สารบญั ๓
๖
ยดึ ลาภยศสรรเสรญิ ๑๑
ต้องเจอกบั ความผดิ หวังในบัน้ ปลายชีวติ ๒๔
อยา่ ขวนขวายกับส่ิงทเี่ ราเอาไปไมไ่ ด ้ ๓๕
ความจรงิ ของชวี ติ
ปลดเปลอ้ื งความผูกพันตา่ งๆ ออกจากจิต
ของใครของมัน
ยึดลาภยศสรรเสรญิ
ต้องเจอกับความผิดหวงั ในบ้ันปลายชวี ิต
(ธรรมะบนเขา ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๖๑)
ทพ่ี งึ่ ตา่ งๆ ทเ่ี รามอี ยทู่ างรา่ งกาย ไมส่ ามารถทำ� หนา้ ที่
ปกปอ้ งรกั ษาคมุ้ ครองจติ ใจของพวกเรา ใหแ้ คลว้ คลาด
ปลอดภัยจากความทุกข์ต่างๆ ได้ ต่อให้มีเงินทอง
กองเท่าภเู ขา ตอ่ ใหเ้ ป็นใหญ่เป็นโต เปน็ มหาจกั รพรรดิ
เป็นประธานาธิบดี ก็จะไม่สามารถที่จะป้องกันความ
ทกุ ข์ใจตา่ งๆ ให้เกิดข้นึ ได้ ความทกุ ข์ใจยงั มีอยูใ่ นใจ
ของผู้ที่ร่�ำรวย ยังมีอยู่ในใจของผู้ท่ีเป็นใหญ่เป็นโต
ยังมีอยู่ในใจของผู้ที่เลิศในการกระท�ำในการแสดง
ทางใดทางหน่ึง ได้รับรางวลั เหรียญทอง ได้รบั รางวัล
ตุ๊กตาทอง สิ่งเหล่าน้ีไม่สามารถที่จะมาคุ้มครองจิตใจ
ใหพ้ น้ จากความทกุ ขต์ า่ งๆ ได้ เราจงึ ตอ้ งเขา้ หาพระพทุ ธ
พระธรรม พระสงฆ์ เพราะผทู้ เี่ ขา้ หาพระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆ์ หลังจากที่ได้ศึกษาและได้ปฏิบัติตามค�ำสั่ง
คำ� สอนแล้ว จะหลุดพน้ จากความทกุ ขท์ ัง้ ปวงได้
3
นค่ี อื ความประเสรฐิ ของทีพ่ ง่ึ ทางใจ ท่ีไมม่ ีอะไรใน
โลกนท้ี จ่ี ะมาเปรยี บเทยี บมาสไู้ ด้ ตอ่ ใหม้ อี ะไรมากนอ้ ย
เพียงไรในโลกน้ี ให้มีลาภยศสรรเสรญิ ให้มีความสุข
ระดับไหนก็ตาม จะไม่สามารถดับความทุกข์ใจต่างๆ
ไมส่ ามารถป้องกนั ไม่ใหค้ วามทกุ ขใ์ จต่างๆ ปรากฏขนึ้
มาได้ เราจงึ ควรทจี่ ะเขา้ หาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆก์ นั
อย่าหลงไปหาลาภยศสรรเสริญสุขมาเป็นท่ีพึ่งกัน
เพราะเราจะผิดหวัง เราจะต้องเศรา้ โศกเสยี ใจ เราอาจ
จะต้องฆ่าตัวตายกัน
คนสมยั นที้ ย่ี ดึ ลาภยศสรรเสรญิ ยดึ ความสขุ ทางตา
หจู มกู ล้ินกาย จะตอ้ งเจอกบั ความผิดหวังในบ้นั ปลาย
ของชวี ติ เวลาทตี่ อ้ งสญู เสยี บคุ คลทตี่ นรกั ไป หรอื สญู เสยี
ทรพั ยส์ มบตั ขิ า้ วของเงนิ ทองไป หรอื รา่ งกายไมส่ ามารถ
ที่จะท�ำหน้าทห่ี าความสุขให้กับตนได้ เวลานน้ั กจ็ ะมแี ต่
ความทุกขท์ รมานใจ จนไม่อยากจะอยตู่ อ่ ไป สมยั น้จี ะ
มคี นฆา่ ตวั ตายกนั มากขนึ้ ไปเรอื่ ยๆ เพราะคนสมยั นย้ี ดึ
ลาภยศสรรเสรญิ สุข เป็นสรณะเป็นท่พี ึ่งกัน ไมเ่ ข้าหา
ศาสนากัน ไม่ยึด “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์”
4
เปน็ สรณะกนั ไมส่ รา้ ง “อตั ตา หิ อตั ตโน นาโถ” ขน้ึ มากนั
ก็เลยไม่มีท่ีพึ่งเวลาท่ีพ่ึงทางโลกได้สูญเสียไป หรือ
หมดสภาพไป ถา้ สญู เสยี ลาภยศสรรเสรญิ สขุ ไป กจ็ ะเกดิ
ความทุกขข์ ้ึนมา หรือถา้ รา่ งกายหมดสมรรถภาพ เชน่
เวลาแก่ เวลาเจบ็ ไข้ได้ป่วย หรอื เวลาจะตาย รา่ งกาย
จะไม่สามารถท่ีจะหาความสุขต่างๆ ให้กับใจได้เลย
เวลานัน้ ก็จะเหลือแต่ความทกุ ขท์ รมานใจ
5
อย่าขวนขวายกับสงิ่ ท่เี ราเอาไปไม่ได้
(ธรรมะบนเขา ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒)
วันทำ� งานของญาติโยมสว่ นใหญ่ ตอ้ งไปทำ� ภารกจิ
หน้าท่ีท�ำมาหากินเล้ียงปากเล้ียงท้องก็เลยไม่มีเวลามา
ทำ� บญุ พวกทม่ี าทำ� บญุ นจ้ี งึ ถอื วา่ เปน็ พวกมบี ญุ ไมต่ อ้ ง
ไปทำ� งานทำ� การ มเี วลาวา่ งพอทจ่ี ะมาทำ� บญุ กนั ได้ กเ็ ลย
รบี มาทำ� กนั เพราะบญุ นก้ี เ็ ปน็ เหมอื นนำ�้ ทเ่ี ราตกั เขา้ ตมุ่ นำ้�
ถ้าเราไม่ตักน้�ำเข้าตุ่มน้�ำมันก็ไม่มีน�้ำในตุ่ม แต่ถ้าเรา
ตักน�้ำใสต่ ุ่มไปเร่ือยๆ น�ำ้ ในต่มุ ก็จะมีมากข้ึนไปเรือ่ ยๆ
บุญน้ีก็เป็นเหมือนน�้ำ ตุ่มก็คือใจของพวกเรา ใจของ
พวกเรานไี้ มใ่ ชร่ า่ งกาย รา่ งกายนต้ี อ้ งใชอ้ าหารเตมิ ใหม้ นั
ตอ้ งใชป้ จั จยั ๔ แตใ่ จนต้ี อ้ งใชบ้ ญุ พอเราทำ� บญุ ปบ๊ั กเ็ ทา่
กบั เราเอาบญุ ใสเ่ ขา้ ไปในใจ แลว้ เรากส็ ามารถเอาบญุ ตดิ
ไปกับเราได้ เวลาท่ีรา่ งกายนตี้ ายไป บญุ น้ีไม่ไดห้ ายไป
กบั รา่ งกาย บญุ ไปกบั ใจของเราตอ่ ไป จะพาใหเ้ ราไปอยู่
อยา่ งสขุ สบายในโลกทิพย์ โลกทพิ ย์โลกท่ไี มม่ รี ่างกาย
โลกของดวงวิญญาณท่ีจะสุขหรือจะทุกข์ก็อยู่ที่บุญ
6
หรอื บาปทเ่ี อาติดตวั ไป ดังนน้ั ถา้ เรามีเวลาว่างเมือ่ ไหร่
เข้าวัดท�ำบญุ ท�ำทานได้เมื่อไหร่ รีบท�ำกันเลย เพราะวา่
ยิ่งท�ำมากก็ยิ่งมีมากเอาติดตัวไปได้มาก ท�ำน้อยก็เอา
ติดตัวไปได้น้อย เวลาคนตายเราจึงมักท�ำบุญส่งให้
คนตายกัน เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีบุญติดตัวไปรึเปล่า
แต่บุญท่ีเราท�ำส่งไปให้เขานี่มันไม่มากเหมือนกับบุญที่
เราทำ� กนั ในขณะทมี่ ชี วี ติ อยู่ บญุ ทเี่ ราทำ� นไี่ ดร้ อ้ ยทงั้ รอ้ ย
บุญที่เราส่งไปให้คนตายน้ีส่งไปได้ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
ไมไ่ ดท้ ง้ั หมด
ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พวกเราอย่า
ประมาทกัน อย่านอนใจคิดว่าเราจะมีเวลาท�ำบุญ
ความตายมนั ไมไ่ ดม้ านดั กบั เราวา่ วนั นน้ั วนั นนี้ ะ มนั นกึ
อยากจะมาเยี่ยมเราเมื่อไหร่มันก็มาได้ทันที แล้วเวลา
มันมาเรากห็ ้ามมันไม่ไดด้ ว้ ย บอก “อยา่ เพ่ิงมาอย่าเพิ่ง
มาเยยี่ มเรา” หา้ มมนั ไมไ่ ด้ ความตายนดั มนั ไมไ่ ด้ นดั มนั
วา่ ไวร้ อ ๑๐๐ ปแี ลว้ คอ่ ยมานะ นดั ไมไ่ ดน้ ะ ความตายนี้
มันนึกอยากจะมาเม่ือไหร่ มันก็มาเหมือนฝนฟ้า
อากาศน่ี ฝนมนั นกึ จะตกลงมามนั กต็ กลงมา มนั ไม่นัด
7
กบั เราลว่ งหนา้ กอ่ น เพราะฉะนนั้ อยา่ ประมาท ใหน้ กึ ถงึ
ความตายอยู่เร่อื ยๆ เรามักจะลืมความตายกัน เรามกั
จะไม่คิดถึงความตายกัน เพราะเรากลัวความตายกัน
เราจึงไม่กล้าคิดถึงความตายเพราะกลัวว่าถ้าคิดถึง
ความตายแลว้ เหมอื นจะสาปแช่งตวั เองใหต้ าย แมแ้ ต่
ค�ำว่าตายก็ยังไม่ชอบพูดกันเลย ไม่กล้าพูดค�ำว่าตาย
เวลาคนตายน่ีเราไม่บอกว่าเขาตาย เราบอกว่า
“เขาส้ินลมแล้ว ไม่หายใจแล้ว” แต่ค�ำว่า “ตาย” น้ี
เป็นค�ำอัปมงคลในความคิดของผู้ท่ีมีกิเลสตัณหา
แต่ในความคิดของผู้ที่มีปัญญา ผู้ท่ีฉลาด จะเห็นว่า
การคิดถึงความตายน้ีเป็นประโยชน์ เพราะจะเตือนให้
เรารู้ว่าชีวิตของเราน้ีไม่แน่นอน อย่ามัวทำ� สิ่งที่มันไม่มี
สาระไมม่ ีประโยชนก์ ับจติ ใจ เพราะเราเอาตดิ ตวั ไปกบั
เราไม่ได้ ของท่ใี จเอาติดตวั ไปไมไ่ ดอ้ ยา่ ท�ำ ทำ� แลว้ ตาย
ไปเอาไปไม่ได้ เช่นเงินทองน้ี มีก่ีร้อยล้านพันล้านน้ี
เอาไปไมไ่ ดเ้ วลาตาย ตำ� แหนง่ ทีว่ งิ่ หากันอยู่น่ี เลือกต้ง
เลือกตั้งกันอยู่น่ีเอาไปไม่ได้นะเวลาตาย เกิดเลือกต้ัง
