ เเละอาการ ๓๒ เปน
นมิ ิต ทา นบอกวารูเหน็ เชน น้ี บรรดาทานเจาคุณท้งั หลาย
ไมคัดคานเลยฯ
• สัตวเ กิดในทองมารดาทกุ ขเเสน กามเปนของต่าํ ชา เปน
ของท่ีนาํ ทุกขเดอื ดรอ นฯ
• โลกสันนวิ าส มีความเเปรปรวนตงั้ เท่ยี งอยูเชนน้นั เเตจ ิต
ของเรารกั ษาไวใหด ีอยาใหตดิ ถา ไมตดิ ก็ไดช ื่อวาเปนสุข
ในตอนนีท้ านเเสดงทบไปทบมาเพ่ือใหศ ษิ ยรู
บนั ทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูมนั่ ๓
• พิจารณาคนกาย ตรวจกายถกู ดีเเลว ไมเ ปน ปญ หาข้ึนมา
ได ถาไมถ กู ยอมเปน ปญหาขึ้นมา
• คน ดกู ายถงึ หลกั เเลเหน็ อรยิ สัจของจรงิ เเลวเดนิ ตามมรรค
เห็นตัวสมุทยั เห็นทกุ ขสจั
• ตอ งทาํ จิตใหเปน เอก ตอ งสงเคราะหธ รรมใหเปน เอกเสมอ
ฯ
• อรยิ สจั ทกุ ข สมุทยั นโิ รธ มรรค คอื กาย วาจา ใจ เปน
มรรค เขาไปดับทุกข ดบั สมุทัย ดบั นโิ รธ นิโรธดับไมเ อา
เอาทีไ่ มดับ คอื ดบั น้ันยังเปน ตัวมรรค เอาสิ่งทย่ี ังไมด ับ
สิ่งทีต่ ง้ั อยูนั้นเเหละ เปนตวั ใหสนิ้ ทกุ ข
• ปฏภิ าค นัน้ อาศัยผูท ่ีมีวาสนา จึงจะบังเกดิ ขึน้ ได อุคคห
นมิ ติ นัน้ เปนของที่ไมถาวร พิจารณาใหชํานาญเเลว เปน
ปฏิภาคนมิ ติ ชํานาญทาง ปฏิภาค เเลวทวนเขา มาเปน
ตน ปฏภิ าคนั้นเปนสวนวิปส สนาฯ
• ทานพิจารณารา งกระดูกได ๕๐๐ ชาติมาเเลว ตง้ั เเตเ กดิ
เปน เสนาบดีเมอื งกุรุราช เปน อบุ าสก ถึงพระรัตนตรยั
• เจริญทางจิตอยา งเดยี ว ต้งั เเต อุปจารสมาธิ รูว าระจิต
ของผอู ืน่ ได เเกน ิวรณได เเตโ มหะคมุ จติ ถา เจรญิ วิปสสนา
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปมู น่ั ๔
ถึง อปั ปนาสมาธิ ทานอาจารยบอกเชนน้นั เเละบอกวา
ทําความรใู หพอเสยี กอนจงึ ไมหวนั่ ไหว
• ใหร ทู ่จี ะเเกจติ ของตน ใหรจู กั ภพของตนท่ีจะไปเกดิ ฯ ทาน
อาจารยไ ดพจิ ารณาวัฏฏะ ๕๐๐ ชาติ
• ตองผานความผดิ มาเสยี กอน จงึ ปฏิบัติถกู ความผดิ เปน
เหตุ ความถกู เปนผลของความดที ั้งหลาย ตอ งเดนิ
มรรค ๘ ใหถูก จึงจะเเกได เดนิ ตามสายหนทางของพระ
อริยเจา ใชตบะอยา งย่งิ คือความเพียร จึงจะสอนตนได
โลกีย โลกุตระ ๒ อยา งประจําอยูในโลก ๓ ภพ
• ปญญามีสมั ปยตุ ทุกๆภูมิ กามาวจร รปู าวจร อรูปาว
จร โลกตุ ระ เหลา น้ี ลว นเเตมีปญ ญาประกอบ ควรท่เี ปน
เสยี มก็เปน ควรทเี่ ปนขวานกเ็ ปน สว นทเ่ี ฉยๆเรื่อยๆน้ัน
เชน เหลก็ เปน เเทงกลม จะเอามาใชอ ะไรกม็ ิได น้ฉี ันใด
• จะบอกการดําเนินวปิ สสนา เเละสมถะ โดยเฉพาะนัน้
มิได เพราะมันไปหนาเดียว จรติ ของคนตางๆกนั เเลวเเต
ความฉลาดไหวพริบของใคร เพราะดําเนินจติ หลายเเง
เเลว เเตค วามสะดวก
บนั ทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูม ัน่ ๕
• อยา ใหจ ิตเพงนอก ใหรใู นตัว เห็นในตัว เมอ่ื รใู นตวั เเลว รู
ทว่ั ไป เพราะตัวเปนตน เหตุ
• เทศนเร่ืองมงคลวเิ สส ท่ีมนษุ ย เทวดา มีความสงสยั มไิ ด
เเกอ ัตถะเเปลไดเหมือนพระพทุ ธองค มนษุ ยเปนสถาน
กลาง อะไรดหี รือช่วั ก็ตอ งกล่ันออกไปจากมนุษยน้ที ั้งนั้น
ทําใหเปน ดกี ็มนุษย ทาํ ใหช ัว่ กม็ นษุ ย จะเปนปุถชุ นก็
มนษุ ย จะเปนพระพทุ ธเจาก็มนษุ ย
• ทานเทศนใหสงเคราะหเ ขาตนทงั้ นัน้ สภุ ะ เปนธาตบุ ูด
เนา เปน ธรรมชาติของเขา รายเเตมนษุ ย จิตติดสภุ ะ ดื่ม
สรุ า ทานยกพระโพธสิ ตั วย ศเปนกษัตรยิ มเี มีย ๖ หมนื่
บุตรราหลุ ทานกไ็ มเมาไฉนเรามีเมยี ตาเปย กคนเดียว
ตดิ กนั จนตาย ธาตเุ มาอันนี้เปนธรรมชาติ ไมใ หคนส้ินทุกข
ไปได
• บคุ คลรกั ษาจิต ไดเ เลว ทั้งศีล เเมรกั ษาทางปญญาไดเเลว
