The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง หมวด1 ตวามผิดต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา136-137)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by arirat3586, 2021-09-21 00:41:12

ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง หมวด1 ตวามผิดต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา136-137)

ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง หมวด1 ตวามผิดต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา136-137)

ค ว า ม ผิ ด เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ป ก ค ร อ ง
หมวด1

ต ว า ม ผิ ด ต่ อ เ จ้ า พ นั ก ง า น
(มาตรา136-137)

จั ด ทำ โ ด ย
6 3 1 0 8 1 0 8 4 น า ง ส า ว ณั ฐิ ด า สั ย ล ะ มั ย

เสนอ
อ า จ า ร ย์ วิ รั ต น์ น า ทิ พ เ ว ท ย์

ห นั ง สื อ เ ล่ ม นี้ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ร า ย วิ ช า 0 8 0 1 2 2 1
ก ฎ ห ม า ย อ า ญ า 2 : ภ า ค ค ว า ม ผิ ด ค ณ ะ นิ ติ ศ า ส ต ร์

ม ห า วิ ท ย า ลั ย ทั ก ษิ ณ ส ง ข ล า

บทที่1

คำอธิบายเชิงโครงสร้างความรับผิดทางอาญา

การกระทำผิดกฎหมายนั้นมีหลายลักษณะ ซึ่งหากมองย้อนไปใน
อดีต จะเห็นว่าคนที่กระทำผิดส่วนใหญ่จะเป็นเพียงบุคคลธรรมดา แต่ใน
ปัจจุบันถ้าดูจากข่าวหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ จะเห็นว่ามีหลายคดีที่
เกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานด้วย ทั้งในส่วนที่เจ้าพนักงานกระทำความผิดเอง
และการกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงาน ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างความผิดต่อ
เจ้าพนักงานที่เรามักจะคุ้นเคยและพบเจอกันบ่อยมากในชีวิตประจำวัน
บางมาตรา ดังต่อไปนี้

1.ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน(มาตรา 136) เช่น นางสาว เอ ไปติดต่อที่
สำนักงานที่ดิน เพื่อที่จะโอนที่ดิน ซึ่งนางสาวเอได้มาติดต่อไว้นานแล้ว แต่ก็
ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้เลย จนนางสาวเอรอไม่ไหว จึงเดินทางไปที่
สำนักงานที่ดินนี้อีกครั้ง ด้วยความใจร้อน นางสาวเอได้ด่าทอเจ้าพนักงาน
ว่า ”เจ้าพนักงานที่ดินหมาๆ ชอบกินแต่เบี้ย” ซึ่งคำพูดดังกล่าวนี้เข้าข่าย
ข้อหาดูหมิ่นจ้าพนักงาน โดยแทนที่นางสาวเอจะเข้ามาสอบถามเจ้าพักงาน
ว่าตอนนี้การโอนที่ดินมีความคืบหน้าไปถึงไหน ติดขัดอะไร หรือต้องการ
หลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

2.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน (มาตรา 137) เช่น นายดำพา
นางสาวแดงไปขอจดทะเบียนสมรส โดยแจ้งต่อนายทะเบียนว่า ไม่เคย
สมรสมาก่อนทั้งที่เคยแล้ว เจ้าหน้าที่จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานในเอกสารว่า
ไม่เคยสมรสและได้จดทะเบียนให้ การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดฐาน
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพักงาน

3.แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน(มาตรา 145) เช่น นายดำรงชอบขับรถ
ไปตามถนนในเวลากลางคืน เมื่อเจอเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ก็จะอ้างว่าตนเอง
นั้นเป็นตำรวจแล้วพยายามยัดข้อหาให้เหยื่อเหล่านั้น โดยมีข้อเสนอว่าถ้าไม่
อยากให้เรื่องถึงโรงพัก ก็ต้องจ่ายเงินมา 2,000 บาท หรือไม่ก็เอาตัวเข้า
แลก การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการกระทำผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้า
พนักงาน

จากการยกตัวอย่างการกระทำความผิดดังกล่าว คงจะทำให้หลายคน
เข้าใจในเรื่องการกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานมากขึ้น

ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 136 ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือ

เพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ
ไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โครงสร้างความผิดทางอาญามาตรา136

1. ดูหม่ิน
2. เจ้าพนักงาน
3. ซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่

จากโครงสร้างสามารถอธิบายได้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2551 อธิบายว่า "ดูหมิ่น" หมายถึง

การดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท หรือทำให้อับอาย การวินิจฉัยว่าการ
กล่าววาจาอย่างไรเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าถ้อยคำที่
กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยามสบประมาทผู้ที่ถูกล่าวถึง หรือเป็นการทำให้
ผู้ที่ถูกกล่าวถึงอับอายหรือไม่

"เจ้าพนักงาน” หมายความว่า บุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้า
พนักงาน หรือได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็น
ประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่"

การดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 136 จะต้อง
เป็นการดูหมิ่นที่เกี่ยวกับการทำงานด้วย เช่น ดูหมิ่นตำรวจที่ตั้งด่านตรวจ ดู
หมิ่นครูที่สอนหนังสือ ดูหมิ่นหมอที่รักษาคนไข้ แต่ถ้าหากเป็นการดูหมิ่นใน
เรื่องอื่น หรือประเด็นส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานตามหน้าที่ ก็ย่อมไม่มี
ความผิดตามมาตรา 136 เช่น การกล่าวถึงตำรวจในประเด็นว่า มีชู้ การ
กล่าวถึงครูว่า มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่น หรือการกล่าวถึงหมอว่า
เอาเวลาทำงานไปเที่ยวสนามกอล์ฟ

อย่างไรก็ตามการที่ดูหมิ่นในเรื่องส่วนตัวแม้ไม่ผิดตามมาตรา 136 ก็
อาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า เช่นเดียวกับการดูหมิ่นคนทั่วไปได้ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญมาตรา 393 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน ปรับไม่
เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้นการกระทำที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 136 จะต้องมีองค์
ประกอบที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งสามข้อที่กล่าวมา หากขาดองค์ประกอบข้อ
ใดข้อหนึ่ง ก็ไม่เป็นความผิดทันที

ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้

ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โครงสร้างความผิดทางอาญามาตรา137
1.แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
2.เจ้าพนักงาน
3.ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
องค์ประกอบภายใน คือ เจตนา

จากโครงสร้างสามารถอธิบายได้ดังนี้

แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หมายความว่า การนำข้อเท็จจริงแจ้งแก่เจ้า
พนักงาน ซึ่งการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 137 นี้อาจจะกระทำ
โดยผู้แจ้งไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานเอง หรือโดยตอบคำถามของเจ้าพนักงาน
ก็ได้
การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรานี้ อาจกระทำได้ 3 วิธี ดังนี้
1.กระทำด้วยวาจา
2.กระทำด้วยลายลักษณ์อักษร
3.กระทำด้วยการแสดงกิริยาท่าทางอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการกระทำ
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ให้เจ้าพนักงานได้ทราบข้อความ โดยที่ข้อความที่แจ้ง
นั้นจะต้องเป็นความเท็จ ถ้าข้อความที่แจ้งนั้นไม่เป็นความเท็จแล้ว ผู้แจ้งก็
ไม่มีความผิดตามมาตรา 137 นี้

แก่เจ้าพนักงาน คือเจ้าพนักงานผู้รับแจ้งข้อความจะต้องเป็นผู้มีหน้า
ที่รับแจ้งข้อความนั้นและต้องกระทำการตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย
จึงจะถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน ถ้าเป็นการแจ้งข้อความต่อเจ้าพนักงานซึ่งไม่มี
อำนาจหน้าที่ในการรับแจ้งข้อความเช่นนั้น ผู้แจ้งก็ไม่มีความผิดตามมาตรา
137 นี้

ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ถ้าข้อความนั้นไม่อาจทำให้
ผู้ใดได้รับความเสียหายก็ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานแจ้งความเท็จ
และมีข้อสังเกตว่าไม่ต้องเกิดความเสียหายขึ้นจริงๆ คือแม้การแจ้งข้อความ
อันเป็นเท็จนั้นเพียงแต่อาจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ ก็เป็นความผิด
สำเร็จทันทีเมื่อมีการแจ้ง และการแจ้งนั้นได้รู้ถึงเจ้าพนักงานแล้ว

โดยเจตนา หมายถึง เจตนาธรรมดาตามมาตรา 59 คือผู้แจ้งจะต้องรู้
ว่าข้อความที่นำไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานนั้นเป็นเท็จ ถ้าหากไม่รู้ก็ถือว่าไม่มี
เจตนา ผู้แจ้งก็ไม่มีความผิดตามมาตรานี้

บทที่2
คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8016/2556
จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า "ตำรวจแม่ง...ใช้ไม่ได้" เพราะรู้สึกว่าเจ้า

