The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-03-12 11:47:02

มิลินทปัญหา

มิลินทปัญหา

Keywords: มิลินทปัญหา

พระเจา้ มลิ นิ ทต์ รสั ถามพระนาคเสนวา่
ขา้ แตพ่ ระนาคเสน ธรรมเหลา่ นม้ี อี ยตู่ า่ งๆ กนั
แต่ให้ส�ำเร็จประโยชน์อย่างเดียวกันหรือ?
พระเถระเจา้ ถวายพระพรตอบวา่ อยา่ งนนั้
มหาราช ธรรมเหลา่ นม้ี อี ยตู่ า่ งๆ กนั แตใ่ ห้
สำ� เรจ็ ประโยชนอ์ ยา่ งเดยี วกนั คอื ฆา่ กเิ ลส
เหมอื นกนั มหาราช เสนามอี ยตู่ า่ งๆ เสนาชา้ ง
เสนามา้ เสนาบทจร เสนาเหลา่ นนั้ ยอ่ มให้
สำ� เรจ็ สงครามอยา่ งเดยี วกนั ยอ่ มชนะเสนา
ฝา่ ยอน่ื ในสงครามอยา่ งเดยี วกนั ฉนั ใด ฯ
ธรรมเหล่านี้ถึงมีอยู่ต่างๆ กันก็ให้ส�ำเร็จ
ประโยชนอ์ ยา่ งเดยี วกนั คอื ฆา่ กเิ ลสอยา่ ง
เดยี วกนั ขอถวายพระพร ฯ ถกู แลว้ นาคเสน

47

๑๑. ถามที่ดบั ปญั ญา

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ข้าแต่
พระนาคเสน ญาณเกดิ แก่ผใู้ ด ปัญญาเกิด
แก่ผู้น้ันหรือ? พระเถรเจ้าถวายพระพรว่า
เกดิ มหาราช คือญาณเกดิ แกผ่ ู้ใด ปญั ญา
กเ็ กิดแกผ่ ู้นัน้ ฯ ขา้ แตพ่ ระนาคเสน สง่ิ ใด
เปน็ ญาณ สง่ิ นนั้ หรอื เปน็ ปญั ญา ฯ ถกู แลว้
มหาราช คอื สิ่งใดเปน็ ญาณ กส็ ง่ิ นนั้ แหละ
เปน็ ปญั ญา ฯ ขา้ แตพ่ ระผเู้ ป็นเจา้ ญาณใด
เกดิ แก่ผ้ใู ด ปญั ญาน้ันไดเ้ กิดแก่ผู้น้ัน ผ้นู ้นั
หลงหรือไม่หลง? มหาราช ผู้มีปัญญา
หลงในบางสิ่งบางอย่าง ไม่หลงในบางส่ิง
บางอยา่ ง ฯ ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ หลงในสงิ่ ไหน

49

ไมห่ ลงในสง่ิ ไหน? ฯ ขอถวายพระพร หลงใน
ศลิ ปะที่ไมช่ �ำนาญกม็ ี ในทิศท่ีไม่เคยไปกม็ ี
ในนามบัญญัติที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังก็มี ฯ
ไม่หลงในอะไร ผูเ้ ปน็ เจ้า? ไม่หลงในสงิ่ ที่
ตนรแู้ ล้วว่าเป็นอนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา ฯ
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ก็โมหะคือความหลง
ของผนู้ น้ั ไปอยทู่ ี่ไหน? มหาราช พอญาณ
เกิดข้ึนแล้ว โมหะคือความหลงก็ดับไปใน
ญาณนน้ั เอง ฯ ขอนมิ นตอ์ ปุ มา ฯ มหาราช ฯ
เหมอื นอยา่ งวา่ บรุ ษุ คนใดคนหนงึ่ จดุ ประทปี
เข้าไปในเรือนท่ีมืด ล�ำดับนั้นความมืดก็
หายไป แสงสวา่ งกป็ รากฏขน้ึ ฉนั ใด เมอื่ ญาณ

50

เกิดขึ้นแล้ว โมหะก็ดับไปในที่น้ัน ฉันน้ัน
แหละ ฯ

ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ กป็ ญั ญานน้ั เลา่
ไปอยู่ที่ไหน? มหาราช ปัญญาท�ำหน้าที่
ของตนแล้วก็ดับไปในที่นั้นเอง แต่ส่ิงใด
ทำ� ดว้ ยปญั ญานน้ั วา่ เปน็ อนจิ จงั หรอื ทกุ ขงั
อนัตตา ส่งิ นั้นไมด่ ับ ฯ ขา้ แต่พระนาคเสน
พระผเู้ ป็นเจ้าได้กล่าวไว้แล้วว่า ปัญญาท�ำ
หน้าท่ขี องตนแลว้ กด็ บั ไป แต่สิ่งใดท�ำดว้ ย
ปญั ญานนั้ วา่ คอื อนจิ จงั หรอื ทกุ ขงั อนตั ตา
สง่ิ นน้ั ไมด่ บั ดงั นี้ ขอพระผเู้ ปน็ เจา้ จงอปุ มา
ฯ มหาราช เหมอื นอยา่ งวา่ บรุ ษุ ผใู้ ดผู้หนึ่ง

51

อยากดูตัวเลขในกลางคืน จัดแจงให้จุด
ประทีปขึ้นเขียนเลข เมื่อเขียนเลขแล้ว
ก็ใหด้ บั ประทีป เมื่อประทปี ดับแลว้ ตัวเลข
ก็ยังไม่หายไปฉันใด ข้อนี้ก็ฉันน้ันแหละ
มหาราช คือ ปญั ญาท�ำหน้าท่ขี องตนแลว้
ดับไป แต่สิ่งที่รู้ด้วยปัญญาว่าเป็นอนิจจัง
หรือทุกขัง อนัตตาน้ันไม่ดับ ฯ ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงอุปมาให้ย่ิงข้ึนไป ฯ มหาราช
เหมือนอย่างว่าพวกมนุษย์ในชนบทตะวัน
ออก จดั ตัง้ โอ่งน้�ำไว้ ๕ โอง่ ขา้ งประตู เพื่อ
ดบั ไฟทจ่ี ะไหม้เรือน เม่อื ไฟไหม้เรอื นแล้ว
โอ่งน้�ำ ๕ โอ่งนั้น เขาก็น�ำไปเก็บไว้ใน

