The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กุญแจภาวนา โดย หลวงพ่อชา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-02-08 21:04:29

กุญแจภาวนา โดย หลวงพ่อชา

กุญแจภาวนา โดย หลวงพ่อชา

Keywords: กุญแจภาวนา,หลวงพ่อชา

๔๘

อาตมาว่าธรรมนน้ั ดูตรงน้ีก็เห็นไปหมดได้ พูดได้ดูได้พิจารณา
อยคู่ นเดยี วพูดธรรมะกอ็ ยา่ งน้แี หละ อาตมาพูดอยา่ งอ่นื ไมเ่ ป็น พูดก็
พูดไปอยา่ งนีท้ ํานองนี้นีก่ เ็ ป็นแตเ่ พียงพูดให้ฟังเทา่ น้ัน

ทนี ีใ้ หไ้ ปทําดู ถ้าไปทํามันจะเป็นอย่างน้ันๆ มีหนทางบอก ถ้า
มนั เปน็ อย่างน้นั ใหท้ ําอย่างน้ันก็ไปทําดูอีก ถ้าไปทําดูอีกมันเป็นอีก
อยา่ งหนง่ึ กต็ ้องแก้ โน่นแหละจงึ จะมีท่บี อก ในเมื่อเดินสายเดียวกัน
มันต้องเป็นในจิต ท่านมหาแน่นอนถ้าไม่เป็นอย่างน้ันมันต้องเกิด
ขัดข้อง ขัดข้องก็ต้องจี้จุด เมื่อพูดตรงนี้มันไปถูกจิตท่านมหามันก็
รู้จักแก้ ถ้ามันติดอีกท่านผู้แนะนําก็จะบอก เพราะตรงนี้ท่านก็เคย
ติดมาแล้วกต็ อ้ งแกอ้ ยา่ งน้ันมันรู้เรื่องกันกพ็ ูดกัน ได้

เชน่ เดียวกบั อารมณ์ คอื เสยี งได้ยนิ เปน็ อย่างหนึ่งเสยี งเปน็ อย่าง
หน่ึง เรารับทราบไว้ไม่มีอะไร เราอาศัยธรรมชาติอย่างนี้แหละมา
พิจารณาหาความจรงิ จนใจมนั แยกของมันเอง พูดง่ายๆ ก็คือมันไม่
เอาใจใสเ่ อง มันจงึ เปน็ อยา่ งน้ันได้ เม่ือหูได้ยินเสียงดูจิตของเรามัน
พัวพันไปตามไหม มันรําคาญไหม เท่าน้ีเราก็รู้ ได้ยินอยู่แต่ไม่
รําคาญ ฉันอยู่ที่นี่เอากันใกล้ๆ มิได้เอาไกลจะหนีจากเสียงนั้นหนี

๔๙

ไม่ไดห้ รอก ตอ้ งหนวี ิธนี ้จี งึ จะหนีได้ โดยเราฝึกจิตของเราจนม่ันอยู่
ในส่งิ นี้ วางสิ่งเหลา่ นน้ั ส่ิงท่ีวางแล้วน้ันก็ยังได้ยินอยู่ได้ยินอยู่แต่ก็
วางอยู่ เพราะส่งิ เหล่านั้นถูกวางอยู่แล้วมิใช่จะไปบังคับให้มันแยก
มนั แยกเองโดย อัตโนมตั ิ เพราะการละการวางจะอยากใหม้ นั ไปตาม
เสยี งน้ันมันกไ็ ม่ไป