วนั ที่ ๒๔ ไดต้ ำ� แหนง่ เปน็ นายก พอดวี นั ถดั มาหวั ใจวาย
ตายไป เอาไปไมไ่ ดเ้ ลยนะ นายกกต็ อ้ งเปลีย่ นคนใหม่
8
เลือกคนใหม่
เพราะฉะนน้ั อยา่ ขวนขวายกบั สิ่งที่เราเอาไปไมไ่ ด้
ไมเ่ กดิ ประโยชน์อะไร เป็นเพียงประโยชน์ช่ัวประเดี๋ยว
ประดา๋ วชว่ั คราวเทา่ นนั้ เอง อยแู่ บบไมเ่ ปน็ นายกกอ็ ยไู่ ด้
มีความสุขได้ และมีความสุขมากกวา่ เปน็ นายกเสียอกี
แต่ความหลงมันจะหลอกให้เราคิดว่า “โอ้โฮ ถ้าเรา
เป็นใหญเ่ ป็นโตเราจะมีความสุขมาก” มันเปน็ ความสุข
กบั ความปวดหวั นนั่ เอง มเี รอื่ งมรี าวใหม้ าปวดหวั มเี รอ่ื ง
มรี าวใหช้ าวบา้ นเขาคอยดา่ อยเู่ รอื่ ย มใี ครไมด่ า่ นายกบา้ ง
พอไมเ่ ปน็ นายกไมม่ ใี ครด่าเลย พอขน้ึ ไปเป็นนายกปบั๊
เด๋ียวโดนด่าแล้ว มีแต่เร่ืองปวดหัว แต่อยากเป็นกัน
เหลือเกิน ปวดหัวเท่าไหร่ก็ขอทนปวดเถิด ขอให้เป็น
นายกกแ็ ลว้ กนั ขอใหเ้ ปน็ ใหญ่เปน็ โตก็แล้วกัน สูเ้ ปน็
ขอทานไมไ่ ดไ้ มม่ ใี ครมาดา่ ไมม่ ใี ครมายงุ่ กบั เรา ไมม่ ใี คร
เขาแยแส อยสู่ บาย ไมม่ ีเรอื่ งมรี าว อย่าหาของทเ่ี อาไป
ไม่ได้ หาของที่เอาไปได้ ถ้าเราต้องเกิดย้ายบ้านวันนี้
พรุ่งน้ี ของไหนทีเ่ ราเอาไปไมไ่ ด้ เช่น บา้ นนเ่ี ราเอาไป
ไม่ได้ถ้าต้องย้ายบ้าน เอาไปได้ก็เสื้อผ้าข้าวของหรือ
9
เงินทอง อนั นก้ี เ็ หมอื นกนั เวลาตายไปนใ้ี จเอาอะไรไป
ไมไ่ ดเ้ ลยนะ รา่ งกายนกี้ เ็ อาไปไมไ่ ด้ รา่ งกายทเ่ี ราแสนรกั
แสนหวงแสนห่วงนี้ก็เอาไปไม่ได้ เงินทองมากน้อย
เพยี งไรกเ็ อาไปไมไ่ ด้ ยศตำ� แหนง่ อะไรตา่ งๆ กเ็ อาไปไมไ่ ด้
เกียรติชื่อเสียงรางวี่รางวัลอะไรต่างๆ เหรียญเงิน
เหรยี ญทองเหรยี ญทองแดง ตุ๊กตาทองตุ๊กตาเงนิ เอาไป
ไมไ่ ด้ ความสขุ ทางตาหจู มกู ลน้ิ กายกเ็ อาไปไมไ่ ด้ รปู เสยี ง
กลิ่นรสต่างๆ ข้าวของต่างๆ เอาไปไม่ได้เลย ทิ้งให้
คนอ่ืนเขาไปหมด หามาแทบเป็นแทบตาย พอหมด
ลมหายใจปั๊บนี้ เอาอะไรติดตวั ไปไม่ไดน้ อกจากบญุ กบั
บาปเทา่ นนั้ เอง
10
ความจรงิ ของชีวติ
(กณั ฑท์ ี่ ๒๙๗ วันที่ ๒๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๐)
ความจริงของชีวิต มีแค่กายกับใจ ที่เปล่ียนไป
เรอื่ ยๆ มกี ารเจริญเติบโต แลว้ ก็เสือ่ มหมดไป เหมอื น
ตน้ ไม้ที่คอ่ ยๆ เจรญิ เติบโต จนเป็นตน้ ไมใ้ หญ่ แล้วก็
ต้องล้มลงมาสกั วนั หนง่ึ ชา้ หรอื เรว็ แลว้ แตพ่ นั ธ์ขุ องไม้
บางชนิดก็มีอายุยืนยาวนาน บางชนิดก็ส้ัน เช่น ข้าว
๓ เดอื นก็หมดอายแุ ล้ว ร่างกายของคนกแ็ บบเดยี วกัน
ไมต่ า่ งกนั มาจากธาตุ ๔ ดนิ นำ้� ลมไฟเหมอื นกนั ตา่ งกนั
ตรงที่ร่างของคนมีใจเข้ามาเก่ียวข้องด้วย ร่างกายเป็น
เหมือนหุ่นกระบอก มีใจเป็นผู้เชิด พาร่างกายมาท่ีน่ี
ไปทีน่ ั่น พดู อะไรทำ� อะไร ความจริงร่างกายอยทู่ ีไ่ หนก็
อย่ไู ด้ขอให้มปี ัจจยั ๔ หลอ่ เล้ยี ง กอ็ ยูไ่ ด้แล้ว จะให้อยู่
ที่ไหนไปตลอดก็อยู่ได้ เหมือนกับต้นไม้ ถ้ามีแดด
มอี ากาศมนี ำ้� มดี นิ หลอ่ เลยี้ ง กอ็ ยไู่ ด้ ไมต่ อ้ งไปไหนกไ็ ด้
แตใ่ จอยนู่ ง่ิ ไมไ่ ด้ ตอ้ งแสวงหาอะไรตา่ งๆ อยตู่ ลอดเวลา
พระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั รวู้ า่ ความหลงทำ� ใหใ้ จตอ้ งไปทำ� นนั่
11
ทำ� นี่ หาสง่ิ นนั้ สง่ิ นี้ หลงหาความสขุ ผดิ ท่ี ความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ
อยทู่ ่ใี จ แต่ไปหลงว่าอยู่ท่ีสิง่ ตา่ งๆ ภายนอกใจ กเ็ ลย
ไปแสวงหากนั อาศยั เอารา่ งกายเปน็ เครอื่ งมอื หาความสขุ
จากการไดเ้ หน็ ไดย้ นิ ไดฟ้ งั ไดล้ มิ้ รสไดด้ มกลนิ่ ไดส้ มั ผสั
กับสิ่งต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นแล้วว่า
ไม่ได้ให้ความสุขท่ีอิ่มที่พอ มีแต่จะกระตุ้นความหิว
ความอยากให้มเี พิ่มขน้ึ ไปเรอ่ื ยๆ ใจจึงอยูเ่ ฉยๆ ไม่ได้
ต้องไปโน่นมานี่ หาสิ่งนั้นหาสิ่งนี้มาดูมาฟัง หามาได้
มากนอ้ ยเพยี งไรกไ็ มอ่ ม่ิ ไมพ่ อ เพราะไมใ่ ชอ่ าหารของใจ
ใจไม่รู้ว่าอะไรเป็นอาหารของใจ นอกจากพระพุทธเจ้า
กับพระอรหันต์เท่าน้ันที่รู้ รู้จริงๆ ไม่ได้รู้จากทาง
ทฤษฎี อยา่ งพวกเราไดย้ นิ ไดร้ วู้ า่ ความสงบคอื อาหารคอื
ความสขุ ของใจ แตย่ งั ไมเ่ คยไดส้ มั ผสั จงึ ไปหาความสขุ
จากสง่ิ อนื่ ๆ กนั เปน็ เหตทุ ำ� ใหอ้ ยเู่ ฉยๆ กนั ไมไ่ ด้ เมอ่ื ตอ้ ง
ไปไหนมาไหน ก็มีภาระต่างๆ เพ่ิมขึ้นมา ตอ้ งมรี ถยนต์
มีถนน มีอุปกรณ์ต่างๆ สนับสนุน พอไปถึงแล้วก็
อยากกลับ พอกลับมาแล้วก็อยากจะไปใหม่ กลิ้งไป
กลง้ิ มา เหมอื นลกู ตมุ้ นาฬกิ าทแ่ี กวง่ ไปแกวง่ มา แกวง่ ไป
ทางซ้ายแล้วก็แกว่งมาทางขวา แกว่งอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
12
ไม่มีวนั สิ้นสุด จนกว่าจะสามารถควบคมุ ไม่ให้แกวง่ ได้
เราจงึ ตอ้ งจดั การกับใจ ท�ำใจใหน้ ง่ิ ให้ได้ การบวช
ก็เป็นการท�ำใจของเราให้น่ิง ไม่ให้อยากสิ่งน้ันส่ิงนี้
ไมใ่ หไ้ ม่อยากสงิ่ น้นั สิ่งนี้ ส่งิ ที่ไม่อยากกันกค็ ือไมอ่ ยาก
ยากจน ไมอ่ ยากล�ำบากลำ� บน สิ่งท่อี ยากกค็ อื อยากจะ
สุขอยากจะสบาย แตไ่ ปเห็นความสขุ ความสบายอยกู่ ับ
ของภายนอก ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้ให้ความสุข
ความสบายกบั เรา ใหแ้ ตค่ วามทกุ ข์ แตเ่ รามองไมเ่ หน็ กนั
ก็เลยไปหาความสุขความสบายจากส่ิงภายนอกกัน
ทเ่ี ราตอ้ งท�ำงานหาเงนิ หาทองกัน เพราะคดิ ว่ามเี งินทอง
แล้วจะมีความสุข หายศหาต�ำแหน่งกัน เพราะคิดว่า
มตี �ำแหนง่ สูงๆ แล้วจะมีความสขุ หาบริษทั บรวิ ารหามา
สรรเสริญยกยอ่ งเยินยอ เพราะใจติดกับการสรรเสริญ
ถึงแม้ส่ิงที่พูดจะไม่จริงก็ไม่ส�ำคัญ ถ้าพูดแล้วถูกใจ
เป็นใช้ได้ แล้วก็หลงกับการเสพรูปเสียงกล่ินรส
โผฏฐัพพะต่างๆ ชอบดรู ูปแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบไดย้ ิน
เสยี งแปลกๆ ใหมๆ่ ถา้ เปน็ ของจำ� เจแลว้ จะเบอ่ื แมจ้ ะเปน็
ของโปรดอยา่ งไรกเ็ บอื่ ถา้ ไดด้ หู รอื ฟงั อะไรทช่ี อบมากๆ
13
ทกุ วนั เดยี๋ วกเ็ บอื่ ใหร้ บั ประทานอาหารจานโปรดวนั ละ
๓ เวลาตลอดทงั้ เดอื นเลย เดย๋ี วกเ็ บอื่ แสดงวา่ สงิ่ เหลา่ น้ี
ไมไ่ ด้ใหค้ วามสุขทแี่ ทจ้ รงิ กับเรา
มพี ระพทุ ธเจา้ กบั พวกนกั บวชเทา่ นน้ั ทเ่ี หน็ ความสขุ
อีกด้านหนง่ึ คอื ความสุขจากการท�ำจิตใจให้สงบ จะท�ำ
จติ ใจใหส้ งบได้ กต็ อ้ งอยคู่ นละฟากกบั ทางโลก ทางรปู
เสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ เพราะถ้าได้สัมผัสกับรูปเสียง
กลิ่นรสโผฏฐัพพะ กับเงินทองกับต�ำแหน่งแล้ว จะมี
ความผกู พนั ทำ� ใหจ้ ติ อยนู่ ง่ิ ไมไ่ ด้ ตอ้ งคอยหามาเพม่ิ ให้
มมี ากข้นึ ต้องคอยรกั ษา มีตำ� แหน่งก็ตอ้ งคอยรักษาไว้