52

ละแวกบา้ น ไฟกด็ บั ไป ชาวบา้ นคดิ หรอื ไมว่ า่
เราจักต้องท�ำส่ิงที่จ�ำเป็นด้วยโอ่งน้�ำเหล่า
นน้ั อกี ฯ ไมค่ ดิ ผเู้ ปน็ เจา้ เพราะไมม่ คี วาม
จำ� เปน็ กบั โอง่ นำ้� เหลา่ นนั้ อกี แลว้ ดว้ ยวา่ ไฟ
ก็ดับแล้ว เขาจึงน�ำไปเก็บไว้อย่างน้ัน ฯ
มหาราช ควรเหน็ อนิ ทรีย์ ๕ มีสทั ธินทรีย์
เป็นต้น ว่าเปรียบเหมือนกับโอ่งน�้ำท้ัง ๕
พระโยคาวจรเปรยี บเหมอื นชาวบา้ น กิเลส
เปรยี บเหมอื นไฟ กเิ ลสดบั ไปดว้ ยอนิ ทรยี ์ ๕
เปรยี บเหมอื นกับไฟ ทีด่ บั ไปดว้ ยนำ้� ทั้ง ๕
โอง่ นนั้ กเิ ลสทด่ี บั ไปแลว้ ยอ่ มไมเ่ กดิ ขนึ้ อกี
ฉนั ใด ขอ้ นก้ี ฉ็ นั นน้ั แหละ มหาราช คอื ปญั ญา

53

ทำ� หนา้ ทข่ี องตนแลว้ กด็ บั ไป แตส่ ง่ิ ทร่ี วู้ า่ เปน็
อนจิ จงั หรอื ทกุ ขงั อนตั ตานน้ั ไมด่ บั ฯ

ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งข้ึนไปอีก ฯ
มหาราช แพทยถ์ อื เอารากยา ๕ ราก ไปหา
คนไข้ บดรากทง้ั ๕ น้ัน แล้วละลายน�ำ้ ให้
คนไขด้ ม่ื โรคนน้ั กห็ ายไปดว้ ยยาทงั้ ๕ รากนนั้
แพทยน์ ้นั คดิ หรอื ไมว่ ่า เราจกั ต้องทำ� กจิ ที่
ควรท�ำด้วยรากยาเหล่าน้ันอีก ฯ ไม่คิด
พระผูเ้ ป็นเจ้า ฯ มหาราช รากยาทงั้ ๕ นั้น
เหมือนอินทรีย์ ๕ มีสัทธินทรีย์ เป็นต้น
แพทยน์ นั้ เหมอื นพระโยคาวจร ความเจบ็ ไข้
เหมือนกิเลส บุรุษผู้เจ็บไข้เหมือนปุถุชน

54

ไขห้ ายไปดว้ ยยาทง้ั ๕ รากนัน้ แล้ว ผเู้ จ็บ
ไข้น้ันก็หายโรค ฉันใด เมื่อกิเลสออกไป
ด้วยอินทรีย์ ๕ แล้ว กิเลสก็ไม่เกิดอีก
ฉนั นน้ั อยา่ งนแี้ หละ มหาราช ชอ่ื วา่ ปญั ญา
ท�ำหน้าท่ีของตนแล้วดับไป แต่สิ่งที่รู้ด้วย
ปัญญาว่าเป็นอนิจจัง หรือทุกขัง อนัตตา
นนั้ ไม่ดบั ฯ นิมนตอ์ ุปมาให้ย่ิงขึน้ ไปอีก ฯ
มหาราช เหมอื นกับบุรษุ ผู้จะเขา้ สู่สงคราม
ถอื เอาธนู ๕ ลกู แลว้ เขา้ สสู่ งครามเพอ่ื ตอ่ สู้
ข้าศึก เขาเข้าสู่สงครามแล้วก็ย่ิงลูกธนูไป
ข้าศึกก็แตกพ่ายไป บุรุษน้ันคิดหรือไม่ว่า
เราจักต้องท�ำกิจด้วยลูกธนูเหล่าน้ันอีก?

55

ไม่คดิ พระผู้เปน็ เจา้ ฯ มหาราช ควรเห็น
อินทรีย์ ๕ เหมือนกับลูกธนูทั้ง ๕ พระ
โยคาวจรเหมือนกับผู้เข้าสู่สงคราม กิเลส
เหมือนกับขา้ ศกึ กิเลสแตกหกั ไป เหมอื น
กบั ขา้ ศกึ พา่ ยแพไ้ ป กเิ ลสแตกหกั ไปแลว้ ไม่
เกิดข้ึนอีกอย่างน้ีแหละ มหาราช ชื่อว่า
ปญั ญาทำ� หน้าท่ขี องตนแลว้ ดบั ไป แตส่ ่งิ ที่
รูด้ ว้ ยปญั ญาว่าเปน็ อนจิ จัง ทกุ ขัง อนตั ตา
นัน้ ไม่ดับ ฯ แก้ดี พระนาคเสน

56

๑๒. ถามที่ตั้งแห่งปัญญา
ข้าแต่พระนาคเสน ปัญญาอยู่
ที่ไหน? ขอถวายพระพร ปัญญาไม่ได้อยู่
ที่ไหน ฯ ขา้ แตพ่ ระนาคเสน ถ้าอยา่ งน้นั
ปัญญาก็ไม่มี ฯ ขอถวายพระพร ลมอยู่
ที่ไหน? ขา้ แตพ่ ระผ้เู ป็นเจ้า ที่อยแู่ ห่งลม
ไมม่ ี ฯ ขอถวายพระพร ถา้ อย่างนัน้ ลมก็
ไม่มี ฯ ฉลาดแก้ พระผเู้ ป็นเจ้า

