ก
คำนำ
เรอื่ ง “สายอาชพี VS สายสามัญ ต่างกนั อยา่ งไร” ในระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3
รำยวิชำจติ วิทยาในโรงเรยี น (แนะแนว)
ผ้จู ัดทำ: นางสาวกาญจญา อุตสาสาร 64941900301
นายกติ ติ อดุ อา้ ย 64941900302
นายคัมภรี ์ ผดุงพนม 64941900303
นางสาวจิณชญาภา เป่งสะทา้ น 64941900304
ท่ปี รกึ ษำ: อาจารย์ ดร.อมั เรศ เนตาสทิ ธิ์
สถำนศึกษำ: หลกั สตู รประกาศนียบตั รบัณฑติ วชิ าชพี ครู ครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ลาปาง
ปกี ารศึกษา 2564
การศกึ ษาในรายวิชาจติ วทิ ยาในโรงเรยี น ในหนว่ ยการเรยี นแนะแนวในโรงเรียน
ทางคณะได้จดั ทาเรอื่ ง “สายอาชพี VS สายสามัญ ต่างกนั อยา่ งไร” โดยไดแ้ รงบนั ดาลใจมากนักเรียนใน
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาชนั้ ปที ี่ 3 ในช่วงวัยน้เี ป็นช่วงระหว่างวันรุน่ ตอนตน้ กับวัยรนุ่ ตอนกลางเปน็ ชว่ งวยั ที่
พัฒนาการดา้ นอารมณอ์ ่อนไหวง่าย และจะเปน็ ช่วงจังหวะในชีวติ ทีน่ ักเรยี นกลุ่มนีจ้ ะเลือกเสน้ ทางเดนิ ใน
ชวี ติ เลือกความฝันและเรียนรคู้ วามต้องการของตนเอง เพอ่ื ให้นกั เรยี นกลมุ่ นคี้ น้ หาตัวเอง เลือกทางเดิน
โดยการใช้เหตผุ ลในการตัดสนิ ใจเลอื กเส้นทางชวี ติ และเล่ียงการเลือกเส้นทางเพราะตามเพื่อน
ทางคณะจดั ทาจึงระดมความคิดสรุปเนือ้ หาท่เี ขา้ ใจง่าย และเปรยี บเทียบขอ้ ดี
และขอ้ เสยี ทง้ั สายอาชพี และสายสามัญ เปรียบเทียบทางเลือกในแต่ละสายและความสามารถในการศกึ ษา
ของแต่ละสาย ทางคณะจดั ทาหวังเป็นอย่างยง่ิ ว่า หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์(E - book)เล่มนจี้ ะเป็นประโยชน์
ต่อผทู้ ีส่ นใจเข้ามาศกึ ษาคน้ ควา้ หาขอ้ มลู ไมม่ ากกน็ ้อย หากเกดิ ความผดิ พลาด บกพร่อง ประการใดทาง
คณะจดั ทายนิ ดีรบั ฟังข้อเสนอแนะและพร้อมปรบั ปรงุ และขออภัยมา ณ ทนี่ ด้ี ว้ ย
คณะจัดทา
สำรบัญ ข
คานา หนำ้
สารบัญ
พัฒนาการในวัยรุ่น ก
เทรนด์การเรยี นรขู้ องคนรุ่นใหม่ในยุคดจิ ิทลั ข
อาชีวะการศึกษา 1-3
4-6
เรียนสายอาชพี ดอี ย่างไร
ประเภทวชิ าทนี่ า่ สนใจของสายอาชพี 7-8
คา่ ใช้จา่ ยในการเรยี นสายอาชวี ะศึกษาในระดับ ปวช. 9
การเรียนอาชีวะควบคกู่ ับการทางาน 10
สายสามัญศึกษา 10
ประเภทของสายสามญั ศึกษา
ข้อดแี ละขอ้ เสยี สายสามัญ 11-15
แหล่งอา้ งองิ 15
ค
1
1 พฒั นำกำรในวยั รุ่น
1. พฒั นำกำรในวยั รนุ่
1.1 พฒั นำกำรของวัยร่นุ จะแบ่งเป็น 3 ช่วง คอื วยั แรกรนุ่ (10-13ป)ี วัยรุ่นตอนกลาง (14-16 ปี ) และ
วยั รุ่นตอนปลาย (17-19 ปี) ทงั้ นเี้ พอ่ื จะชี้ให้เห็นถึงลกั ษณะที่เดน่ เป็นพิเศษของวยั รุ่นแตล่ ะชว่ ง ซ่งึ มคี วามแตกต่าง
กันอย่างชดั เจนในดา้ นความรสู้ ึกนึกคิด และความสัมพันธ์กับบดิ ามารดา
1.2 วยั รนุ่ ตอนกลำง(14-16 ปี ) เปน็ ชว่ งท่ีวัยรนุ่ จะยอมรบั สภาพรา่ งกายทม่ี กี ารเปลีย่ นแปลงเป็นหนุ่ม
เป็นสาวได้แลว้ มีความคดิ ท่ีลกึ ซ้งึ (abstract) จงึ หนั มาใฝ่หาอุดมการณ์และหาเอกลักษณข์ องตนเอง เพือ่ ความเป็น
ตวั ของตัวเอง และพยายามเอาชนะความรู้สึกแบบเด็กๆ ทีผ่ ูกพนั และอยากจะพึง่ พาพ่อแม่
2. กำรเปลี่ยนแปลงทำงจติ ใจ
1.ควำมรักและควำม ห่วงใย