หรอื หาทสี่ งู ขนึ้ ไป ก็เลยอยูน่ ่งิ ๆ ไมไ่ ด้ อย่เู ฉยๆ ไมไ่ ด้
ตอ้ งออกจากบา้ นกนั ทุกวนั ตืน่ แตเ่ ช้าก็ตอ้ งออกไปแลว้
เพื่อหาส่ิงเหล่าน้ี เย็นก็กลับมา แล้วก็วุ่นวายกับเรื่อง
เหลา่ น้ี เพราะมกี ารโยกย้ายกัน มกี ารสูญเสยี วุ่นวาย
อยตู่ ลอดเวลา แต่พวกทีม่ ปี ัญญาจะเหน็ วา่ น่ีไม่ใช่ทางสู่
ความสุข อย่างพวกนักบวชในสมัยก่อนที่พระพุทธเจ้า
จะทรงตรสั รู้ กส็ ามารถหาความสขุ จากความสงบของใจ
ไดใ้ นระดับหนงึ่ ด้วยการบำ� เพ็ญ รักษาศลี นัง่ สมาธิ
14
ทำ� จิตใจให้สงบ มีความสุขเป็นพกั ๆ ไป เวลาจติ สงบ
ก็มีความสุข แต่พอออกจากความสงบ ก็อยากได้น่ัน
อยากไดน้ ี่ ทง้ั ๆ ทกี่ ไ็ มไ่ ดอ้ ยใู่ กลก้ บั สงิ่ ตา่ งๆ เหมอื นกบั
ฆราวาส แต่ก็ยังอดคิดถึงความสุขแบบน้ันไม่ได้
ถา้ ไมก่ ลบั มานง่ั สมาธทิ ำ� จติ ใหส้ งบตอ่ กจ็ ะบวชอยตู่ อ่ ไป
ไมไ่ ด้ ทสี่ กึ กนั ไปกเ็ พราะจติ ไมส่ งบ อยไู่ มไ่ ด้ จติ ยงั อยาก
ไปหารูปเสียงกล่ินรสโผฏฐัพพะ อยากไปหาเงินหายศ
หาสรรเสริญ พอไปเกี่ยวข้องด้วยก็มีแต่ความทุกข์
ตอ่ เนอื่ งกนั ไป พอมคี รอบครวั มภี รรยามลี กู กต็ อ้ งดแู ล
ตอ้ งหว่ ง ตอ้ งกงั วล ตอ้ งเลยี้ งภรรยากบั ลกู และญาตพิ น่ี อ้ ง
ที่ไม่ช้าก็เร็วต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย ต้องไปเย่ียมกัน
เวลาเจบ็ ไข้ได้ปว่ ย ไปงานศพกัน มเี รอ่ื งให้ท�ำอยู่ตลอด
เวลาจนวันตาย ไม่เคยเจอความสุขท่ีพระพุทธเจ้าและ
พระอรหันต์สาวกได้เจอกัน เพราะต้องตัดทุกอย่าง
ตัดลาภยศสรรเสริญ ตัดรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ
แล้วก็ต้องควบคุมจิตด้วยสติ ไม่ให้ไปคิดเรื่องต่างๆ
ท�ำจิตให้วา่ งดว้ ยอุบายแหง่ สมาธิ บรกิ รรมพทุ โธๆ ไป
สวดมนตไ์ ป หรือดลู มหายใจเข้าออกไป ถา้ เปน็ อุบาย
แห่งวปิ สั สนา กพ็ จิ ารณาดรู ่างกาย ดูอาการ ๓๒ แลว้
15
จิตจะสงบ ไมว่ ุน่ วาย ไมก่ ำ� หนดั ยนิ ดี แตจ่ ะเบอื่ หนา่ ย
กบั สงิ่ ตา่ งๆ เพราะพจิ ารณาเหน็ วา่ ไมเ่ ทย่ี งทง้ั นนั้ เปน็ ทกุ ข์
ท้ังนั้น ไม่อยู่ในอ�ำนาจจะเหน่ียวร้ังให้อยู่กับเราไปได้
ตลอด ให้เปน็ ของเราไปได้ตลอด เช่นร่างกายของเรานี้
พิจารณาไป ก็มีแต่จะแก่ มีแต่จะเจ็บ มีแต่จะตาย
บงั คบั ไมไ่ ด้ ตอ้ งเปน็ อยา่ งน้ี สง่ิ ตา่ งๆ ทห่ี ามาไดก้ จ็ ะตอ้ ง
หมดไป พอตายไป สมบตั ิขา้ วของเงนิ ทองตา่ งๆ กเ็ ปน็
ของคนอน่ื ไป ใครมบี ญุ มีวาสนาเขากไ็ ด้ครอบครองไป
ต�ำแหนง่ ก็เปน็ ของคนอ่ืนไป แตป่ ญั หาไม่ได้หมดไปกบั
การตาย เพราะใจผู้ท่กี ่อปญั หาไมไ่ ดต้ ายไปด้วย ถา้ ใจ
ตายไปดว้ ยปญั หากจ็ ะจบดว้ ย แตใ่ จไมต่ าย ไปเกดิ ใหม่
ไปเรมิ่ ตน้ สรา้ งปญั หาใหม่ รอบนไ้ี มใ่ ชร่ อบที่ ๑๐ รอบที่
๑๐๐ นะ ทา่ นวา่ เปน็ ลา้ นๆ รอบแลว้ ความทุกขท์ ่เี ราได้
สมั ผสั ผา่ นมาอยา่ งแสนสาหสั แลว้ กจ็ ะเปน็ อยา่ งนต้ี อ่ ไป
เรอ่ื ยๆ ถ้าไมห่ ยดุ ใจปราบใจ ด้วยการปฏิบัติ บ�ำเพ็ญ
ตามทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงสัง่ สอน
ถ้าหยุดใจได้เม่ือไหร่แล้ว จะเจอส่ิงที่วิเศษที่สุด
ในโลก ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงตรสั ไวว้ า่ ไมม่ สี ขุ อนั ใดในโลกน้ี
16
ท่ีจะเสมอหรือเหนือกว่า ความสุขท่ีได้จากความสงบ
ระงบั ของจติ ใจ ระงบั จากความโลภความโกรธความหลง
ระงบั จากความอยากในกาม อยากมอี ยากเปน็ อยากไมม่ ี
อยากไม่เป็น เวลาอยากได้อะไรก็ต้องใช้ปัญญาระงับ
ต้องเห็นว่าสิ่งต่างๆ ท่ีอยากได้ อยากเป็นนั่นเป็นนี่
ไม่มีสาระแก่นสาร ไม่มีคณุ ค่าอะไร มีแต่โทษมีแต่พิษ
มแี ตภ่ ัย เปน็ เหมอื นระเบดิ เวลา ถ้าเป็นเด็กก็จะไม่รูว้ ่า
ลูกระเบิดมีพิษภัยอย่างไร พอเล่นกับลูกระเบิดเกิด
ระเบิดข้ึนมา ก็ต้องเจ็บตัวถึงแก่ความตายไป จิตของ
ปถุ ชุ นกเ็ หมอื นกบั เดก็ มองไมเ่ หน็ อนจิ จงั ทุกขงั อนตั ตา
ในส่ิงตา่ งๆ ที่อยากได้อยากสมั ผัส พอไปเลน่ กับมนั ก็
เหมอื นกบั เดก็ ทไี่ ปเลน่ กบั ลกู ระเบดิ แลว้ ผลเปน็ อยา่ งไร
มีใครบ้างท่ีบอกวา่ ไมม่ คี วามทกุ ข์ มีไหมในโลกน้ี ไมม่ ี
ความกังวล ไม่มีความหว่ งใย ไมม่ คี วามเสียอกเสยี ใจ
อาลัยอาวรณ์ ส่ิงเหล่าน้ีเกิดจากความไม่รู้ทั้งส้ิน คือ
ความหลง ศาสนาพุทธจึงเกิดขึ้นมาเพ่ือแก้ความหลง
นี่เอง ค�ำว่าพุทธะคือผู้รู้ รู้ความจริงของความสุขและ
ความทกุ ข์ของใจ
17
พระพุทธเจ้าเป็นองค์แรก ก่อนหน้าน้ันนักบวช
ท้ังหลายก็ไม่รู้กัน รู้แต่วิธีระงับให้จิตสงบได้เป็นพักๆ
เท่านั้นเอง ก�ำหนดพุทโธๆ หรือก�ำหนดดูลมหายใจ
เขา้ ออก พอจติ สงบตอนนนั้ กส็ บาย ลมื เรอ่ื งราวตา่ งๆ ไป
ไม่คิดถึงเร่ืองคนนั้นเรื่องคนนี้เรื่องนั้นเรื่องน้ี ก็ไม่
วุ่นวายใจ แต่พอถอนออกมาก็เร่ิมคิด เริ่มอยากจะรู้
อยากจะเหน็ อยากจะฟงั อยากจะเก่ียวขอ้ งกบั เรอื่ งนัน้
เรื่องนี้ พอไปได้ยินเรื่องนั้นเร่ืองน้ีเข้า ถ้าถูกอกถูกใจ
กด็ ใี จ ถ้าไมถ่ กู อกถกู ใจก็วุ่นวายใจ แลว้ ก็พยายามไป
แกใ้ นสงิ่ ทแี่ ก้ไม่ได้ แต่ไมร่ ู้ เชน่ คนจะเจ็บคนจะตายจะ
ไปแกไ้ ด้อยา่ งไร ทำ� ให้หายวนั นี้ แลว้ อยตู่ ่อไปสัก ๕ ปี
๑๐ ปไี ด้ แลว้ กก็ ลบั มาทจ่ี ดุ นอ้ี กี ตอ้ งกลบั มาเจบ็ มาตาย
จนได้ เพยี งแตผ่ ดั เวลาไปเทา่ นน้ั เอง แตก่ ต็ อ้ งทำ� ทำ� ได้
ก็ท�ำไป แต่ควรทำ� ด้วยปญั ญา คอื รวู้ ่าเปน็ การผอ่ นเวลา
ไปเท่านั้นเอง ผัดเวลาไป สำ� หรับคนที่ไดร้ บั การรกั ษา
จนหายแล้ว ถ้าฉลาดก็จะได้รับประโยชน์ จะรู้ว่าชีวิต
ใกลจ้ ะหมดแล้ว เกอื บจะหมดไปแลว้ ครง้ั หน่งึ ตอนน้ี
ไดโ้ อกาสใหม่ จะกลบั ไปใชช้ วี ติ แบบเดมิ ๆ หรอื ตามแบบ
ท่ีพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ก็จะได้ประโยชน์ตรงนั้น
18
ถา้ ไดส้ ติแล้วรีบปฏบิ ตั ิ กอ็ าจจะเสรจ็ กจิ ภายในไม่กี่วนั
พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระราชบิดาให้ได้บรรลุ
เปน็ พระอรหนั ต์ ๗ วนั กอ่ นทจี่ ะเสดจ็ สวรรคต ตอนนนั้
ทรงประชวร พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ด้ทรงเอาหมอไป เอารถ
พยาบาลไป แต่เอาธรรมโอสถไป เอาความจริงไป
สอนจิตให้ปล่อยวาง สังขารร่างกายเป็นของไม่เที่ยง
อนิจจา วต สงั ขารา มีการเกิดขึ้นตง้ั อยู่และดับไปเป็น
ธรรมดา ปลอ่ ยวางได้จะทำ� ให้หลุดพน้ จากความทกุ ข์
ท้ังหลาย ท่ีเกิดจากการแตกดับของสังขารร่างกาย
ถ้าพจิ ารณาดว้ ยปญั ญาแล้วปลอ่ ยวางได้ ร่างกายจะอยู่
จะตายกเ็ ปน็ เหมอื นแกว้ นำ�้ ใครจะเอาไปทำ� อะไรกไ็ มไ่ ด้
สร้างปัญหาให้กับเรา แต่ถ้าหวงว่าเป็นแก้วราคาแพง
ทเ่ี ราโปรดมาก ถ้าใครมาแตะมาทำ� แตกเขา้ กว็ ่นุ วายใจ