57

๑๓. ถามลกั ษณะที่มภี าวะเดยี วกนั

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ข้าแต่
พระนาคเสน พระผเู้ ปน็ เจา้ อาจแยกธรรมท่ี
รวมกันอยู่ให้รู้ต่างกันว่า อันน้ีเป็นผัสสะ
อนั นีเ้ ปน็ เวทนา อันนเ้ี ปน็ สัญญา อนั นเี้ ป็น
เจตนา อนั นเี้ ปน็ วญิ ญาณ อนั นเ้ี ปน็ วติ ก อนั นี้
เปน็ วิจาร ได้หรือไม่

พระเถรเจา้ ตอบวา่ ไมอ่ าจ ขอถวาย
พระพร ขอจงอุปมา ฯ ขอถวายพระพร
เหมือนอย่างว่า พ่อครัวของพระราชาเม่ือ
จะตกแตง่ เคร่ืองเสวย ก็ใส่เครื่องปรุงต่างๆ
คือ นมสม้ เกลือ ขงิ ผกั ชี พรกิ และสิ่ง
อน่ื ๆ ลงไป ถา้ พระราชาตรสั สั่งวา่ เจ้าจง

59

แยกเอารสนมส้มมาให้เรา จงแยกเอา
รสเกลอื รสขงิ รสผกั ชี รสพริก รสหวาน
รสเปร้ียวมาให้เราทีละอย่างๆ พ่อครัวนั้น
อาจแยกเอารสที่รวมกันอยู่เหล่านั้นมา
ถวายพระราชาว่า นี้เป็นรสเปร้ียว น้ีเป็น
รสเค็ม น้ีเป็นรสขม นี้เป็นรสเผ็ด น้ีเป็น
รสฝาดได้หรือไม่? ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า
ก็แต่ว่าเขาอาจรู้ได้ตามลักษณะแห่งรส
อย่างหนึ่งๆ ฯ

ข้อน้ีก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร
เมอ่ื ผัสสะ เวทนา สญั ญา เจตนา วิญญาณ
วิตก วิจาร รวมกันเข้าแล้ว อาตมภาพก็

60

ไม่อาจแยกออกให้รู้เป็นอย่างๆ ฉันน้ัน
ก็แต่ว่าอาจให้เข้าใจได้ตามลักษณะแห่ง
ธรรมะอยา่ งหนี่งๆ ฯ ขอถวายพระพร

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าอย่างนั้น
เกลือเป็นของรู้ด้วยชิวหาอย่างน้ันหรือ ฯ
อยา่ งนน้ั มหาบพติ ร ฯ ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้
ถา้ บคุ คลรจู้ กั เกลอื ทง้ั หมดดว้ ยชวิ หา เหตไุ ร
จึงบรรทกุ เกลอื มาดว้ ยเกวยี น ควรบรรทุก
มาดว้ ยความเคม็ เทา่ น้นั ไม่ใชห่ รอื ?

ไม่อาจบรรทุกมาแต่ความเค็ม
เทา่ นน้ั ได้ เพราะวา่ ของเหลา่ นเ้ี ปน็ ของรวมกนั
ส่วนความเค็มบุคคลอาจช่ังได้ด้วยตาช่ัง

61

หรือไม่ ? บุคคลไม่อาจชั่งความเค็มไดด้ ้วย
ตาชง่ั ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ พระผเู้ ปน็ เจา้ วา่
บุคคลไม่อาจช่ังความเค็มได้ด้วยตาช่ัง
อย่างนั้นหรือ ? อย่างนั้น มหาบพิตร ฯ
ถูกต้องดีแลว้ พระนาคเสน

62

๑๔. ถามถงึ สาเหตุท่คี วรใหร้ ีบท�ำ
เสียก่อน

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ข้าแต่
พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ว่า
ท�ำอย่างไรทุกข์น้ีจึงจะดับไป และทุกข์อื่น
จึงจะไม่เกิดขึ้น ก็ควรรีบท�ำอย่างน้ัน
แต่โยมเห็นว่า ประโยชน์อะไรกับการรีบ
พยายามทำ� อยา่ งนน้ั ตอ่ เมอื่ ถงึ เวลา จงึ ควร
ทำ� ไม่ใชห่ รอื ? พระเถรเจา้ ตอบวา่ ขอถวาย
พระพร เม่ือถงึ เวลาแล้ว ความพยายามก็
จะไม่ท�ำสิ่งน้ันให้ส�ำเร็จ ความรีบพยายาม

63

น้ันแหละ จะท�ำสิ่งน้ันให้ส�ำเร็จไป ฯ
ขอนมิ นตอ์ ปุ มา ฯ ขอถวายพระพร มหาบพติ ร
จะเขา้ ใจความขอ้ นอี้ ยา่ งไร คอื เมอ่ื ใดมหาบพติ ร
อยากเสวยน้�ำ เม่ือนั้นมหาบพิตรจึงจะให้
ขุดที่มนี �ำ้ ให้ขดุ สระโบกขรณี ใหข้ ดุ เหมือง
นำ�้ วา่ เราจกั ดม่ื นำ้� อยา่ งนน้ั หรอื ? ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนน้ั
พระผเู้ ปน็ เจา้ ฯ ขอ้ นกี้ ฉ็ นั นน้ั แหละ มหาบพติ ร
เมื่อถึงเวลาแล้วความพยายามไม่ส�ำเร็จ
ประโยชน์ ความรบี พยายามไวก้ อ่ นนนั้ แหละ
จงึ จะสำ� เรจ็ ประโยชน์