ท้ัง ศีล สมาธิ ปญญา ดจุ ขา วสุกทสี่ าํ เร็จเเลว เราจะตวง
กิน ไมต องไปกงั วลทํานาเก็บเกย่ี ว เเละขา วเปลือก
ขา วสารเลย กินขา วสุกเเลว ก็เปนพอ นก้ี ฉ็ นั นน้ั เปน
สถานที่สํารวม
บันทกึ ขอ ธรรมของหลวงปมู ั่น ๖
• ภายนอกใหล ะเอยี ดเสยี กอน เเลวภายในจงึ ละเอยี ด
• ครัง้ พุทธกาล บางองคต ิดทางสมาธิ ๕๐ ป จงึ ไดส ําเร็จก็มี
• พระอานนท เปน คลงั เเหง พระธรรม อะไรทานรหู มด ทํา
เน่ินชาเพราะทา นติดพระสูตร อภธิ รรม ไมน อ มลงมา
ปฏิบตั ิ จึงสาํ เรจ็ ชา อายุ ๘๐ ป หลงั พุทธปรนิ พิ พาน ๓
เดอื น
• พระอานนท ทาํ ความเพยี รในกายวปิ สสนา กาํ หนดจติ
โดยมิไดล ะ จนขาตรงทีเดียว จงึ ไดทอดกายดวยสติ หวั ยัง
ไมถงึ หมอน จิตกเ็ ขา สภู วงั ค ภวงั คห ายไป เกดิ ความรู
เญยธรรม ทง้ั หลายฯ
• พระโมคคลั ลาน สารบี ตุ ร ลว นเเตเกิดในตระกลู มิจฉาทฐิ ิ
โมคคัลลานส งั่ สอนเเมไ มไ ดเ ลยทเี ดยี วฯ
• เหตปุ จจฺ โย โหติ ธรรมทัง้ หลายเกดิ เพราะเหตุ ดับเพราะ
เหตุฯ
• อยา เชื่ออภิญญาฯ ปฏบิ ัติเพอื่ ลาภ ยศ สรรเสริญ เปน
อาบตั ิทกุ กฎ
• ธรรมเปนของเย็น พระกรรมฐานอยูท ไ่ี หน สตั วปาตอง
อาศยั อยู หมูปา เหน็ คฤหัสถเปน ยกั ษเปน มาร เบียดเบียน
บนั ทึกขอธรรมของหลวงปูมนั่ ๗
สัตว ยิงจนไมม เี หลอื เสือภูวัว ทา นอาจารยท ําอโุ บสถ มนั
มารอ ง เม่อื ฟงปาตโิ มกขจบเเลว มันกห็ ายไป ทาน
อาจารยม ั่นคุน เคยสัตวเ หลานี้ ทา นรูวาระจิตสตั วเ หลานี้
เปน มติ รสหายกันดว ยธรรมเครอ่ื งเย็นใจ
• สัตวเดรจั ฉาน เขามีสญั ญา ปญญา นามธรรม รู
เหมือนกบั มนษุ ย เเตเ ขาพดู ไมไ ด
• ธรรมทัง้ หลายเกิดขึ้นน้ันอยา ยาย มันเต็มเเลวมันยายเอง
ทานเตอื นทานมหาบัว ฉะนั้นพระโยคาวจรเจา ละกิเลส
สวนใดไดเเลว ทา นไมก ลับมาละอีก เพราะมรรคประหาร
สน้ิ ไปเเลว เดนิ หนา เเกกเิ ลสใหมเรือ่ ยไป จนละกเิ ลส
รอบ ไมเกดิ อกี นก้ี เ็ ปนอศั จรรย
• ใหม างกายเปนนิจน้ันดี อยาใหม นั หุม
• สถานทเี่ ข็ดขวาง ทานบอกวา เปนพวกเปรต ตองทาํ บุญให
ทานอทุ ิศ เขาก็ไดร ับ หายไปเกดิ ณ ท่ีอื่น ฯ
• ทานไมชอบฤทธิ์ ชอบภาวนาใหส ้ินกิเลส ฤทธ์ทิ ้ังหลาย
เกดิ ดวยกําลังสมถะ ฌานสมาบัติ ท้งั น้ัน ใชว ปิ สสนา
อยางเดียวไมมีฤทธิ์ สาํ เร็จอรหนั ต
บันทึกขอธรรมของหลวงปมู นั่ ๘
• ฝก หัดจติ ดเี เลว จิตเขมเเขง็ มีอาํ นาจมาก ยอ มกระทําจติ
สารพัดไดท กุ อยา ง เมื่อเหน็ อาํ นาจของจิตเเลว เเลเหน็ กาย
เปน ของออน จิตบงั คบั กายไดฯ
• เขาโกรธเรา เเตเราอยาตอบ ใหพ จิ ารณาความบรสิ ุทธ์ิ
ละลายเเลว ยกธงชัยขึ้น เเละ มอี ะไรก็สงเคราะหเขาผู
ประมาท ไมน านเขากลับคืนดี ไมก ลบั คนื ดีกว็ บิ ตั ถิ ึง
ตายทเี ดียว
• ใครจะไปบงั คับจิตน้นั ไมไ ดเลย ตองสอนจติ ใหอ ยดู ว ย
อุบาย เเมคาํ ส่ังสอนของพระองค ลว นเเตเปน นโยบาย
ทัง้ น้ัน เหตนุ ัน้ ทานจึงไมชอ้ี ุบายตรงๆลงไปทเี ดียว จึงชัก
อน่ื มาเปรยี บเทยี บฯ
• นมิ ติ ท้งั หลายเกิดดวยปต สิ มาธิอยา งเดยี ว ที่เเสดงเปน
นมิ ติ ออกมา อยาหลงตามนมิ ติ ใหทวนกระเเสเขา จติ
เดิม เพราะนมิ ติ เปนของไมเ ท่ียง หลงเช่อื นมิ ติ
ประเดยี๋ วบา
• ปฏภิ าคนมิ ติ เกดิ เฉพาะผูทม่ี ีวาสนาอยางเดียว การ
ภาวนาอยาใหท ิ้งกายกบั จิต น้ีเปน กรรมฐานเดมิ เเตใ ห
จิตเด็ดเด่ยี วอยา งท่สี ุด จงึ เปน ผทู ีร่ ูธรรมในธรรม ฯ
บันทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูม่ัน ๙
• ใหเ ปนมหาสติ มหาปญ ญา รอบกาย รอบจิต มรณะรา ย