ร่างกายกับแก้วน�้ำก็เหมือนกัน เป็นธาตุเหมือนกัน
เป็นอนิจจังเหมือนกัน ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งก็ต้อง
บบุ สลายไป ใหค้ วามทกุ ขถ์ า้ ไปหลงยดึ ตดิ ไปรกั ไปชอบ
ไปอยากให้อยู่ไปนานๆ ถ้าไม่เป็นตามความอยากก็
เสยี ใจ แตถ่ า้ สอนใจอยูเ่ รอื่ ยๆ วา่ มันตอ้ งไป มนั จะไป
19
ก็ให้มันไป ไม่ต้องเสียดาย พอมันไปก็จะไม่วุ่นวาย
จะปล่อยมันไป ถ้าพิจารณาจนเห็นชัดแล้วก็จะปล่อย
จะโลง่ ใจ เบาใจ สบายใจ โรคจะหายไม่หายกไ็ ม่สนใจ
ใจของพวกเราตอนนเี้ หมอื นกบั กาวตราชา้ ง พอไดอ้ ะไร
มาแล้วจะติดจนแยกออกจากกันได้ยาก เหมือนกาว
ตราชา้ งทตี่ ดิ กบั อะไรแลว้ จะเอาออกยาก ตอ้ งงา้ งจนหกั
ออกจากกนั นคี่ อื ผลทเี่ กดิ จากความหลง ไปเหน็ ความสขุ
ภายนอกใจ กเ็ ลยไปหาความสขุ ภายนอกกนั ทคี่ วามทกุ ข์
แถมมาด้วย เหมือนไปเติมน�้ำมันแล้วได้แก้วได้ผ้า
แถมมาดว้ ย ได้อะไรมาก็ต้องทุกข์กบั ส่งิ นั้น ย่งิ รักมาก
ยง่ิ ทุกขม์ าก ถ้าไมร่ ักเลยก็ไม่ทุกขเ์ ลย จะเอาอย่างไรดี
จะเอาทกุ ข์หรอื ไมเ่ อาทกุ ข์ ถา้ ไมเ่ อาทุกข์ก็ตอ้ งท�ำใจให้
เป็นกลาง อยเู่ ฉยๆ ไป ไมร่ กั ไมช่ งั แตม่ ีความเมตตา
กรณุ ามทุ ติ าอเุ บกขา ถา้ อยแู่ บบนไี้ ด้ กจ็ ะอยแู่ บบไมท่ กุ ข์
ถ้าไม่มีเหตุจ�ำเป็นที่จะต้องท�ำอะไรกัน ก็ปล่อยให้
เป็นไปตามอัธยาศัย ใครอยากจะท�ำอะไรก็ท�ำไป
อยากจะเอาเท้าเดินกไ็ ด้ เอามอื เดินก็ได้ คลานไปก็ได้
จะทำ� อะไรกไ็ ด้ ชวี ติ ของเขา ถา้ เขาไมเ่ ดอื ดรอ้ นเสยี อยา่ ง
20
เราจะไปเดอื ดรอ้ นแทนเขาทำ� ไม เพราะเราไปหลงรกั เขา
ไปยึดไปติด เห็นว่าก�ำลังจะไปสู่ความเส่ือมเสีย
สคู่ วามทกุ ข์ ก็เดือดร้อนแทน พูดอยา่ งไรก็ไมฟ่ งั กย็ ิ่ง
เดือดร้อนใหญ่ อย่างน้ีก็ไม่ถูก เพราะเป็นการสร้าง
ความทุกข์ให้กับตนเอง บอกได้สอนได้ แต่อย่าไป
ทุกข์ด้วย เหมือนพระพุทธเจ้า เหมือนครูบาอาจารย์
ทา่ นไมท่ กุ ขไ์ มเ่ ดอื ดรอ้ นกบั พวกเรา สอนแลว้ กแ็ ลว้ กนั ไป
คนฟังจะเอาไปปฏบิ ตั หิ รอื ไม่ ก็อยทู่ ีต่ วั เขา คนสอนจงึ
ไม่ควรไปเดอื ดรอ้ น ทำ� หน้าท่ีไป ส่ังสอนไป จะปฏบิ ตั ิ
ได้ไม่ได้ก็ข้ึนอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่เข้าใจก็ได้
ไม่ยอมรับส่ิงที่เราสอนก็ได้ ถ้าไม่รับก็เหมือนเทน�้ำ
ใส่แก้วที่คว่�ำอยู่ เทลงไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถรับน�้ำได้
ค�ำสอนท่ีดีที่งามถ้าสอนให้คนท่ีไม่ยอมรับ ก็เปล่า
ประโยชน์ ปญั หาของพวกเรากค็ อื ความหลง ขาดปญั ญา
เม่ือมีความหลงก็เกิดความยึดติด ความอยากต่างๆ
ถ้ามีปัญญาก็จะมีความพอดี ท�ำทุกอย่างในกรอบของ
เหตุผล เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น แล้วก็ต้องดูท่ีใจ
ของตนด้วย ว่าทุกข์วุ่นวายหรือเปล่า ถ้ามีปัญญาจะ
21
ไม่ทกุ ข์ไมว่ ุน่ วาย ถ้าทุกขว์ ่นุ วายก็จะหยดุ ทันที ถ้าไมม่ ี
ปัญญาจะวุ่นวายจะทุกข์กว่าคนท่ีได้รับการช่วยเหลือ
เสียอีก ท่ีกลบั เหน็ วา่ เราน่ีวุ่นวายเหลือเกิน
จึงควรเข้าใจว่า ส่ิงที่เราควรแสวงหาไม่ได้อยู่
ภายนอก แตอ่ ยภู่ ายใน คอื ความสงบของจติ ใจ จงึ ตอ้ ง
มที านศลี ภาวนา ทำ� ความดตี า่ งๆ มคี วามกตญั ญกู ตเวที
สมั มาคารวะ ความเคารพผหู้ ลกั ผู้ใหญ่ เสยี สละรับใช้
ผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความเมตตากรุณามุทิตา
อเุ บกขา ไมอ่ จิ ฉารษิ ยา ผอู้ นื่ ไดด้ กี ถ็ อื วา่ เปน็ บญุ ของเขา
ใครทุกข์ยากใครล�ำบากก็ให้ความเมตตากรุณา
ช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไป อย่ามองว่าเป็นคู่ต่อสู้กัน
ให้มองว่าเป็นมิตรเป็นเพ่ือนกัน จะท�ำให้จิตสงบ
ไม่วุ่นวาย เวลาปฏิบัติธรรมก็จะสงบง่าย เมื่อจิตออก
จากความสงบแล้วก็เจริญปัญญา ให้เห็นว่าโลกน้ีไม่มี
อะไร มแี ตค่ วามทกุ ข์ ความสขุ อยทู่ ใ่ี จ ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นโลกน้ี
จติ กจ็ ะปลอ่ ยทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งในโลกนไ้ี ด้ จะไมเ่ ดอื ดรอ้ น
ไมท่ กุ ขก์ บั อะไรตอ่ ไป คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ อยตู่ รงนี้
ถา้ ยงั อยูใ่ นโลกน้ีกย็ งั ต้องท�ำมาหากิน เพื่อมาท�ำความดี
22
ทำ� เพอื่ สมบตั ทิ อ่ี ยใู่ นใจ อยา่ ทำ� เพอ่ื เงนิ ทอง เพอ่ื ตำ� แหนง่
แตท่ �ำเพื่อความสุขใจ
23
ปลดเปลอ้ื งความผกู พนั ต่างๆ
ออกจากจิต
(กัณฑ์ท่ี ๒๕๒ วนั ท่ี ๒๔ กันยายน ๒๕๔๙)
จิตนเี่ วลาทำ� อะไรแลว้ จะติดนิสัย เคยท�ำอะไรกจ็ ะ
ทำ� อย่างนนั้ ถ้าไมเ่ คยท�ำกไ็ มท่ ำ� เคยด่ืมกาแฟตอนเชา้
ก็ต้องหากาแฟมาด่ืมทุกเช้า คนท่ีไม่ด่ืมก็ไม่เดือดร้อน
อะไร ต่ืนขึ้นมาก็ไม่ต้องหามาดื่ม ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
ถ้าไม่อยากจะมีความทุกข์ใจ แต่อยากมีความสุขใจ
ทแ่ี ทจ้ รงิ ก็ตอ้ งตัดความผูกพนั กบั ทกุ สิง่ ทกุ อย่าง เชน่
รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะตา่ งๆ รปู ตา่ งๆ ทพี่ วกเรา
มคี วามผกู พนั อยตู่ ลอดเวลา แทบจะอยหู่ า่ งไกลจากมนั
ไม่ได้เลย จึงเข้าวดั กันไมค่ ่อยได้ เวลาไปอยูถ่ อื ศลี ตาม
วัดป่าวัดเขาท่ไี กลจากรปู เสียง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ
กเ็ หมอื นไปตกนรก ไปไมไ่ ดเ้ พราะเหมอื นขาดลมหายใจ
ขาดอาหารใจ ตอ้ งมรี ปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะทเี่ คย
สัมผัสอยู่เป็นประจ�ำ มาคอยหล่อเล้ียงอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยกลายเป็นทาส มีความสุขเล็กๆ
นอ้ ยๆ จากการทไ่ี ดเ้ สพ ไดส้ มั ผสั กบั รปู เสยี ง กลน่ิ รส
24
โผฏฐัพพะเหล่าน้ี แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นทาส
เหมือนคนท่ีติดยาเสพติด ถ้าไม่มีให้เสพก็ไม่มีความ
สุขใจ ท้ังทโ่ี ดยธรรมชาติของใจนัน้ ไมต่ อ้ งมีอะไรก็มี
ความสุขได้ จึงต้องตัดความผูกพัน ความยึดติดกับ
ส่งิ ตา่ งๆ ให้ได้
หนา้ ทขี่ องเรากค็ อื การปลดเปลอื้ งความผกู พนั ตา่ งๆ
เหลา่ นี้ ใหอ้ อกไปจากจติ จากใจ เปลย่ี นนสิ ยั ใหม่ เคยตดิ
เคยชอบ เคยดม่ื เคยสมั ผสั อะไร กค็ วรตดั ไปเสยี หดั อยู่
แบบไม่ต้องมีอะไร แบบพระทั้งหลายท่ีมีเพียงสิ่งที่
จ�ำเป็นต่อการดูแลรักษาชีวิตร่างกายเท่านั้น สิ่งท่ีเป็น
สว่ นเกนิ ทไ่ี มจ่ ำ� เปน็ กต็ ดั มนั ไป พระทมี่ คี วามเครง่ ครดั
ในการปฏิบัติจะฉันม้ือเดียว หลังจากฉันแล้วก็ไม่ฉัน
อะไรอีกนอกจากน�ำ้ เปลา่ เพราะกินเพอื่ อยจู่ ริงๆ ไมไ่ ด้
อยู่เพ่ือกิน พอให้ร่างกายมีอาหารหล่อเลี้ยงให้อยู่ได้
