ห้องภมู ิปญั ญา
กะลาเจาะรูทาขนมลา
กระบวยทำมำจำกกะลำมะพรำ้ ว เจำะรู เล็กๆ ด้ำนล่ำง 10 รู
หมาจากตกั นา
หมำตักนำภมู ิปัญญำท้องถนิ่ ภำคใต้ ซง่ึ เป็นควำมรู้ควำมสำมำรถของชำวบำ้ น ท่ีมกี ำรปรบั ตัวและนำวัสดุ
ใกล้ตัวมำประดิษฐ์ออกมำเปน็ นวตั กรรมใหมเ่ พ่ือใชส้ อย ในท่ีนีคือกำรนำกำบของตน้ หมำกมำประดษิ ฐเ์ ปน็ ภำชนะ
ตกั นำเรยี กวำ่ “หมำตักนำ” ซง่ึ สิ่งเหล่ำนีเป็นสงิ่ ท่ีส่ังสมมำตงั แต่ปู่ยำ่ ตำยำย เกิดจำกประสบกำรณ์ หรือกำรสะสม
ควำมรู้ ลองผดิ ลองถูก มำหลำยยคุ หลำยสมยั
พรกทาขนมลา
พรกขนมลำ ใช้ทำขนมลำทำจำกกะลำมะพรำ้ วนำมำเจำะรูเล็กๆ ผูกตดิ กบั คำนไม้ใส่แป้งเหลวๆ เคำะให้
แปง้ เหลวลงในกระทะที่ตงั ไฟจนนำมนั ร้อนจะได้ขนมลำ
กระชอน
กะลำท่ีมลี กั ษณะเปน็ กระบวย เจำะรเู ล็ก ๆ เพ่ือกรองอำหำรหรอื ส่งิ ของตำ่ ง ๆ ทต่ี ้องกำรแยกนำออก
หวกั ตักนาตาลโตนด
มีลกั ษณะคลำ้ ยกับจวกั ทั่วไปในปัจจบุ นั ทท่ี ำมำจำกกะลำและมีด้ำมไม้ยำว
ตะหลิวและทพั พี
มีลกั ษณะคล้ำยกบั ตะหลวิ และทัพพใี นปจั จุบนั แตแ่ ตกตำ่ งท่วี ตั ถดุ บิ ซ่ึงทำมำจำกกะลำและมดี ำ้ มจับเปน็ ไม้
กระบวยตกั นา
กระบวย เปน็ ภำชนะตกั นำทำด้วยกะลำมีด้ำมถือ ในสมยั ก่อนตำมหนำ้ บำ้ นของชำวชนบท มกั จะตงั ซุ้มโอง่
นำหรอื โอง่ นำเย็น ใครเดนิ ผำ่ นเหน็ดเหนอ่ื ยเม่ือยล้ำกจ็ ะแวะด่ืมนำได้ แมข้ นึ ไปเย่ยี มบนบำ้ นเรือน เจำ้ บำ้ นกจ็ ะรบี
ยกนำมำต้อนรบั แขกเปน็ อันดับแรก เพรำะกำรลดควำมเหน็ดเหน่อื ยจำกกำรเดนิ ทำงคงจะไม่มีอะไรดีไปกว่ำกำรดื่ม
นำดับกระหำย กำรตงั ซุ้มโอง่ หน้ำบำ้ นจงึ เปน็ กำรแสดงนำใจของชำวบ้ำน โดยภำชนะตักนำท่วี ำงคโู่ อง่ คือกระบวย
ทำจำกกะลำมะพร้ำวเสยี เป็นส่วนมำก เพรำะหำง่ำยในท้องถิน่ อีกทงั ยงั ไมน่ ำ่ เสยี ดำยนักหำกสญู หำย
ไมพ้ าย/ไมพ้ ายกวนขา้ วเหนียว
ไมพ้ ำย ทำจำกไมเ้ นือแขง็ ผวิ เรยี บดำ้ มยำวจับถนัดมือ ซ่ึงมกั นิยมใชใ้ นกำรกวนข้ำวเหนียว จึงเรียกวำ่ ไม้
พำยกวนขำ้ วเหนียว
มีดเหน็บ
ปลำยแหลมต่ำลงเลก็ น้อยตรงกลำงของมีดป่องออกแลว้ ไปคอดกิว่ ตรงด้ำม กน่ั ของมดี เรยี วเล็กยำว
พอประมำณเพื่อเปน็ แกนต่อกับดำ้ มมีด มองโดยรวมกส็ ำมำรถบอกได้ถงึ ขุมพลงั ที่ซ้อนอยู่ภำยใน ท่ีสำมำรถแล่ ฟัน
แทง รวมไวใ้ นมีดเหนบ็ เพียงเล่มเดียว
กริช
เป็นมีดหรือกริชที่มีใบยำวเรียวและเหมือนเข็มจดุ วัตถุประสงคห์ ลักเป็นแทงอำวธุ หน้ำตดั ท่ีแคบของใบมีด
กรชิ และปลำยแหลม (ค่อยๆ ค่อยๆ เรยี วไปยังจุดทคี่ ม) ช่วยลดกำรเสียดสเี มอ่ื เขำ้ ไป ทำใหใ้ บมดี เจำะไดล้ ึก
กรชิ สามเหล่ียม
มลี ักษณะคล้ำยกับกรชิ ทัว่ ไป แต่ใบมีดจะเปน็ สำมเหล่ยี ม
สามงา่ ม
อำวธุ ท่ีมปี ลำย แยกเปน็ ๓ แฉก
มีดเหน็บมีปอก กน่ั ของมดี เรียวเลก็ ยำว
ปลำยแหลมตำ่ ลงเล็กน้อยตรงกลำงของมีดป่องออกแลว้ ไปคอดกวิ่ ตรงด้ำม
พอประมำณเพื่อเป็นแกนต่อกับด้ำมมีด และมที ี่เกบ็ มดี นันไว้
มดี เหนบ็ ด้ามไม้ กัน่ ของมดี เรยี วเล็กยำว
ปลำยแหลมตำ่ ลงเลก็ น้อยตรงกลำงของมีดป่องออกแลว้ ไปคอดกว่ิ ตรงดำ้ ม
พอประมำณเพ่ือเป็นแกนต่อกับด้ำมมดี มีลักษณะด้ำมทีท่ ำมำจำกไม้
กระตา่ ยขดู มะพร้าว
เป็นเครอ่ื งมือสำหรับขูดมะพร้ำวที่ยังไม่ได้กะเทำะเปลือกออก เดิมทีกำรขดู เนือมะพร้ำวคันกะทิ จะใชช้ ้อน
ทำจำกกะลำมะพรำ้ วขดู ให้เป็นฝอย ตอ่ มำทำเปน็ ฟนั ซ่ีโดยรอบ จนกระทง่ั เม่ือมีกำรใช้เหลก็ มำทำของใชใ้ น
