The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 63309010003, 2021-03-08 04:43:02

รายงาน E-book

Ebook

1

รายงานฉบบั E-Book

เสนอ
คณุ ครสู รายุทธ มาลา

จดั ทาโดย
นายจีรบุตร นฤนารถ เลขที่ 3
นกั ศึกษาระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้ันสงู ชั้นีปที่ 1
สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ

รายงานฉบบั นีเ้ี ปนีสวนหนึง่ ของรายวชิ าการวิเคราะีหและออกแบบเชงิ วตั ถุ
วิทยาลยั เทคนคิ ตรัง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ภาคเรียนท่ี 1ีปการศกึ ษา 2563

2

คานา
รายงานฉบับน้ีจัดทาขึ้นเพ่ือ็เปน็สวนหน่ึงของรายวิชาการวิเคราะ็หและออกแบบเชิงวัตถุ รหัสวิชา
30901-2002 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ช้ัน็ปท่ี 1 แผนกวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือศึกษาหา
ความ็รูในเรอ่ื ง การวิเคราะ็หและออกแบบเชิงวตั ถุ ซึ่งมีเนือ้ หาประกอบไป็ดวยดงั นี้
การวิเคราะ็หและออกแบบ System Development Life Cycle Unified Modeling Language
Unified Modeling Language II ก า ร ใ็ช ภ า ษ า UML Use Case Diagram Class Diagram Interaction
Diagram State Diagram Activity Diagram Component Diagram Deployment Diagram โครงงานการ
วเิ คราะ็หและออกแบบเชงิ วตั ถุ
ขอขอบคณุ คุณครูสรายุทธ มาลา อาจาร็ยประจารายวชิ าท็่ีไดแนะนาแนวทางในการจัดรายงานฉบับนี้
็เปนอ็ยางดี

จรี บุตร นฤนารถ
็ผูจัดทา

สารบัญ 3

เร่ือง ห็นา

คานา 1
สารบญั 3
6
บทท่ี 1 Object-Oriented Programming 10
บทท่ี 2 การวเิ คราะ็หและออกแบบระบบ 12
บทที่ 3 System Development Life Cycle 15
บทท่ี 4 Unified Modeling Language 17
บทท่ี 5 Unified Modeling Language II 19
บทท่ี 6 การ็ใชภาษา UML 20
บทท่ี 7 Use Case Diagram 21
บทท่ี 8 Class Diagram 22
บทที่ 9 Interaction Diagram 23
บทที่ 10 State Diagram 24
บทท่ี 11 Activity Diagram 25
บทที 12 Component Diagram 27
บทท่ี 13 Deployment Diagram 29
บทท่ี 14 โครงงานการวเคราะ็หและออกแบบเชิงวัตถุ
บทที่ 15 โครงงานการวเคราะ็หและออกแบบเชงิ วัตถุ 2 35
บทที่ 16 โครงงานการวเคราะ็หและออกแบบเชิงวัตถุ 3
ภาคผนวก
ประวัต็สิ วนตวั ขอ็งผูจัดทา

4

บทที่ 1 Object-Oriented Programming
แบบีฝกหัดหีนวยที่ 1
1. เทคนคิ การเขยี นโปรแกรมมกี ่ปี ระเภทีไดแีกอะไรีบาง

เทคนิคการเขียนโปรแกรมสามารถสรุป็ได 4 ประเภทดังน้ี
1.1 การเขียนโปรแกรมแบบ็ไมมีโครงส็ราง ( Unstructured Programming )
1.2 การเขียนโปรแกรมแบบมีโปรแกรม็ยอย ( Procedural Programming )
1.3 การเขยี นโปรแกรมแบบโมดูล ( Modular Programming )
1.4 การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( Object – Oriented Programming )
2. จงบอกแนวคิดในการเขียนโปรแกรมมีกีแ่ นวคิด ีไดแีกแนวคิดอะไรีบาง
2.1 โครงส็รางของโปรแกรม
2.2 Lifetime
2.3 การ็ส็งขอมลู บน Network
3. จงบอกเทคนิคีตาง ๆ ของการเขียนโปรแกรมเชงิ วตั ถุ
3.1 ความสามารถในการเพิม่ หรือขยายโปรแกรม ( Extendibility )
3.2 ความสามารถในการนากลับมา็ใชมาให็ม ( Resuability )
3.3 ความสามารถในการ็เขากัน็ไดกับ็สวนประกอบอื่นๆ ( Compatibility )
3.4 ประสทิ ธภิ าพ ( Efficiency )
3.5็งาย็ตอการ็ใชงาน ( Easy to use )
3.6็งายในการออกแบบ ( Esay to designs )

5

ใบงานหีนวยท่ี 1

บทท่ี 2 การวเิ คราะีหและออกแบบระบบ
แบบีฝกหดั หีนวยที่ 2
1.จงอธิบายความหมายระบบ

ระบบ (System) หมายถึง ก็ลุมของอ็งคประกอบทีส่ มั พัน็ธกนั ทางาน็รวมกนั เพ่ือบรรลุจกุ ประส็งค
เดยี วกันภาย็ใตสิ่งแวด็ลอมเฉพาะอ็ยาง ็เชน ระบบการเรียนการสอน มจี ดุ ประส็งคเพือ่ ็ใหนักเรียน็ไดรับความ็รู
ในเน้อื หาวชิ าทีส่ อน
2. จงบอกอ็งคประกอบระบบของการเรียนการสอน

1. บคุ ลากร ็ไดเ็เก็เจาห็นาที่ ครู และนักเรยี น2. เครอ่ื งมือ ็ไดเ็เก ชอ็ลก กระดานดา3. พัสดุ ็ไดแ็ก
็โตะ ็เกาอ้ี4. วิธกี าร ็ไดเ็เก เขียนบนกระดาน5. การจัดการ ็ไดเ็เก โรงเรียนจัดตารางเรยี น เกบ็ ็คา็เลาเรยี น็จาย
็คาสอน็ใหแ็กครู ็เปน็ตน
3. จงบอกองีคประกอบของระบบที่ใี ชคอมพวิ เตอีรีเปนพื้นฐาน

1.บุคลากร (Person) ็เปนอ็งคประกอบทีส่ าคญั ของระบบ บุคลากรจะนาสารสนเทศ็ตางๆท็ไ่ี ดผลิตข้ึน
ภายในระบบไป็ใช โดย็ใช็ขอมูลในการตดั สินใจ2.อปุ กร็ณ (equipment) จะ็ใช็เปนท่เี กบ็ ็ขอมลู หรอื นา็ขอมลู ไป
ยังจุด็ตางๆ ภายในอ็งคกร และทาการประมวลผล3.กระบวนการ (procedures) ทสี่ ามารถม่นั ใจ็ได็วาบคุ ลากร
ท่เี ก่ยี ว็ของจะ็ไดรบั ็ขอมูลท่ีถูก็ตองทันเวลา โดยกระบวนการจะ็เปนการตัดสินใจ็วาจะทาอะไรกบั ็ขอมูลท็ผ่ี าน
็เขามาในระบบ
4. จงอธิบายระบบธุรกจิ (Business System)

็ไดเ็เกระบบท่ีทางานเพือ่ จุดประส็งค็ดานธรุ กจิ โรงงานอุตสาหกรรม ็เปนระบบธรุ กจิ เพื่อจดุ ประส็งค

6

็ดานการผลติ ระบบโรแรม ระบบการพิม็พ ระบบธนาคาร็ลวนแ็ลวแ็ต็เปนระบบธรุ กิจน้ันๆ ซึ่งมจี ุดประสง็ค
แตก็ตางกนั ไปนักวเิ คราะ็หระบบ็ตองทราบขน้ั ตอนการทางานในระบบทร่ี บั มอบหมายและทาความเ็เขาใจ็ใหดี
ระบบธรุ กิจนน้ั ็สวนให็ญประกอบไป็ดวยระบบ็ยอยพน้ื ฐาน็ตางๆ ็เชน ระบบการผลิต ระบบการตลาด ระบบ
บัญชี ระบบสิน็คาคงคลัง และระบบบรหิ ารงานบุคคล แ็ตก็อาจจะมีระบบ็ยอยอนื่ ๆ เพ่มิ ขึ้น็ไดอกี ขนึ้ อ็ยูกบั
รปู แบบธุรกจิ ท่ีแตก็ตางออกไป
5. จงบอกมุมมองเมื่อมีการศึกษาระบบงานใด ควรมีการพจิ ารณาจากมมุ มองอะไรีบาง

1. What คือวัตถปุ ระสง็คของระบบคืออะไร มีแผนงานข้ันตอนอ็ยางไรเพื่อนาไป็สคู วามสาเรจ็ 2. How
คอื มวี ธิ ีการทางานอ็ยางไร็ตอง็ใชเคร่ืองมือใดเพ่ือ็ใหงานสาเรจ็ ็ไดรวดเรว็ 3. When คือ การเรม่ิ ดาเนินงานและ
ผลสาเร็จของงานจะสาเร็จล็ลุ วง็ไดเม่ือไร ควรมีการจดั ตารางการทางานอ็ยางมีระบบ4. Who คอื บุคคลใดหรือ
คณะใดที่รับผดิ ชอบ หมายถงึ การมบี คุ คลใดทที่ าห็นาท่ีรับผิดชอบในขอบเขตงานของตนทีแ่ ็นนอน รวม็ทง
ความสามารถในการรบั มอบหมายงานหรอื สานงาน็ตอ

6. จงอธิบายวงจรสารสนเทศ(Information Cycle)
ระบบสารสนเทศ หมายถึง การรวบรวมอ็งคประกอบ็ตาง ๆ (Data) เพ่ือนา็เขา ( Input)็สูระบบใด ๆ