มาถงึ เเลว ตอ งเขาเเยงกันในชองเเคบ เเมโพธิสัตวชนะ
มาร ชนะมารในชองเเคบ
• สนมิ มนั เกิดข้ึนในเนือ้ เหล็ก กเิ ลสมันเกิดในดวงจิต
ตองประหารจติ ใหเปน ธรรม
• ในโลกนเ้ี ปน อัตตาหมด ไมมีตน ไมเเละภเู ขา วปิ สสนาลบ
ลางหมด ไมม เี ช้ือโรคอยูใ นโลกช่ือวาโลกุตระ
• เร่อื งกรรมฐาน ๕ ภาวนาใหม าก ในรางกาย เหน็ อสุภะ
เปนยาปรมตั ถเ เกจิต พระเณรทบ่ี รรพชาอุปสมบท ลว น
เเตพ ระอุปชฌายะใหก รรมฐาน ๕ มาท้งั น้ัน เปนหลัก
สาํ คัญท่กี ลุ บุตรจะภาวนารเู เจงในรปู ธรรม เปน สนฺทิฏฐิ
โก เห็นเอง เบอ่ื หนา ยรูปธรรม อรปู ธรรม เเละเห็น
นามธรรมไปพรอ มกัน
• การนอน การสงบเขา ฌาน เปนอาหารของจิตเเละรางกาย
อยา งหน่ึง สมถะ ตองพกั จิตสอบอารมณ สวน วิปส สนา
จิตเดินไตรลกั ษณใ หรูอริยสจั เหน่อื ยเเลว เขาพกั จิต พักจติ
หายเหน่ือยเเลว จติ ตรวจอริยสัจอีก ดงั นี้ ฉะนน้ั ใหฉ ลาด
การพกั จติ การเดนิ จติ ทง้ั วปิ ส สนา เเละ สมถะ พระ
บันทึกขอธรรมของหลวงปมู ่นั ๑๐
โยคาวจรเจาท้ิงไมไ ด ชํานิชาํ นาญทัง้ สองวิธี จึงเอา
ตัวพนจากกเิ ลสทงั้ หลายไปได เปน มหาศลี เปนมหา
สมาธิ เปนมหาปญ ญา มีศลี ทงั้ อยางหยาบ อยา งกลาง
อยางละเอียด พรอ มทั้งจิต เจตสิก พรอมทั้งกรรมบถ ๑๐
ไมกระทําผดิ ในทล่ี ับเเละทีเ่ เจง สวางท้งั ภายในเเละ
ภายนอก มมี หาสติรอบคอบหมด วิโมกข วิมตุ ิ อกุปธรรม
จติ บริสุทธิ์ จติ ปกติเปน จิตพระอรหนั ต สวางเเจงท้ัง
ภายนอกภายในสวางโร ปุถชุ นตเิ ตียน เกดิ บาป เพราะ
พระอรหันตบริสุทธ์ิ กายเปนชาตินพิ พาน วาจา ใจ เปน
ชาตนิ ิพพาน นิพพานมี ๒ อยาง นพิ พานยงั มชี ีวิตอยู ๑
นพิ พานตายเเลว ๑ พระอรหนั ตร อขน้ึ รถขึ้นเรือไป
นพิ พานฉะนนั้
• สทุ โธทนะ หามพระองคไมใ หไปบณิ ฑบาตกรุงกบลิ พสั ดุ
เราไมอ ด พระองคตอบวาไปตามประเพณพี ระพุทธเจา สุ
ทโธทนะฟงโอวาทเเลว ไดโ สดาบนั
• ใหเห็นปจ จุบนั ธรรม อยา สง จติ อนาคตเเละอดตี ฯ
บันทึกขอธรรมของหลวงปมู ่ัน ๑๑
• ปญญากับสตใิ หร ูเทาทันกัน พจิ ารณากาย จิต ความไม
เที่ยงของสังขารเปนธรรมะสอ งใหเห็นเรื่อยๆ ทําความรใู น
นนั้ เหน็ ในนั้น ฯ
• ในโลกนีเ้ ปนธาตุท้งั นนั้ ใหรูเทาทันกบั ธาตุ อยา หลงตาม
ธาตฯุ
• มหาสติเรียนกายจติ ใหม ากๆ ใหเ ห็นจริง ธรรมะจรงิ
สมมตุ ิ อยา หลงรูป เสยี ง กลนิ่ รส ของอันนี้เต็มโลกอยู
เชนน้ัน ฯ
• ธาตุ ๘๔,๐๐๐ ธาตอุ อกมาจากจิตหมด ฯ
• นโิ รธเปน ของดบั เพราะรเู ทา แลว จิตไมเกิดยนิ ดยี ินราย
ดบั ไปเชนนชี้ อ่ื วา นโิ รธ ฯ
• ใหเ อากายวาจาใจนี้ยกข้ึนพจิ ารณา อยา เพมิ่ อยา เอา
ออก ใหเปนปกติ ฯ
• มรรค ๘ นนั้ สมาธิมรรคเปน องค ๑ นอกนน้ั เปนปริยาย ฯ
• ใหร ูธรรม และอาการของธรรม ถงึ ขนั้ ละเอียด แลว ก็จะรู
เองเหน็ เอง ฯ
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปมู ัน่ ๑๒
• พระอานนททรงไวซ ง่ึ พระสทั ธรรม วา เปน ของภายนอก
ตอหันเขา มาปฏบิ ัตภิ ายในจงึ สาํ เร็จ ฯ
• หนัง คนในโลกยนิ ดใี นหนงั และเคร่ืองอุปโภคบริโภค
หนังอันน้ที ําใหมนุษยหลงยนิ ดี พากันตกทุกขก ันมาก ฯ
• ธรรมธาตุ สตั วหลงธาตุ ชมธาตุ ยินดธี าตุ ยินรา ยธาตุ
จงึ ไดทาํ กรรมไปตา งๆ ฯ
• เรียนแบบตําราเปน ของที่ไมแ นนอน สเู รียนทางกายและ
จติ ใหเ ปน ธรรมชาติไมไ ด ฉะน้นั ผเู รยี นกายวาจาจติ ไม
ใครสึก ปฏบิ ัติแตธรรมทร่ี ยู ง่ิ เห็นจรงิ ฯ
• ปจจุบนั ใหร ูทางจิต ฯ
• ปฏภิ าคเปน เรื่องของปญ ญา ฯ
• ใหเ รียนทางจิตทวนกระแส ตัดรากเหงาเครื่องผูก ดุจรื้อ
เครอ่ื งฟก
