กระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์
รวบรวมโดย
นายไกรลาศ ผุดผา
กลมุ่ สาระการเรียนศลิ ปะ
โรงเรยี นขขุ นั ธ์ อาเภอขุขนั ธ์ จงั หวัดศรีสะเกษ
สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาศรสี ะเกษ ยโสธร
กระบวนการสร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์
การสร้างสรรค์งานจิตรกรรม
จิตรกรรม เป็นผลงานทัศนศิลป์แขนงหน่ึง ท่ี
เกย่ี วข้องสัมพันธ์กุ ับการวาดเขยี นและระบายสี มลี กั ษณะท่วั ไป
เป็นผลงานบนแผ่นพื้น 2 มิติ แต่ใช้กระบวนการเพื่อสร้างภาพ
ลวงตาให้เกดิ เปน็ 3 มิติ โดยใช้สีชนดิ ต่างๆ เช่น สนี ้า สนี า้ มนั สี
ฝุ่น ฯลฯ เป็นสื่อกลางในการแสดงออกถึงเจตนาในการ
สร้างสรรค์ โดยท่ัวไปแล้ว จิตรกรรมมีหลายเร่ืองราวท่ีศิลปิน
นิยมนา้ มาสร้างสรรค์ ได้แก่
1.จติ รกรรมประเภทหุ่นนง่ิ (Still Life)
2.จิตรกรรมประเภทภาพทิวทศั น์ (Landscape)
3.จติ รกรรมประเภทภาพคน (Portrait)
4.จติ กรรมประเภทภาพสัตว์ (Animals)
5.จติ รกรรมประเภทเรือ่ งราวจากศาสนา ประวตั ศิ าสตร์
และวรรณคดี (Religion, History and Literature)
การสรา้ งสรรคง์ านจติ รกรรมสีน้า
การสร้างสรรคง์ านจิตรกรรมสี
น้า จะต้องมขี ้ันตอนและอุปกรณ์ที่
ใชส้ รา้ งสรรคง์ าน
จติ รกรรม เครือ่ งมอื และวสั ดุ
อปุ กรณ์ ในการสร้างสรรค์
จิตรกรรมสนี า้ ประกอบดว้ ย
1.กระดาษ (Paper) โดยทัว่ ไป
กระดาษสา้ หรบั สนี ้าจะมพี ื้นผวิ
แตกตา่ งกนั ท้ังพ้ืนผวิ หยาบและพ้ืนผิวเรียบ
2.ดนิ สอ (Pencil) และยางลบ (Eraser) ดนิ สอควรจะใช้เกรด
อ่อนๆ
3.สีน้า (Watercolor) สีน้าทั่วไปมี 2 เกรด คือ ส้าหรับนักเรียน
และสา้ หรับศลิ ปนิ สนี า้ จะมีบรรจุภณั ฑใ์ หเ้ ลอื กตามความ
เหมาะสม 3 ลักษณะ คือ
1.แบบหลอด เปน็ ท่ีนยิ มกันทัว่ ไป สีจะมคี วามชืน้
และความแตกตัวได้ดี
2.แบบบรรจเุ สรจ็ ในจานสแี บบเป็นกอ้ งแข็ง
เหมาะสา้ หรบั การพกตดิ ตัวไปเขียนนอกสถานที่
3.แบบขวด มีลกั ษณะเป็นโปร่งใส
4.จานสี (Plate)
5.พู่กัน (Brush) พู่กนั ทด่ี ตี ้องมคี ุณสมบตั ิทป่ี ้ายแล้วมีจงั หวะ
สปรงิ ตวั เล็กน้อย โดยพ่กู ันมี 2 ลักษณะ คอื พกู่ ันชนดิ กลม
และพู่กันชนิดแบน