แ็ลวนามา็ผานกระบวนการ (Process) ทอ่ี าจ็ใชคอมพวิ เตอ็รเพ่ือเรยี บเรียง เปลี่ยนแปลง ็เปนสารสนเทศ
(Information) และจัดเก็บเพ่ือ็ให็ไดผลลัพ็ธ (Output) ทีส่ ามารถ็ใชกบั ธุรกิจ็ได
7. จงอธิบายระบบเชิงกายภาพและระบบเชิงตรรกะ

ระบบเชงิ กายภาพ (physical systems) ประกอบ็ดวย อ็งคประกอบท็่ีเปนรูปธรรมหรอื สามารถจับ
็ตอง็ได ตัวอ็ยางระบบเชิงกายภาพท่ีมองเห็น็ไดชัดเจนไดแ็ก องค็กร็ตางๆ ท้งั อ็งคของรฐั และเอกชน ซึ่ง
ประกอบ็ดวย องค็ป ระกอบ็ตางๆ ็เปนจานวนมากระบบเชิงตรรกะ (logical systems) หรืออีกนัยหนงึ่ ก็คอื
ระบบท็ี่ไมปรากฏลักษณะทางกายภาพระบบเชิงตรรกะจะแทนระบบเชงิ กายภาพ ตวั อ็ยาง็เชน ในระบบสิน็คา
คงคล็ังขอม็ลู สารสนเทศ็ตาง ๆ จะมกี ารนาไปเก็บในห็นวยเก็บ็ขอมูลของเคร่ืองคอมพวเิ ตอ็รเพื่อแทนลักษณะ
ทางกายภาพของสนิ ็คาในคลังสนิ ็คา ระบบสนิ ็คาคงคลงั สามารถพมิ พ็รายงาน หรือแสดงรายงานเพ่ืออธิบาย
รายละเอยี ดเกี่ยวกับสนิ ็คาทีเ่ ก็บอ็ยูในคลงั สิน็คา็ได
8. จงอธบิ ายการวิเคราะีหระบบ(System Analysis)

การวเิ คราะ็หระบบ ( System Analysis) คือ การหาความต็องการของระบบ็วาคืออะไร็ตองการอะไร
็เขามา็สูในระบบ ศึกษาระบบท็ีเ่ ปนอ็ย็วู าม็ีขอด็ีขอเสียประการใด เพื่อจะ็ไดทาการปรับปรุงแ็กไข็ใหระบบการ
ทางาน็เปนในทิศทางทีด่ ีขน้ึ การเปลีย่ นแปลงงานใดงานหน่งึ หรอื การเพิม่ งานใดงานหนึ่ง็เขาไปให็ม็ยอมมี
ผลกระทบกับงานอื่นๆ ของระบบหลงั จาก็ไดศึกษาและ็เขาใจการทางานของระบบดแี็ลวกส็ ามารถจะ
เปลยี่ นแปลงการทางานของระบบเพื่อปรบั ปรุงระบบ็ใหดีข้ึน็ไดโดย็ไมมผี ลกระทบกับ็สวนอนื่ ๆ ท็่ีไม็ไดปรบั ปรุง

7

9. จงอธิบายการออกแบบระบบ (System Design)
การออกแบบระบบ (System Design) คือการนาเอาความ็ตองการของระบบมา็เปนแบบแผนหรอื

เรียก็วาพิม็พเขียวในการส็รางระบบสารสนเทศ็ให็ใชงาน็ไดจรงิ ็เชน ระบบการขาย ความ็ตองการของระบบคือ
สามารถติดตามยอดขาย็ได็เปนระบบ เพ่ือ็ให็ฝายบริหารสามารถปรับปรงุ การขาย็ไดทนั ็ทวงที
10. จงอธบิ ายความหมายนักวิเคราะีหระบบ (System Analyst หรือ SA)

นักวเิ คราะ็หระบบ คือ็ผูทที่ างาน็เปนศูน็ยกลางของการพัฒนาระบบ ศึกษา็ปญหา รวบรวม็ขอมูลความ
็ตองการขององค็กร รวมถ็ึงขอมลู ท่เี กีย่ ว็ของทงั้ หมดแ็ลวนามาวางแผนในการพฒั นาระบบงานให็ม ซึ่งงาน
ดังก็ลาวน็ีเ้ ปนงานท็่ีคอน็ขางยาก เน่อื งจากจะ็ตองแ็กไข็ปญหา หรือ็ขอขัดแ็ยงของบุคลากรทเ่ี กีย่ ว็ของ็เปน
จานวนมาก ดังนนั้ นักวเิ คราะ็หระบบ็ตองทาห็นาท่หี ลายอ็ยา็งดวยกัน
11. จงบอกหีนาท่ีของนกั วเิ คราะีหระบบ

1็.ชวยแ็ก็ปญหา็ใหกบั บุคลากร2็.คนหารายละเอยี ด็ตางๆของระบบ3.็ใชความคิดริเรม่ิ

12. จงบอกคุณสมบัตขิ องนักวิเคราะีหระบบ
1) ความ็รทู า็งดานคอมพิวเตอ็ร
2)ควรมคี วาม็รูในการเขยี นโปรแกรม
3)ความ็รูพื้นฐานทา็งดานระบบธรุ กจิ 4
)ความ็ร็ูดานทฤษฎขี องระบบ
5) ความ็รทู า็งดานสารสนเทศท็่ีใชในการแ็ก็ปญหา
6) ในกระบวนการพัฒนาระบบ
7) มีจรยิ ธรรม

8

ใบงานที่ 2

9

บทที่ 3 System Development Life Cycle
แบบีฝกหัดหีนวยท่ี 3
1.อธบิ ายจดุ เร่ิมีตนของการพัฒนาระบบงานีได

จดุ เรม่ิ ต็ตนจาก็ผ็ูใชระบบ เน่ืองจาก็ผ็ูใช็ตอง็ใชปฏิบตั กิ าร็ตาง ๆ ดังน้นั ขณะที่กิจกรรมทางธรุ กิจดาเนนิ
อ็ยา็งตอเนื่องนน้ั อาจเกิด็ปญหา ซง่ึ ทา็ให็ผ็ูใชมคี วาม็ตองการท่ีจะพฒั นาหรือปรับปรงุ กิจกรรม็ตาง ๆ
นักวเิ คราะ็หระบบจงึ เรม่ิ ็เขามามีบทบาททีจ่ ะ็เปน็ผูศกึ ษาและพัฒนาระบบงาน็ใหมปี ระสิทธภิ าพย่ิงขึน้
2. อธบิ ายข้นั ตอนีตาง ๆ ของการพัฒนาระบบงานีได

1. การกาหนด็ปญหา (Problem Definition)
2. การศึกษาความ็เปนไป็ได (Feasibility Study)
3. การวเิ คราะ็หระบบ (System Analysis)
4. การออกแบบระบบ (System Design)
5. การส็รางระบบหรือพฒั นาระบบ (System Construction)
6. การติดต้งั ระบบ (System Implementation)
7. การประเมินผลและบารุงรักษาระบบ (Maintenance)
3. อธบิ ายวงจรการพัฒนาระบบีได
วงจรการพฒั นาระบบหรอื ทน่ี ิยมเรยี ก็ยอ ๆ็วา SDLC ็เปนวิธกี ารท่ีนักวิเคราะ็หระบบ็ใชในการพฒั นา
ระบบงาน เพ่ือท่ีจะ็ใชเรยี งลาดับเหตุการ็ณหรือกจิ กรรม ท่ีจะต็องกระทา็กอนหรอื กระทาในภายหลังเพอ่ื ทจี่ ะ
็ชวย็ใหการพัฒนาระบบงานทา็ไ็ดงายขน้ึ ซึ่งนักวิเคราะ็หระบบจะ็ตองทาความ็เขาใจ็ใหชดั เจน ถูก็ตอ็งวาในแ็ต
ละขัน้ ตอนน้นั จะ็ตองทาอะไรทาอ็ยางไรเพ่ือ็ให็ไดผลลพั็ธตามท็ีต่ องการโดยทว่ั ไปวงจรการพัฒนาระบบจะมีการ
ทางาน็เปนขั้นตอน็ตาง ๆ ในแ็ตละข้นั ตอนจะประกอบ็ดวยรายละเอยี ดของการทางานหลายอ็ยางรวมท้งั
กาหนด็เปาหมายของการทางานของแ็ตละขั้นตอน และจะ็ตองแสดงความ็กาวห็นาของโครงการท็่ีไดกระทาใน
แ็ตละข้นั ตอน็ดวย โดยจะ็ตองมีการทารายงานเพื่อแสดงผลการทา งานในแ็ตละขั้นตอน เพือ่ เสนอ็ให็ผูบรหิ าร
พิจารณาตัดสินใจ็วา จะดาเนินการในขั้นตอน็ตอไปของการพฒั นาระบบ หรือเปลีย่ นทศิ ทางของการทา
โครงการน้ันหรือ็ไมหรือหากขั้นตอนการพัฒนาระบบในข้ันตอนใดยัง็ไมชัดเจนเพยี งพอท่ีจะทา็ให็ผูบรหิ าร
ตดั สนิ ใจ็ไดก็อาจจะ็ตอง็ใหนักวเิ คราะ็หระบบกลบั ไปศึกษารายละเอียดของการทางานในขน้ั ตอน็กอนห็นานัน้
อีกจนก็วา็ผูบรหิ ารจะสามารถตดั สินใจ็ได

10

ใบงานที่ 3

การพฒั นาระบบ SDLC ในโครงงาน

1. ความีเปนมาและความสาคญั ของีปญหา
ขยะมลู ฝอยหรอื ขยะทั่วไป ็เปน็ปญหาของคน็สวนให็ญ ซง่ึ สังคมใน็ปจจบุ นั ยัง็ไมมีการจดั การทด่ี ี

