ข้อที่ ข้อความ ทำเป็น ประจำ (5) ทำ บ่อย ครั้ง (4) ทำ บาง ครั้ง (3) ทำ น้อย ครั้ง (2) ไม่ เคย ทำ (1) รวม คะแนน 28 ยึดมั่นการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ………. 29 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเป็นมาของชาติ ไทย 30 ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถือ 31 ไม่ลักขโมย ไม่นำทรัพย์สินและสิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตน ………. 32 พูดความจริง ไม่พูดโกหกหลอกลวง 33 ซื่อสัตย์ในการเรียน เช่น ไม่ลอกการบ้าน ไม่ขโมยงานเพื่อน ไม่ทุจริตในการสอบ 34 ปฏิบัติตนอย่างซื่อสัตย์ อย่างตรงไปตรงมาทั้งกาย วาจา ใจ 35 พบสิ่งของที่ผู้อื่นลืมหรือทำหายก็นำไปคืนเจ้าของ 36 ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียน สังคม และประเทศชาติ ด้วยตนเอง ………. 37 ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทของตน เช่น เป็นลูกที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี 38 ควบคุมตนเองในการดำรงชีวิตตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ 39 มาโรงเรียนทันเวลา/เข้าเรียนตรงเวลา 40 สนใจกิจกรรมการเรียนและรับผิดชอบงานที่ครูมอบหมาย 41 รักการอ่าน การเขียน และการฟัง ………. 42 สนใจแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ รอบตัว 43 หมั่นพัฒนาตนเอง และพัฒนาศักยภาพที่ตนมีอยู่เสมอ 44 อ่านหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือนิตยสารเป็นประจำ 45 มีความกระตือรือร้นในการเรียนและเข้าเรียนสม่ำเสมอ 46 กินอยู่อย่างประหยัด พอดีและพอเพียง 47 ใช้สิ่งของ เครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างพอดี ตามความจำเป็น 48 มีความพอดีไม่หมกมุ่นจนเกิดผลเสีย เช่น ติดเกม ดารานักร้อง นิยาย ฯลฯ 49 สามารถเก็บออมเงินตามฐานะ 50 รู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า 51 รู้จักวางแผนและทำงานอย่างมีขั้นตอน ………. 52 หมั่นตรวจสอบ และมีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน 53 เพียรพยายาม ขยัน อดทน ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ 54 มีความรับผิดชอบ ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ 55 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดในการทำกิจกรรมและทำงานร่วมกับ ผู้อื่นได้ 56 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาไทย ………. 57 ปฏิบัติตนตามประเพณี วัฒนธรรมและค่านิยมที่ดีงามของไทย 58 มีส่วนในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาไทย 59 รู้ และเข้าใจเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทย
ข้อที่ ข้อความ ทำเป็น ประจำ (5) ทำ บ่อย ครั้ง (4) ทำ บาง ครั้ง (3) ทำ น้อย ครั้ง (2) ไม่ เคย ทำ (1) รวม คะแนน 60 เข้าชมหรือร่วมกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของ ท้องถิ่นและของไทย 61 ช่วยเหลืองานบ้าน ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ………. 62 ยินดีให้ความช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน 63 ใช้เวลาว่างอาสาทำประโยชน์ต่อผู้อื่น ชุมชน และสิ่งแวดล้อม 64 ช่วยเหลืองานโรงเรียน ช่วยแบ่งเบาภาระครู 65 แบ่งปันทรัพย์สิน สิ่งของ ตามกำลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหา/ ภัยพิบัติต่างๆ สรุปผลการสำรวจตนเอง ด้านที่ประเมิน รายการ ข้อ คะแนน รวม ค่าเฉลี่ย (คะแนนรวมหารด้วย 5) ระดับคุณภาพ สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1-5 2. ความสามารถในการคิด 6-10 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 11-15 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 16-20 5 .ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 21-25 คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 26-30 2. ซื่อสัตย์สุจริต 31-35 3. มีวินัย 36-40 4. ใฝ่เรียนรู้ 41-45 5. อยู่อย่างพอเพียง 46-50 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 51-55 7. รักความเป็นไทย 56-60 8. มีจิตสาธารณะ 61-65 49
แนวทางการสร้างแบบสำรวจสมรรถนะและคุณลักษณะตามจุดหมายของหลักสูตร 1. ลักษณะของเครื่องมือ เป็นแบบตรวจสอบตนเองตามกรอบจุดหมายของหลักสูตร คือ สมรรถนะสำคัญ 5 ด้าน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์8 ประการ โดยจัดทำเป็นข้อความประเมินแต่ละด้าน ด้านๆละ 5 ข้อ รวม 65 ข้อ จุดหมายที่ประเมิน จำนวนด้าน สมรรถนะสำคัญ 5 ด้าน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 5 ข้อ 2. ความสามารถในการคิด 5 ข้อ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 5 ข้อ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5 ข้อ 5 .ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5 ข้อ คุณลักษณะอันพึงประสงค์8 ประการ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5 ข้อ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 5 ข้อ 3. มีวินัย 5 ข้อ 4. ใฝ่เรียนรู้ 5 ข้อ 5. อยู่อย่างพอเพียง 5 ข้อ 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 5 ข้อ 7. รักความเป็นไทย 5 ข้อ 8. มีจิตสาธารณะ 5 ข้อ 2. การตรวจคะแนน ระดับการตอบ คะแนนที่ได้ ทำเป็นประจำ 5 ทำบ่อยครั้ง 4 ทำบางครั้ง 3 ทำน้อยครั้ง 2 ไม่เคยทำ 1 3. การแปลความระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพตามจุดหมายของหลักสูตร จัดระดับเป็น 5 ระดับ โดยใช้ช่วงคะแนนเฉลี่ย ดังนี้ ช่วงคะแนนเฉลี่ย ระดับคุณภาพ 4.21 – 5.00 ดีเยี่ยม 3.41 – 4.20 ดี 2.61 – 3.40 ปานกลาง 1.81 – 2.60 ควรพัฒนา 1.00 – 1.80 ต้องพัฒนาอย่างยิ่ง หมายเหตุ : เครื่องมือชุดนี้พัฒนาโดยศูนย์พัฒนาเครือข่ายกิจกรรมแนะแนว สพม.2 (โรงเรียนสตรีวิทยา ๒) 50
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างเข้าใจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน...............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง วิชานี้เพื่อเธอ ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์แต่ละข้อ และพิจารณาว่าต้องใช้ความรู้จากการเรียนวิชาใด โดยเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องวิชา (มากกว่า 1 ช่อง ได้) ข้อ ที่ สถานการณ์ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา สุข-พลศึกษา ศิลปะ ภาษาอังกฤษ วิชาการงานอาชีพคอมฯ เกษตร ประดิษฐ์ งานช่าง งานบ้าน ธุรกิจ 1 อ่านสลากยาเวลาไม่สบาย 2 คิดเงินทอนเวลาซื้อของ 3 ทดสอบหาสารพิษในอาหาร 4 ศึกษาภูมิประเทศ เตรียมตัวไปเที่ยวเหนือ 5 เลือกทานอาหารที่มีคุณค่า 6 ทำการ์ดให้คนสำคัญ 7 อ่านสลากยาภาษาอังกฤษ เวลาป่วย 8 สั่งอาหารร้านที่เมนูเป็นภาษาอังกฤษ 9 ประดิษฐ์ของใช้ ของที่ระลึกด้วยวัสดุต่าง ๆ 10 ต้องเป็นคนอาราธนาศีลเวลาทำบุญบ้าน 11 ป้องกันตนเองให้ปลอดจากโรคระบาด 12 อ่านป้ายเวลาหลงทาง 13 ดูแลตนเองให้ห่างไกลเอดส์ 14 ตกแต่งเสื้อผ้าให้สวยงาม 15 ทำงานคอมพิวเตอร์ที่เมนูเป็นภาษาอังกฤษ 16 เตรียมป้องกันตัวก่อนเกิดภัยธรรมชาติ 17 ทำของที่ระลึกให้เพื่อน 18 เขียนจดหมายลาครู 19 บอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย 20 ประดิษฐ์ชิ้นงานเพื่อขายหารายได้พิเศษ 21 ทำบัญชีรายรับ รายจ่ายแต่ละเดือน 22 คำนวณเงินในการปลูกบ้าน 23 ช่วยบอกทางแก่ชาวต่างชาติที่หลงทาง 24 ออกแบบเสื้อผ้าให้สวยงาม เหมาะสม 25 ซ่อมเครื่องมือเครื่องใช้ในบ้านที่ชำรุด 26 ทดลองว่าแชมพูยี่ห้อไหนใช้แล้วไม่แพ้ 27 สังเกตธรรมชาติเพื่อรู้เท่าทันสิ่งที่จะเกิดขึ้น 28 ปลูกต้นไม้ช่วยลดโลกร้อน 29 พิมพ์รายงานส่งครู 30 เพิ่มสมรรถภาพทางกายของตนเอง 51
ข้อ ที่ สถานการณ์ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา สุข-พลศึกษา ศิลปะ ภาษาอังกฤษ วิชาการงานอาชีพคอมฯ เกษตร ประดิษฐ์ งานช่าง งานบ้าน ธุรกิจ 31 รักษาตัวเองให้สุขภาพแข็งแรง 32 เล่าให้เพื่อนฟังถึงเรื่องราวที่ไปอบรมมา 33 ใช้ชีวิตเวลาไปท่องเที่ยวต่างประเทศ 34 ดูแลจัดบ้านเรือนให้สะอาดน่าอยู่ 35 หาข้อมูลความรู้ทางอินเตอร์เนต 36 เพาะต้นไม้ขายหารายได้พิเศษ 37 ตรวจดูเวลาไฟฟ้าในบ้านดับ 38 สื่อสารพูดคุยกับชาวต่างชาติ 39 ทำอาหารและขนมเลี้ยงดูคนในครอบครัว 40 ออกแบบปกรายงานส่งครู 41 ตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ 42 สเกตภาพคนร้ายเพื่อช่วยเหลือตำรวจ 43 ดูแลคนป่วยในบ้าน 44 จัดการแข่งขันกีฬาประเภทต่าง ๆ ในโรงเรียน 45 คิดดอกเบี้ยเวลากู้เงินทำธุรกิจ 46 จะจัดพิธีทำบุญที่บ้าน 47 ทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมไทยในต่างแดน 48 คิดค่าน้ำมันรถแต่ละเดือน 49 เขียนจดหมายสมัครงาน 50 เปรียบเทียบปริมาณและราคาก่อนซื้อ 51 ต้องเรียนรู้มารยาทในการเข้าสังคม 52 ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว 53 เป็นไกด์นำชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของไทย 54 คำนวณเงินในการแลกเปลี่ยนเงินตรา 55 เขียนใบสมัครเรียนต่อ 56 เลือกน้ำยาล้างห้องน้ำที่ไม่เป็นอันตราย 57 เล่าประวัติศาสตร์ไทยให้ลูกหลานฟัง 58 วิเคราะห์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ 1. ช่องวิชาใดที่ไม่มีเครื่องหมาย เลย………………………………………………………………………………………… 2. สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้จากการทำใบงานนี้ คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………….…………………………………………………………….………………………………… 3. จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ นักเรียนจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไรในการเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 52
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างเข้าใจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน...............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง วิชาที่ฉันเรียนในชั้น ม.4 ให้ระบุวิชาที่เรียนในชั้น ม.4 จำแนกประเภทตามโครงสร้างหลักสูตร ดังนี้ รายวิชาพื้นฐาน ที่ รหัสวิชา ชื่อวิชา ครูผู้สอน หน่วยกิต เกรด เป้าหมาย เกรดที่ ได้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 รายวิชาเพิ่มเติม ที่ รหัสวิชา ชื่อวิชา ครูผู้สอน หน่วยกิต เกรด เป้าหมาย เกรดที่ ได้ 1 2 3 4 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่ ชื่อกิจกรรม ครูผู้สอน ผล เป้าหมาย ผล ที่ได้ 1 กิจกรรมแนะแนว 2 กิจกรรมนักศึกษาวิชาทหาร 3 กิจกรรมชุมนุม 4 กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รายวิชาที่เรียน ในช้นัม. 4 ภาคเรียนที่ 1 เกรดเฉลี่ยภาคเรียนที่ …… ที่ตั้งเป้ าหมายไว้ คือ………………………… เกรดเฉลี่ยที่ได้จริง คือ……………..……………….. 53
ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างเข้าใจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใบความรู้เรื่อง “ทักษะการเรียนที่มีประสิทธิภาพ” ทักษะการเรียนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1.เทคนิคการอ่านตำราที่ดีที่สุด คือ เทคนิค SQ3R :ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้ S = Survey สำรวจ Q = Question ตั้งคำถาม R = Read อ่าน R = Recite ท่อง R = Review ทบทวน รายละเอียดของแต่ละขั้นตอน มีดังนี้ 1.1 สำรวจ ( Survey) เมื่อเริ่มศึกษาวิชาหนึ่งวิชาใดในเบื้องต้นควรสำรวจตำราเล่มนั้นเพื่อ ดูแนวทางกว้างๆของตำราเสียก่อน โดยอ่านคำนำ สารบัญ จากนั้นควรสำรวจบทต่างๆของหนังสือ โดยดูย่อ หน้าแรก หัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อยภายในบทเพื่อที่จะได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้มีคุณค่าและตรงกับความต้องการ หรือไม่ 1.2 ตั้งคำถาม (Question) เมื่อสำรวจเบื้องต้นแล้ว ควรตั้งคำถาม ถามตนเองเกี่ยวกับ เรื่องที่ผ่านสายตาว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง มีปัญหาและข้อน่าคิดประการใด ข้อเสนอแนะในการตั้งคำถามได้แก่ ใคร ที่ไหน ทำอะไร เมื่อไหร่ ทำไม ทำอย่างไร เพื่อบังคับให้รู้จักไตร่ตรองก่อนที่จะศึกษาในรายละเอียด ต่อไป 1.3 อ่าน (Read) เป็นการอ่านอย่างละเอียด เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่ตั้งไว้เพื่อจะเข้าใจ หัวใจของเรื่อง ประเด็นหลัก ประเด็นรอง และรายละเอียดปลีกย่อย เพื่อจะช่วยให้เข้าใจจดจำได้รวดเร็ว ยิ่งขึ้น 1.4 ท่อง (Recite) หลังจากอ่านจบแต่ละบท แต่ละตอน แต่ละหัวข้อ ให้หยุดเป็นระยะ เพื่อ ทบทวนว่าอ่านอะไรไปบ้าง เมื่อท่องทวนความจำนี้ก็คือ การรวบรวมความรู้เข้าไปเก็บไว้ในสมองอย่างถาวร 1.5 ทบทวน (Review) คือ การตรวจสอบความถูกต้องซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติอย่าง สม่ำเสมอให้เป็นกิจนิสัย การทบทวนควรทำภายหลังอ่านตำราเล่มนั้นจบโดยเร็วที่สุด 2. เทคนิคการจำ 2.1 พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหานั้นให้ได้จงอย่าจำในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ 2.2 เชื่อมโยงเนื้อหาใหม่ๆ กับสิ่งที่ไปเรียนไปแล้ว 2.3 เลือกจำเฉพาะเนื้อหาที่สำคัญ 2.4 จัดเนื้อหาอย่างมีระบบ ใช้แผนภาพ แผนภูมิ และตารางจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น 2.5 การท่องหรือเขียนหรือทำซ้ำ ๆ หลายครั้งจะช่วยให้จำได้มากขึ้น 2.6 บทเรียนที่ยาว ควรแบ่งเป็นส่วน ๆ 2.7 หลังชั่วโมงเรียนควรบันทึกให้เร็วที่สุด ถ้าทิ้งไว้อาจจะไม่เข้าใจเนื้อหานั้นเลย 3. เทคนิคการจดคำบรรยาย 3.1 ขณะฟังคำบรรยาย ควรฟังอย่างตั้งใจและคิดตามไปด้วย 3.2 จับประเด็นสำคัญจากคำบรรยาย 54