ครวั เรือน จงึ ไดต้ ีเหล็กแผ่นบำง ๆ ตดั รปู โคง้ มน ใชต้ ะไบถู ทำซีล่ ะเอยี ดปลำยเหล็กคมเรียกวำ่ "ฟนั กระตำ่ ย"
ไม้เทา้
ไม้ หรือสงิ่ อน่ื ๆ สำหรับใชถ้ ือยนั ตวั หรือพยุงตวั เดนิ ทำด้วยไม้รวกดดั ดำ้ นบนให้งอเป็นตะขอเพ่ือจับได้
สะดวก หรือทำดว้ ยไม้จรงิ กลึงเป็นทอ่ นกลมยำว ดำ้ นบนทำเปน็ แปน้ จับ เป็นตน้ นยิ มทำหัวไม้เทำ้ เป็นรปู แบบต่ำง ๆ
ตำมควำมชอบ
ไมน้ วดแป้ง
ไม้นวดแปง้ มีช่อื เรียกอีกชอื่ ว่ำ ไมค้ ลงึ แป้ง โดยจะมีลกั ษณะเปน็ ทรงกระบอก ไว้ใชน้ วดแปง้ แปง้ ขนมปัง
หรือทำให้ขนมต่ำง ๆ แบน
กะลาเจาะรู
หมากาบหมากตักนา
คำว่ำ "หมำ" นี บำงทกี ็เรียก ติหมำ หรือ ตหี มำ ผูร้ กู้ ล่ำววำ่ ไม่ใชค่ ำไทยแท้ แต่เปน็ คำที่มำจำกภำษำมลำยู
คอื คำวำ่ Timba ซ่งึ หมำยถงึ ภำชนะตกั นำท่ีทำจำกใบจำก หรอื กำบ
กะลาทอดลา
กะลำนำมำเจำะรูเล็ก ๆ หลำยรู เม่อื ตังแป้งใส่และแกวง่ สำย แกวง่ เปน็ วงกลมไปตำมรูปกระทะ
ตะกร้ากาบหมาก
ตะกรำ้ ทใ่ี ชใ้ สข่ องทั่วไปที่ทำมำจำกกำบหมำก
หวกั ตักแกงทาจากกะลาขนาดต่างๆ
จวกั ทม่ี ลี ักษณะคล้ำยกบั จวกั ในปัจจบุ ัน แต่ทำมำจำกกะลำและมดี ำ้ มจับเป็นไม้
หวกั กะลากรองขนม
จวกั ทท่ี ำมำจำกกะลำเจำะรู เพื่อใชใ้ นกำรทำขนม มีด้ำมจบั เป็นไม้
ตะหลิวกะลา
ตะหลิวท่ีทำมำจำกกะลำทเี่ จำะรเู พ่ือใหส้ ำมำรถกรองนำมนั เหมือนกับปจั จบุ นั มีด้ำมจับเป็นไม้
ตะหลวิ ไม้
หวกั ตักแกงไม้
จวักท่มี ลี ักษณะคลำ้ ยกับจวกั ในปจั จบุ ัน ทำมำจำกไม้
หวักตักข้าว
จวักที่มีลกั ษณะคล้ำยกับจวักในปจั จบุ ัน แต่ดำ้ มสนั กว่ำจวักทัว่ ไป
หวกั ตักนาร้อนทองเหลือง
หวกั ทองเหลือง ใชส้ ำหรับตักนำรอ้ น ปลำยมขี อง้มุ ใชส้ ำหรับเกยี่ วกบั ขอบโหล เนือทองเหลอื งหนำ ทนทำน
แขง็ แรง
หวักตักนาเคย
จวกั ท่มี ลี กั ษณะเป็นกระบวยทำมำจำกกะลำและมีดำ้ มเป็นไม้
หอก
เปน็ อำวุธทใ่ี ชร้ บในระยะประชดิ ตวั อกี แบบหนึง่ มี 2 ชนดิ คือ หอกมีกระบงั และไม่มี กระบัง มีควำมยำว
ตงั แต่ 2 เมตร ขนึ ไป
ขวาน
เครือ่ งมอื มีคมสำหรับตดั ฟนั ผ่ำ หรือถำกไม้ ทำดว้ ยเหล็กสันหนำ คมบำง มดี ้ำมจบั ทำด้วยไม้
หอกปลายงอ
เปน็ อำวธุ ที่ใช้รบในระยะประชดิ ตวั อกี แบบหนงึ่ ตรงปลำยงอ
ไม้นวดลูกกลิง
ไม้ท่ีทำมำจำกตน้ ตำล มลี ูกกลิงเพ่อื ใชบ้ รรเทำอำกำรปวด เม่ือย ตำมรำ่ งกำย
แจกันไม้
เปน็ แจกันทท่ี ำมำจำกไม้ มลี กั ษณะลวดลำยท่สี วยงำม
กลอ่ งไม้เก็บเครอื่ งประดับ
เปน็ กลอ่ งท่มี ชี อ่ งเก็บของเล็ก ๆ หลำยชอ่ ง ทำมำจำกไมอ้ ยำ่ งดี ภำยนอกกล่องมลี วดลำยท่ีสวยงำม
แกะเกบ็ ข้าว
แกะ คือเคร่อื งมือเกบ็ ข้ำวของชำวนำภำคใต้ทีม่ ลี ักษณะเรยี บงำ่ ยแต่มีประสทิ ธิภำพ ทเ่ี รียกว่ำ "เกบ็ ขำ้ ว"
เพรำะภมู ิประเทศของภำคใต้เปน็ ที่รำบแคบ ปลกู ขำ้ วได้ครังละไม่มำก และพันธ์ุขำ้ วท้องถน่ิ มลี ำต้นสูง เม่ือรวงข้ำว
สกุ ต้นข้ำวจะลม้ รำบลงกบั พืนและมกั สุกไม่พร้อมกันทงั แปลง กำรใชแ้ กะเกบ็ ทีละรวงจงึ สะดวกกวำ่ เครื่องมืออื่น
เคยี ว
คือเครื่องมือทำงกำรเกษตรชนิดหนงึ่ ใช้สำหรบั เกบ็ เกี่ยวพชื ผลประเภทข้ำวและธญั พืช มีลักษณะเปน็ มดี ทำ
ดว้ ยเหล็ก โคง้ คล้ำยตะขอและมีคมอยูด่ ้ำนใน มีดำ้ มจบั สำหรบั ถือ
กะสวยทอผ้า