ขอนิมนต์อุปมาให้ย่ิงข้ึนไป ฯ
ขอถวายพระพร เมื่อใดมหาบพิตรหิว

64

เมอ่ื นน้ั มหาบพติ รจงึ จกั ใหไ้ ถนา ปลกู ขา้ วสาลี
หวา่ นพชื ขนขา้ วมา หรือปลูกขา้ วเหนยี ว
ด้วยรบั สั่งวา่ เราจักกินข้าว ฯ ทำ� อย่างนั้น
ไมไ่ ด้ พระผเู้ ปน็ เจา้ ฯ ขอ้ นี้ก็ฉนั นัน้ แหละ
มหาบพติ ร เมอ่ื ถงึ เวลาแลว้ ความพยายาม
ไม่ส�ำเร็จประโยชน์ ความรีบพยายามไว้
กอ่ นนน้ั แหละสำ� เร็จประโยชน์

ขอนิมนต์อุปมาให้ย่ิงขึ้นไปอีก ฯ
ขอถวายพระพร เมอื่ ใดสงครามมาตดิ บา้ นเมอื ง
เมื่อนั้นหรือมหาบพิตรจึงจะให้ขุดคู สร้าง
ก�ำแพง สรา้ งเข่ือน สร้างปอ้ ม ขนเสบยี ง
อาหารมาไว้ ใหฝ้ ึกหดั ช้าง มา้ รถ ธนู ดาบ

65

ฯ ท�ำอย่างนน้ั ไมไ่ ด้ พระผ้เู ปน็ เจา้ ฯ ข้อนี้
กฉ็ นั นนั้ แหละ มหาบพติ ร เมอื่ ถงึ เวลาแลว้
ความพยายามไมส่ ำ� เรจ็ ประโยชน์ ความรบี
พยายามไวก้ อ่ นนนั้ แหละสำ� เรจ็ ประโยชน์ ฯ
ขอ้ นสี้ มกบั ทพ่ี ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงตรสั ไวว้ า่
บคุ คลรวู้ า่ สง่ิ ใดเปน็ ประโยชนแ์ กต่ น ควรรบี
ท�ำส่ิงน้ัน ผู้มีความคิด มีความรู้ มีความ
บากบ่นั ไมค่ วรเอาเยย่ี งอยา่ งพอ่ ค้าเกวียน
คือ พ่อค้าเกวียนทิ้งทางเก่าอันเป็นทาง
เสมอกวา้ งใหญด่ ี แลว้ ขบั เกวยี นไปในทางใหม่
ซ่ึงเป็นทางท่ีไม่เสมอดี เวลาเพลาเกวียน
หักแล้วก็ซบเซาฉันใด บุคคลผู้โง่เขลา

66

หลกี ออกจากธรรมะ ไมป่ ระพฤตติ ามธรรมะ
จวนจะใกล้ตายก็จะต้องซบเซาเหมือน
พ่อค้าเกวียนที่มีเพลาเกวียนหักไปแล้ว
ฉะนน้ั ดงั น้ี ขอถวายพระพร ฯ พระผเู้ ปน็ เจา้
กลา่ วแกถ้ กู ตอ้ งดีแลว้

67

๑๕. ถามอาการแหง่ สติ

ข้าแต่พระนาคเสน สติ เกดิ ขน้ึ ด้วย
อาการเทา่ ใด? ขอถวายพระพร สติ เกดิ ขน้ึ
ดว้ ยอาการ ๑๗ คือ เกดิ ขน้ึ ด้วยการรยู้ ิ่ง ๑
ด้วยทรัพย์ ๑ ด้วยวิญญาณอันยิ่ง ๑
ด้วยวิญญาณเกื้อกูล ๑ ด้วยวิญญาณไม่
เกื้อกูล ๑ ด้วยสภาคนิมิตที่เหมือนกัน ๑
ด้วยวิสภาคนิมิตท่ีแปลกกัน ๑ ด้วยการรู้
ยง่ิ กถา ๑ ดว้ ยการกำ� หนด ๑ ดว้ ยการระลกึ ๑
ดว้ ยการนบั ด้วยหัดคดิ ๑ ดว้ ยการนับตาม
ล�ำดับ ๑ ด้วยการจำ� ๑ ด้วยการอบรม ๑
ดว้ ยการจดไว้ ๑ ดว้ ยการเกบ็ ไว้ ๑ ดว้ ยการ
เคยได้พบเหน็ ๑

69

ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ ขอ้ วา่ สตเิ กดิ ขน้ึ
ดว้ ยการรยู้ งิ่ นน้ั คอื อยา่ งไร? ขอถวายพระพร
สติเกิดข้ึนด้วยการรู้ยิ่งน้ัน เหมือนกับสติ
ของพระอานนท์ และนางขชุ ชตุ ตรา อบุ าสกิ า
กบั บุคคลเหลา่ อื่นทีร่ ะลึกชาติหนหลงั ได้ ฯ
กข็ อ้ วา่ สตเิ กดิ ขน้ึ ดว้ ยทรพั ยน์ น้ั คอื อยา่ งไร?
ขอถวายพระพร คือ คนขหี้ ลงขี้ลมื ย่อมมี
อยู่ เวลาเหน็ คนเหลา่ อนื่ เกบ็ ทรพั ยข์ องเขา
ไว้ก็นึกถงึ ทรัพย์ของตนได้ จึงเรียกว่า สติ
เกิดขึ้นด้วยทรัพย์ ฯ กข็ อ้ วา่ สตเิ กิดดว้ ย
วิญญาณอันยิ่งน้ันคืออย่างไร? ขอถวาย
พระพร เหมือนอย่างพระราชาผู้ได้รับ