ความรู้สึกอยากที่จะถูกรกั และยังอยากได้รบั
ความเอาใจใส่ หว่ งใยจากบุคคลที่มีความสาคญั
ต่อเด็ก แต่มกั จะมีข้อแมว้ า่ จะต้องไม่ใชก่ าร
แสดงออกของพ่อแมท่ ี่ทากบั เขาราวกับเด็ก
เล็กๆ ไม่ต้องการความเจ้ากี้เจา้ การ ไมต่ ้องการ
ใหแ้ สดงความหว่ งใยอยู่ตลอดเวลา
2. เปน็ อิสระอยำกทำอะไรไดด้ ้วยตัวของตวั เอง อยากทาในส่ิงท่ีตวั เองคดิ แลว้ ว่าดี อยากมีสว่ นในการ
ตัดสินใจ อยากทจ่ี ะทาตวั ห่างจากพ่อแม่ หา่ งจากคาส่งั การเจริญเติบโตในการทางานของสมอง ทาใหเ้ ด็กวยั นเี้ ร่ิม
มคี วามคดิ อ่านเป็นของตนเอง เริม่ มคี วามคิดแบบนามธรรม (abstract thinking) การแยกจากพ่อแม่ในเกอื บทุก
รูปแบบ บางครัง้ อาจทาใหว้ ัยร่นุ เกิดความร้สู ึกสบั สน สองจติ สองใจ และอาจมคี วามรู้สึก "สญู เสีย" ในความรัก
ความเอาใจใสจ่ ากพ่อแม่ แต่ถา้ พวกเขายอมรับการดแู ลหรือยอมทาตามคาสั่งของพ่อแม่ กจ็ ะไปขัดกับความ
ตอ้ งการท่ีจะเปน็ เด็กโต เปน็ อสิ ระของตนเองท่ตี ้องการพงึ่ พาตนเอง การให้การเลี้ยงดูจึงต้องอาศัยความเขา้ ใจ
และเคารพในสทิ ธสิ ่วนบุคคลดว้ ย
2
3. พฤติกรรมอยำกลองของ มักจะมสี ูงสุดในชว่ งวยั รุ่นตอนกลำง เป็น
เดก็ ก็ไม่ใช่ เป็นผ้ใู หญก่ ็ไมเ่ ชงิ แนวควำมคดิ และกำรยับย้งั ตวั เองมไี ม่
มำกพอ
1. ควำมถกู ตอ้ ง ยตุ ิธรรม โดยเฉพาะเม่ือเข้าส่วู ัยรุน่ ตอนกลาง มักจะถอื วา่ ความยตุ ธิ รรมเป็นลกั ษณะหนึ่ง
ของความเปน็ ผใู้ หญ่ วยั รุน่ จึงใหค้ วามสาคัญอยา่ งจริงจงั กับความถกู ต้อง ยตุ ธิ รรมตามทศั นะของตนเปน็ อยา่ งยง่ิ
และอยากจะทาอะไรหลายๆ อยา่ ง เพ่อื เรยี กรอ้ งความยตุ ิธรรม ท้งั ในแงบ่ คุ คลและสังคมสว่ นรวม จึงมักจะเหน็ ภาพ
วัยรุ่นถกเถียงกันเรอื่ งของสิง่ ต่างๆ ทเ่ี กิดขน้ึ รอบตัว
2. ควำมตืน่ เต้น ท้ำทำย ควำมต้องกำรหำ
ประสบกำรณ์แปลกๆ ใหม่ๆ เกลียดควำมจำเจซำ้ ซำก
วัยรุ่นกล่มุ นจ้ี ะสรา้ งความตื่นเต้นท้าทายกบั การทีก่ ระทาผดิ ต่อ
กฎเกณฑต์ ่างๆ ของทางบ้านและกฎของสงั คมนั่นเป็นเพราะว่า
เปน็ ความต่ืนเตน้ และความรู้สึกว่าถูกทา้ ทาย แนวทางการ
เล้ียงดเู ด็กฝึกให้เด็กไดม้ โี อกาสทางานที่ท้าทายความสามารถที
ละนอ้ ยอยตู่ ลอดเวลา จะสง่ ผลทาใหเ้ ด็กได้พฒั นาความ
เชี่ยวชาญขึ้นมาได้ แก้ปัญหาได้
4. กำรสร้ำงบุคลิกภำพ
1. กำรค้นหำเอกลักษณข์ องตนเอง พฒั นาทางดา้ นความนกึ คดิ คน้ หาส่งิ ต่างๆ ท้งั ท่าทาง
คาพูด การแสดงออก การแต่งกาย การเข้าสังคม วัยร่นุ ที่สามารถผา่ นพ้นภาวะวิกฤติในการคน้ หาตวั เอง
ไดอ้ ยา่ งไม่ยุ่งยากนัก มกั จะมลี ักษณะดังตอ่ ไปน้ี คือเป็นผู้ท่ใี ชส้ ตปิ ัญญาเผชญิ กับเหตุการณ์ในชีวิต
มากกว่าการใช้อารมณ์เปน็ ผูท้ ี่เลือกเผชิญหนา้ กับปัญหามากกวา่ เป็นผ้ทู ี่จะยอมหลีกเลี่ยงปญั หาเป็นผู้ที่
รเู้ ท่าทันธรรมชาติของตนมาก่อนเป็นผู้ที่ไม่มีความรสู้ ึกว่าตนเองโดดเด่ียวมหี นทางทจี่ ะไปขอความ
ช่วยเหลอื จากผ้อู ่ืนได้
3
2. กำรเอำชนะตวั เอง การควบคมุ พฤตกิ รรม
อารมณ์ให้ออกมาในรูปทีเ่ หมาะสมในระยะแรกๆ
จะพบลกั ษณะสองจิตสองใจระหว่างความอยาก
เป็นเดก็ ตอ่ ไปกับความอยากเปน็ ผใู้ หญ่ จากความ
รสู้ กึ นกึ คิดของวยั ร่นุ มกั จะมองวา่ สภาวะผูใ้ หญ่หมาย
