หนังสือ ลายผ้าทอไทลื้อ บ้านกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง
สารบัญ เรื่อง หน้า สารบัญ ก สารบัญรูปภาพ ข บทที่ 1 บทน า บทที่ 2 บริบทชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนา บทที่ 3 ข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา 3.1 ประวัติความเป็นมาของลายผ้าทอไทลื้อ 3.2 ขั้นตอนการทอผ้าไทลื้อ 3.3 ประเภทของลายผ้าและชื่อเรียกลายผ้าของลายผ้าทอไทลื้อแต่ละชนิด 3.4 การเลือกใช้สีบนลายผ้าทอไทลื้อ 3.5 เอกลักษณ์และจุดเด่นของลายผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา 3.6 สรุป บทที่ 4 ปราชญ์ด้านการทอผ้าไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา 4.1 ภูมิปัญญาด้านการตัดเย็บ 4.1.1 ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการตัดเย็บ 4.1.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บ : แม่สองเมือง ค าเปื่อน 4.1.3 ผู้เชี่ยวชาญด้านการเย็บผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน : แม่หยัด แจ้ค า 4.2 ภูมิปัญญาด้านการทอผ้า 4.2.1 ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการทอผ้า 4.2.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าในปัจจุบัน : แม่ศรีจันทร์ ใจนา 4.2.3 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าแบบดั้งเดิม : แม่บุญเสาร์อุ่นผูก 4.2.4 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าร่วมสมัย : แม่เม้าส์ปะละน่าน 4.2.5 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้าและการแกะลายผ้าทอร่วมสมัย : พระโชคทวี ชยพโล 4.3 ภูมิปัญญาด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ 4.3.1 ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ 4.3.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ : แม่กลม แสนเงิน 4.4 ภูมิปัญญาด้านข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สารบัญ (ต่อ) 4.4.1 ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 4.4.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน : แม่อุ้ยผัด ปะละน่าน 4.5 สรุป บทที่ 5 บทสรุป บรรณานุกรม
สารบัญรูปภาพ
บทน า หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรวบรวมข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อของกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึง ภูมิปัญญาการทอผ้าทอไทลื้อของกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา รวมถึง ข้อมูลของลายผ้า ของกลุ่มผ้าทอไทลื้อที่เป็น เอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง และ ความรู้จากปราชญ์ในชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนาที่มีความรู้เรื่องของลายผ้าและการทอผ้า ทอไทลื้อที่แฝงความเป็นกลุ่มชาติพันธ์ไทลื้อและวิถีชีวิตภูมิปัญญาของคนในชุมชน ซึ่งจะ สามารถท าให้ผู้ที่สนใจได้ความรู้และประโยชน์ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้คณะผู้จัดท าโครงการขอขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการที่คอยให้ค าแนะน า ต่างๆขอขอบคุณกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อ และการเกษตรชุมชนบ้านกล้วงหลวงพัฒนา ที่ให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนสถานที่จัดกิจกรรม และขอขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการที่ เป็นส่วนหนึ่งให้กิจกรรมส าเร็จลุล่วงด้วยดี คณะผู้จัดท าโครงการ
บริบทชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนา บริบทชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง บริบททั่วไป การก่อตั้งชุมชนบ้านกล้วยหลวงสันนิษฐานว่าเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน มีชาวไทลื้อ ที่อาศัยอยู่ในเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา อยู่ทางตอนใต้ของมณฑลยูนาน ประเทศจีน ได้ อพยพหลบลี้ ภัยทางการเมือง มาตั้งถิ่นฐานอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ในล้านนาและได้กระจายอยู่ ตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ เชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง แพร่ น่าน เชียงราย และพะเยา โดยออกไป แสวงหาดินแดนอันสงบเพื่อด ารงชีวิต อยู่กันอย่างเรียบง่าย ตามวัฒนธรรมดั้งเดิม โดยมีกลุ่มไทลื้อประมาณ 7 ครอบครัว ได้อพยพเข้ามาในเขตจังหวัด ล าปาง และออกเดินทางหาถิ่นที่อยู่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ ระหว่าง เดินทางได้มาเจอหนองบัว ใกล้ๆ ห้วยแม่ปุง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นแหล่งที่มีอาหารการกินสมบูรณ์ มีน้ าห้วยไหล ผ่าน สอง ฝั่งของล าห้วยมีป่ากล้วยขนาดใหญ่ขึ้นงอกงาม มีภูเขาอยู่ทางด้านตะวันออกชื่อว่า “ดอยม่วง ค า” ซึ่งเป็นต้นก าเนิดของห้วยแม่ปุง