6.ฟองน้า (Sponge) เปน็ สว่ นชว่ ยในการทานา้ บนกระดาษที่
ไดผ้ ลเรว็ และใช้ในการซับสที ไี่ ม่ต้องการออก
7.ผา้ เช็ดพู่กัน (Clothes)
8.ภาชนะใส่นา้ (Vessel)
9.กระดาษสเกตซแ์ ละตวั หนีบ (Board and Clip) กระดาษ
สเกตซ์จะท้าด้วยไมอ้ ดั แผน่ เรยี บหรือกระดาษหนาแข็ง
10.ขาตัง้ เขียนภาพและเก้าอ้ีนงั่ (Easel and Chari)
สารสะลายประกอบการวาดภาพสนี ้า
โดยปกตสิ ารละลายทใี่ ช้ในการละลายสีน้า คือน้าสะอาด
แตถ่ ้าต้องการความพเิ ศษในการระบาย จะต้องใช้สารละลาย
ชนดิ อื่นๆได้แก่
1. Gumarabic ใชผ่ สมสารปอ้ งกนั การกระจายของเน้ือสเี มื่อ
ต้องการระบายสีแบบเปียกซ้อนเปยี ก
2. Watercolour Gel ใช้ผสมเพ่ือให้เน้ือสีหนาข้ึน
3. Wetting Agent เป็นสารทใี่ ช้ผสมเพือ่ ลดความตงึ ของพืน้ ผิว
ละช่วยให้ผวิ ซับน้าได้ดขี ้ึน
4. Glycerine ให้หยดลงบนสจี านมีเพอื่ ป้องกันสีแหง้ แตก
5.Varnishing เป็นสารละลายที่ใช้เคลือบผวิ หน้าหลังจากวาด
เสร็จและแหง้ ดีแลว้
6.Masking Fluid นา้ ยาทากันน้า
การร่างภาพ
กอ่ นลงมือรา่ งภาพตอ้ งค้านงึ ถงึ เร่ือง
หลักเกณฑข์ ององค์ประกอบศิลป์ คือ
1.จดุ สนใจ คือ ส่ิงทกี่ ้าหนดใหเ้ ปน็ ตัว
ส้าคัญ ที่ทา้ ให้ผู้ชมเหน็ เปน็ ส่งิ แรก
เม่ือมองเห็นภาพ
2.ความสมดลุ คือ ความพอดี ความ
ลงตวั ในภาพ
3.เอกภาพ คอื ความเป็นหน่งึ เดียวในภาพ
เทคนคิ การใช้สีน้า
1.วิธเี ปยี กซอ้ นเปยี ก คือ สจี ะชุ่มน้าทง้ั ภาพ ให้ใช้น้าทากระดาษ
ใหช้ ่มุ ก่อนลงสี
2.วิธเี ปยี กซ้อนแหง้ คอื สีบนกระดาษไม่ชุม่ น้า ให้ทานา้ ลงบน
กระดาษก่อน และใหก้ ระดาษแห้งถึงเร่ิมเขียนสีน้า
3.วธิ ีแปลงแหง้ คือ การเขียนภาพดว้ ยแปลงแหง้ คือการผสมสี
กบั น้าพอหมาดๆแลว้ ป้ายลงบนกระดาษ สีจะตดิ บ้าง ไม่ตดิ บ้าง
การสรา้ งสรรคง์ านประติมากรรม
ประติมากรรม
เป็นผลงานศลิ ปะแบบหนง่ึ ซง่ึ มนุษยส์ รา้ งสรรค์
ขึน้ ด้วยความรู้สึกประทบั ใจ บลั ดาลใจในธรรมชาติ โดยมนี ัยใน
ศลิ ปะเป็นสา้ คัญ ซงึ่ เป็นรูปทรง 3 มติ ิกินระวางเนือ้ ในอากาศ
ประเภทของงานประติมากรรม
ประตมิ ากรรมแบ่งได้ตามรปู ลักษณ์ 3 ประเภท
ดังน้ี
1.ประเภทนูนต่า้ สรา้ งขน้ึ เพือ่ ตอบสนองความคิดทางด้าน