ความวา่ พ่ึงตนเองได้ ตัดสนิ ใจได้ถูกตอ้ งการทีจ่ ะเอา
ชนะใจตนเองนั้น เปน็ สิ่งทเ่ี ดก็ ควรจะได้รับการเรยี นรู้
ไดร้ ับโอกาสในการฝกึ ฝนมาตั้งแต่เดก็ ๆ ทีละเล็กทีละนอ้ ย
ผา่ นการทพ่ี อ่ แมก่ าหนดขอบเขตต่างๆ ในชีวิตแตใ่ นวยั เด็ก
ทไี่ มเ่ คยเรียนรู้ทจ่ี ะยบั ย้ังชั่งใจมากอ่ น ไม่เคยเอาชนะตวั เอง
โดยการทาตัวใหเ้ หมาะสมได้เลย หรือถกู เล้ยี งดใู หเ้ อาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ได้ อยากทาอะไรก็จะทา ครง้ั
เติบโตเข้าวัยรนุ่ มอี ิสระมากข้นึ ก็จะเหน็ พฤติกรรมทไ่ี มย่ ้งั คิดได้บอ่ ยๆ และบางคร้งั กลบั เปน็ อนั ตรายท้งั ตอ่ ตนเอง
และผอู้ ืน่ อีกด้วย
3. กำรแยกตัวเองเป็นอสิ ระ คาวา่ อสิ ระในสายตาของวัยรุ่น ก็คอื มีสทิ ธิและเสรีภาพเทา่ ที่บคุ คล
หน่ึงพึงจะมี ซ่ึงรวมทง้ั การแสดงความคิดเหน็ การตัดสินใจในเหตุการณ์ต่างๆ ขณะเดยี วกัน พวกเขากจ็ ะ
สงั เกตดูการยอมรบั จากพอ่ แมค่ นขา้ งเคียงดว้ ย
3.1การได้แสดงออก
3.2 พ่ึงตนเองได้
3.3 มคี วามรับผิดชอบ
3.4ทคี่ า่ นยิ มท่ีถูกต้อง
3.5 มั่นใจและภูมิใจในตนเอง
4
2 เทรนดก์ ำรเรียนรู้
ของคนรนุ่ ใหมใ่ นยคุ ดจิ ทิ ลั
1. สถำนกำรณ์และแนวโนม้ กำรเปลย่ี นแปลงกำรเรยี นรูข้ องคนรุ่นใหม่
1.1 สภำพเศรษฐกิจและสังคมปัจจบุ ัน ในยคุ ของข้อมลู ขา่ วสารเทคโนโลยีเป็นสว่ นผลกั ดนั ใหเ้ กิดการ
เปลยี่ นแปลงของระบบการศกึ ษา ตลาดแรงงาน อาชีพใหม่เกิดข้นึ อาชพี เกา่ บางอาชพี จะลดความสาคัญ
ลงปรมิ าณความรู้มีอัตราการเติบโตสูง ปัจจัยตา่ งๆ เหลา่ นี้ ส่งผลให้เกดิ
แนวโนม้ ท่ีชัดเจนเก่ียวกบั ความจาเป็นของกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวติ
ซง่ึ รูปแบบการศึกษาแบบเกา่ อาจไม่สามารถรองรบั การสรา้ งอาชพี ให้กบั
คนรุ่นใหม่ตลอดชีวติ ได้อกี ต่อไป ผปู้ ระกอบอาชพี ต้องปรบั ตวั และพร้อม
เรยี นรู้ใหม่อยเู่ สมอ อตุ สาหกรรมต้องพฒั นาทกั ษะของลูกจ้างให้
เหมาะสม รปู แบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั ยุคขอ้ มูลข่าวสารคือ รปู แบบ
ทส่ี ามารถนาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ซ่งึ มวลชนหม่มู ากสามารถเรยี นรู้
ไดแ้ ตต่ อ้ งเรยี นรอู้ ย่างเหมาะสมกบั ความสนใจและความสามารถของแต่
ละบุคคลด้วย ทาใหเ้ กดิ รูปแบบการเรียนรใู้ หม่ อาทิ หลกั สตู รออนไลน์
แบบเปดิ สาหรับมวลชน (MOOCs)หรือชอ่ งทางการเรียนรู้อ่นื ๆ ไม่วา่ จะ
เป็นภาพ เสยี ง วีดิทศั น์ สอ่ื สังคม เกม จงึ นับเป็นโอกาสดขี องคนรนุ่ ใหม่
ในการเลือกรปู แบบการเรียนรู้ทเี่ หมาะสมกับตนเองได้
5
2. พฤตกิ รรมและควำมต้องกำรกำรเรยี นรู้ ของคนรนุ่ ใหม่
2.1 พฤติกรรมกลุ่มตัวอย่ำงคนรุ่นใหม่ (Gen Y, Gen Z) พบว่าความรู้ท่ีคนกลุ่มน้ีต้องการเพิ่มเติมได้แก่
ทักษะความรู้ในการทางาน ทักษะชีวิตและความรู้ในชีวิตประจาวัน ตามลาดับ โดยวิธีหาความรู้เพ่ิมเติมนิยมการ
เรียนรู้โดยใช้ส่ือ (เช่น หนังสือ นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ) นอกจากนี้ทุกช่วงวัยเห็นว่าสาเหตุที่เป็นอุปสรรคใน
การเรียนรู้ออนไลน์ ได้แก่ การไม่มีอินเตอร์เน็ต รองลงมาคือปัญหาด้านภาษาที่ส่ือส่วนใหญ่มีเน้ือหาเป็น
