40
7. การทำร่องบากชิ้นทดสอบ จะตอ้ งเตรยี มช้นิ ทดสอบในทศิ ทางใด?
ก. ขนานกับความยาว
ข. ตัง้ ฉากกับความยาว
ค. ทำมมุ 45 องศากบั ความยาว
ง. ทศิ ทางใดก็ไดข้ ึน้ อยูก่ บั กรรมวิธกี ารทดสอบ
8. ตวั แปรวิกฤติสำคญั ที่สุดของช้นิ ทดสอบคอื ขนาดอย่างไร?
ก. ความกวา้ งของร่องบาก
ข. ความมมุ ของร่องบาก
ค. รศั มกี น้ รอ่ งบาก
ง. พนื้ ท่หี นา้ ตดั ของช้ินทดสอบ
9. ขอ้ ใดไม่ใชป่ จั จัยสำคญั ทม่ี ีผลกระทบต่ออุณหภูมิการเปลี่ยนแปลงความเหนียว?
ก. สว่ นผสมทางเคมีของโลหะงานและลวดเชอื่ ม
ข. ค่าพารามิเตอร์ท่ีใชใ้ นการเช่อื ม
ค. กรรมวธิ ีทดสอบแรงกระแทก
ง. โครงสร้างจลุ ภาค
10. ลกั ษณะการแตกหกั ของชิน้ ทดสอบท่ีสามารถรับพลงั งานแรงกระแทกได้สูง จะมีการแตกหัก
แบบใด?
ก. แตกแบบเปราะ
ข. แตกแบบเหนียว
ค. แตกเปน็ แนวตรง
ง. แตกไมม่ ีทศิ ทาง
41
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 10 หน่วยที่ -
ชือ่ วชิ า การทดสอบงานเชื่อมโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหสั วิชา 30103-2102
สอนคร้งั ท่ี 9 /18
ชอ่ื หน่วย วดั และประเมินผลกลางภาค จำนวน 7 คาบ
ช่ือเรือ่ ง วัดและประเมนิ ผลกลางภาค
1. หัวข้อเร่อื ง
วัดและประเมนิ ผลกลางภาคจากสัปดาห์ท1ี่ -9
2. สมรรถนะยอ่ ย
-
3. จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
-
4. สาระสำคญั
การทดสอบกลางภาคเปน็ การวัดผลความรูค้ วามเข้าใจทน่ี กั เรียนไดเ้ รียนมา 9 ครง้ั เพื่อจะได้
นำผลมาปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดขี ้นึ นักเรียนควรตัง้ ใจทำแบบประเมนิ ดว้ ยความซอื่ สตั ยส์ ุจริต
เพ่อื ใหผ้ ลการประเมนิ มคี วามเที่ยงตรงตามความเป็นจรงิ
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
-
6. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
-
7. ผลงาน/ช้ินงาน/ความสำเร็จของผ้เู รยี น
-
8. การวดั และการประเมนิ ผล
-
9. งานทมี่ อบหมาย
-
10. เอกสารอา้ งอิง
-
11. บันทกึ หลังการสอน
-
42
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 หนว่ ยที่ 4
ชือ่ วชิ า การทดสอบงานเชือ่ มโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหัสวิชา 30103-2102
สอนครงั้ ที่ 11 /18
ชือ่ หนว่ ย การทดสอบการดัดงอแนวเช่อื ม จำนวน 7 คาบ
ชอื่ เรือ่ ง หลักการทดสอบการดดั งอแนวเชอ่ื ม
1. หัวข้อเรือ่ ง
1. หลักการทดสอบการดัดงอแนวเชื่อม
2. วตั ถปุ ระสงคข์ องการทดสอบการดดั งอแนวเชื่อม
2. สมรรถนะยอ่ ย
แสดงความร้เู กีย่ วกบั พื้นฐานเกีย่ วกับหลกั การทดสอบการดดั งอแนวเชือ่ ม
3. จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
ดา้ นความรู้
1. อธบิ ายหลักการทดสอบการดดั งอแนวเชอ่ื มได้
2. บอกวตั ถปุ ระสงค์ของการทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื มได้
ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
แสดงออกดา้ นความสนใจใฝ่รู้ การตรงต่อเวลา ความซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ความมนี ำ้ ใจและแบ่งบนั
ความรว่ มมอื /ยอมรับความคดิ เห็นสว่ นใหญ่
4. สาระสำคญั
การทดสอบแนวเชื่อมด้วยวิธีการดัดงอ สามารถใช้ได้กับรอยต่อชนบากรอ่ ง รอยต่อตัวที การ
เช่อื มเคลือบผวิ และการเชื่อมพอกผวิ ยกเวน้ การเชอื่ มพอกผิวแข็ง
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั สนใจปญั หา (Motivation)
1. ผู้สอนนำอภปิ รายถึงความสำคัญของการทดสอบการดดั งอแนวเช่อื ม
2 ผู้สอนตงั้ โจทย์ถามผเู้ รยี นว่ามีความรพู้ นื้ ฐานการทดสอบการดัดงอแนวเช่ือม
3. ผูส้ อนร่วมสนทนากบั ผูเ้ รยี นใหผ้ ู้เรยี นช่วยสรุปเร่ืองการทดสอบการดัดงอแนวเชื่อม
ขัน้ ศึกษาข้อมลู (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผูส้ อนคอยดูแลให้คำปรกึ ษาและถามนำให้ผู้เรยี นชว่ ยกนั ตอบเป็นการกระต้นุ ให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ท่ีต้องการ และเป็นการวัดผลและประเมนิ จากการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรยี นทั้งใน
ดา้ นความรแู้ ละด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ไปดว้ ย
5. ผสู้ อนมอบให้ผูเ้ รียนร่วมกันสรุปเนอื้ หาทเี่ รียนในหน่วยท่ี 4 พร้อมร่วมสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ทีย่ ังไม่ครบ หรือเพิ่มเตมิ ใหช้ ัดเจน
ข้ันพยายาม (Application)
43
6. ผสู้ อนมอบหมายใหผ้ เู้ รียนทำแบบประเมินผลการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 4
ขนั้ สำเรจ็ ผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมนิ ตนเอง จากจำนวนข้อท่ที ำถกู
6. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 4, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลงั เรยี น
2. หนังสือการทดสอบงานเช่อื มแบบทำลายสภาพ เรียบเรียงโดย ชูชาติ ด้วงสงค์
สำนกั พมิ พ์ ส.ส.ท. และการสืบคน้ จากอนิ เทอร์เน็ต
7. ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสำเร็จของผเู้ รียน
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 4
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยท่ี 4
8. การวดั และการประเมินผล
การวดั ผล การประเมนิ ผล
(ใชเ้ ครื่องมือ) (นำผลเทียบกับเกณฑแ์ ละแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 4 (ไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรยี น)
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 4 เกณฑผ์ า่ น 50%
3. ใบงานประจำหนว่ ย เกณฑ์ผ่าน 50%
9. งานที่มอบหมาย
มอบหมายให้ผู้เรียนลงมอื สรุปและรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับเรอ่ื งการดดั งอแนวเชื่อมและทำแบบทดสอบ
หลงั เรียน
10. เอกสารอา้ งอิง
ชูชาติ ด้วงสงค์ (2555). การทดสอบงานเชอื่ มแบบทำลายสภาพ. กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญีป่ นุ่ ).
44
11. บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
นกั ศกึ ษาได้เรียนรู้ตามจดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ า คำอธบิ ายรายวชิ า โดยเรยี นรู้
ตามตารางวเิ คราะหห์ นว่ ยการเรยี นรู้ ตามกระบวนการจัดการเรยี นการสอนของแผนการสอน มีการ
ทำแบบฝึกหดั ระหวา่ งเรียน เพอ่ื ทดสอบการเรียนรูข้ องนักศึกษา
2. ผลการเรียนของนักเรียน
นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในเร่อื ง หลักการทดสอบการดัดงอแนวเชือ่ ม ตามเนอื้ หาสาระรายหน่วย
การเรียนรู้ และหลังจบการเรียนนกั ศกึ ษามีความรู้เพ่ิมข้ึนอยา่ งชัดเจนโดยสงั เกตจากผลของการทำ
แบบฝกึ หดั ระหว่างเรยี น
นางสาวอารียา พรมชาติ
ครูผู้สอน
45
ใบงานการเรียนรู้ (ทฤษฎี)
เรอื่ ง หลักการทดสอบการดัดงอแนวเช่ือม
1. จงบอกวตั ถุประสงค์ของการทดสอบการดัดงอแนวเชื่อมมา 2 ขอ้
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
2. จงวาดรูปแสดงการดดั งอแนวเช่ือมท่ีด้านหนา้ และ รากแนวเชื่อม
46
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 12 หน่วยท่ี 4
ช่อื วิชา การทดสอบงานเช่ือมโดยทำลาย เวลาเรยี นรวม 126 คาบ
รหัสวิชา 30103-2102
สอนคร้ังที่ 12 /18
ชอ่ื หน่วย การทดสอบการดดั งอแนวเช่อื ม จำนวน 7 คาบ
ชอ่ื เร่อื ง การเตรียมชน้ิ งานทดสอบการดัดงอแนวเชอื่ ม
1. หัวข้อเรอื่ ง
1. การเตรียมช้นิ งานทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม
1.1 ตำแหน่งการตดั ชน้ิ ทดสอบจากงานเชื่อม
1.2 รูปแบบการตดั เตรียมช้ินทดสอบการดดั งอ
2. สมรรถนะย่อย
แสดงความรู้เกีย่ วกบั พ้ืนฐานเก่ยี วกบั การเตรยี มช้ินงานทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม
3. จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
ด้านความรู้
1. อธิบายการเตรยี มชนิ้ งานทดสอบการดดั งอแนวเชอ่ื ม
2. สามารถปฏบิ ตั ิการเตรียมชิน้ งานทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม
ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
แสดงออกด้านความสนใจใฝ่รู้ การตรงตอ่ เวลา ความซอ่ื สัตย์ สุจรติ ความมีนำ้ ใจและแบ่งบนั
ความร่วมมอื /ยอมรับความคดิ เห็นสว่ นใหญ่
4. สาระสำคญั
การทดสอบแนวเชื่อมด้วยวิธีการดัดงอ สามารถใช้ได้กับรอยต่อชนบากรอ่ ง รอยตอ่ ตัวที การ
เชอ่ื มเคลอื บผวิ และการเช่ือมพอกผิว ยกเว้นการเช่อื มพอกผิวแข็ง
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ สนใจปญั หา (Motivation)
1. ผู้สอนนำอภิปรายถงึ ความสำคัญของการเตรยี มช้ินงานทดสอบการดัดงอแนวเชือ่ ม
2 ผู้สอนตง้ั โจทยถ์ ามผูเ้ รียนว่ามีความร้พู ื้นฐานการเตรยี มชนิ้ งานทดสอบการดัดงอแนวเชือ่ ม
3. ผู้สอนรว่ มสนทนากับผู้เรียนให้ผเู้ รยี นช่วยสรุปเรอ่ื งการเตรียมชิน้ งานทดสอบการดดั งอแนว
เชื่อม
ข้นั ศกึ ษาขอ้ มลู (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผู้สอนคอยดูแลให้คำปรึกษาและถามนำให้ผู้เรียนช่วยกนั ตอบเป็นการกระตนุ้ ให้ผเู้ รียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ที่ต้องการ และเป็นการวัดผลและประเมินจากการเรยี นรู้และความสนใจของผู้เรียนทัง้ ใน
ดา้ นความรูแ้ ละด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ไปด้วย
47
5. ผสู้ อนมอบใหผ้ ู้เรยี นร่วมกนั สรปุ เน้ือหาท่ีเรียนในหน่วยที่ 4 พรอ้ มรว่ มสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ทยี่ ังไม่ครบ หรือเพมิ่ เตมิ ใหช้ ดั เจน
ขัน้ พยายาม (Application)
6. ผสู้ อนมอบหมายใหผ้ ู้เรยี นทำแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยท่ี 4
ขน้ั สำเรจ็ ผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมินตนเอง จากจำนวนขอ้ ทีท่ ำถูก
6. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 4, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี น และหลงั เรียน
2. หนังสือการทดสอบงานเชื่อมแบบทำลายสภาพ เรียบเรียงโดย ชูชาติ ด้วงสงค์
สำนักพมิ พ์ ส.ส.ท. และการสืบค้นจากอนิ เทอร์เนต็
7. ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเร็จของผูเ้ รยี น
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยที่ 4
8. การวัดและการประเมนิ ผล
การวดั ผล การประเมินผล
(ใช้เครือ่ งมือ) (นำผลเทียบกับเกณฑ์และแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยท่ี 4 (ไวเ้ ปรียบเทียบกบั คะแนนสอบหลงั เรยี น)
2. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนว่ ยท่ี 4 เกณฑ์ผา่ น 50%
3. ใบงานประจำหนว่ ย เกณฑผ์ า่ น 50%
9. งานทม่ี อบหมาย
มอบหมายให้ผ้เู รียนลงมือสรปุ และร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกบั เรอ่ื งการเตรียมชิ้นงานทดสอบการดดั งอแนว
เชื่อมและทำแบบทดสอบหลงั เรียน
10. เอกสารอ้างองิ
ชชู าติ ด้วงสงค์ (2555). การทดสอบงานเช่ือมแบบทำลายสภาพ. กรงุ เทพฯ : สมาคมส่งเสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญ่ปี นุ่ ).