• ปฏภิ าคนมิ ติ เปน ปาฏหิ าริยข องจติ มอี ํานาจทาํ ใหเ ปน
อากาศวา งเปลา ได อนั เปนอัศจรรยใ หญห ลวง ฯ
• ผูมรี าคะ ยอ มเศราโศกเสยี ใจเพราะราคะ ฯ
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปูม่ัน ๑๓
• เกิด ตาย เกิดแลว ตาย ชมแตห นงั ของเกา ไมห นั ไป
หาทางทีจ่ ะพน ทกุ ข ฯ
• ทําจิตใหเ สมออยู อยาขนึ้ อยาลง อยา ไปอยามา ใหรู
เฉพาะปกติของจติ ฯ
• ฐานของธรรมเปน บอเกดิ อริยสัจของจริง ฯ
• เกดิ ความรูอยา งวเิ ศษแลว ยอ มหาอนิสงสป ระมาณไมได
ฯ
• อตฺตาหิ ฯลฯ เปนของลกึ ลับเหลือที่สดุ ฯ
• ถาสงจติ รเู ห็นนอกกาย เปน มจิ ฉาทฐิ ิ ใหร เู ห็นอยใู นกาย
กับจติ นนั้ เปนสัมมาทฐิ ิ
• นักปฏิบตั ิ ใจตอ งเดด็ เดี่ยวกลาหาญทีส่ ดุ จงึ จะรธู รรม
เห็นธรรม ฯ
• ใหรธู าตุ เหน็ ธาตุ จติ จงึ ไมต ดิ ทางราคะ ฯ
• คนเราจะดีจะชั่ว ตอ งเกิดวบิ ตั ิเสยี กอ น ฯ
• ธรรมทีล่ กึ ลับ ไมควรพูดใหคนอน่ื รู เพราะคนอื่นไมเหน็
ตาม ธรรมจะเสยี ตอ งพดู ตอ ผูปฏิบตั ิเหมอื นกนั
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปูมน่ั ๑๔
• ใหถ ือตามมตี ามได หนั หาธรรมชาติ อยากอ ความกงั วล
นนั้ ดีมาก เมื่อปฏบิ ตั ิไดแ ลวกไ็ มด ีใจ เสยี ใจ
• มรรค โลกย เทวทตู ชาติ ชรา มรณะ พยาธิ ใหโ พธิสัตว
ออกบวช พระองคบ วชแลว ทําทุกรกิริยา ในวันทต่ี รัสรู
ปฐมยามทางราคะเกดิ ในดวงจิตของพระองคปนปวน
พระองคทวนกระแสวา เราเห็นแลวไมใชห รอื ที่เราออก
บวชเราจะไมกลบั แน ตอ นน้ั ทําจติ เขาสภู วังค สงบอยู
ในอปั ปนาสมาธิ ตอ นนั้ ถงึ เกิดปญญาความรขู ึ้นมา
ระลึกถงึ ชาติกอ นๆ ไดในมัชฌิมสมยั ตอ นน้ั พระองค
ตรวจปฏิจจสมุปปบาท ทวนไปทวนมาดว ยปญญาอันย่งิ
จติ ลงสูภ วังค เกดิ ความรูข ้นึ มาตรัสรู ดับอวิชชา ตณั หา
เปน สยมภพู ุทธ ปจ ฉมิ สมยั กาลคร้งั นน้ั
• เพง นอกน้ันไมส ้ินสงสัย เพราะยงั หมายนอกหมายในอยู
ตกอยใู นกระแสของสมุทัย
• ใหร ะงับสงั โยชน ที่ละเอียดสงิ อยูในดวงจติ นัน้ ฯ
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปมู ่นั ๑๕
• บริจาคทาน โลภน้นั คือปรารถนา เมอ่ื ไดแลวปรารถนา
อยากไดม าก พระเวสสันดรทานไมเ ปนเชน น้นั พระองค
ทา นปรารถนาโพธญิ าณ เปนปรมัตถบารมี
• มรรค ๘ ใครภาวนาเจริญดแี ลว แกโ ลกธรรม ๘ ประการ
ฉะนน้ั จิตทา นอรหนั ต ไมห วั่นไหวดวยโลกธรรม ๘
ประการ มไี ตรลักษณบงั คบั แมโ ลกยี ท ั้งหลาย มไี ตร
ลักษณบ งั คับอยเู สมอ ไตรลกั ษณบงั คับไมไ ดน ้นั มี
โลกตุ ระเทานั้น โลกุตระอันน้ีอยเู หนือไตรลกั ษณ สถานท่ี
เกษม บคุ คลท่จี ะพน โลกโลกยี ไ ปถึงโลกตุ ระ ตองสรา ง
บารมีเปน การใหญ บคุ คล ๓ จาํ พวก คอื พระพุทธเจา ๑
พระปจ เจก ๑ พระอรหันต ๑ พระพุทธเจาสรา งบารมี ๓
ชนิด ปญ ญาบารมี ๔ อสงไขยแสนกําไรมหากปั ศรทั ธา
บารมี ๘ อสงไขย แสนกําไรมหากปั วิริยบารมี ๑๖
อสงไขย แสนกาํ ไรมหากปั พระปจเจกสรางบารมี ๒
อสงไขย แสนกาํ ไรมหากปั พระอรหันตสรางบารมี ๑
อสงไขย แสนกําไรมหากัป ดงั น้ี สรางพระบารมีมิใช
บันทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูมั่น ๑๖
นอ ย กวาจะสําเรจ็ พระนพิ พานได ดังนี้ ชาํ นาญมาก
ที่สดุ ๑ อสงไขย เหลือทจ่ี ะนับน้ันประการหน่งึ เอา
สวรรค เอานรก เปนเรือนอยสู รางบารมี พระนพิ พานเปน
ของแพงทส่ี ุด ตองสรา งบารมีแลกเปลย่ี นเอาจงึ จะไดพระ
นิพพาน
• อคคฺ ํ มนุสเฺ สสุ (มาจากประโยคเต็ม ซง่ึ ปรากฏใน
หนังสอื มุตโตทยั วา อคฺคํ ฐานํ มนสุ ฺเสสุ มคคฺ ํ