รวมถึงภาคครัวเรอื นท่มี ีการทิ้งขยะหรือ ส่ิงปฏิกลู ทุกวนั ็เชน เศษอาหาร ถงุ พลาสติก เศษกระดาษ อีกท้ัง
ประเทศไทย็เปนเมอื งการเกษตร ขยะอนิ ทร็ีย หรอื สารเคมีจาก็ปยุ ท็ีส่ งผล็ตอส่ิงแวด็ลอมรวมไปถงึ จติ ็ใตสานึก
ของคนในยุค็ปจจบุ นั ทีย่ งั ็ไมคานึงถงึ ผลกระทบ็ตาง ๆ ทีต่ ามมา็ปจจุบนั ขยะมลู ฝอยนั้นนับวนั จะเพมิ่ มากขึ้น
ตามจานวนประชากร็ถาหาก็ไมมีการจัดการท่ีดี และเหมาะสมกบั ็ปญหาความสกปรก็ตางๆ ทา็ใหเกดิ ็ปญหา
็ตอสขุ ภาพอนามัย ็เชน็ปญหาเร่ืองเชื้อโรค สารเคมี และกลิ่นเหม็นที่แพ็รไปตามสถานท็่ีตาง ๆ็ปจจุบนั มถี ัง
ขยะอ็ยูจานวนมาก แ็ตถังขยะทม่ี อี็ยูใน็ปจจบุ นั ็สวนให็ญน้ันอ็ยใู นสภาพท็ี่ไมสมบูร็ณ เน่อื งจาก็ผานการ็ใชงาน
็เปนระยะเวลานาน ็เชน ็ไมมีฝา็ปด ฝาถงั ชารดุ ถงั ขยะมรี อยแตก็ราว มีการสะสมของ ขยะ และยงั ขาดการดูแล
รกั ษาที่ดีซงึ่ ็เปนสถานทส่ี ะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรยี อาจจะทา็ใหเกดิ การติดเชอ้ื แ็ก็ผูทท่ี ง้ิ ขยะโดยการ
สัมผัสกับถังขยะ

ความ็เปนไป็ไดของโครงงาน็เปนไป็ไดท่จี ะบรรลุตาม็เปาหมายเนื่องจากก็ลุมกระผมตระหนักถงึ็ปญหา
เห็ลานด้ี ังท่ีก็ลาวมา็ขา็งตน ฉะนนั้ เราจงึ คิด็คนถังขยะ็เปด็ปดอัตโนมัติ เม่ือโครงงาน สาเร็จจ็งึ สงผลทา ็ใหมีถัง
ขยะที่มีสภาพพ็รอม็ใชงานและมีประสิทธิภาพ ทา็ใหเกดิ สภาพแวด็ลอมทีด่ ี สะอาด ็เปนระเบียบเรยี บ็รอย รวม
ไปถงึ การตอบสนองความ็ตองการของมนุษ็ยในยคุ ็ปจจบุ นั

ก็ลุมของกระผมจึงทาโครงงาน ถังขยะ็เปด็-ปดอัตโนมัต็ิดวยระบบเซน็ เซอ็ร็เปนโครงงานทเ่ี ห็นถงึ
ความสาคญั ของการพฒั นาเทคโนโลยีประกอบ็เขากับ็ปญหาขยะใน็ปจจบุ นั เพื่อ็ใหมนุษ็ยเหน็ ความสาคญั ของ
การท้ิงขยะและ็ปญหาของสิง่ แวด็ลอมสขุ อนามัยของคนในยคุ ็ปจจบุ ัน
ใน็ปจจุบนั เช่อื็วาทกุ ็บานเรือน็ตองมีถงั ขยะท่จี ะ็ชวยอานวยความสะดวกในการ็ใชงาน โดยปกตแิ็ลวถงั ขยะท็่ีใช

งานใน็ปจจุบันจะ็เปนแบบปกตมิ นุษ็ย็ตอง็เปนคน ็เปด็-ปด ซ่ึงยากสาหรับ็ผสู ูงอายุ จงึ ็ไดมีไอเดยี นามาส็ราง็เปน

ถังขยะอัติโนมัติเพื่อ็ให็งาย็ตอการ็ใ็ชงายสาหรบั ็ผสู ูงอายุ หรือแ็มกระทง่ั คนทว่ั ไปท็ี่ไมอยากจะ็กมลง็เปดถังขยะ

แ็คคณุ อ็ยูในรัศมถี ังขยะก็็เปดอัตโิ มนตั อิ็ยา็งงายดาย

11

2. วัตถปุ ระสงีคของการวจิ ัย
5.1 เพอื่ ส็รางถังขยะ็เปด็-ปดอัตโนมตั ิ
5.2 เพ่อื ประเมินประสทิ ธิภาพของถังขยะ็เปด็ปดอัตโนมัติ
5.3 เพ่อื ประเมนิ ความพึงพอใจการ็ใชงานถงั ขยะ็เปด็ปดอัตโนมตั ิ
3. สมมุติฐานการวิจัย

สามารถตอบสนองความสะดวกสบายในการทิ้งขยะ็ปองกันเชือ้ โรคท่ีมาจากการสัมผสั กับถงั ขยะ
และสามารถประยุก็ตนาความ็รูท็่ีไดเรยี นมา็ใชในการทาโครงงาน
4. ขอบเขตการวิจัย
4.1 ขอบเขต็ดานเน้อื หา

เนื้อหาท็ใี่ ชในการทาโครงงานน็เ้ี ปนเน้ือหาท่ีศึกษาและ็คนค็วามาจากการเรยี นในชั้นประกาศณียบัตร
วิชาชีพชั้นสงู ชัน้ ็ปท่ี1
4.2 ขอบเขต็ดานสถานท่ี

วทิ ยาลยั เทคนคิ ตรงั

4.3 ขอบเขต็ดานระยะเวลา
1 ธนั วาคม 2563 – 26 มนี าคม 2564

4.4 ขอบเขต็ดานประชากร็/ผูเชี่ยวชาญ
4.4.1 ็ผูเชี่ยวชาญ ็ไดแ็ก
- อาจาร็ยที่ปรึกษา
-็ผูเชย่ี วชาญ็ดานอปุ กร็ณซอฟแ็วร

4.4.2 ประชากร ็ไดแ็ก
-็ผ็ูใชงานถังขยะ

4.5 ขอบเขต็ดานตวั แปร
4.5.1 ตวั แปร็ตน
-ถงั ขยะ

4.5.2 ตวั แปรตาม
- ผลการประเมินประสิทธิภาพถงั ขยะ

12

- ผลการประเมนิ ความพึงพอใจการ็ใชถงั ขยะ

5. นยิ ามศพั ีทเฉพาะ
ทีร่ องรับ ท่ีทิ้ง หรือท่สี าหรบั จัดเก็บรวบรวมขยะ ส็ิ่งตาง ๆ ท็ีผ่ ูคน็ไม็ตองการ และทง้ิ มันไป ขยะมี

มากมายหลายรูปแบบ ทั้งท็ี่เปนของแข็ง ของเหลว ขยะท็่ียอยสลาย็ไดและท็ย่ี อยสลาย็ไม็ได ของท็ี่ใชประโยช็น
็ไดและท็ี่ใชประโยช็น็ไม็ได และขยะมีพษิ ็ตอมนษุ ็ยและสง่ิ แวด็ลอม

6. ประโยชีนทีค่ าดีวาจะีไดรับ
- ็ใชความ็รูทเี่ รียนมานามาปรับ็ใชกับชิ้นงาน
- อานวยความสะดวกในการทิ้งขยะมากขนึ้
- ็ใชงาน็งาย

13

บทท่ี 4 Unified Modeling Language
แบบีฝกหัดหีนวยท่ี 4
1.จงอธบิ ายการพัฒนาโปรแกรม

ลกั ษณะของโปรแกรมท่ยี อมรับ็วามปี ระสิทธิภาพ มีความซับ็ซอน็คอน็ขางมากและสามารถปรบั ปรงุ
หรอื นากลับมา็ใชงานให็ม็ไดความซับ็ซอนดังก็ลาวจะอ็ยูในระดบั ท็่ีนอยคนทจ่ี ะสามารถ็เขาใจโปรแกรมทั้งหมด
็ไดโดยอาศยั คนเพียงคนเดียว ดังน้นั โปรแกรมจึงมักถูกพฒั นากัน็เปนทมี เพ่ือท่จี ะ็ไดมกี ารแ็บงงาน หรืออีกนัย
หน่ึง กค็ ือ็ชวยกนั ทาความ็เขาใจโปรแกรมน้นั เอง โปรแกรมสามารถแ็บงออก็ได 4 ประการด็งั ตอไปน้ี