48
11. บนั ทกึ หลังการสอน
1. ผลการจดั การเรยี นรูต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
นักศึกษาได้เรียนรตู้ ามจุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า คำอธบิ ายรายวชิ า โดยเรยี นรู้
ตามตารางวเิ คราะห์หนว่ ยการเรียนรู้ ตามกระบวนการจัดการเรยี นการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝึกหดั ระหว่างเรยี น เพอื่ ทดสอบการเรยี นรู้ของนักศึกษา
2. ผลการเรียนของนักเรียน
นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง การเตรยี มช้ินงานทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม ตามเนอ้ื หาสาระ
รายหนว่ ยการเรียนรู้ และหลงั จบการเรียนนักศกึ ษามีความร้เู พ่มิ ข้ึนอย่างชดั เจนโดยสังเกตจากผลของ
การทำแบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรยี น
นางสาวอารียา พรมชาติ
ครูผู้สอน
49
ใบงานการเรียนรู้
เร่ือง การเตรยี มชิ้นงานทดสอบการดดั งอแนวเชื่อม
ให้เตรียมช้นิ งานทดสอบการดดั งอแนวเช่ือมตามที่กำหนด
50
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 13 หน่วยท่ี 4
ชอ่ื วชิ า การทดสอบงานเช่อื มโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหสั วิชา 30103-2102
สอนคร้ังที่ 13 /18
ชื่อหน่วย การทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม จำนวน 7 คาบ
ชอ่ื เรือ่ ง ขั้นตอนและวิธีการทดสอบการดัดงอแนวเชือ่ ม
1. หวั ข้อเรื่อง
1. ขนั้ ตอนและวธิ ีการทดสอบการดัดงอแนวเชื่อม
1.1 ตัวแปรทมี่ ผี ลต่อการทดสอบการดัดงอ
1.2 วธิ กี ารทดสอบงานดัดงอ
2. ขอบเขตการยอมรบั ผลการทดสอบการดดั งองานเช่ือม
2.1 งานเช่อื มต่อชน
2.2 งานเชือ่ มต่อฉาก
2.3 งอนเชื่อมพอกผิว
3. การเขยี นรายงานผลการทดสอบ
2. สมรรถนะยอ่ ย
แสดงความรเู้ ก่ียวกบั พนื้ ฐานเก่ยี วกับขั้นตอนและวธิ กี ารทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื ม
3. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
ดา้ นความรู้
1. สามารถปฏิบัติการทดสอบการดัดงอแนวเชอ่ื มตามขนั้ ตอน
2. สามารถประเมนิ ผลการทดสอบการดัดงอแนวเชื่อมตามมาตรฐาน
3. สามารถปฏิบตั ิการเขียนรายงานผลการทดสอบการดดั งอแนวเชอ่ื ม
ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
แสดงออกดา้ นความสนใจใฝ่รู้ การตรงตอ่ เวลา ความซือ่ สตั ย์ สุจริต ความมีนำ้ ใจและแบง่ บนั
ความร่วมมอื /ยอมรับความคิดเหน็ สว่ นใหญ่
4. สาระสำคัญ
การทดสอบแนวเชื่อมด้วยวิธีการดัดงอ สามารถใช้ได้กับรอยต่อชนบากร่อง รอยต่อตัวที การ
เชอื่ มเคลอื บผวิ และการเชอื่ มพอกผิว ยกเวน้ การเชือ่ มพอกผวิ แข็ง
51
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั สนใจปญั หา (Motivation)
1. ผู้สอนนำอภิปรายถงึ ความสำคัญของขั้นตอนและวิธีการทดสอบการดัดงอแนวเช่ือม
2 ผู้สอนตง้ั โจทย์ถามผู้เรยี นว่ามคี วามรู้พื้นฐานข้ันตอนและวธิ กี ารทดสอบการดดั งอแนวเชือ่ ม
3. ผ้สู อนรว่ มสนทนากบั ผเู้ รียนให้ผเู้ รียนช่วยสรปุ เรือ่ งขั้นตอนและวธิ ีการทดสอบการดัดงอ
แนวเช่ือม
ข้นั ศกึ ษาขอ้ มูล (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผ้สู อนคอยดแู ลให้คำปรึกษาและถามนำให้ผู้เรยี นชว่ ยกนั ตอบเปน็ การกระตนุ้ ให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ท่ีต้องการ และเป็นการวดั ผลและประเมนิ จากการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรียนทั้งใน
ด้านความรู้ และด้านคุณธรรม จริยธรรมและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ไปด้วย
5. ผ้สู อนมอบให้ผ้เู รียนรว่ มกันสรุปเน้อื หาที่เรียนในหนว่ ยท่ี 4 พรอ้ มร่วมสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ท่ียังไมค่ รบ หรอื เพ่มิ เติมให้ชัดเจน
ข้ันพยายาม (Application)
6. ผู้สอนมอบหมายใหผ้ ูเ้ รียนทำแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 4
ข้นั สำเรจ็ ผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมินตนเอง จากจำนวนขอ้ ทที่ ำถูก
6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรยี น หน่วยที่ 4, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี น และหลังเรียน
2. หนงั สอื การทดสอบงานเชอื่ มแบบทำลายสภาพ เรยี บเรียงโดย ชูชาติ ดว้ งสงค์
สำนกั พมิ พ์ ส.ส.ท. และการสบื คน้ จากอินเทอร์เน็ต
7. ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเร็จของผเู้ รยี น
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝกึ หัดหน่วยท่ี 4
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หนว่ ยท่ี 4
8. การวัดและการประเมินผล
การวดั ผล การประเมนิ ผล
(ใชเ้ ครือ่ งมอื ) (นำผลเทยี บกับเกณฑ์และแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 4 (ไว้เปรยี บเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรียน)
2. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยที่ 4 เกณฑผ์ า่ น 50%
3. ใบงานประจำหน่วย เกณฑผ์ ่าน 50%
52
9. งานท่ีมอบหมาย
มอบหมายให้ผูเ้ รียนลงมอื สรุปและรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับเรอื่ งขนั้ ตอนและวธิ ีการทดสอบการดดั งอ
แนวเช่อื มและทำแบบทดสอบหลังเรยี น
10. เอกสารอ้างอิง
ชชู าติ ดว้ งสงค์ (2555). การทดสอบงานเช่ือมแบบทำลายสภาพ. กรงุ เทพฯ : สมาคมสง่ เสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญปี่ ุ่น).
11. บนั ทึกหลังการสอน
1. ผลการจัดการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ตามจดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ า คำอธิบายรายวิชา โดยเรียนรู้
ตามตารางวิเคราะห์หน่วยการเรยี นรู้ ตามกระบวนการจดั การเรียนการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝึกหัดระหวา่ งเรยี น เพื่อทดสอบการเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษา
2. ผลการเรียนของนักเรียน
นักศึกษามคี วามรู้ความเข้าใจในเรือ่ ง ข้ันตอนและวธิ ีการทดสอบการดัดงอแนวเช่ือม ตามเนอื้ หาสาระ
รายหนว่ ยการเรยี นรู้ และหลงั จบการเรยี นนกั ศึกษามีความรู้เพ่ิมข้ึนอย่างชดั เจนโดยสังเกตจากผลของ
การทำแบบฝกึ หัดระหว่างเรยี น
นางสาวอารยี า พรมชาติ
ครผู ู้สอน
53
ใบบนั ทึกผลการทดสอบการดัดงอแนวเชือ่ ม
รปู ช้นิ ทดสอบดัดงอดา้ นรากแนว คำอธบิ ายผลการทดสอบดัดงอด้านรากแนวเช่ือม
เชอื่ ม ...............................................................................
(Root Bend Test) ...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
รปู ชิ้นทดสอบดดั งอด้านหน้าแนว คำอธบิ ายผลการทดสอบดดั งอด้านหน้าแนวเชอ่ื ม
เชือ่ ม ...............................................................................
(Face Bend Test) ...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
...............................................................................
