ตู้อบขจดั กลนิ ด้วยโอโซน
Ozone Deodorizer Incubator
วชั ระ เทพภูเวยี ง
ภควฒั น์ หอมดวง
รุ่งอรุณ พลางวนั
ระดับปริญญาวศิ วกรรมศาสตรบณั ฑติ
สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟ้า
คณะเทคโนโลยี
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ปี การศึกษา 2564
ตู้อบขจดั กลนิ ด้วยโอโซน
วชั ระ เทพภูเวยี ง
ภควฒั น์ หอมดวง
รุ่งอรุณ พลางวนั
ระดับปริญญาวศิ วกรรมศาสตรบณั ฑติ
สาขาวิชาวศิ วกรรมไฟฟ้า
คณะเทคโนโลยี
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ปี การศึกษา 2564
ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
Ozone Deodorizer Incubator
วชั ระ เทพภเู วยี ง
ภควฒั น์ หอมดวง
รุ่งอรุณ พลางวนั
ระดบั ปริญญาวศิ วกรรมศาสตรบณั ฑิต
สาขาวิชาวศิ วกรรมไฟฟ้า
คณะเทคโนโลยี
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ปี การศึกษา 2564
ไดผ้ า่ นการพจิ ารณาจาก
ลงชือ....................................อาจารยท์ ีปรึกษา/ ลงชือ..................................................กรรมการ
หัวหนา้ สาขาวิชา (ผชู้ ่วยศาสตราจารยส์ มชาย สิริพฒั นากลุ )
(ดร.ยทุ ธศกั ดิ ทอดทอง)
ลงชือ..................................................กรรมการ ลงชือ..................................................กรรมการ
(รองศาสตราจารย์ ดร.อลงกรณ์ พรมที) (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภเู บศร์ พิพธิ หิรัญการ)
ลงชือ..................................................กรรมการ ลงชือ..................................................กรรมการ
(ผชู้ ่วยศาสตราจารยจ์ ไุ รรัตน์จินดา อรรคนิตย)์ (ดร.อภยั ภกั ดิ ประทมุ ทิพย)์
ลงชือ..................................................กรรมการ ลงชือ..................................................กรรมการ
(ดร.บวั วรณ์ ไชยธงรัตน์) (อาจารยว์ ชั รวิชญ์ ดาวสว่าง)
ก
ชือเรือง ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน รหสั นกั ศึกษา 61001303113
ผู้วจิ ัย รหสั นกั ศึกษา 61001303117
นายวชั ระ เทพภูเวยี ง รหสั นกั ศึกษา 61001303119
ปริญญา นายภควฒั น์ หอมดวง สาขาวชิ า วิศวกรรมไฟฟ้า
อาจารย์ทีปรึกษา นางสาวรุ่งอรุณ พลางวนั
มหาวทิ ยาลัย ปี ทีพมิ พ์ 2564
วิศวกรรมศาสตรบณั ฑิต
ดร.ยุทธศกั ดิ ทอดทอง
มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
บทคดั ย่อ
งานวิจยั เรือง ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซนมีวตั ถุประสงค์เพือศึกษาออกแบบและสร้างตูอ้ บ
ขจดั กลินดว้ ยโอโซน และเพือหาประสิทธิภาพการทาํ งานของตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน ทีสร้างขึน
งานวิจยั นีเกิดขึนจากการทีคณะผวู้ ิจดั ทาํ ไดเ้ ล็งเห็นวา่ ในปัจจบุ นั โอโซนถูกนาํ มาใชอ้ ยา่ งแพร่หลาย
รวมถึงการอบขจดั กลินอบั ทีตกคา้ งในเสือผา้ เพือให้ง่ายและสะดวกต่อการนําโอโซนมาใช้งาน