เพอื่ จะได้เอาร่างกายมาทำ� หนา้ ทเ่ี จรญิ ธรรมะ พิจารณา
ธรรมะ ทำ� จิตใจให้สงบ เพื่อจะได้มอี าวุธมีเครือ่ งมอื ไว้
ปราบกิเลส ความยดึ มนั่ ถอื มนั่ ตา่ งๆ ใหห้ มดสิน้ ไปจาก
จิตจากใจ เมื่อไม่มีการติดอยู่กับอะไรแล้ว ส่ิงต่างๆ
25
ที่เคยติดอยู่ก็หมดความหมายไป เคยติดบุหรี่แล้ว
เลกิ บหุ รไ่ี ด้ บหุ รกี่ ห็ มดความหมายไป สรุ ากเ็ ชน่ เดยี วกนั
กาแฟหรือของรับประทานต่างๆ ที่ไม่จ�ำเป็น ถ้าจะ
รบั ประทานกร็ บั ประทานพรอ้ มกบั อาหารไปเลย พอผา่ น
ไปแล้วก็จบ เป็นการควบคุมไม่ให้จิตใจไปยึดไปติด
กับส่งิ ทไี่ มจ่ �ำเป็น บุคคลตา่ งๆ กไ็ ม่จำ� เปน็ ไปยึดไปติด
อย่คู นเดียวได้ดีกว่าอยู่ ๒ คน อยคู่ นเดียวไม่มปี ญั หา
อยู่ ๒ คนแลว้ ปญั หาเกดิ ทะเลาะกนั ขดั ใจกนั หว่ งใยกนั
ถา้ รกั กนั กห็ ว่ งใยกนั ถา้ ทะเลาะกนั กเ็ บอ่ื กนั มแี ตป่ ญั หา
ทงั้ ๒ ด้าน แต่ถา้ อยู่คนเดยี วไดก้ ็ไมม่ ปี ัญหากบั ใคร
ที่อยไู่ ม่ได้กเ็ พราะใจยังยึดติดอยนู่ นั่ เอง
เราจงึ ต้องตอ่ สู้ด้วยการปฏบิ ัติธรรม สร้างความสขุ
ภายในใจ ดว้ ยการขดุ เอากิเลสความโลภ ความโกรธ
ความหลง อวชิ ชา ตัณหาตา่ งๆ ที่บดบังความสุขใจให้
หมดไป ถ้าไมป่ ฏิบตั เิ ราก็จะไม่ไดพ้ บความสขุ ท่ีแท้จริง
จะพบแต่ความสขุ แบบสกุ ๆ ดิบๆ สุขแล้วเดีย๋ วกท็ กุ ข์
ไปเที่ยว ไปกิน ไปดู ไปฟังอะไรมา ก็มีความสุข
พอกลบั มาบา้ นแล้วก็ผา่ นไป วันตอ่ ไปก็จะหิว จะอยาก
26
จะต้องการอีก แต่ถ้าได้สัมผัสความสุขทเ่ี กดิ จากความ
สงบแลว้ จะไมห่ วิ เพราะจะอยกู่ บั เราไปเรอื่ ยๆ จงึ ไมจ่ ำ� เปน็
ต้องไปพึ่งพาอาศัยสิ่งต่างๆ ภายนอกมาให้ความสุข
ที่มีมากน้อยเพียงไรก็ต้องคอยเปลี่ยนอยู่เรื่อย เพราะ
ไม่เที่ยง ไม่จีรังถาวรน่ันเอง ได้อะไรมาก็ใช้ไปสัก
ระยะหนง่ึ กเ็ สียก็พงั กต็ อ้ งไปหามาใหม่ จะเปน็ อย่างนี้
ไปเรอ่ื ยๆ เคยเปน็ อย่างน้ีมานานแล้ว ตั้งแตก่ อ่ นทเี่ รา
มาเกิดก็เคยท�ำอย่างน้ีมาก่อน เพราะเป็นใจเดียวกัน
กเิ ลสตณั หาความอยากอปุ าทานความยดึ มนั่ ถอื มนั่ ตา่ งๆ
กต็ วั เดยี วกนั ทอี่ ยใู่ นใจของเรา ไปเกดิ ทไี่ หน เปน็ อะไร
เป็นเทพ เปน็ มนุษย์ เป็นเดรัจฉานกม็ ีกเิ ลสตวั เดียวกัน
มคี วามผูกพันทีเ่ หมอื นกนั
ถา้ ตอ้ งการความสขุ ทแี่ ทจ้ รงิ กต็ อ้ งมคี วามเดด็ เดยี่ ว
มีความกล้าหาญ กล้าท่ีจะตัดความสุขเล็กๆ น้อยๆ
ท่มี อี ยู่ แลว้ บากบนั่ ต่อส้สู รา้ งความสุขใจขน้ึ มา ทย่ี ากก็
เพราะไมเ่ คยทำ� ไมช่ ำ� นาญ เวลาตอ้ งทำ� อะไรทไ่ี มเ่ คยทำ�
จะไมถ่ นัด แตพ่ อฝกึ ท�ำไปเร่อื ยๆ แลว้ ต่อไปกจ็ ะถนัด
แล้วก็จะกลายเป็นของง่ายไป เหมือนกับถนัดมือขวา
27
แลว้ ตอ้ งมาใชม้ อื ซา้ ย จะรสู้ กึ ลำ� บากไมค่ อ่ ยถนดั แตถ่ า้
จ�ำเป็น สมมตุ ิว่ามอื ขวาเสยี ไปใช้ไมไ่ ด้ เหลือแตม่ อื ซา้ ย
กต็ อ้ งหดั ใชจ้ นได้ การหาความสขุ ภายในจติ ใจ ทำ� จติ ใจ
ให้สงบก็เป็นแบบเดียวกัน พวกเราถนัดสร้างความ
ฟงุ้ ซา่ น สรา้ งความวนุ่ วายยตู่ ลอดเวลา ชวี ติ ของเราจงึ มี
แตค่ วามฟุ้งซา่ น มแี ต่ความว่นุ วายอยู่เรื่อยๆ แตไ่ ม่รวู้ า่
เราเป็นผู้สร้างมันข้ึนมา ต้ังแต่ต่ืนข้ึนมาเราไม่เคยหยุด
คดิ ดเู ลยว่าใจของเราเปน็ อยา่ งไร อะไรท�ำให้สขุ อะไร
ทำ� ใหท้ กุ ข์ ใหฟ้ งุ้ ซา่ น ใหว้ นุ่ วาย มแี ตป่ ลอ่ ยใหเ้ หตกุ ารณ์
ต่างๆ ฉุดลากเราไป ให้ความอยากตา่ งๆ พาไป ใจจงึ
กล้งิ เหมือนกบั ลกู ฟุตบอลที่ถูกนกั เตะฟุตบอล ๒ ฝ่าย
คอยแย่งเตะกนั เตะไปเตะมา ไม่ให้อยูน่ ่ิงเฉย
เหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของเราก็คอยเตะใจให้ไป
ทำ� โน่นทำ� น่ี ไปเลยี้ งปากเลยี้ งทอ้ ง ทำ� มาหากนิ ดแู ล
คนนน้ั คนน้ี พอไม่มีอะไรต้องท�ำกอ็ ยเู่ ฉยๆ ไมไ่ ด้ ก็หา
เร่ืองทำ� อกี ไปดูหนงั ไปเทีย่ ว ไปทน่ี ั่นมาท่นี ่ี ใจจึงไม่มี
เวลาท่ีจะหยุดนิ่ง เหมือนกับลูกฟุตบอลที่ไม่เคยอยู่นิ่ง
ถกู ฝา่ ยนนั้ เตะ แลว้ กถ็ กู ฝา่ ยนเี้ ตะ เตะไปเตะมาอยเู่ รอ่ื ยๆ
28
เพราะไม่ก�ำหนดเปา้ หมายชีวิตของเรา ว่าจะไปทางไหน
ปลอ่ ยไปตามยถากรรม มแี ตห่ วงั ใหด้ ขี น้ึ เจรญิ ขนึ้ แตจ่ ะดี
ขนาดไหนเจริญขนาดไหน ในที่สุดก็ต้องจบอยู่ดี
เพราะเป็นอนิจจัง มีเกิดมีดับ มีเจริญแล้วก็มีเสื่อม
ไม่ว่าจะเป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุขชนิดใดก็ตาม
ไดม้ ามากนอ้ ยเพยี งไรสกั วนั หนง่ึ กต็ อ้ งหมดไป จากเราไป
หรือเราจากมันไป ถ้าไม่ได้มาเจอพระพุทธศาสนาเรา
จะไมร่ ้เู ร่อื งของเราเลย จงึ เป็นบญุ วาสนาของเราที่ได้มา
เจอศาสนา มีบญุ เก่าคอยผลกั ให้มาทางนก้ี ัน ถึงแม้จะ
ไม่ถนัด ถึงแม้จะล�ำบากตามความรู้สึกของจิตใจ
แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นสิ่งท่ีควรท�ำ และควรท�ำให้มาก
ยงิ่ ขน้ึ ไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การปฏบิ ตั ธิ รรม ทจ่ี ะทำ� ให้
ศรัทธาแก่กลา้ ให้มกี �ำลงั ทีจ่ ะกล้าตดั กลา้ สละสงิ่ ต่างๆ
ความสุขต่างๆ ทีม่ ีอยู่ เพ่ือแลกกับความสุขท่ดี กี ว่า
การท�ำบุญท�ำทาน การรักษาศีลนี้ก็ดี แต่ไม่พอ
ต้องปฏิบัติธรรมด้วย เมื่อได้ฝึกท�ำสมาธิจนจิตรวมลง
สูค่ วามสงบ แม้จะสงบเพยี งชวั่ ขณะเดยี วกต็ าม จะเห็น
เลยว่า ความสุขทไี่ ด้จากการปฏิบัตกิ บั ความสุขท่ีเคยมี
29
อย่นู ้นั เทียบกันไม่ไดเ้ ลย เหมือนฟ้ากบั ดิน จะท�ำใหม้ ี
กำ� ลงั จติ กำ� ลงั ใจ มคี วามกลา้ หาญทจี่ ะตดั สง่ิ ตา่ งๆ ทใี่ ห้
ความสุขกับเรา เพราะรู้แล้วว่าสู้ส่ิงท่ีจะได้มาไม่ได้
ถ้าได้ปฏบิ ตั จิ นเหน็ ผลแล้ว แม้เพยี งชัว่ ขณะเดียว ก็จะ
จดุ ประกายแหง่ ความศรทั ธาความเพียรใหแ้ ก่กลา้ ที่จะ
ท�ำในสง่ิ ทไี่ มเ่ คยคิดวา่ กล้าทำ� มากอ่ น กลา้ ตัด กลา้ ละ
กลา้ อยแู่ บบขอทาน กลา้ อยแู่ บบไมม่ อี ะไร อยทู่ ไ่ี หนกไ็ ด้
นอนทไ่ี หนกไ็ ด้ กนิ อะไรกไ็ ด้ สงิ่ เหลา่ นจี้ ะไมเ่ ปน็ ปญั หา
อกี ตอ่ ไป ตอนนพี้ วกเรายงั ไมไ่ ดพ้ บกบั ความสขุ แบบนน้ั
ยังติดอยู่กับความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับการกินการอยู่
พอไปอย่วู ดั อยู่แบบเรยี บๆ ง่ายๆ กนิ ตามมตี ามเกดิ
จึงไม่ดูดดื่มใจ ไม่มีอะไรดึงดูดให้ไป เพราะยังไม่ได้
สัมผัสกับความสุขท่ีมีอยู่ภายในใจ จึงอยากจะให้มุ่งสู่
ความสุขใจน้ี พยายามน่ังท�ำสมาธิให้ได้ มีเวลาว่างก็
พยายามนั่งอยู่เร่ือยๆ เวลาท�ำอะไรก็ให้มีสติก�ำกับ
อยู่เสมอ พยายามดึงจิตไว้ อย่าใหไ้ ปคิดเรือ่ งราวต่างๆ
ที่ไม่จ�ำเป็น ขณะน้ีก�ำลังท�ำอะไรอยู่ ก็ให้อยู่กับเร่ือง
ท่ีก�ำลังท�ำก็พอ ให้รู้อยู่กับเร่ืองที่ก�ำลังท�ำ เร่ืองท่ีผ่าน
ไปแลว้ เม่ือวานนี้หรือเมอื่ สักคร่นู ี้ ก็อย่าไปคดิ เรอ่ื งท่ี