3.3 จดให้ได้เนื้อความมากที่สุดแต่ไม่ใช่ทุกคำพูดโดยไม่กลั่นกรอง 3.4 จดให้เร็วที่สุด โดยใช้สัญลักษณ์หรือคำย่อเข้าช่วย 3.5 ควรจดให้มีระเบียบทั้งหัวข้อใหญ่ และหัวข้อรอง โดยใช้ตัวเลขกำกับ 3.6 การย่อหน้า เว้นช่องว่าง ขีดเส้นใต้แบ่งช่องไฟ จะช่วยให้อ่านได้ง่ายขึ้น 3.7 เมื่อผู้บรรยายพูดเร็วเกินไป ควรเว้นว่างไว้ก่อน การหันไปถามเพื่อนจะทำให้ทั้งเขาและ เราเสียสมาธิ 3.8 ควรบันทึกครั้งที่ และวันที่ฟังบรรยายทุกครั้ง 3.9 จดบันทึกวิชาเดียวกันใช้เล่มเดียวกัน อย่าจดปนกับวิชาอื่น 3.10 ทบทวนดูบันทึก คำบรรยายในวันเดียวกันจะช่วยให้จำเรื่องได้ดีขึ้น 4. เทคนิคการทำบันทึกย่อ 4.1 อ่านและทำความเข้าใจ เนื้อหาที่สำคัญ สรุปสาระสำคัญในแต่ละย่อหน้า หรือแต่ละ หัวข้อ 4.2 จดอย่างสั้น และกระชับความ 4.3 จดให้ครอบคลุมเนื้อหา 4.4 ใช้ภาพประกอบง่ายๆ เพื่อช่วยให้เข้าใจได้เร็วขึ้น 4.5 ลอกข้อความที่อ่านลงในบันทึกย่อ 4.6 ควรจดชื่อหนังสือ ผู้แต่ง ชื่อบท และระบุหน้าของตำรา เพื่อจะได้ย้อนกลับไปทบทวน รายละเอียดได้ใหม่ 5. การขีดเส้นใต้และจดในตำรา เพื่อเน้นความสำคัญของเนื้อหาในการขีดควรใช้ปากกาสีต่าง ๆ เน้นเฉพาะข้อความที่สำคัญ เพื่อย้ำให้เห็นถึงประเด็นที่สำคัญของเรื่อง นอกเหนือจากนี้อาจเขียนวงกลมล้อมคำที่สำคัญ ทำเครื่องหมายต่าง ๆ เช่น สี่เหลี่ยม ดอกจันประกอบ อย่าหวงตำราที่เราเป็นเจ้าของ การเก็บรักษาตำราให้ดูเหมือนใหม่อยู่ เสมอโดยไม่ยอมขีดเขียนนั้น นับเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ 55
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างเข้าใจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน...............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง “วิธีการปฏิบัติตนเพื่อพัฒนาทักษะการเรียน ที่มีประสิทธิภาพ” ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 56
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชากิจกรรมแนะแนว รหัสวิชา ก31101 มัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้3 เรื่อง อาชีพ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖6 แผนการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง อาชีพของฉัน เวลา 4 ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้(สาระการแนะแนว) สาระการแนะแนวที่ 2 การวางแผนด้านการศึกษา อาชีพ และสังคม ข้อ 2.2 นักเรียนสามารถคิดวิเคราะห์ตัดสินใจ แก้ปัญหาและวางแผน ด้านอาชีพ ผลการเรียนรู้ที่ 4 นักเรียนรู้ข้อมูลอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และวางแผนพัฒนาตนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ ๒. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด การมีเป้าหมายอาชีพ และการศึกษาข้อมูลแนวโน้มความต้องการอาชีพในอนาคตรวมถึงคุณลักษณะ ของบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ เป็นแนวทางในการพัฒนาผู้เรียน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่โลกของงานอาชีพ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ข้อมูลอาชีพที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการอาชีพในตลาดแรงงาน 3.2 คุณลักษณะของบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ 3.3 แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งานอาชีพ ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ความรู้(K) 4.1.1 ข้อมูลอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน 4.1.2 ข้อมูลอาชีพที่สนใจ 4.1.3 แนวโน้มความต้องการอาชีพในตลาดแรงงาน 4.1.4 คุณลักษณะของบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ 4.1.5 บอกแนวทางการพัฒนาคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งานอาชีพ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 4.2.1 บอกข้อมูลอาชีพที่สนใจ 4.2.2 บอกแนวโน้มความต้องการอาชีพในตลาดแรงงาน 4.2.3 บอกคุณลักษณะของบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ 4.2.4 บอกแนวทางการพัฒนาคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งานอาชีพ 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) ความตรงต่อเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม /การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม/ความรับผิดชอบ 57
ในการส่งใบกิจกรรม ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด ๕.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๖.๑ รักชาติ ๖.๒ ซื่อสัตย์สุจริต ๖.๓ มีวินัย ๖.๔ ใฝ่ความรู้ ๖.๕ อยู่อย่างพอเพียง ๖.๖ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๗ รักความเป็นไทย ๖.๘ มีจิตสาธารณะ 7. ชิ้นงาน / ภาระงาน 7.1 ใบงานเรื่อง คุณลักษณะของบุคคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ 7.2 ใบงานเรื่อง แบบสำรวจคุณลักษณะอาชีพของฉัน 7.3 ใบงานเรื่อง การวางแผนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่งานอาชีพ 8. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ชั่วโมงที่ 1 8.1 สนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับข้อมูลประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และแจกใบความรู้ เรื่องประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ให้นักเรียนศึกษา 8.2 แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ดังนี้ - เหตุใดจึงต้องจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน - นักเรียนต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรจึงจะสามารถแข่งขัน ในตลาดแรงงานของประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนได้ 8.3 ส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียน 8.3 ครูและนักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม ชั่วโมงที่ 2 8.5 ทบทวนความรู้เรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 8.6 แบ่งกลุ่มนักเรียนนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ครูแจกใบงานเรื่อง คุณลักษณะของบุคคคล ที่ตลาดแรงงานต้องการ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันระดมสมองตามประเด็นในใบงาน 8.7 ส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอการจัดตั้งบริษัท/กิจการที่กลุ่มสนใจ บอกจำนวนตำแหน่งงานที่ ต้องการ และ ระบุคุณสมบัติของบุคคลที่ต้องการหน้าชั้นเรียน 58
8.8 นักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมคุณลักษณะของบุคคลที่ตลาดแรงงานต้องการ ชั่วโมงที่ 3 8.9 ทบทวนความรู้เรื่องคุณลักษณะของอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการในปัจจุบัน 8.10 แจกใบงานเรื่อง แบบสำรวจคุณลักษณะอาชีพของฉัน ให้นักเรียนทุกคนและชี้แจง การทำใบงาน ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม ก่อนลงมือปฏิบัติ 8.11 เมื่อนักเรียนทำใบงานเสร็จ ให้นำคะแนนของกลุ่มสาขาอาชีพที่ได้จากการสำรวจมา จัดอันดับและบันทึกคุณลักษณะอาชีพและอาชีพที่นักเรียนอยากเป็นลงในใบงาน 8.12 ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า คุณลักษณะอาชีพของนักเรียนสอดคล้องกับความ ต้องการของตลาดแรงงานหรือไม่ ถ้าไม่ จะต้องทำอย่างไร 8.13 ครูและนักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม ชั่วโมงที่ 4 8.14 ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมตั้งแต่ชั่วโมงที่ 1-3 8.15แจกใบความรู้เรื่องเส้นทางการศึกษาสู่อาชีพ และใบงานเรื่อง การวางแผนเพื่อเตรียม ตัวเข้าสู่งานอาชีพ ให้นักเรียนทุกคน ครูอธิบายวิธีการทำใบงาน ให้นักเรียนซักถามแล้วจึงทำใบงาน 8.16 ขออาสาสมัครออกมานำเสนอการวางแผนคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งาน อาชีพ 8.17 ครูและนักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม 9. สื่อการสอน/ใบความรู้/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 ใบความรู้เรื่อง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) 9.2 ใบความรู้เรื่อง เส้นทางการศึกษาสู่อาชีพ 9.3 สื่อสังคมออนไลน์ ๑0. การวัดและประเมินผล 10.1 วิธีการประเมิน 10.1.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 10.1.2 ตรวจใบงาน 10.2 เกณฑ์การประเมิน 10.2.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้ ผ่าน มีความตั้งใจร่วมกิจกรรม ให้ความร่วมมือกับกลุ่มในการอภิปรายแสดงความ คิดเห็น และส่งงานตามกำหนด ไม่ผ่าน ไม่ให้ความร่วมมือกับกลุ่ม หรือ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 59
10.2.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้ ผ่าน บอกแนวทางวางแผนพัฒนาคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งานอาชีพ ไม่ผ่าน ไม่สามารถบอกแนวทางวางแผนพัฒนาคุณลักษณะของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่งาน อาชีพ 60
บันทึกหลังสอนแผนการจัดกิจกรรมที่ 4 ๑. ผลการสอนระดับชั้น ม. 4/...... สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ตามแผนการจัดการเรียนรู้เนื่องจาก.................................................................................... ๒. สรุปผลการเรียนการสอน ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ๓. ปัญหา อุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ไม่เหมาะสมกับเวลา นักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรม ไม่ทันตามเวลาที่กำหนด มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ............................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปปรับปรุง เรื่อง............................................................................... แนวทางการแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ อื่น ๆ ลงชื่อ..............................................ผู้สอน (นางสาวอังคณา แก้วเล็ก) ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................ ลงชื่อ............................................ (นางสุรีวัลย์ วรรณรัศมี ) ความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ .................................................................................... ................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางสาวณัฐิญา คาโส) ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงาน วิชาการ .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) 61
ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมอาชีพของฉัน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใบความรู้เรื่อง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ความเป็นมา อาเซียน หรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 มีประเทศสมาชิกรวม 10 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ บูรไน ดารุสซาลาม กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม วัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community เป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมอาเซียให้เป็นตลาดและฐานผลิตร่วมกัน มีการ เคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และการลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุนอย่างเสรี ภายในปี พ.ศ.2558 (ค.ศ.2015) และได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้านหลักคือ 1) การเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วมกัน ให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือและเงินทุนอย่างเสรี 2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียนโดยส่งเสริมกรอบนโยบาย ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น กรอบนโยบายการแข่งขันของอาเซียน สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การขนส่งและเทคโนโลยีสารสนเทศ) เป็นต้น 3) การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก โดยการ สนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และส่งเสริมโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการริเริ่มการ รวมกลุ่มของอาเซียน เป็นต้น 4) การบูรณาการการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของ อาเซียนที่มีต่ อาเซียนที่มีต่อประเทศภายนอกภูมิภาค เช่น การจัดทำเขตการค้าเสรี และการสร้างเครือข่ายด้านการผลิตและ จำหน่าย ผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าต่อตลาดแรงงานไทย ประเทศสมาชิกอาเซียนได้รวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อ จัดตั้งเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีเป้าหมายส่งเสริมอาเซียนให้เป็นตลาดเดียว และฐานการผลิตร่วมกัน ให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุนอย่างเสรี 62