1. ความซับ็ซอนอันเน่ืองมาจากขอบเขตของตัวงาน
2. ความ็ยุงยากในการจดกั ารเก่ยี วกบั กระบวนการพฒั นาโปรแกรม
3. ความยืดห็ยนุ ของโปรแกรม
4.็ปญหาอันเกิดจากพฤตกิ รรมของระบบโปรแกรมใน็สวน็ตาง ๆ
2. จงอธบิ ายกลวธิ ใี นการพัฒนาโปรแกรม
กลวธิ พี ัฒนาโปรแกรมมีอ็ยูหลากหลายวธิ ใิ นทน่ี ้ีเราจะพจิ ารณาเพียง 2 วธิ ทิ ็่ีเปนทีน่ ยิ ม็เทาน้ันๆ ็ไดแ็ก
1. วิธีการเชงิ็ฟ็งกชนั่ (Functional)
2. วธิ ีการเชิงวัตถุ (Object Orientedวธิ ีการเชงิ็ฟ็งกชั่น (หรอื บางครัง้ เรยี ก็วา Procedural) ถอื กาเนดิ
จากงานอุตสาหกรรม โดยมีหลักกา็รวา็ใหมอง็ปญหาในรปู ของกระบวนการทา งาน จากน้ันแตกกระบวนการ
ทางานดงั ก็ลาวออก็เปน็สวน็ยอย ๆ เรียก็วา “็ฟ็งกชน่ั ”แ็ลว็คอยนา็ฟ็งกช่นั ทงั้ หลายมาเชื่อมโยงการทางาน็เขา
็ดวยกันในภายหลังวธิ ีการเชิงวัตถ็ุเปนการคิดและส็รางระบบงานในลกษั ณะโลกของความ็เปนจริงโดยมองสิง่
็ตางๆ ็เปนวัตถหุ รือออปเจ็ก็ตซ่ึงวัตถ็ตุ าง ๆ จะมีความ็เปนอิสระ็ไมขึ้น็ตอกันแ็ตมีการทางาน็รวมกันตัวอ็ยาง
ภาษาคอมพิวเตอ็รท็ี่ใชวิธีการเชิงวัตถ็เุ ชน ภาษาจาวา, C++, Smalltalk ็เปน็ตน
3.จงอธิบายคุณลักษณะวัตถุ
วตั ถหุ รือออปเจก็็ตคือสิ่งใด ๆ ทเ่ี ราสนใจอาจจะ็เปนสิ่งทจ่ี ับ็ตอง็ได็เชน สิน็คาลูก็คา หรืออาจ็เปนสิ่งท่ี
จบั ็ตอง็ไม็ได็เชน บรษิ ัท็ฝาย็ตาง ๆ ็เปน็ตน โดยทีว่ ัตถหุ รอื ออปเจก็็ต็ตาง ๆ จะสามารถติด็ตอส่ือสารกนั ็ได็ดวย
การ็สงเมสเสจ (message) ถึงกนั วัตถุ 1 วัตถุ
4.จงอธบิ ายลักษณะของคลาส
คลาส (Class) ซ่ึง็เปนการจดัก็ลุม็ใหแ็กวัตถ็ุตาง ๆ ที่มีคุณสมบัติหรือพฤติกรรมบางอ็ยางเหมือนกัน
เม่ือเวลาที่เราจะ็ใชงาน เราจะ็ไม็ใชงานคลาสโดยตรง ๆ แ็ตเราจะส็รางสิ่งที่เรียก็วา “อินสแตน็ซ” (Instance)
ของคลาสขึ้นมา็ใชงานแทน กลไกดังก็ลาวทาใ็หราสามารถ็ใชเพียงคลาส ๆ เดียวแ็ตส็รางอินสแตน็ซซึ่ง
อินสแตน็ซของคลาสก็คือวัตถุน่ันเอง เราจึงก็ลา็ววาวัตถุหนึ่ง ๆ ็เปนอินสแตน็ซของคลาสหนึ่ง เปรียบเทียบ

14

็งายๆ เสมือน็วา เรามีแปลน็บานอ็ยูแปลนหน่ึง เราก็สามารถนาแปลน็บานน้ีไปส็ราง็เปน็บานกี่หลังก็็ไดตาม
ความ็ตองการของเรา
5.จงอธิบายคุณลกั ษณะของวธิ ีการเชิงวัตถุ

วิธีการเชิงวัตถ็ุเปนการคิดและส็รางระบบงานในลกัษณะโลกของความ็เปนจริงโดยมองส่ิง็ตางๆ ็เปน
วัตถุหรือออปเจ็ก็ตซึ่งวัตถ็ุตาง ๆ จะมีความ็เปนอิสระไ็มข้ึน็ตอกันแ็ตมีการทางาน็ร วมกันตัวอ็ยาง
ภาษาคอมพิวเตอ็รท็ี่ใชวิธีการเชิงวัตถ็ุเชน ภาษาจาวา, C++, Smalltalk ็เปน็ตนวิธีการเชิงวัตถุจะสมบูร็ณ็ได
็ตองประกอบ็ดวยอง็คประกอบ 4 อ็ยาง็ไดแ็ก1) มุมมองของวัตถุ (Abstraction)2) คุณ็คาภายในวัตถุ
(Encapsulation)3) ลาดบั ช้ันของวัตถุ (Hierarchy)4) การตอบสนอ็งตอเมสเสจ Polymorphism
6. จงอธิบายความสัมพันีธระหีวางวัตถุ

ความสมั พน็ธั ระหวา งวตัถุมีอ็ยู2แบบ คอื
1) Links
2) Aggregation
ล็งิ ค(Links)
ล็งิ ค(Links) ็เปนความสัมพัน็ธในลกั ษณะท่วี ตั ถหุ นงึ่ ขอ็ใชบริการบางอ็ยางจากอีกวัตถหุ นง่ึ โดยในการล็งิ คน้ัน
วตั ถุจะมีการ็สงเมสเสจถึงกนั ็ดวยโดยปกตแิ็ลวการล็งิ คของวตั ถุจะ็เปนในทิศทางเดียว (Unidirectional) แ็ตก็มี
บางกรณีท็ี่เปนการลิง็คแบบสองทาง (bidirectional)ยกตัวอ็ยาง ็เชน เคร่อื งคดิ เลขใน็สวนของ็ปุมตัวเลข
(Keypad) จะมลี ็ิงคไปย็ังสวนแสดงการคานวณ (Display Panel)็ดวยการ็สงเมสเสจไป็ให็สวนแสดงการ
คานวณน้ัน แสดงตวั เลข (Display) ตามทีเ่ รากด็ปมุ ไป ใน็สวนของ็ปมุ ตัวเลขจะมลี ิง็คไปยังชิป (Chip) และ็สง
เมสเสจไป็ใหชิปเพื่อ็ใหชิปคานวณ (Calculate) ผลลัพ็ธจากตวั เลขเครื่องหมายท่กี ด็ปุมไป ในขณะเดียวกันชิป
เองก็มีล็ิงคกับ็สวนแสดงผลโดย็สงเมสเสจไป็ให็วาเมื่อชิปคา นวณผลลัพ็ธเสร็จแ็ลว็ให็สวนแสดงผลนาผลลพั็ธไป
แสด็งดวยความสมั พนั็ธแบบ
AggregationAggregation คือความสมั พัน็ธในลกั ษณะท่วี ัตถหุ นึง่ ็เปน็สวนหน่ึงของอีกวัตถุหน่ึงจากตัวอ็ยาง
็ขา็งตน็ปมุ ตวั เลข,็สวนแสดงผลและ ชปิ ็ตางก็เ็ ปน็สวนหนงึ่ ของวัตถุเคร่ืองคดิ เลข็เปน็ตน
7. จงอธิบายความสมั พนัีธระหีวางคลาส

ความสัมพนั็ธระห็วางคลาสมีอ็ยู 2 แบบ คือ
1) Inheritance
2) Utilization

การสืบทอด (Inheritance)Inheritance ็เปนความสัมพัน็ธระห็วางคลาสในลักษณะของคลาสๆ หน่ึง
็เปน “ชนิดหรือประเภทหน่ึง”ของอีกคลาสหนึง่ ยกตวัอ็ยาง ็เชน เราจะมอ็งวา สิ่งมีชีวิตแ็บง็เปนพืชและสัต็วซ่ึง
เราก็ลาว็วา คลาสพืชและคลาสสัต็วน้ัน็เปนประเภทหนึ่งของคลาสส่ิงมีชีวิตนนั่นเองการ็ใชงาน็รวมกัน

15

(Utilization)Utilization ็เปนความสัมพัน็ธระห็วางคลาสคือการที่คลาสหนึ่งมีการขอ็ใหวัตถุจากอีกคลาสหนึ่ง
ยกตวั อ็ยาง ็เชน คลาสของนกั เรยี น็ใชวตั ถุดินสอของคลาสเครอ่ื งเขียน ็เปน็ตน

บทท่ี 5 Unified Modeling Language II
แบบีฝกหัดหีนวยที่ 5
1.จงอธบิ ายการพัฒนาระบบงานีดวยการสีรางโมเดล

ในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอ็รหรือระบบอ่ืน ๆ จะหลีกเล่ียงการ็ใชเครื่องมือจาพวกโมเดลหรือ
ไดอะแกรม็ไม็ไดเลย ตง้ั แ็ตอดตี จนถงึ็ปจจุบันนักพัฒนาซอฟ็ตแ็วรพยามคิด็คนวธิ กี ารที่เหมาะสม็ใหรองรับระบบ
ที่มีความซับ็ซอนมาก ๆ และ็ดวยเหตุผลหน่ึงท็ีคนพบก็คือ ยัง็ไมปรากฏ็วามีวิธีแ็ก็ปญหาใดเลยท็่ีใชโมเดลเพียง
1 โมเดล แ็ลวสามารถรองรับกับ็ปญหา็ไดทั้งหมด เราจึงมีความจา็เปนท็่ีตองดึงเอาโมเดลหนึ่งมา็ใชในขั้นตอน
หนึง่ และนา เอาอีกโมเดลหนึ่งมา็ใชอกี็ขนั ตอนหนง่ึ
2.จงบอกประโยชีนของโมเดล

บริษัทผลิตซอฟแ็วรท่ีถือ็วาประสบความสาเร็จคือบริษัทท่ีสามารถส็รางซอฟ็ตแ็วร็ไดตรงกับความ
็ตองการขอ็งผ็ูใช็ตามระยะเวลาและ็ใชทรัพยากรตามท็ี่ไดกาหนด็ไวในแผนงาน ทง้ั น้ีบริษัททผี่ ลิตซอฟ็ตแ็วร็ยอม
็มุงหวังที่จะส็รางซอฟ็ตแ็วรท่ีดีมีคุณภาพ แ็ตความหมายของซอฟ็ตแ็วรท่ีมีคุณภาพน้ันมีการ็ใหคาจากัดความ
แตก็ตางกันไป ในแนวทางของการพัฒนาซอฟ็ตแว็รใน็ปจจุบันนั้นการพัฒนาซอฟ็ตแว็รท่ีมีคุณภาพคือ
ซอฟ็ตแ็วรที่ส็รางขึ้นมาจะ็ตองมีโครงส็รางท่ีสามารถนา ไปปรับปรุงแ็กไขในภายหลัง็ได็งาย็ดวยเหตุนี้การ
พัฒนาซอฟ็ตแ็วรจึง็ตอง็เปนไปอ็ยางรวดเร็วรวมทั้งซอฟ็ตแ็วรท็ี่ไดจะ็ตองทางานอ็ยางมีประสิทธิภาพและมี
ประสิทธิผล็ดวย
3. จงบอกความสาคัญของโมเดล