70

อภิเษกใหม่ หรือผู้ได้ส�ำเร็จโสดาปัตติผล
ยอ่ มมีความรู้สกึ ดีใจอยา่ งยง่ิ ความดีใจนนั้
ท�ำให้เกิดสติ นึกถึงส่ิงต่างๆ ได้ ก็ข้อว่า
สติเกิดข้ึนด้วยวิญญาณอันไม่เก้ือกูลน้ัน
คอื อย่างไร? ขอถวายพระพร คือ บคุ คลได้
รับทกุ ข์ในท่ีใด ก็ระลกึ ได้วา่ เราไดร้ ับทุกข์
ในที่นนั้ ฯ ก็ขอ้ ว่า สตเิ กิดดว้ ยสภาคนิมิตท่ี
เหมอื นกนั นน้ั คอื อยา่ งไร? ขอถวายพระพร
คอื บคุ คลไดเ้ หน็ ผเู้ หมอื นกนั กบั มารดาบดิ า
พีช่ าย พห่ี ญงิ หรืออูฐ โค ลา ของตนแลว้
ก็ระลึกถึงมารดาบิดา พ่ีชาย พี่หญิง อูฐ
โค ลา ของตนได้ ฯ กข็ อ้ วา่ สติเกดิ ดว้ ย

71

วิสภาคนิมิตที่แปลกกันน้ัน คืออย่างไร?
ขอถวายพระพร คือ เมอ่ื ไดร้ ู้เห็น สี กล่ิน
รส โผฏฐัพพะ ของผู้ทแ่ี ปลกกัน หรอื ส่งิ ท่ี
แปลกกนั กร็ ะลกึ ไดถ้ งึ สงิ่ นนั้ ๆ บคุ คลน้นั ๆ
เช่น เห็นคนขาว ก็นึกได้ถึงคนด�ำ
เป็นตัวอย่าง ฯ กข็ อ้ วา่ สตเิ กดิ ข้ึนด้วยการ
รู้ยิ่งซ่ึงกถาน้ัน คืออย่างไร? ขอถวาย
พระพร คือ ผู้ข้ีหลงข้ีลืม เวลามีผู้อ่ืนตัก
เตอื นกน็ ึกได้ ฯ

ก็ข้อว่า สติเกิดด้วยลักษณะน้ัน
คอื อยา่ งไร? คอื เกดิ ขนึ้ ดว้ ยไดร้ เู้ หน็ ลกั ษณะ
แห่งคนหรือสัตว์น้ันๆ เช่น ได้เห็นโคของ

72

ผู้อ่ืนที่มีลักษณะเหมือนโคของตัว ก็นึกถึง
โคของตัวได้ ฯ ก็ข้อว่า สติเกิดด้วยการ
ระลกึ นัน้ คอื อย่างไร? คือคนขีห้ ลงขี้ลืมมี
ผู้เตือนให้ระลึกแล้วๆ เล่าๆ ก็ระลึกได้ ฯ
ก็สติเกิดด้วยหัดคิดน้ัน คืออย่างไร? คือ
ผไู้ ดเ้ รยี นหนงั สอื แลว้ ยอ่ มรไู้ ดว้ า่ อกั ษรตวั น้ี
ควรไวใ้ นระหวา่ งอกั ษรตวั นี้ สว่ นอกั ษรตวั นี้
ควรไว้ติดกับอักษรตัวนี้ ฯ ข้อว่า สติเกิด
ด้วยการนับน้ัน คืออย่างไร? คือธรรมดา
ผู้นบั ยอ่ มระลึกถึงส่ิงต่างๆ ไดม้ าก เพราะ
เม่ือนับดูก็ย่อมนึกได้ถึงสิ่งน้ันๆ ฯ ข้อว่า
สติเกิดด้วยความจ�ำนั้น คืออย่างไร? คือ

73

ผู้จำ� ดกี น็ กึ ถึงสงิ่ ต่างๆ ได้ ฯ ขอ้ ว่า สตเิ กดิ
ด้วยการอบรมน้ัน คืออย่างไร? คือ ผู้ได้
อบรมบุพเพนิวาสญาณ ย่อมระลึกชาติ
หนหลงั ได้ ฯ ขอ้ วา่ สตเิ กดิ ดว้ ยการจดไวน้ น้ั
คืออยา่ งไร? คือ เม่ือได้อ่านดสู ่งิ ทีต่ นจดไว้
ก็นึกได้ ฯ ข้อว่า เกิดด้วยการเก็บไว้นั้น
คอื อยา่ งไร? คอื ไดเ้ หน็ ของทตี่ นเกบ็ ไวแ้ ลว้
จงึ นกึ ได้ ฯ ขอ้ ว่า ดว้ ยการเคยพบเหน็ น้ัน
คอื อยา่ งไร? คอื ระลกึ ไดด้ ว้ ยไดเ้ คยพบเหน็
มาก่อน อยา่ งน้ีแหละมหาบพติ ร ชื่อวา่ สติ
เกดิ ดว้ ยอาการ ๑๗ อยา่ ง ฯ ถกู ตอ้ งดแี ล้ว
พระนาคเสน

74

๑๖. ถามเรอ่ื งการดบั ทกุ ขใ์ น ๓ กาล

ข้าแต่พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้า
พยายามละทุกข์ท่ีเป็นอดีตหรืออย่างไร?
ไม่ใช่ ขอถวายพระพร ฯ ถา้ อยา่ งนนั้ พระผู้
เปน็ เจา้ พยายามละทกุ ขอ์ นาคตอยา่ งนนั้ หรอื ?
ไม่ใช่ ขอถวายพระพร ฯ ถ้าอย่างนั้น
พระผเู้ ปน็ เจา้ พยายามละทกุ ขป์ จั จบุ นั อยา่ ง
นนั้ หรอื ? ไม่ใช่ ขอถวายพระพร ฯ ถา้ ไม่ใช่
พยายามละทกุ ข์ อดตี อนาคต ปจั จบุ นั แลว้
พยายามเพื่ออะไร? ขอถวายพระพร
พยายามเพอ่ื ใหท้ กุ ขท์ ี่มอี ยูด่ บั ไป และเพื่อ
ไมใ่ หท้ กุ ข์ใหมเ่ กดิ ขน้ึ ฯ ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้
ทุกขอ์ นาคต มอี ย่หู รือ? มอี ยู่ มหาบพติ ร