เมื่อเรารู้ถึงรูปเสียงกลิ่นรสทั้งหลายเหล่านี้ตามเป็นจริงแล้ว
เห็นชดั อยู่ในดวงจติ ของเราวา่ ส่ิงเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสามัญลักษณะ
คือ อนิจจังทุกขังอนัตตาหมดท้ังน้ัน เม่ือได้ยินครั้งใดก็เป็นสามัญ
ลกั ษณะอยใู่ นใจ เวลาอารมณท์ ้ังหลายมากระทบไดย้ นิ ก็เหมอื นไม่ได้
ยนิ น้ัน ไมใ่ ชจ่ ติ ของเราจะไมม่ ีการงานสตกิ ับจิตพวั พนั คมุ้ ครองกนั อยู่
ตลอดกาลตลอดเวลา ถา้ ทา่ นมหาทําจิตให้ถึงอันน้ีแล้วถึงจะเดินไป
ทางไหนมนั ก็ค้นควา้ อยู่ นเ่ี ปน็ ธรรมวจิ ยั หลักของโพชฌงคเ์ ทา่ น้ันเอง
มันหมุนเวยี นพูดกับตวั เองแก้ปลดเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่
มีอะไรจะมาใกล้มันได้ มนั มีงานทาํ ของมันเอง

๕๐

จิตที่ตนื่ รู้เบกิ บานเปน็ พทุ ธะ

นเ่ี รือ่ งอัตโนมัติของจิตที่เป็นอยู่ไม่ได้แต่ง มันหัดเบื้องแรกมัน
เป็นเลย ถ้าเราทําอยู่อย่างนี้ท่านมหาจะมีอาการอย่างหนึ่งแปลก
ขึ้นมาคือ เวลาไปนอนตั้งใจแล้วนอนเคยนอนกรนหรือนอนละเมอ
กนั ฟนั หรือนอนด้ินนอนขวาง ถ้าจิตเป็นอย่างนี้แล้วส่ิงเหล่าน้ันฉิบ
หายหมด ถึงจะหลับสนิทต่ืนขึ้นมาแล้วมีอาการคล้ายกับไม่ได้นอน
เหมือนไม่ได้หลบั แต่ไม่ง่วง เมอ่ื กอ่ นเราเคยนอนกรนถ้าเราทําจิตใจ
ให้ต่นื แลว้ ไมก่ รนหรอก จะกรนอย่างไรคนไม่ได้นอนกายมันไประงับ
เฉยๆ ตัวนต้ี น่ื อย่ตู ลอดทัง้ วนั ท้งั คืนต่ืนอยู่ทกุ กาลเวลา คือพุทโธผู้รู้ผู้
ต่นื ผ้เู บิกบานผ้แู จ้งผสู้ ว่าง ตัวนี้ไม่ได้นอน มันเป็นของมันอยู่ไม่รู้สึก
งว่ ง ถ้าเราทําจิตของเราอย่างนไ้ี มน่ อนตลอด ๒-๓ วัน บางทีมันง่วง
ร่างกายมนั เพลีย พอง่วงเรามาน่ังกําหนดเข้าสมาธิทันทีสัก ๕ นาที
หรือ ๑๐ นาทแี ล้วลืมตาข้ึน จะรู้สกึ เท่ากับไดน้ อนตลอดคืนและวัน

เร่ืองการนอนหลบั นี่ ถา้ ไมค่ ดิ ถึงสังขารแลว้ ไม่เป็นไร แต่ว่าเอา
แต่พอควร เม่ือนึกถึงสภาวะของสังขารความเป็นไปแล้วก็ให้ตาม
เร่ืองของมัน ถ้ามันถึงตรงนั้นแล้วไม่ต้องนําไปบอกหรอก มันบอก
เองมันจะมีผู้จ้ีผู้จดถึงข้ีเกียจก็มีผู้บอกให้เราขยันอยู่เสมอ อยู่ไม่ได้