ภาษาอังกฤษ จัดทาส่ือที่มีรูปภาพมาก ๆ เนื้อหาที่เป็นตัวอักษรน้อย และผู้สอนสื่อออนไลน์ควรมีความรู้ในเรื่องท่ี
สอน จะช่วยกระตนุ้ ให้สอื่ ออนไลน์บนอินเตอรเ์ น็ตนา่ สนใจและเขา้ ไปใช้มากขนึ้
2.2 กลุ่มผู้เชี่ยวชำญในตลำดแรงงำน เก่ียวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ พบว่า ปัญหาอุปสรรคในการ
เรียนรู้มีความสัมพันธ์กับเรื่องความแตกต่างทางทัศนคติ รสนิยมและวิจารณญาณของแต่ละบุคคล ซึ่งมีผลมาจาก
การพัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับสื่อการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมการเรียนรู้เป็นการผสมผสานระหว่างส่ือที่
สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบในการเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ง่าย เช่น วีดีโอ Social Media ร่วมกับสื่อแบบ
ดง้ั เดมิ อย่างหนังสือ การพฒั นาทักษะดา้ นการฟัง พูด อ่าน เขยี น การถา่ ยทอด เปน็ ส่งิ สาคญั
6
3. แนวโนม้ อนำคต
3.1 ควำมกำ้ วหน้ำทำงเทคโนโลยี ประกอบกบั แรงผลักดันทางด้านเศรษฐกิจและการเปลยี่ นแปลงทาง
สงั คม สง่ ผลใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงในช่องทางการเรยี นรทู้ กุ รปู แบบ เทคโนโลยที ่เี ปน็ ตัวขับเคล่ือนท่สี าคัญไมว่ ่าจะ
เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ที าให้เกิดการพัฒนาเปล่ียนแปลงอยา่ งมาก การกาเนดิ ของ AI ทีค่ ดิ อ่านแทนมนุษย์ไดใ้ น
บางเรื่อง
ปญั ญาประดิษฐ์ (AI)
จะทำใหเ้ กิดกำรพฒั นำ
เปลี่ยนแปลงในรปู แบบของชอ่ ง
ทำงกำรเรยี นรู้ เชน่ ระบบคิดอำ่ น
แทนมนุษย์ได้บำงเร่อื ง โปรแกรม
พูดคุยอตั โนมัติ
เช่น ระบบพีเ่ ลยี้ งอัตโนมตั ิที่ใชข้ อ้ มูลจากระบบวิเคราะหข์ ้อมลู ในการให้คาแนะนาผู้เรียนท่มี คี วามสามารถ
แตกต่างกนั โปรแกรมพดู คุยอตั โนมัติ (chatbot) รวมถงึ ระบบเศรษฐกิจแบง่ ปัน (Sharing economy) ทาให้เกิด
แนวโน้มทางด้าน Crowdsourcing ซ่งึ แบง่ ไดใ้ นกลมุ่ หลักๆ ได้แก่ การรวบรวมขอ้ มูลและสติปัญญา การรวบรวม
แรงงาน การรวบรวมเงินทนุ การรวบรวมผคู้ นเพือ่ ความรู้สึกเปน็ ชมุ ชน การรวบรวมองค์ความรแู้ ละแลกเปลยี่ น
เรยี นรรู้ ะหว่างผเู้ รียนทมี่ คี วามร้แู ละประสบการณห์ ลากหลาย
7
3 สสำำยยอสำำชมีพัญ
1. สำยอำชีพ
1.1 สำยอำชพี หรอื อำชวี ศึกษำคอื อะไร การเรียนสายอาชวี ศึกษาหรือสายอาชพี คอื การเรยี นตอ่ ใน
ระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ หรอื ปวช. เป็นการเรียนในหลกั สูตรท่ไี มไ่ ดเ้ นน้ การเรียนวิชาพ้ืนฐานเหมือนกับสาย
สามัญ มรี ะยะเวลาในการเรียน 3 ปี โดยหากเรียนจบแล้วจะมีทางเลอื กในการเรยี นตอ่ 2 ทางเลอื กใหญๆ่ คือ
1. การเรียนตอ่ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชพี ชนั้ สูง หรือ (ปวส.) ใช้เวลาเรยี น 2 ปี หลังจากจบ
แลว้ สามารถเรียนต่อปรญิ ญาตรี อกี 2 ปี
2. การเรียนตอ่ ในระดบั มหาวิทยาลยั (ระดบั ปรญิ ญาตร)ี ใชเ้ วลาเรยี น 4 – 5 ปี แล้วแตค่ ณะวิชาที่
เลือก
จุดเดน่ สาคัญทที่ าให้หลายๆ คนเลอื กเรยี นต่อสาย
อาชพี น้ัน เพราะจะได้มีโอกาสเรยี นในสายวิชาที่เนน้
การทางานจริงเปน็ หลัก ไดพ้ ุ่งเปา้ ไปท่กี ารเรียนใน
ดา้ นนน้ั ๆอย่างเตม็ ที่ ต่อใหเ้ รียนจบระดบั ปวช.