76

ฯ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บุคคลเหล่าใด
พยายามเพอ่ื ละสง่ิ ทย่ี งั ไมม่ ี บคุ คลเหลา่ นนั้
เปน็ อตบิ ณั ฑติ เสยี แลว้ คอื เปน็ บณั ฑติ เกนิ
ไปเสียแล้ว ฯ ขอถวายพระพร มหาบพิตร
เคยมีราชศัตรูหรอื ไม?่ เคยมี ผู้เป็นเจ้า ฯ
ขอถวายพระพร เมอ่ื มรี าชศตั รทู จี่ ะมาจโู่ จม
บา้ นเมอื งเกดิ ขน้ึ มหาบพติ รจงึ โปรดใหข้ ดุ คู
สร้างก�ำแพง สร้างประตูเมือง สร้างป้อม
ขนเสบยี งอาหารเขา้ มาไวใ้ นพระนคร ใหฝ้ กึ
หดั ชา้ ง มา้ รถ ธนู ดาบ หอก อยา่ งนน้ั หรอื ?
ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่าน้ัน
ตอ้ งรบี ท�ำไว้กอ่ นท้งั นน้ั ฯ ขอถวายพระพร

77

ท�ำไว้เพื่ออะไร? ท�ำไว้เพื่อป้องกันภัย
อนาคตนะ่ สิ ฯ ขอถวายพระพร ภยั อนาคต
มีอยหู่ รอื ? มอี ยู่ พระผเู้ ป็นเจ้า ฯ ขอถวาย
พระพร พวกใดตกแตง่ บา้ นเมอื งไวเ้ พอ่ื ละภยั
อนาคต พวกนนั้ กเ็ ปน็ บณั ฑติ เกนิ ไปนะ่ สิ ฯ
ขอนิมนตอ์ ุปมา ฯ

ขอถวายพระพร เม่ือใดมหาบพิตร
อยากเสวยน�้ำ เม่ือนั้นมหาบพิตรจึงโปรด
ให้ขุดบ่อน�้ำ ขุดสระโบกขรณี ขุดเหมือง
ขุดบ่อ อย่างน้ันหรือ? ไม่ใช่อย่างนั้น
พระผเู้ ปน็ เจา้ สงิ่ เหลา่ นน้ั ตอ้ งทำ� ไวก้ อ่ นทง้ั
น้ัน ฯ ขอถวายพระพร ท�ำไว้เพื่ออะไร?

78

ทำ� ไวเ้ พอื่ ความกระหายนำ้� น่ะสิ ฯ ขอถวาย
พระพร ความกระหายนำ�้ อนาคตมอี ยหู่ รอื ?
มอี ยู่ พระผเู้ ปน็ เจา้ ฯ ขอถวายพระพร พวกท่ี
ตระเตรยี มการณ์ไวเ้ พอื่ ละความกระหายนำ�้
อันยังไม่มีอยู่น้ัน ก็เป็นบัณฑิตเกินไป
นะ่ ส?ิ ขอนมิ นต์อปุ มา ฯ ขอถวายพระพร
เมื่อมหาบพิตรทรงหิวพระกระยาหาร
จงึ โปรดใหไ้ ถนา หวา่ นขา้ ว ปลกู ขา้ วอยา่ งนนั้
หรอื ? ไม่ใชอ่ ยา่ งนนั้ พระผเู้ ปน็ เจา้ ตอ้ งให้
ท�ำไว้กอ่ นทงั้ นั้น ฯ ขอถวายพระพร ท�ำไว้
เพื่ออะไร? ท�ำไว้เพื่อป้องกันความหิว
อนาคตนะ่ สิ ฯ ขอถวายพระพร ความหวิ

79

อนาคตมีอยู่หรือ? มีอยู่ พระผู้เป็นเจ้า ฯ
ขอถวายพระพร มหาบพติ รท่ีโปรดใหท้ ำ� สง่ิ
นน้ั ๆ ไว้ เพอื่ ปอ้ งกนั ความหวิ อนั ยงั ไมม่ อี ยู่
ก็เป็นบัณฑิตเกนิ ไปน่ะสิ

80

๑๗. ถามถึงการทำ�บาปแห่งผ้รู ู้
กับผูไ้ ม่รู้

ข้าแต่พระนาคเสน สมมติว่ามีคน
๒ คน คนหน่ึงรู้จักบาป คนหนึ่งไม่รู้จัก
แต่กระทำ� บาปดว้ ยกันทง้ั ๒ คน ขา้ งไหน
จะได้บาปมากกว่ากัน ฯ ขอถวายพระพร
ข้างไม่รู้จักได้บาปมากกว่า ฯ ข้าแต่พระ
นาคเสน ราชบตุ รของโยม หรอื ราชอำ� มาตย์
คนใดรู้แต่ท�ำผิดลงไป โยมลงโทษแก่ผู้นั้น
เป็นทวีคูณ ฯ ขอถวายพระพร มหาบพติ ร
จะเขา้ พระทยั ความขอ้ นอี้ ยา่ งไร คอื สมมตวิ า่

81

มีคน ๒ คนจับก้อนเหล็กแดงเหมือนกัน
คนหนง่ึ รูว้ ่าเปน็ กอ้ นเหล็กแดง อีกคนหนึง่
ไม่รู้ คนไหนจะจับแรงกว่ากัน ฯ ข้าแต่
พระผเู้ ป็นเจา้ คนท่ีไม่รู้จับแรงกว่า ฯ ข้อน้ี
ก็ฉันนน้ั แหละ มหาบพิตร คอื ผ้ไู มร่ บู้ าป
ไดบ้ าปมากกว่า ฯ ชอบแล้ว พระนาคเสน