จึงตัดสินใจตั้งบ้านเรือนที่นี่และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านกล้วยหลวง” และ จากค าสันนิษฐานบางแห่งก็อ้างว่าชื่อ “บ้านกล้วยหลวง” นั้น เป็น ชื่อเดิมของหมู่บ้านที่ชาวไทลื้อได้อาศัยอยู่ ที่เมืองเชียงรุ้งแคว้นสิบสองปันนา ชื่อว่า “บ้าน กล้วย” ซึ่งชาวไทลื้อหากมีการสร้างถิ่นที่อยู่ใหม่มักจะน าชื่อ หมู่บ้านเดิมมาตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่ ประกอบกับเป็นการตั้งถิ่นที่อยู่ของชาวไทลื้อในจังหวัดล าปางเป็นแห่งแรก จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้าน ว่า “บ้านกล้วยหลวง” ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองล าปางประมาณ 8 กิโลเมตร และได้จัดตั้งเป็น ชุมชนบ้านกล้วยหลวง เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2544 อาณาเขตติดต่อชุมชน ชุมชนบ้านกล้วยหลวง ตั้งอยู่ใน ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมืองล าปาง จังหวัดล าปาง ห่างจากอ าเภอเมืองล าปาง ไปทางทิศเหนือ 10 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดล าปาง ไปทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ 13.6 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้ - ทิศเหนือ ติดต่อกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎล าปาง หมู่ 9 ต าบลชมพู ชุมชนบ้านห้วย หล่อ หมู่ที่ 2 ต าบลชมพู ชุมชนบ้านหนองยาง หมู่ที่ 8 ต าบลชมพูและชุมชนบ้านหนองหัว หงอก หมู่ที่ 9 ต าบลชมพู - ทิศใต้ ติดต่อกับ ชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนา หมู่ที่1 ต าบลกล้วยแพะ และชุมชน บ้านประสบสุข หมู่ที่ 2 ต าบลกล้วยแพะ - ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ชุมชนบ้านหัวฝาย หมู่ที่ 4 ต าบลกล้วยแพะ - ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ชุมชนบ้านศาลาดอน หมู่ที่ 3 ต าบลชมพู ชุมชนบ้านกล้วย กลาง หมู่ที่ 5 ต าบลกล้วยแพะ และชุมชนบ้านห้วยหล่อ หมู่ที่ 2 ต าบลชมพู
ลักษณะภูมิประเทศ สภาพทั่วไปพื้นที่ราบสลับเนิน เป็นป่าแพะ ป่าละเมาะ ต้นไม้ขนาดเล็ก มีพื้นที่ราบ ลุ่ม เป็นพื้นที่ทางการเกษตรส าหรับท านา ท าสวนอยู่ในเขตชลประทาน ข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา ประวัตความเป็นมาของลายผ้าทอไทลื้อ ชาติพันธุ์ไทลื้อ คือ กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากแคว้นสิบสอง ปันนามาตั้งรากฐานอยู่ที่ทางตอนเหนือของประเทศไทย จังหวัดล าปางในสมัยก่อนนั้น ชาวไทลื้อส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ที่หมู่บ้านกล้วยหลวง จากนั้น ประชากรได้เพิ่มมากขึ้นจึงได้ แตกแยกออกเป็น 7 หมู่บ้าน คือ 1. บ้านกล้วยหลวง 2. บ้านกล้วยม่วง 3. บ้านกล้วยแพะ 4. บ้านกล้วยกลาง 5. บ้านหัวฝาย 6. บ้านกล้วยหลวงพัฒนา และ 7. บ้านประสบสุข ฉะนั้น ลายผ้าทอไทลื้อจึงมีมานาน มีการสืบทอดลายผ้าทอกันมารุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่สมัยการรวมกลุ่มของ ชาติพันธุ์ไทลื้อ ในพื้นที่ มีการสืบทอดลายผ้ากันมาจากรุ่นสู่รุ่นและลายผ้ามีการพัฒนารูปแบบ ลายตามยุคตามสมัย เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้นจึงเกิดการแยกหมู่บ้านออก เป็นหมู่บ้านกล้วย หลวงพัฒนา หมู่ที่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีกลุ่ม ชาติพันธุ์ไทลื้ออาศัยอยู่และทางชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนายังมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไท ลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา ที่มีการทอไทลื้อแบบดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ไท ลื้ออยู่และมีผ้าทอไทลื้อหลากหลายรูปแบบที่มีการประยุกต์ผสมผสานลายผ้าทอของกลุ่มชาติ พันธุ์ไทลื้อด้วย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อ เริ่มก่อตั้งกลุ่มเมื่อปี พ.ศ. 2557 กลุ่มได้มีการ จดทะเบียนว่าเป็นกลุ่มวิสาหกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2558 และเริ่มมีการทอผ้าทอร่วมสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2560 และปัจจุบันทางกลุ่มวิสาหกิจผ้าทอไทลื้อยังมีการทอผ้าทอมือ เป็นการทอผ้าลาย ดั้งเดิมที่ยังคงอนุรักษ์เอกลักษณ์ของลายผ้าของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อไว้ให้อยู่ควบคู่กับชุมชน บ้านกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง และต าบลกล้วยแพะ มี 7 หมู่บ้าน บ้านกล้วยหลวงพัฒนาเป็นหมู่บ้านเดียวที่มีกลุ่มผ้าทอไทลื้อที่ยังคงสืบสานและ อนุรักษ์ลายผ้าทอของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อไว้อีกด้วย ขั้นตอนการทอผ้าไทลื้อ ขั้นตอนการทอผ้าไทลื้อของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชน กล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒน า ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง มีกระบวนการขั้นตอนการทอผ้าที่เป็นแบบ ของกลุ่ม ดังนี้