ก็สามารถทางานได้ และทาใหน้ ักเรยี นไดเ้ ข้าใจถึง
การเรยี นตามหลักสตู รท่ีออกแบบมาเพ่อื การ
ประกอบอาชีพในอนาคต
2. เรยี นสำยอำชพี ดอี ย่ำงไร
2.1 ได้ควำมรู้ ไดป้ ระสบกำรณ์ มีรำยไดร้ ะหวำ่ งเรียนนอกจากการเรยี นทฤษฎแี ล้ว หลกั สูตรสายอาชพี ยัง
เนน้ การลงมือภาคปฏิบตั ิอย่างเขม้ ขน้ ทุกหลกั สตู รมกี ารฝึกงานเพอ่ื สร้างเสริมประสบการณแ์ ละทกั ษะวิชาชีพต้ังแต่
ยังเรยี นอย่ไู มน่ ้อยกว่า 300 ช่ัวโมง นกั เรียนจะได้มโี อกาสลงมอื ปฏบิ ัติงานจริง ฝึกใชอ้ ุปกรณ์ เรยี นรู้ กระบวนการใน
สายอาชีพนน้ั ๆ เป็นประสบการณ์ตรงจากหน้างาน
8
2.2 มที ักษะวชิ าชีพติดตวั การไดม้ ีโอกาสฝึกงานระหวา่ งเรยี นสายอาชีพใหอ้ ะไรมากกวา่ การเรยี นรจู้ าก
ตาราเพยี งอย่างเดยี ว เพราะการฝึกฝนปฏบิ ัตงิ านเปน็ ประจาย่อมทาให้เกดิ ทกั ษะและความเชยี่ วชาญติดตัวนักเรียน
ไปตลอด เมอื่ ศึกษาจบระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพสามารถใชเ้ ปน็ ใบเบิกทางสมัครงานไดเ้ ลย
2.3 สามารถเลือกเรยี นได้หลากหลาย หลักสูตรสายอาชพี มใี ห้เลือกเรยี นหลากหลายสาขาวชิ า ซึ่งแตล่ ะ
สาขามคี วามน่าสนใจ จบแลว้ มตี าแหนง่ งานรองรบั นักเรยี นสามารถเลอื กเรยี นไดต้ ามความสนใจและความถนดั ของ
ตัวเอง
2.3 ได้รับควำมนยิ มจำกตลำดแรงงำน ตาแหน่งงานในปจั จบุ ันกาลงั ขาดแคลนชา่ งฝมี ือและบุคลากร
วชิ าชพี ทกั ษะเฉพาะอยเู่ ปน็ จานวนมาก หลายคนแม้จะเรยี นจบปริญญาตรงกับสายงาน แต่ยังขาดประสบการณใ์ น
การทางานจริง การเรยี นสายอาชีพจงึ มขี อ้ ได้เปรยี บมากกวา่
2.4 โอกำสเรียนตอ่ ระดบั อดุ มศกึ ษำ วุฒิการศกึ ษาในการเรยี นสายอาชีพไม่ใช่แค่ ปวช. ปวส. เท่านัน้
เพราะหลายๆ สถาบนั อดุ มศึกษาในปจั จบุ นั หันมารบั นกั เรยี นสายอาชีพใหเ้ ขา้ ศึกษาในระดับปรญิ ญาตรี โดยเปิด
หลกั สตู รพเิ ศษทนี่ ่าสนใจ เพ่ือสนบั สนุนให้นักเรียนสายอาชีพได้เรยี นต่อในระดับสงู ขนึ้
9
3. ประเภทวชิ ำทีน่ ่ำสนใจของสำยอำชพี
การเรียนอาชีวศึกษาแบบระบบปกตหิ ลักสูตรการเรยี นการสอนในระดับ ปวช.น้ัน ไดม้ กี ารปรับปรงุ เพือ่ ให้
สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานโดยได้แบง่ ประเภทวชิ าออกเปน็ 11 ประเภท ไดแ้ ก่
1.อุตสำหกรรม สำขำวชิ ำ : ชา่ งยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างเช่อื มโลหะ ช่างไฟฟ้ากาลงั ช่างอิเลก็ ทรอนิกส์
ช่างก่อสร้าง เคร่ืองเรือนและตกแต่งภายใน สถาปัตยกรรม สารวจ ชา่ งเขยี นแบบเครือ่ งกล ช่างซอ่ มบารุง ช่าง
พิมพ์ เทคนิคแว่นตาและเลนส์ ชา่ งโทรคมนาคม ช่างเครอื่ งมอื วัดและควบคมุ อตุ สาหกรรมยาง เมคคาทรอนิกส์
ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยฟี อกหนงั ชา่ งเครอ่ื งทาความเย็นและปรับอากาศ เครอ่ื งกลเกษตร