สตตฺ วสิ ทุ ธฺ ิยา) มนษุ ยเลศิ มนษุ ยน ํา้ ใจสงู มีทุกข มี
สมุทยั มมี รรค มนี โิ รธ ครบทกุ อยาง จงึ สําเรจ็ นิพพาน
ได พระอินทร พระพรหม เปน ตน บวชเปนพระเปน เณร
ไมไ ด เหมอื นมนษุ ย มนุษยเ ปนธาตพุ อ ดจุ แมครัวแกง
ชา งเอร็ดอรอย มนั พอพรกิ พอเกลือ จึงใหส าํ เรจ็ มรรค
ผลได ไมข ัดขอ งดวยประการใดๆ ฉะนัน้ มนุษยไมค วร
นอยเน้ือตํ่าใจ ปฏบิ ัติใหไ ดส วรรค นพิ พาน ไดธาตุพอ
เปนชนดิ ทสี่ งู สดุ
บนั ทึกขอธรรมของหลวงปมู ัน่ ๑๗
• ชีวิตและนพิ พาน ธาตขุ นั ธม จี ิตสิงอยูเรยี กวา ชีวติ เมือ่
พิจารณาวางตามสภาพไดแลว จติ หดหาจิตเดิมเขา รู
เหน็ ในปจจบุ ัน เจรญิ มหาสติรอบในสติ มหาปญ ญารอบ
ในปญญา แลวเหน็ ปกติ ฯ
• นิพพาน น้นั คือ จิตหดโดยเห็นธาตุ รแู จง ธาตุ จิตฐตี ิ
ภูตํ รูอยนู น้ั เปน ตวั นพิ พาน ฯ
• วชิ ชา ๓ ของพระพุทธเจา ลกึ ลับสุขมุ มาก ในยามท่ี ๑
พระองคท ําความรเู ทาอยา งน้ัน ยามที่ ๒ พระองคทํา
ความรูเทา นน้ั นัน้ ยามท่ี ๓ พระองคทาํ ความรูเ ทา คอื
แกอวชิ ชาและปฏิจจสมุปปบาทในของจิต ในชองแคบ
มารแยง ไมไ ด มีความรูอนั พเิ ศษขึ้นมาวา พระองคเ ปน
สยมภู ความท่ที านแกอวิชชาเปนของขน้ั ละเอยี ดยิ่งนัก
บุคคลจะรูเหน็ ตามนั้นนอยทสี่ ดุ สุดอาํ นาจของจิต เม่ือ
กําหนดรูล งไปเปนของวา งหมด ไมใ ชตวั ตน สัตวบคุ คล
เราเขา ไมใ ชผ หู ญงิ ผูชาย ธาตสุ ฺุโญ เปน ธาตุสูญ
แลว กําหนดจติ รจู ติ ต้ังอยใู น ฐีตธิ รรม
บันทึกขอ ธรรมของหลวงปมู ่ัน ๑๘
• ธาตุกับจิตตดิ กนั จงึ วนเวยี นแก เจบ็ ตาย อยูทกุ ชาติ หา
ที่สน้ิ สุดมไิ ด ธาตเุ ปน ของทีม่ ีอยูเชน น้ันตง้ั แตด้งั เดิมมา
และแปรปรวนอยูเ ชน นั้น จิตของคนไมไ ปยดึ ไปถอื กเ็ ปน
จติ สิ้นทกุ ขได ฯ
• อายตนะภายในภายนอกแปรปรวนอยเู ปน นิจ สวา งโรท ัง้
ภายนอกและภายใน ไมขาดระยะของ ทุกขํ อนิจฺจํ
อนตตฺ า ฟง เทศน ธรรมชาติแสดงเรื่อยๆ พระโยคาวจร
ฟงเทศนใ นตอนน้ี ฉลาดในตอนน้ี สิ้นกิเลสในตอนนี้
เปน ปจฺจตตฺ ํ ความเพียร มรรคผล ถือสมถะพอ
วิปส สนาพอ มันผลักกเิ ลสมนั เอง
• บรรพชิตจะตองปฏิบัติตรงตอพระนพิ พาน
• พทุ ธองคเ กิดในปาลมุ พินวี นั ปลงสังขารในปา ให
โอวาทปาตโิ มกขในปา ตรัสรูในปา เปลี่ยว นพิ พานในปา
เปลยี่ ว วจิ ยั ธรรมในปา ชนะมารในปา ธรรมท้งั หลาย
ลวนแตเ กดิ ในปา เปน ธรรมราคาสูง ธรรมโลกุตระเหนือ
โลกยี
บันทึกขอ ธรรมของหลวงปูม่นั ๑๙
• จติ ต้ังจิตมไิ ด ต้งั จติ ต้ังธาตุ จงึ แสดงรูเห็นดว ยกันได
เพราะจติ มนั เปน นามธรรม
• อยาถอนทําความเพียร มันจะเคยตัว ใหทําจนชนิ ใหได
เน้อื หรือคนุ เคย จึงจะเห็นมรรคเห็นผล
• ปญ จวคั คียนั้นทางปรมัตถว า หัว ๑ แขน ๒ ขา ๒ เปนหา
ภกิ ษุ แปลวา คนตอยกเิ ลส ปญ จวัคคยี ก็เปนภิกษุ
เหมอื นกะเรา ฯ
• วาจาของทา นเปน ธรรมชาติทบ่ี ริสทุ ธดิ์ ว ยศีล สมาธิ
ปญญา ไมม ลี าภ ยศ อามสิ เจือวาจาของทาน เทศนจ งึ
ขลังดี พดู ถกู ธรรมตรงไปตรงมา ไมเ ห็นแกหนา บคุ คล
และอามสิ
• ทานไมใ หศลี แกโยมท่ีรูศลี อางวาแมพ ระภิกษทุ ่ีบวชนนั้ ก็
ไมใ หศีล ๒๒๗ เลย ใหแตเพียงศลี ๑๐ ชัน้ สามเณร
เทา น้นั ตอ นั้นประกาศสงฆต ้งั สมมตใิ หกนั เอง แลวกพ็ า
กนั รกั ษาพระปาตโิ มกข น้ีฉันใด เพยี งศลี ๕ ใหเจตนา
รักษาแตเ ฉพาะตนเอง เทาน้นั ก็เปนพอ
บนั ทกึ ขอ ธรรมของหลวงปมู ัน่ ๒๐
• จิตนนั้ เมา สุราไมไดเ มา สุราไมต ดิ คน คนตดิ สุรา
ตา งหาก เม่อื คนด่ืมไปแลว ทาํ ใหเ ปนบาไปตา งๆ ฯ
• เรอ่ื งของโลกยอมมีการยุงเรอ่ื ยๆ มาตง้ั แตไ หน ฯ