๕๑

หรอกถ้าถงึ จุดมันจะเป็นของมนั เอง ดูเอาสิอบรมมานานแล้วอบรม
ตัวเองดู

กายวเิ วกสาคญั มาก

แต่วา่ เบอื้ งแรกกายวเิ วกสําคัญนะ เมื่อเรามาอยู่กายวิเวกแล้ว
จะนึกถึงคําพระสารีบุตรเทศน์ไว้เก่ียวกับกายวิเวก จิตวิเวก อุปธิ
วิเวก* กายวิเวกเป็นเหตุให้เกิดจิตวิเวก จิตวิเวกเป็นเหตุเกิดอุปธิ
วเิ วก แตบ่ างคนพูดวา่ ไมส่ ําคญั หรอกถา้ ใจเราสงบแล้วอยู่ท่ีไหนก็ได้
จริงอยแู่ ตเ่ บอ้ื งแรกให้เหน็ ว่ากายวิเวกเป็นที่หนึ่งให้คิดอย่างน้ี วันน้ี
หรอื วนั ไหนกต็ ามท่านมหาเข้าไปนัง่ อยู่ในปุาชา้ ไกลๆ บ้าน ลองดูให้
อยคู่ นเดยี วหรือท่านมหาจะไปอย่ทู ่ียอดเขายอดหน่ึงซ่ึงเป็นท่ีหวาด
สะดุง้ ใหอ้ ยคู่ นเดียวนะ เอาให้สนุกตลอดคนื แลว้ จงึ จะรูจ้ ักว่ามันเป็น
อย่างไร

เร่อื งกายวเิ วกนี่ แม้เม่ือก่อนอาตมาเองก็นึกว่าไม่สําคัญเท่าไร
คดิ เอาแตเ่ วลาไปทาํ ดูแลว้ จงึ นึกถงึ คาํ สอนของพระพุทธเจ้า พระองค์
สอนใหไ้ ปหากายวเิ วกเปน็ เบ้ืองแรก เปน็ เหตุใหจ้ ติ วิเวก ถ้าจติ วิเวกก็
เปน็ เหตุเกิดอปุ ธิวเิ วก เชน่ เรายังครองเรอื นกายวเิ วกเปน็ อย่างไร พอ

๕๒

กลับถึงบ้านเท่านั้นต้องวุ่นวายยุ่งเหยิงเพราะกายไม่วิเวก ถ้าออก
จากบ้านมาสสู่ ถานที่วเิ วกกเ็ ป็นไปอีกแบบหนง่ึ

อาจารย์ชว่ ยชแ้ี นะผดิ ถกู

ฉะน้ัน ตอ้ งเขา้ ใจวา่ เบื้องแรกน้กี ายวิเวกเปน็ ของสําคญั เมอ่ื ได้
กายวิเวกแล้วกไ็ ดธ้ รรม เม่อื ไดธ้ รรมแลว้ ก็ใหม้ ีครบู าอาจารยเ์ ทศน์ให้
ฟัง คอยแนะนําตรงท่ีเราเข้าใจผิด เพราะที่เราเข้าใจผิดน่ัน
เหมอื นกบั เราเขา้ ใจถูกนเ่ี อง ตรงที่เราเขา้ ใจผิดแต่นึกว่าถูกถ้าไดท้ ่าน
มาพูดใหฟ้ ังจงึ เข้าใจว่าผดิ ท่ีท่านว่าผิดก็ตรงทเ่ี รานึกว่าถูกน่ันแหละ
อันนมี้ ันซ้อนความคิดของเราอยู่

เรียนตามแบบ รบนอกแบบ

ตามท่ีได้ทราบขา่ วมพี ระนกั ปรยิ ัตบิ างรปู ท่านค้นคว้าตามตํารา
เพราะได้เรียน มามาก อาตมาว่าทดลองดูเถอะ การกางแบบกาง
ตําราทํานี่ ถึงเวลาเรียนๆตามแบบ แต่เวลารบๆ นอกแบบ ไปรบ
ตามแบบมันสู้ข้าศึกไม่ไหว ถ้าเอากันจริงจังแล้ว ต้องรบนอกแบบ
เรือ่ งมนั เปน็ อย่างนนั้ ตาํ รานัน้ ทา่ นทาํ ไว้พอเป็นตัวอย่างเทา่ นั้น บาง
ทีอาจทําให้เสียสตกิ ไ็ ด้เพราะพดู ไปตามสัญญา สงั ขาร ทา่ นไม่เข้าใจ