ความงามในการประดบั ตกแตง่ อาคารทาง ปตั ยกรรม
เพ่อื การสรา้ งศลิ ปะรบั ใชศ้ าสนา และสังคมมนุษยเ์ ปน็ สว่ นใหญ่
ตอ่ มากไ็ ดส้ ร้างศลิ ปะเพื่อศลิ ปะเกดิ ขึน้ จงึ ไดม้ กี ารสรา้ ง
ประตมิ ากรรมแบบนูนต้า่ ขึ้น คอื การรับรู้เฉพาะส่วนหนา้ เพียง
ดา้ นเดียว
2.ประเภทนนู สูง คือ จะมีรูปทรงและมวลปริมาตรความนูนสงู
ข้นึ มาจากฐานรองรับทเี่ ปน็ พ้นื หลังภาพตั้งแต่ครงึ่ หนา้ ของรูป
จรงิ ขน้ึ ไป
3.ประเภทลอยตวั สามารถมองเห็นไดร้ อบดา้ น
ลกั ษณะงานประติมากรรม
เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขน้ึ ตามชนดิ ของวัสดทุ ม่ี ี
อยู่หลากหลายทง้ั ในธรรมชาติและวัสดทุ ่ีเกิดจากการประดิษฐ์
คิดค้นขนึ้ แบ่งออกเป็น 4 ลกั ษณะ
1.การปนั้ โดยใช้วสั ดุที่มเี นอื้ ออ่ น เช่น ดนิ เหนียว ดินน้ามนั
2.การแกะสลัก โดยใชว้ ัสดุเนื้อแข็ง เช่น ไม้ หนิ งาช้าง
3. การหลอ่ เพื่อให้ไดผ้ ลงานที่คงทนถาวร และเพิ่มจ้านวน
ชิน้ งานตามตอ้ งการ เช่น แม่พิมพต์ ่างๆ
4.การประกอบข้ึนรูป คือ สรา้ งรปู ในรูปแบบ 3 มิติ
การสรา้ งสรรคง์ านภาพพิมพ์
ภาพพิมพ์ คือ ร่องรอยท่ีท้าให้เกิดข้ึนโดยวธิ กี าร
พมิ พ์ จะต้องกระทา้ บนวัตถอุ ันหน่ึงกอ่ น แล้วจงึ กดทับใหไ้ ปติด
ประทับรอยบนวัสดุอกี อันหนึ่ง
แบ่งออกตามกระบวนการสร้างสรรคไ์ ด้ 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังน้ี
1.กรรมวิธีพิมพจ์ ากส่วนนนู คอื การสร้างงานภาพพมิ พด์ ้วย
กรรมวิธสี ร้างแม่พิมพ์โดยน้าวัสดุที่มเี นือ้ แข็งพอสมควรและ
แกะส่วนทไี่ มต่ ้องการออก แลว้ กล้งิ หมกึ พมิ พล์ งบนผวิ หนังส่วน
นูน เปน็ ต้น
2.กรรมวธิ ีพมิ พ์จากส่วนร่องลึก คอื สรา้ งด้วยแผ่นทองแดง
เหล็ก หรือสงั กะสี ด้วยวิธีการแกะหรอื ขูดพืน้ ท่ีของวัสดุ
บางสว่ นออกไป แลว้ ผ่านกระบวนการกรดกดั เป็นต้น
3.กรรมวธิ ีพิมพ์จากส่วนผิวพื้น คอื การสร้างภาพบนพืน้ ราบ
ผวิ หนา้ เรียบเสมอกัน
4.กรรมวิธีพมิ พ์ผ่านช่องฉลุ คือ การพิมพ์ผ่านชอ่ งว่าที่
สร้างสรรคไ์ ว้ เชน่ การอัดภาพถ่าย
อ้างองิ https://www.sites.google.com/site/artsthasnsilp/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-3-krabwnkar-
srangsrrkh-ngan-thasn-silp