เปน็ อปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นกำรทอผ้ำมีหน้ำท่สี ง่ เส้นดำ้ ยพ่งุ เขำ้ ไปในด้ำยเสน้ ยืนท่ีขงึ อยู่บนก่หี รือหกู ทอผำ้ เพ่ือที่จะ
ใหด้ ำ้ ยพงุ่ สอดอยู่ในระหว่ำงด้ำยยนื ครงั เมื่อชำ่ งทอผำ้ กระทบฟมื ให้ด้ำยพุ่งชิดกนั ครงั หน่ึง ก็จะพุง่ กระสวยอกี ครัง
หน่ึงสลบั กันไปเร่ือย ๆ จนกว่ำจะไดเ้ นือผ้ำตำมทีต่ ้องกำร
ฟมี ทอผา้
เป็นอุปกรณ์อยำ่ งหนึ่งในกำรทอผำ้ ประกอบดว้ ยซี่แนวตังวำงเรียงกัน อยใู่ นกรอบไม้ ใชส้ ำหรับกระทบ
เสน้ ด้ำยพ่งุ ให้ชดิ เปน็ ระเบยี บ
กบไสไม้
เปน็ เครอ่ื งมอื สำคัญสำหรับช่ำงไม้ชนดิ หนึ่ง ใชข้ ัดผิวไม้ให้มีผิวที่เรียบและได้รูปทรงตำมต้องกำร ประโยชน์
ใชส้ อยหลกั ๆ ของกบคือ ไสให้ผวิ หรือหน้ำไม้เรยี บ กำรเรียกช่ือกบมักเรียกตำมรปู ร่ำงและลกั ษณะกำรใชส้ อย
ไม้แทงจาก
ไม้ปน่ั ด้ายท้อผ้า
ไม้ปั่นด้ำย เป็นวสั ดอุ ปุ กรณ์ที่ใชใ้ นกำรทอผ้ำของชำวไทยพวน
งอบ
หมวกสำนทรงคล้ำยกระจำดคว่ำ สำหรบั กันแดด และฝน ทำโดยใช้ตอกไม้ไผ่สำนเป็นโครงแล้วกรดุ ้ำนนอก
ดว้ ยใบลำนตรงกลำงสำนเปน็ รังกลม ๆ สำหรับสวมหวั
กระด้ง
เปน็ อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในกำรร่อนข้ำว นอกจำกนยี งั ใช้ในกำรรองขนม ทำมำจำกไมไ้ ผ่
กระด้งตาห่าง
ภำชนะสำนรูปแบนกลมสำหรับฝดั ขำ้ ว, ถำ้ มตี ำหำ่ งเรยี กวำ่ ตะแกรง ใชต้ ำกปลำ
กระดงิ่ /ระฆังแขวนคอววั
เคร่อื งโลหะหรือเคร่ืองไม้มักมีรปู คลำ้ ยกระดิ่ง มลี ูกกระทบแขวนอยภู่ ำยในหรือหอ้ ยกระหนำบอย่ภู ำยนอก
มักใช้แขวนคอสตั วเ์ ช่นวัวควำย เพอื่ ใหเ้ กดิ เสียงดัง
เลยี งรอ่ นแร่
เปน็ อปุ กรณท์ ่ีใชส้ ำหรบั รอ่ นแร่ ทำดว้ ยไม้เนือเหนียวและมีนำหนกั เบำ ตวั เลียงมรี ูปทรงกลมกน้ โคง้ คลำ้ ย
กระทะแตเ่ ลยี งมีกน้ ทตี่ ืนกวำ่
เชือกลา่ มวัว
เปน็ เชือกหนำท่ีใชล้ ่ำมววั ควำย เพ่ือไมใ่ ห้สตั ว์ไปไหน
คันไถ
เครือ่ งมือทำไรท่ ำนำชนิดหน่งึ ประกอบด้วย คันชัก หำงยำม หัวหมู ผำล ใชว้ วั ควำยลำกเพื่อกลบั ดิน หรือ
ติดครำดเพือ่ ซุยดิน
แอกวัว
ไมว้ ำงขวำงบนคอวัวหรอื ควำยใชไ้ ถนำ ครำดนำ หรือเทยี มเกวยี น เป็นต้น
กะโหลกสตั ว์
ตุก๊ ตาศิลาแลงแปะยมิ
เปน็ ตุ๊กตำหนิ ที่ถกู ป้นั ขึนเป็นรูปเดก็ มีลกั ษณะอ้วน ตำตี๋
ทร่ี องหนงั สอื
กระดานชนวน
กระดำนสำหรับเขียนหนังสือ ทำด้วยแผน่ กระดำนทำรักสมดุ หรือทำดว้ ยแผน่ หินชนวน บำงที่ทำกรอบไม้
เพอ่ื ควำมคงทนและสวยงำม มกั เขยี นดว้ ยดินสอหนิ ชนวนโบรำณนยิ มใชเ้ ป็นกระดำนสำหรับเขียนหนงั สอื ของเด็ก
เล็กๆ
ดินสอหิน
เครอ่ื งเขยี นอย่ำงหน่งึ ทำดว้ ยวตั ถตุ ำ่ ง ๆ ชนิดท่ีไส้ทำด้วยแกรไฟต์ผสมดินเหนยี ว มีไมห้ ุ้ม เรยี กว่ำ ดินสอ
หรือ ดนิ สอดำ ถ้ำทำจำกหินชนวน เรียกวำ่ ดินสอหนิ ถ้ำไส้มสี ตี ำ่ ง ๆ เรยี กวำ่ ดนิ สอสี
เล่ือย
เป็นเคร่ืองมือพนื ฐำนอีกอย่ำงหนงึ่ สำหรบั งำนชำ่ งในบำ้ น ประโยชน์หลกั ๆกค็ ือ ใชต้ ดั หรือซอยชนิ งำนให้ได้
ขนำดตำมต้องกำร ปจั จบุ นั มใี ห้เลอื กมำกมำยหลำยชนิดสำมำรถแบ่งได้ตำมวัสดุท่ีนำมำตัด
หนังปลากะเบน
สวา่ นมือ
สวำ่ นมือ แบบหมนุ ควงท่ีมีอำยุมำกกว่ำ 60 ปี สวำ่ นชนดิ นี ชำวบำ้ นมกั เรยี กว่ำ “โคง้ เค้ง” ตำมลกั ษณะกำร
ทำงำนท่บี ดิ หมนุ โคง้ ไปโค้งมำ ทีม่ อื จับด้ำนบนและทจี่ ับหมุนตรงกลำงทำจำกเหลก็ เปน็ งำนนอก หัวล็อคดอกสว่ำน
ยังใชง้ ำนไดด้ ีและสำมำรถใช้งำนได้จริง
ซิว่ เหลก็