ภายใน ปี พ.ศ.2558 (ค.ศ.2015) การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีค.ศ.2015 จะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคมีความ เข้มแข็ง เพราะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นแหล่งการลงทุนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดันที่ 3 โดยเป็นรองจากจีน และอินเดีย เท่านั้น ประเทศไทยในฐานะสมาชิกของอาเซียนได้รับประโยชน์จากการค้ากับ ประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มสูงขึ้นโดยจาก หนึ่งล้านล้านบาทในปีค.ศ.2000 เป็น สองล้านล้านบาทในปี ค.ศ. 2009 การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดแรงงานไทย และ สร้างโอกาสการมีงานทำแก่แรงงานไทยมากขึ้น การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีเฉพาะแรงงานฝีมือเท่านั้น เริ่มต้นที่ 7 อาชีพ ปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (MRAs) ใน 7 สาขาด้วยกันคือ วิศวกรรม พยาบาล สถาปัตยกรรม การสำรวจ แพทย์ ทันตแพทย์ และนักบัญชี ส่วนสาขาอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่าง พิจารณา ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานไทยคือ จำกัดอยู่ในกลุ่มแรงงานฝีมือ ฉะนั้น ตลาดแรงงานไทยจึง ได้รับผลกระทบไม่มากนัก โดยด้านบวกคือ ตลาดแรงงานใหญ่ขึ้น ทำให้แรงงานไทยมีโอกาสได้งานทำมากขึ้น ส่วนด้านลบคือ มีการแข่งขันโดยแรงงานจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมากขึ้น ทั้งนี้ ผลกระทบดังกล่าวจะ เป็นด้านบวก หรือด้านลบมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของแรงงานในแต่ละประเทศ และยังมีเวลาที่จะ เตรียมความพร้อมของแรงงานไทยในการพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องเร่งพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในด้านการ ส่งออก โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง เช่น สาขาผลิตภัณฑ์ อาหาร ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่ง ทอและเครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์เกษตร ผลิตภัณฑ์ประมง โลจิสติกส์ รวมถึงสาขา บริการ อาทิสาขาการท่องเที่ยว สาขาการบิน การบริการสาขาสุขภาพ และสาขา เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น ผลการวิจัยชี้นักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นเยาวชนของไทย ยังไม่ทราบเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี จากการสำรวจของกรมการจัดหางาน โดยกองวิจัยตลาดแรงงาน เรื่อง ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมอาเซียน : ศึกษาเฉพาะกรณีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายในกรุงเทพมหานคร จำนวน 736 คน ผลปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 99.46 ยังไม่ ทราบเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมอาเซียน มีเพียงร้อยละ 0.54 เท่านั้น ที่มีความรู้ ความ เข้าใจ ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อเตรียมความ 63
พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานเสรี ซึ่งจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็เป็นการขยายตลาด สำหรับแรงงานไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย นักเรียน นักศึกษา ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง นักเรียน นักศึกษา จึงควรที่ นักเรียน นักศึกษา จึงควรที่จะเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ สำหรับ ใช้ในการสื่อสาร และการทำงาน รวมทั้ง ความรู้ด้านวิชาการในแขนงต่าง ๆ และสำหรับสาขาวิชาหลัก ที่ได้มี การจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกันแล้ว 7 สาขา คือ วิศวกรรม พยาบาล สถาปัตยกรรม การสำรวจ แพทย์ ทันตแพทย์ และนักบัญชีเป็นสาขาที่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์มาก่อน ส่วนสาขา อาชีพอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ดังนั้น นักเรียน นักศึกษา ควรให้ความสนใจ และวางพื้นฐานของ ตนเองให้ดี มีความพร้อม ที่จะหางานทำ ภายหลังสำเร็จการศึกษาแล้ว เพราะไม่ พราะไม่ เพียงแต่ทำงานในประเทศเท่านั้น หากยังสามารถทำงานในต่างประเทศได้อีกด้วย อ้างอิง : กองวิจัยตลาดแรงงาน ฝ่ายวิเคราะห์ตลาดแรงงาน. เงื่อนไขเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมอาเซียน, กรุงเทพฯ : กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน, 2553 64
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรม อาชีพของฉัน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน...............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... แบบสำรวจคุณลักษณะอาชีพของฉัน ข้อมูลประกอบการพิจารณาคุณลักษณะอาชีพ จำแนกตาม ISCED (International Standard Classification of Education) เป็น 10 กลุ่มสาขาวิชา ตอนที่ 1 ให้นักเรียนพิจารณาว่านักเรียน มีคุณลักษณะอาชีพ สิ่งต่อไปนี้มาก น้อยเพียงใด ข้อที่ ข้อความ มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) คะแนน รวม 1 มีความสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่เยาวชนหรือบุคคลได้ 2 ชอบดูแล แนะนำให้เพื่อน หรือ คนใกล้ชิด มีคุณธรรม 3 ชอบให้บริการข้อมูลทางการศึกษาแก่บุคคลทั่วไป 4 ชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆ ของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 5 มีความสามารถวิเคราะห์ วิจัยเหตุการณ์ในอดีต และปัจจุบันได้ 6 ชอบรวบรวมข้อมูล เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ 7 มีความสามารถและถนัดทางศิลปะ 8 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รักอิสระ 9 รักความสวยงามและธรรมชาติ 10 ซื่อสัตย์ รักษาความยุติธรรม 11 มีความสามารถจดจำระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ได้ 12 มีลักษณะเป็นผู้นำ บุคลิกภาพดี 13 มีความสนใจศึกษาชีวิตมนุษย์ สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม 14 ชอบช่วยเหลือสังคม กล้าแสดงความคิดเห็น 15 มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีจิตใจโอบอ้อมอารี 16 มีความละเอียด รอบคอบ สุขุม 17 สนใจข่าวสารและเศรษฐกิจ 18 มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ และสถิติ 19 มีความสามารถใช้ เขียน ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ 20 มีทักษะในการสื่อสารทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ 21 มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ชอบสมาคม 22 รักและสนใจความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ในเรื่องปัจจัยสี่ 23 มีศิลปะในการปรุงอาหารได้อร่อย และน่ารับประทาน 24 ชอบออกแบบเสื้อผ้าการแต่งกาย 65
ข้อที่ ข้อความ มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) คะแนน รวม 25 ชอบค้นคว้าทดลอง ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ 26 ช่างสังเกต ละเอียด รอบคอบ 27 ใฝ่หาความรู้กับวิทยาการใหม่ ๆ เสมอ 28 มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 29 ชอบใช้เหตุผลมากกว่าการจินตนาการ 30 มีความสามารถในการดูแล เอาใจใส่ ส่งเสริมให้บุคคลมีสุขภาพดี 31 มีความสามารถทางคณิตศาสตร์โดยเฉพาะฟิสิกส์ มีทักษะทาง มิติ สัมพันธ์ 32 ชอบทำงานที่เป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม 33 มีความสามารถงานก่อสร้าง ซ่อมแซมสิ่งก่อสร้าง อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ 34 มีความสามารถและมีพื้นฐานศิลปะ มีความคิดริเริ่ม 35 มีความคิดในลักษณะที่เป็นตรรกศาสตร์การคิดหาเหตุผล 36 มีความสามารถในการออกแบบสร้างอาคารสถานที่ 37 รักธรรมชาติ ชอบทำงานใช้กำลัง ทำงานกลางแจ้งได้ 38 ชอบการผจญภัย ไม่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตมากนัก 39 ชอบงานด้านการเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ ประมง 40 มีความเป็นผู้นำ อดทน เสียสละ 41 สนใจเอาใจใส่ความเปลี่ยนแปลงรอบตัว 42 มีความต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุข คะแนนคุณลักษณะอาชีพ ที่ได้อับดับ 1 กลุ่มสาขาอาชีพ..................................... บันทึกคุณลักษณะอาชีพของฉัน คุณลักษณะอาชีพของฉัน อาชีพที่ฉันอยากเป็น คะแนนคุณลักษณะอาชีพ ที่ได้อับดับ 2 กลุ่มสาขาอาชีพ..................................... บันทึกคุณลักษณะอาชีพของฉัน คุณลักษณะอาชีพของฉัน อาชีพที่ฉันอยากเป็น 66
สรุปผลการสำรวจตนเองคุณลักษณะอาชีพของฉัน กลุ่มสาขาอาชีพ อาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา คุณลักษณะ อาชีพ ข้อ คะแนน รวม ค่า เฉลี่ย* ระดับ คุณภาพ 1. กลุ่มสาขาวิชา สังคมศาสตร์และการ ฝึกหัดครู ครู อาจารย์ นักบริหารการศึกษา นักวิชาการ ศึ กษ า นั ก แน ะแน ว เจ้าห น้ าที่ ฝึ ก อ บ รม เจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษา บรรณารักษ์ นักดนตรี นักสันทนาการ นักจิตวิทยา นักโภชนาการ ฯลฯ 1-3 2. กลุ่มสาขาวิชา มนุษย์ศาสตร์ ศาสนา และ เทววิทยา ครู อาจารย์ นักวิชาการศึกษา นักภาษาศาสตร์ นักประพันธ์ มัคคุเทศก์ ล่าม บรรณาธิการ นั ก โบ ราณ ค ดี บ รรณ ารักษ์ เล ขานุ การ ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ ฯลฯ 4-6 3. กลุ่มสาขาวิชา วิจิตรศิลป์และ ประยุกต์ศิลป์ ช่างศิลป์ ช่างภาพ นักแต่งเพลง นักปฏิมากร จิตร กร มัณฑนากร นักออกแบบ เจ้าหน้าที่โสตทัศน ศึกษา นักวิชาการ ฯลฯ 7-9 4. กลุ่มสาขาวิชา นิติศาสตร์ ทนายความ นิติกร ตำรวจ นักการเมือง เจ้าหน้าที่สรรพกร ผู้พิพากษา อัยการ เจ้าหน้าที่ สินเชื่อ เจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน เจ้าหน้าที่แรงงาน สัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ที่ดิน ที่ปรึกษากฎหมาย ฯลฯ 10-12 5. กลุ่มสาขาวิชา สังคมศาสตร์ 5.1 สาขาวิชา สังคมศาสตร์ และ พฤติกรรมศาสตร์ นั ก สั งค ม สงเค ราะห์ นั ก สังค ม วิท ย าแ ล ะ มานุษยวิทยา นักจิตวิทยา นักวิเคราะห์นโยบาย และแผน เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม มัคคุเทศก์ ผู้สื่อข่าว นักบริหารงานบุคคล เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ปลัดอำเภอ ฯลฯ 13-15 5.2 สาขาการ บริหารพาณิชยการ และบริหารธุรกิจ นักธุรกิจ นายธนาคาร นักวิจัย ตลาด ผู้ขายประกัน พนักงานขาย เจ้าหน้าที่วัสดุ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ นโยบายและแผน เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่การ คลัง สรรพากร สมุห์บัญชี พนักงานคุมสต๊อกสินค้า โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ 16-18 5.3 สาขาวิชา สื่อสารมวลชนและ การเอกสาร นักประชาสัมพันธ์ นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ พิธีกร ผู้ผลิตภาพยนตร์ ฯลฯ 19-21 67
สรุปผลการสำรวจ (*ค่าเฉลี่ย = คะแนนรวม หารด้วย 3) การตรวจคะแนน มากที่สุด = 5, มาก = 4, ปานกลาง = 3, น้อย = 2, น้อยที่สุด = 1 การแปลความระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพตามจุดหมายของหลักสูตร จัดระดับเป็น 5 ระดับ โดยใช้ช่วงคะแนนเฉลี่ย ดังนี้ ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนนเฉลี่ย มากที่สุด 4.21-5.00 มาก 3.41-4.20 ปานกลาง 2.61-3.40 น้อย 1.81-2.60 น้อยที่สุด 1.00-1.80 กลุ่มสาขาอาชีพ อาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา คุณลักษณะ อาชีพ ข้อ คะแนน รวม ค่า เฉลี่ย* ระดับ คุณภาพ 5.4 สาขาวิชา คหกรรมศาสตร์ นักโภชนาการ นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ฯลฯ 22-24 6.กลุ่มสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ นักเคมีปฏิบัติ นักฟิสิกส์ นัก คณิ ตศ าสตร์ นั กอุตุ นิ ยมวิทยา เจ้าห น้ าที่ คอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ นัก นิเวศวิทยา นักวิเคราะห์วิจัย ฯลฯ 25-27 7.กลุ่มสาขาวิชา แพทยศาสตร์และวิชา ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อนามัย แพทย์ สัตวแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ เจ้าหน้าที่รังสี เทคนิค นักกายภาพบำบัด นักจิตเวช เจ้าหน้าที่ สาธารณสุข ฯลฯ 28-30 8. กลุ่มสาขาวิชา วิศวกรรมศาสตร์ 8.1 วิศกรรมศาสตร์ วิศวกร ผู้ควบคุมการก่อสร้าง โฟร์แมน ช่างเขียนแบบ ช่างเทคนิค 31-33 8.2สถาปัตยกรรม ศาสตร์และผังเมือง สถาปนิก นักออกแบบ 34-36 9.กลุ่มสาขาวิชา เกษตรศาสตร์ วน ศาสตร์ และการ ประมง เกษตรกร นักวิชาการเกษตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ นักการประมง เจ้าหน้าที่เกษตรและสหกรณ์ นักจัดสวน นักปศุสัตว์ เจ้าของฟาร์มพืช หรือสัตว์ฯลฯ 37-39 10.กลุ่มสาขาวิชา อื่นๆ ได้แก่ อาชญา วิทยา สวัสดิการสังคม นักกีฬา นักสังคมสงเคราะห์พัฒนากร 40-42 68
ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรม อาชีพของฉัน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใบความรู้เรื่อง เส้นทางการศึกษาสู่อาชีพ การศึกษาในระดับอุดมศึกษา แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ มากมาย ควรจะวางแผนการศึกษาให้ สอดคล้องกับเป้าหมายในการประกอบอาชีพ ข้อมูลประกอบการพิจารณาแนวทางการศึกษาในสาขาวิชาต่างๆ นี้ จำแนกตาม ISCED (International Standard Classification of education) เป็น 10 กลุ่มสาขาวิชา ดังนี้ 1. กลุ่มสาขาวิชาสังคมศาสตร์และการฝึกหัดครู คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้ : คณะศึกษาศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาที่เปิดสอน : การศึกษาปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา อุดมศึกษา การศึกษานอกโรงเรียน เทคโนโลยีการศึกษา การบริหารการศึกษา การบริหารอาชีวศึกษา การวัดและ ประเมินผลการศึกษา พลศึกษา ดนตรีศึกษา คหกรรมศาสตร์ศึกษา ศิลปศึกษา จิตวิทยา บรรณารักษ์ ศิลปะอุตสาหกรรม ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : มีความรู้ด้านภาษา สังคมศึกษา และวิชาอื่นๆ ที่ตนเลือกศึกษาในกลุ่มนี้ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : เป็นผู้ใฝ่ศึกษา มีใจรักการเป็นครู มีอุดมคติ รักเด็ก มีคุณธรรม เมตตากรุณา มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ได้ดี ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีบุคลิกภาพที่เป็นแบบอย่างที่ดี ลักษณะอาชีพ : การถ่ายทอดความรู้แก่เยาวชนหรือบุคคล ดูแล แนะให้เด็กมีคุณธรรม ประเมินผล การเรียนการสอน บริหาร และบริการเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา ตำแหน่งหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : ครู อาจารย์ นักบริหารการศึกษา นักวิชาการศึกษา นักแนะแนว เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม เจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษา บรรณารักษ์ นักดนตรี นักสันทนาการ นักจิตวิทยา นักโภชนาการ ฯลฯ 2. กลุ่มสาขาวิชามนุษย์ศาสตร์ศาสนา และเทววิทยา คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะอักษรศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะ ศิลปะศาสตร์ คณะโบราณคดี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาที่เปิดสอน : ภาษาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมัน ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ บรรณารักษ์ ปรัชญา ศาสนา เทววิทยา โบราณคดี อังกฤษเพื่อวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : มีความรู้ในวิชาสังคมศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความสามารถและทักษะทางภาษา รักการอ่าน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มั่นใจตัวเอง ละเอียดรอบคอบ มีความพากเพียร สนในการเปลี่ยนแปลงในศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ลักษณะอาชีพ : เป็นงานที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆ ของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิเคราะห์ วิจัยเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : ครู อาจารย์ นักวิชาการศึกษา นักภาษาศาสตร์ นักประพันธ์ มัคคุเทศก์ ล่าม บรรณาธิการ นักโบราณคดี บรรณารักษ์ เลขานุการ เจ้าหน้าที่ ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ ฯลฯ 69
3. กลุ่มสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะวิจิตรศิลป์คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ คณะมัณฑนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะโบราณคดี คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาวิชาที่เปิดสอน : ทัศนศิลป์ นิเทศศิลป์ นฤมิตศิลป์ นาฎศิลป์ ดุริยางคศิลป์ ศิลปะไทย ศิลปะภาพถ่าย ศิลปะประยุกต์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ การออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา จิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ความรู้พื้นฐาน : มีความรู้ดีในวิชาภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี (ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ) บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความสามารถและถนัดทางศิลปะ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รักอิสระ ไม่ ชอบเลียนแบบใคร รักความสวยงามและธรรมชาติ มีความละเอียดอ่อน ลักษณะอาชีพ : เป็นงานเกี่ยวกับศิลปะประดิษฐ์ เสนอแนวคิดด้านศิลปะ เป็นการแสดงออกเฉพาะ บุคคลในด้านศิลปะแขนงต่างๆ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : ช่างศิลป์ช่างภาพ นักแต่งเพลง นักปฏิมากร จิตรกร มัณฑนากร นักออกแบบ เจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษา นักวิชาการ ครู อาจารย์ ฯลฯ 4. กลุ่มสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะนิติศาสตร์ สาขาวิชาที่เปิดสอน : กฎหมาย กฎหมายมหาชน กฎหมายเอกชน กฎหมายอาญา กฎหมายธุรกิจ กฎหมายที่ดินและทรัพย์สิน กฎหมายระหว่างประเทศ บริหารกฎหมาย ความรู้พื้นฐาน : ภาษาไทย ภาษาต่างๆ สังคมศึกษา และคณิตศาสตร์ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีลักษณะผู้นำ บุคลิกภาพดี ชอบสังคม มนุษย์สัมพันธ์ดี จดจำระเบียบ แม่นยำ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ รักษาความยุติธรรม มีเหตุผล กล้าแสดงความคิดเห็น มีความมั่นใจในตนเอง ลักษณะอาชีพ : เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคล องค์การด้านกฎหมายและระเบียบต่างๆ คดีแพ่ง คดีอาญา ให้คำแนะนำปรึกษากฎหมาย พิพากษา อรรถคดี ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : ทนายความ นิติกร ตำรวจ นักการเมือง เจ้าหน้าที่ สรรพกร ผู้พิพากษา อัยการ เจ้าหน้าที่สินเชื่อ เจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน เจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ ที่ดิน ครู อาจารย์ ที่ปรึกษากฎหมาย ฯลฯ 5. กลุ่มสาขาวิชาสังคมศาสตร์ 5.1 สาขาวิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะวิชาสังคมศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ ศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะศิลปะศาสตร์ คณะ รัฐศาสตร์ คณะสถิติประยุกต์ คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สาขาวิชาที่เปิดสอน : ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ กฎหมาย การเมืองการปกครอง พัฒนาชุมชน จิตวิทยา เทคโนโลยีสังคม สัมมนาสังคม บรรณารักษ์ศาสตร์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวิเคราะห์ และวางแผนทางสังคม ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ 70
บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความสนใจศึกษาชีวิตมนุษย์ สังคม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม มีทักษะทางภาษาทั้งการเขียน การพูด ชอบช่วยเหลือสังคม กล้าแสดงความคิดเห็น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีจิตใจโอบอ้อมอารี ลักษณะอาชีพ : วางแผนสำรวจวิจัยข้อมูลต่างๆ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง จิตวิทยา และสังคม วิทยา เผยแพร่ข่าวสารสู่ประชาชน ศึกษาวิจัยชีวิตมนุษย์ด้านสังคม สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักสังคมสงเคราะห์ นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา นักจิตวิทยา นักวิเคราะห์นโยบายและแผน เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม มัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ผู้สื่อข่าว ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ปลัดอำเภอ นักบริหารงานบุคคล ฯลฯ 5.2 สาขาการบริหารพาณิชยการ และบริหารธุรกิจ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ คณะ สังคมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาที่เปิดสอน : บัญชี การเงินการธนาคาร การบริหารธุรกิจ การจัดการ การบริหารงานบุคคล การเลขานุการ สถิติ การสหกรณ์ การท่องเที่ยว การโรงแรม การตลาด การตลาดระหว่างประเทศ เทคโนโลยี การสนเทศทางธุรกิจ พาณิชย์นาวี ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : คณิตศาสตร์สถิติ ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ สังคมศึกษา บุคลิกภาพที่เหมาะสม : เป็นคนคล่องตัวเชิงธุรกิจ มีความสามารถในการวางแผน ฉลาดเฉลียว มีไหว พริบ สนใจข่าวสารและเศรษฐกิจ มีความละเอียด รอบคอบ สุขุม ขยันหมั่นเพียร กล้าตัดสินใจ เชื่อมั่นตนเอง มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ และสถิติ ลักษณะอาชีพ : วางแผน ดำเนินธุรกิจ ติดต่อประสานงาน ปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ในองค์กรด้านธุรกิจ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักธุรกิจ นายธนาคาร นักวิจัย ตลาด ผู้ขายประกัน พนักงานขาย เจ้าหน้าที่วัสดุ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่การคลัง สรรพากร สมุห์บัญชี พนักงานคุมสต๊อกสินค้า โปรแกรมเมอร์ ครูอาจารย์ ฯลฯ 5.3 สาขาวิชาสื่อสารมวลชนและการเอกสาร คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะนิเทศศาสตร์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน คณะ มนุษยศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาที่เปิดสอน : หนังสือพิมพ์ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา วิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ภาพถ่าย งานสารนิเทศ บรรณารักษ์ วาทศิลป์ การสื่อสาร ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความสามารถทางภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ มีทักษะในการสื่อสาร มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าแสดงความคิดเห็น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ชอบสมาคม ช่างสังเกต สนใจข่าว รอบตัว ลักษณะอาชีพ : บริหารงานเอกสาร เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารทางสื่อต่าง ๆ นำเสนอข่าว สารคดี ภาพยนตร์ ละคร ผลิตงานโฆษณา ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักประชาสัมพันธ์ นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ พิธีกร ผู้ผลิตภาพยนตร์ ครู อาจารย์ ฯลฯ 71
5.4 สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะศึกษาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ คณะคหกรรมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาที่เปิดสอน : คหกรรมศาสตร์ พัฒนาการเด็กและครอบครัว โภชนาการชุมชน ความรู้พื้นฐาน : สุขศึกษา สังคมศึกษา ภาษาไทย บุคลิกภาพที่เหมาะสม : เป็นผู้รักและสนใจความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ในเรื่องปัจจัยสี่ เช่น ที่อยู่ เสื้อผ้า ยารักษาโรค อาหาร มีศิลปะในการปรุงอาหาร หรือการแต่งกาย ลักษณะอาชีพ : ให้ความรู้ในเรื่องโภชนาการ สามารถดำเนินธุรกิจด้านการประกอบอาหาร การ ออกแบบเครื่องแต่งกายและตัดเย็บเสื้อผ้า การดูแลเด็ก และให้ความรู้เรื่องพัฒนาการเด็ก ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักโภชนาการ นักออกแบบเครื่องแต่งกาย นักจิตวิทยา ครู อาจารย์ ฯลฯ 6. กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานและวัสดุ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม ทรัพยากรธรรมชาติ สาขาวิชาที่เปิดสอน : เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ สถิติ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุศาสตร์ รังสีประยุกต์และไอโซโทป ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา และภาษาอังกฤษ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีสติปัญญาดี สนใจงานด้านวิทยาศาสตร์ ชอบใช้ปัญญามากกว่าแรงงาน ช่างสังเกต ละเอียด รอบคอบ ชอบค้นคว้าทดลอง ใฝ่หาความรู้กับวิทยาการใหม่ ๆ เสมอ ไม่ชอบเลียนแบบ สังคม เชื่อมั่นในตนเอง ลักษณะอาชีพ : เป็นงานวิทยาศาสตร์ ค้นคว้า ศึกษาทดลอง วิเคราะห์ วิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตาม ธรรมชาติ หรือในห้องปฏิบัติการ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักวิทยาศาสตร์ นักเคมีปฏิบัติ นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยา เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ นักนิเวศวิทยา นักวิเคราะห์วิจัย ครู อาจารย์ ฯลฯ 7. กลุ่มสาขาวิชาแพทยศาสตร์และวิชาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: แพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ สัตวแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ เวชศาสตร์เขตร้อน คณะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาที่เปิดสอน : การแพทย์ การพยาบาล กายภาพบำบัด รังสีเทคนิค โภชนวิทยา อนามัย ชุมชน จิตวิทยาคลินิก ทันตกรรม เภสัชกรรม สัตวแพทย์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : เป็นกลุ่มคนที่มีสติปัญญาดี ใช้เหตุผลมากกว่าการจินตนาการ มี ความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ กล้าตัดสินใจ ใจคอหนักแน่น มีจรรยาบรรณวิชาชีพ สุขภาพจิตดี ไม่พิการทางร่างกาย มีจริยธรรม ลักษณะอาชีพ : ศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย ทดลอง ตรวจวินิจฉัย ให้บริการทางการแพทย์และ วิทยาศาสตร์ บำบัดโรคภัยของมนุษย์ ตลอดจนส่งเสริมป้องกันให้บุคคลมีสุขภาพดี 72
ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : แพทย์ สัตวแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ เจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค นักกายภาพบำบัด นักจิตเวช เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู อาจารย์ 8. กลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ 8.1 วิศกรรมศาสตร์ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: วิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะพลังงานและวัสดุ สาขาวิชาที่เปิดสอน : วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมโลหการ วิศวกรรมสื่อสาร วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเกษตร วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมเคมี วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม ความรู้พื้นฐาน : คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ภาษาอังกฤษ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : สติปัญญาดี มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ ฟิสิกส์ มีทักษะทางมิติสัมพันธ์ ชอบทำงานที่เป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม ชอบประดิษฐ์คิดค้น ไม่ชอบสังคม อดทน ละเอียดรอบคอบ มีความมั่นใจในตนเอง มีความคิดริเริ่ม ซื่อสัตย์ ลักษณะอาชีพ : เป็นงานด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เกี่ยวข้องกับการออกแบบวางแผน ควบคุมการก่อสร้าง ผลิต การซ่อมแซมสิ่งก่อสร้าง อุปกรณ์ต่าง ๆ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : วิศวกร ผู้ควบคุมการก่อสร้าง โฟร์แมน ช่างเขียนแบบ ช่างเทคนิค ครู อาจารย์ 8.2 สถาปัตยกรรมศาสตร์และผังเมือง คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะพัฒนาเศรษฐกิจ สาขาวิชาที่เปิดสอน : สถาปัตยกรรม เคหการ สถาปัตยกรรมภายใน การออกแบบชุมชนเมือง ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม ฯลฯ ความรู้พื้นฐาน : คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ภาษาอังกฤษ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความสามารถและมีพื้นฐานศิลปะ รักศิลปะ มีความคิดริเริ่มและ จินตนาการ มีความคิดในลักษณะที่เป็นตรรกศาสตร์ สามารถถ่ายทอดเป็นภาพและรูปธรรมที่เห็นได้ มีจรรยาบรรณวิชาชีพ ลักษณะอาชีพ : ออกแบบสร้างอาคารสถานที่ พัฒนาผังเมือง ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : สถาปนิก นักออกแบบ ครู อาจารย์ 9. กลุ่มสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ วนศาสตร์ และการประมง คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: คณะเกษตรศาสตร์ คณะประมง คณะวนศาสตร์ คณะเทคโนโลยี เกษตร คณะอุตสาหกรรมการเกษตร สาขาวิชาที่เปิดสอน : เกษตรกลวิธาน กีฏวิทยา โรคพืช ปฐพีวิทยา พืชไร่ พืชสวน สัตวบาล นิเทศการเกษตร ส่งเสริมการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นิเทศการเกษตร ส่งเสริมการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ความรู้พื้นฐาน : ชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ บุคลิกภาพที่เหมาะสม : รักธรรมชาติ ชอบทำงานใช้กำลัง ทำงานกลางแจ้งได้ อารมณ์เยือกเย็น รักอิสระ สันโดษ ชอบการผจญภัย ไม่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตมากนัก สุขภาพแข็งแรง อดทน ขยันขันแข็ง 73
ลักษณะอาชีพ : ศึกษา สังเกต วิเคราะห์ วิจัย ผลิต ป้องกัน ส่งเสริม เผยแพร่ จัดการ อนุรักษ์ และ แปรรูปผลิตผลด้านการเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ ประมง และป่าไม้ ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : เกษตรกร นักวิชาการเกษตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ นักการ ประมง เจ้าหน้าที่เกษตรและสหกรณ์ นักจัดสวน นักปศุสัตว์ เจ้าของฟาร์มพืช หรือสัตว์ ฯลฯ 10. กลุ่มสาขาวิชาอื่นๆ ได้แก่ อาชญาวิทยา สวัสดิการสังคม นาวิกศาสตร์ ฯลฯ คณะที่เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชานี้: วิทยาศาสตร์ พลศึกษา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และรัฐศาสตร์ สาขาวิชาที่เปิดสอน : สังคมสงเคราะห์ศาสตร์สังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ สังคมสงเคราะห์ทางการศึกษา สังคมสงเคราะห์ในกระบวนการยุติธรรม พลศึกษา สันทนาการ สิ่งแวดล้อม อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม สวัสดิการแรงงาน ความรู้พื้นฐาน : พื้นฐานแตกต่างไปตามสาขาวิชา บุคลิกภาพที่เหมาะสม : มีความเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี กล้าหาญ อดทน เสียสละ เอาใจใส่ความ เปลี่ยนแปลงรอบตัว ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุข ลักษณะอาชีพ : ใช้ความรู้จากสาขาต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในงานที่เกี่ยวข้อง ตำแหน่งงานหรืออาชีพเมื่อสำเร็จการศึกษา : นักกีฬา นักสังคมสงเคราะห์พัฒนากร ครู อาจารย์ 74
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรม อาชีพของฉัน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน...............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง การวางแผนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่งานอาชีพ คำสั่ง ให้นักเรียนวางแผนพัฒนาคุณลักษณะของนักเรียน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ สถาบันที่ฉันเลือกเข้าศึกษาเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพที่ฉันอยากเป็น สถาบัน คณะ/สาขาวิชา คะแนนในการ Admissions กลาง จำนวนที่ รับ มุ่งสู่อาชีพ วิชาที่ใช้สอบ สูงสุด ต่ำสุด เฉลี่ย ที่อยากเป็น 1. 1. 2. 3. 4. 2. 1. 2. 3. 4. 3. 1. 2. 3. 4. สิ่งทนี่ักเรียนได้เรียนรู้จากกิจกรรมการวางแผนคุณลักษณะของตน เพื่อเตรียมเข้าสู่งานอาชีพ...................................................................... ............................................................................................................... อาชีพทฉี่ันอยากเป็น คือ............................................................................. คุณลักษณะอาชีพของฉัน คือ...................................................................... .................................................................................................................... .................................................................................................................... ตลาดแรงงานในอนาคตของอาชีพนีม้คีวามต้องการในระดับใด .................................................................................................................... 75
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชากิจกรรมแนะแนว รหัสวิชา ก31101 มัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้4 เรื่อง เครียด...ภัยใกล้ตัว ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖6 แผนการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง เครียดภัยใกล้ตัว เวลา 2 ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้(สาระการแนะแนว) สาระการแนะแนวที่ 3 การปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเหมาะสมและมีความสุข ข้อ 3.1 ผู้เรียนมีทักษะการจัดการกับอารมณ์และความเครียด ผลการเรียนรู้ที่ 5 นักเรียนรู้เท่าทันปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเอง และฝึกทักษะการแก้ไขปัญหา อย่างถูกวิธี ๒. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความเครียดเป็นภาวะอารมณ์ที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ การรู้เท่าทันอารมณ์และสาเหตุ ของความเครียดรวมทั้งการศึกษาวิธีการจัดการกับความเครียดจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตอย่างเหมาะสม ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาเหตุและผลกระทบของความเครียด 3.2 แนวทางการจัดการกับความเครียด ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ความรู้(K) 4.1.1 รู้และบอกสาเหตุของความเครียด 4.1.2 รู้และบอกแนวทางการจัดการกับกับความเครียด 4.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 4.2.1 มีแนวทางในการจัดการความเครียดและสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A)ฃ ความตรงต่อเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม /การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม/ความรับผิดชอบ ในการส่งใบกิจกรรม ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด ๕.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 76
๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๖.๑ รักชาติ ๖.๒ ซื่อสัตย์สุจริต ๖.๓ มีวินัย ๖.๔ ใฝ่ความรู้ ๖.๕ อยู่อย่างพอเพียง ๖.๖ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๗ รักความเป็นไทย ๖.๘ มีจิตสาธารณะ 7. ชิ้นงาน / ภาระงาน 7.1 ใบงานเรื่อง ความเครียดของฉัน 7.2 ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์ผล จากการสำรวจความเครียดของนักเรียน 7.3 ใบงานเรื่อง ของแดน 7.4 ใบงานเรื่อง แบบสำรวจการผ่อนคลายความเครียด 8. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ชั่วโมงที่ 1 8.1 ครูนำสนทนาเรื่องความเครียด โดยให้นักเรียน คิดถึงถ้อยคำที่แสดงถึงภาวะความเครียดและ แสดงท่าทางประกอบ 8.2 แจกใบงานเรื่อง ความเครียดของฉัน ให้นักเรียนทำ เมื่อทำเสร็จแล้วให้นำไปใส่ในกล่องที่ครู เตรียมไว้ 4 กล่อง โดยให้นักเรียนจัดประเภทความเครียดของตนเอง กล่องที่ 1 ความเครียดเรื่องการเรียน กล่องที่ 2 ความเครียดเรื่องความรัก กล่องที่ 3 ความเครียดเรื่องครอบครัว กล่องที่ 4 ความเครียดเรื่องอื่น ๆ 8.3 ครูสุ่มใบงานอ่านให้นักเรียนฟัง และให้ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น ในประเด็นต่อไปนี้ - สาเหตุของความเครียด - ผลกระทบของความเครียด - วิธีการจัดการกับความเครียด 8.4 แจกใบความรู้เรื่อง ความเครียด ให้นักเรียนศึกษา และครูอธิบายเพิ่มเติม 8.5 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรม (แนวทางในการสรุป ภาวะความเครียดเกิดขึ้นได้กับทุกคน ความเครียดเกิดความความคาดหวัง หรือความเป็นจริงไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการ ถ้าความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ ในระดับที่พอดี ก็จะส่งผลที่ช่วยให้เรามีความตื่นตัว กระตือรือร้น ในการทำงาน ถ้าความเครียดมีอยู่ในระดับ มาก ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจของเรา ในรูปของอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ) 8.6 แจกใบงานเรื่อง แบบวัดความเครียดสวนปรุง ชุด 20 ข้อ ครูอธิบาย และให้นักเรียนทำ 8.7 ให้นักเรียนตรวจคำตอบ ครูอธิบายและแปลผล 8.8 ครูเก็บแบบวัดความเครียดสวนปรุงที่นักเรียนแต่ละคนได้ทำและแปลผลจากคะแนนที่ได้ เรียบร้อยแล้ว 8.9 แจกใบงานเรื่อง การวิเคราะห์ผลจากการสำรวจความเครียด ของนักเรียน ให้นักเรียน สรุปผล จากการทำแบบวัดความเครียดสวนปรุง พร้อมกับวิเคราะห์สาเหตุ ของความเครียดและผลกระทบต่อ ตนเอง 8.10 ขออาสาสมัครนักเรียน อ่านใบงานของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน 77