๕๓

ว่าสังขารมันปรุงแต่งท้ังน้ัน เด๋ียวน้ีลงไปพ้ืนบาดาลโน่นไปพบปะ
พญานาค เวลาขน้ึ มากพ็ ดู กบั พญานาค พูดภาษาพญานาค พวกเรา
ไปฟังมนั ไม่ใชภ่ าษาพวกเรา มันกเ็ ป็นบ้าเท่านั้นเอง

ครูบาอาจารย์ท่านไม่ให้ทําอย่างนั้น เรานึกว่าจะดิบจะดี มัน
ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ท่านพาทํานี้ มีแต่ส่วนละส่วนถอนเรื่องทิฐิมานะ
เรือ่ งเนอ้ื เร่อื งตวั ทั้งน้นั อาตมาว่าการปฏิบัติน้ีก็ยากอยู่ ถึงอย่างไรก็
อย่าทง้ิ ครทู ้ิงอาจารย์ เร่อื งจิตเรือ่ งสมาธนิ ห่ี ลงมากจริงๆ เพราะส่ิงที่
ไม่ควรจะเป็นไปได้แต่มันเป็นขึ้นมาได้ เราจะว่าอย่างไรอาตมาก็
ระวงั ตัวเองเสมอ

ตดั ปญั หาอยา่ คาดหวงั หรอื กะเกณฑ์

เม่ือคราวออกปฏิบัติในระยะ ๒-๓ พรรษาแรกยังเช่ือตัวเอง
ไมไ่ ด้ แต่พอได้ผ่านไปมากแล้วเชื่อวาระจิตตัวเองแล้วไม่เป็นอะไร
หรอก ถงึ จะมีปรากฏการณอ์ ยา่ งไรก็ให้มนั เป็นมา ถ้ารู้เรื่องอย่างน้ี
สงิ่ เหล่านี้กร็ ะงับไป มีแตเ่ รือ่ งจะพิจารณาต่อไปก็สบาย ทา่ นมหายงั
ไมไ่ ดท้ าํ ดู เคยนงั่ สมาธแิ ล้วใชไ่ หม การนั่งสมาธิน่ีสิ่งท่ีไม่น่าผิดก็ผิด
ได้ เช่นเวลานงั่ เราต้งั ใจว่า “เอาละจะเอาให้มันแนๆ่ ดูที” เปลา่ ! วัน

๕๔

นั้นไม่ได้เรื่องเลยแต่คนเราชอบทําอย่างน้ัน อาตมาเคยสังเกตมัน
เป็นของมันเอง เช่นบางคืนพอเร่ิมนง่ั กน็ กึ วา่ “เอาละวนั นี้อย่างน้อย
ตหี นง่ึ จึงจะลกุ ” คิดอยา่ งน้ีก็บาปแล้วเพราะว่าไม่นานหรอกเวทนา
มันรุมเอาเกือบตาย มันดีเวลาน่ังโดยไม่ต้องกะเกณฑ์ ไม่มีที่จุดท่ี
หมายทุ่มหน่ึงสองทุ่มสามทุ่มก็ช่างมันน่ังไปเร่ือยๆ วางเฉยไว้อย่า
บังคับมัน อย่าไปหมายมั่น อย่าไปบังคับหัวใจว่าจะเอาให้มันแน่ๆ
มนั ก็ย่งิ ไม่แน่

ให้เราวางใจสบายๆ หายใจก็ใหพ้ อดอี ย่าเอาส้ันเอายาว อย่า
ไปแตง่ มนั กายก็ใหส้ บายทําเรื่อยไป มันจะถามเราว่าจะเอาก่ีทุ่ม
จะเอานานเทา่ ไร มันมาถามเรื่อยหรอก เราต้องตวาดมันว่า “เฮ้ย
อย่ามายุ่ง” ต้องปราบมันไว้เสมอเพราะพวกน้ีมีแต่กิเลสมากวน
ทั้งน้ัน อย่าเอาใจใส่มัน เราต้องพูดว่า “กูอยากพักเร็วพักช้าไม่ผิด
กระบาลใครหรอก กอู ยากนั่งอย่ตู ลอดคืนมันจะผิดใคร จะมากวนกู
ทําไม” ต้องตัดมันไว้อย่างน้ีแล้วเราก็น่ังเร่ือยไปตามเร่ืองของเรา
วางใจสบายกเ็ ลยสงบเป็นเหตุให้เข้าใจว่าอํานาจอุปาทานความยึด
หมายนี้สาํ คัญมาก จรงิ ๆ เมอื่ เรานง่ั ไปๆ นานแสนนานเลยเที่ยงคืน