1. การเก็บดอกฝ้าย 2. การน าดอกฝ้ายมายีฟองให้มีลักษณะที่เป็นก า 3. การน าฝ้ายมาปั่นให้เป็นม้วน หรือภาษาไทลื้อเรียกว่า (ฮ า) 4. การน าฝ้ายที่ปั่นมาย้อมสีธรรมชาติ 5. การน าฝ้ายที่ปั่นเสร็จและย้อมสีธรรมชาติแล้วมา กวัก หรือ การทอให้เป็น เส้นด้าย 6. พอได้ เส้นด้าย จากการทอเส้นด้ายหรือ การกวัก เสร็จแล้วจะน ามาม้วนเก็บให้ เป็นชิ้น 7. พอได้เส้นด้ายจากการกวักหรือการทอเส้นด้ายแล้วจึงน ามาทอผ้าได้ โดยมี ขั้นตอนการทอผ้าดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 น าฝ้ายเป็นใจมาคลี่ออกใส่กงกว๊าง เพื่อน าไปพันใส่บ่าหลุกกวักฝ้าย แล้วน ามาขินหรือปั่นใส่กระป๋องหรือหลอดไม้ขนาดใหญ่ การปั่นฝ้ายใส่กระป๋อง ถ้าต้องการ เส้นฝ้ายที่มีเส้นใหญ่ อาจจะปั่นครั้งละ 2-3 ใจ ให้เส้นฝ้ายมารวมกัน ขั้นตอนที่ 2 น ากระป๋องที่มีเส้นฝ้ายพันอยู่ไปเรียงตามล าดับ สี ของเส้นฝ้ายเส้นยืน ตามลวดลายที่จะทอ โดยน ามาเรียงครั้งละประมาณ 40 กระป๋อง จะได้เส้นฝ้ายยืนครั้งละ 40 เส้น แล้วน าแต่ละเส้นไปคล้องกับบันไดลิง เพื่อไม้ให้เส้นฝ้ายพันกันและขึ้นเฟือขอต่อไป ขั้นตอนที่ 3 น าฝ้ายเส้นพุ่งจากบันไดลิงมาขึ้นเฟือขอ ซึ่งเฟือขอจะท าหน้าที่ส าหรับ เรียงฝ้ายเส้นยืนตามความยาวที่ต้องการ และท าการสลับเส้นยืนส าหรับใช้กับตะกอเส้นขึ้น เส้นลงด้านล่างของเฟือขอเมื่อสิ้นสุด การเรียงเส้นฝ้ายจะน าแต่ละเส้นมาม้วนเพื่อให้เกิด ลักษณะของการสลับเส้น ส าหรับการทอยกเป็นเส้นขึ้นเส้นลงที่ด้านล่างขาวของเฟือขอ ขั้นตอนที่ 4 น ากลุ่มฝ้ายเส้นยืนจากเฟือขอมาขึ้นกี่ แล้วคลี่ฝ้ายเส้นยืนตามที่ได้ ก าหนดไว้ โดยใช้เขี้ยวหมาหรือฟันปลาเป็นตัวช่วยในการสางเส้นฝ้ายแต่ละกลุ่มเส้นออกจาก กัน เส้นด้ายในการทอลายหนึ่ง เพื่อแยกเส้นด้ายในการน าไปสืบฝ้ายกับเขาฟืม ขั้นตอนที่ 5 หากทอลายเดิมที่เคยทอมา ก็จะน าฝ้ายเส้นยืนใหม่มาต่อกับเศษผ้าฝ้าย หรือเชิงชายที่ตัดมาจากการทอครั้งก่อนที่เรียกว่า "เครือ" เมื่อทอผ้าเสร็จแล้ว ช่างทอจะตัดผ้า ที่ทอแล้วออกจากกี่ โดยคงเหลือเศษผ้าฝ้ายหรือเชิงชายจากการทอให้ติดอยู่กับตะกอและฟืม เพื่อเป็นต้นแบบของลาย หากจะมีการทอลายนั้นในครั้งต่อไป เพื่อให้การสืบต่อลายท าได้ง่าย ขึ้น เพราะถ้าไม่เก็บไว้ การเริ่มต้นขึ้นลายใหม่จะมีความยากล าบากมาก ดังนั้นช่างทอจึงต้อง เก็บลายไว้ทุกเครือ เนื่องจากเส้นยืนมีความยาวมาก ก่อนทอหรือเมื่อทอไปได้สักระยะหนึ่ง เส้นยืนอาจจะพันกันได้ ดังนั้นจึงต้องคอยคลี่จัดเส้นยืนออกไม่ให้พันกัน
ขั้นตอนที่ 6 หลังจากการสืบลายแล้ว สามารถเริ่มกระบวนการทอได้ โดยการ เหยียบไม้เหยียบเพื่อยกเขาฟืมขึ้นลง แล้วพุ่งกระสวยสอดเข้าไปในช่องว่างระหว่างเส้นยืน ให้ เส้นพุ่งพุ่งไปขัดกับเส้นยืน และใช้ฟืมดันให้เส้นพุ่งอัดเรียงกันแน่น แล้วใช้เท้าเหยียบไม้เหยียบ ให้ตะกอเส้นยืนสลับขึ้นลง และพุ่งกระสวยกลับไปกลับมาขัดกับเส้นยืน หลังจากที่พุ่งเส้นพุ่ง ไป มา และใช้ฟืมดันให้เส้นพุ่งแน่นหลายๆ ครั้ง ก็จะได้ผ้าทอเป็นผืน แล้วน าไปแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่อไป ประเภทของลายผ้าและชื่อเรียกลายผ้าของลายผ้าทอไทลื้อแต่ละชนิด ผ้าซิ่น
ถุงย่าม
ผ้าทอที่ใช้ทางพระพุทธศาสนา การเลือกใช้สีบนลายผ้าทอไทลื้อ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วย แพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง มีการเลือกใช้สีบนลายผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มคือ สีด า สี ม่วง สีฟ้า 3 สีนี้เป็นที่ทางกลุ่มวิสาหกิจผ้าทอไทลื้อ น ามาใช้ย้อมบนลายผ้าทอไทลื้อมากที่สุด เพราะเป็นสีที่หาได้จากธรรมชาติ หาได้ง่ายตามครัวเรือนและชุมชน กล่าวคือ สีที่ได้จากหมาก แห้ง คลั่ง และไม้ฝาง 3 สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายในชุมชน ลายผ้าทอไทลื้อของกลุ่มจึงมักมี 3 สี นี้อยู่บนผ้าทอ ฉะนั้นจะมองเห็นได้ว่า สีที่เลือกใช้บนลายผ้า สาเหตุที่เลือกใช้สีนี้ เพราะว่าเป็น สีธรรมชาติที่สามารถหาได้ในชุมชนและราคาต้นทุนไม่แพง ทางกลุ่มจึงนิยมใช้สีเหล่านั้นใน การน ามาเป็นลายในการทอผ้า เป็นต้น เอกลักษณ์และจุดเด่นของลายผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วย แพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง มีความเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของลายผ้าทอที่ไม่ เหมือนกับกลุ่มผ้าทออื่น กล่าวคือ เป็นกลุ่มเดียวในอ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง ที่ยังคง เอกลักษณ์การทอผ้าทอไทลื้อไว้ควบคู่กับคนในพื้นที่ชุมชนได้ มีการทอผ้าลายทอไวลื้อ ที่มี จุดเด่นและยังคงความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อไว้ และสีบนลายผ้าทอที่ทางกลุ่มเลือกมาทอ ทุกสีของทางกลุ่มเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติทั้งสิ้นโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นสีที่ได้จากวัตถุดิบที่ สามารถหาได้ในชุมชนเช่น สีที่ได้จากหมากแห้ง คลั่ง เป็นต้น ผ่านขั้นตอนกระบวนการย้อมสี