2.พำณิชยกรรม สำขำวชิ ำ : การบัญชี การตลาด การเลขานกุ าร คอมพิวเตอร์ธุรกจิ ธรุ กิจสถานพยาบาล
การประชาสมั พนั ธ์ ธรุ กิจคา้ ปลกี ภาษาตา่ งประเทศ โลจสิ ติกส์ การจัดการสานักงาน การจดั การด้านความ
ปลอดภยั ธุรกิจการกฬี า
3. ศลิ ปกรรม สำขำวชิ ำ : วิจิตรศลิ ป์ การออกแบบ ศิลปหัตถกรรม ศลิ ปกรรมเซรามกิ ศิลปหตั ถกรรม
รูปพรรณเคร่อื งถมและเคร่อื งประดบั ถา่ ยภาพและมัลติมีเดีย เทคโนโลยีศิลปกรรม คอมพวิ เตอร์กราฟกิ
อุตสาหกรรมเคร่อื งหนัง เครอื่ งประดับอัญมณี ชา่ งทองหลวง การพมิ พส์ กรีน ออกแบบนเิ ทศศิลป์
4. อุตสำหกรรมท่องเทยี่ ว สำขำวชิ ำ : การโรงแรม การทอ่ งเทย่ี ว
5. อตุ สำหกรรมสิ่งทอ สำขำวชิ ำ : เทคโนโลยสี ่งิ ทอ เคมสี งิ่ ทอ เทคโนโลยีเคร่อื งนุ่งห่ม
6. เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรส่ือสำร สำขำวิชำ : เทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์
โปรแกรมเมอร์
7. คหกรรม สำขำวชิ ำ : แฟช่ันและสิง่ ทอ อาหารและโภชนาการ คหกรรมศาสตร์ ธรุ กจิ เสรมิ สวย
ธุรกจิ คหกรรม
10
4. คำ่ ใช้จำ่ ยในกำรเรียนอำชวี ศึกษำ ระดับ ปวช.
5. กำรเรยี นอำชีวศึกษำควบค่กู ับกำรทำงำน
ระบบปกติเรยี นวนั จันทร์ – ศุกร์ นกั เรียนสามารถทางาน Part Time ได้
– ระบบทวิภาคี เรียนครึง่ หลกั สูตรและฝึกงานคร่ึงหลกั สตู ร นักเรียนสามารถทางาน Part Time ได้
– การเรยี นภาคสมทบหรือภาคคา่ เฉพาะผูท้ ีท่ างานแล้ว สามารถเรยี นวนั เสาร์ – อาทติ ย์ หรือภาคคา่ (เปิด
สอนเฉพาะบางสาขาเทา่ นั้น)
11
6. สำยสำมัญ
1. หลกั สตู รสำยสำมญั จดั การเรียนการสอนใน 8
กลุ่มสาระการเรยี นรู้หลัก และสาระเพมิ่ เติม เพ่ือเป็นการ
พฒั นาผูเ้ รียนให้มีความร้คู วามสามารถใหค้ รบทุกด้าน
ตามลาดับข้นั ประกอบด้วย ภาษาไทย, คณติ ศาสตร์,
วทิ ยาศาสตร์, ภาษาต่างประเทศ, สงั คม ศาสนา วฒั นธรรม, สุขศกึ ษาและพละศึกษา, การงานอาชพี และเทคโนโลยี,
ศลิ ปะ สายสามญั สาหรับผู้ช่นื ชอบความรู้ด้านทฤษฏี
2. แผนกำรเรียน แตล่ ะโรงเรยี นมีแบ่งแผนการเรียน หลัก ๆ มีดังนี้
2.1 แผนกำรเรยี นวิทย์ – คณิต เน้นการเรยี นวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ผู้เรยี นต้อง
ม่งุ เนน้ ใน กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และ ภาษา ทต่ี อ้ งการเลอื กแผนการเรยี นนีค้ วรมี พื้นฐานในดา้ น
การคิดคานวณ
มีระเบยี บวิธใี นการคิดคานวณ
สามารถอธิบายเหตผุ ล
วิเคราะห์อยา่ งมีวิจารณญาณ
เขา้ ใจภาษา
ตคี วาม
สอื่ ความหมายได้ดี
ตลอดจนมคี วามสามารถในการจินตนาการ การมองเห็นทิศทางการเคล่ือนท่ี
ของส่งิ ทเ่ี ป็นนามธรรม
เรียนสำยวิทย-์ คณิต เขำ้ ศกึ ษำตอ่ คณะอะไรได้บำ้ ง?