รายละเอียดขอ้ สงั เกตอ่นื ๆที่พบจากการทดลอง
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
ประเมินผลการทดสอบดดั งอแนวเชื่อมตามมาตรฐาน ASME Section IX
การดดั งอด้านรากแนวเชื่อม (Root Bend Test)
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
การดดั งอด้านหนา้ แนวเชือ่ ม (Face Bend Test)
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
ช่ือผทู้ ดสอบ...........................................................................................................................................
วนั /เดอื น/ปี ท่ที ำการทดสอบ......................เวลา..................ลายมือชื่อผู้ทดสอบ.................................
54
แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรยี น
หนว่ ยท่ี3 การทดสอบแรงกระแทกแนวเชอ่ื ม
คำส่งั เลอื กตอบคำตอบท่ีถูกท่สี ุดเพยี งคำตอบเดียว
1. งานเชอื่ มในขอ้ ใดไมส่ ามารถตรวจดว้ ยวิธดี ัดงอ?
ก. งานเช่อื มต่อตัวที
ข. งานเชื่อมต่อชน
ค. งานเช่ือมพอกผิวแข็ง
ง. งานเชอ่ื มเคลอื บผิว
2. วตั ถุประสงคใ์ นการทดสอบดัดงอคอื ข้อใด?
ก. หาความเหนยี วแนน่
ข. หาความเหนียว
ค. หาความแข็ง
ง. หาความแข็งแรง
3. การทดสอบดัดงอตอ้ งการหาความเหนยี วบริเวณใดมากทสี่ ดุ ?
ก. เนือ้ โลหะงาน
ข. เนื้อเช่ือม
ค. บรเิ วณผลกระทบร้อนฯ
ง. เนือ้ เชอื่ มและบริเวณผลกระทบรอ้ นฯ
4. ความสมบรู ณ์ของแนวเชือ่ ม ในการทดสอบดัดงอหมายถงึ บริเวณใด?
ก. Base Metal
ข. HAZ
ค. Weld Metal
ง. Weld Metal และ HAZ
5. ขอ้ ใดไมใ่ ชต่ วั แปรท่ีมีผลกระทบต่อการทดสอบดดั งอแนวเชอ่ื ม?
ก. ความอ่อน-แข็งของการเชื่อมตอ่ โลหะต่างชนดิ
ข. การปรับเคร่อื งทดสอบท่ไี มไ่ ดม้ าตรฐาน
ค. ระยะเวลาที่ใช้ในการกดดัด
ง. วางชนิ้ ทดสอบไมอ่ ย่กู ึ่งกลางแบบดดั
6. ความหนาของช้นิ งานเชอื่ มแผน่ เท่าใด มาตรฐาน AWS D 1.1 จึงกำหนดใหท้ ดสอบดดั งอ
ด้านขา้ ง?
ก. 10 มลิ ลเิ มตร
ข. 12 มิลลเิ มตร
ค. 15 มิลลเิ มตร
ง. 19 มลิ ลิเมตร
55
7. ข้อใดหมายถึงรัศมกี ารดดั งอ?
ก. Winding Bend
ข. Pressing Bend
ค. Bending Radius
ง. Bending Angle
8.การทดสอบการดัดงอเป็นการทดสอบเพอ่ื ศึกษาดูพฤตกิ รรมอยา่ งไร?
ก. ดพู ฤตกิ รรมความเค้นของวสั ดุ
ข. ดพู ฤตกิ รรมความเปราะของวัสดุ
ค. ดูพฤติความเครยี ดรปู ของวัสดุ
ง. ดพู ฤตกิ รรมการแปรรปู ของวัสดุ
9. จากรูปเปน็ การทดสอบแบบใด?
ก. แบบ V - Block Bend
ข. แบบ Winding Bend
ค. แบบ Pressing Bend
ง. แบบ Bending Angle
10. ผลการทดสอบหลังดัดงอช้ินทดสอบเชอ่ื มตอ่ ฉาก ในขอ้ ใดไมผ่ ่านเกณฑ์การทดสอบดัดงอ?
ก. รอยตอ่ ถูกกดหกั เปน็ เส้นตรง
ข. รอยตอ่ ถกู กดหักจนแบนราบทับตวั มันเองเหน็ รอยหลอมลกึ รากแนวเช่ือม
ค. พบจดุ บกพร่องสารฝังในและฟองอากาศขนาดใหญส่ ุด 2.5 มิลลเิ มตร
ง. ในชว่ งความยาว 6 นิว้ มีผลรวมขนาดจุดบกพรอ่ งไมเ่ กนิ 10 มิลลเิ มตร
56
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 หน่วยท่ี 5
ช่ือวชิ า การทดสอบงานเช่อื มโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหัสวิชา 30103-2102
สอนคร้ังที่ 14 /18
ชอ่ื หน่วย การทดสอบความแขง็ จำนวน 7 คาบ
ช่อื เรื่อง หลักการทดสอบความแข็ง
1. หวั ข้อเรื่อง
1. หลักการทดสอบความแขง็
2. วตั ถุประสงคข์ องการทดสอบความแข็ง
2. สมรรถนะยอ่ ย
แสดงความรู้เก่ยี วกบั พ้ืนฐานเกีย่ วกบั หลกั การทดสอบความแขง็
3. จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
ด้านความรู้
1. อธิบายหลักการทดสอบความแขง็
2. บอกวัตถุประสงคข์ องการทดสอบความแข็ง
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
แสดงออกด้านความสนใจใฝร่ ู้ การตรงตอ่ เวลา ความซ่ือสัตย์ สุจริต ความมีน้ำใจและแบง่ บัน
ความร่วมมอื /ยอมรับความคดิ เหน็ ส่วนใหญ่
4. สาระสำคัญ
ความแข็งของงานเชื่อมโลหะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะงานและโลหะเชื่อม ผลทางโลหะ
วิทยาเน่อื งจากขบวนการเชอ่ื มผลจากการแปรรูปขณะเย็น การอบชบุ และองค์ประกอบอืน่ ๆอีกจำนวน
มาก บริเวณต่างๆ ของงานเชื่อม เช่น โลหะงานบริเวณกระทบร้อน (Heat Affected Zone : HAZ)
โลหะเชื่อมและตามแนวหลอมเหลวควรมีความแข็งอยู่ในขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะถ้าเป็นงานเชื่อม
เหล็กกล้าผสม ถ้าความแข็งสูงเกินไปใช้งานไดไ้ ม่ดี ไมท่ นตอ่ การกัดกร่อน ซึ่งค่าความแข็งของรอยเช่ือม
วดั คา่ ไดโ้ ดยการทดสอบความแข็งของวัสดุ มีอยู่ด้วยกันหลายวธิ ีและบางวิธีก็ต้องมีเคร่ืองทดสอบความ
แข็งด้วย วิธีที่นิยมทดสอบมีด้วยกนั อยู่ 3 วิธี คือ การทดสอบแบบบริเนลล์ การทดสอบแบบรอกเวลล์
และการทดสอบแบบวกิ เกอร์
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันสนใจปัญหา (Motivation)
1. ผสู้ อนนำอภปิ รายถงึ ความสำคญั ของการทดสอบความแข็ง
2 ผู้สอนต้ังโจทยถ์ ามผูเ้ รียนว่ามีความร้พู ื้นฐานการทดสอบความแขง็
3. ผู้สอนร่วมสนทนากับผูเ้ รยี นให้ผู้เรียนชว่ ยสรปุ เรอื่ งการทดสอบความแข็ง
57
ข้ันศึกษาข้อมลู (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผ้สู อนคอยดูแลให้คำปรกึ ษาและถามนำให้ผู้เรียนช่วยกันตอบเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ที่ต้องการ และเป็นการวัดผลและประเมินจากการเรยี นรู้และความสนใจของผู้เรยี นทั้งใน
ด้านความรู้และดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ไปดว้ ย
5. ผู้สอนมอบให้ผเู้ รียนร่วมกันสรุปเนอื้ หาทเี่ รียนในหนว่ ยท่ี 5 พร้อมร่วมสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ทีย่ งั ไม่ครบ หรือเพิม่ เติมให้ชัดเจน
ขั้นพยายาม (Application)
6. ผ้สู อนมอบหมายใหผ้ ้เู รยี นทำแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 5
ขนั้ สำเรจ็ ผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมนิ ตนเอง จากจำนวนข้อทีท่ ำถกู
6. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 5, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลงั เรยี น
2. หนงั สอื การทดสอบงานเชือ่ มแบบทำลายสภาพ เรียบเรยี งโดย ชชู าติ ด้วงสงค์
สำนกั พิมพ์ ส.ส.ท. และการสืบคน้ จากอินเทอร์เน็ต
7. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสำเร็จของผเู้ รียน
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 5
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 5
8. การวัดและการประเมนิ ผล
การวัดผล การประเมนิ ผล
(ใชเ้ คร่อื งมือ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (Pre–test) หนว่ ยท่ี 5 (ไว้เปรยี บเทียบกับคะแนนสอบหลังเรยี น)
2. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยท่ี 5 เกณฑ์ผา่ น 50%
3. ใบงานประจำหน่วย เกณฑ์ผา่ น 50%
9. งานท่มี อบหมาย
มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือสรปุ และรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับเร่อื งการทดสอบความแขง็
10. เอกสารอา้ งอิง
ชูชาติ ดว้ งสงค์ (2555). การทดสอบงานเชือ่ มแบบทำลายสภาพ. กรุงเทพฯ : สมาคมส่งเสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญป่ี นุ่ ).