ต่างๆที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้จากชุมชน การย้อมสีจากธรรมชาติจึงเป็นจุดเด่นของ ลายผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา ที่ปราศจากการย้อมสีจากสารเคมี ทางกลุ่มจะน าผ้าที่ ย้อมสีเคมีมาใช้ทอเป็นลายผ้าทอก็ต่อเมื่อมีลูกค้าสั่งลายที่ต้องการสีที่หลากหลาย ทางกลุ่ม จ าเป็นต้องใช้ต้องใช้ผ้าที่ย้อมสีเคมีน ามาทอ เป็นต้น
ปราชญ์ด้านการทอผ้าไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา ภูมิปัญญาด้านการตัดเย็บ ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการตัดเย็บ 1. ชื่อ : แม่สองเมือง ค าเขื่อน 2. วัน เดือน ปีเกิด :12 มิถุนายน 2500 เพศ : หญิง อายุ : 66 ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 341 หมู่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง 4. เบอร์โทรศัพท์: 0945743460 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: วันที่ 28 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้าน : การตัดเย็บ จุดเริ่มต้นของการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อเกิดขึ้นอย่างไร จุดเริ่มต้นของการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ ของแม่สองเมือง ค าเขื่อน เกิดขึ้นจากการ สังเกตการมองเห็นการตัดเย็บการ การทอผ้ามาตั้งแต่เด็ก เริ่มมีการฝึกตัดเย็บผ้าทอไทลื้อเมื่อ อายุประมาณ 34 ปี โดยผู้สอนคือ แม่บุญมา อุ่นอินทร์ เป็นเครือญาติพี่น้องเดียวกันกับแม่ สองเมือง แม่บุญมา อุ่นอินทร์ เมื่อสมัยอดีตมีจักรเย็บผ้า ส่วนตัวอยู่ที่บ้านจึงท าอาชีพตัดเย็บ ผ้าทั้งตัดเย็บใส่เองและตัดเย็บใส่ขาย แม่สองเมือง ค าเขื่อน จึงเข้าไปเรียนไปศึกษาวิธีการตัด เย็บจากแม่บุญมา อุ่นอินทร์มา และ เกิดการสืบทอดการท าตัดเย็บท ามาจนถึงปัจจุบัน ได้รับการฝึกสอนและการสืบทอดการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อจากใคร แม่สองเมือง ค าเขื่อน ได้รับการฝึกสอนการตัดเย็บมาจาก แม่บุญมา อุ่นอินทร์ ซึ่ง เป็นเครือญาติพี่น้องด้วยกัน แม่สองเมือง ค าเขื่อน ได้ไปฝึกเรียนรู้ ความรู้เรื่องการตัดเย็บมา จากแม่บุญมา ที่บ้านของแม่บุญมาและได้มีการฝึกตัดเย็บมาเรื่อยๆ และสืบทอดมาจนถึง ปัจจุบัน
ขั้นตอนและวิธีการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อเป็นอย่างไร ขั้นตอนและวิธีการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ เป็นขั้นตอนและวิธีการที่เหมือนกันทั่วไปของ การตัดเย็บผ้า แม่สองเมือง ค าเขื่อน กล่าวว่าก่อนที่จะเริ่มการตัดเย็บผ้าขั้นตอนแรกต้องมีการ สร้างแบบรูปแบบทรงของผ้าก่อนโดยน ากระดาษแบ่งตัดออกเป็นรูปทรงและขนาดของผ้าที่ เราต้องการ ส่วนมากการตัดเย็บของทางกลุ่มวิสาหกิจผ้าทอไทลื้อฯ จะเป็นการตัดเย็บเสื้อ กับ ผ้าซิ่นของทางกลุ่ม ความยากง่ายระหว่างเสื้อกับผ้าซิ่น การตัดเย็บผ้าซิ่นจะง่ายกว่าส่วนในตัว ของเสื้อการตัดเย็บจะมีลักษณะที่ตัดเย็บยากกว่า เป็นต้น ระยะเวลาในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ระยะเวลาในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ แม่สองเมือง ค าเขื่อน กล่าวว่า แล้วแต่เทคนิค ความสามารถและความถนัดของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นผ้าซิ่นถ้ามีทักษะในการตัดเย็บใช้เวลา เพียง 30 นาที ถ้าไม่ถนัดอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนเสื้อถ้ามีความถนัดประมาณ 45-50 นาที แต้ถ้าไม่ถนัดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ระยะเวลาในการตัดเย็บ ผ้าทอไทลื้อ จึงอยู่ที่ทักษะและความสามารถความถนัดของแต่ละบุคคล วัสดุ/อุปกรณ์ ที่ใช้ในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อมีอะไรบ้าง วัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ มีดังนี้ 1.จักรเย็บผ้า 2. จักรพ่วง 3. กรรไกร 4. ไม้บรรทัด 5. สายวัดตัว 6. เข็มหมุด 7. ดินสอ/สี 8. ด้ายเย็บผ้า 9. ทรงกระดาษแข็ง