สิว่ หนุนหรือทเ่ี รยี กวำ่ สิ่วอิฐใช้สำหรบั ตัดเสน้ ตรงเป็นอิฐ สวิ่ เหล่ำนีไม่ควรใช้กบั วัสดุอ่ืน เช่น ไม้ หนิ หรอื
โลหะ มฉิ ะนนั อำจสูญเสยี ควำมคมชดั แมว้ ำ่ อำจไม่มีคมเหมือนเครื่องมืออนื่ ๆ แต่กย็ ังมีประโยชน์อย่ำงมำกในกำร
สร้ำงดำ้ นข้ำงและพนื ผิวบนผนังอิฐ
ตะขอสับ
เปน็ อุปกรณ์สำหรบั ใช้กบั ประตหู อ้ งหรอื ประตูหน้ำตำ่ ง มีหลำยแบรนด์หลำยยี่ห้อ ลักษณะของขอสบั จะ
คล้ำยกันแต่มหี ลำยขนำด เช่น ขนำด 6 นวิ ขนำด 8 นวิ ผลิตจำกวสั ดหุ ลำยชนิด ทำให้มคี วำมแข็งแรงทนทำน
แตกตำ่ งกันไปตำมลักษณะของวัสดนุ ัน ๆ
ประแจ
เครอ่ื งมอื สำหรบั ขนั เกลียว น็อต หรอื ยดึ อุปกรณต์ ่ำงๆ มลี กั ษณะเป็นด้ำมยำวส่วนหวั มีรปู ทรงพอดีกบั
อปุ กรณ์ เพ่ือใช้สำหรบั ล็อกอุปกรณ์เชน่ นอ็ ต ผลติ จำกเหลก็ กลำ้ โดยส่วนใหญ่
ขวานถาก
เครือ่ งมอื สำหรบั ตัด ฟนั ผำ่ ถำกไม้ ทำด้วยเหล็กมีสนั หนำใหญ่ ถำ้ บอ้ งที่หัวบดิ ได้สำหรับตดั และถำก
เกลยี วสวา่ น
อุปกรณ์สำหรบั สรำ้ งรเู กลยี วในวสั ดุตำ่ งๆ เพื่อเช่ือมต่อวสั ดุท่ตี ้องกำรด้วยกำรหมุนเกลยี วให้เขำ้ กนั ได้อย่ำง
พอดี
ลกู คิด
เครอ่ื งมอื สำหรับใชค้ ำนวณ นับเปน็ เครอ่ื งคิดเลขยุคแรกๆ ของโลก ประกอบดว้ ยโครงสี่เหลยี่ ม และมีแกน
รอ้ ยตวั ลูกคิดกลมๆ สำหรับใช้นับเลข สำมำรถเล่ือนขนึ ลงได้
นาฬกิ าชนไก่
กะลำทเ่ี จำะรูไว้ด้ำนล่ำงและนำไปใสใ่ นถังนำ ถ้ำกะลำจมลงไปด้ำนล่ำงแสดงว่ำหมดเวลำ
เคร่ืองชงั่ ตงั ถาดรอง
ตาชัง่ จนี
ตำช่ังจนี ประกอบด้วย ด้ำมหรือก้ำน บนกำ้ นมีมำตรำส่วนบอกนำหนกั ปลำยขำ้ งหนงึ่ ของกำ้ นมีตะขอ
หอ้ ยลงมำเอำไวห้ ิววตั ถทุ ต่ี ้องกำรชงั่ ปลำยอีกข้ำงหนึ่งมีลูกตุ้มนำหนกั เลือ่ นไดห้ ้อยอยูก่ ับเชอื ก บนก้ำนมเี ชือกอกี
2-3 เสน้ เอำไว้หวิ
กระบอกตวง
ตะกร้า
กระจาด
ภำชนะสำนทรงเตยี ปำกกว้ำงก้นสอบ ใช้สำหรับใสข่ องหำบ
ตะกรา้ กาดมะพรา้ ว
ตะกรา้ ใบตาล
ตะกรำ้ ท่นี ำใบตำลมำสำนหรอื ถักเป็นตะกรำ้
กะเชอ
ภำชนะสำนดว้ ยไม้ไผ่ มงี ำเหมือนข้องใสป่ ลำ
กระติบ
ภำชนะสำนดว้ ยไมไ้ ผร่ ูปกลมทรงสงู มีฝำครอบ และหูหิว สำหรับบรรจขุ ้ำวเหนยี วน่งึ หรอื สิ่งอ่นื ๆ แลว้
เรยี กชือ่ ตำมสิง่ ท่ีบรรจุ
ขวดนมแก้ว
เจ้ยหยาบ
ลกู ข่าง
ของเล่นอย่ำงหน่งึ มกั ทำด้วยไม้ เปน็ ลกู กลมมีเดือยทำดว้ ยเหล็กแหลม เวลำเลน่ ใชเ้ ชอื กพันจำกเดือยขนึ ไป
จนสดุ เชอื ก ขว้ำงลกู ข่ำงใหแ้ กนลงพนื แล้วกระตกุ เชือกกลับใหล้ กู หมุน
ตระกร้อ
รถม้า
แคน
เคร่อื งดนตรีประเภทเครอื่ งเป่ำทำงภำคอีสำน ทำด้วยไม้ซำงลำเล็ก ๆ ผกู เรียงต่อกนั กบั เต้ำแคนสำหรับเปำ่
ใหเ้ ป็นเพลง
รูปปน้ั ไก่
รปู ปั้นอินทรยี ์
รูปปั้นหงส์
หนังสอื สมัยโบราณ (หลายฉบับ)
มาลยั โผดโลก
คัมภีร์พระมำลยั โผดโลก เป็นเรอื่ งท่ีวำ่ ดว้ ยพระเถระนำมว่ำพระมำลยั ได้ เดนิ ทำงท่องเที่ยวไปสนู่ รกและ
สวรรคแ์ ล้วนำเร่ืองรำวเหลำ่ นนั มำเทศนำส่งั สอน
สมุดข่อยตารายารกั ษาโรคโบราณ
เปลือกหอย
เปลือกหอยสังข์
เปลอื กหอยกาบ
เปลอื กหอยติดไข่มกุ
หม้อดนิ เผา
เตาขนมครกดนิ เผา
เนอื ผงนามนั
ครกดนิ เผา
เตาดนิ เผา
ไห
ภำชนะเคลอื บดินเผำทรงสงู มีปำกเลก็ กน้ สอบ กลำงป่อง สำหรับใสข่ องที่ต้องกำรเกบ็ ไว้กนิ นำน ๆ เชน่
ของหมักของดอง
โถน่งึ ดนิ เผา
ไหโบราณ 4 หู
ประวตั ิ : ได้จำกกำรขุดคน้ ทำงโบรำณคดวี ดั ชนะสงครำม เมืองโบรำณสโุ ขทยั ตำบลเมืองเก่ำ อำเภอเมือง