58
11. บันทึกหลงั การสอน
1. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้
นักศึกษาไดเ้ รยี นรู้ตามจุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวิชา คำอธิบายรายวชิ า โดยเรียนรู้
ตามตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรยี นรู้ ตามกระบวนการจัดการเรียนการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝึกหัดระหว่างเรยี น เพอ่ื ทดสอบการเรียนร้ขู องนักศึกษา
2. ผลการเรียนของนกั เรียน
นกั ศกึ ษามีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง หลกั การทดสอบความแขง็ ตามเนื้อหาสาระรายหนว่ ยการเรียนรู้
และหลังจบการเรยี นนกั ศึกษามีความรู้เพิ่มข้ึนอยา่ งชดั เจนโดยสังเกตจากผลของการทำแบบฝึกหดั
ระหว่างเรยี น
นางสาวอารยี า พรมชาติ
ครูผู้สอน
59
ใบงานการเรียนรู้ (ทฤษฎี)
เรือ่ ง การทดสอบความแข็ง
1. จงอธบิ ายวตั ถุประสงค์ของการทดสอบค่าความแขง็ ของวัสดุ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. หลักการทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์เปน็ อย่างไร จงวาดรูปพร้อมอธบิ าย
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
3. หลกั การทดสอบความแขง็ แบบรอกเวลล์เป็นอย่างไร จงวาดรปู พร้อมอธบิ าย
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
4. หลกั การทดสอบความแข็งแบบวกิ เกอร์เปน็ อย่างไร จงวาดรปู พรอ้ มอธบิ าย
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
60
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 15 หน่วยท่ี 5
ช่ือวชิ า การทดสอบงานเช่ือมโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหัสวิชา 30103-2102
สอนครัง้ ท่ี 15 /18
ช่อื หนว่ ย การทดสอบความแข็ง จำนวน 7 คาบ
ชอ่ื เร่อื ง การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์
1. หวั ข้อเร่อื ง
1. การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์ (Brinell Hardness Testing)
1.1 หลักการทดสอบความแขง็ แบบบริเนลล์
1.2 วธิ กี ารทดสอบความแข็ง
1.3 เคร่ืองมอื และอุปกรณท์ ดสอบความแข็งแบบบริเนลล์
1.4 ลำดับขั้นตอนการทดสอบแบบบรเิ นลล์
ปฏิบัติ - การทดสอบความแขง็ แบบบรเิ นลล์
2. สมรรถนะย่อย
แสดงความรู้เก่ยี วกับพนื้ ฐานเกย่ี วกับการทดสอบความแขง็ แบบบรเิ นลล์
3. จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
ดา้ นความรู้
1. อธิบายวิธีการทดสอบความแขง็ แบบบรเิ นลล์ได้
2. บอกชนดิ เคร่อื งมือและอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการทดสอบความแขง็ ได้
3. บอกลำดบั ข้นั ตอนการทดสอบความแข็งในงานเชื่อมได้
4. ปฏิบัตกิ ารทดสอบความแขง็ ในงานเช่อื มได้อย่างถูกต้อง
ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แสดงออกด้านความสนใจใฝร่ ู้ การตรงต่อเวลา ความซือ่ สัตย์ สุจริต ความมีน้ำใจและแบ่งบัน
ความรว่ มมอื /ยอมรบั ความคดิ เหน็ สว่ นใหญ่
4. สาระสำคญั
ความแข็งของงานเชื่อมโลหะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะงานและโลหะเชื่อม ผลทางโลหะ
วิทยาเนอื่ งจากขบวนการเชือ่ มผลจากการแปรรปู ขณะเยน็ การอบชบุ และองค์ประกอบอ่ืนๆอีกจำนวน
มาก บริเวณต่างๆ ของงานเชื่อม เช่น โลหะงานบริเวณกระทบร้อน (Heat Affected Zone : HAZ)
โลหะเชื่อมและตามแนวหลอมเหลวควรมีความแข็งอยู่ในขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะถ้าเป็นงานเชื่อม
เหลก็ กลา้ ผสม ถ้าความแขง็ สงู เกนิ ไปใชง้ านไดไ้ ม่ดี ไมท่ นตอ่ การกดั กรอ่ น ซ่งึ ค่าความแขง็ ของรอยเช่ือม
วัดค่าได้โดยการทดสอบความแขง็ ของวัสดุ มีอยู่ดว้ ยกนั หลายวธิ ีและบางวิธีก็ตอ้ งมีเครื่องทดสอบความ
แข็งด้วย วิธีที่นิยมทดสอบมีด้วยกันอยู่ 3 วิธี คือ การทดสอบแบบบริเนลล์ การทดสอบแบบรอกเวลล์
และการทดสอบแบบวิกเกอร์
61
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันสนใจปญั หา (Motivation)
1. ผูส้ อนนำอภปิ รายถึงความสำคัญของการทดสอบความแขง็
2 ผู้สอนตัง้ โจทยถ์ ามผูเ้ รียนว่ามคี วามรพู้ ื้นฐานการทดสอบความแขง็
3. ผสู้ อนรว่ มสนทนากับผเู้ รยี นให้ผู้เรียนชว่ ยสรปุ เร่ืองการทดสอบความแข็ง
ขั้นศึกษาข้อมลู (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผ้สู อนคอยดูแลให้คำปรึกษาและถามนำให้ผู้เรียนช่วยกันตอบเปน็ การกระตนุ้ ให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ทีต่ ้องการ และเป็นการวัดผลและประเมินจากการเรยี นรู้และความสนใจของผู้เรยี นทั้งใน
ด้านความรู้และดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคไ์ ปด้วย
5. ผู้สอนมอบใหผ้ ู้เรียนรว่ มกนั สรปุ เนอื้ หาท่ีเรยี นในหนว่ ยท่ี 5 พร้อมร่วมสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ท่ยี ังไม่ครบ หรอื เพิม่ เติมให้ชดั เจน
ข้ันพยายาม (Application)
6. ผ้สู อนมอบหมายใหผ้ ู้เรียนทำแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5
ขนั้ สำเร็จผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมนิ ตนเอง จากจำนวนขอ้ ทที่ ำถกู
6. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 5, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลงั เรียน
2. หนงั สือการทดสอบงานเชอื่ มแบบทำลายสภาพ เรียบเรยี งโดย ชูชาติ ด้วงสงค์
สำนกั พิมพ์ ส.ส.ท. และการสบื ค้นจากอินเทอร์เนต็
7. ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสำเรจ็ ของผเู้ รยี น
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 5
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 5
8. การวัดและการประเมนิ ผล
การวัดผล การประเมินผล
(ใช้เคร่อื งมือ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre–test) หนว่ ยท่ี 5 (ไวเ้ ปรยี บเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรียน)
2. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 5 เกณฑผ์ า่ น 50%
3. ใบงานประจำหนว่ ย เกณฑ์ผา่ น 50%
62
9. งานที่มอบหมาย
มอบหมายให้ผู้เรยี นลงมือสรปุ และรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกับเร่ืองการทดสอบความแขง็ แบบบริเนลล์
10. เอกสารอา้ งองิ
ชชู าติ ด้วงสงค์ (2555). การทดสอบงานเชอ่ื มแบบทำลายสภาพ. กรงุ เทพฯ : สมาคมส่งเสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญี่ปนุ่ ).
11. บนั ทึกหลงั การสอน
1. ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้
นักศกึ ษาไดเ้ รียนรตู้ ามจุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวิชา คำอธบิ ายรายวชิ า โดยเรียนรู้
ตามตารางวิเคราะหห์ นว่ ยการเรียนรู้ ตามกระบวนการจัดการเรียนการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรียน เพื่อทดสอบการเรยี นรูข้ องนักศึกษา
2. ผลการเรียนของนักเรยี น
นกั ศึกษามีความรคู้ วามเข้าใจในเร่อื ง การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล์ตามเน้ือหาสาระรายหน่วย
การเรยี นรู้ และหลังจบการเรียนนักศึกษามคี วามรู้เพ่มิ ข้ึนอย่างชดั เจนโดยสังเกตจากผลของการทำ
แบบฝึกหดั ระหว่างเรยี น
นางสาวอารยี า พรมชาติ
ครูผู้สอน
63
ใบบนั ทกึ ผลการทดสอบความแข็ง
Setting Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Indenter Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Pre load
Main load
Material Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Mild steel
High speed
steel
Aliminium
Brass
ชือ่ ผทู้ ำการทดสอบ.....................................................................................................................................
64
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 16 หน่วยที่ 5
ชื่อวชิ า การทดสอบงานเช่ือมโดยทำลาย เวลาเรยี นรวม 126 คาบ
รหสั วิชา 30103-2102
สอนครัง้ ที่ 16 /18
ชอื่ หน่วย การทดสอบความแข็ง จำนวน 7 คาบ
ชอ่ื เร่อื ง การทดสอบความแข็งแบบรอกเวลล์
1. หวั ข้อเรอื่ ง
1. การทดสอบความแข็งแบบรอกเวลล์ (Rockwell Hardness Test))
1.1 หลกั การทดสอบความแขง็ แบบรอกเวลล์
1.2 วธิ ีการทดสอบความแข็ง
1.3 เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ทดสอบความแข็งแบบรอกเวลล์
1.4 ลำดับขน้ั ตอนการทดสอบแบบรอกเวลล์
ปฏบิ ัติ - การทดสอบความแขง็ แบบรอกเวลล์
2. สมรรถนะยอ่ ย
แสดงความรูเ้ กยี่ วกบั พ้ืนฐานเกีย่ วกับการทดสอบความแขง็ แบบรอกเวลล์
3. จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
ดา้ นความรู้
1. อธบิ ายวธิ ีการทดสอบความแขง็ แบบรอกเวลล์ ได้
2. บอกชนดิ เคร่ืองมอื และอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทดสอบความแขง็ ได้
3. บอกลำดบั ขน้ั ตอนการทดสอบความแข็งในงานเช่ือมได้
4. ปฏบิ ัตกิ ารทดสอบความแขง็ ในงานเชือ่ มไดอ้ ย่างถกู ต้อง
ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
แสดงออกดา้ นความสนใจใฝ่รู้ การตรงต่อเวลา ความซือ่ สัตย์ สจุ รติ ความมีนำ้ ใจและแบง่ บัน
ความรว่ มมือ/ยอมรับความคดิ เหน็ สว่ นใหญ่
4. สาระสำคัญ
ความแข็งของงานเชื่อมโลหะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะงานและโลหะเชื่อม ผลทางโลหะ
วิทยาเนอื่ งจากขบวนการเชื่อมผลจากการแปรรปู ขณะเยน็ การอบชุบ และองคป์ ระกอบอนื่ ๆอีกจำนวน
มาก บริเวณต่างๆ ของงานเชื่อม เช่น โลหะงานบริเวณกระทบร้อน (Heat Affected Zone : HAZ)
โลหะเชื่อมและตามแนวหลอมเหลวควรมีความแข็งอยู่ในขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะถ้าเป็นงานเชื่อม
เหลก็ กล้าผสม ถ้าความแข็งสงู เกินไปใชง้ านไดไ้ ม่ดี ไม่ทนต่อการกัดกรอ่ น ซ่งึ ค่าความแข็งของรอยเช่ือม
วัดค่าได้โดยการทดสอบความแขง็ ของวัสดุ มอี ยดู่ ้วยกนั หลายวธิ แี ละบางวิธีก็ตอ้ งมเี ครื่องทดสอบความ
แข็งด้วย วิธีที่นิยมทดสอบมีด้วยกนั อยู่ 3 วิธี คือ การทดสอบแบบบริเนลล์ การทดสอบแบบรอกเวลล์
และการทดสอบแบบวกิ เกอร์
65
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ สนใจปญั หา (Motivation)
1. ผูส้ อนนำอภปิ รายถึงความสำคัญของการทดสอบความแขง็
2 ผู้สอนตัง้ โจทยถ์ ามผูเ้ รียนว่ามคี วามร้พู ื้นฐานการทดสอบความแขง็
3. ผสู้ อนร่วมสนทนากับผเู้ รยี นให้ผ้เู รียนชว่ ยสรปุ เร่ืองการทดสอบความแข็ง
ขั้นศึกษาข้อมลู (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผ้สู อนคอยดูแลให้คำปรึกษาและถามนำให้ผู้เรยี นช่วยกันตอบเปน็ การกระตนุ้ ให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ทีต่ ้องการ และเป็นการวัดผลและประเมินจากการเรยี นรู้และความสนใจของผู้เรยี นทั้งใน
ด้านความรู้และดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ปด้วย
5. ผู้สอนมอบใหผ้ ู้เรียนรว่ มกนั สรุปเน้อื หาทีเ่ รียนในหนว่ ยท่ี 5 พรอ้ มร่วมสรปุ กับผู้เรียนในส่วน
ทยี่ ังไม่ครบ หรอื เพิม่ เติมใหช้ ัดเจน
ขัน้ พยายาม (Application)
6. ผสู้ อนมอบหมายใหผ้ ูเ้ รียนทำแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5
ข้นั สำเร็จผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมินตนเอง จากจำนวนข้อทที่ ำถกู
6. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 5, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลงั เรียน
2. หนงั สือการทดสอบงานเชอื่ มแบบทำลายสภาพ เรียบเรยี งโดย ชูชาติ ด้วงสงค์
สำนกั พิมพ์ ส.ส.ท. และการสบื คน้ จากอนิ เทอร์เนต็
7. ผลงาน/ช้ินงาน/ความสำเรจ็ ของผเู้ รยี น
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 5
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 5
8. การวัดและการประเมนิ ผล
การวัดผล การประเมินผล
(ใชเ้ คร่อื งมือ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre–test) หนว่ ยที่ 5 (ไวเ้ ปรียบเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรียน)
2. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หน่วยท่ี 5 เกณฑผ์ า่ น 50%
3. ใบงานประจำหนว่ ย เกณฑ์ผา่ น 50%
66
9. งานที่มอบหมาย
มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือสรปุ และร่วมกนั อภปิ รายเกีย่ วกับเรอื่ งการทดสอบความแข็งแบบรอกเวลล์
10. เอกสารอ้างองิ
ชูชาติ ด้วงสงค์ (2555). การทดสอบงานเชอื่ มแบบทำลายสภาพ. กรงุ เทพฯ : สมาคมสง่ เสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญี่ปนุ่ ).