พนักงานตำรวจไม่ให้ความสำคัญต่อคำชี้แจงของตน ทำให้จำเลยรู้สึกว่าไม่
ได้รับความเป็นธรรม จึงกล่าวตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
ตำรวจ อันเป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นมุ่ง
หมายที่จะด่า ดูถูกเหยียบหยามหรือสบประมาทเจ้าพนักงานตำรวจแต่
อย่างใด จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 136

จากคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวสามารถพิจารณาจากโครงสร้างความ
ผิดทางอาญามาตรา136 ได้ คือ ในกรณีที่จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า
ตำรวจแม่งใช้ไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่ให้ความสำคัญต่อ
คำชี้แจงของตน ทำให้จำเลยรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงกล่าวตำหนิ
การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งคำกล่าวของจำเลยเป็นเพียงคำ
กล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นดูหมิ่นหรือด่า ดูถูกเหยียบ
หยามหรือสบประมาทเจ้าพนักงานตำรวจและไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
อับอายแต่อย่างใด จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 136 เนื่องจากไม่
ครบองค์ประกอบตามมาตรา 136 ซึ่งถ้าจะเข้าตามมาตรา136นั้นต้องครบ
องค์ประกอบทุกข้อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9556/2558
การที่จำเลยมอบอำนาจให้ทนายความไปยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไข

เพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ และแจ้งย้ายที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของ
บริษัท บ. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทโดยอ้างว่าจำเลยได้บอกกล่าวนัด
ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2552 โดยลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์
และส่งมอบให้ผู้ถือหุ้น และที่ประชุมวิสามัญมีมติพิเศษให้แก้ไขเพิ่มเติม
หนังสือบริคณห์สนธิ และย้ายที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทจากเดิมที่
ตั้งอยู่กรุงเทพมหานครไปที่จังหวัดราชบุรีโดยไม่เป็นความจริง การกระทำ
ของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและ
แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตาม ป.อ. มาตรา 137 และ
มาตรา 267

จากคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวสามารพิจารณาตามโครงสร้าง
ความผิดทางอาญาตามมาตรา137 คือ กรณีการที่จำเลยมอบอำนาจให้
ทนายความไปยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ และ
แจ้งย้ายที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท บ. ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วน
บริษัทโดยอ้างว่าจำเลยได้บอกกล่าวนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่
2/2552 โดยลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์และส่งมอบให้ผู้ถือหุ้น และที่
ประชุมวิสามัญมีมติพิเศษให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ และย้ายที่
ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทจากเดิมที่ตั้งอยู่กรุงเทพมหานครไปที่
จังหวัดราชบุรีโดยไม่เป็นความจริง จากการกระทำดังกล่าวของจำเลยจึง
เป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้า
พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตาม ป.อ. มาตรา 137 และมาตรา 267

บทที่3

สรุปเนื้ อหาและข้อเสนอแนะ

สรุป
มาตรา136และมาตรา137 เป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดต่อเจ้า

พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการดูหมิ่นหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งเห็นได้จาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกมา การที่ศาลจะตัดสินว่าจำเลยมีความผิดหรืไม่จึง
ต้องดูองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอกของมาตราที่เกี่ยวข้องก่อน

มาตรา 136 ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือ
เพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ
ไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
องค์ประกอบคือ
1. ดูหมิ่น
2. เจ้าพนักงาน
3. ซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่
4.เจตนา

มาตรา137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจ
ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบคือ
1.แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
2.เจ้าพนักงาน
3.ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย
4.เจตนา

ข้อเสนอแนะ
จากความคิดนิสิตในมาตรา136 มีการระบุจุดประสงค์ชัดเจนแต่การ

ระวางโทษควรปรับตามความประพฤติของจำเลยและในมาตรา137ควรดู
ตามความเหมาะสมว่าการกระทำของจำเลยสร้างความเสียหายเท่าไหร่อาจ
จะไม่ต้องจำคุกแต่เปลี่ยนเป็นการแก้ไขสิ่งนั้น

บรรณานุกรม

หนังสือประมวลกฎหมายอาญา
https://www.xn-
-42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com/%E0%B8%
9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%
A5%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%
B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%
B2%20%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%
B8%B2%20136.html
https://www.xn-
-42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com/%E0%B8%
9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%
A5%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%
B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%
B2%20%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%
B8%B2%20%20137.html


Click to View FlipBook Version