30
จะตามมาต่อไปข้างหน้า เม่ือยังไม่ถึงเวลาก็อย่าไปคิด
ให้อยู่กับปัจจุบัน ถ้าท�ำอย่างนี้แล้วจะมีเคร่ืองมือคอย
ดงึ จติ ไว้
ถ้ามีสตแิ ลว้ เวลาทำ� สมาธิกจ็ ะสงบงา่ ย ถา้ ไมม่ ีสตกิ ็
เหมอื นกบั บงั คบั ใหล้ งิ นง่ั เฉยๆ บงั คบั อยา่ งไร พดู อยา่ งไร
บอกอย่างไร มันก็ไม่ฟัง แต่ถ้าเอาเชือกมาผูกมันไว้
กบั เสา ฟงั หรอื ไมฟ่ งั มนั กไ็ ปไหนไมไ่ ด้ นอกจากเชอื กเสน้
มันเล็ก แล้วแรงของลิงมีมากกว่า เดี๋ยวมันก็ดึงเชือก
ใหข้ าดได้ เชอื กกเ็ ปรยี บเหมอื นกบั สตทิ จ่ี ะคอยดงึ จติ ไว้
จติ กเ็ ปน็ เหมอื นลงิ เวลาฝกึ ใหมๆ่ ยงั เปน็ เชอื กกลว้ ยอยู่
พอจิตกระตุกปั๊บหนึ่งก็ขาดแล้ว พอให้อยู่กับพุทโธๆ
ได้พักเดียว ก็คิดเร่ืองน้ันคิดเร่ืองน้ีแล้ว แสดงว่าสติ
ขาดไปแลว้ เชอื กขาดไปแลว้ กไ็ มเ่ ปน็ ไร กด็ งึ กลบั มาใหม่
พอรู้ว่าไม่ได้อยู่กับพุทโธแล้ว ยังคิดเรื่องนั้นเร่ืองนี้
กก็ ลบั มาหาพทุ โธใหม่ ถา้ ไมช่ นิ กบั พทุ โธใหมๆ่ จะรสู้ กึ วา่
เหนอื่ ย เพราะตอ้ งบรกิ รรมไปคำ� เดยี ว ถา้ ชอบสวดมนต์
ก็สวดมนต์ไปก่อนก็ได้ ให้มีสติอยู่กับบทสวดมนต์
แต่ไม่ต้องสวดออกเสียง ไม่ต้องน่ังพนมมือ ไม่ต้อง
31
น่ังพับเพียบ น่ังขัดสมาธิไป แทนที่จะใช้พุทโธก็ใช้
บทสวดมนต์แทน สวดไปภายในใจ สวดไปเร่ือยๆ
จนรสู้ กึ อยากจะหยดุ กบ็ รกิ รรมพทุ โธตอ่ หรอื ดลู มหายใจ
เข้าออกก็ได้ บางทีสวดๆ ไปแล้วก็วูบน่ิงไปเลยก็มี
ถ้าจิตไมไ่ ปคดิ เร่อื งอน่ื อยกู่ บั การสวดมนตอ์ ยา่ งเดียว
สิ่งส�ำคัญท่ีสุดก็คือต้องตั้งสติอยู่เร่ือยๆ ถ้าจะรอ
ตง้ั สตติ อนทนี่ ง่ั สมาธกิ จ็ ะไมพ่ อ เราตอ้ งตง้ั สตติ ลอดเวลา
ต้งั แตต่ ืน่ จนหลับเลย ให้สติเปน็ เหมอื นยามเฝ้านกั โทษ
คอยเฝ้าดูไม่ให้คลาดสายตาไป ให้สติอยู่กับร่างกาย
ตลอดเวลา ไมว่ า่ จะทำ� อะไรกใ็ หอ้ ยตู่ รงนน้ั ถา้ ทำ� อยา่ งน้ี
ไดแ้ ลว้ จะมสี ติ มกี ำ� ลงั ทจี่ ะตอ่ สกู้ บั ความเผลอได้ ใหอ้ ยู่
กบั พทุ โธ อยกู่ บั ลมหายใจ กจ็ ะอยู่ ถงึ แมจ้ ะเผลอไปบา้ ง
พอรู้ตัวก็ดึงกลับมาได้เลย ต่อไปก็จะอยู่อย่างต่อเน่ือง
แลว้ กจ็ ะสงบลงไป เมอ่ื จติ คดิ ปรงุ นอ้ ยลงไป ความสงบก็
จะมมี ากขน้ึ ทไี่ มส่ งบกเ็ พราะจติ ไมห่ ยดุ คดิ คดิ เรอ่ื งนนู้
คิดเรื่องนี้ไปเรื่อย แต่ถ้าคิดแบบสวดมนต์อย่างนี้
ไมเ่ ปน็ ไร คำ� สวดมนตห์ รอื พทุ โธเปน็ ความคดิ ทจ่ี ะทำ� ให้
จิตสงบ ความคดิ มี ๒ ลกั ษณะ คิดแล้วใหเ้ กิดความ
32
ฟุง้ ซา่ นและคดิ แลว้ ให้เกดิ ความสงบ คดิ พทุ โธ คิดบท
สวดมนต์ คดิ ถงึ ความแก่ ความเจบ็ ความตาย เกดิ แลว้
ต้องแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา คิดไปเร่ือยๆ เราก็ตาย
คนนั้นก็ตาย คนนี้ก็แก่ คนนี้ก็เจ็บ คนนั้นก็ตาย
พิจารณาไปตรงไหน ก็จะเห็นว่ามีอยู่กับทุกๆ คน
ถา้ พจิ ารณาแบบนี้ คิดแบบน้ี เรยี กว่าเปน็ มรรค กจ็ ะทำ�
ให้จิตสงบ ดังท่ีหลวงตาเขียนในหนังสือว่า ปัญญา
อบรมสมาธิ คอื คดิ ในทางไตรลกั ษณน์ เ้ี อง คดิ ไปในทาง
อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา กจ็ ะทำ� ใหจ้ ติ สงบได้ เอาความคดิ
ทางด้านปัญญามาท�ำจิตให้สงบ ถ้าไม่ถนัดกับการ
บรกิ รรมพทุ โธ ไมถ่ นดั กบั การสวดมนต์ หรอื ดลู มหายใจ
เข้าออก กพ็ จิ ารณาดูความไมเ่ ทยี่ งแท้แนน่ อน แล้วจติ
มันกจ็ ะคลายความกังวล คลายความห่วงใย เมอ่ื ไม่มี
ความกังวลความห่วงใย กจ็ ะสงบตวั ลง
นี่คือวิธีท�ำจิตให้สงบ ต้องมีสติเป็นพ้ืนฐานคอย
กำ� กับจิต ให้อยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หน่ึง ถ้าจะคิดก็
คิดในทางธรรมะ คดิ เรือ่ งไตรลกั ษณ์ อนจิ จงั ทุกขัง
อนตั ตา แลว้ รบั รองไดว้ ่า ไมช่ า้ กเ็ ร็วจิตจะตอ้ งสงบลง
33
เม่ือสงบแล้วก็จะมีก�ำลังจิตก�ำลังใจ เพราะความสงบ
เปน็ ความมหศั จรรยใ์ จอยา่ งยง่ิ เหมอื นกบั เวลาแบกของ
หนักๆ ไว้บนไหล่ แลว้ เอาวางลง ไดพ้ ักได้กินน้�ำแลว้
จะรสู้ ึกเบาอกเบาใจ ช่นื อกชื่นใจ
34
ของใครของมนั
(กณั ฑท์ ี่ ๓๑๗ วันท่ี ๑๕ เมษายน ๒๕๕๐)
วนั นเ้ี ปน็ วนั ท่ี ๓ ของเทศกาลสงกรานต์ เปน็ เวลาที่
เหมาะแก่การทำ� บุญท�ำกุศล เพราะไม่มอี ะไรท่จี ะมคี ณุ
มีประโยชน์กับชีวิตจิตใจเท่ากับบุญและกุศล มีบุญมี
กุศลมากเพยี งไร กจ็ ะมีความอบอุน่ ใจสุขใจ ปลอดภัย
จากทุกข์ภัยต่างๆ ท่ีคอยเหยียบย่�ำจิตใจมากเพียงน้ัน
เพราะบุญกุศลนแ้ี ลเปน็ เกราะคุม้ กนั ปอ้ งกันจิตใจ ไมม่ ี
อะไรในโลกน้ีท่ีจะปกป้องคุ้มครองจิตใจได้เท่ากับบุญ
และกุศล ต่อให้มีเงินทองกองเท่าภูเขา เป็นนายก-
รัฐมนตรี เป็นประธานาธิบดี ก็ไม่สามารถป้องกัน
ความทกุ ขใ์ หเ้ ขา้ มาเหยยี บยำ่� ทำ� ลายจติ ใจได้ นายกฯและ
ประธานาธบิ ดกี ย็ งั รอ้ งไหย้ งั เครยี ดได้ มแี ตพ่ ระพทุ ธเจา้
และพระอรหนั ตเ์ ทา่ นนั้ ทไ่ี มเ่ ครยี ดไมท่ กุ ขก์ บั อะไรทงั้ สนิ้
เพราะมีบุญกุศลคอยคุ้มครองคอยปกป้องน่ันเอง
บุญและกุศลนี้แลคือส่ิงท่ีวิเศษท่ีประเสริฐ ส่ิงต่างๆ
35
ในโลกนีล้ ้วนเปน็ วตั ถทุ งั้ นน้ั ไมว่ เิ ศษวโิ สอะไร เราไป
สมมุติว่าวิเศษอย่างน้ันวิเศษอย่างนี้เอง แต่ความจริง
เปน็ เพยี งดนิ นำ�้ ลมไฟ ไมอ่ ยกู่ บั เราไปตลอด สกั วนั หนง่ึ
เราก็ต้องคืนทุกส่ิงทุกอย่างไป รวมทั้งร่างกายของเรา
กลับคืนไปสู่ดินน้�ำลมไฟ ถ้าไม่มีบุญมีกุศล เวลาที่
ต้องคืนส่งิ ตา่ งๆ ไป จติ ใจจะวนุ่ วาย จะทกุ ขอ์ ยา่ งมาก
จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ถ้าได้สะสมบุญกุศลไว้ใน
จติ ใจแลว้ จะมที พ่ี ง่ึ ทางใจ เพราะบญุ และกศุ ลเปน็ ทพี่ ง่ึ
ทแี่ ทจ้ รงิ ของใจ อยกู่ บั ใจไปตลอด ไมว่ า่ จะเปน็ หรอื ตาย
จะไปเกิดท่ีไหน ชาตไิ หนภพไหน บุญกศุ ลจะดูแลเรา
ตลอดเวลา ส่วนสมบัติและบุคคลต่างๆ ท่ีเรามีอยู่ใน
ชาติน้ี จะไม่ได้ติดตามเราไป ไม่สามารถไปกับเราได้
อย่างมากก็ท�ำบุญอุทิศส่วนบุญให้เราไป ซึ่งเป็นส่วน
เล็กๆ น้อยๆ เหมือนกบั เงนิ คา่ รถเทา่ น้นั เอง
ไมม่ ากเหมอื นบญุ ทเ่ี ราทำ� ในขณะทม่ี ชี วี ติ อยู่ ทเี่ ราได้
๑๐๐ ทง้ั ๑๐๐ แตบ่ ญุ อทุ ศิ เราอทุ ศิ ไดเ้ พยี ง ๑ ใน ๑๐๐
เท่านนั้ เอง อกี ๙๙ ส่วนเป็นของผทู้ ำ� เพราะฐานะของ
ผรู้ บั บญุ อทุ ศิ เลก็ นดิ เดยี ว เปน็ เหมอื นแกว้ ใบหนง่ึ ไมไ่ ด้
36
เป็นแท็งก์ใหญ่ๆ จึงไม่สามารถรับบุญอุทิศได้ทั้งหมด
รบั ไปพอชว่ ยสง่ ใหไ้ ปเกดิ ไปเสวยบญุ เสวยกรรมตอ่ ไป
เทา่ นั้นเอง เราจึงอยา่ หลงยึดตดิ กบั ส่งิ ตา่ งๆ ในโลกนี้
มากจนเกนิ ไป เราได้สัมผัสกนั มาแลว้ มากมายก่ายกอง
ถ้าจะท�ำให้เราพ้นทุกข์ เราก็ควรพ้นทุกข์ไปนานแล้ว
แต่ทุกวันนี้เรากลับมีความทุกข์มากยิ่งกว่าสมัยท่ี