จงั หวดั สุโขทัย
ลักษณะ : ไหทรงสงู เคลือบสีเขยี ว ลักษณะปลำยผำยออกเล็กนอ้ ย คอตงั ไหล่ลำด ลำตัวป่อง มรี อ่ งรอยหู
4 หู แต่หักหำยไป มีสนั ทไี่ หล่ ส่วนก้นสอบเขำ้ มีลำยมังกรนูนทล่ี ำตวั มีรอยแตกลำยท่ัวทัวใบ ก้นภำชนะไม่เคลือบ
กำรพบเครือ่ งถ้วยจีนในบริเวณนีเปน็ หลักฐำนแสดงให้เห็นถงึ กำรตดิ ต่อทำงกำรค้ำกบั จนี ในชว่ งเวลำนัน
โถทรงกลบี มะเฟือง
หวดดนิ เผา
หม้อทบั เกลือ
รูปหนงั ตะลุง (ยอดทอง)
นำยยอดทอง เชอ่ื กันว่ำเปน็ ชื่อคนจรงิ ชำวจงั หวัดพทั ลงุ รูปรำ่ งอ้วน ผวิ ดำ พงุ ย้อยกน้ งอนขนึ บนผมหยิก
เป็นลอน จมูกย่ืน ปำกบุ๋ม เหมอื นปำกคนแกไ่ ม่มีฟนั หนำ้ เปน็ แผลจนลำยคล้ำยหน้ำจระเข้ โครพดู ถึงเร่ืองจระเขไ้ ม่
พอใจ น่งุ ผ้ำลำยโจงกระเบน ไมส่ วมเสอื เหนบ็ กริชเป็นอำวธุ ประจำกำย เปน็ คนเจ้ำชู้ ปำกพดู จำโอ้อวด ใจเสำะ ขี
ขลำด ชอบขหู่ ลอก พูดจำเหลวไหล ยกย่องตนเอง บ้ำยอ ชอบอยู่กับนำยสำว ทม่ี สี ำนวนชำวบ้ำนวำ่ "ยอดทองบำ้
นำย" นำยยอดทอง แสดงคู่กับตวั ตลกอน่ื ๆ ได้หลำยตวั เช่น คู่กับอ้ำยหลำ คู่กับอำ้ ยขวัญเมือง คู่กับอ้ำยพนู แก้ว คู่
กับอ้ำยดำบำ้ คู่กับอ้ำยลูกหมี คู่กับอำ้ ยเสมยี น เป็นต้น
รปู หนงั ตะลุง (ไอ้เทง่ )
อ้ำยเท่ง เอำเค้ำมำจำกชำวบ้ำนคนหน่ึง ช่ือเท่ง อยู่บำ้ นคูขดุ อำเภอสะทิงพระ จังหวัดสงขลำ หนงั จวนบ้ำน
คขู ุดนำมำตัดรปู ตลกเปน็ ครงั แรก หนังคณะอืน่ ๆ นำไปเลียนแบบ รูปร่ำงผอมบำงสูง ท่อนบนยำวกวำ่ ท่อนล่ำง ผวิ
ดำ ปำกกว้ำง หวั เถิก ผมงอหยกิ ใบหน้ำคล้ำยนกกระฮัง นิวมอื ขวำยำวโตคลำ้ ยอวยั วะเพศผชู้ ำย นิงชกี บั หัวแมม่ ือ
ซำ้ ยงอหยิกเปน็ วงเข้ำหำกนั นุง่ ผ้ำโสรง่ ลำยตำหมำกรุก คำดพงุ ด้วยผำ้ ขะมำ้ ไมส่ วมเสือ ทีส่ ะเอวเหนบ็ มีดอำ้ ยครก
(มีดปลำยแหลมด้ำนงอโคง้ มีฝัก) ชอบพดู จำโผงผำง ไม่เกรงใจใคร ขสู่ ำทับผู้อน่ื ล้อเลยี นเก่ง เป็นคู่หูกับอำ้ ยหนนู ุ้ย
รปู หนงั ตะลุง (ผใู้ หญพ่ ูน)
ผ้ใู หญพ่ ูน นำ่ จะเลยี นแบบมำจำกผู้ใหญ่คนใดคนหน่งึ รปู รำ่ งสูงใหญ่ จมูกยำวคลำ้ ยตะขอเก่ยี วมะพร้ำว
ศรีษะลำ้ น มีผมเปน็ กระจกุ รูปสี่เหลี่ยมผืนผำ้ ตรงกลำงกลวงอยู่ กลำงพุงโยย้ อ้ ยยำน ตะโพกใหญ่ขวดิ ขนึ บน เพ่ือน
มกั จะล้อเลยี นว่ำ บนหวั ตดิ งวงถังตกั นำ สันหลงั เหมือนเขำพกั ผำ้ (อยู่ระหวำ่ งพัทลุง-ตรัง) น่งุ ผ้ำโจงกระเบน ไม่มี
ลวดลำย ชอบยยุ ง โมโ้ อ้อวด เห่อยศ ข่ตู ะคอผู้อ่ืนให้เกรงกลัว ธำตุแทเ้ ปน็ คนขีขลำดตำขำว ชอบแสแสร้งปั้นเรื่อง
ฟอ้ งเจ้ำนำย ส่วนมำกเปน็ คนรบั ใชอ้ ยู่เมืองยกั ษห์ รอื กบั ฝ่ำยโกง พูดชำ้ ๆ หนบี จมูก เป็นตัวตลกประกอบ
รูปหนงั ตะลุง (สะหม้อ)
อ้ำยสะหม้อ หนังกนั ทองหล่อ นำมำจำกคนจริง โดยได้รบั อนุญำตจำกชำวอสิ ลำมชือ่ สะหมอ้ อยบู่ ำ้ น
สะกอม อำเภอจะนะ จังหวดั สงขลำ หนงั ตะลุงอน่ื ๆ ทีน่ ำไปเลียนแบบ พดู กินรูปสหู้ นังกัน ทองหล่อไม่ได้ รปู รำ่ งอ้ำย
สะหม้อ หลงั โกง มโี หนกคอ คำงยอ้ ย ลงพงุ รปู รำ่ งเตยี สวมหมวกแขก นุง่ ผ้ำโสรง่ ไมส่ วมเสือ พดู ล้อเลียนผ้อู ืน่ ได้
เก่ง ค่อนขำ้ งอวดดี นับถือศำสนำอิสลำมแตช่ อบกนิ หมู ชอบด่มื เหลำ้ พูดสำเนยี งเนบิ นำบ รวั ปลำยลิน
รูปหนงั ตะลุง (สแี ก้ว)
นำยสแี ก้ว เชอื่ กนั ว่ำเอำเค้ำมำจำกคนทีช่ ื่อสีแก้วจริงๆ เป็นคนมตี ะบะ มอื หนักโกรธใครตบดว้ ยมือหรือชน