82

๑๘. เหตใุ ห้เจรญิ ความรู้ ๘
ขา้ แตพ่ ระนาคเสน เหตจุ ะใหค้ วามรู้

ดขี ึ้นมีอยู่ ๘ อยา่ ง คอื
วะยะวุฑฒิ เจริญด้วยวัยอายุ
ยะสะลาโภ ความได้ยศศกั ดิ์
ปะรปิ ุจฉา การชอบการซกั ไซ้
ไต่ถาม
ตฏิ ฐาวาสัง ไมค่ บพวกเดียรถีย์
โยนโิ สมะนะสกิ าโร การนกึ ถูกทาง
สากจั ฉา การสนทนาเรอ่ื งต่างๆ
สะเนหุปะวาสงั มากดว้ ยความรกั
ในเหตุผล

83

ปะฏริ ปู ะเทสวาโส อย่ใู นประเทศอนั
สมควร

ข้าแต่พระนาคเสน ภูมิภาคน้ี
ประกอบด้วยองค์ ๘ ฯ อีกอย่างหน่ึง
โยมก็เป็นเพื่อนร่วมคิดอย่างเย่ียมในโลก
โลกนยี้ งั เปน็ ไปอยตู่ ราบใด โยมยงั มชี วี ติ อยู่
ตราบใด กจ็ ะรกั ษาความลบั ไวใ้ หไ้ ดต้ ราบนน้ั
ฯ ความร้ยู ่อมเจรญิ ข้นึ ด้วยเหตุ ๘ อยา่ งนี้
ศิษย์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เหมือนอย่าง
ทุกวันน้ีหาได้ยาก ฯ ล่วงอาจารย์ก็ควร
ปฏบิ ตั ชิ อบใหป้ ระกอบดว้ ยคณุ ของอาจารย์
๒๕ ประการ

84

๑๙. คณุ ของอาจารย์ ๒๕ ประการ
สะตะตัง สะมิทธัง ดูแลศิษย์เนืองๆ
เสวะนาเสวะนัง รู้จกั คนท่ีควรคบและ
ไม่ควรคบ
ปะมัตตาปะมตั ตัง รู้ว่าศษิ ยป์ ระมาท
หรอื ไม่ประมาท
เสยโยวะกาโส รเู้ วลาที่ศษิ ยน์ อน
คิลาโน ร้เู วลาท่ีศิษยเ์ จบ็ ไข้
โภชะนียงั รู้วา่ ศษิ ย์ได้อาหาร
หรือยงั ไม่ได้
วิเสสะชานะนงั รู้คณุ วิเศษต่างๆ

85

สงั วิภชั ชะนงั ร้จู ักแจกแบ่งอาหาร
ให้ศษิ ย์
อัสสาเสตัพพงั รจู้ กั ปลอบศิษย์
ไม่ใหก้ ลัว
ปะฏจิ าโร สอนให้ศษิ ยป์ ระพฤติ
ตามเยีย่ งอย่างคนดี
คามะมูปะจาโร ต้องรู้จักอปุ จาร
แห่งบ้าน
วหิ ารูปะจาโร ตอ้ งรูจ้ ักอปุ จาร
แหง่ วิหาร
นะหาโสทะโว ไมค่ วรเล่นหัวตลก
คะนองกับศิษย์

86

อะธิวาสะนัง ควรรจู้ กั อดโทษศิษย์
สกั กัจจะการี ควรตงั้ ใจท�ำดีตอ่ ศษิ ย์
อะวะขณั ฑะการี ควรประพฤติใหเ้ ป็น
ระเบียบตอ่ ศิษย์
อะระหสั สะการี ไมค่ วรปดิ ๆ บงั ๆ ศษิ ย์
มิระวะเสสะการี สอนความรใู้ หศ้ ษิ ย์
ส้ินเชิง
สปิ ปะชะนะกะจติ ตงั ควรคดิ อยากใหศ้ ษิ ย์
รู้ศิลปะ
วฑุ ฒะจติ ตัง ควรคดิ แต่ทางทจี่ ะให้
ศิษย์เจรญิ
สกิ ขาจิตตัง ควรคิดอยากใหศ้ ิษย์
ชอบเล่าเรยี น

87

เมตตะจติ ตงั ควรมจี ติ เมตตาตอ่ ศษิ ย์
นะ วชิ ะหิตพั พงั ไม่ควรทิ้งศิษยเ์ วลามี
อันตราย
กิริยา นะปะมัชชติ พั พา ไม่ควรประมาท
กริ ิยาตอ่ ศิษย์
ปคั คะเหตพั พัง ควรประคองศิษย์
ผู้พลง้ั พลาด

ขา้ แตพ่ ระผเู้ ปน็ เจา้ คณุ ของอาจารย์
มอี ยู่ ๒๕ อยา่ ง ดงั ทว่ี า่ มาน้ี ขอพระผเู้ ปน็ เจา้
จงประพฤติชอบต่อโยม ด้วยคุณธรรม
เหล่านี้ ศิษย์ผู้เป็นเช่นโยมน้ีหาได้ยาก ฯ
ความสงสัยใหญ่ ได้มีอยู่แก่โยมเพราะ

88

เมณฑกปัญหา คือปัญหาอันเปรียบด้วย
แพะชนกัน พระชินศรีได้ทรงแสดงไว้แล้ว
ต่อไปข้างหน้าจักมีการถือผิดกัน ทะเลาะ
กันในเมณฑกปัญหานั้น อาจารย์ผู้ถูก
ปรวาทีไต่ถาม เมื่อรู้ก็จะแก้ได้ จะจ�ำแนก
แจกเน้ือความได้ จักท�ำลายคัณฐิปัญหาที่
เป็นข้อเป็นปมออกได้ ต่อไปข้างหน้า
พระภิกษุผู้เหมือนกับพระผู้เป็นเจ้า จักหา
ไดย้ าก ขอพระผเู้ ปน็ เจา้ จงใหจ้ กั ษใุ นปญั หา
แก่โยมไว้ เพ่ือจะข่มเสียซึ่งค�ำปรัปวาท
พระเถรเจ้ารบั วา่ ดีแลว้ มหาบพิตร