ผูว้ ิจัยจึงจดั ทาํ ตูอ้ บขจดั กลินด้วยโอโซน โดยการใช้หน้าจอทชั สกรีนเพือเลือกคาํ สังการใช้งาน
ของตอู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
จากการทดลองพบว่า ตูอ้ บขจดั กลินด้วยโอโซนสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยโปรแกรมสามารถสังงานอุปกรณ์ต่าง ๆ ทํางานได้ถูกตอ้ งตามคาํ สังงาน รวมไปถึงการอบ
ขจดั กลินของเสือทงั 3 ประเภท คือ เสือยืด เสือช็อป และเสือแขนยาว เสือแต่ละประเภทใชเ้ วลาอบ
ต่างกนั ขึนอยู่กบั ความหนาบางของเสือแต่ละประเภท ค่าเฉลียความพึงพอใจในการใชง้ านร้อยละ
80 อยใู่ นระดบั ดีมาก ผลการทดลองอบฆ่าเชือแบคทีเรียในผา้ ทงั 3 ชนิด คือ ผา้ ยีนส์ ผา้ สแล็ค และ
ผา้ ขนหนู ผา้ แต่ละชนิดให้ผลการทดลองทีแตกต่างกัน ซึงผลการลดลงของแบคทีเรียสังเกตเห็น
ไดช้ ดั เจนทีผา้ ยีนส์ โดยการอบใช้เวลา 20 นาที ลดลงจาก 20,900 Cfc/ml เป็ น 130 Cfc/ml คิดเป็ น
การลดลง 99.37 % ถือวา่ อบฆา่ เชือแบคทีเรียไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
คาํ สําคัญ : ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน ; ทชั สกรีน ; แบคทีเรีย
ข
TITLE Ozone Deodorizer Incubator
AUTHOR
Mr. Watchara Theppuwieng Student’s ID 61001303113
DEGREE
ADVISORS Mr. Phakawat Homduang Student’s ID 61001303117
UNIVERSITY
Ms. Rungarun Phalangwan Student’s ID 61001303119
Bachelor of Engineering Program in Electrical Engineering
Dr. Yutthasak Todthong
Udon Thani Rajabhat University DATE 2021
ABSTRACT
The research objectives of The ozone deodorizing incubator aims to study the design and
construction of the ozone deodorizing incubator. and to determine the performance of the built-in
ozone deodorizing incubator. This research arises from the researchers' foresee that at present,
ozone is widely used, including baking to eliminate residual odors. in clothes In order to make it
easier and more convenient to use ozone, the researcher has developed an ozone deodorizing
incubator. By using the touch screen to select the operation of the ozone deodorizing incubator.
From the experiment, it was found that the ozone deodorizing incubator can be used
effectively. The program can command various devices to work correctly according to the work
order. Including drying and eliminating the smell of all 3 types of shirts, namely T-shirts, shop
shirts and long sleeves. Each type of shirt takes a different baking time depending on the
thickness of each shirt type. The average satisfaction is 80 percent at a very good level The results
of the bactericidal drying experiment on all 3 types of fabrics, namely denim, slacks and towels,