ดว้ ยศรี ษะ เปน็ คนพูดจรงิ ทำจริง สู้คน ชอบอำสำเจำ้ นำยด้วยจริงใจ ตักเตอื นผู้อ่นื ใหป้ ฏิบตั ดิ ปี ฏบิ ัตชิ อบตำมทำนอง
คลองธรรม รปู ร่ำงอว้ นเตีย ผิวคลำ มโี หนกคอ ศรี ษะลำ้ น นุง่ ผำ้ โจงกระเบนลำยตำหมำกรุก ไมส่ วมเสอื ไม่ถอื อำวุธ
ใดๆ ใครพดู ลอ้ เลียนเกีย่ วกับเร่ืองพระ เรื่องร้อน เรือ่ งจำนวนเงนิ มำกๆ จะโกรธทนั ที พดู ชำ้ ๆ ชัดถ้อยชัดคำ เพื่อน
คหู่ ูคอื นำยยอดทอง
รูปหนังตะลุง (ขวัญเมือง)
อำ้ ยขวญั เมือง ไมม่ ีประวตั คิ วำมเปน็ มำ เป็นตัวตลกเอกของหนังจันทรแ์ ก้ว จงั หวัดนครศรีธรรมรำช คนใน
ถ่นิ นนั เขำไม่เรยี กวำ่ อำ้ ยเมือง แตเ่ รยี กวำ่ "ลงุ ขวัญเมือง" แสดงวำ่ ไดร้ ับกำรยกย่องจำกคนในท้องถ่ินอยำ่ งสูง
เหมือนกบั เปน็ คนสำคัญผ้หู นง่ึ ใบหนำ้ ของขวญั เมืองคล้ำยแพะ ผมบำงหยกิ เล็กน้อย ผิวดำ หัวเถิก จมกู โดง่ โตยำว
ปำกกว้ำง พุงยำนโย้ ก้นเชดิ ปลำยนิวชคี ลำ้ ยนิวมอื อ้ำยเท่ง นงุ่ ผ้ำพืนดำ คำดเข็มขัด ไม่สวมเสือ เป็นคนซอื่ บำงครัง
แฝงไว้ซงึ่ ควำมฉลำด ชอบสงสยั เรื่องของผอู้ น่ื พดู จำเสียงหวำน หนังจงั หวัดสงขลำแสดงคู่กับอ้ำยสะหม้อ หนงั
จงั หวดั นครศรธี รรมรำชแถวอำเภอเชยี รใหญ่ หวั ไทร ปำกพนงั ท่ำศำลำ ให้แสดงค่กู บั นำยยอดทอง หนงั พทั ลงุ ตรัง
นิยมใหเ้ ป็นตวั บอกเรอ่ื ง เฝำ้ ประตูเมือง ออกตีฆ้องร้องปำ่ ว
รปู หนังตะลุง (อ้ายโถ)
อำ้ ยโถ เอำเค้ำมำจำกจีนบำ๋ บำ ชำวพงั บัว อำเภอสะทิงพระ จังหวดั สงขลำ รูปรำ่ ง มศี รีษะค่อนขำ้ งเลก็
ตำโตถลน ปำกกว้ำง รมิ ฝปี ำกล่ำงเม้มเขำ้ ใน สว่ นทอ้ งตึง อกใหญ่เป็นรูปโคง้ สวมหมวกมกี ระจุกข้ำงบน นงุ่ กำงเกง
ถลกขำ ถือมีดบังตอเปน็ อำวุธ ชอบร้องรำทำเพลง ขีขลำดตำขำว โกรธใครไมเ่ ปน็ ถือเอำเร่ืองกนิ เปน็ เร่ืองใหญ่ ใคร
จะพูดเร่ืองอะไรก็ตำม อำ้ ยโถจะชักเรือ่ งท่พี ูดวกเขำ้ หำเร่ืองกนิ เสมอ เปน็ ตัวตลกประกอบ
รูปหนังตะลุง (นางเอก)
นำงเอกในวรรณกรรมหนังตะลงุ สว่ นใหญม่ กั จะเป็นธดิ ำของกษัตรยิ ์หรือธดิ ำของเจำ้ เมืองยกั ษ์ หำกเปน็
ธดิ ำของเจำ้ เมืองยักษ์มักจะเปน็ ผทู้ ฤ่ี ำษี นำมำชุบเลยี งไว้ หรอื ถูกบิดำสง่ มำให้ศกึ ษำศิลปะวิชำ นำงเอกจะมรี ูปร่ำงท่ี
งดงำม จิตใจดแี ทบ ทกุ เรื่อง ในวรรณกรรมบำงเรื่องนำงเอกอยู่ในรูปกำบังคอื มองไม่เห็นตวั หรืออยู่ในครำบทีน่ ำ่
เกลียดนำ่ กลัวคลำ้ ยๆ นำงปีศำจ แต่ภำยหลงั ก็ได้รบั กำรแปลงโฉมใหง้ ดงำมเหมือนเดิม ลักษณะนิสยั อีกอย่ำงหนึ่ง
ของนำงเอกคือมคี วำมซื่อสตั ย์รกั เดยี วใจเดียว และมีควำมจงรักภักดตี ่อสำมี
รูปหนงั ตะลุง (พระอิศวร)
รูปพระอิศวร ถือเปน็ รปู ศกั ดิ์สิทธ์ิ และเป็นเทพเจ้ำแหง่ ควำมบนั เทงิ พระอิศวรจะทรงโคอุสภุ รำชหรือนนทิ
หนังเรียก รปู พระอิศวรวำ่ รปู พระโค หรือรปู โค หนงั คณะใดสำมำรถเลอื กหนงั ววั ที่มเี ท้ำทงั 4 เปน็ สีขำว โหนกสีขำว
หนำ้ ผำกรปู ใบโพสีขำว ขนหำงสขี ำว วัวประเภทนีหำยำกมำกถือเป็นม่ิงมงคล ตำรำภำคใต้เรยี กวำ่ ตนี ด่ำง หำงดอก
หนอกพำดผำ้ หนำ้ ใบโพโคอุสุภรำชมีสเี ผือก แตช่ ่ำงแกะรูปใหว้ ัวเปน็ สดี ำนลิ เจำะจงให้สีตัดกบั สรี ูปพระอิศวร ตำม
ลัทธพิ รำหมณ์ พระอิศวรมี 4 กร ถือตรีศูล ธนู คทำ และบำศ พระอิศวรรูปหนังตะลงุ มีเพียง 2 กร ถือจักรและพระ