นับ็เปนสิ่งสาคัญอ็ยางยิ่ง ท่ีเราจะมีการวางแผนหรือส็รางความคาดหวัง็ไวต้ังแ็ต็ตน็วาระบบงานของ
เราจะมีทิศทางไปอ็ยางไรพ็รอมท้ังมีการจดัการใน็สวนของกาเปล่ียนแปลงที่อาจเกิดข้ึนมาอ็ยางระมัดระวังการ
ส็รางโมเดลจะทา็ใหเราสามารถพัฒนาระบบงานได็อ็ยางมีขั้น ตอนและมีความ็เขาใจในระบบงานที่กาลังจะ
พัฒนามากข้ึน็เปาหมายของการ็ใชโมเดลในการพัฒนาซอฟ็ตแ็วร คือ1. โมเดล็ชวย็ใหเราสามารถมองเห็นภาพ
ของระบบงาน็ไดอ็ยางชัดเจนขึ้น็วาระบบงานจะออกมาในลักษณะไหน หรือมองเห็นภาพ็วาเรา็ตองการ็ให
ระบบงานออกมาในทิศทางใด2. โมเดลจะทา็ใหเราสามารถระบุถึงโครงส็รางและพฤติกรรมของระบบงานที่จะ
พัฒนา็ได3. โมเดล็เปนเสมือนเทมเพลต็ใหแ็กการส็รางระบบงานจริง ๆ4. โมเดล็ชวย็ใหเราสามารถท า็ใหการ
ตดั สินใจในเร่อื ็งตางๆ อ็ยูในรูปของเอกสาร็อางอิง็ไ็ดงายข้ึน
4. จงบอกหลกั การีใชโมเดล

หลักการในการ็ใชโมเดลน้ันในรายละเอียดปลีก็ยอยแ็ลวม็ีขอพิจารณาอ็ยูหลายอ็ยางแ็ตโดยรวมแ็ลว
็ผ็ูใชโมเดลในการพัฒนาระบบงานจะยึดหลัก 4็ขอ ดังนี้1. โมเดลที่จะนา มา็ใชแ็กไข็ปญหาจะ็ตอง็เปนโมเดลที่

16

แ็ก็ปญหาดังก็ลาว็ไดดีที่สุดนั่นคือ็ไมมีโมเดลอ่ืนท่ีทา็ไดดีก็วานี้แ็ลว2. โมเดลท่ีนามา็ใชจะ็ตองสามารถ็ใหมุมมอง
ที่ตร็งตอความ็ตองการขอ็งผูท่ีจะ็ใชโมเดลน้ัน ็เชน็ถา็เปนนักวิเคราะ็หระบบหรือ็ผ็ูใชระบบก็จะ็ใหความสนใจ
กับมุมมอ็งวาระบบจะทางาน็ตาง ๆ ็ไดอ็ยางไร3. โมเดลที่นามา็ใชจะ็ตองสามารถนามาพัฒนา็ให็เปนระบบงาน
ท่สี ามารถ็ใชงานจรงิ ็ได4. ็ไมมีโมเดลใดโมเดลหน่ึงท่สี ามารถอธบิ ายระบบงาน็ให็ไดมมุ มอ็งตาง ๆ อ็ยางครบ็ถวน
จา็เปนจะ็ตอง็ใชหลายๆ โมเดล็เขามาอธิบาย็รวมกัน
5.จงอธิบายยุทธวิธีของ UML

จะมีบุคลากรอ็ยู 3-4็ทานท่ีมีบทบาทในการก าหนดไดอะแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented
Diagram) น่ัน คือGrady Booch : Booch ็ใชไดอะแกรม็รวมกับเทคนิคในการออกแบบท่ีเรียก็วา Booch
Method หรือบางทีเรียก็วา Booch Method & Booch Diagram ็เนนท่ีการออกแบบ, การส็รางคลาส และ
การนาวิธีการแ็กไข็ปญหาท็่ีไดไป็ใชงานกับระบบจริงJames Rambaugh : 1991 ็ใชวิธีการท่ีเรียก็วา Object
Modeling Technique (OMT)็รวมกบั การท างานของระบบ โดย็เนนและ็ใหความส าคญั กบั ็ขอมลู ดบิ ็เปน็ตน
Var Jacobson : 1994 ใ็ชวิธี OOSE & Objectory Process เ็นนในเร่ืองการหาความ็ตองการระบบ
(Requirement) ท่ีเรียก็วา Use case โดย็เนนที่ความ็ตองการของระบบเพียงอ็ยางเดียว ็ไมสนใจอ็ยางอื่นHP
(Hewlett Packard) : ็ใชวธิ ีการ Fusion Method คือ็ใชคลาสไดอะแกรม็เนนที่การน าวธิ ีการแ็กไข็ปญหาท็่ีได
ไป็ใชงานกับระบบจริงCoad and Yoardon : ็ใชวิธี OOA/OOD ็เป นการเขียน Data Flow Diagram (DFD)
็เนนท่ีการวเิ คราะ็หและออกแบบ แทบจะ็ไมมใี น็สวนของการน าระบบไป็ใชงานจรงิ
6. จงบอกความหมายของ UML

UML็ยอมาจาก The Unified Modeling Language ็เปนภาษาเพ่ือ็ใชอธิบายโมเดล็ตาง ๆ็ถาพูดถึง
ภาษาเราจะนึกถึงเท็ก็ซ (text) ท่ีมีไวยากร็ณ็ตาง ๆ แ็ตภาษาอีกรูปแบบหน่ึงท่ีเราอาจจะ็ไม็คอย็คุนเคยกันก็คือ
ภาษาท่ีมีลักษณะของ map language ก็ลาวคือ UML ็เป น map language หรือภาษาท่ี็ใชกรา็ฟก็เปน
สญั ลักษ็ณโดยภาษาในลกั ษณะนจี้ ะ็ใชกบั คนเฉพาะบางก็ลุม ็เชน นกั ออกแบบ (designer) หรอื นกั พัฒนาระบบ
คอมพวิ เตอ็ร (development)
7.จงอธิบายเหตผุ ลีวาทาไมเราจงึ ีใช UML

UML ็ไดรวม็ขอดขี องโมเดล็ตาง ๆ เอา็ไว็เปนภาษาท็เ่ี ปนมาตรฐาน็เปด (Open standard)ภาษา UML
ครอบคลุมทกุ็สวนในวงจรชวี ิต (Life cycle)็เปนภาษาทีม่ ีความสมดลุ ใน็แงของความเรียบ็งายและความซับ็ซอน
มบี รษิ ัทชนั้ นาและอุตสาหกรรม็ตาง ๆ ็ใหการยอมรับและ็ใหการสนับสนุน
8.จงอธบิ ายประวตั กิ ารสีราง UML

ภาษาท่ีใชในการส็รางโมเดลเชิงวตัถุเร่ิมมีการพูดถึงอ็ยางจริงจัง็เปนค็รงแรกใน็ชวงยุคกลาง็ป1970ถึง
ปลายยคุ 1980 ซึ่งเกิดข้ึนมาพ็รอม ๆกนัแนวความคิดของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุใน็ชวงระยะเวลาการถือ
กาเนิดของวิธีการเชิงวัตถุนักวิเคราะ็หและนักออกแบบระบบ็ไดคิด็คนวิธีการเชิงวัตถุของตนเองออกมาเร่ือย ๆ
แ็ม็วาโดยภาพรวมจะมคี วามใก็ลเคยี งกนั แ็ตก็มีรายละเอียดที่แตก็ตางกันไป จึงยงั ็ไมมีมาตรฐานท่แี ็นนอนใน็ชวง

17

นั้นในยุคแรกๆ ม็ีผูคิด็คนวิธีการเชิงวัตถุขึ้นมาอ็ย็ูไมเกิน 10 วิธีจากน้ันใน็ชวง็ปค.ศ. 1989ถึง 1994ก็มีจานวน
เพ่ิมมากขนึ้ มากก็วา 50 วิธีซ็ง่ึ ผ็ูใชวิธเี ชิงวตั ถุเห็ลานนั้ ็ตางก็ประสพ็ปญหาในการหาภาษาที่จะส็รางโมเดล็ไดตรง
ตามความ็ตองการอ็ยางครบ็ถวน และก็เ็ ปนท่ีมาของค็าวา “สมรภูมยิ ุทธวิธี” (Method War)
9.จงอธิบายการพัฒนาระบบงานีดวยภาษา UML

แนวความคดิ ของ UML จะมลี ักษณะเดยี วกับการ็กอส็รางอาคารนน่ั คือจะ็ตองมีกา็รรางแบบพมิ ็พเขียว
(blueprint) ของอาคารท่ีจะส็รางเสีย็กอน ซ่ึงแบบพิม็พเขียวของอาคารหนึ่งๆ จะมีหลายแบบสาหรับหลาย ๆ
มมุ มอง ็เชน แบบพิม็พเขียวของระบบโครงส็ราง ระบบไฟ็ฟา ระบบ็นา ประปา ระบบปรบั อากาศ็เปน็ตนในการ
ส็รางอาคารเราจา็เปน็ตองมีแบบพมิ ็พเขยี วหลายแบบกเ็ พราะเรา็ไมสามารถเอาทุก ๆ อ็ยาง็ใสลงไปในแบบพิม็พ
เขียวแบบเดียว็ไดท้งั นี้แบบพมิ ็พเขียวแ็ตละแบบก็จะมมี ุมมองและ็ผูรับผิดชอบในแ็ตละแบบไป