1. ชื่อ : แม่หยัด แจ้ค า 2. วัน เดือน ปีเกิด :6 กันยายน 2488 เพศ : หญิง อายุ : 79 ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 7/2 หมู่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง 4. เบอร์โทรศัพท์: - 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: วันที่ 28 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้าน : การเย็บผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อเป็นอย่างไร จุดเริ่มต้นของการตัดเย็บของแม่หยัด แจ้ค า มีความสนใจในเรื่องของการตัดเย็บผ้า จากนั้นได้รับการฝึกสอนจากแม่กุหลาบ ใจงาม เริ่มฝึกสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ประมาณ 46 ปี ที่ผ่านมา เริ่มมีการฝึกตัดเย็บตั้งแต่อายุ 18 ปี และได้มีการฝึกท าเรื่อยๆ แม่หยัด แจ้ค า กล่าวว่า สมัยอดีตนั้นเด็กผู้หญิงทุกคนต้องตัดเย็บผ้าและทอผ้าเป็นตั้งแต่เด็กเพราะถ้าตัดเย็บ ไม่เป็นก็ไม่สามารถออกไปแต่งงานมีครอบครัวได้ ได้รับการฝึกสอนและการสืบทอดการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อจากใคร แม่หยัด แจ้ค า มีความสนใจในเรื่องของการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ จ าได้มีการเรียนจาก แม่กุหลาบ ใจงาม และสืบทอดการตัดเย็บมาเรื่อยๆจนปัจจุบัน ขั้นตอนและวิธีการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อเป็นอย่างไร แม่หยัด แจ้ค า กล่าวว่า ขั้นตอนและวิธีการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อ เป็นวิธีการตัดเย็บ ผ้าแบบทั่วไปกล่าวคือ ต้องมีการสร้างแบบโครงร่างของผ้าตัดก่อน โดยใช้กระดาษแข็งตัด ออกมาเป็นรูปทรงของผ้าที่จะตัดและตัดตามทรงและน ามาเย็บตามขั้นตอนกระบวนการของ การตัดเย็บผ้าทั่วไป ระยะเวลาในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ แม่หยัด แจ้ค า กล่าวว่าระยะเวลาที่ใช้ในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อนั้นมักจะแตกต่าง กันไปในแต่ละตัวของบุคคลขึ้นอยู่กับความถนัด ความสามารถของบุคคลนั้นๆ แต่การตัดเย็บ ระยะเวลาที่ใช้มักจะไม่เกิน 2 ชั่วโมง หากมีพื้นฐานการตัดเย็บผ้าอยู่แล้ว เป็นต้น
วัสดุ/อุปกรณ์ ที่ใช้ในการตัดเย็บผ้าทอไทลื้อมีอะไรบ้าง 1. จักรเย็บผ้า 2. จักรพ่วง 3. กรรไกร 4. ไม้บรรทัด 5. สายวัดตัว 6. เข็มหมุด 7. ดินสอ/สี 8. ด้ายเย็บผ้า 9. ทรงกระดาษแข็ง
ภูมิปัญญาด้านการทอผ้า ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการทอผ้า 1. ชื่อ : แม่ศรีจันทร์ ใจนา 2. วัน เดือน ปีเกิด : 24 เมษายน 2491 เพศ : หญิง อายุ : 75 ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 18/1 หมู่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง 4. เบอร์โทรศัพท์: - 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: วันที่ 26 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้าน : การทอผ้าในปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของการทอผ้าปัจจุบันเกิดขึ้นได้อย่างไร จุดเริ่มต้นของการทอผ้าร่วมสมัยมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2564 โดยใช้เทคนิคและวิธีการ ในการทอผ้าแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับลายประยุกต์ที่เป็นลายผ้าในรูปแบบของจังหวัด ล าปาง มีกระบวนการทอผ้าที่มีความทันสมัยและยังคงยึดการทอผ้าแบบดั้งเดิมไว้เพื่อคง เอกลักษณ์การทอผ้าที่เป็นของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ได้รับการฝึกสอนและสืบทอดการทอผ้าแบบร่วมสมัยจากใคร ได้รับการฝึกสอนมาจากแม่ และสืบทอดมาจากยายๆแถวๆบ้าน ระยะเวลาที่ใช้ในการทอผ้าปัจจุบัน ผ้าถุง 2 ผืน จะใช้ระยะเวลา 1 วัน ตีนซิ่นหรือเอวซิ่น 2 เมตร จะใช้ระยะเวลา 1วัน การทอผ้าปัจจุบันมีลายผ้าแบบใดและมีลักษณะอย่างไรบ้าง ลายตาลื้อ ลายตายืน ลายตาขวาง
ขั้นตอนและวิธีการทอผ้าแบบร่วมสมัยเป็นอย่างไร ขั้นตอนและวิธีการทอผ้าทอไทลื้อแบบร่วมสมัย มีขั้นตอนและวิธีการที่ เหมือนกันทั่วไป โดยขึ้นตอนแรกต้องมีการขึ้นโครงของผ้าทอเพื่อให้ทราบขนาดความกว้าง ของผ้าทอก่อน แล้วจะมีการทอผ้าจามแบบลายผ้าร่วมสมัย นั่นมีความละเอียดเฉพาะลาย การทอผ้าร่วมสมัยจะใช้เวลาท า 2-3 วัน เพราะลายผ้าแบบร่วมสมัยนั้นมีความละเอียดและ ซับซ้อนกว่าลายผ้าแบบดั้งเดิม จึงใช้ระยะเวลาในการท าที่ยาวนานกว่าการทอผ้าแบบดั้งเดิม หลังจากทอเสร็จก็จะส่งต่อให้กับฝ่ายตัดเย็บ เพื่อตัดเย็บและเก็บรายละเอียดต่อไป
1. ชื่อ : แม่บุญเสาร์อุ่นผูก 2. วัน เดือน ปีเกิด : เพศ : อายุ : ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 4. เบอร์โทรศัพท์: 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: 6. ความถนัดเฉพาะด้าน : การทอผ้าแบบดั้งเดิม จุดเริ่มต้นของการทอผ้าแบบดั้งเดิมเกิดขึ้นได้อย่างไร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา มีการเริ่มต้นทอผ้าตั้งแต่ปี พ.