each type of fabric gave different results. The decreasing effect of bacteria was noticeable on the
denim fabric. by baking for 20 minutes, reduced from 20,900 Cfc/ml is 130 Cfc/ml accounted for
a reduction of 99.37%, considered to be effective in killing bacteria.
Keywords: Ozone deodorizing incubator ; touch screen ; bacteria
ค
กติ ติกรรมประกาศ
โค รง ง าน วิ จัย เรื อ ง ตู้อ บ ข จัด ก ลิ น ด้ ว ย โอ โ ซ น (Ozone Deodorizer Incubator)
สําเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างสูงยิงจาก ดร.ยุทธศักดิ ทอดทอง
อาจารยท์ ีปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.อลงกรณ์ พรมที ผูช้ ่วยศาสตราจารยส์ มชาย สิริพฒั นากุล
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์จุไรรัตน์จินดา อรรคนิตย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูเบศร์ พิพิธหิรัญการ
ดร.อภัยภักดิ ประทุมทิพย์ อาจารย์บัววรณ์ ไชยธงรัตน์ และ อาจารย์วัชรวิชญ์ ดาวสว่าง
กรรมการสอบ และ อ.สพ.ญ. ปราณปรียา ทอดทอง อาจารยส์ าขาวิชาเทคนิคการสัตว ทีให้ความ
อนุเคราะห์ในการตรวจสอบแบคทีเรีย และให้คาํ แนะนําเกียวกับการทําการทดลองการนับ
เชือแบคทีเรีย
ขอขอบพระคุณ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าทีเอือเฟื อสถานที วสั ดุอุปกรณ์ต่างๆ สําหรับ
การทําโครงงาน ขอขอบคุณเพือนๆ ทีไดใ้ ห้ความช่วยเหลือในการทําโครงงานวิจยั ท้ายทีสุด
ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดา ทีคอยใหก้ าํ ลงั ใจและให้โอกาสการศึกษาอนั มีคา่ ยงิ
วชั ระ เทพภเู วียง
ภควฒั น์ หอมดวง
รุ่งอรุณ พลางวนั
สารบัญ ง
เรือง หน้า
บทคดั ยอ่ ก
ABSTRACT ข
กิตตกิ รรมประกาศ ค
สารบญั ง
สารบญั รูป ฉ
สารบญั ตาราง ฌ
บทที 1 บทนาํ 1
1.1 ความสาํ คญั และทีมา 1
1.2 วตั ถุประสงคข์ องงานวจิ ยั 1
1.3 ขอบเขตของงานวิจยั 2
1.4 ผลทีคาดวา่ จะไดร้ ับ 2
3
บทที 2 ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเกยี วข้อง 3
2.1 ทฤษฎีและความสาํ คญั ของก๊าซโอโซน 11
2.2 ประเภทเสือ 20
2.3 รีเลย์ 24
2.4 หมอ้ แปลงแรงดนั สูง 28
2.5 พดั ลมระบายความร้อน 28
2.6 จอทชั สกรีน 32
2.7 บอร์ด Arduino 34
34
บทที 3 วธิ ีการดําเนินงาน 35
3.1 บลอ็ กไดอะแกรม 37
3.2 แผนการดาํ เนินงาน
3.3 วธิ ีการดาํ เนินงาน
สารบัญ (ต่อ) จ
เรือง หน้า
บทที 4 ผลการศึกษา 47
47
4.1 ทดสอบประสิทธิภาพการทาํ งานของตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 56
4.2 วดั หาปริมาณกระแสและแรงดนั ทีไหลในวงจร 57
4.3 ศึกษาความพงึ พอใจของตอู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 63
บทที 5 สรุปผลการศึกษาและแนวทางการพฒั นา 63
5.1 สรุปผล 64
5.2 อภปิ รายผล 64
5.3 ขอ้ เสนอแนะ 65
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ประวตั ิผู้จดั ทํา
สารบัญรูป ฉ
รูปที หน้า
2.1 การทาํ งานสลายมลภาวะของโอโซน 4
2.2 ชนั โอโซน 5