11. บันทกึ หลังการสอน
1. ผลการจัดการเรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้
นกั ศกึ ษาได้เรยี นรูต้ ามจดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา คำอธบิ ายรายวชิ า โดยเรยี นรู้
ตามตารางวเิ คราะหห์ น่วยการเรียนรู้ ตามกระบวนการจัดการเรียนการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรียน เพอ่ื ทดสอบการเรียนรูข้ องนกั ศึกษา
2. ผลการเรียนของนักเรียน
นักศกึ ษามีความรคู้ วามเข้าใจในเรื่อง การทดสอบความแข็งแบบรอกเวลล์ ตามเนือ้ หาสาระรายหน่วย
การเรียนรู้ และหลงั จบการเรยี นนกั ศกึ ษามีความรเู้ พิม่ ข้ึนอยา่ งชดั เจนโดยสงั เกตจากผลของการทำ
แบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรียน
นางสาวอารียา พรมชาติ
ครูผู้สอน
67
ใบบนั ทกึ ผลการทดสอบความแข็ง
Setting Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Indenter Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Pre load
Main load
Material Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Mild steel
High speed
steel
Aliminium
Brass
ชือ่ ผทู้ ำการทดสอบ.....................................................................................................................................
68
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 17 หน่วยท่ี 5
ช่ือวชิ า การทดสอบงานเชือ่ มโดยทำลาย เวลาเรียนรวม 126 คาบ
รหสั วิชา 30103-2102
สอนคร้งั ท่ี 17 /18
ชือ่ หน่วย การทดสอบความแข็ง จำนวน 7 คาบ
ชือ่ เรื่อง การทดสอบความแข็งแบบวิกเกอร์
1. หัวขอ้ เรื่อง
1. การทดสอบความแขง็ แบบวิกเกอร์ (Vickers Hardness Test)
1.1 หลักการทดสอบความแขง็ แบบวิกเกอร์
1.2 วิธีการทดสอบความแขง็
1.3 เคร่อื งมือและอุปกรณ์ทดสอบความแข็งแบบวิกเกอร์
1.4 ลำดับขัน้ ตอนการทดสอบแบบวกิ เกอร์
ปฏบิ ัติ - การทดสอบความแข็งแบบวกิ เกอร์
2. สมรรถนะยอ่ ย
แสดงความรู้เกยี่ วกับพนื้ ฐานเกย่ี วกบั การทดสอบความแข็งแบบวิกเกอร์
3. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
ดา้ นความรู้
1. อธิบายวธิ ีการทดสอบความแข็งแบบวกิ เกอร์ได้
2. บอกชนิดเคร่อื งมือและอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการทดสอบความแข็งได้
3. บอกลำดบั ข้ันตอนการทดสอบความแข็งในงานเชื่อมได้
4. ปฏบิ ัตกิ ารทดสอบความแขง็ ในงานเชื่อมได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แสดงออกดา้ นความสนใจใฝร่ ู้ การตรงต่อเวลา ความซ่อื สัตย์ สจุ ริต ความมนี ำ้ ใจและแบง่ บัน
ความรว่ มมือ/ยอมรับความคิดเหน็ สว่ นใหญ่
4. สาระสำคัญ
ความแข็งของงานเชื่อมโลหะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะงานและโลหะเชื่อม ผลทางโลหะ
วทิ ยาเนอ่ื งจากขบวนการเชือ่ มผลจากการแปรรูปขณะเย็น การอบชุบ และองคป์ ระกอบอ่ืนๆอีกจำนวน
มาก บริเวณต่างๆ ของงานเชื่อม เช่น โลหะงานบริเวณกระทบร้อน (Heat Affected Zone : HAZ)
โลหะเชื่อมและตามแนวหลอมเหลวควรมีความแข็งอยู่ในขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะถ้าเป็นงานเชื่อม
เหลก็ กลา้ ผสม ถ้าความแข็งสงู เกินไปใชง้ านได้ไม่ดี ไม่ทนต่อการกดั กรอ่ น ซึ่งค่าความแขง็ ของรอยเช่ือม
วัดค่าได้โดยการทดสอบความแข็งของวัสดุ มีอยดู่ ้วยกนั หลายวิธีและบางวิธีก็ตอ้ งมีเคร่ืองทดสอบความ
แข็งด้วย วิธีที่นิยมทดสอบมีด้วยกนั อยู่ 3 วิธี คือ การทดสอบแบบบริเนลล์ การทดสอบแบบรอกเวลล์
และการทดสอบแบบวกิ เกอร์
69
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นสนใจปญั หา (Motivation)
1. ผ้สู อนนำอภปิ รายถงึ ความสำคัญของการทดสอบความแข็ง
2 ผู้สอนตั้งโจทย์ถามผู้เรียนว่ามคี วามรพู้ ื้นฐานการทดสอบความแข็ง
3. ผู้สอนรว่ มสนทนากับผู้เรยี นให้ผู้เรยี นช่วยสรปุ เรอื่ งการทดสอบความแขง็
ขัน้ ศึกษาขอ้ มูล (Information)
4. ผู้สอนมอบให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต โดยศึกษาในส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้
โดยผสู้ อนคอยดแู ลให้คำปรกึ ษาและถามนำให้ผู้เรียนชว่ ยกันตอบเปน็ การกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาตรง
วัตถุประสงค์ที่ต้องการ และเป็นการวัดผลและประเมินจากการเรียนรู้และความสนใจของผูเ้ รียนทั้งใน
ดา้ นความรู้และดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคไ์ ปด้วย
5. ผู้สอนมอบใหผ้ เู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาทีเ่ รียนในหนว่ ยท่ี 5 พรอ้ มรว่ มสรุปกับผู้เรียนในส่วน
ท่ยี งั ไม่ครบ หรอื เพิม่ เติมให้ชดั เจน
ข้นั พยายาม (Application)
6. ผ้สู อนมอบหมายใหผ้ ้เู รยี นทำแบบประเมินผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5
ขัน้ สำเร็จผล (Progress)
7. ผู้เรียนร่วมกับผู้สอนในการเฉลยและตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 5 เพื่อทำให้
ผู้เรียนทราบว่าสามารถทำแบบฝึกหัดถูก-ผิด จำนวนเท่าไร พร้อมทั้งให้ประเมินตนเองด้วยจากแบบ
ประเมนิ ตนเอง จากจำนวนข้อทที่ ำถูก
6. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้
1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรยี น หน่วยที่ 5, PowerPoint ประกอบการสอน และแบบทดสอบ
ก่อนเรียน และหลังเรียน
2. หนังสือการทดสอบงานเช่อื มแบบทำลายสภาพ เรยี บเรียงโดย ชูชาติ ด้วงสงค์
สำนกั พิมพ์ ส.ส.ท. และการสบื ค้นจากอินเทอรเ์ นต็
7. ผลงาน/ชนิ้ งาน/ความสำเรจ็ ของผเู้ รยี น
1. ผลการทำและนำเสนอแบบฝึกหัดหน่วยที่ 5
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หน่วยท่ี 5
8. การวัดและการประเมินผล
การวัดผล การประเมนิ ผล
(ใชเ้ คร่ืองมือ) (นำผลเทียบกับเกณฑแ์ ละแปลความหมาย)
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre–test) หน่วยที่ 5 (ไว้เปรียบเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรียน)
2. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หนว่ ยท่ี 5 เกณฑผ์ ่าน 50%
3. ใบงานประจำหนว่ ย เกณฑผ์ า่ น 50%
70
9. งานท่ีมอบหมาย
มอบหมายให้ผูเ้ รยี นลงมอื สรุปและร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกับเร่อื งการทดสอบความแขง็ แบบวิกเกอร์
10. เอกสารอ้างอิง
ชูชาติ ดว้ งสงค์ (2555). การทดสอบงานเช่ือมแบบทำลายสภาพ. กรงุ เทพฯ : สมาคมสง่ เสริม
เทคโนโลยี (ไทย- ญี่ปุ่น).
11. บนั ทกึ หลังการสอน
1. ผลการจัดการเรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้
นกั ศกึ ษาไดเ้ รยี นรู้ตามจุดประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวชิ า คำอธิบายรายวชิ า โดยเรียนรู้
ตามตารางวเิ คราะหห์ นว่ ยการเรยี นรู้ ตามกระบวนการจัดการเรียนการสอนของแผนการสอน มกี าร
ทำแบบฝกึ หดั ระหว่างเรียน เพ่อื ทดสอบการเรียนรขู้ องนักศึกษา
2. ผลการเรียนของนักเรียน
นักศกึ ษามีความร้คู วามเข้าใจในเรอ่ื ง การทดสอบความแขง็ แบบวิกเกอร์ ตามเน้ือหาสาระรายหนว่ ย
การเรยี นรู้ และหลังจบการเรียนนักศึกษามีความร้เู พม่ิ ข้ึนอยา่ งชัดเจนโดยสังเกตจากผลของการทำ
แบบฝึกหดั ระหวา่ งเรยี น
นางสาวอารยี า พรมชาติ
ครูผู้สอน
71
ใบบนั ทกึ ผลการทดสอบความแข็ง
Setting Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Indenter Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Pre load
Main load
Material Brinell Vicker Hardness Test Rockwell Rockwell
Hardness (HV) Hardness Hardness
Test 10 30 Test Test
(HB) (HRC) (HRB)
Mild steel
High speed
steel
Aliminium
Brass
ชือ่ ผทู้ ำการทดสอบ.....................................................................................................................................