18
บทท่ี 6 การีใชภาษา UML
แบบีฝกหัดหีนวยที่ 6
1.จงอธิบายองีคประกอบหลัก 3ีสวนของภาษา UML
ภาษา UML จะประกอบ็ดวย 3็สวนหลัก ็ไดแ็ก1. Things ็เปนรูปแบบที่เล็กท่ีสุดของโมเดล2.
Relationships ็เปนส่งิ ท็ี่ใชแสดงความสัมพนั็ธระห็วาง Things3. Diagram การรวมคณุ สมบัติบางประการของ
Things ็ใหอ็ยูในก็ลุมเดยี วกนั
2. จงบอกคานามของภาษา UML แีบงียอยีเปน 2 ประเภทีไดแีกอะไรีบาง
structural things แ็บ็งยอยออก็เปน 2 ประเภท ็ไดแ็ก1. Logical Things ็เปน things ที่สามารถจับ
็ตอง็ไม็ได2. Physical Things ็เปน things ที่สามารถจับ็ตอง็ได
3. จงเขียนสัญลักษีณของสิ่งีตอไปน้ี a. Class b. Interface c. Collaboration d. Use case e. Active
class f. Component

a. Class

b. Interface

19

c. Collaboration
d. Use case
e. Active class
f. Component
g. Node

20

บทท่ี 7 Use Case Diagram

แบบีฝกหดั หีนวยท่ี 7
1.จงอธิบายความหมายของ Use Case Diagram

ในอดีตการส็รางโมเดลจะมองระบบ 2 รปู แบบ คือมมุ มองของระบบใน็แงท่ีมลี กั ษณะคงท็ี่ไม
เปลยี่ นแปลง(Static View) และมมุ มองของระบบใน็แงท่ีมีลักษณะ็ไมคงท่ีสามารถเปลย่ี นแปลง็ได(Dynamic
View) ซ่งึ ยังขาดมุมมองทีส่ าคัญอีกมมุ มองหน่งึ น่นั กค็ ือ “มุมมองขอ็งผ็ใู ชระบบ” (User’s View) และการ
ส็รางโมเดลจากมุมมองขอ็งผ็ูใชระบบก็คืองานของ Use Case DiagramUse Case คอื การส็รางโมเดลทจี่ ะ็ชวย
็ใหนักวเิ คราะ็หระบบกับ็ผ็ูใชระบบสามารถสื่อสาร็เขาใจตรงกัน็วา็ผ็ูใชระบบจะนาระบบงานทเี่ สร็จแ็ลวไป็ใชงาน
อะไร โดย Use Case Diagram จะ็ใหภาพของการ็ใชงานระบบอ็ยางครบ็ถวน็วา ระบบนน้ั ็ผ็ูใชจะสามารถ
นาไป็ใชทาอะไร็ได็บาง
2. จงบอกความสาคัญของ Use Case Diagram

เรา็ใช Use Case Diagram ็เปนเครอ่ื งมือในการกระ็ตนุ ็ให็ผ็ูใชระบบสามารถสื่อสาร็ให็ผูออกแบบ
ระบบ็ไดรับ็็รูวา็ผ็ูใช็ตองการ็ใชระบบในลกั ษณะไหน ซงึ่ การสอบถาม็ผ็ูใชถึงอินพตุ และเอาพุต็ต จาก็ผ็ูใช็เทานน้ั
็เปนมมุ มองที่แคบเกนิ ไป ทั้งยังอาจทา็ใหระบบทางาน็ได็ไมครบ็ถวนตามท็ผี่ ็ูใชระบบ็ตองการ ดงั นัน้
แนวความคดิ ของการ็ใช Use Case Diagram กค็ อื การ็ให็ผ็ูใชระบบ็ได็เขามาม็ีสวน็รวมในการวิเคราะ็หและ
ออกแบบระบบตัง้ แ็ตเฟสแรก ๆ ของการพัฒนาระบบ
3. จงอธบิ ายการีใช Use Case Diagram

ลกั ษณะของการ็ใช Use Case Diagram จะมีเง่ือนไขหรอื สภาพทเ่ี รา็ตองคานงึ ถึงอ็ยู2 อ็ยาง ็ไดแ็ก1.
Precondition2. Postcondition
4. จงอธบิ ายการสีราง Use Case Diagram

ข้นั ตอนของการเกิด Use Case Diagram หนึง่ ๆ นัน้ มีอ็ยู5 ข้ัน ตอนหลกั ๆ ็ไดแ็ก1. actor หน่งึ ทา็ให
เกดิ use case หน่ึงขนึ้ 2. เกดิ Precondition สาหรับ use case3. use case มกี ารทางานบางอ็ยาง4. เกิด
Postcondition เมอ่ื use case ทางานเสรจ็ สน้ิ 5. มี actor หนงึ่ ็ไดรบั ผลลัพ็ธจากการทางานของ use case

5. จงอธบิ ายความสมั พนัีธระหีวาง Use Case Diagram

ความสัมพัน็ธระห็วาง use cases มีอ็ยู4แบบ คือ1. Inclusion2. Extension3. Generalization4.
Grouping

21

6. จงอธิบายการีใช Use Case Diagram ในกระบวนการวเิ คราะีหระบบ
กระบวนการวิเคราะ็หระบบ (Analysis Process) จะเร่ิม็ตนจากการท่ีเรา็ตองไปสัมภาษ็ณ็ผ็ูใชงาน

ระบบเพื่อ ห็าวา็ผ็ูใช็ตองการ็ใหระบบออกมาในลักษณะอ็ยางไร การสัมภาษ็ณควร็เนนไปท่ีภาพโดยรวมของ
ระบบมากก็วาที่จะลงในรายละเอียด และในระห็วางการสัมภาษ็ณเราจะ็ได Use Case Diagram ออกมาหลาย
ไดอะแกรม จากน้ันนาไดอะแกรมเห็ลาน้ันไปวิเคราะ็ห็ตอซึ่งผลลัพ็ธที่เราจะ็ไดจากขั้น ตอนน้ีคือ Class
Diagram็ตาง ๆ ท็่เี ปนพืน้ ฐานของ ระบบ ซ่ึง็เปนขอบเขตโดยรวม็เทานัน้ ลาดับ็ตอไปเราจงึ สัมภาษ็ณเจาะลงไป
ในรายละเอียดของระบบ ซึ่งเราจะ็คนพบ็วา เราอาจมีการส็ราง Use Case Diagram เพ่ิมเติมหรืออาจนา use
case ท่ีมีอ็ยูแ็ลวมาส็รางความสัมพัน็ธแบบ inclusion และ extension ็ได ในขั้นตอนของการวิเคราะ็หระบบ
ส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุด คือความ็เขาใจถึงขอบเขตของระบบอ็ยางแ็ทจริง เรา็ตองแ็นใจ็วาส่ิงที่เราหามา็ได็เปนสิ่งท่ี
จา็เปน็ตอระบบจรงิ ๆ ็ไม็เชนนั้นเราจะ็ไดuse case็ตาง ๆ มากมายท่ีอาจ็เปน็สวนเกิน ของระบบ

22

บทท่ี 8 Class Diagram
แบบีฝกหัดหีนวยที่ 8
1.จงอธบิ ายลักษณะท่ัวไปของ Class Diagram

คลาส(Class)็เปนอ็งคประกอบท่ีสาคัญ อ็ยางยิง่ สาหรบั ระบบงานเชงิ วตั ถ(ุ Object – Oriented
System)คลาส็เปนการนาเอาก็ลุมของวัตถุมาอธบิ ายความหมายวตั ถซุ ่งึ ถูกจัด็ใหอ็ยูในคลาสเดียวกนั จะมแี อ
ตทริบวิ็ต,โอเปอ็รเรชนั่ ,ความสัมพนั็ธและความหมายบางอ็ยางเหมือนกันโดยการจัดก็ลุมกนั นเี้ ราสามารถทา็ได
ท้ังวตั ถุท็เี่ ปนซอฟ็ตแ็วรและฮ็ารดแ็วร
2. จงอธิบายองีคประกอบของคลาส

คลาส็เปนการอธบิ ายถงึ ก็ลุมของวัตถทุ ี่มีแอตทรบิ ิว็ต,โอเปอเรช่ัน,ความสัมพนั็ธและความหมาย
บางอ็ยางเหมือนกนั หรือ็รวมกันสญั ลักษ็ณท็ี่ใชแทนคลาสคอื รูปสี่เหลี่ยมผนื ็ผาโดยแ็บง็เปน 3็สวน ็ไดแ็กชอื่
คลาส (name)แอตทริบวิ็ต, (attribute) และโอเปอเรชน่ั (operation)
3. จงบอกหีนาท่ีของคลาส

ในภาษา UML เราสามารถจะกาหนดภาระห็นาท่ีของคลาส็ได็ดวยการ็ใชกลไกท่ชี อื่็วา
“responsibility” โดยท่ี responsibility จะ็เปนการ็บงบอกถึงภาระห็นาทข่ี องคลาส ็เชน คลาส Wall มหี ็นาท่ี
จะ็ตองบอกถึงความสงู ความก็วางและความหนาของกาแพง,คลาส FraudAgent เมอ่ื นาไป็ใชกับแอพพลเิ คช่ัน
เกี่ยวกับบตั รเครดิต จะมีห็นาท่ใี นการประมวลผลข็อมลู็วาบัตรดังก็ลาวถกู็ตองตามกฎหมายอ็ยูในเกณ็ฑ็นา
สงสยั หรอื ็เปนบตั รปลอม ็เปน็ตน
4. จงอธิบายการสีรางีขอบังคบั ใีหแีกคลาส