ชั่วโมงที่ 2 8.11 ครูทบทวนการเรียนรู้จากชั่วโมงที่ผ่านมา 8.12 ขออาสาสมัคร 5 คน ครูแจกลูกโป่งให้นักเรียนคนละ 1 ใบ ให้แข่งขันกันเป่าลูกโป่งแตก 8.13 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ประเด็นต่อไปนี้ - รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลุกโป่งแตก - ลูกโป่งแตกเพราะเหตุใด - ถ้าไม่ต้องการให้ลูกโป่งแตกต้องทำอย่างไร - ลูกโป่งที่แตก เปรียบเทียบกับภาวะความเครียดของคนเราอย่างไร ฯลฯ 8.14 นักเรียนชม สื่อวีดีทัศน์ เรื่องของแดน และทำกิจกรรมตาม ใบงานเรื่องของแดน 8.15 นักเรียนออกมานำเสนอที่ละกลุ่ม และให้เพื่อน ๆ ร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติม 8.16 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมฃ 8.17 ครูซักถามนักเรียน เรื่องวิธีการการผ่อนคลายความเครียด ที่นักเรียนเคยใช้ในชีวิตจริง ให้ นักเรียนบอกเล่า 8.18 แจกใบงานเรื่อง แบบสำรวจการผ่อนคลายความเครียด ของนักเรียน ให้นักเรียนทำ และ ร่วมกันอภิปรายผล เน้นในเรื่องของเทคนิคการคลายเครียด ที่นักเรียนยังไม่รู้จัก และให้นักเรียนทำรายงาน เกี่ยวกับเทคนิคการคลายเครียด ด้วยวิธีต่าง ๆ 8.19 ครูนำเสนอวิธีการ ผ่อนคลายความเครียด ด้วยการทำสมาธิโดยให้นักเรียนฝึกประมาณ 10 นาที ดังนี้ - ให้นักเรียนนั่งในท่าที่ผ่อนคลาย - หลับตา - ครูเปิดสื่อวีดีทัศน์ เพลงเคลิ้ม เบา ๆ 8.20 ให้นักเรียนบอกเล่าความรู้สึกในขณะที่นั่งผ่อนคลาย 8.21 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม 8.22 หากมีเวลา อาจให้นักเรียนฝึกการคลายเครียดตามใบงาน จิตแจ่มใสคลายความเครียด 9. สื่อการสอน/ใบความรู้/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 ใบความรู้เรื่อง ความเครียด 9.2 แบบวัด ความเครียดสวนปรุง 9.3 เอกสาร เรื่อง Body Scan (เอกสารอ่านเพิ่มเติมสำหรับครู) 9.4 เอกสาร เรื่อง จิตแจ่มใสคลายความเครียด (เอกสารอ่านเพิ่มเติมสำหรับครู) 9.5 ลูกโป่ง 5 ใบ 9.6 กล่อง จำนวน 4 ใบ 9.8 สื่อวีดีทัศน์ เรื่อง ของแดน 1 และ 2 (จากชุดฝึกความเข้มแข็งทางใจ) ๑0. การวัดและประเมินผล 10.1 วิธีการประเมิน 10.1.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 10.1.2 ตรวจใบงานกระดาษคำตอบแบบทดสอบความถนัดทางการเรียน 78
10.2 เกณฑ์การประเมิน 10.2.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้ ผ่าน มีความตั้งใจร่วมกิจกรรม ให้ความร่วมมือในการอภิปรายแสดงความคิดเห็น การทำงาน กลุ่ม และส่งงานตามกำหนด ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 10.2.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้ ผ่าน ทำใบงานครบและถูกต้อง ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 79
บันทึกหลังสอนแผนการจัดกิจกรรมที่ 5 ๑. ผลการสอนระดับชั้น ม. 4/...... สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ตามแผนการจัดการเรียนรู้เนื่องจาก.................................................................................... ๒. สรุปผลการเรียนการสอน ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ๓. ปัญหา อุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ไม่เหมาะสมกับเวลา นักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรม ไม่ทันตามเวลาที่กำหนด มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ............................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปปรับปรุง เรื่อง............................................................................... แนวทางการแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ อื่น ๆ ลงชื่อ..............................................ผู้สอน (นางสาวอังคณา แก้วเล็ก) ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................ ลงชื่อ............................................ (นางสุรีวัลย์ วรรณรัศมี ) ความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ .................................................................................... ................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางสาวณัฐิญา คาโส) ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงาน วิชาการ .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) 80
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน..............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง ความเครียดของฉัน ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ เรื่องที่ทำให้ฉันเกิดความเครียด สาเหตุของความเครียด ความเครียดส่งผลกระทบ ต่อตัวฉันดังนี้ 81
ใบความรู้กิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ใบความรู้เรื่อง ความเครียด ในสภาพการณ์ปัจจุบัน มนุษย์ต้องมีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองสามารถดำรงตนและดำเนินชีวิตให้อยู่ในสังคม ปัจจุบัน และจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ในทุกๆด้านรวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใน การปฏิบัติงาน เพื่อให้ตนเองสามารถปฏิบัติงานในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวที่เกิดขึ้นอยู่ ตลอดเวลาจึงเป็นปัญหาก่อให้เกิดความเครียด(Stress) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เสมอกับมนุษย์ทุกๆ คนไม่มีใครสามารถ หลีกเลี่ยงได้ ความเครียดจึงเป็นปัญหาที่ได้รับการสนใจศึกษาในทุกสายอาชีพ เพื่อหาทางป้องกัน แก้ไข หรือให้เกิดผลกระทบ ต่อบุคคลหรือส่วนรวมให้น้อยที่สุด ความหมายของความเครียด ความเครียด หรือStress ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า“Stringers” ความเครียด คือ สภาวะจิตใจที่ขาดความ อดทน อดกลั้น และเต็มไปด้วยความคิดที่ไร้ประโยชน์ อันเนื่องมาจากความกดดันจากภาระหน้าที่การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ที่ขัดแย้ง รวมทั้งความไม่ถูกต้อง ความก้าวร้าวรุนแรง และสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นต้น สรุปได้ว่า“ความเครียด” เป็นการ ตอบสนองต่อสิ่งที่คุกคามหรือกดดัน ซึ่งแบ่งเป็น2 องค์ประกอบ คือ 1. องค์ประกอบด้านร่างกาย(Physiological Stress) เช่น เหงื่อแตก หายใจถี่ขึ้น กล้ามเนื้อเกร็ง ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปากแห้ง อึดอัดในท้อง กระเพาะอาหารปั่นป่วน เป็นต้น 2. องค์ประกอบด้านจิตใจ(Psychological Stress) แบ่งออกเป็น - ด้านพฤติกรรม เช่น ปากสั่น มือสั่น เสียงสั่น พูดเร็ว เดินตัวเกร็ง นอนไม่หลับ ฯลฯ - ด้านความคิด เช่น คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิ จำอะไรไม่ค่อยได้ - ด้านอารมณ์ เช่น อารมณ์กลัว วิตกกังวล เศร้า โกรธ คับข้องใจ เป็นต้น สาเหตุของความเครียด เกิดจากสาเหตุต่างๆดังนี้ 1. สาเหตุจากจิตใจ เช่น ความต้องการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจและกลัวว่าจะไม่ได้ดังที่ต้องการที่หวังไว้ จะทำให้คนๆ นั้นเกิดความเครียด เช่น กลัวสอบไม่ผ่าน กลัวทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ ปมด้อยต่างๆ ที่เกิดในจิตใจ เช่นตนไม่สวยอย่าง คนอื่น ตนไม่รวยเท่าคนอื่น ฯลฯ 2. สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงในชีวิตความเปลี่ยนแปลงต่างๆสถานการณ์ที่ทำให้คนเรามีความเครียด เช่น เมื่อต้อง เข้าโรงเรียนใหม่ เข้าทำงานใหม่ เมื่อต้องเปลี่ยนงาน ย้ายงาน ย้ายบ้าน ความตายของคนที่รัก ฯลฯ 3. สาเหตุจากความเจ็บป่วย เช่นการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่วๆไป การป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจโรคถุงลมโปร่ง พอง โรคเอดส์ ฯลฯ อาการที่แสดงว่าคุณเครียดแล้ว 1. ผลต่อร่างกาย อาการทางร่างกายอาจจะสังเกตได้โดยการเต้นของชีพจรเบาและเร็ว การหายใจถี่ขึ้น หายใจสั้น กล้ามเนื้อตึงเครียดทั้งบริเวณต้นคอ แขน ขา บางคนอาจมีอาการผุดลุกผุดนั่ง นั่งไม่ติดที่ ขบฟัน บดกราม อารมณ์เปลี่ยนแปลง ง่าย 2. ผลต่อจิตใจ ขาดสมาธิ ตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ยาก แม้ในเรื่องที่ง่าย หงุดหงิด มีความวิตกกังวล มีความกลัวโดยไร้ เหตุผล ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง 82
3. ผลต่อพฤติกรรม มีการรับประทานเพิ่มขึ้นหรือลดลงในบางคน มีการใช้ยามากขึ้น มีการกระตุกของกล้ามเนื้อ หรือมี อาการตาขยิบ บางคนชอบดึงผม กัดเล็บ กระทืบเท้า เรื่องการนอนอาจมากขึ้นหรือน้อยลง มีการดื่มเหล้า หรือใช้ยาเสพย์ติด มากขึ้น มีการก้าวร้าว ฯลฯ ผลกระทบของความเครียด เมื่อบุคคลเกิดความเครียดจะมีผลกระทบต่อสภาวะทั้งร่างกายและจิตใจดังนี้ 1. ความเครียดของกล้ามเนื้อ ได้แก่ พฤติกรรมสีหน้าเครียด ปวดกล้ามเนื้อ หนังตากระตุก กระวนกระวาย ใจสั่น สะดุ้ง และตกใจง่าย 2. ระบบประสาท ได้แก่พฤติกรรมเหงื่อออกมากผิดปกติ หัวใจเต้นแรงและเร็วมือเย็นและชื้น วิงเวียนศีรษะ ท้อง ปั่นป่วน รู้สึกหนาวๆร้อนๆ ปัสสาวะบ่อย ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ 3. เกิดความคิดคาดหวังผิดปกติ ได้แก่ พฤติกรรมวิตกกังวลเกิดความกลัวต่างๆ กระวนกระวาย และคิดคาดหวังว่าจะ เกิดเหตุเคราะห์ร้ายกับตนเองและหรือบุคคลใกล้ชิด 4. เกิดความไม่สบายใจ ได้แก่ ขาดสมาธินอนไม่หลับกระวนกระวายใจ (ที่มา : คู่มือคลายเครียดด้วยตนเองสำหรับวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข) 83
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน..............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงาน แบบวัดความเครียดสวนปรุง ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ในข้อใดที่เกิดขึ้นกับตัวคุณบ้าง Stress……… คำถามในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา ระดับของความเครียด ไม่รู้สึก 1 เล็กน้อย 2 ปานกลาง 3 มาก 4 มากที่สุด 5 1. กลัวทำงานพลาด 2. ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 3. ครอบครัวมีความขัดแย้งในเรื่องเงินทองหรือเรื่อง งานในบ้าน 4. เป็นกังวลเรื่องสารพิษ หรือมลภาวะในอากาศ น้ำ เสียง และดิน 5. รู้สึกว่าต้องแข่งขันหรือเปรียบเทียบ 6. เงินไม่พอใช้จ่าย 7. กล้ามเนื้อปวดตึง 8. ปวดหัวจากความตึงเครียด 9. ปวดหลัง 10. ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลง 11. ปวดหัวข้างเดียว 12. รู้สึกวิตกกังวล 13. รู้สึกคับข้องใจ 14. รู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด 15. รู้สึกเศร้า 16. ความจำไม่ดี 17. รู้สึกสับสน 18. ตั้งสมาธิลำบาก 19. รู้สึกเหนื่อยง่าย 20. เป็นหวัดบ่อย ๆ รวมคะแนน 84
คะแนน 0 – 23 เครียดระดับน้อย(mild stress) คะแนน 42 – 61 เครียดระดับสูง(height stress) คะแนน 24 – 41 เครียดระดับปานกลาง(moderate stress) คะแนน 62 ขึ้นไป เครียดระดับรุนแรง(severe stress) การแปลผล 1. ความเครียดในระดับต่ำ (Mild Stress) หมายถึงความเครียดขนาดน้อย ๆ และหายไปในระยะเวลา อันสั้นเป็นความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ความเครียดระดับนี้ไม่คุกคามต่อการดำเนินชีวิต บุคคลมี การปรับตัวอย่างอัตโนมัติ เป็นการปรับตัวด้วยความเคยชินและการปรับตัวต้องการพลังงานเพียงเล็กน้อยเป็น ภาวะที่ร่างกายผ่อนคลาย 2. ความเครียดในระดับปานกลาง (Moderate Stress) หมายถึง ความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิต ประจำวันเนื่องจากมีสิ่งคุกคาม หรือพบเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในสังคม บุคคลจะมีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาใน ลักษณะความวิตกกังวล ความกลัว ฯลฯ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่ว ๆ ไปไม่รุนแรง จนก่อให้เกิดอันตรายแก่ ร่างกาย เป็นระดับความเครียดที่ทำให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้น 3. ความเครียดในระดับสูง (Height Stress) เป็นระดับที่บุคคลได้รับเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความ เครียดสูง ไม่สามารถปรับตัวให้ลดความเครียดลงได้ในเวลาอันสั้นถือว่าอยู่ในเขตอันตราย หากไม่ได้รับการ บรรเทาจะนำไปสู่ความเครียดเรื้อรัง เกิดโรคต่าง ๆ ในภายหลังได้ 4. ความเครียดในระดับรุนแรง (Severe Stress) เป็นความเครียดระดับสูงที่ดำเนินติดต่อกันมา อย่าง ต่อเนื่องจนทำให้บุคคลมีความล้มเหลวในการปรับตัวจนเกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดแรง ควบคุมตัวเอง ไม่ได้ เกิดอาการทางกายหรือโรคภัยต่าง ๆ ตามมาได้ง่าย 85
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน..............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง การวิเคราะห์ผลจากการสำรวจความเครียดของนักเรียน 1. ผลจากการทำแบบวัดความเครียด นักเรียนได้คะแนน ...........คะแนน การแปลผล นักเรียนมีความเครียดอยู่ในระดับ...................... 2. ความเครียดของนักเรียนเกิดจากสาเหตุใดจงอธิบาย .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ 3. จงสำรวจดูว่าเมื่อนักเรียนเกิดความเคียดนักเรียนมีอาการอย่างนี้หรือไม่ อาการที่เกิดจากความเครียด มี ไม่มี 1. ปวดศีรษะ 2. นอนไม่หลับ 3. ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 4. ท้องผูก 5, มือเท้าเย็น 6. ใจสั่น 7. วิตกกังวล 8. ฟุ้งซ่าน 9. หลงลืมง่าย 10. ไม่มีสมาธิ 11. เบื่อหน่าย 12. เก็บตัว 13. มีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นบ่อย 14. ผุดลุกผุดนั่ง 15. ใช้ยานอนหลับ 86