72
แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน
หนว่ ยที่3 การทดสอบแรงกระแทกแนวเช่อื ม
คำสัง่ เลอื กตอบคำตอบที่ถกู ทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดียว
1. ขอ้ ใดบอกขนาดของลกู บอลล์การทดสอบความแขง็ แบบบรเิ นล ได้ถูกตอ้ ง?
ก. 0.1, 5, และ 0.7 มิลลิเมตร
ข. 0.25, 5, และ 0.7 มิลลิเมตร
ค. 0.1, 5, และ 1.0 มลิ ลเิ มตร
ง. 2.5, 5, และ 10 มลิ ลเิ มตร
2. การทดสอบความแขง็ แบบบริเนล ขนาดของรอยกดจะต้องอยู่ระหวา่ ง เทา่ ใด?
ก. 0.24 D < d < 0.6 D
ข. 0.26 D < d < 0.8 D
ค. 0.28 D < d < 0.10 D
ง. 0.29 D < d < 0.10 D
3. การทดสอบความแข็งแบบบรเิ นล เงอื่ นไขใดจะตอ้ งทำการทดสอบใหม่คอื ข้อใด?
ก. แสงสว่างไมพ่ อ
ข. กระแสไฟฟา้ ไมม่ ี
ค. นำ้ หนกั กดนอ้ ยเกนิ ไป
ง. เคร่อื งทดสอบไม่ได้มาตรฐาน
4. ขอ้ ใดกล่าวถึงหัวทดสอบความแข็งแบบวิกเกอร์ได้ถูกต้อง?
ก. ลูกบอลล์เหลก็ กลา้
ข. เพชรรปู ทรงพีระมดิ
ค. ทองแดงรูปทรงส่เี หลยี่ ม
ง. ลูกบอลล์ทังสเตนคาร์ไปด์
5. หวั ทดสอบความแขง็ แบบวกิ เกอร์ ทำมุมกดเฉียงเทา่ ใด?
ก. พืน้ ท่รี อยกดเฉยี ง 116
ข. พน้ื ท่รี อยกดเฉียง 126
ค. พ้ืนทีร่ อยกดเฉยี ง 136
ง. พนื้ ทรี่ อยกดเฉยี ง 146
6. การคำนวณของความแขง็ แบบวกิ เกอร์ HV = (1.854 x P)/ d2 จงใหค้ วามหมาย P?
ก. นำ้ หนักหรือแรงกด หนว่ ยเป็น กโิ ลกรมั
ข. ค่าเฉลี่ยของแรงกด หนว่ ยเป็น มิลลเิ มตร
ค. ค่าของมมุ ของแรงกด หน่วยเปน็ กิโลกรัม
ง. น้ำหนักหรือแรงกด หนว่ ยเปน็ กรัม
73
7. การคำนวณของความแข็งแบบวกิ เกอร์ HV = (1.854 x P)/ d2 จงให้ความหมาย d2?
ก. คา่ เฉลี่ยของ d และ d หน่วยเป็น มิลลิเมตร
ข. คา่ เฉลีย่ ของ D1 และ d2 หนว่ ยเป็น มลิ ลิเมตร
ค. ค่าเฉลยี่ ของ d1 และ d2 หนว่ ยเป็น มลิ ลิเมตร
ง. คา่ เฉลย่ี ของ d1 และ D2 หนว่ ยเปน็ มิลลเิ มตร
8. การทดสอบความแขง็ แบบรอ็ กเวลสเกล B ใช้หัวกดอะไร?
ก. หวั กดแบบลกู บอลเพชร
ข. หัวกดแบบลกู บอลทองแดง
ค. หัวกดแบบลูกบอลทองเหลือง
ง. หัวกดแบบลกู บอลเหลก็ กล้า
9. การทดสอบความแขง็ แบบรอ็ กเวลสเกล C ใชห้ ัวกดอะไร?
ก. หวั กดเพชร
ข. หัวกดแบบลูกบอลทองแดง
ค. หัวกดแบบลูกบอลทองเหลอื ง
ง. หัวกดแบบลูกบอลเหลก็ กล้า
10. หวั กดเพชรรูปกรวยของการทดสอบความแขง็ แบบร็อกเวล ใช้มมุ เท่าไร?
ก. 100 องศา
ข. 110 องศา
ค. 120 องศา
ง. 130 องศา
74
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 18 หนว่ ยท่ี -
ช่อื วชิ า การทดสอบงานเชื่อมโดยทำลาย เวลาเรยี นรวม 126 คาบ
รหัสวิชา 30103-2102
สอนครัง้ ท่ี 18 /18
ชอ่ื หนว่ ย วัดและประเมนิ ผลปลายภาค จำนวน 7 คาบ
ช่ือเรื่อง วดั และประเมนิ ผลปลายภาค
1. หวั ขอ้ เร่ือง
วดั และประเมินผลปลายภาค
2. สมรรถนะย่อย
-
3. จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
-
4. สาระสำคญั
การทดสอบกลางภาคเป็นการวัดผลความรู้ความเข้าใจท่นี ักเรียนได้เรยี นมา เพอ่ื จะได้นำผลมา
ปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีข้ึน นักเรียนควรต้ังใจทำแบบประเมินด้วยความซือ่ สัตย์สุจริตเพื่อให้ผล
การประเมินมีความเที่ยงตรงตามความเปน็ จรงิ
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
-
6. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้
-
7. ผลงาน/ชนิ้ งาน/ความสำเรจ็ ของผูเ้ รียน
-
8. การวดั และการประเมินผล
-
9. งานทีม่ อบหมาย
-
10. เอกสารอ้างองิ
-
11. บนั ทึกหลังการสอน
-
75
บรรณำนุกรม
ชชู าติ ดว้ งสงค์, 2555, การทดสอบงานเชือ่ มแบบทำลายสภาพ, สมาคมสง่ เสริมเทคโนโลยี (ไทย-
ญีป่ นุ่ ), กรงุ เทพฯ
ชาญชยั แฮวอู, 2562, ทดสอบแบบทำลายสภาพ, บริษทั ศนู ย์หนงั สอื เมืองไทย จำกดั , กรงุ เทพฯ.
76
ภาคผนวก ก
ขอ้ สอบวัดผลสมั ฤทธ์กิ ลางภาคเรียนพร้อมเฉลย
77
วิทยาลยั เทคนคิ อตุ สาหกรรมยานยนต์
ข้อสอบกลางภาคเรียน
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
วิชาการทดสอบงานเชื่อมโดยทำลาย รหสั วิชา 30103-2102
คำช้ีแจง
1. ขอ้ สอบมี 2 ตอน ตอนท่ี 1 ปรนยั 20 ขอ้ ตอนที่ 2 อัตนัย 2 ขอ้
2. ให้เขยี นชอ่ื -นามสกลุ เลขท่ี ในกระดาษคำตอบใหส้ มบูรณ์
3. ทำขอ้ สอบลงในกระดาษคำตอบเท่านั้น
4. ห้ามนำเอกสารใดๆ เข้าห้องสอบอยา่ งเด็ดขาด
ชอื่ ……………………………..…นามสกุล………………..………เลขท่ี…………..….ช้นั ………...........
78
ตอนท่ี 1 จงเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สดุ เพียงข้อเดียว โดยทำเคร่อื งหมาย x ลงในชอ่ งว่าง
1. จดุ ประสงค์หลักในการทดสอบแรงดงึ งานเช่ือมคอื ข้อใด
ก. หาสมบัติเชงิ กลของแนวเชอื่ ม ข. หาความสมบรู ณ์ของแนวเชอื่ ม
ค. หาความสามารถในการเชอ่ื ม ง. หาจุดบกพร่องในแนวเชอื่ ม
2. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลของการทดสอบแรงดึง ข. ค่าความเค้นท่ีจุดคราก
ก. ค่าความต้านแรงดึง ง. อัตราการยืดตวั
ค. ค่าความล้าตัว
3. จดุ สูงสุดใดทใี่ ช้คำนวณหาค่าความเค้นแรงดงึ ?
ก. จุดครากตัวบน ข. จุดครากตวั ล่าง
ค. Ultimate tensile strength ง. ความเค้นแตกหัก
4. ข้อใดไมใ่ ชห่ น่วยของความเคน้ แรงดึง ข. เมกาปาสคาล
ก. จลู ตอ่ เซนตเิ มตร ง. กิโลกรมั ต่อตารางเซนติเมตร
ค. นิวตันตอ่ ตารางมิลลิเมตร
5. การบนั ทึกผลการทดสอบแรงดึง ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งใสร่ ายละเอยี ดในขอ้ ใด
ก. วสั ดุงาน ข. ลวดเชือ่ ม
ค. ข้อกำหนดวธิ ีการเช่ือม ง. ข้นั ตอนการใช้เครือ่ ง
จากรปู ตอ่ ไปนจี้ งตอบคำถามข้อ 6-10
79
6. ถา้ ปล่อยแรงดึงออกวัสดจุ ะกลบั คืนสภาพเดิมหมายถึงช่วงใด?
ก. ช่วง OA ข. ชว่ ง BC
ค. ช่วง CD ง. ชว่ ง DE
7. ท่ีจดุ B ของเสน้ กราฟระหวา่ งความเคน้ และความเครยี ดเรียกว่าอะไร?
ก. จุดประลยั (Ultimate Strength)
ข. เรียกวา่ จุดคราก (Yield Point)
ค. ขดี จำกัดความยืดหยุ่น (Elastic Limit)
ง. ขดี จำกัดของสัดสว่ น (Proportional Limit)
8. ที่จดุ C ของเสน้ กราฟระหวา่ งความเค้นและความเครยี ดเรียกว่าอะไร?
ก. จดุ ประลยั (Ultimate Strength)
ข. เรยี กวา่ จดุ คราก (Yield Point)
ค. ขีดจำกัดความยดื หยุ่น (Elastic Limit)
ง. ขีดจำกัดของสัดสว่ น (Proportional Limit)
9. ที่จุด D ของเส้นกราฟระหวา่ งความเค้นและความเครียดเรียกวา่ อะไร?