เปน็ เด็ก เพราะเรามสี ิ่งต่างๆ มากขึน้ ก็มคี วามยดึ ตดิ
มากขึน้ ความทุกขจ์ งึ มมี ากขึ้น ต้องแบกสิง่ ตา่ งๆ ไว้
ในอกในใจ ไมเ่ หมอื นตอนเปน็ เดก็ วนั ๆ หนง่ึ ไมม่ อี ะไร
ต้องยึดตดิ เพยี งมีอะไรเล่น มีอะไรกนิ แลว้ กไ็ ดน้ อน
กม็ คี วามสขุ แลว้ แตพ่ อโตขน้ึ มากเิ ลสกโ็ ตตาม หลอกเรา
วา่ ถา้ ไดม้ ามากๆ แลว้ จะมคี วามสขุ มากๆ เราจงึ หากนั อยา่ ง
ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย พอได้มาแล้วก็ต้องวุ่นวายใจ
เพราะไม่ได้ให้ความสุขดังใจ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้
แทนที่จะให้ความสุขกลับกลายเป็นความทุกข์ไป
จงึ ตอ้ งไปหาใหมม่ าอยเู่ รอ่ื ยๆ ถา้ ไดส้ มความอยาก กเ็ กดิ
ความหวงแหน ไมอ่ ยากจะใหจ้ ากเราไป เวลาไมเ่ หน็ กนั
กจ็ ะกงั วล ไมร่ วู้ า่ จะไดเ้ หน็ กนั อกี หรอื เปลา่ เพราะอยใู่ น
37
โลกของความไมเ่ ทย่ี งแทแ้ นน่ อน มกี ารเปลย่ี นแปลงอยู่
ตลอดเวลา มีเกิดได้ก็มดี ับได้ มาไดก้ ไ็ ปได้ นแ้ี ลคือ
ตน้ เหตขุ องความทกุ ขข์ องพวกเรา ไมร่ วู้ า่ สง่ิ ตา่ งๆ ทก่ี เิ ลส
หลอกให้ไปหาไม่ได้ให้ความสุขอย่างแท้จริง ให้เพียง
เลก็ นอ้ ย แต่แถมความทุกข์มาให้อีกมากมายก่ายกอง
ถ้ามีบุญมีกุศลจะท�ำให้เราปล่อยวาง ไม่ยึดไม่ติด
มคี วามสขุ กบั ส่งิ ตา่ งๆ ตามความจริงของเขา ไมไ่ ดห้ วัง
อะไรมากไปกว่านั้น ถ้าเขาดีก็ดีไป ถ้าไม่ดีก็ไม่เป็นไร
รบั ไดท้ งั้ ๒ อยา่ ง ถา้ อยกู่ อ็ ยไู่ ป ถา้ จะจากไปกไ็ ด้ เพราะ
เรามปี ญั ญา รวู้ า่ ถา้ ไปยดึ ไปตดิ กบั อะไรแลว้ จะตอ้ งทกุ ข์
ถา้ ไมย่ ดึ ไมต่ ดิ กจ็ ะไมท่ กุ ข์ อยดู่ ว้ ยกนั กไ็ มท่ กุ ข์ จากกนั
กไ็ มท่ กุ ข์ แต่ถ้ายดึ ตดิ อยดู่ ้วยกนั ก็ทุกข์ จากกนั ก็ทกุ ข์
เพราะความหลงท�ำให้ไมร่ จู้ ักพอ ไมม่ องตามความจริง
มีอะไรมากน้อยเพียงไร กไ็ ม่ดพี อ อยากจะใหด้ ีกวา่ น้ี
มสี ามกี อ็ ยากจะใหด้ กี วา่ นี้ มภี รรยากอ็ ยากจะใหด้ กี วา่ นี้
มีลูกก็อยากจะให้ดีกว่าน้ี ไม่เคยมองความจริงเลยว่า
เขาดีได้เท่าน้ี เขาเป็นไดเ้ ทา่ น้ี ถ้าเขาดกี วา่ นีไ้ ด้ กด็ ไี ด้
ไปนานแลว้ ไม่ตอ้ งใหเ้ รามาคอยเคี่ยวเขญ็ มาคอยบน่
38
เพราะเราท�ำบุญทำ� กรรมมาไมเ่ ทา่ กัน จึงรบั ผลของบุญ
และกรรมไมเ่ ทา่ กัน ดบี ้างไมด่ บี า้ งผสมกนั ไป เวลาอยู่
กบั ใครจงึ ไมค่ วรมองแตส่ ว่ นทไี่ มด่ ี เพราะจะไมส่ บายใจ
มองในส่วนที่ดีจะสบายใจ ต้องมองในเวลาท่ีต้อง
จากกันด้วย ไม่เช่นน้ันแล้วจะเสียอกเสียใจ เวลาอยู่
ร่วมกันก็ควรเมตตากันรักกัน สงสารกันช่วยเหลือกัน
มปี ญั หาอะไรพอจะชว่ ยแกไ้ ดก้ ช็ ว่ ยกนั ไป อยา่ ดา่ อยา่ มา
ว่ากัน ไม่เกิดประโยชน์อะไร ช่วยแก้ปัญหากันดีกว่า
ความผิดพลาดนั้นเกิดได้กับทุกคน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว
ก็อย่าโทษอย่าว่ากัน ไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจาก
สอนกันว่า เพราะท�ำอย่างนี้จึงท�ำให้เรื่องนี้เกิดข้ึนมา
อยา่ ไปทำ� อกี กแ็ ลว้ กนั อยา่ ไปโกรธ อยา่ ไปโมโห เวลาใคร
ทำ� อะไรผดิ พลาด สรา้ งความเสยี หายขนึ้ มา เพราะไมไ่ ด้
ท�ำอะไรให้ดีขึ้น ถ้ามีสติมีปัญญาก็จะรู้จักแยกแยะ
คนอนื่ จะดจี ะชวั่ กเ็ รอื่ งของเขา ถา้ ชว่ ยไดก้ ช็ ว่ ยไป ถา้ ชว่ ย
ไมไ่ ด้ กต็ อ้ งปล่อยไปตามบญุ ตามกรรม
แม้แต่ตัวเราเองบางทีก็ยังช่วยไม่ได้เลย อยากจะ
ให้ดีกวา่ นก้ี ย็ งั ท�ำไม่ได้เลย เชน่ มาอยวู่ ดั กย็ ังท�ำไม่ได้
39
ถือศีล ๘ ก็ยงั ถือไมไ่ ด้ แลว้ เรื่องของคนอ่นื จะไปอยาก
ให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ถ้ารู้ว่าอะไรดีก็
สอนกนั ไดบ้ อกกนั ได้ ถา้ รบั ไดก้ เ็ ปน็ ประโยชนเ์ ปน็ บญุ ไป
ถา้ ไมย่ นิ ดไี มต่ อ้ งการกไ็ มเ่ สยี หายอะไร เพราะความหลง
ทำ� ใหเ้ รารัก ทำ� ใหเ้ รายดึ ติด ท�ำใหเ้ ราห่วงคนใกลต้ ัวเรา
เชน่ สามภี รรยาลกู ญาตพิ น่ี อ้ งของเรา อยากจะใหเ้ ขาดี
แตค่ วามอยากบางทีก็ทำ� ให้เราทำ� ในสง่ิ ท่ีไม่ดีไป ไปจำ�้ จี้
จำ้� ไช ไปพดู ไปบน่ จนเขารำ� คาญ ไมอ่ ยากจะเจอหนา้ เรา
เวลาสอนใครต้องร้จู กั ประมาณ พูดพอสมควร พอให้
ร้เู รื่อง พอรู้แลว้ กจ็ บ ไม่ตอ้ งไปพูดซ้�ำๆ ซากๆ ถา้ เขา
อยากจะท�ำเขาท�ำไปนานแล้ว ถ้าไม่อยากท�ำก็ไม่ท�ำอยู่
นั่นแหละ ต่อให้พูดอีกก่ีร้อยครั้งก็ไม่เกิดประโยชน์
อะไร แทนท่ีจะเห็นบุญเห็นคุณ กลับเกลียดชังเรา
ไมอ่ ยากจะฟงั เราพดู ไมอ่ ยากจะเหน็ หนา้ เรา แลว้ ในทสี่ ดุ
กต็ ้องหนจี ากเราไป ทัง้ ๆ ท่ีเราอยากจะใหเ้ ขาอยู่กบั เรา
ไปนานๆ แต่การกระท�ำของเราน่ันเองท่ีท�ำให้เขาต้อง
จากเราไป เพราะเขาไมม่ คี วามสขุ เวลาเหน็ หนา้ เราทีไร
ก็ท�ำหน้ายักษ์หน้ามารใส่เขาทุกที แทนที่จะเป็นพระ
เปน็ แมพ่ ระ เปน็ พอ่ พระ กเ็ ปน็ ยกั ษเ์ ปน็ มารใสเ่ ขา เราจงึ
40
ตอ้ งดตู วั เราวา่ กำ� ลังเปน็ อะไร เปน็ พระเปน็ ยกั ษ์ ถา้ เปน็
ยกั ษก์ ต็ อ้ งรบี แกไ้ ข เชน่ เวลาเราโกรธ เพราะเขาทำ� อะไร
ไม่ดีไม่ถูกใจเรา อยา่ ไปแกเ้ ขา อย่าไปว่าเขา ควรระงบั
ความโกรธกอ่ น เมอ่ื หายโกรธแล้วค่อยพูดกนั ถา้ พดู
เวลาโกรธเขาจะไม่ฟังเราอยู่ดี เพราะพูดด้วยอารมณ์
พูดเพ่ือจะเอาชนะกัน
น่ีคือเรื่องของพวกเรา เราขาดบุญขาดกุศลกัน
เพราะไม่ฟังเทศน์ฟังธรรมกัน มัวแต่หาเงินหาทอง
แล้วก็เอาเงินทองไปเท่ียวกันไปเล่นกัน เม่ือหมดเงิน
หมดทองก็ไปหามาใหม่ แลว้ กเ็ ที่ยวเลน่ กนั ใหม่ วนไป
อยา่ งน้ี แลว้ กต็ อ้ งทกุ ขก์ บั เรอ่ื งนน้ั ทกุ ขก์ บั เรอื่ งนี้ วนุ่ วาย
กับเรื่องน้ันวุ่นวายกับเร่ืองนี้ เพราะไม่มีบุญกุศลคอย
ปกป้องคุม้ ครอง เราจงึ ตอ้ งเขา้ วดั กนั พระพุทธเจ้าทรง
กำ� หนดวันพระขน้ึ มาอาทติ ยล์ ะ ๑ ครัง้ เพอื่ ใหเ้ ราได้
มีเวลาปล่อยวางการหาเงินหาทอง การใช้เงินใช้ทอง
แลว้ มาสรา้ งบญุ สรา้ งกศุ ลกนั สรา้ งความสขุ สรา้ งปญั ญา
ความฉลาดใหก้ บั จติ ใจ เพอ่ื จะไดอ้ ยเู่ ปน็ สขุ เมอื่ ตายไป
จะได้ไปเกิดท่ีดีกว่าเก่า ถา้ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมี
41
รูปร่างหนา้ ตาสวยงามกว่าเก่า ฉลาดกวา่ เกา่ มีเงนิ ทอง
มากกว่าเก่า แต่ถ้าไม่ท�ำบุญท�ำกุศลเลย มัวแต่หาเงิน
หาทองแล้วก็ใชเ้ งินใช้ทอง พอตายไปกจ็ ะไม่มีบญุ กศุ ล
ไวด้ แู ล ไปเกดิ ขา้ งหนา้ กจ็ ะแยก่ วา่ เดมิ เพราะใชบ้ ุญเกา่
เสยี หมดแลว้ ชาตนิ เี้ รากำ� ลงั ใชบ้ ญุ เกา่ จงึ มเี งนิ ทองใชก้ นั
แตใ่ ชไ้ มถ่ กู วธิ ี แทนทจี่ ะเอามาสรา้ งบญุ ไวส้ ำ� หรบั ชาตหิ นา้
เราก็ใชเ้ สียหมด เกดิ มาชาตนิ ีม้ ากินบญุ เกา่ แตไ่ มส่ ร้าง
บญุ ใหม่ พอไปขา้ งหนา้ กจ็ ะยากจนในเรอ่ื งบญุ กศุ ล ทำ� ให้