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน..............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงานเรื่อง ของแดน จากการดูสื่อวีดีทัศน์ ขอให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ในประเด็นต่อไปนี้ 1. เกิดอะไรขึ้นกับแดน .......................................................................................................................... .................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................... ............................................................... ......................................................................................................... ..................................................................... 2. ถ้านักเรียนเป็นแดน นักเรียนจะรู้สึกอย่างไร และจะคลี่คลายเรื่องนี้อย่างไร ............................................................................................................................ .................................................. .................................................................................................................................................... .......................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................... .......................................................... 3. หลังจากนักเรียนดูสื่อวีดีทัศน์ ที่ 2 นักเรียน ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม ............................................................................................................................ .................................................. ..................................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................................................. ................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. หลังการอภิปรายในชั้นเรียนนักเรียนได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม .............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................... .......................................................... 87
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน............................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขที่........... ใบงาน เรื่อง แบบสำรวจการผ่อนคลายความเครียด เมื่อนักเรียนเกิดความเครียดนักเรียนใช้วิธีผ่อนคลายความเครียดแบบใด วิธีผ่อนคลายความเครียด ใช้ ไม่ได้ใช้ 1. นอนหลับพักผ่อน 2. ออกกำลังกาย 3. ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี 4. เทคนิคความเงียบ 5. ดูโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ 6. ทำงานศิลปะ งานฝีมือ งานประดิษฐ์ต่างๆ 7. ใช้เทปเสียงคลายเครียด 8. เล่นกับสัตว์เลี้ยง 9. จัดห้อง ตกแต่งบ้าน 10. อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เขียนบทกลอน 11. การนวดเพื่อคลายเครียด 12. ถ่ายรูป จัดอัลบั้ม 13. เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ท่องอินเตอร์เน็ต 14. พูดคุย พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง 15. ไปซื้อของ 16. อยู่กับธรรมชาติ 17. ทำสมาธิ 18. ฝึกการหายใจ 19. การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 20. การจินตนาการ 21 อื่น ๆ ................................... 88
เอกสารอ่านเพิ่มเติมสำหรับครู หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง Body Scan คือการผ่อนคลายร่างกาย โดยส่งจิตระลึกรู้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อกลับมาฟังเสียงร่างกาย ผ่อนคลายความตึงเครียด ความคิดวิตกกังวลต่างๆ ลง และน้อมนำความรู้สึกตัวมามีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ อย่างเป็นมิตรกับร่างกาย เมื่อร่างกายได้พักและผ่อนคลาย จิตใจก็จะสงบลง ส่งผลให้เกิดการเยียวยากายและ ใจ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยได้ ลองฝึกฝนการผ่อนพักกาย ผ่อนคลายใจ ด้วยการทำ Body Scan ให้ตนเอง ตามคำแนะนำง่ายๆ ต่อไปนี้ ใช้เวลาเพียงครั้งละประมาณ 15 นาที ในช่วงเวลาผ่อนคลาย เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือตอนค่ำ ก่อนเข้านอน เพื่อเข้าถึงความสุข สงบ สันติภายใน และฟื้นพลังชีวิตอย่างตื่นรู้ แล้วจะพบว่าเราสามารถฝ่าพ้น ข้อจำกัดทางกายได้ด้วยพลังใจที่เข้มแข็ง นอนหงายอย่างผ่อนคลาย ปลายเท้าแยกจากกันเล็กน้อย วางแขนไว้ข้างลำตัวอย่างสบายๆ หงายฝ่า มือขึ้น หลับตาลงเบาๆ อาจเปิดเพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองผ่อนคลาย และช่วยให้จิตใจสงบคลอเบาๆ พูดน้อมนำจินตนาการให้ผ่อนคลายร่างกายไปทีละส่วนโดยใช้เสียงนุ่มนวล ปรับโทนเสียงให้ต่ำเล็กน้อย พูด เป็นจังหวะเนิบช้า เว้นวรรคเป็นช่วงๆ และลากปลายเสียงให้ยาวขึ้น เพื่อปรับคลื่นสมองให้ช้าลงและเข้าสู่ภาวะ ผ่อนคลายได้ง่าย อาจเริ่มจากกล่าวว่า ขณะหายใจเข้า-ออก ให้ระลึกถึงร่างกายทั้งหมดที่นอนราบลง รู้สึกถึง ร่างกายทุกส่วนที่สัมผัสพื้นหรือเตียง ปล่อยวางความเครียด ความกังวลทั้งหลายทั้งปวง ไม่ยึดเหนี่ยวสิ่งใดไว้ แล้วให้ระลึกรู้ลมหายใจเข้าและออกอย่างมีสมาธิสักพักหนึ่ง หายใจเข้า ให้ระลึกรู้ที่เท้าทั้งสองข้าง... หายใจออก ผ่อนคลายเท้าทั้งสองให้รู้สึกเบา สบาย...หายใจ เข้า ส่งความรักและปรารถนาดีไปให้...หายใจออก ส่งรอยยิ้ม ความซาบซึ้งใจ และคำขอบคุณไปให้เท้าทั้งสองที่ ยืนหยัดเพื่อเราเสมอ พูดนำให้ระลึกรู้และผ่อนคลายอวัยวะทุกส่วน โดยอาจเริ่มจากปลายเท้า ขึ้นมาที่ขาทั้งสองข้าง สะโพก ลำตัว แผ่นหลัง บ่าทั้งสองข้าง แขน ฝ่ามือ ต้นคอขึ้นไปที่ศีรษะ เริ่มจากคาง ริมฝีปาก แก้ม เบ้าตา หว่างคิ้ว หน้าผาก จนทั่วทั้งใบหน้า (หรืออาจไปถึงกลางกระหม่อมด้วย แล้วแต่เราจะกำหนดการระลึกรู้อวัยวะส่วน ต่างๆ อย่างละเอียดแค่ไหน) ให้รู้สึกว่าร่างกายทุกส่วนผ่อนคลาย เบา สบาย หากในขณะนั้นมีส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายป่วยหรือเจ็บปวดอยู่ให้ใช้เวลาระลึกรู้ถึงส่วนนั้น แล้วส่ง ความรักไป หายใจเข้า...ให้ร่างกายส่วนนี้ได้พัก หายใจออก...ยิ้มให้ด้วยความรักความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ระลึกรู้ว่ายังมีส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์อยู่ ซึ่งพร้อมจะส่งพลังมายังส่วนที่อ่อนแอหรือเจ็บป่วย ให้รู้สึกว่ามีพลังความรักความเกื้อหนุนจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย (และจากผู้คนที่แวดล้อม) แผ่ซ่านเข้ามาช่วย บรรเทาและเยียวยาบริเวณที่อ่อนแอนี้ หายใจเข้า...เชื่อมั่นในความสามารถที่จะเยียวยาของตนเอง หายใจออก ...ปล่อยความวิตกกังวล หรือความกลัวที่อาจเกาะกุมอยู่ในตัวออกไป หายใจเข้า-ออก...ยิ้มให้แก่ร่างกายส่วนที่ ไม่สบาย ด้วยความรักความเชื่อมั่น อาจพูดนำจินตนาการให้นึกถึงธรรมชาติที่งดงาม เช่น ทุ่งหญ้าเขียวขจี ฟ้าใส สายน้ำกว้างใหญ่ ฯลฯ ที่จะช่วยให้ใจสงบ เพื่อน้อมนำให้รับพลังชีวิตจากธรรมชาติมาเยียวยาตัวเราก็ได้ คำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงแนวทางตัวอย่างที่จะนำพาจินตนาการไปสู่ความผ่อนคลายร่างกายและ จิตใจให้สุขสงบอย่างล้ำลึก หากฝึกทำบ่อยๆ อาจสร้างสรรค์วิธีการพูดน้อมนำในแบบฉบับของตนเองอย่างเป็น ธรรมชาติและทรงพลังมากขึ้นได้ ขอเพียงมีใจแห่งรักและเมตตา สิ่งดีๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมออย่างไร้ขีดจำกัด ดัดแปลงจาก http://portal.in.th/ms-pcare/pages/5830/ 89
เอกสารอ่านเพิ่มเติมสำหรับครู หน่วยการจัดกิจกรรมเครียด...ภัยใกล้ตัว ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง จิตแจ่มใสคลายความเครียด คำสั่ง ให้นักเรียนร่วมมือกับครูเพื่อผ่อนคลายความเครียด โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ครูบอก คำชี้แจง - คำบรรยายในตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 7 นี้ มีจุดประสงค์ เพื่อโน้มน้าวจิตใจและอารมณ์ของนักเรียน ให้คล้อยตาม โดยให้นึกถึงอวัยวะส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของตนเองด้วยความรักความจริงใจและความรู้สึก อย่างทนุถนอมร่างกายของตนที่ทำหน้าที่รับใช้มานาน ให้ได้รับการผ่อนคลายบ้าง จึงแสดงด้วยการกดเบา ๆ นวดเบา ๆ เพื่อแสดงความรู้สึกถึงคุณค่าของอวัยวะส่วนต่าง ๆ - น้ำเสียงและลีลาการพูดเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยโน้มน้าวให้นักเรียนเกิดอารมณ์คล้อยตาม ได้ง่าย ในขณะดำเนินกิจกรรมด้วย ตอนที่ 1 เพื่อเป็นการเร้าอารมณ์ของนักเรียนให้เพลิดเพลินกับเสียงดนตรี ครู "ขยับการนั่งในท่าที่สบาย ๆ...สบายแล้วใช่ไหม....เหนื่อยมามากแล้ว...นั่งให้สบาย......ปล่อยใจให้ ล่องลอยไปกับเสียงดนตรี...เราจะหยุดคิดเรื่องอื่นใด...ฟังเสียงดนตรี...เสียงดนตรีเหมือนเสียง...น้ำไหล...เสียง ลมพัด...ได้ยินเสียงน้ำไหล...เสียงลมพัดหรือเปล่า...ลมโชยพัดผ่านทุ่งนา...ต้นข้าวเขียวขจีโบกพลิ้วไปมา...โปร่ง.. โล่ง...หายใจสบาย ๆ......สบาย ๆ....." ตอนที่ 2 ให้ใช้นิ้วทั้งห้านวดศีรษะเบา ๆ ด้วยความรู้สึกรักและทะนุถนอมศีรษะ ครู "เมื่อรู้สึกสบาย... เอามือจับศีรษะให้ฝ่ามือทั้งสองแนบขมับเบา ๆ ...นี่คือศีรษะของเรา กดปลาย นิ้วนวดศีรษะเบา ๆ นวดให้สบายหายมึน........ศีรษะรับใช้เรามานาน เหน็ดเหนื่อยควรได้รับการผ่อนคลายบ้าง เราจะนวดให้ศีรษะของเรา... ถ้าไม่มีศีรษะเรา ก็อยู่ไม่ได้..กดเบา ๆ นวดให้สบาย นวดด้วยความรัก..นวดด้วย ความรู้สึกขอบคุณ... ที่รับใช้เรามานาน..." ตอนที่ 3 ให้ใช้นิ้วกลางกดหัวคิ้วทั้งสองข้าง แล้วลากไปทางหางคิ้ว พร้อมกับหายใจเข้าให้ลึกแล้วผ่อน หายใจออกช้า ๆ ครู "ลองใช้นิ้วกลางกดลงเบา ๆ บริเวณหัวคิ้ว และหายใจเข้าแล้วลากปลายนิ้วไปทาง หาง คิ้ว...สบายไหม....กดเบา ๆ....หายใจเข้าลึก ๆ ....ผ่อนลมหายใจติดต่อกัน...ยาว ๆ....ใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ...ยิ้ม ให้กับตัวเราเอง...สบาย ๆ....ยิ้ม...สบาย ๆ...ยิ้มจากภายในจิตใจ....ยิ้มอย่างมีความสุข...." 90
ตอนที่ 4 ให้ใช้นิ้วกลางจรดที่หัวตาใกล้ดั้งจมูก ครู "ใบหน้าที่ยิ้มจะมีดวงตาที่สดใส...ตาของเรา...เราควรทะนุถนอมตาของเรา นิ้วกลางกดเบา ๆ ที่หัวตาใกล้ถึงจมูก กดแล้วหมุนปลายนิ้วเบา ๆ นวดเบา ๆ ให้ดวงตาสบาย ๆ ...ขอบคุณดวงตา...เราจะรัก... ทะนุถนอม...กดเบา ๆ หายใจลึก ๆ ...ขอบคุณดวงตา.." ตอนที่ 5 ให้ใช้นิ้วกลางกดเบา ๆ ใต้รูจมูกเหนือริมฝีปาก เพื่อสัมผัสลมหายใจเข้าออก ครู "จมูกของเรา...เอานิ้วกลางทั้งสองกดเบา ๆ ใต้จมูกเหนือริมฝีปากปลายนิ้วกดเบา ๆ... หายใจเข้าขยับปลายนิ้วขึ้น....ลมหายใจออก...ลมหายใจเข้า..ลมหายใจออก..ผ่านจมูกของเรา..เรามีชีวิตอยู่...ลม หายใจเข้า...ลมหายใจออก...เราจะสูดอากาศสะอาด ๆ ผ่านจมูกเข้าสู่ร่างกายของเรา...ร่างกายจะได้แข็งแรง... เราไม่ทำร้ายร่างกาย...หายใจลึก ๆ ....ไม่ทำร้ายร่างกาย....ขอบคุณจมูก...หายใจเข้า...หายใจออก..." ตอนที่ 6 ให้ใช้นิ้วกลางกดเบา ๆ ใต้ริมฝีปากล่างเหนือลูกคาง ครู "ปากของเรา......กดนิ้วกลางลงใต้ริมฝีปากเหนือลูกคาง.....กดแล้วหมุนปลายนิ้วกลาง ทั้งสองเข้า หากัน...หมุนเข้าหากันเบา ๆ...ปากของเรา...นวดให้สบาย ๆ ด้วยปลายนิ้ว ....หายใจเข้าลึก ๆ ....หายใจออก ...หายใจเข้าลึก ๆ ....หายใจออก...กดเบา ๆ และลาก ปลายนิ้วไปถึงขากรรไกร...ปากของเรา...ขากรรไกรช่วย เรา..เรากินได้.......ขอบคุณ.......ที่รับใช้เรามานาน...จะนวดให้ผ่อนคลาย......จะใช้อย่างทะนุถนอม...จะไม่ทำร้าย ปาก.....ขอบคุณปากของเรา..หายใจเข้าลึก ๆ ...หายใจออก...ใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ...หายใจเข้า .....หายใจออก...." ตอนที่ 7 ให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือจับติ่งหู และดึงติ่งหูเบา ๆ ขณะหายใจเข้าและคลายเมื่อปล่อย ลมหายใจออก ครู "หูของเรา....จับติ่งหูเบา ๆ หายใจเข้า...หายใจเข้า...หายใจออก ๆ...ขอบคุณที่ช่วยให้ได้ ยินเสียงดนตรี...จับติ่งหูดึงเบา ๆ หายใจเข้าลึก ๆ....ปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ .....ใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ...ดีใจที่ หู ได้ยินเสียงที่ไพเราะรื่นหู จะรักษาหูให้ได้ยินเสียงที่ดีงาม ....หายใจเข้า....หายใจออก...." เอกสารอ้างอิง :พัฒนาคุณภาพงานแนะแนว, ศูนย์โรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรมสามัญศึกษา. แผนการ จัดกิจกรรมคาบแนะแนว ม.6 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย, 2541. 91