ก. จดุ ประลัย (Ultimate Strength)
ข. เรยี กวา่ จดุ คราก (Yield Point)
ค. ขดี จำกดั ความยืดหยุ่น (Elastic Limit)
ง. ขดี จำกัดของสัดส่วน (Proportional Limit)
10. ท่ีจดุ E ของเสน้ กราฟระหว่างความเค้นและความเครียดเรียกว่าอะไร?
ก. จุดประลยั (Ultimate Strength)
ข. เรียกว่าจุดคราก (Yield Point)
ค. ขดี จำกัดความยดื หยนุ่ (Elastic Limit)
ง. จุดแตกหกั (Breaking Point)
11. สมบตั เิ ชิงกลของวสั ดุหรอื เนอื้ เชือ่ มท่ีสามารถดูดซบั พลงั งานแรงกระแทกไว้ได้มากหรอื นอ้ ยคอื
ขอ้ ใด?
ก. ความเคน้ –ความเครยี ด
ข. ความสามารถยดื ตัวของวสั ดุ
ค. ความต้านทานการสึกหรอ
ง. ความเหนยี วแน่น
12. การทดสอบแรงกระแทกชิน้ งานเช่ือมทำให้ทราบค่าใด?
ก. ความเหนยี วหรือเปราะ
ข. ความแขง็
ค. ความต้านการสึกหรอ
ง. ความตา้ นทานการขึ้นรูป
13. จุดประสงคใ์ นการทดสอบแรงกระแทกคอื ข้อใด?
ก. หาความแข็ง
ข. หาอตั ราการยืดตัว
ค. หาความเหนียวแนน่
ง. หาความต้านการสกึ หรอ
80
14. กรรมวธิ ีทดสอบแรงกระแทกแบบชาร์ปแ้ี ละแบบไอซอดต่างกนั ในข้อใด?
ก. การเตรียมช้นิ ทดสอบ
ข. การจับช้นิ ทดสอบ
ค. ด้านของช้นิ ทดสอบท่ีถกู ตี
ง. ถกู ทกุ ข้อ
15. ชิน้ ทดสอบแรงกระแทกแบบชารป์ ขี้ นาดเทา่ ใดทไี่ ดต้ ามมาตรฐานท่ีถูกตอ้ ง?
ก. 10 10 55 มิลลเิ มตร
ข. 10 10 65 มิลลิเมตร
ค. 10 10 75 มลิ ลเิ มตร
ง. 10 10 100 มิลลเิ มตร
16. สว่ นใดของชนิ้ งานเช่ือมจะมคี า่ ความต้านทานแรงกระแทกต่ำสุด?
ก. เนอื้ เชอ่ื ม
ข. โลหะงาน
ค. ผลกระทบรอ้ น
ง. เท่ากนั ทุกส่วน
17. คีมจับชิน้ ทดสอบตอ้ งแชใ่ นตวั กลางอยา่ งนอ้ ย 5 นาที เพอ่ื ใหม้ ีอุณหภมู ิเดยี วกนั กบั ช้นิ ทดสอบ เพ่อื
จุดประสงคใ์ นข้อใด
ก. เพิ่มความสามารถดดู กลืนพลงั งานกระแทก
ข. เพม่ิ ความเหนยี วแนน่
ค. ปอ้ งกนั การแตกแบบเปราะ
ง. ป้องกันการถ่ายเทความรอ้ น
18. ช้ินทดสอบตัวแทน (Sub-specimens) จะใช้ในกรณีใด
ก. ช้ินทดสอบมีขนาดหนา้ ตัดใหญก่ ว่าชิ้นทดสอบ
ข. ชิ้นทดสอบมีขนาดหนา้ ตัดเล็กกวา่ ชน้ิ ทดสอบ
ค. ช้นิ งานมีความยาวมากกวา่ ช้ินทดสอบ
ง. ช้ินงานมคี วามยาวน้อยกวา่ ชน้ิ ทดสอบ
19. ลักษณะการแตกหักของชิ้นทดสอบท่ีสามารถรบั พลังงานแรงกระแทกได้จะมกี ารแตกหกั แบบใด
ก. แตกแบบเปราะ
ข. แตกแบบเหนยี ว
ค. แตกเปน็ แนวตรง
ง. แตกไม่มที ิศทาง
20. การทำร่องบากชิ้นทดสอบ จะต้องเตรียมช้นิ ทดสอบในทิศทางใด?
ก. ขนานกบั ความยาว
ข. ตัง้ ฉากกับความยาว
ค. ทำมมุ 45 องศากับความยาว
ง. ทิศทางใดกไ็ ด้ขนึ้ อยูก่ บั กรรมวิธีการทดสอบ
81
ชื่อ………………………………..นามสกุล………………..…….…เลขท่ี………….……..….ชั้น………………......
ตอนท่ี 2 จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้โดยละเอยี ด
1. จงอธิบายกราฟความความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด ตามการเปลี่ยนแปลงของช้นิ
ทดสอบเมอ่ื มแี รงกระทำในช่วงตา่ งๆจนกระท่งั ขาด มาโดยละเอยี ด
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
2. จงเขยี นแบบเปรียบเทียบลกั ษณะชิ้นทดสอบแรงกระแทกแบบชารป์ แ้ี ละแบบไอซอด
82
เฉลยข้อสอบกลางภาคเรียน
วิทยาลยั เทคนคิ อุตสาหกรรมยานยนต์
ข้อสอบกลางภาคเรียน
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
วิชาการทดสอบงานเช่ือมโดยทำลาย รหสั วชิ า 30103-2102
คำชีแ้ จง
1. ข้อสอบมี 2 ตอน ตอนที่ 1 ปรนัย 20 ขอ้ ตอนท่ี 2 อัตนัย 2 ขอ้
2. ให้เขียนชอ่ื -นามสกุล เลขท่ี ในกระดาษคำตอบใหส้ มบูรณ์
3. ทำข้อสอบลงในกระดาษคำตอบเท่านัน้
4. ห้ามนำเอกสารใดๆ เข้าหอ้ งสอบอยา่ งเด็ดขาด
ชือ่ ……………………………..…นามสกุล………………..………เลขท่ี…………..….ชัน้ ………...........
83
ตอนท่ี 1 จงเลอื กคำตอบท่ถี กู ตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดียว โดยทำเคร่อื งหมาย x ลงในชอ่ งว่าง
1. จดุ ประสงค์หลกั ในการทดสอบแรงดงึ งานเชอ่ื มคอื ข้อใด
ก. หาสมบัติเชิงกลของแนวเชือ่ ม ✓ ข. หาความสมบรู ณ์ของแนวเชอื่ ม
ค. หาความสามารถในการเช่อื ม ง. หาจุดบกพร่องในแนวเชือ่ ม
2. ข้อใดไมใ่ ช่ผลของการทดสอบแรงดึง ข. ค่าความเค้นท่ีจุดคราก
ก. ค่าความตา้ นแรงดึง ง. อัตราการยืดตัว
ค. เกรน ✓
3. จดุ สงู สุดใดทใ่ี ช้คำนวณหาค่าความเค้นแรงดงึ ?
ก. จุดครากตวั บน ข. จุดครากตวั ลา่ ง
ค. Ultimate tensile strength ✓ ง. ความเค้นแตกหัก
4. ข้อใดไม่ใช่หนว่ ยของความเค้นแรงดงึ ข. เมกาปาสคาล
ก. จลู ต่อเซนตเิ มตร ✓ ง. กิโลกรมั ต่อตารางเซนตเิ มตร
ค. นิวตันตอ่ ตารางมลิ ลิเมตร
5. การบนั ทึกผลการทดสอบแรงดึง ไมจ่ ำเปน็ ต้องใสร่ ายละเอยี ดในขอ้ ใด
ก. วัสดุงาน ข. ลวดเชือ่ ม
ค. ข้อกำหนดวธิ ีการเช่ือม ง. ข้นั ตอนการใชเ้ ครือ่ ง ✓
จากรูปต่อไปน้ีจงตอบคำถามข้อ 6-10
84
6. ถ้าปล่อยแรงดงึ ออกวสั ดุจะกลับคืนสภาพเดิมหมายถงึ ชว่ งใด?
ก. ช่วง OA ✓ ข. ชว่ ง BC
ค. ช่วง CD ง. ชว่ ง DE
7. ทจ่ี ุด B ของเส้นกราฟระหวา่ งความเคน้ และความเครยี ดเรียกวา่ อะไร?
ก. จุดประลยั (Ultimate Strength)
ข. เรียกว่า จุดคราก (Yield Point)
ค. ขีดจำกดั ความยืดหยนุ่ (Elastic Limit) ✓
ง. ขดี จำกัดของสัดส่วน (Proportional Limit)
8. ทีจ่ ดุ C ของเส้นกราฟระหว่างความเค้นและความเครียดเรียกวา่ อะไร?
ก. จดุ ประลยั (Ultimate Strength)
ข. จดุ คราก (Yield Point) ✓
ค. ขีดจำกัดความยืดหย่นุ (Elastic Limit)
ง. ขีดจำกดั ของสัดสว่ น (Proportional Limit)
9. ท่จี ดุ D ของเสน้ กราฟระหวา่ งความเคน้ และความเครียดเรียกวา่ อะไร?
ก. จุดประลยั (Ultimate Strength) ✓
ข. เรยี กวา่ จุดคราก (Yield Point)
ค. ขดี จำกัดความยดื หยุ่น (Elastic Limit)
ง. ขดี จำกัดของสัดสว่ น (Proportional Limit)
10. ที่จุด E ของเส้นกราฟระหว่างความเคน้ และความเครยี ดเรยี กวา่ อะไร?
ก. จดุ ประลัย (Ultimate Strength)
ข. เรียกว่าจดุ คราก (Yield Point)
ค. ขีดจำกัดความยดื หยุ่น (Elastic Limit)
ง. จดุ แตกหัก (Breaking Point) ✓
11. สมบัตเิ ชงิ กลของวสั ดุหรอื เน้ือเช่ือมทส่ี ามารถดดู ซับพลงั งานแรงกระแทกไว้ไดม้ ากหรือนอ้ ยคือ
ขอ้ ใด?
ก. ความเคน้ –ความเครยี ด
ข. ความสามารถยืดตวั ของวัสดุ
ค. ความต้านทานการสึกหรอ
ง. ความเหนยี วแน่น ✓
12. การทดสอบแรงกระแทกช้ินงานเชอื่ มทำให้ทราบคา่ ใด?
ก. ความเหนยี วหรือเปราะ ✓
ข. ความแขง็
ค. ความต้านการสึกหรอ
ง. ความตา้ นทานการขน้ึ รูป
13. จดุ ประสงคใ์ นการทดสอบแรงกระแทกคือข้อใด?
ก. หาความแขง็
ข. หาอตั ราการยืดตัว
ค. หาความเหนยี วแนน่ ✓
ง. หาความตา้ นการสกึ หรอ
85
14. กรรมวิธที ดสอบแรงกระแทกแบบชาร์ป้ีและแบบไอซอดต่างกันในขอ้ ใด?