การส็รางข็อบงัคบั เพ่มิ เติม็ใหแ็กคลาสจะทา็ใหคลาสมีความชดั จนมากขึ้นซึ่งในภาษา UML เราจะ็ใช
กลไกทีช่ อื่็วา Constrains มาอธิบายคลาสให็มความชัดเจนยิ่งข้ึน การ็ใช constrains จะมีรปู แบบ็งายๆโดย
เขยี นอ็ยูภายในเคร่อื งหมายวงเล็บ็ปกกา
5. จงอธบิ ายการเขียนหมายเหตใุีหแีกคลาส

Attached Notes หรอื Note ็เปนกลไกของภาษา UML ท็ใ่ี ชในการ็ใหคาอธิบายแ็กคลาสในลักษณะ
็ขอมลู เพ่ิมเติมหรือ็โนต็ยอ็เปนเพียงข็อมูลเสริม็ไม็ใช็ขอมูลท่ีจา็เปนจรงิ ๆ จะ็ใสหรอื ็ไม็ใสก็ไ็ ดยกตัวอ็ยาง็เชน
จากคลาสcustomer เราอาจมกี าร็ใช Attached Note
6. จงอธิบายการสีรางตัวแทนของคลาสีดวย Object Diagram

ตามนยิ ามของหลักการเชงิ วัตถุ (Object-Oriented Principles) แ็ลววัตถ็ุเปนอนิ สแตน็ซ (instance)
ของคลาสทั้งนีเ้ น่ืองจากเมื่อเรากาหนดคลาสขน้ึ มา เราจะ็ไมสามารถนาคลาส นัน้ ไป็ใช็ไดโดยตรงแ็ตจะ็ตอง
ส็รางอินสแตน็ซของคลาสข้นึ มาซ่ึงการส็รางอนิ สแตน็ซของคลาสก็คือการส็รางวัตถนุ ่ันเอง

23

บทท่ี 9 Interaction Diagram

แบบีฝกหดั หีนวยท่ี 9
1.จงเขียน Sequence Diagram

2.จงเขยี น Collaboration Diagram

24

บทท่ี 10 State Diagram
แบบีฝกหัดหีนวยท่ี 10
จงเขยี น State Diagram จากโจทียที่กาหนดใีหีตอไปนี้

25

บทท่ี 11 Activity Diagram
แบบีฝกหดั หีนวยที่ 11
จงเขียน Activity Diagram จากโจทียทก่ี าหนดใีหีตอไปนี้

26

บทที่ 12 Component Diagram
แบบีฝกหัดหีนวยท่ี 12
จงเขียน Component Diagram ของการทางานของเครอื่ ง ATM หีนาวิทยาลัยเทคนิคตรงัีตอเชอ่ื มกับ
สานกั งานใหีญของธนาคาร (MS WORD)

ATM

แสด็งขอความ ็จายเงิน
็ใสรหสั ็ผาน ็ปอนจานวนเงนิ
กด็ปมุ ตกลง แสดงรายการ็ใหเลือกถอนเงนิ
ตรวจสอบรหัส็ผาน

27

บทที่ 13 Deployment Diagram
แบบีฝกหดั หีนวยที่ 13
จงเขียน Deployment Diagram ของการทางานของเคร่อื ง ATMหีนาวิทยาลัยเทคนคิ ตรังีตอเชื่อมกับ
สานกั งานใหีญของธนาคารและเตมิ ีขอความใีหสมบูรีณ

28

บทท่ี 14 โครงงานการวเคราะีหและออกแบบเชิงวัตถุ
แบบีฝกหัดหีนวยที่ 14
1.การศึกษาความีเปนไปีไดของระบบใหีมีตองพจิ ารณาความีเปนไปีไดีดานใดีบาง จงอธิบาย

1. ความ็เปนไป็ไดทางเทคนิค (Technical Feasibility) คือความ็เปนไป็ไดของการส็รางระบบให็ม
็ดวย การนาเทคโนโลยที ่ีมีอ็ยูใน็ปจจุบันมา็ใชงาน หรอื การอัปเกรดเคร่ืองคอมพวิ เตอ็รท่ีมีอ็ยูเดมิ ็ใหมี
ประสิทธภิ าพ สงู ข้ึน หรือตัดสนิ ใจ็ใชเทคโนโลยใี ห็มทง้ั หมด

2. ความ็เปนไป็ไดในการปฏบิ ตั งิ าน (Operational Feasibility) คอื ความ็เปนไป็ไดของระบบให็มท่จี ะ
็ให สารสนเทศที่ถูก็ตองตรงตามความ็ตองการขอ็งผ็ูใชงาน การคานงึ ถงึ ทัศนคติขอ็งผ็ูใชงาน รวมทั้งทักษะของ
็ผ็ูใชงานกับระบบงานให็มท่ีมีการปรับเปล่ียนโครงส็รางการทางานให็ม็วา็เปนท่ียอมรับ (Acceptable)หรอื ็ไม

3. ความ็เปนไป็ไดในเชิงเศรษฐศาสต็ร (Economical Feasibility) คือความ็เปนไป็ไดในเชิง
เศรษฐศาสต็ร็ดวยการคานงึ ถ็ึงตนทนุ ็คา็ใช็จายในการพัฒนาระบบงาน ความ็คุม็คาของระบบ็ดวยการ
เปรียบเทียบผลลพั็ธท็ไ่ี ด จากระบบกับ็คา็ใช็จายท็่ีตองลงทุน
2. หลกั การในการรวบรวม Requirements เพ่ือใีหประสบผลสาเรจ็ มีอะไรีบาง จงอธบิ าย

Requirements ที่ดีมีหลักการ ดงั นี้
1.ตรงกับวตั ถุประส็งคและหา็ขอมูลกับบคุ คลที่เกยี่ ว็ของโดยตรง
2. ควรระบคุ วาม็ตองการ็ตาง ๆ ลงในรปู ของเอกสารและ็เขาใจท้งั สอ็งฝาย ในบางครง้ั อาจจะมีการเซ็น
กากับ็รวมกนั ก็็ได แ็ตในกรณีนอ้ี าจส็รางความกดดนั ็ใหกับ็ผ็ูใชงาน็ได แ็ตก็็เปนผลดกี บั ็ผูพฒั นาระบบงาน ใน
กรณี ที่มีการปรบั แ็กในภายหลัง
3. Requirements ที่ด็ีตองตกล็งรวมกนั ท้ังสอ็งฝาย อ็ยาคิด็วา วเิ คราะ็ห หรอื อกแบบ็ดวยตนเอง
ทง้ั หมด ซงึ่ ็เปนการ็เขา็ขางตนเอง และมีโอกาส็กอ็ใหเกดิ ผลเสียตามมา
4. คาจากัดความบนเอกสาร็ตาง ๆ็ตองชัดเจน อ็ยา็เปนคาจากดั ความทีก่ ากวมและสามารถตีความ็ได
หลายความหมาย
5. ็เปนการยากในการหา Requirements ทีส่ มบรู ็ณแบบ็ดวยการหา็ขอมูลเพียงคร้งั เดียว ดงั น้ันควรมี
การ ยอมรับในการปรบั เปลี่ยนในภายภาคห็นา แ็ตในการปรบั เปลีย่ นที่ดีม็ิใช็เปนการปรบั เปลีย่ นหรือแ็กไข
ทัง้ หมด เพราะหาก็เปน็เชนนี้ถอื็วามีความผดิ พลาดในการหา็ขอมูลตั้งแ็ตข้นั ตอนแรกแ็ลว

29

3. วิธีการเก็บรวบรวมีขอมูล สามารถีคนหาจากแหีลงีขอมูลีตาง ๆ อะไรีบาง จงอธบิ าย
ในข้ันตอน็กอนนาไป็สูขน้ั ตอนการวเิ คราะ็หระบบ นักวเิ คราะ็หระบบจะ็ตองรวบรวม็ขอมูล ความ็เปน

จร็งิ ตาง ๆ ในระบบ็ใหมากที่สุด เพ่ือนามาวเิ คราะ็หระบบงาน็ใหตรงวตั ถุประสง็คและความ็ตองการขอ็งผ็ูใช
มาก ท่ีสุด มีการเจาะลึกในรายละเอียด ซึ่งมวี ธิ กี ารเกบ็ รวบรวม็ขอมลู น้สี ามารรถ็คนหาจากแห็ล็งขอมูล็ตาง ๆ
็ไดดงั นี้

1. เอกสาร(Documentation)
2. แบบสอบถาม(Questionnaires)
3. การสมั ภาษ็ณ (Interview)
4. การสงั เกต(Observation)
4. คาถามปลายีเปดและปลายีปด มีความแตกีตางกันอียางไร และมีีขอดีีขอเสยี อียางไร จงอธบิ ายเพื่อใีห
การสมั ภาษีณเกดิ ผลทด่ี ี ควรปฏบิ ัตอิียางไร
คาถามปลายีเปด คือ คาถามทส่ี็รางข้นึ เพื่อ็ให็ผูตอบแบบสอบถามมอี สิ ระในการตอบ ็ไมควรตั้งคาถาม
ในลักษณะท่ีก็วางเกินไป
คาถามปลายีปด คือ คาถามท่ีมกี ารกาหนดคาตอบ็ให็ผูตอบแบบสอบถาม คาถามประเภทนค้ี วรมี
รายการคาตอบที่ชัดเจน

30

บทที่ 15 โครงงานการวเคราะีหและออกแบบเชิงวัตถุ 2
แบบีฝกหดั หีนวยที่ 15
1.สาเหตทุ ีต่ี องออกแบบเอาีตพุตีกอนการออกแบบอินพุต เพราะอะไร

เพราะรปู แบบของรายงานทีท่ าการออกแบบทา็ให็ได็ขอมูลนา็เขาดงั นนั้ การออกแบบรายงานจึงทา็ให
ทราบถ็ึงขอมูลนา็เขาทจ่ี า็เปน็ตอง็ปอน็เขา็สูระบบ
2. Report layout form คืออะไร และมปี ระโยชีนอียางไร จงอธิบาย