เกิดเปน็ คนยากจน ไม่มสี ติปญั ญา ไม่มรี ูปร่างหนา้ ตา
สวยงาม น่คี อื เรื่องของบุญของกศุ ล ซ่งึ พวกเราอาจจะ
มองไมเ่ หน็ กนั อาจจะไมเ่ ชอ่ื กนั กไ็ ด้ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ และ
พระอรหนั ต์ได้เหน็ แลว้ อย่างแจง้ ชัด จึงไดน้ �ำมาส่ังสอน
พวกเรา เพราะรูว้ า่ พวกเราเป็นเหมอื นคนตาบอด มอง
ไมเ่ หน็ ไมม่ ที างจะเหน็ ได้ นอกจากจะลมื ตาขน้ึ มาเทา่ นนั้
พระพทุ ธเจา้ จงึ มาสอนใหพ้ วกเราลมื ตากนั ดว้ ยการ
ทำ� บุญท�ำทาน รกั ษาศีล ไหวพ้ ระสวดมนต์ นงั่ สมาธิ
ปฏิบัติธรรม เพราะเป็นวิธีท่ีจะเปิดตาในให้สว่างข้ึนมา
ทำ� ใหเ้ หน็ บญุ บาป นรกสวรรค์ เหน็ การเวยี นวา่ ยตายเกดิ
42
ท่ีคนตาดีอย่างพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์มอง
เห็นอยู่ตลอดเวลา แต่พวกเราเป็นคนตาบอดจึงมอง
ไมเ่ หน็ กัน ถ้าลองหลับตาดูตอนนีก้ ็จะมองไมเ่ ห็นอะไร
คนที่หลบั ตากับคนท่ลี ืมตานัน้ ตา่ งกัน ฉันใดคนทีม่ บี ุญ
มกี ศุ ลกบั คนทไี่ มม่ กี เ็ ปน็ อยา่ งนน้ั เหมอื นคนหลบั ตากบั
คนลืมตา เราจึงต้องมาเบกิ ตาในให้เปดิ ขึ้นมา ให้เห็น
ส่ิงต่างๆ เม่ือเห็นแล้วจะไม่กล้าไปท�ำบาปอีกต่อไป
จะทำ� บญุ อยา่ งเดยี ว จะไมเ่ สยี เวลาหาเงนิ หาทอง ใชเ้ งนิ
ใช้ทอง จะทุ่มเทชีวิตจิตใจกับการสะสมบุญและกุศล
อย่างเดียว มีเงินทองมากน้อยเพียงไรก็บริจาคไป
หมดเลย สละไปหมดเลย มีลูกมีเมียมีสามีก็สละไป
หมดเลย แลว้ กอ็ อกบวชตามรอยพระบาทของพระพทุ ธเจา้
พระพุทธเจ้าทรงเห็นอย่างน้ันจึงกล้าที่จะตัดส่ิงต่างๆ
สละสง่ิ ตา่ งๆ ได้ แตพ่ วกเรายงั มองไมเ่ หน็ จงึ ตอ้ งเขา้ วดั
ฟังธรรมบอ่ ยๆ แลว้ นำ� เอาไปปฏิบตั ิ ไมช่ ้ากเ็ รว็ กจ็ ะเหน็
เมอื่ เหน็ แลว้ กจ็ ะไมร่ วู้ า่ จะมสี มบตั ติ า่ งๆ ไวท้ ำ� ไม เพราะ
เป็นความทุกข์ท้ังนนั้ การไมม่ อี ะไรนีแ้ ลดีท่สี ดุ มีสามีก็
ต้องทุกข์กับสามี มีภรรยาก็ต้องทุกข์กับภรรยา มีลูก
ก็ต้องทุกข์กับลูก คนที่ไม่มีสามีไม่มีภรรยาไม่มีลูก
43
ก็ไม่ต้องทุกข์กับสามีกับภรรยากับลูก น่ีก็เห็นได้อย่าง
ชัดๆ แต่ท�ำไมยังอยากจะมีกันนัก เพราะความหลงมี
อานภุ าพมาก มกี ำ� ลงั มาก ความฉลาดคอื ปญั ญาเรามนี อ้ ย
ถา้ ไมเ่ สรมิ สรา้ งบญุ กศุ ลคอื ปญั ญาแลว้ เรากจ็ ะตอ้ งเปน็
อยา่ งนไี้ ปเรื่อยๆ
ถ้าหมั่นฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วปฏิบัติตาม เราจะ
มีปัญญามากขึ้นไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราจะชนะความ
หลงได้ จะอยู่อยา่ งสุขอย่างสบาย ไม่ตอ้ งทุกข์ ไมต่ ้อง
วุ่นวายใจ ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ เพราะเราสามารถ
กำ� จดั ความหลงได้ แตต่ อ้ งมคี วามกลา้ หาญ มคี วามขยนั
ที่จะศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมค�ำสอนของ
พระพทุ ธเจา้ อยา่ ไปเสียดายส่งิ ตา่ งๆ ในโลกนี้ เพราะ
สักวันหนึ่งเราก็ต้องทิ้งไปหมด แม้แต่ร่างกายของเรา
ก็ต้องท้ิงมันไป จะท้ิงแบบไหนดี ทิ้งแบบขาดทุนหรือ
แบบก�ำไร ถ้าทิ้งแบบขาดทุนก็ไม่ต้องท�ำบุญท�ำกุศล
ก็จะได้ท้ิงแบบขาดทุน แบบวุ่นวาย แบบเศร้าโศก
เสยี ใจ ถา้ ทง้ิ แบบกำ� ไรกต็ อ้ งทำ� บญุ ทำ� กศุ ล จะไดท้ ง้ิ แบบ
ปล่อยวาง แบบสบายอกสบายใจ เปน็ วธิ ีทีพ่ ระพุทธเจา้
44
และพระอรหันต์ท้ิงส่ิงต่างๆ ไป เวลาจากโลกไปท่าน
ไม่เสียใจ ไม่เสียดายอะไร ไม่ทุกข์กับอะไรท้ังสิ้น
พวกเราทำ� อยา่ งนไี้ ดห้ รอื เปลา่ คดิ ดใู หด้ ี เพราะสกั วนั หนงึ่
เราจะต้องเจอกับวันน้ันกันทุกคน วันท่ีเราจะต้องท้ิง
ทกุ สงิ่ ทุกอยา่ งไป จะมบี ญุ กศุ ลช่วยเราหรือเปลา่ ถา้ ไม่
ทำ� บญุ ทำ� กศุ ลตง้ั แตว่ นั นแ้ี ลว้ จะไปหาบญุ กศุ ลจากทไี่ หน
เพราะบุญกุศลเป็นของใครของมัน ของพระพุทธเจ้า
ก็เป็นของพระพุทธเจ้า แจกจ่ายให้เราไมไ่ ด้ ของเพ่อื น
ของพ่ีของน้องของพ่อของแม่ก็แจกจ่ายให้เราไม่ได้
เพราะบญุ กศุ ลเปน็ ของใครของมนั ตอ้ งสรา้ งกนั ขน้ึ มาเอง
ไม่มใี ครสรา้ งใหก้ นั ได้ เราทำ� ได้ ท�ำไมไมท่ �ำ จะเสียใจ
ภายหลัง เราจึงควรเชอื่ ในสงิ่ ท่ีพระพุทธเจา้ ทรงสง่ั สอน
เพราะพระพทุ ธเจา้ ไมโ่ กหกหลอกลวง คำ� พดู คำ� สอนของ
พระพุทธเจ้าที่มีมากมายถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
ล้วนเปน็ ความจริงท้งั นั้น ไมเ่ ปน็ คำ� เท็จเลย เราเชอื่ ได้
อย่างมัน่ ใจ
เหมือนกับเช่ือหมอ เวลาหมอให้ยามารับประทาน
เราก็รับประทานทุกเม็ด เพราะเชื่อว่ายาที่หมอให้นี้
45
จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ ฉันใดค�ำสอนของ
พระพุทธเจา้ ก็เป็นเหมือนยารักษาความทกุ ข์ใจ ทกุ สิง่
ทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติ ให้เสียสละ
ใหล้ ะนนั้ จะชว่ ยใหเ้ ราพน้ จากความทกุ ขไ์ ด้ ทงั้ ในขณะท่ี
มชี วี ติ อยแู่ ละตายไป เราจะไมท่ กุ ขก์ บั อะไร ถา้ สรา้ งบญุ
สร้างกุศลจนมีเต็มเปี่ยมอยู่ภายในหัวใจแล้ว จะไม่มี
ชอ่ งว่างใหค้ วามทกุ ขเ์ ข้ามาสูจ่ ติ สูใ่ จไดเ้ ลย จงึ ควรหมั่น
ศกึ ษา หมนั่ ฟงั เทศนฟ์ งั ธรรม แลว้ ปฏบิ ตั ติ าม ถงึ จะยาก
จะล�ำบากอย่างไร ก็ให้คิดว่าเป็นความยากล�ำบากเพื่อ
ความสขุ ในบนั้ ปลาย ดีกว่าความสุขความสะดวกสบาย
จากการกินการด่ืมการเท่ียวการเล่น แล้วต้องไปทุกข์
ในบั้นปลาย ล�ำบากในเบ้ืองต้นแล้วสบายในบั้นปลาย
จะดกี วา่ สบายในเบอ้ื งตน้ แลว้ ทกุ ขใ์ นบน้ั ปลาย เพราะเมอ่ื
ถึงเวลานั้นความสุขตา่ งๆ ทีไ่ ดส้ ัมผัสมาจะหายไปหมด
จะมแี ต่ความทุกขร์ มุ เรา้ จติ ใจอยตู่ ลอดเวลา ถ้าล�ำบาก
ตอนนี้ พอได้ความสุขในตอนปลาย ความทุกข์ต่างๆ
กจ็ ะหายไปหมด จะมแี ตค่ วามสขุ อยตู่ ลอดเวลา จงึ ขอให้
นำ� เอาสง่ิ ทไ่ี ดย้ นิ ไดฟ้ ังในวันนไี้ ปประพฤติปฏบิ ัติ จะได้
46
บุญและกุศลเป็นสมบัติ เพื่อปกป้องคุ้มครองรักษา
ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งปวง
การแสดงกเ็ หน็ วา่ สมควรแกเ่ วลา จงึ ขอยตุ ไิ วเ้ พยี งเทา่ น้ี
47
รบั ชมการแสดงธรรมโดย
พระอาจารยส์ ุชาติ อภชิ าโต ไดท้ ุกวัน
เวลา ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รับชมไดท้ าง
Youtube: Phrasuchart Live
Facebook: พระอาจารยส์ ชุ าติ อภิชาโต
สามารถรบั ฟังผ่านวทิ ยธุ รรมะออนไลนท์ ่ี
Phrasuchart.com
และสามารถถามปัญหาธรรมะไดท้ าง
Facebook, Youtube
และ PhraAjarnSuchart on TikTok
Dhamma Chat on ZOOM application
Every Tuesday at 8.00 pm. (Thailand Time)
สนทนาธรรมภาคภาษาไทย ผ่าน ZOOM application
ทุกวนั พธุ เวลา ๒๐:๐๐ น. เปน็ ต้นไป