• วธิ ลี ะกิเลสฝงแนนอยูในสันดานนั้น ตลี ม่ิ ใหมใ สลงไป ลม่ิ
เกากระดอนออก น้ฉี ันใด มรรคเขาไปฟอกกเิ ลสเกา
ออกมา แลวจงึ เห็นความบริสทุ ธ์ิ
• จติ เสวยเวทนาอยางละเอียดน้นั ใหล ะลายเวทนาเขาไป
อกี เอามรรคเขา ไปฟอก แลว ทําความรตู ง้ั อยูแทนเวทนา
จงึ จะเหน็ ตน เหน็ ธรรม เหน็ ความบรสิ ุทธิ์ ฯ
• สมณะ พราหมณ มีการเพง อยูเปน นิจ มนั ไมร ไู มฉ ลาด
แลวจะไปอยู ณ ทีไ่ หน อาพาธกห็ าย บญุ กไ็ ดด ว ย
พระองคต รัสใหพระสารีบุตรทาํ เชนนนั้ แทท จี่ รงิ พระสารี
บุตรกท็ ําชาํ นาญมาแลว แลวทาํ อกี อาพาธก็หาย ฯ
• ใหพจิ ารณาธาตุ เมอ่ื เห็นธาตุแปรปรวนอยเู ปน นิจเรยี กวา
สัมมาทฐิ ิ เห็นชอบ
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปมู ั่น ๒๑
• มนษุ ยเ ปนสตั วเ ลิศ เปนท่ีตงั้ พระพทุ ธศาสนา ทวีปท้ัง ๓ ก็
เปนมนุษย เชน อดุ ร กุรทุ วปี แตไมสมบูรณ พระองคไม
โปรดตง้ั ศาสนา เทวดากเ็ หมือนกัน มนุษยท่ีมาเกดิ ในชมพู
ทวีปเปน มนษุ ยวเิ ศษรับรชั ทายาท ฯ
• อารมณภายนอกและภายใน เปน ของทตี่ ้งั อยูเปน ธรรมดา
แตจติ เปนของทีร่ บั รู ฉะน้นั ตอ งทรมานทางจิตใหมากๆ
แกอ วชิ ชา แกอาสวะ แกท ุกข แกสมทุ ัย นิโรธ เกิดญาณ
ตงั้ อยู เปนอมตธรรมที่ไมตาย ฯ
• แกโ ทษคือแกอาบตั ิ ใหแกป จ จบุ ันจิต อยาสงจติ อดตี
อนาคต แลว บอกจติ วา ไมมโี ทษ เมอ่ื ทานไปจาํ พรรษาอยู
เทอื กเขาใหญ ทานเกิดอาบตั ิจนฉนั อาหารเขาไป ก็เปนอนั
นัน้ ออกมา เพราะจิตวบิ ตั แิ ลว ธาตุกว็ บิ ตั ิดวย ตอ น้ันแก
จิตไดแลว อาพาธ ๓ วัน หายเปน ปกตดิ ี การอาบัติ เชน
อาบัติทุกกฏ อยาพงึ ลว งงายๆ เพราะมนั เคยตวั ฯ
• ภุมมเทวดา อยากดื้อ ทดลองเสมอทเี ดียว ไปอยูที่เขด็
ขวางตองระวงั ตอ งตรวจจติ เสมอ ฯ
บันทึกขอ ธรรมของหลวงปูมั่น ๒๒
• อจนิ ไตย เกดิ ความรู ความฉลาด นัน้ หาประมาณมไิ ด ฯ
• ปฏบิ ตั ผิ ดิ นน้ั ลบสังขารดวยไตรลกั ษณไ มไ ด ประพฤติไป
ตามสังขาร ปฏิบตั ถิ ูก น้นั คอื ลบสังขารดว ยไตรลกั ษณไ ด
• พวกสุทธาวาสทง้ั หลาย คือเจริญฌาณแลววิปสสนาตอไป
จึงสาํ เรจ็ ไดในทน่ี ้ัน
• ผทู ี่รูธ รรมแลว เปนผวู ิเศษ อานิสงสหาประมาณมไิ ด
• สกลกายอันเดียวนแ้ี หละเปน ตวั ธรรม
• ละกเิ ลสดวยสติ สตฟิ อกอาสวกเิ ลสเอง
• ธรรมเปนฐตี ิธรรม ต้งั เท่ยี งอยูเชน นน้ั แปรปรวนอยเู ชนนั้น
ใหร ใู หเหน็ เฉพาะทีเ่ กิดกบั จิต
• คณาจารยบางองคแสดงอรยิ สัจ มลี าภ ยศ เจอื อริยสจั
เปน สว นมาก
• จิตเปนธรรมทบี่ รสิ ทุ ธ์ิ หมดจดทกุ อยาง มนษุ ย เทวดา ไม
มีที่ครหาเลย
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปมู ัน่ ๒๓
• บรรดานกั ปฏบิ ัติ ใหเฉลียวฉลาดรูเ ทา ทนั โจร เมื่อรเู ทาทัน
โจรแลว โจรยอมไมม โี อกาสลักส่ิงของไปได แมฉ ันใด
ปฏิบัตใิ หม สี ติและปญ ญารักษาตน กเิ ลสมิอาจเขา ถงึ ได ฯ
• ที่แผนดินยอมเปนฝนุ ผีท้ังส้นิ ใหจ ติ พจิ ารณาตกลงถึงฐาน
ฯ จิตจึงไมกังวลฟงุ ซา นกระสบั กระสา ย ฯ
• มนุษยตาย จะเอาไปกินและเอาไปใชไมไ ด ไมเ หมอื นววั
ควาย... ววั ควายเอาเนอ้ื กนิ ได
• ในขณะที่มชี ีวติ นัน้ ทาํ บญุ ดีมาก การทําศพถงึ ผูต ายน้ัน
ไมไ ดเ ปนสว นมาก แตท ําตามประเพณเี ทา นั้น พระอรหันต
นิพพานอยู ภูเขา ถํา้ ตา งๆ ใครทําศพใหท า นเลา...ทา น
ทําไมถงึ นิพพาน
• ใหใชไ หวพรบิ เปนอาชาไนยอยเู ปน นิจ ฯ
• ธรรมท้งั หลาย จติ ประกอบกายยกขึ้นแสดง ปราศจากกาย
แลว จะยกนามธรรมข้นึ แสดงไมไ ดเ ลย
• เหตุเกดิ กอน ปจจัยเกิดทหี ลัง ฯ