.1. กลมุ่ วทิ ยำศำสตร์สขุ ภำพ
แพทยศาสตร์ – พยาบาลศาสตร์
เทคนคิ การแพทย์ – สาธารณสขุ ศาสตร์
เภสัชศาสตร์ – ทนั ตแพทย์ศาสตร์
สตั วแพทยศาสตร์ – กายภาพบาบัด
12
เรียนสำยวทิ ย-์ คณติ เขำ้ ศึกษำต่อคณะอะไรไดบ้ ้ำง
2. กลุ่มวิทยำศำสตร์กำยภำพ 6. กล่มุ ครศุ ำสตร์/ศึกษำศำสตร์
วทิ ยาศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครุศาสตร์
ครุศาสตร์อุตสาหกรรม
3. กล่มุ วศิ วกรรมศำสตร์
วิศวกรรมศาสตร์ 7. กลมุ่ ศลิ ปกรรมศำสตร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์
วิจิตรศลิ ป์
4. กลมุ่ สถำปัตยกรรมศำสตร์ มัณฑณศลิ ป์
5. กลมุ่ เกษตรศำสตร์ จิตรกรรม
ประติมากรรมและภาพพมิ พ์
เกษตรศาสตร์
อตุ สาหกรรมการเกษตร
เทคโนโลยีการเกษตร
เทคโนโลยีอาหาร
2.2 แผนกำรเรียน ศลิ ป์-คำนวณ เน้นการเรียนวชิ าทางด้านภาษาและคณติ ศาตร์ ต้องเน้นในกลมุ่ วชิ า
คณติ ศาสตร์และภาษา ดังน้ันท่ีจะเลือกเรยี นแผนน้ี ควรจะต้องมคี วามสามารถพนื้ ฐาน
ดา้ นคณติ ศาสตร์
ดา้ นภาษา
การคิดวเิ คราะห์ด้านจินตนาการ
พืน้ ท่ี ระยะทาง ขนาด ทรวดทรง
ดา้ นการจดจารายละเอยี ด เป็นหลกั
เรยี นสำยศิลป์-คณิต เข้ำศึกษำต่อคณะอะไรไดบ้ ำ้ ง 3. กลมุ่ ศลิ ปกรรมศำสตร์
คณะศิลปกรรม
1. กลุ่มบริหำรธุรกจิ พำณิชยศำสตร์ สำยนี้ วจิ ิตรศิลป์
ก็ยงั สำมำรถเข้ำเรียนตอ่ ในสำยได้ในคณะ
4. กลมุ่ สงั คมศำสตร์และมนุษย์ศำสตร์
คณะพาณิชยศาสตรแ์ ละการบัญชี
คณะบรหิ ารธุรกจิ ศิลปะศาสตร์ – โบราณคดี
คณะเศรษฐศาสตร์ อกั ษรศาสตร์ – มนษุ ยศาสตร์และ
2. กลมุ่ ครุศำสตร์/ศึกษำศำสตร์ สังคมศาสตร์
คณะศกึ ษาศาสตร์
ครศุ าสตร์
13
2.3 แผนกำรเรียน ศิลป์ – ภำษำ สายนีจ้ ะมงุ่ เนน้ ให้เรียนใน กล่มุ วชิ าสงั คม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และ
ภาษาตา่ งประเทศเปน็ ภาษาทสี่ อง ดังน้นั ผทู้ จี่ ะเลอื กเรยี นแผนการเรียนน้คี วรจะมคี วามสามารถพนื้ ฐานทางด้าน
การใช้และความเขา้ ใจภาษา
การจดจารายละเอยี ดตา่ งๆ
เหตุผลในการคดิ วิเคราะห์
เรียนสำยศิลป์-ภำษำ เข้ำศึกษำต่อคณะอะไรได้บ้ำง 3. กลมุ่ ศิลปกรรมศำสตร์
คณะศลิ ปกรรม
1. กลุ่มบรหิ ำรธรุ กิจ พำณชิ ยศำสตร์ วจิ ติ รศลิ ป์
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
คณะบรหิ ารธรุ กจิ 4. กลุ่มสังคมศำสตร์และมนษุ ยศำสตร์
คณะเศรษฐศาสตร์ อักษรศาสตร์
มนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์
2. กลุ่มครศุ ำสตร์/ศกึ ษำศำสตร์ ศลิ ปศาสตร์
คณะศึกษาศาสตร์ โบราณคดี
ครศุ าสตร์ รฐั ศาสตร์
ครอุ ตุ สากรรม รัฐประศาสนสาสตร์
2.4 แผนกำรเรียน ศลิ ป์ – สงั คมหรอื ไทย - สังคม ม่งุ เน้นให้ผเู้ รยี นใน กลมุ่
วิชาสังคมศึกษา ภาษาไทย และภาษาองั กฤษ ดงั น้นั ผทู้ ี่เรยี นแผนการเรียนน้ีจงึ
จาเปน็ ต้องมีความสามารถพ้ืนฐานใน
การใชแ้ ละความเขา้ ใจภาษา
การจดจารายละเอยี ดตา่ งๆ
เหตุผลในการคิดวิเคราะห์
14
เรียนสำยศิลป์-สังคมเข้ำศึกษำต่อคณะอะไรได้บ้ำง