ขรรคเ์ พ่ือให้รูปกะทดั รดั สวยงำม รูปพระ อิศวร ออกเป็นลำดบั ที่ 2 ถดั จำกรปู ฤำษี เพลงประกอบเชิดใชเ้ พลงเชิดฉิ่ง
เพลงพระยำเดนิ และเพลงกรำวนอก พระอิศวรสถติ อยู่ ณ เขำไกรลำศ ถือเป็นแดนสวรรค์ จึงเหำะลงมำจำกเบือง
บน เร่มิ แรกอยหู่ ำ่ งจำกจอ เกิดเปน็ เงำใหญ่ สั่นระรวั ซึง่ หมำยถึงอิทธิฤทธ์ิ เม่ือรูปเลยเขตจอแดนมนุษยล์ งมำ ทำบ
รปู ส่วนบนให้ติดกบั จอ แสดงกำรก้ำวกระโดดของโคอสุ ุภรำช สะบดั เทำ้ หนำ้ เท้ำหลัง มือผู้เชิดกระแทกกับหยวก
กล้วยเปน็ จงั หวะ ไปดำ้ นขวำ 9 ครงั ไปด้ำนซ้ำย 9 ครัง สลับกันไป กำรเชิดกลบั ซำ้ ยขวำจำนวนกคี่ รังไม่มีเกณฑ์
ตำยตวั ไมเ่ กนิ 2 นำที แลว้ ใหร้ ปู ห่ำงจำกจอสนั่ ระรวั ปักรปู กับหยวกโดยเรว็ ดนตรหี ยดุ บรรเลง แล้วเชิดเบำ ๆ
ประกอบกำรร่ำยโองกำรโองกำรหรอื ร่ำยมนต์พระอศิ วร มี 3 โองกำร ทกุ สำนวนมเี นือหำใกล้เคียงกนั เช่นโอมข้ำจะ
ไหว้ฤำษชี เี ฒ่ำอำจำรย์ สั่งสอนครบถ้วนทุกประกำรเร่ืองเล่นในโลกพสธุ ำกลำงวันเลน่ ละครโนรำคนเหน็ ประจักษ์ตำ
ประดับประดำดว้ ยเครื่องเรืองอุไรรำเอย๋ รำตรีอัคคีแจ่มใสเอำหนงั มำสอ่ งแสงไฟแลดูเพรดิ พรงิ ลวดลำยพรง่ั พรอ้ ม
ด้วยเครื่องประโคมทังหลำยเชิดโฉมเฉิดฉำยรำร่ำยอรออ้ นออเอำไม้ไผ่สีล่ ำปักทำเป็นจอสี่มมุ ห้มุ หอ่ ดำ้ นหน่ึงขึงกนั
ผ้ำขำวเอำหนงั พระโคมำตอ่ ตัดเป็นรูปอศิ วรนำรำยณ์จำ้ วกลำงหำวลอ่ งแลว้ ลับแสงลงกำรำกษสสำแดงอยธุ ยำกล้ำ
แข็งมำเล่นหนงั ให้ท่ำนทังหลำยดยู กสองเทำ้ รูปเชดิ ชูรบรอต่อสบู้ ม่ ิไดห้ ลบเล่ยี งเบ่ียงบังมีผ้ำขำวกำงกนั กำบงั เป็นทับ
ทำบตวั หนงั ไฟส่องแสงไฟแลงำมเบืองซ้ำยขำ้ ไหว้ทำ้ วรำมเบืองขวำทรงนำม ปิน่ เกล้ำท้ำววรำมณ์ศักดำขอให้มสี ิรเิ ด
ชำอันตรำยอยำ่ ได้บีฑำจงช่วยหอ่ หุ้มคุ้มภัยศรีศรสี วัสดมี ชี ยั เล่นในสถำนทีใ่ ดขอให้ลำภล้นสมหวงั ศรศี รสี วสั ดีมลี ำภงั
หอ่ หุม้ คุ้มบงั อนั ตรำยอย่ำไดม้ ีมำก(ดนตรีเชดิ หลบรปู พระอิศวรเขำ้ ฉำก)
รูปหนังตะลุง (ตัวพระ)
พระเอกในวรรณกรรมหนังตะลงุ สว่ นใหญจ่ ะเป็นโอรสกษัตริย์ แตบ่ ำงเรอื่ งพระเอกอำจจะอยูใ่ นฐำนะ ของ
ลูกตำยำย ซึ่งเป็นคนจน พระเอกจะมีคณุ สมบัตเิ ป็นผมู้ ีควำมรู้ มีควำมสำมำรถ มีคุณธรรม มอี ำนำจวเิ ศษเหนือ
มนษุ ย์ธรรมดำ มีของวเิ ศษ เปน็ อำวุธประจำกำยซ่ึงอำจได้รับจำกฤำษหี รือเทวดำ ตัวเอกฝ่ำยชำยสว่ นใหญจ่ ะมี
รปู รำ่ งงำมสงำ่ กลำ้ หำญ แต่มักจะเจำ้ ชู้มี ภรรยำมำก
รปู หนงั ตะลุง (ยักษ์)
ยกั ษ์เปน็ ตัวละครท่มี ปี รำกฏในวรรณกรรมหนังตะลุงแทบทุกเรื่อง ยกั ษจ์ ะมีหลำยสถำนภำพตงั แต่กษัตรยิ ์
ยักษ์ ธิดำยกั ษ์ เสนำยักษ์ ตลอดจนยกั ษีทอ่ี ำศยั อย่ใู นป่ำ หำสัตว์ป่ำและผลไม้กินเปน็ อำหำร ยกั ษ์มรี ูปรำ่ งใหญ่โตน่ำ
กลวั มเี ขียวงอกโงง้ มำ นอกปำก ถอื ไมต้ ะบองเปน็ อำวธุ มกี ิรยิ ำทะลง่ึ ตงึ ตัง ชอบทำลำยระรำนผูอ้ ่ืนและมคี วำมโลภ
อยำกไดอ้ ะไรกต็ ้องได้ โดยไม่คำนงึ ถึงควำมถูกผิดหรือบำปกรรม ส่วนใหญ่มกั จะเป็นผรู้ ำ้ ยในเรอ่ื ง แต่ชว่ งปลำยของ
เรื่องจะสำนึกตัวกลับตนเป็นคนดี
รูปหนงั ตะลุง (หนนู ุ้ย)
อ้ำยหนนู ุ้ย นำเค้ำมำจำกคนซื่อๆ แกมโง่ ผวิ ดำ รปู รำ่ งค่อนขำ้ งเตยี พุงยำนโยค้ อตก ทรงผมคล้ำยแส้ม้ำ
จมูกปำกยน่ื ออกไป คลำ้ ยกับปำกวัว มีเครำยำวคล้ำยหนวดแพะ ใครพดู เรื่องวัวเป็นไม่พอใจ นุ่งผำ้ โสรง่ แตไ่ มม่ ี