็เปนสง่ิ สาคญั เพื่อ็ใชในการตัดสนิ ใจ็ได็วาจะมีรายละเอียดขอ็งขอมูลใด็บางในรายงานโดยเอา็ตพุตที่
ออกแบบ็นนจะ็ตองตรงกับความ็ตองการ (Requirements) รวมทั้งพจนานกุ รม็ขอ มลู (Data Dictionary) ที่ทา
็ใหทราบถงึ ประเภทขอ็งขอมลู ทราบถงึ ขนาดความก็วา็งขอมูล ทา ็ใหสามารถกา หนดจานวนคอลม็นั ท็ีต่ องการ
็ใชในรายงาน็ไดอ็ยางถกู็ตองโดยรายละเอียดทเี่ ขียนลงในแบบฟอ็รมอาจใช็ข็อความ หรอื ใช็ตวัอกัษร X เพื่อ
แทน็ขอมลู ตวั อักษร และเลข 9 เพอ่ื แทน็ขอมูลตวั เลข
3. ชนดิ ของเอาีตพุตมีอะไรีบาง

รายงาน (Report)
เอกสาร(Document)
็ขอความ (Message)
4. จงบอกวัตถุประสงีคของการออกแบบเอาีตพตุ
เพ่อื ็ใชในการติด็ตอ็ขาวสารระห็วางกจิ กรรม็ตาง ๆแสดงเหตุการ็ณ็ตาง ๆ ทีเ่ กดิ ข้นึ ในระบบแสดงกลไก
ในการทางาน็เปนการยืนยนั หรอื รบั รอ็งวาเกิดการทางานจริง
5. การออกแบบรายงานเพ่อื ีใชงาน ควรพจิ ารณาในีดานใดีบาง
ใคร็เปน็ผ็ใู ชรายงานน็ี้ใชประโยช็นจากรายงานนอี้็ยางไรรายละเอยี ด็ขอมลู ในรายงาน็ตองการมาก
เพยี งใดรายงานนี้มีความ็ตองการ็ใช็บอยแ็คไหน ็เชน ทกุ วัน ทุกสปั ดา็หหรอื ทกุ เดือนรายงานแสดงออกทางใด
็เชน ทางจอภาพหรือทางเครื่องพิม็พ
6. รปู แบบรายงานท่ดี ีควรประกอบีดวยรายละเอียดใดีบาง
หัวรายงาน
รายละเอยี ด
ผลสรปุ
หมายเหตุ
7. Screen layout form คอื อะไร มปี ระโยชีนอียางไร
แบบฟอ็รมของการออกแบบเอา็ตพุตแ็ตจานวนแถวและคอลัม็นจะถูกจากดั ก็ลาวคือจอภาพปกติที่
แสดงผลในลกั ษณะขอ็งขอความจะมีอ็ยูจานวน 25 แถว 80 คอลมั ็น

31

8. จงบอกวตั ถุประสงีคของการออกแบบอินพตุ
ควบคุมจานวนอนิ พตุ หลกี เล่ียงความ็ลา็ชาหลีกเล่ียงการ็ปอน็ขอมูลผดิ พลาดหลีกเล่ยี งขั้นตอนพิเศษ

หรอื ขน้ั ตอนท็ไี่ มจา็เปนมีขั้นตอนการ็ใชงาน็งาย
9. Caption Form คืออะไร มรี ูปแบบใดีบาง จงอธิบาย

็เปนวธิ กี ารออกแบบฟอ็รมเอกสารเพ่ือ็ปอน็ขอมลู ็เขา็สูระบบวธิ ีหนงึ่ ทมี่ ีการกาหนด็ชองรายละเอยี ดใน
รปู แบบ็ตาง ๆ ็ให็ผ็ูใชกรอกรายละเอยี ดในพนื้ ท่ีท่กี าหนด็ใหถึงแ็ม็วามีการบังคับ็ใหเขียนลงใน็ชองที่กาหนด
10. User Interface คอื อะไร

ระบบทีด่ ีควรมีการออกแบบความสัมพนั็ธกบั ็ผ็ูใช็ได็เปนอ็ยางดจี ึงถอื็วา็เปนระบบทีส่ มบูร็ณ ควรมีการ
ออกแบบการเลือก็ใชคาส็ั่งตางทแ่ี สดงบนจอภาพทสี่ ามารถส่อื ็ไดเขาใ็จงาย เม่ือ็ผ็ูใชมีการ็โตตอบ(Interaction)
กับระบบ ระบบควรตอบสนองความ็ตองการแ็ก็ผ็ูใชงาน็ไดอ็ยางมีประสิทธิภาพ

32

บทที่ 16 โครงงานการวเคราะีหและออกแบบเชงิ วัตถุ 3
กจิ กรรมท่ี 1ีคนหาหีนาท่คี วามรบั ผดิ ชอบของแีตละงาน

งานอาตารเรยี น อาคารประกอบ มหี น้าทรี่ บั ผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้

1. บรหิ ารจดั การอาคารเรยี น อาคารประกอบ

แนวทางการปฏบิ ตั ิ

1. กาหนดแนวทางวางแผนการบรหิ ารจดั การอาคารของสถานศกึ ษา

2. บารงุ ดูแลและพฒั นาอาคารอาคารประกอบของสถานศกึ ษาใหอ้ ยู่ในสภาพทมี่ ่นั คงปลอดภยั
เหมาะสม

พรอ้ มทจี่ ะใชป้ ระโยชน์
3. ตติ ตามและตรวจสอบการใชอ้ าคารเรยี นอาคารประกอบของสถานศกึ ษา
เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความคมุ ้ คา่

และเออื้ ประโยชนต์ อ่ การเรยี นรู ้
4. สรปุ ประเมนิ ผล และรายงานการใชอ้ าคารเรยี น อาคารประกอบของ
สถานศกึ ษาระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

วา่ ดว้ ยการใชอ้ าคารสถานทข่ี องสถานศกึ ษา พ.ศ. 2526 และแกไ้ ข
เพม่ิ เตมิ

2. ซอ่ มบารงุ อาคารทมี่ อี ยเู่ ดมิ ใหอ้ ยใู่ นสภาพใชง้ านไดอ้ ยา่ งปลอดภยั สภาพสวยงาม น่าอยู่ น่าดู น่าใช ้

3. ปรบั ปรงุ พฒั นาอาคาร ทาแผนพฒั นาระยะยาว ระยะกลาง ระยะสนั้

4. เป็ นทปี่ รกึ ษารองผูอ้ านวยการสถานศกึ ษาฝ่ ายบรหิ ารงบประมาณและสนิ ทรพั ย ์

5. งานฉุกเฉิน เป็ นงานเรง่ ดว่ นไมม่ แี ผนงานลว่ งหนา้ เชน่ อุบตั ภิ ยั ต่างๆ

6. งานเฉพาะกจิ เป็ นงานทที่ ารว่ มกบั กจิ กรรมต่างๆ ของโรงเรยี น มคี าสง่ั ใหท้ าเป็ นงานๆ เชน่ การจดั

สถานทใี่ นงานกจิ กรรมต่างๆ ของทางโรงเรยี น

7. งานตามโครงการ เป็ นงานทที่ างอาคารสถานทกี่ าหนดไวใ้ นแผนดาเนินงานประจาปี

8. กาหนดนักการภารโรง ใหร้ บั ผดิ ชอบประจาอาคาร

9. มคี รดู แู ลรบั ผดิ ชอบประจาอาคารตา่ งๆ รว่ มกบั นักเรยี นในแตล่ ะหอ้ งเรยี น ดูแลรบั ผดิ ชอบหอ้ งเรยี นของ

ตนเอง โดยมคี ณุ ครทู ปี่ รกึ ษาควบคุมดูแล

10. มกี ารแบ่งเขตรบั ผดิ ชอบใหน้ ักเรยี นดแู ล

33

11. ดูแลตกแตง่ บารงุ รกั ษาอาคารเรยี น อาคารประกอบ

13. การใหบ้ รกิ ารดา้ นอาคาร วสั ดุ ครุภณั ฑ ์ แกช่ มุ ชน

15. การซอ่ มแซม บารงุ วสั ดุ ครภุ ณั ฑ ์ และอาคารเรยี น อาคารประกอบ

17. การบรหิ ารงานนักการภารโรง
18. ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ นื่ ๆ ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

กจิ กรรมที่ 2
1็.สงบนั ทกึ็ขอความลายเซน็ หวั ห็นางาน
2็.สงการเปรยี บเทียบรายละเอียดความ็ตองการของงานท่สี มั ภาษ็ณกบั ็คนหาจากอินเตอรเน็ต

34

กิจกรรมที่ 3 เขยี น Use Case Diagram

35

กิจกรรมท่ี 4 เขยี น Class Diagram

36

กิจกรรมที่ 5 เขยี น Activity Diagram

37

กิจกรรมที่ 6 เขยี น Sequence Diagram

38

ภาคผนวก

39

ประวตั ีสิ วนตวั ของีผจู ดั ทา

ชอ่ื : จรี บุตร นฤนารถ
ชอื่ ็เลน :็ปงปอน็ด
วนั / เดือน /็ป เกิด : 05 พฤษภาคม 2545
ทอ่ี็ย็ูปจจบุ ัน : 48/16 ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรงั 92000

- ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษา โรงเรียนสภาราชินี2 จงั หวัดตรงั
- ระดบั ช้นั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) สาขาวิชา คอมพิวเตอ็รธุรกิจ

จาก วิทยาลัยเทคนิคตรัง
็ปจจุบนั กาลังศกึ ษา : ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชัน้ สูง ช้ัน็ปที่ 1

สาขาวิชา เทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาลยั เทคนิคตรงั


Click to View FlipBook Version