1. กลมุ่ สังคมศำสตร์และมนุษยศำสตร์ 2. กลมุ่ บริหำรธรุ กิจ และ กำรจดั กำรท่องเที่ย
อักษรศาสตร์ พาณชิ ยศาสตร์และการบญั ชี
มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ บรหิ ารธรุ กจิ
สังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ เศรษฐศาสตร์
นิติศาสตร์
รฐั ศาสตร์ 3. กลมุ่ ศลิ ปกรรมศำสตร์
รัฐประศาสนสาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์
วจิ ิตรศิลป์
สาหรบั คนที่คิดว่าตวั เองชอบความรู้ทางด้านทฤษฎีหรือมีความฝันอยากทางานเหลา่ นี้ การเรยี นสาย
สามญั จะเป็นทางเลือกทด่ี ีในการสานฝนั อยากจะเรียนต่อในระดบั ปริญญาตรี จะตอ้ งเตรียมตัวเพอ่ื สอบเขา้
และใช้เวลาในการเรยี นอยา่ งน้อย 4 ปี
3. วิธีกำรง่ำยๆ ทจ่ี ะช่วยให้ตดั สนิ ใจเลอื กเรียนต่อไดอ้ ย่ำง
เหมำะสม
1. ตระหนักรูใ้ นความจาเปน็ ของการตดั สนิ ใจ เราต้อง
เห็นความสาคญั ของการตดั สนิ ใจเลือกเรียนต่อในครั้งนกี้ ่อนว่า
มีความสาคัญกับอนาคตของเรามากนอ้ ยแค่ไหน
2. ตรวจสอบวา่ เพราะอะไรเราจึงยังไมส่ ามารถ
ตัดสนิ ใจเลอื กได้ว่าจะเรียนต่ออะไรดี…เช่น ไมท่ ราบความ
แตกต่างระหว่างการเรยี น ม.ปลาย กบั ปวช. ไม่รู้วา่ ตัวเราเอง
ต้องการอะไรกันแน่ ฯลฯ
3. สรา้ งทางเลือกเพ่อื หาทางออกให้กบั สาเหตทุ ่ีทาใหเ้ ราตดั สินใจเลือกไม่ได้ เชน่ ปรกึ ษา
คณุ ครูแนะแนว ร่นุ พ่ี ผปู้ กครอง เพือ่ ขอคาแนะนาหรือความคดิ เห็นอนื่ ๆ ท่ีเราอาจมองข้ามไป
หรอื ค้นหาข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ตา่ งๆ เพ่มิ เติม
15
4. ประเมินทางเลอื กโดยพจิ ารณาวา่ สายการเรียนทเี่ ราคดิ ว่าจะ
เลือกเรียนต่อน้ันเหมาะสมกับเรามากนอ้ ยแค่ไหน มีความเป็นไปได้หรือไม่
และเป็นเสน้ ทางพาเราไปสู่อาชีพทเ่ี ราต้องการได้อย่างไร
5. ตัดสินใจเลอื กโดยเลือกสานการเรยี นทีเ่ หมาะสมกบั เรามากทส่ี ดุ
ไมต่ ้องกงั วลผลจากการเลือกว่าจะดีหรือไม่ จะเรียนยากหรือง่าย จะเรียน
ไหวหรือไมไ่ หว
6. ลงมอื ปฏบิ ัตแิ ละเดินตามสิ่งท่ีเลอื กอย่างมนั่ ใจและทมุ่ เท
ต้องเตรียมใจยอมรบั กับทกุ ๆ สิง่ ที่จะเกดิ ขึน้ ความยากของการเรยี น
ความลาบากในการเดินทางหรอื การทต่ี อ้ งต่อสู้กับอุปสรรคตา่ งๆ
“ ถา้ เลือกเรยี นในส่ิงที่รัก
เราจะมคี วามสุขกบั การเรยี น ”
ค
3 แหลง่ อ้ำงอิง
• https://sites.google.com/site/tanagkonjanseenak/home/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-1
-phathnakar-ni-way-run
• https://www.s-tech.ac.th/st_consult.php
• มลู นิธิยวุ พัฒน์
• นัท นทั ทยา.จบ ม. 3 เรยี นตอ่ สายไหนดี สายไหน...ไปอนาคตของหนู(ออนไลน์) 11
มถิ นุ ายน 2562.
• จบ ม. 3 เรยี นตอ่ สายไหนดี สายไหน...ไปอนาคตของหนู (trueplookpanya.com)
สายอาชีพดีไหม? เปน็ ที่ตอ้ งการของตลาดหรือเปลา่ (trueplookpanya.com)
• https://www.okmd.or.th/okmd-
opportunity/FutureLearningPlatform/899/Digilearn_infographic
ค
3