ลวดลำย ไมส่ วมเสอื ถอื มีดตะไกรหนบี หมำกเป็นอำวุธ พูดเสยี งต่ำส่ันเครือดนั ขนึ นำสกิ ชอบคล้อยตำมคนยุยง
ส่งเสริม แสดงควำมซ่ือออกมำเสมอ
รูปหนังตะลุง (อ้ายจีนจอ๋ ง)
อำ้ ยจนี จ็อง หรอื จีนจอ็ ง ตัวตลกหนังตะลงุ เป็นชำวจีนทม่ี ำจำกเมืองจนี และทำมำหำกินอยใู่ น
นครศรีธรรมรำชจงึ พูดภำษำไทยไม่ค่อยชัด จีนจอ็ งมีอำชีพขำยนำชำ มีรูปร่ำงผอมสงู หลงั โกงเลก็ น้อย เปน็ คนอม
โรค สวมเสอื คอจีน นงุ่ กำงเกงขำก๊วยปลอ่ ยขำกำงเกงเพียงดำ้ นเดยี วส่วนอกี ดำ้ นพับขนึ ไว้ผมหำงเปีย ในมือถือ
กลอ้ งยำสูบแบบคนจีนสมยั ก่อนท่ตี ิดฝิ่น บำงตำรำกล่ำวว่ำจีนจ็องมีอำชีพเป็นคนขำยเนือหมู ในมือจึงถือมีดห่นั เนือ
หมู
เทรดิ
เคร่ืองประดับศีรษะ รปู มงกุฎ ทรงเตยี มีกรอบหนำ้ ใชส้ วมในกำรแสดงมโนรำห์
หนา้ พราน
พรำนมโนรำห์ หรือ พรำนบุญ เปน็ ตัวตลกของมโนรำห์ เม่อื ออกรำจะต้องสวมหนำ้ กำกเรยี กวำ่ “หนำ้
พรำน”
เคร่ืองลกู ปดั คาดอก
เครอ่ื งลูกปดั คาดบ่า
เครอื่ งลกู ปดั บิงคอ
แผน่ เสยี ง
วัสดุพลำสติกแผน่ กลมบำง ซึ่งบันทึกเสียงเพลงไว้ เมื่อวำงบนเคร่อื งเล่นจำนเสยี ง ให้หวั เขม็ กดลงในร่อง
เสียงแล้วให้จำนหมุนไปกจ็ ะเกิดเสียงตำมทีบ่ นั ทึกไว้
ไมค์
ภาพถา่ ยการเลน่ เครอ่ื งดนตรี
ป่ี
เครื่องดนตรีประเภทเปำ่ ท่ใี ชล้ ินชนดิ หนึ่งตัวป่ี หรอื เลำปี่ทำด้วยไมแ้ กน่ หรือไมจ้ รงิ เชน่ ไม้ชงิ ชงั เจำะ
ภำยในกลวงตลอด หวั ทำ้ ยบำนออกเลก็ น้อย ตรงกลำงป่อง ช่วงกลำงเจำะรนู วิ สำหรับเปลี่ยนเสยี ง
โหม่ง
เป็นเครือ่ งดนตรปี ระเภทตชี นิดหนึง่ ใชต้ ีประกอบจงั หวะ โหม่ง คือ ฆ้องคู่ เสียงต่ำงกนั ท่เี สียงแหลมเรียกวำ่
"เสียงโหม่ง" ท่เี สียงทุ้มเรียกว่ำ "เสียงหมุ่ง"
ฉาบ
เครื่องดนตรปี ระเภทเครอ่ื งตีกำกับจงั หวะชนดิ หนึ่ง ทำด้วยโลหะ เปน็ แผ่นกลมคล้ำยจำนมีป่มุ นนู ตรงกลำง
เจำะรูตรงกลำงไว้รอ้ ยเชือก หรือหนงั สำหรบั ถือตี มที งั ขนำดเล็ก และขนำดใหญ่
ซอด้วง
กระบอกมักทำดว้ ยไม้เนือแข็ง ลกั ษณะคลำ้ ยด้วงดักสัตว์ ขึงหนังด้ำนหนึ่งดว้ ยหนังสตั ว์ มหี ย่องและสำย ๒
สำยพำดข้ำม ปลำยบนผกู ติดกับลกู บิด คนั ชักส่วนที่เป็นหำงม้ำอยรู่ ะหว่ำงสำยทงั ๒ สำย ขนำดคอ่ นขำ้ งเล็กเพื่อให้
มีเสยี งสูงเวลำสี บรรเลงนำในวงเครือ่ งสำย วงมโหรี หรือใช้เดย่ี วเพลงก็ได้
เครอ่ื งดดู าวสมัยโบราณ
นำฬกิ ำแสงจันทร์ เป็นอปุ กรณท์ วี่ ัดเวลำโดยใช้แสงจันทรแ์ ทนท่จี ะใช้แสงอำทิตย์เหมือนอยำ่ งนำฬกิ ำแดด
อีกอนั คือซงิ กยุ่ นำฬกิ ำแสงดำว เอำไว้ใชว้ ดั เวลำโดยดจู ำกตำแหนง่ ของดำวอำ้ งองิ ทอี่ ยู่ใกลข้ ัวฟ้ำเหนอื คือดำวเหนือ
ซ่งึ สมัยก่อนเรียกว่ำดำวโกวเฉินอี และดำวเบตำหมีเล็ก ซงึ่ สมัยกอ่ นเรียกวำ่ ดำวตซี ิงเวลำที่ใช้ก็ให้มองฟ้ำผำ่ นช่องรู
ยำวซึง่ อยบู่ นแผน่ ทห่ี มุนได้ ใหห้ มนุ แผ่นจำนเห็นดำวอ้ำงอิงทัง ๒ ดวงอยู่ในรูยำวนีทงั คู่ พอไดแ้ ล้วก็ดูว่ำหมุนแผน่
จำนไปเท่ำไหร่ บนแผน่ จำนมีขีดบอกวนั ทีแ่ ละเวลำ กำรอ่ำนค่ำต้องเทียบวนั ทีก่ บั เวลำ ซ่งึ คล้ำยกับในแผนที่ดำว
แบบหมนุ ทน่ี ยิ มใช้ในปัจจุบนั
โถเหล้า
ไห
หม้อตม้ ยา
ไหใส่นาทรงลกู ฟกั
เคร่อื งดนิ เผาเคลอื บ (พานเล็ก)
เครือ่ งดนิ เผาเคลือบ (พานใหญ)่
เครอ่ื งดินเผาเคลือบ (ถ้วยเล็ก)
โถลายคราม
เครอ่ื งดินเผาเคลือบ (ถ้วยใบใหญ)่
ลูกแกว้ ใหญ่
จานกระเบือง
ผอบลายคราม
ถ้วยลายคราม
ถ้วยนาชา
กานาขนาดเล็ก
ถ้วยทองเล็ก