89

๒๐. ถามถงึ ที่ต้งั นิพพาน

ขา้ แตพ่ ระนาคเสน ทที่ างบรู พา หรอื
ทางทกั ษณิ ทางปจั ฉมิ ทางอดุ ร ทางเบอ้ื งบน
ทางเบ้ืองต�่ำ ทางขวาง ที่นิพพานต้ังอยู่
มีอยู่หรือ? ไม่มี มหาบพิตร ฯ ข้าแต่
พระนาคเสน ถ้าที่นิพพานต้ังอยู่ไม่มี
นิพพานก็ไม่มี ข้อท่ีว่า การกระท�ำให้แจ้ง
นพิ พานกผ็ ดิ ฯ ในเรอ่ื งนี้โยมขออา้ งเหตวุ า่
นาเป็นที่ตั้งแห่งข้าว ดอกไม้เป็นท่ีตั้งแห่ง
กลนิ่ กอไมเ้ ปน็ ทตี่ งั้ แหง่ ดอกไม้ ตน้ ไมเ้ ปน็
ที่ต้ังแห่งผลไม้ บ่อแก้วเป็นที่ต้ังแห่งแก้ว
ผู้ตอ้ งการส่ิงใดๆ ในทีน่ น้ั ไปที่นัน้ แลว้ ก็ได้
สงิ่ นนั้ ๆ ฉนั ใด ถา้ นพิ พานมี ทแี่ หง่ นพิ พาน

91

ก็ควรมี ฉันนั้น ฯ เพราะท่ีตัง้ แห่งนพิ พาน
ไมม่ ี โยมจงึ วา่ นพิ พานไมม่ ี คำ� ทว่ี า่ กระทำ�
ให้แจ้งนิพพานนั้น ก็ผิดไป ฯ ขอถวาย
พระพร ทต่ี ง้ั แหง่ นพิ พานไมม่ ี แตน่ พิ พานมี
ผปู้ ฏบิ ตั ชิ อบ เมอ่ื เหน็ ความตง้ั ขน้ึ และเสอ่ื มไป
แหง่ สงั ขารทง้ั หลายดว้ ยโยนโิ สมนสกิ ารแลว้
ก็กระท�ำใหแ้ จ้งนพิ พาน ฯ ไฟมีอยู่ แตท่ ต่ี ั้ง
แห่งไฟไม่มี เมื่อบคุ คลเอาไม้ ๒ อนั มาสี
กนั เขา้ ก็ไดไ้ ฟ ฉนั ใด นพิ พานกม็ อี ยู่ แตว่ า่
ที่ตั้งแห่งนิพพานไม่มี เม่ือผู้ปฏิบัติชอบ
เลง็ เหน็ ความตงั้ ขนึ้ และเสอ่ื มไปแหง่ สงั ขาร
ทงั้ หลาย ดว้ ยโยนโิ สมนสกิ ารแลว้ กก็ ระทำ�

92

ให้แจ้งนิพพานฉันน้ัน ฯ อีกอย่างหนึ่ง
แกว้ ๗ ประการ คอื จกั รแกว้ ชา้ งแกว้ มา้ แกว้
แก้วมณี นางแกว้ ขุนคลงั แกว้ ขนุ พลแกว้
มอี ยู่ แต่ทต่ี ้งั แหง่ แกว้ ๗ ประการนัน้ ไมม่ ี
กษตั รยิ ผ์ ปู้ ฏบิ ตั ชิ อบยอ่ มไดแ้ กว้ ๗ ประการน้ี
ดว้ ยผลแห่งการปฏิบตั ฉิ ันใด นิพพานมีอยู่
แต่ที่ต้ังนิพพานไม่มี เม่ือมีผู้ปฏิบัติชอบ
เล็งเห็นความสิ้นความเส่ือมแห่งสังขารทั้ง
หลาย ดว้ ยโยนโิ สมนสกิ ารแลว้ ก็กระทำ� ให้
แจ้งนิพพานฉันนน้ั

ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าที่ต้ังแห่ง
นิพพานไม่มี ผู้ปฏิบัติชอบตั้งอยู่ในที่ใด

93

จึงกระท�ำให้แจ้งนิพพาน ท่ีน้ันมีอยู่หรือ?
ขอถวายพระพร มีอยู่ ฯ มีอยู่อย่างไร?
โยมขอฟัง ฯ ขอถวายพระพร มอี ยอู่ ยา่ งนี้
คือ ที่ต้ังน้ันได้แก่ศีล ผู้ตั้งอยู่ในศีล ผู้มี
โยนโิ สมนสิการ ผูป้ ฏบิ ัติชอบ ไมว่ ่าอยู่ในท่ี
ใดๆ จะเปน็ ปา่ สกั กายวนั หรอื จนี วลิ าตะวนั
อลสันทนคร นิกุมพนคร กาสีโกสลนคร
กสั สรนคร คนธารนคร ยอดภเู ขา พรหมโลก
ก็ตาม ก็กระท�ำให้แจ้งนิพพานได้ท้ังน้ัน
ขอถวายพระพร ฯ เป็นอันถูกต้องดีแท้
พระนาคเสน พระผเู้ ปน็ เจา้ ไดแ้ สดงนพิ พาน
ไวแ้ ลว้ ไดแ้ สดงการกระทำ� ให้แจ้งนิพพาน

94

ไวแ้ ลว้ ไดย้ กธงชยั คอื พระธรรมขน้ึ ไวแ้ ลว้
ได้ต้ังธัมมเนตติ คือ เครื่องน�ำพระธรรม
ไวแ้ ล้ว โยมขอรบั วา่ ถกู ต้องดี

95


Click to View FlipBook Version