ก. การเตรียมชน้ิ ทดสอบ
ข. การจับชน้ิ ทดสอบ
ค. ด้านของช้ินทดสอบท่ีถูกตี
ง. ถูกทุกขอ้ ✓
15. ชน้ิ ทดสอบแรงกระแทกแบบชาร์ปข้ี นาดเท่าใดท่ไี ด้ตามมาตรฐานทถ่ี ูกตอ้ ง?
ก. 10 10 55 มิลลเิ มตร ✓
ข. 10 10 65 มิลลิเมตร
ค. 10 10 75 มลิ ลเิ มตร
ง. 10 10 100 มิลลิเมตร
16. ส่วนใดของชิน้ งานเช่อื มจะมคี า่ ความตา้ นทานแรงกระแทกตำ่ สุด?
ก. เนอ้ื เชอ่ื ม
ข. โลหะงาน
ค. ผลกระทบร้อน ✓
ง. เทา่ กนั ทุกสว่ น
17. คมี จับชน้ิ ทดสอบตอ้ งแช่ในตัวกลางอยา่ งนอ้ ย 5 นาที เพ่ือใหม้ อี ุณหภูมเิ ดียวกันกบั ช้นิ ทดสอบ เพ่อื
จดุ ประสงคใ์ นขอ้ ใด
ก. เพิ่มความสามารถดูดกลืนพลงั งานกระแทก
ข. เพม่ิ ความเหนยี วแน่น
ค. ป้องกันการแตกแบบเปราะ
ง. ปอ้ งกันการถา่ ยเทความรอ้ น ✓
18. ชน้ิ ทดสอบตัวแทน (Sub-specimens) จะใช้ในกรณีใด
ก. ชิ้นทดสอบมีขนาดหนา้ ตดั ใหญ่กว่าช้นิ ทดสอบ
ข. ช้นิ ทดสอบมีขนาดหนา้ ตดั เลก็ กว่าชน้ิ ทดสอบ ✓
ค. ชนิ้ งานมีความยาวมากกวา่ ช้นิ ทดสอบ
ง. ชนิ้ งานมีความยาวนอ้ ยกวา่ ช้ินทดสอบ
19. ลกั ษณะการแตกหกั ของชนิ้ ทดสอบที่สามารถรบั พลงั งานแรงกระแทกได้จะมกี ารแตกหกั แบบใด
ก. แตกแบบเปราะ
ข. แตกแบบเหนียว ✓
ค. แตกเป็นแนวตรง
ง. แตกไมม่ ีทิศทาง
20. การทำรอ่ งบากช้นิ ทดสอบ จะต้องเตรยี มชิ้นทดสอบในทิศทางใด?
ก. ขนานกบั ความยาว
ข. ตง้ั ฉากกับความยาว ✓
ค. ทำมุม 45 องศากับความยาว
ง. ทศิ ทางใดก็ไดข้ น้ึ อยกู่ บั กรรมวธิ กี ารทดสอบ
86
ชอื่ ………………………………..นามสกุล………………..…….…เลขท่ี………….……..….ชนั้ ………………......
ตอนที่ 2 จงตอบคำถามต่อไปน้ีโดยละเอียด
1. จงอธิบายกราฟความความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด ตามการเปลี่ยนแปลงของชนิ้
ทดสอบเม่ือมีแรงกระทำในชว่ งต่างๆจนกระทง่ั ขาด มาโดยละเอียด
ชว่ ง0-A ความสัมพันธ์ระหวา่ งความเคน้ กบั ความเครียดเปน็ เส้นตรง ท่ีกราฟเป็นเส้นตรง แสดง
วา่ ความเค้นเป็นปฏภิ าคโดยตรงกับความเครยี ด และวัสดยุ ังคงลักษณะตามกฎของฮกุ
จุดA คือจุดพิกัดความเป็นสัดส่วน (Proportional Limit) เป็นจุดสุดท้ายที่ความสัมพันธ์
ดังกล่าวเปน็ เส้นตรง หลังจากจุดน้ีแล้วความเค้นจะไมเ่ ป็นปฏภิ าคโดยตรงกับความเครียดอกี ตอ่ ไป
จุดฺB คือจุดพิกัดความยืดหยุ่น (Elastic Limit) หมายถึง พฤติกรรมของวัสดุที่ได้รับความเค้น
ซ่ึงอยู่ภายในชว่ งของการคนื รูป ไม่เกิดการแปรรปู อย่างถาวรคอื เมือ่ ปล่อยแรงดึงวัสดกุ ็จะหดสสู่ ภาพเดมิ
จุดC คือจุดคราก (Yield Point) เมื่อวัสดุได้รับแรงกระทำเกินพิกัดความยืดหยุ่นก็จะเกิดการ
แปรรูปอย่างถาวรจนถึงจุดๆหน่ึงที่ทำให้วัสดุแปรรูปง่ายคือ อัตราการยืดตัวจะสูงกว่าตอนแรก วัสดุจะ
ยืดออกทงั้ ๆทีค่ วามเคน้ คงท่ี
จุดD คือความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Strength) หมายถึงความเค้นสูงสุดที่วัสดุรับไว้ได้
ก่อนทจ่ี ะขาด ถัดจากจดุ น้ีไปคา่ ความเคน้ จะลดลงไปเร่ือยๆ และจะเริ่มสังเกตเหน็ ว่าจะเกดิ คอคอด
จุดE คือจุดขาด (Breaking Point) เป็นจุดที่วัสดุขาดออกจากกันและเรียกความแข็งแรงที่จุด
แตกหักนี้ว่า Breaking Strength
2. จงเขียนแบบเปรยี บเทยี บลกั ษณะชิ้นทดสอบแรงกระแทกแบบชารป์ แี้ ละแบบไอซอด
87
ภาคผนวก ข
ขอ้ สอบวัดผลสมั ฤทธ์ิปลายภาคเรียนพร้อมเฉลย
88
วิทยาลัยเทคนิคอตุ สาหกรรมยานยนต์
ขอ้ สอบปลายภาคเรยี น
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
วิชาการทดสอบงานเชอื่ มโดยทำลาย รหัสวิชา 30103-2102
คำช้ีแจง
1. ขอ้ สอบมี 2 ตอน ตอนท่ี 1 ปรนยั 20 ข้อ ตอนท่ี 2 อัตนยั 2 ขอ้
2. ให้เขยี นชอ่ื -นามสกลุ เลขท่ี ในกระดาษคำตอบให้สมบรู ณ์
3. ทำขอ้ สอบลงในกระดาษคำตอบเท่านนั้
4. ห้ามนำเอกสารใดๆ เข้าห้องสอบอยา่ งเด็ดขาด
ชอื่ ……………………………..…นามสกุล………………..………เลขท่ี…………..….ชั้น………...........
89
ตอนที่ 1 จงเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงขอ้ เดยี ว โดยทำเครอื่ งหมาย x ลงในช่องว่าง
1. วตั ถปุ ระสงคใ์ นการทดสอบดัดงอคอื ขอ้ ใด ข. หาความเหนยี ว (Ductile)
ก. หาความเหนยี วแนน่ (Toughness)
ค. หาความแข็งแรง (Strength) ง. หาความแขง็ (Hardness)
2. การทดสอบดัดงอต้องการหาความเหนียวบริเวณใดมากที่สดุ
ก. เนอื้ โลหะงาน ข. เน้อื เช่ือม
ค. บรเิ วณผลกระทบรอ้ น (HAZ) ง. เนอ้ื เชื่อมและบริเวณผลกระทบร้อน
3. ความสมบูรณ์ของแนวเช่ือม (Sound of Weld) ในการทดสอบดัดงอหมายถงึ บรเิ วณใด
ก. เนอ้ื โลหะงาน ข. เน้อื เชือ่ ม
ค. บรเิ วณผลกระทบรอ้ น (HAZ) ง. เนื้อเชอื่ มและบริเวณผลกระทบรอ้ น
4. งานเชื่อมในข้อใดไม่สามารถตรวจดว้ ยวธิ ดี ดั งอได้
ก. งานเชอื่ มต่อตัวที (Fillet Weld) ข. งานเชอื่ มตอ่ ชน (Butt Weld)
ค. งานเชอื่ มพอกผวิ แขง็ (Hard facing) ง. งานเชอื่ มเคลือบผิว (Cladding)
5. ข้อใดไม่ใช่การทดสอบแบบดัดงออสิ ระ (Free Bending)
ก. ใช้ปากกาจับและใช้ค้อนตี ข. การบบี ด้วยปากกา
ค. การใช้ท่อสวมแล้วโยกใหห้ ัก ง. การกดลงในรอ่ งดดั
6. ถา้ ตอ้ งการหาความสมบรู ณ์ของเนือ้ เชื่อมอยา่ งเดยี วตอ้ งทำการทดสอบดัดงอแบบใด
ก. Transverse Specimens ข. Longitudinal Specimens
ค. Fillet Weld Root Bend ง. Testing of Stud Welds
7. ถ้าต้องการหาความสมบรู ณ์ดา้ นหน้าแนวเชื่อม ตอ้ งกดดดั ด้านใด
ก. Free Bend Test ข. Root of Weld
ค. Side of Weld ง. Face of Weld
8. ถา้ ต้องการหาความสมบูรณ์ด้านรากแนวเช่อื ม ต้องกดดัดดา้ นใด
ก. Free Bend Test ข. Root of Weld
ค. Side of Weld ง. Face of Weld
9. ขอ้ ใดไมใ่ ชต่ วั แปรที่มผี ลกระทบต่อการทดสอบดัดงอแนวเช่ือม
ก. ความอ่อน-แขง็ ของการเช่ือมต่อโลหะต่างชนดิ ข. การปรบั เครอ่ื งทดสอบที่ไม่ไดม้ าตรฐาน
ค. ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการกดดัด ง. วางช้นิ ทดสอบไมอ่ ยกู่ ึ่งกลางแบบดดั
10. ความหนาของชิ้นงานเชอื่ มแผ่นเท่าใด มาตรฐาน AWS D 1.1 จึงกำหนดให้ทดสอบดัดงอด้านข้าง
ก. 10 มิลลเิ มตร ข. 12 มิลลิเมตร
ค. 15 มิลลเิ มตร ง. 19 มลิ ลเิ มตร
11. ข้อใดไมใ่ ชต่ ัวแปรทีม่ ผี ลกระทบตอ่ การทดสอบดดั งอแนวเช่ือม
ก. ความออ่ น-แขง็ ของการเชือ่ มตอ่ โลหะต่างชนิด ข. การปรบั เคร่อื งทดสอบที่ไม่ได้มาตรฐาน
ค. ระยะเวลาที่ใช้ในการกดดดั ง. วางช้นิ ทดสอบไมอ่ ยู่กงึ่ กลางแบบดดั