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชากิจกรรมแนะแนว รหัสวิชา ก31101 มัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้5 เรื่อง การฟังอย่างเข้าใจ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา ๒๕๖6 แผนการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การฟังอย่างเข้าใจ เวลา 2 ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระการแนะแนวที่ 3 การปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเหมาะสมและมีความสุข ข้อ 3.2 นักเรียนมีทักษะการสื่อสารและสร้างสัมพันธภาพ ผลการเรียนรู้ที่ 6 นักเรียนรู้จักและเห็นความสำคัญ ของการฟังทั้งเนื้อหาและความรู้สึก สามารถ สื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม ๒. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด การฟังเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการสื่อสารระหว่างบุคคล การฟังที่ดีคือการฟังทั้งเนื้อหาและความรู้สึก ซึ่งจะ ช่วยให้เกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การสื่อสาร กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม และเกิดสัมพันธภาพที่ดี ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะการฟังเนื้อหาและความรู้สึก 3.2 ความสำคัญ และประโยชน์ของการฟัง อย่างเข้าใจทั้งเนื้อหา และความรู้สึก 3.3 ฝึกการสื่อสารกับผู้อื่น อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา และความรู้สึก ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ความรู้(K) 4.1.1 บอกความสำคัญ และประโยชน์ของการฟัง อย่างเข้าใจ ทั้งเนื้อหา และความรู้สึก 4.1.2 สื่อสารกับผู้อื่นได้ อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา และความรู้สึก 4.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P) 4.2.1 แยกแยะเนื้อหาและความรู้สึก ที่ได้จากการฟัง 2.3 สื่อสารกับผู้อื่นได้ อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา และความรู้สึก 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) ความตรงต่อเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรม /การมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม/ความรับผิดชอบ ในการส่งใบกิจกรรม ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด ๕.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 92
๕.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๖.๑ รักชาติ ๖.๒ ซื่อสัตย์สุจริต ๖.๓ มีวินัย ๖.๔ ใฝ่ความรู้ ๖.๕ อยู่อย่างพอเพียง ๖.๖ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๗ รักความเป็นไทย ๖.๘ มีจิตสาธารณะ 7. ชิ้นงาน / ภาระงาน 7.1 ใบงานเรื่อง สอนใจสอนฟัง 7.2 ใบงานเรื่อง ฟังด้วยใจ 7.3 ใบงานเรื่อง ช่วยกันฟัง 7.4 ใบงานเรื่อง ฟังอย่างเข้าใจ 8. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ชั่วโมงที่ 1 4.1 ครูแจกใบงานเรื่อง สอนใจสอนฟัง ให้นักเรียนอ่านและตอบคำถามในใบงาน 4.2 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายตามประเด็นในใบงาน สอนใจสอนฟัง 4.3 ครูอธิบายเพิ่มเติมเรื่อง การฟังอย่างเข้าใจที่ต้องฟังให้ชัดเจนทั้งเนื้อหา(Content) และ ความรู้สึก( Feeling) ที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสารออกมา เพื่อให้การสื่อสารนั้นชัดเจน และมีประสิทธิภาพ ชั่วโมงที่ 2 4.4 ทบทวนสิ่งเรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา 4.5 แจกใบงานเรื่อง ฟังด้วยใจ ให้นักเรียนทำ และร่วมกันอภิปรายคำตอบ 4.6 ให้นักเรียนจับคู่และฝึกทักษะการฟังอย่างเข้าใจ โดยให้ปฏิบัติดังนี้ ครั้งที่ 1 ) ใช้เวลา 5 นาที คนที่ 1 เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือเรื่องที่ตนเองพบเห็นมา (ต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง) และคนที่ 2 ตั้งใจฟังอย่างเดียว โดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ และเมื่อหมดเวลา ให้คนที่ 2 สรุปเนื้อหาและ ความรู้สึกของเรื่องที่ได้ฟังเพื่อตรวจสอบกับเพื่อนคนที่ 1 ว่าใช่หรือไม่ ครั้งที่ 2 ) ใช้เวลา 5 นาที คนที่ 2 เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือเรื่องที่ตนเองพบเห็นมา และคนที่ 1 ตั้งใจฟังอย่าง เดียว โดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ และเมื่อหมดเวลา ให้คนที่ 1 สรุปเนื้อหาและความรู้สึกของเรื่องที่ได้ฟัง เพื่อตรวจสอบกับเพื่อนคนที่ 2 ว่าใช่หรือไม่ 4.7 ขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คู่ออกมาบอกเล่าประสบการในการฝึกทักษะการฟังให้ เพื่อนๆ ฟัง 4.8 ครูอธิบายเพิ่มเติมเรื่องการฟังอย่างเข้าใจ การฟังเนื้อหา อาจใช้หูในการฟัง (Hearing) แต่การฟังความรู้สึกต้องใช้ใจฟัง (Listening) ถ้าฟังเฉพาะเนื้อหาอาจทำให้การสื่อสารขาดประสิทธิภาพ เพราะ หลายครั้งที่คนเราสื่อสารเนื้อหาไม่สอดคล้องกับความรู้สึก 4.9 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม ชั่วโมงที่ 3 4.10 ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา 93
4.11 แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 4-6 คน แจกใบงานเรื่อง ช่วยกันฟัง เพื่อให้นักเรียน ร่วมกันคิดและวิเคราะห์ และออกมานำเสนอเมื่อหมดเวลา 4.12 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเรื่องประโยชน์ของการฟังอย่างใส่ใจกับ การสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นในชีวิต 4.13 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม ชั่วโมงที่ 4 4.14 ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในชั่วโมงที่ผ่านมา 4.15 แจกใบงานเรื่อง ฟังอย่างเข้าใจ ให้นักเรียนอ่านและตอบคำถามในใบงาน 4.16 ขออาสาสมัครนำเสนองานตามใบงานของตนเองและให้เพื่อนๆ ร่วมกันอภิปราย 4.17 ให้นักเรียนร่วมกันคิดวิธีการนำความรู้เรื่องการฟังอย่างเข้าใจไปประยุกติ์ใช้ใน ชีวิตประจำวันในการสื่อสารกับบุคคลต่างๆ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดี(เช่น พ่อ แม่ และคนในครอบครัว ครู และเพื่อนๆ) 4.18 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม 9. สื่อการสอน/ใบความรู้/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้เรื่องการฟังอย่างเข้าใจ 10. การวัดและประเมินผล 10.1 วิธีการประเมิน 10.1.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 10.1.2 ตรวจใบงานกระดาษคำตอบแบบทดสอบความถนัดทางการเรียน 10.2 เกณฑ์การประเมิน 10.2.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้คุณภาพ ผ่าน มีความตั้งใจร่วมกิจกรรม ให้ความร่วมมือกับกลุ่มในการอภิปราย แสดงความคิดเห็นและส่งงานตามกำหนด ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 10.2.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ข้อความบ่งชี้คุณภาพ ผ่าน ทำใบงานครบและถูกต้อง ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 94
บันทึกหลังสอนแผนการจัดกิจกรรมที่ 6 ๑. ผลการสอนระดับชั้น ม. 4/...... สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ สอนไม่ตามแผนการจัดการเรียนรู้เนื่องจาก.................................................................................... ๒. สรุปผลการเรียนการสอน ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ๓. ปัญหา อุปสรรค กิจกรรมการเรียนรู้ไม่เหมาะสมกับเวลา นักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรม ไม่ทันตามเวลาที่กำหนด มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ............................................................................................................................................... ๔. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ควรนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปปรับปรุง เรื่อง............................................................................... แนวทางการแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ อื่น ๆ ลงชื่อ..............................................ผู้สอน (นางสาวอังคณา แก้วเล็ก) ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้นำเอากระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อย่าง เหมาะสมกับศักยภาพที่แตกต่างกันของผู้เรียน ที่ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป ๓. เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ นำไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้ ๔. ข้อเสนอแนะ ........................................................................................ ลงชื่อ............................................ (นางสุรีวัลย์ วรรณรัศมี ) ความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายบริหารงานวิชาการ .................................................................................... ................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางสาวณัฐิญา คาโส) ความคิดเห็นของรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงาน วิชาการ .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียนพนมศึกษา .................................................................................... .................................................................................... ลงชื่อ ............................................. (นางผกา สามารถ ) 95
ใบงานกิจกรรมแนะแนว หน่วยการจัดกิจกรรมการฟังอย่างเข้าใจ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชื่อ-สกุลนักเรียน………….…………..…..……………………………..ชั้น ม.4 /..........เลขที่….............. ใบงานเรื่อง สอนใจสอนฟัง ให้นักเรียนอ่านเรื่องต้นแอปเปิ้ล กับ เด็กน้อย แล้วตอบคำถามใบใบงาน ต้นแอปเปิ้ล กับ เด็กน้อย กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง และก็มีเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งชอบเข้ามาอยู่ ใกล้ๆ และเล่นรอบๆ ต้นไม้นี้ทุกๆ วัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้และก็กินผลแอปเปิ้ล แล้วก็นอนหลับไป ภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล เด็กน้อยรักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป..... เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่ มาวิ่งเล่นรอบๆ ต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่งเด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้าๆ "มาหาฉัน จะมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆ ต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไป ซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีเงินหรอก...เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ แล้วเอาเงินไปซื้อของเล่น" ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยเก็บแอปเปิ้ลไปหมดต้น แล้วจากไปไม่กลับมาเล่นกับต้นไม้ ต้นไม้ดูเศร้า......วันหนึ่งเด็กน้อย กลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกดีใจตื่นเต้นมากที่ได้เจอ "มาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้วและต้องทำงาน ตอนนี้เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "ฉันไม่มีบ้าน แต่..ตัดกิ่งก้านฉันไปสิ...แล้วเอาไปสร้างบ้าน" ดังนั้นเด็กน้อยคนนั้นจึงตัดกิ่งก้านทั้งหมดไป และจากไปอย่างมีความสุขเป็นอีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้ เดียวดาย และเศร้า....และวันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยคนเดิมก็กลับมาอีก ต้นไม้ดีใจมาก "มาหาฉันเหรอ มาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังในชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ใช้ลำต้นของฉันซิ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้แล่นเรือมีความสุข" ต้นไม้ตอบ ดังนั้น เด็กน้อยจึงตัดลำต้นไม้ไป เขาล่องเรือไป และไม่กลับมาอีกนานจนกระทั่งหลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยคนเดิมก็กลับมาคราวนี้เขาดูแก่มากๆ "มาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันแก่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่ พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" เด็กน้อยตอบ "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" ต้นไม้พูด 96
อ่านจบแล้วทบทวนตนเองหน่อยนะ ข้อความต่อไปนี้ผู้พูดรู้สึกอย่างไร ข้อความ ความรู้สึก “มาหาฉันจะมาเล่นกับฉันเหรอ” "ฉันไม่มีเงินหรอก...เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิแล้วเอาเงินไปซื้อของ เล่น" "ฉันไม่มีบ้าน แต่..ตัดกิ่งก้านฉันไปสิ...แล้วเอาไปสร้างบ้าน" "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่ กำลังจะตาย" "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆ ต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการ ของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้วและต้องทำงาน ตอนนี้เรา ต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังในชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อน ไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันแก่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ต้องการ อะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" เด็กน้อยตอบ สรุปสิ่งทไี่ด้เรียนรู้ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... 97