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปูม นั่ ๒๔
• จติ เปน คนเรียกสมมตุ เิ อง จติ เปน เหตทุ ี่กระสบั กระสา ย จติ
ปกติดแี ลวกเ็ ปนอันไดร ับความสขุ ฯ
• ทําจติ ใหสวา งโพลง กําหนดรฐู ีติธรรม น้ันเรยี กวา ปญ ญา
โดยแท
• ใหแกอวิชชา แกอนุสัย ความไมร ูไมฉ ลาดนั้นใหก ลบั เปน
คนฉลาด ฯ
• พระโมคคลั ลาน สารบี ตุ ร พระองคเ กิดในตระกลู มจิ ฉาทฐิ ิ
ดุจดอกบัวยอ มเกดิ ในตมฉันใด
• ตอ งเจรญิ ทุกขใ หพอเสียกอน ดบั ตอ งอยูใ นที่นนั้ ดจุ ตีล่มิ
ลงไป ลิ่มเกา ถอน ลม่ิ ใหมเขาแทน คือกเิ ลสออก ความ
บริสุทธ์ิเขาแทน ดุจของดีอยใู นของชั่ว คอื อวิชชาออก
วชิ ชาเขาแทน ฯ
• เดนิ มรรคใหเห็นทุกข ใหเ ดนิ มรรคเหน็ สมุทยั ใหย ิ่งใน
มรรค ใหย ง่ิ ในมรรคนิโรธ จงึ จะพนทกุ ข ฯ
บันทกึ ขอ ธรรมของหลวงปูม ัน่ ๒๕
• ขอ เปรยี บช้ันนพิ พาน คอื นบั ๑ ไปถงึ ๐ ๐ (ศนู ย) โลกเขา
แปลวาไมม ี แตศนู ยมีอยู นี้ฉันใด นพิ พานเปน ของทม่ี อี ยู
ฯ
• โลกยี สจั จะ คอื โพธิสตั วเหน็ เทวทูต โลกุตรสจั จะ คอื
โพธิสตั วต รสั รู ฯ
• ความรูค วามฉลาด มอี ยูในสถานทีไ่ มรู ฯ
• ธรรมท้ังหลายมาจากเหตุ คือจิตออกจากจิตเรยี กวา
เจตสิกตอนอกนั้นเปน อาการทั้งหมด ดจุ สันหรือคมของ
ดาบ มาจากเหลก็ ฉะน้นั ฯ
• มแี ตจิต รปู ไมม ี แสดงไมไ ด ตอ งอาศัยกนั เปนไปจงึ แสดง
ได ฯ
• พระอรหนั ตท้งั หลาย จติ ไมม ี มแี ตสติ เพราะจิตสังขาร มัน
เปน ตัวสังขาร สงั ขารไมม ใี นจติ ของพระอรหันต
• เอกมูลา เหตผุ ลมาจากความทีเ่ ปนหนึ่งของจิต เปนเหตุ
เปน ปจ จยั (เหตุ ปจฺจโย) ประกอบกัน จึงตัง้ เปน บทบาท
คาถา ฯ
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปูม่ัน ๒๖
• มีนัยหลายนยั ถงึ แปดหมน่ื สี่พันอาการ ฯ
• มนุษยว นเวยี นเกดิ แลว ตาย ตายแลวเกดิ ติดของเกา
กามาวจรสวรรค ๑ สตั วเ ดรจั ฉาน ๑ มนุษย ๑ ทานพวกนี้
ติดของเกา พระไตรปฎ ก มกี นิ ๑ มนี อน ๑ สืบพนั ธุ ๑ แม
ปยู าตายายของเราลวนแตติดของเกา พระพทุ ธเจา ก็ดี
พระปจเจกก็ดี พระอรหันตก ็ดี เม่อื ทานยงั ไมตรสั รูก ต็ ดิ
ของเกา เพลิดเพลนิ ของเกาในรูป เสียง กลิ่น รสของเกา
ท้งั นไี้ มมฝี ง ไมม แี ดน ไมมตี น ไมม ปี ลาย ยอมปรากฏอยู
เชนนนั้ ตนื่ เตนกบั ของเกา ติดรสชาติของเกา ใชมรรค ๘
ใหถอนของเกา ใชอ ทิ ธบิ าท ๔ ตีลม่ิ สะเทอื นใหญปงๆ ลิ่ม
เกาถอนคืออวิชชา ลิ่มใหมค ือวชิ ชาเขา แทนดังน้ี ทาน
อาจารยม ั่นทานพูด ใชต บะความเพียรอยางยิ่ง ท่จี ะถอน
ไดตองสรางบารมีนมนาน จึงจะถอนได เพราะของเกามนั
บดั กรกี นั ไดเนื้อเช้ือสายของกิเลสมาพอแลว ยอมเปน
อัศจรรยของโลกนน้ั ทีเดยี ว
• แกบา นน้ั ใหทวนกระแสเขา จติ เดิม แกได
บันทกึ ขอธรรมของหลวงปมู น่ั ๒๗
• เสอื มาเฝา เราท่ีเปนพระโยคาวจรเจา เปนเทพโดยมาก ถา
เปน เสือ มนั เอาไปกนิ แลว
• ธรรมแสดงอยูเรื่อยๆ เวนแตน อนหลบั มไิ ดกาํ หนด จะไมร ู
ไมเ หน็ ขณะนนั้
• สงจติ ออกนอกกาย ทําใหเ ผลอสติ ฯ
• มัคโค หนทางดาํ เนนิ มีท่สี ุด สวนหนทางเดนิ เทา ไมมที ่ี
ส้นิ สดุ ฯ
• นาํ้ ใจของสัตว ยุง ดวยธาตุ ระคนอยูดว ยธาตุ ธาตไุ มม ที ่ี
สนิ้ สดุ แมจติ ก็ไมม สี นิ้ สดุ ฯ
• จิตรบั ธุระหมดทุกอยา ง จติ เปนแดนเกิด รูเทาอาการของ
จติ ไดแลว รปู กติของธาตุ ฯ
• เอโก มคฺโค หนทางอนั เอก วิสทุ ฺธยิ า เปนหนทางอนั
บริสทุ ธ์ิมที างเดียวเทานี้ มโน ปุพฺพํ จติ เปนบุพภาคทจ่ี ะ
ไดเ ปนใหญ จติ ถงึ กอ น สําเรจ็ ดวยจิต ฯ (มโน ปุพฺพงฺคมา