2.3 ภาพโอโซนทีอย่เู หนือพนื ดิน 8
2.4 บริเวณสีม่วงแสดงหลุมโอโซนทีถกู ทาํ ลาย 9
2.5 หลอดโอโซน 11
2.6 เสือยดื 13
2.7 เสือโปโล 13
2.8 เสือกีฬา 14
2.9 เสือช็อป 15
2.10 เสือยนี ส์ 15
2.11 เสือกนั หนาว 16
2.12 สูทแบบกระดุมแถวเดียว 17
2.13 สูทแบบกระดุมสองแถว 17
2.14 สูทแบบกระดุมสองแถว 18
2.15 สูทแบบทกั ซิโด้ 18
2.16 สูทสาํ หรับแต่งงาน 19
2.17 สูทสาํ หรับใส่ทาํ งาน 20
2.18 สูทสาํ หรับนกั ธุรกจิ 20
2.19 ตวั อยา่ งการตอ่ ใชง้ านของรีเลย์ 22
2.20 รูปร่างรีเลย์ 24
2.21 หลกั การทาํ งานของหมอ้ แปลง 25
2.22 หมอ้ แปลงแกนเหลก็ 26
2.23 สัญลกั ษณ์หมอ้ แปลงแกนเหลก็ 26
2.24 หมอ้ แปลงแรงดนั สูง 27
2.25 พดั ลมระบายอากาศ 28
2.26 จอทชั สกรีน 32
ช
สารบัญรูป (ต่อ)
รูปที หน้า
2.27 บอร์ด Arduino 33
3.1 บลอ็ กไดอะแกรม 34
3.2 ผงั งานและการดาํ เนินงาน 36
3.3 แบบตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 36
3.4 แบบหลอดผลิตโอโซน 37
3.5 รายละเอียดตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 38
3.6 หนา้ จอหลกั เลือกประเภทเสือ 38
3.7 หนา้ จอเลือกกลิน 39
3.8 หนา้ จอเลือกเริมทาํ งาน / กลบั สู่หนา้ หลกั 39
3.9 หนา้ จอแสดงเวลาเมือเครืองกาํ ลงั ทาํ งาน 40
3.10 วงจรควบคมุ 41
3.11 ประกอบโครงสร้างตามทีออกแบบตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 42
3.12 ประกอบฝาขา้ งตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 43
3.13 ประกอบหลงั คาตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 43
3.14 ประกอบแผน่ เลือน 44
3.15 ติดตงั หลอดโอโซน 44
3.16 ติดตงั พดั ลมระบายอากาศ 220V 50Hz 45
3.17 ติดตงั แผน่ เลือน 45
3.18 ติดตงั หุ่นลองเสือ 46
3.19 ประกอบฝาตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน 46
4.1 วดั และตดั ผา้ ทงั 3 ชนิดให้มีขนาดเทา่ กนั 48
4.2 ผา้ ทงั 3 ชนิด ขนาด 11 นิว 48
4.3 เตรียมสาร Plate Count Agar 49
4.4 เตรียมนาํ เปล่าทีจะใชใ้ นการเจือจางเชือแบคทีเรีย 49
4.5 สาร Plate Count Agar ทีผสมนาํ เปล่า และนาํ เปล่าทีจะใชใ้ นการเจือจางเชือแบคทีเรีย 50
สารบัญรูป (ต่อ) ซ
รูปที หน้า
4.6 นึงสาร Plate Count 50
4.7 เติมเชือแบคทีเรียในผา้ ทงั 3 ชนิด ใหม้ ีปริมาณเชือเท่ากนั 51
4.8 อบฆ่าเชือแบคทีเรียในผา้ ทงั 3 ชนิด 51
4.9 เติมเชือแบคทีเรียและสาร Plate Count Agar 52
4.10 นาํ เขา้ ตอู้ บควบคุมอณุ หภมู ิ 37 องศา เป็นเวลา 48 ชวั โมง 51
4.11 เชือแบคทีเรียทีนบั แลว้ จากผา้ ชนิดที 1 (Y) 53
4.12 เชือแบคทีเรียทีนบั แลว้ จากผา้ ชนิดที 2 (S) 53
4.13 เชือแบคทีเรียทีนบั แลว้ จากผา้ ชนิดที 3 (O) 54
4.14 แคลมป์ มิเตอร์ 56
4.15 กราฟแสดงผลการทดลอง 62
สารบญั ตาราง ฌ
ตารางที หน้า
2.1 คณุ สมบตั ิ Arduino UNO R3 Specifications 32
3.1 แผนการดาํ เนินงาน 35
3.2 ตารางงบประมาณ 40
4.1 ตารางผลการทดลองอบฆา่ เชือแบคทีเรียในผา้ แต่ละชนิด 54