ศ 2557 โดยมีวิธีการทอผ้าในรูปแบบดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของ ทางกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อและยังเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของกลุ่มที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอดีต ผ้าทอของไทลื้อได้รับยกย่องว่ามีความโดดเด่น ด้วยเทคนิควิธีการทอผ้าที่หลากหลาย ต้อง อาศัยความช านาญที่สืบทอดกันมา ผ้าไทลื้อและการแต่งกายตามประเพณีไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของกิจวัตรประจ าวัน แต่เสื้อผ้า ผ้านุ่ง และผลิตภัณฑ์ของไทลื้อ เป็นส่วนหนึ่งของการน าเสนอ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่ม ระยะเวลาที่ใช้ในการทอผ้าแบบดั้งเดิม ระยะเวลาในการทอผ้าต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคและความสามารถในด้านการทอผ้าและ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลายผ้าที่มาจากลูกค้า ว่าต้องการสีแบบไหนและลักษณะลายเป็น อย่างไร การทอผ้าทอแบบดั้งเดิมมีลายผ้าแบบใดและมีลักษณะอย่างไรบ้าง ลายผ้าแบบดั้งเดิมมีลักษณะที่เป็นลายที่มีเอกลักษณ์ของทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้า ทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา และมีลายผ้าทอไทลื้อแบบดั้งเดิม ดังนี้ 1. ซิ่นลายตาขวาง 2. ซิ่นลายตายืน 3. ซิ่นลายตาตอก 4. ซิ่นลายตีนจก 5. ซิ่นลายตาหมู่ 6. ซิ่นลายตาห้อย 7. ซิ่นลายขอ 8. ซิ่นตาซิ่ว 9. เสื้อด าย้อมหม้อฮ่อม
1. ชื่อ : แม่เมา ปะละน่าน 2. วัน เดือน ปีเกิด 06 ตุลาคม 2549 เพศ หญิง อายุ 70 ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 335 หมู่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง 4. เบอร์โทรศัพท์: 0822045586 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์ : วันที่ 26 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้าน การทอผ้าร่วมสมัย จุดเริ่มต้นของการทอผ้าแบบร่วมสมัยเกิดขึ้นได้อย่างไร เริ่มต้นการทอผ้าในปี พ.ศ 2558 และเริ่มต้นการทอผ้าร่วมสมัยมาจากพระอาจารย์ โชคทวี ชยพโล ได้รับการฝึกสอนและสืบทอดการทอผ้าแบบร่วมสมัยจากใคร ได้รับการฝึกสอนมาจากคนในครอบครัว และสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ขั้นตอนและวิธีการทอผ้าแบบร่วมสมัยเป็นอย่างไร ขั้นตอนแรกเริ่มต้นสืบฮุ๊ก จากนั้นจะน าเส้นด้ายมา จาม ดูถ้าดีจะสามารถทอได้แต่ ถ้าไม่ดีจะต้องแก้ไขจากนั้นก็เริ่มต้นการทอผ้าได้โดยที่ทอสลับสีกันไปเรื่อยๆ ระยะเวลาที่ใช้ในการทอผ้าแบบร่วมสมัย ผ้าถุง 2 ผืน จะใช้ระยะเวลา 1 วัน ตีนซิ่นหรือเอวซิ่น 2 เมตร จะใช้ระยะเวลา 1วัน การทอผ้าทอแบบร่วมสมัยมีลายผ้าแบบใดและมีลักษณะอย่างไรบ้าง ลายสายฝน ลายประยุกต์ ลายตายืน ลายตาขวาง ลายเวียงละคอน หรือ เวียงละครไส้หมู
1. ชื่อ : พระอาจารย์โชคทวี ชยพโล 2. วัน/เดือน/ปีเกิด : 3 มิถุนายน 2530 อายุ 36 ปี เพศ ชาย 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 4. เบอร์โทรศัพท์: 0830791364 5. วัน/เดือน/ปีที่สัมภาษณ์: วันที่ 30 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้าน การทอผ้าและการแกะลายผ้าทอร่วมสมัย จุดเริ่มต้นของการทอผ้าแบบร่วมสมัยเกิดขึ้นได้อย่างไร จุดเริ่มต้นของการทอผ้าแบบร่วมสมัยเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2564 โดยมีการน าผ้ามทอ ของทางกลุ่มมาผสมผสานกับลายสมัยใหม่ในยุคปัจจุบันแต่ยังคงเอกลักษณ์ลายผ้าทอไทลื้อ ของทางกลุ่มไว้ เกิดการผสมผสานระหว่างรูปแบบลายผ้าสมัยใหม่ร่วมกับลายผ้าทอไทลื้อ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆให้เข้ามาซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ของทางกลุ่มและเริ่มมีความสนใจใน เรื่องของการแกะลายผ้าทอร่วมสมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 โดยศึกษาหาความรู้ เรื่องการแกะ ลายผ้าทอร่วมสมัยเองและการเข้ารับการฝึกอบรมต่างๆเกี่ยวกับการแกะลายของผ้าทอ เป็น ต้น ระยะเวลาที่ใช้ในการทอผ้าแบบร่วมสมัย ระยะเวลาในการทอผ้าต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคและความสามารถในด้านการทอผ้าและ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลายผ้าและการเลือกใช้อุปกรณ์ รวมไปถึงการเล่นสีของลายผ้า การทอผ้าแบบร่วมสมัยมีลายผ้าแบบใดและมีลักษณะอย่างไรบ้าง ลายผ้าแบบร่วมสมัยของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วย หลวงพัฒนา มีลักษณะที่เป็นลายผสมผสานกับลายผ้าทอไทลื้อของจังหวัดล าปาง และมีลาย ผ้าทอไทลื้อแบบร่วมสมัย ดังนี้ 1. ผ้าลายดอกรักราชกัญญา (ประเภทผ้ามัดหมี่) 2. ผ้าลายละกอนไส้หมู 3. ผ้าลายดอกพุทธ 4. ผ้าลายดอกพิกุล 5. ผ้าลายงาขี้ม้อน
6. ผ้าลายเกร็ดเต่า 7. ซิ่นมัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ 8. ซิ่นลายเชิงผ้ารูปหัวใจ 9. ซิ่นลายตีนแดงน้ าหมาก (ซิ่นไทลื้อล าปาง) 10. ซิ่นไทลื้อล าปางคณะสี 11. ซิ่นลายล าปาง 12. ซิ่นลายประยุกต์ 13. ซิ่นลายผสมผสาน (ตาห้อยและตาซิ่ว) 14. ผ้าไตรจีวร 15. ผ้าอาบน้ าฝน 16. ตุง จุดเริ่มต้นของการแกะลายผ้าแบบร่วมสมัยเกิดขึ้นได้อย่างไร เริ่มต้นการแกะลายผ้าทอร่วมสมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ 2564 โดยเริ่มจากการสังเกตการ ทอผ้าแบบร่วมสมัยของผู้สูงอายุในชุมชน จึงน ามาแกะเป็นลายผ้าแบบร่วมสมัย ด้วยการใช้ ฝีมือและรูปแบบหรือเทคนิคการแกะลายมาใช้ เป็นการสังเกตการณ์ทอผ้าแบบร่วมสมัยด้วย ตนเองจึงน ามาแกะลายผ้าของทางกลุ่มที่มีความผสมผสานลายผ้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้า ทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนากับลายผ้าทอไทลื้อของจังหวัดล าปางให้มี ความโดดเด่นและทันสมัยมากขึ้น การแกะลายผ้าทอร่วมสมัยมีลักษณะเป็นอย่างไร ระยะเวลาในการแกะลายผ้าต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคและความสามารถของกลุ่มและ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลายผ้าและการเลือกใช้อุปกรณ์ รวมไปถึงการเล่นสีของลายผ้าทอ ไทลื้อที่มีความทันสมัยในปัจจุบัน