๕๕

ค่อนคืนไปก็เลยนั่งสบาย มันก็ถูกวิธีจึงรู้ว่าความยึดม่ันถือมั่นเป็น
กเิ ลสจรงิ ๆ เพราะวางจิตไมถ่ ูก

บางคนนน้ั เวลานงั่ จุดธปู ไว้ข้างหน้าคิดว่า “ธูปดอกนี้ไหม้หมด
จึงจะหยุด” แล้วนั่งต่อไป พอนั่งไปได้ ๕ นาที ดูเหมือนนานตั้ง
ช่ัวโมง ลืมตามองดูธูป แหมยังยาวเหลือเกิน หลับตาน่ังต่อไปอีก
แลว้ ก็ลมื ตาดธู ปู ไมไ่ ดเ้ รอื่ งอะไรเลย อย่า อย่าไปทํา มันเหมือนกับ
ลิง จิตเลยไม่ตอ้ งทําอะไร นึกถึงแต่ธูปท่ีปักไว้ข้างหน้า ว่าจวนจะ
ไหมห้ มดหรอื ยังหนอ นีม่ ันเปน็ อยา่ งนี้เราอยา่ ไปหมาย

ถ้าเราทําภาวนาอย่าให้กิเลสตัณหามันรู้เงื่อนรู้ปลายได้ “ท่าน
จะเอาอย่างไร” มันมาถามเรา “จะเอาขนาดไหนจะเอาประมาณ
เท่าไรดึกเท่าไร” มันมาทําให้เราตกลงกับมันถ้าเราไปว่าจะเอาสัก
สองยาม มันจะเล่นงานเราทันทีนั่งไปยังไม่ถึงช่ัวโมง ต้องร้อนรน
ออกจากสมาธิแล้ว ก็เกิดนิวรณ์ว่า “แหมมันจะตายหรือยังกันนา
ว่าจะเอาให้มันแน่ มันก็ไม่แน่นอน ตั้งสัจจะไว้ก็ไม่ได้ด่ังตั้ง” คิด
ทกุ ข์ใสต่ วั เอง ด่าตวั เองพยาบาทตัวเอง ไมม่ ีคนพยาบาทก็เป็นทุกข์
อีกนั่นแหละ ถ้าได้อธิษฐานแล้ว ต้องเอาให้มันรอดตาย หรือตาย

๕๖

โน่น อย่าไปหยุด มันจึงจะถูก เราค่อยทําค่อยไปเสียก่อน ไม่ต้อง
อธิษฐาน พยายามฝึกหัดไป บางคร้ังจิตสงบความเจ็บปวดทาง
ร่างกายก็หยุด เร่อื งปวดแขง้ ปวดขามนั หายไปเอง

หม่ันพิจารณาเสมอๆ อยา่ เผลอใจ

การปฏบิ ัตอิ ีกแบบหนึ่งนนั้ เหน็ อะไรกใ็ ห้พจิ ารณา ทาํ อะไรก็ให้
พจิ ารณาทุกอยา่ ง อย่าทิ้งเร่ืองภาวนา บางคนพอออกจากทําความ
เพยี รแลว้ คิดว่าตัวหยุดแลว้ พักแล้ว จึงหยุดกําหนด หยุดพิจารณา
เสยี เราอยา่ เอาอยา่ งนัน้ เห็นอะไรให้พิจารณาเห็นคนดีคนชั่ว คน
ใหญค่ นโต คนรํา่ คนรวย คนยากคนจน เหน็ คนเฒ่าคนแก่ เห็นเด็ก
เห็นเล็ก เห็นคนน้อยคนหนุ่ม ให้พิจารณาไปทุกอย่างนี่เรื่องภาวนา
ของเรา