ธมมฺ า มโน เสฏฐา มโนมยา)
บนั ทึกขอ ธรรมของหลวงปมู น่ั ๒๘
• จิตเปนเครื่องบังคบั กายกับวาจาใหพ ูดและใหท าํ การงาน
ฯ
• จิตทไ่ี มต ดิ พัวพันในอารมณท้ังปวง เรียกวาบริสุทธิ์
• พระองคแ สดงอนปุ ุพพิกถาไปโดยลําดับ ยกทานข้ึนกอ น
ดุจบนั ไดข้ันตน แมฉนั ใด โลกุตระ โลกยี กด็ ี กต็ องเจริญ
ตน ขึน้ ไปกอ น ไมเจรญิ ขัน้ ตน ไปกอนเปน ผิด จะกระโดดขึ้น
สูงทีเดียวไมได ตายกนั
• มีแปน (ไมก ระดาน) แลว กม็ ีบาน มีบานแลว ก็มีแปน พดู
อยางน้ีจึงแจมแจง ดี
• ธรรมเปนของธรรมดาต้งั อยอู ยางนัน้ คือต้งั อยูด ว ยความ
แก ความเจ็บ ความตาย จึงไดช่อื วา ธรรมของจริง ไมม ี
อาการไป ไมมอี าการมา ไมมีข้นึ ไมม ลี ง เปน สภาพที่ตงั้ ไว
ดจุ กลา วไวข า งตน ฯ
• ไมอา งสวรรค นิพพาน ไมอางทุคติ อางความเปนไปทาง
ปจ จุบันอยา งเดียว เพราะช่ัวดกี ก็ ็ปจ จุบนั ท่ยี งั เปนชาติ
มนษุ ย
บันทึกขอ ธรรมของหลวงปูม นั่ ๒๙
• เอาธรรมช้ินเดียวน้เี อง คอื กายน้ีเองไปเจบ็ กายชิ้นเดียวน้ี
เองไปแก กายชนิ้ เดยี วน้ีเองไปตาย เม่อื ตายแลวก็ไปเกดิ
อกี ลวนแตตื่นเตนอยูดวยธาตอุ ันนเี้ อง หาทจ่ี บไมได และ
ส้ินสดุ มไิ ด ฯ
• ความรูของพระพุทธเจาเปนอนนั ตนัย มากมายยิ่งกวา
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ เปนอุบายท่ีจะทรมานสตั ว พน
วิสยั ของสาวกทีจ่ ะรตู ามเหน็ ตามไดห มด สาวกกาํ หนดรู
แตเ พียง ๘๔,๐๐๐ เทานัน้ ...นก้ี ็เปน อัศจรรย ฯ
• ใหแ กปจ จุบัน เมอื่ แกปจ จบุ ันไดแ ลว ภพ ๓ นัน้ หลุดหมด
ไมตอ งสง อดีต อนาคต ใหล บอารมณภายนอกใหหมด จงึ
จะเขา อารมณภ ายในได เพง นอกเปน ตัวสมุทยั เปน ตัว
ทุกข และเปนตวั มจิ ฉาทิฐิ เพงในเปน ตวั สมั มาทิฐิ
• เร่ืองของโลกธาตุน้นั กระทบกระเทือนถึงกนั หมด กาํ หนดรู
เฉพาะจิต ก็รูส น้ิ ทางอ่ืนหมด
• พระธรรมเทศนาทง้ั กลางวนั และกลางคืน อกาลิโก
กาํ หนดกาลเวลามิได แสดงทั้งภายนอกและภายใน
บันทึกขอ ธรรมของหลวงปมู ั่น ๓๐
• ใหกําหนดจติ ใหกลาแขง็ เรยี นมรรคใหแขง็ แรง จงึ จะเห็น
หนทางส้ินทกุ ขไปได
• ใหปลอ ยจิต อยากดจิต เหตผุ ลเคลื่อนคลืน่ อยใู น ใหพ จิ
จารณาความรกั ความชงั พิจารณานิสยั ของตน จติ ดอื้
บรษิ ทั มาก พ่งึ นสิ ัยเดิมมไิ ด ตะครบุ จิตจึงมกี ําลงั ฯ
• คนในโลก หลงของเกา คอื หลงธาตุน้ันเองแหละ ชังแลว
มารกั รักแลว มาชงั หาทสี่ ้ินสุดมไิ ด พระองคไมห ลง
• ธาตมุ นุษยเปน ธาตตุ ายตัว ไมเปน อน่ื เหมือน นาค เทวดา
ทั้งหลายทเี่ ปลี่ยนเปน อนื่ ได มนษุ ย มีนิสัยภาวนาให
สาํ เรจ็ งา ยกวา ภพอื่น อคคฺ ํ ฐานํ มนุสเฺ สสุ มคคฺ ํ สตตฺ
วสิ ทุ ธฺ ิยา มนุษยมีปญ ญาเฉยี บแหลมคม คอยประดิษฐ
กุศล อกศุ ล สาํ เรจ็ อกศุ ล...มหาอเวจีเปนทสี่ ดุ ฝา ยกุศล มี
พระนิพพานใหสาํ เร็จได ภพอื่นไมเ ลศิ เหมอื นมนุษย
เพราะมีธาตุที่บกพรอ ง ไมเ ฉียบขาดเหมือนมนษุ ย ไมม ี
ปญญากวางขวางพิสดารเหมือนมนุษย มนุษยธาตุพอ
หยดุ ทุกอยาง สวรรคไมพ อ อบายภมู ิธาตไุ มพ อ มนุษยมี
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปูม ั่น ๓๑
ทกุ ข สมุทัย...ฝายช่ัว ฝา ยดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวม
เปน ๔ อยาง มนษุ ยจ ึงทาํ อะไรสําเรจ็ ดังน้ี ไมอ าภพั
เหมอื นภพอื่น
• สติปฏ ฐาน เปน ความรูอนนั ตนยั หาประมาณมไิ ด ไม
เหมือนความรูช นดิ อน่ื สนฺทิฏฐโิ ก เหน็ ดวยเฉพาะนกั
ปฏิบตั ิ ปจจฺ ตฺตํ รเู ฉพาะในดวงจติ รธู รรมลึกลับสขุ ุม
คมั ภรี ภาพ
บนั ทกึ ขอธรรมของหลวงปูม่นั ๓๒