ภูมิปัญญาด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ 1. ชื่อ : แม่กลม แสนเงิน 2. วัน เดือน ปีเกิด 11 สิงหาคม 2488 เพศ หญิง อายุ78 ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 143/1 หมู่ 1 ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง 4. เบอร์โทรศัพท์: - 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: วันที่ 30 กันยายน 2566 6. ความถนัดเฉพาะด้านการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ การย้อมสีจากเส้นใยธรรมชาติมีทั้งหมดกี่สี และแต่ละสีจะน าไปใช้ในการลง ลายแบบใด กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา มีการย้อมสี จากเส้นใยธรรมชาติมีทั้งหมด 3 สี ทั้ง 3 สีจะได้มากจาก การย้อมสีจากคลั่ง การย้อมสีจาก หมากแห้ง และการย้อมสีจากไม้ฝาง แต่ละสีจะน าไปใช้ในการลงลายผ้าแบบดั้งเดิมคือ สีม่วง สีด าและสีน้ าเงินเป็นลายผ้าไทลื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม ขั้นตอนและวิธีการย้อมสีจากเส้นใยธรรมชาติเป็นอย่างไร การย้อมสีจากคลั่ง 1. น าคลั่งไปต าและน าไปเขี้ยว ต้มใส่น้ าใบหอมเกียว ยางดอกรักและยางต้นกล้วย 2. กรองเอาน้ า เพื่อน าฝ้ายหรือไหมที่ท าความสะอาดเส้นใยแล้ว ลงไปต้ม (แต่เส้น ไหมจะติดดีกว่าเส้นฝ้าย) 3. ใส่เกลือและน าฝ้ายหรือไหมที่ได้มาล้างน้ าด่างขี้เถ้า แล้วน าเอาไปตากให้แห้ง 4. จะได้เส้นฝ้ายหรือเส้นไหมจากสีคลั่ง คือ สีแดง
การย้อมสีจากหมากแห้ง 1. น าหมากแห้งไปแช่น้ า ประมาณ 2-3 คืน จะน าเกลือใส่ลงไปในน้ า และเอาเหล็ก ไปเผาแล้วจึงน ามาต้มใส่ยางกล้วย จะได้สีเทาและหากต้องการให้เส้นฝ้ายหรือเส้นไหมเป็นสี ด า ต้องน ามาผสมน้ าด่างขี้เถ้า 30-45 นาที แล้วน าไปตาก 2. น าเส้นฝ้ายหรือเส้นไหมไปต้มให้เกิดสี โดยการใส่มอแด๊น หรือการสกัดสีแบบเย็น เป็นการจับสี เพื่อท าปฏิกิริยาให้เกิดสี 3. จะได้เส้นฝ้ายหรือเส้นไหมจากสีหมากแห้ง คือ สีเหลืองอ่อน การย้อมสีจากไม้ฝาง 1. การย้อมสีเส้นใยด้วยฝาง ส่วนที่ใช้คือ แก่นต้น โดยใช้วิธีการต้มเพื่อสกัดสี 2. ย้อมเส้นใยได้ 1 กิโลกรัม ย้อมด้วยกรรมวิธีย้อมร้อน โดยใช้น้ าใบเหมือดแอ 1 ส่วน ผสมกับสีจากฝาง 2 ส่วน ย้อมนาน 1 ชั่วโมง 3. หลังย้อมน าเส้นใยมาแช่ในสารละลายช่วยติดสีคือ สารส้ม จะได้เส้นใยสีส้มแดง 4. การย้อมเส้นใยจากน้ าสีของฝางเพียงอย่างเดียวโดยไม่ใช้น้ าใบเหมือดแอจะได้ เส้นใยสีส้มอ่อน ย้อมเส้นใยด้วยกรรมวิธีย้อมร้อน หลังย้อมแช่สารละลายสารช่วยติดสีจุนสี จะได้เส้นใยสีน้ าตาล 5. จะได้เส้นฝ้ายหรือเส้นไหมจากสีไม้ฝาง คือ สีส้มแดงและสีน้ าตาล ระยะเวลาที่ใช้ในการย้อมสีจากเส้นใยธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับการติดสีของเส้นฝ้ายและเส้นไหม โดยแต่ละสีที่ใช้ในการน ามาย้อมจะใช้ ระยะเวลาไม่เท่ากัน ประมาณ 1 วันและรอการตากแห้ง ประมาณ 1 วัน วัตถุดิบธรรมชาติที่ใช้ในการย้อมสีเส้นใยธรรมชาติ 1. คลั่ง 2. หมากแห้ง 3. ไม้ฝาง 4. ยางต้นกล้วย 5. ยางบอน 6. ยางดอกรัก วัสดุ/อุปกรณ์ที่ใช้ในการย้อมสีจากเส้นใยธรรมชาติมีอะไรบ้าง 1. หม้อสแตนเลส ขนาด ๓๐ – ๓๖ ซม. หรือหม้อเคลือบ หรือกระทะใบบัวที่ใช้ ย้อมตามปกติ 2. ไม้พาย ส าหรับกวน และพลิกด้ายขณะย้อม ควรเป็นพายที่ท าด้วยไม้มีขนาดใหญ่ พอที่จะรับน้ าหนักด้ายเปียกในหม้อย้อม
3. เตาแก๊สแบบร้อนเร็ว (สามารถควบคุมอุณหภูมิของเปลวไฟได้ดีกว่าใช้ฟืน) หรือ เตาที่ใช้ย้อมตามปกติ 4. กะละมัง ส าหรับล้างด้ายฝ้ายก่อนย้อมและที่ย้อมแล้ว (หรือใช้ภาชนะอื่นแทนได้) 5. ถังน้ าพลาสติก
ภูมิปัญญาด้านข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 1. ชื่อ : แม่อุ้ยผัด ปะละน่าน 2. วัน เดือน ปีเกิด : เพศ : อายุ : ปี 3. ที่อยู่ปัจจุบัน : 4. เบอร์โทรศัพท์: 5. วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์: 6. ความถนัดเฉพาะด้าน : ข้อมูลลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้รับการสืบทอดมาได้อย่างไร จัดเริ่มต้นในการทอผ้าของแม่อุ้ยผัด ปะละน่าน ได้รับการสืบทอดมาจาก คนในครอบครัวและบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นการสืบทอดกันในครอบครัว ชื่อของลายผ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 1. ผ้าซิ่นลายตาขวาง 2. ผ้าซิ่นลายตายืน 3. ผ้าซิ่นลายตาตอก 4. ผ้าซิ่นลายตีนจก 5. ผ้าซิ่นลายตาหมู่ 6. ผ้าซิ่นลายตาห้อย 7. ผ้าซิ่นลายขอ 8. ผ้าซิ่นตาซิ่ว 9. เสื้อด าย้อมหม้อฮ่อม