การพิจารณาเข้าหาธรรมะนน้ั ให้เราพิจารณาดูอาการเหตุผลต่างๆ
นานามันน้อยใหญ่ดําขาวดีช่ัว อารมณ์ทุกอย่างนั่นแหละถ้าคิด
เรยี กวา่ มันคดิ แลว้ พิจารณาวา่ มนั กเ็ ทา่ นั้นแหละ สิ่งเหลา่ น้ตี กอยู่ใน
อนิจจงั ทกุ ขงั อนัตตา อยา่ ไปยึดม่ันถือมั่นเลย น่ีแหละปุาช้าของมัน
ท้งิ มนั ใส่ลงตรงนีจ้ ึงเปน็ ความจรงิ

๕๗

เร่ืองการเห็นอนิจจังเป็นต้นนี้คือ เรื่องไม่ให้เราทุกข์เป็นเรื่อง
พิจารณา เชน่ เราไดข้ องดมี าก็ดใี จ ให้พจิ ารณาความดีเอาไว้ บางที
ใช้ไปนานๆ เกดิ ไม่ชอบ มันก็มีอยากเอาให้คนหรืออยากใหค้ นมาซ้ือ
เอาไป ถ้าไมม่ ีใครมาซื้อก็อยากจะท้ิงไปเพราะเหตุไรจึงเป็นอย่างนี้
มนั เป็นอนิจจงั มันจงึ เปน็ อย่างนี้ ถา้ ไมไ่ ดข้ ายไม่ไดท้ ิ้งก็เกดิ ทกุ ขข์ น้ึ มา
เรอ่ื งนมี้ ันเป็นอย่างนี้เอง พอรู้จักเรื่องเดียวเท่านั้นจะมีอีกก่ีเรื่องก็
ช่างเป็นอยา่ งนห้ี มด เรียกว่าเห็นอนั เดยี วกเ็ หน็ หมด

บางทรี ปู นีห้ รอื เสียงนไ้ี มช่ อบไม่นา่ ฟงั ไมพ่ อใจก็ให้พิจารณาจํา
ไว้ ตอ่ ไปเราอาจจะชอบอาจจะพอใจในของท่ีไม่ชอบเม่ือก่อนนี้ก็มี
มนั เปน็ ได้เมื่อนกึ รู้ชดั ว่า “อ้อส่ิงเหล่าน้ีก็เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา”
ทิ้งลงใส่น่ีแหละ ก็เลยไม่เกดิ ความยดึ มั่นในส่งิ ทไี่ ด้ดีมีเป็นต่างๆ เห็น
เปน็ อยา่ งเดยี วกนั ใหเ้ ป็นธรรมะเกิดขนึ้ เท่านน้ั เรือ่ งท่ีพูดมาน้ีพูดให้
ฟังเฉยๆ เม่อื มาหาก็พูดให้ฟังเรือ่ งเหลา่ นี้ไม่ใช่เรื่องพูดมากอะไร ลง
มอื ทําเลยเช่นเรียกกันถามกันชวนกนั ไปว่าไปไหมไปไปก็ไปเลยพอดี
พอดี

๕๘

นิมติ เปน็ ของหลอกลวง

เม่อื ลงน่ังสมาธิ ถา้ เกิดนิมิตต่างๆ เช่นเห็นนางฟูาเป็นต้น เม่ือ
เห็นอย่างนั้นให้เราดูเสียก่อนว่าจิตเป็นอย่างไร อย่าทิ้งหลักนี้ จิต
ต้องสงบจึงเป็นอย่างน้ัน นิมิตที่เกิดข้ึนอย่าอยากให้มันเกิด อย่าไม่
อยากให้มนั เกดิ มันมาก็พจิ ารณาพจิ ารณาแล้วอย่าหลง ให้นึกว่ามัน
ไมใ่ ชข่ องเรานี่ก็เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตาเช่นกัน ถึงมันจะเป็นอยู่ก็
อยา่ เอาใจใส่มนั เม่ือมนั ยงั ไม่หายตัง้ จติ ใหม่กําหนดลมหายใจมากๆ
สูดลมเข้ายาวๆ หายใจออกยาวๆ อย่างน้อย ๓ ครั้งก็ตัดได้ตั้ง
กาํ หนดใหม่เรื่อยไป