เอกลักษณ์ของลายผ้าทอที่เป็นของกลุ่มวิสาหกิจผ้าทอไทลื้อฯ เอกลักษณ์ผ้าทอของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชน บ้านกล้วยหลวงพัฒนา ต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง มีการใช้สีจากธรรมชาติ ในการย้อมสีและยังมีลายผ้าที่สื่อถึงความเป็นชาติพันธุ์ไทลื้อที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนา ลายผ้าทอในปัจจุบันมีอะไรบ้างและมีลักษณะลายผ้าทอเป็นแบบใด ลักษณะของลายผ้าทอปัจจุบันเป็นผ้าทอที่มีการผสมผสานและการ ประยุกต์ลายของผ้าทอให้มีความทันสมัยและความต้องการของผู้ที่เข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอ กับทางกลุ่มและอาจมีการใช้เส้นใบพลาสติก เส้นด้ายสังเคราะห์ในการทอผิอีกด้วย ซึ่งลายผ้า ทอในปัจจุบันมีดังนี้ 1. ลายตาลื้อ 2. ลายตายืน 3. ลายตาขวาง จุดเริ่มต้นของการทอผ้าแบบดั้งเดิมเกิดขึ้นได้อย่างไร จุดเริ่มต้นการทอผ้าแบบดั้งเดิม แม่อุ้ยผัด ปะละน่าน กล่าวว่าการทอผ้า เกิดมาจากการฝึกสอนกันในครอบครัว มีการสืบทอดการทอผ้ามาแบบรุ่นสู่รุ่น ในสมัยอดีต เป็นการทอผ้าเพื่อใช้กันในครัวเรือนเท่านั้นทุกครัวเรือนจึงมักจะทอผ้าเป็น เป็นต้น ได้รับการฝึกสอนและสืบทอดการทอผ้าแบบดั้งเดิมจากใคร ชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนาสมัยอดีตนั้น การทอผ้าเป็นเพียงการทอผ้า ไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม และของใช้ในครัวเรือนที่ได้รับการฝึกสอนมาจากคนในครอบครัว และปัจจุบัน แม่อุ้ยผัด ปะละน่าน ก็ได้สืบทอดองค์ความรู้และเทคนิคในการทอผ้าทอไทลื้อ ให้กับลูกหลานสืบต่อไป ขั้นตอนและวิธีการทอผ้าแบบดั้งเดิมเป็นอย่างไร ขั้นตอนและวิธีการทอผ้าในอดีตและปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันมาก จะ มีความแตกต่างกันที่ฟืมที่ใช้ในการทอผ้าในอดีตที่มีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันจึงจะใช้เวลาในการ ทอมากกว่า และวัสดุอุปกรณ์อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ระยะเวลาที่ใช้ในการทอผ้าแบบดั้งเดิม ระยะเวลาในการทอผ้าทอแบบดั้งเดิมนั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความ ช านาญของแต่ละบุคคล การทอผ้าแบบดั้งเดิมของแม่อุ้ยผัด ปะละน่าน นั้น ผ้าถุง 1 ผืน จะใช้ ระยะเวลา 2-3 วัน เวลาในการทอผ้านี้จะขึ้นอยู่กับลายผ้าของแต่ละลวดลายด้วย และตีนซิ่น หรือเอวซิ่นจะใช้เวลา 1 วัน จึงขึ้นอยู่กับทักษะวิธีการและความช านาญของแต่ละบุคคล
การทอผ้าทอแบบดั้งเดิมมีลายผ้าแบบใดและมีลักษณะอย่างไรบ้าง ลักษณะของการทอผ้าแบบดั้งเดิมมีลายผ้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ความ เป็นชาติพันธุ์ไทลื้อ ที่มีการสืบทอดกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีลายผ้า แบบดั้งเดิมดังนี้ 1. ซิ่นลายตาขวาง 2. ซิ่นลายตายืน 3. ซิ่นลายตาตอก 4. ซิ่นลายตีนจก 5. ซิ่นลายตาขอ 6. ซิ่นลายตาต้อย 7. ซิ่นลายตาหมู่ 8. ซิ่นลายตาซิ่ว 9. เสื้อด าย้อมหม้อฮ่อม
สรุป กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตรชุมชนกล้วยหลวงพัฒนามีความโดด เด่นในเรื่องของ ภูมิปัญญาการทอผ้าโดยลายผ้าของกลุ่มมีเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ มีขั้นตอนกระบวนการทอผ้าที่มีความละเอียดทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการปลูกฝ้ายไปจนถึง กระบวนการได้มาซึ่งผ้าทอทางกลุ่มผ้าทอไทลื้อกล้วยหลวงพัฒนามีลายผ้าแบบดั้งเดิมของชาติ พันธุ์ไทลื้อที่มีการอนุรักษ์รักษาไว้ไปจนถึงลายผ้าปัจจุบันที่มีความหลากหลายของรูปแบบลาย ผ้าที่มีความทันสมัยหรือประยุกต์ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจให้เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบัน หนังสือรวบรวมข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อและการเกษตร ชุมชนกล้วยหลวงพัฒนาต าบลกล้วยแพะ อ าเภอเมือง จังหวัดล าปาง มีวัตถุป ระสงค์ เพื่อรวบรวมข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อและเพื่อจัดท าหนังสือรวบรวมข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อน าไป เผยแพร่ให้กับชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนา การจัดท าหนังสือรวบรวมข้อมูลลายผ้าทอไทลื้อ จะท าให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าทอไทลื้อกล้วยหลวงพัฒนามีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องชื่อเรียก ลายผ้าทอไทลื้อของกลุ่มและทางกลุ่มผ้าทอไทลื้อกล้วยหลวงพัฒนาได้มีหนังสือรวบรวมลาย ผ้าทอไทลื้อที่เป็นข้อมูลที่ส าคัญของทางกลุ่มและชุมชนบ้านกล้วยหลวงพัฒนาที่สามารถน าไป เผยแพร่หรือต่อยอดให้กับบุคคลอื่นที่สนใจได้
บรรณานุกรม