ส่ิงเหล่านอ้ี ยา่ ว่าเป็นของเรา ส่ิงเหล่านี้เป็นเพียงนิมิต คือของ
หลอกลวงใหเ้ ราชอบให้เรารกั ให้เรากลวั นิมติ เป็นของหลอกลวง ใจ
เรามันไม่แน่นอน ถ้าเห็นแล้วอย่าไปหมายมันไม่ใช่ของเรา อย่าวิ่ง
ตามนิมติ เหน็ นมิ ิตใหย้ อ้ นดจู ิตเลยอย่าทิ้งหลักเดิม ถ้าทิง้ ตรงน้ีไปวิ่ง
ตามมนั อาจพูดลืมตัวเองเป็นบา้ ไปได้ไม่กลบั มา พดู กับเราเพราะหนี
จากคอกแล้วให้เชื่อตัวเองแน่นอน เห็นอะไรมาก็ตามถ้านิมิตเกิด
ขึ้นมาดูจิตตวั เองจติ ต้องสงบมันจงึ เปน็

๕๙

ถ้าเปน็ มาให้เขา้ ใจว่า สิ่งเหล่านีม้ ิใชข่ องเรา นมิ ติ นใ้ี ห้ประโยชน์
แก่คนมปี ญั ญา ใหโ้ ทษแกค่ นไม่มีปัญญา ทําความเพียรไปจนเราไม่
ต่ืนเต้นในนิมิต มนั อยากเกิดก็เกิด ไมเ่ กิดก็ไม่เกิด ไม่กลัวมันเชื่อใจ
ไดอ้ ยา่ งนีไ้ ม่เป็นไร ทแี รกเราต่นื ของน่าดมู ันกอ็ ยากดู ความดีใจเกิด
ขนึ้ มาอย่างนีก้ ห็ ลงไม่อยากให้มันดีมันกด็ ี ไม่รู้จะทาํ อยา่ งไรปฏิบตั ิไม่
ถูกก็เป็นทุกข์ มันอยากดีใจก็ช่างมันให้เรารู้ความดีใจนั่นเองว่า
ความดีใจน้ีก็ผิดไม่แน่นอน เช่นกันแก้มันอย่างนี้อย่าไปแก้ว่า “ไม่
อยากให้มันดใี จทาํ ไมจงึ ดใี จ” น่ีผิดอยู่นะผิดอยกู่ ับของเหลา่ น้ี ผิดอยู่
ใกลๆ้ ไม่ไดผ้ ิดอยู่ไกลหรอก อย่ากลัวนิมติ ไมต่ ้องกลัว เรื่องภาวนานี้
พอพูดให้ฟังได้เพราะเคยทํามา ไม่รู้ว่าจะถูกหรือไม่นะให้เอาไป
พิจารณาเอาเองเอ้าพอสมควรละนะ

ท่มี าของขอ้ มลู ในหนงั สอื

http://www.watnongpahpong.org/ebooks/chahthai/The_Key_to_Liberation.php
http://www.luangta.com/salawatpa/thamma/slp_thamma_talk_text_print.php?ID=227

http://anuchah.com/key-to-mind-power/

* หมายเหตุ: เปน็ การเกบ็ ข้อมลู ไวใ้ นช่วงปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙
หากทา่ นไม่สามารถดูขอ้ มูลในแหล่งอ้างองิ ได้ สามารถคน้ หาไดจ้ ากแหล่งอนื่ ๆ


Click to View FlipBook Version