4.2 ตารางผลการประเมินคุณภาพ 58
4.3 ตารางผลการทดลองประสิทธิภาพเวลา 30 นาที 59
4.4 ตารางผลการทดลองประสิทธิภาพเวลา 40 นาที 60
4.5 ตารางผลการทดลองประสิทธิภาพเวลา 50 นาที 61
บทที 1
บทนาํ
1.1 ความสําคญั และทีมา
ปัจจุบนั การศึกษาวิจยั และพฒั นาเทคโนโลยกี ารใชโ้ อโซนมากขึนและใชก้ นั อย่างแพร่หลาย
ด้วยโอโซนมีลักษณะเด่น ดังนี 1) สลายตัวเร็วเนืองจากไม่คงตัว (Unstable) และไม่สามารถ
เก็บบรรจุใส่ภาชนะใดๆ ได้ (ยกเว้นการเก็บในสภาวะอุณหภูมิตาํ หรือนําแข็ง) การสลายตัว
จะขึนกบั อุณหภูมิและความชืน 2) มีกลินคลา้ ยกลินฝนตกใหม่ๆ และถา้ มีความเขม้ ข้นสูงจะมี
กลินฉุน 3) สถานะทัวไปเป็ นก๊าซ 4) มีฤทธิในการฆ่าเชือแบคทีเรียทีรุนแรงมาก ทังในนําและ
อากาศ 5) เป็ นสารออกซิ ไดซ์ทีมีความรุ นแรงมาก (Potential oxidizing agent) จึงสามารถ
ทาํ ปฏิกิริยากบั สารอินทรีและสารอนินทรีได้ การประยุกตน์ าํ เอาก๊าซโอโซนไปใชใ้ นอุตสาหกรรม
และชีวิตประจําวนั ได้หลายวิธี อาทิเช่น การบําบัดและอนุรักษ์พลังงานในระบบหอผึงเย็น
ของระบบทาํ ความเย็น ฆ่าเชือโรคในสระว่ายนํา นําเสียในอาคารสํานักงาน และอุตสาหกรรม
ฆา่ เชือโรคในระบบผลิตนาํ ดืม บาํ บดั อากาศ และกลิน บาํ บดั สีในขบวนการฟอกยอ้ ม ลดพลงั งาน
ในระบบซกั ผา้ บาํ บดั อากาศ และนาํ ฆ่าเชือโรคในผกั และผลไม้ เป็นตน้
การสร้างตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซนโดยวิธีการผลิตโอโซน ซึงนาํ เอาหลกั การและประโยชน์
ของโอโซนทีช่วยกาํ จดั กลินเหม็นอนั ไม่พึงประสงค์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว นอกจากนนั ยงั ช่วยยบั ยงั และ
ทาํ ลายการเจริญเติบโตของเชือโรคต่างๆ โดยเฉพาะกบั เชือแบคทีเรียไดอ้ ย่างรวดเร็ว ซึงจะช่วยให้
การอบกลินทีไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะเสือสูท เสือช็อป และเสือกนั หนาวชนิดต่างๆ ทีใชส้ วมใส่
ในการปฏิบตั ิงาน ลดเวลาการซักและตากทีตอ้ งใช้เวลามาก สามารถอบขจดั กลินไดท้ ุกฤดูกาล
ใชเ้ วลาสัน เหมาะสมกบั ภาวการณ์ดาํ รงชีวิตของคนในสังคมทีตอ้ งแข่งขนั กนั ทุกดา้ นในปัจจุบนั
อีกดว้ ย
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของงานวิจยั
1.2.1 เพอื สร้างตอู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
1.2.2 เพอื ทดสอบประสิทธิภาพของตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
2
1.3 ขอบเขตของงานวิจยั
1.3.1 สามารถอบเสือไดไ้ มเ่ กินครังละ 1 ตวั
1.3.2 การอบเสือแต่ละตวั ไมต่ าํ กวา่ 30 นาที
1.3.3 การฆ่าเชือโรคโอโซนไมส่ ามารถกาํ จดั เชือราบนเสือผา้ ได้ แตส่ ามารถกาํ จดั เชือแบคทีเรีย
ได้
1.3.4 ไม่สามารถเปิ ดฝาตูอ้ บขณะอบเสือ เนืองจากโอโซนอาจทาํ ให้บุคคลทีร่างกายอ่อนแอ
หรือเด็กเลก็ เกิดการแพก้ ลินโอโซนได้ แตไ่ มเ่ ป็นอนั ตราย
1.4 ผลทคี าดว่าจะได้รับ
1.4.1 สามารถสร้างตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซนทีมีประสิทธิภาพสูง
1.4.2 สามารถนาํ ไปใชง้ านไดจ้ ริงตามวตั ถุประสงค์
1.4.3 สามารถนาํ ไปใชง้ านในร้านซกั รีดไดอ้ ยา่ งสะดวก
3
บทที 2
ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยทีเกยี วข้อง
ปัจจุบนั เทคโนโลยีไดเ้ ขา้ มามีบทบาทในชีวิตประจาํ วนั เป็ นอย่างมาก มีการนําเทคโนโลยี
มาประยุกต์ใช้ทางดา้ นครัวเรือน เนืองจากพฒั นาไม่หยุดนิงจึงได้นาํ เทคโนโลยีมามาประยุกต์ใช้
ในชีวิตประจาํ วนั ต่างๆ โดยกลุ่มผูจ้ ัดทําจึงอยากพฒั นาจากการนําเอาหลกั การและประโยชน์
ของโอโซนทีช่วยกําจัดกลินเหม็นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว จัดทําตู้อบขจัดกลิน
ดว้ ยโอโซน ในการศึกษาครังนีคณะผจู้ ดั ทาํ ไดศ้ ึกษาขอ้ มูลจากแหล่งตา่ งๆ นาํ มาเรียบเรียงตามหัวขอ้
ดงั นี
2.1 ทฤษฎีและความสาํ คญั ของกา๊ ซโอโซน
2.2 ประเภทเสือ
2.3 รีเลย์
2.4 หมอ้ แปลงแรงดนั สูง
2.5 พดั ลมระบายความร้อน
2.6 หนา้ จอทชั สกรีน
2.7 อาดูโน่ (Arduino)
2.1 ทฤษฎแี ละความสําคญั ของก๊าซโอโซน
ปฏิกิริยาในธรรมชาติเกิดเป็ นปฏิกิริยาลูกโซ่โดยมีรังสีอุลตราไวโอเลตเป็ นตัวเร่งปฏิกิริยา
ซึงเรียกว่า ปฏิกิริยาโฟโตเคมี (photochemical reaction) โอโซนในชนั สตราโทสเฟี ยร์จะช่วยรักษา
สมดุลของรังสีจากดวงอาทิตย์ (UVB) nm ไม่ให้ลงมาบนพืนโลกมากเกินไปจนเป็ นอันตราย
ต่อมนุษย์ เนืองจากมีผลทาํ ให้เกิดมะเร็งผิวหนัง เป็ นอนั ตรายต่อสัตวแ์ ละพืช รวมทงั ยงั ทาํ ให้วสั ดุ
และอุปกรณ์ประเภทพลาสติกพีวีซี (PVC) ยาง มีอายุการใช้งานลดลงด้วย ก๊าซ 2 กลุ่มในชัน
บ ร รย าก าศ (ChlorineOxides ; ClOx) แ ล ะ ไ น โ ต ร เจ น อ อ ก ไ ซ ด์ (NitrogenOxides ; Nox)
โดยไนโตรเจนออกไซด์มากระบวนการ denitrication ของจุลินทรีย์ และเกิดจากฟ้าแลบ ฟ้าร้อง
นอกจากนียงั มาจากการเผาไหมจ้ ากเชือเพลิงและพวกเครืองบินทีบินเร็วเหนือเสียง (supersonic
transport ; SST) ทีบินเหนือชันอากาศทีเราหายใจ แต่จะบินอยู่ในชนั ทีมีโอโซน ซึงปล่อยไนตริก
ออกไซด์ (NO) และสารพวกฮาโลเจน (Halogen) โดยเฉพาะพวกก๊าซโบรมีน (Br) ทีสามารถสลาย
4
โอโซนทาํ ให้เกิดภาวะรูโอโซนในชนั บรรยากาศขึน แสง UV ส่องมายงั พืนโลกมากขึน ทาํ ให้เกิด
อนั ตรายตอ่ สิงมีชีวติ
รูปที 2.1 การทาํ งานสลายมลภาวะของโอโซน
(ทีมา : https://www.google.com)
ก๊าซโอโซน (Ozone) เป็ นโมเลกุลทีประกอบจากออกซิเจน 3 อะตอม ปรากฏอยู่ในชัน
บรรยากาศของโลก และมีการใช้งานในทางอุตสาหกรรมและเครืองใช้ตามบ้านทวั ไป โอโซน
ถูกคน้ พบขึนครังแรกเมือปี ค.ศ.1840 โดย คริสเตียน ฟรีดริช เชินไบน์ นกั เคมีชาวเยอรมนั โอโซน
นนั มีความสามารถในการทาํ ปฏิกิริยาออกซิเดชนั กบั สารอินทรีย์ และสารอนินทรียไ์ ดเ้ กือบทุกชนิด
ทังในนําและในอากาศ มีฤทธิในการฆ่าเชือทีรุนแรงและเร็วกว่าคลอรีน โอโซนจะเข้าไปจับ
โมเลกุลของสารปนเปื อนและทาํ การยอ่ ยสลายสารปนเปื อน
แหล่งกาํ เนิดของสารคลอรีนมาจากสารกลุ่มซีเอฟซี (CFCs) ซึงเรียกโดยทัวไปว่าฟรีออน
ซึงเป็ นสารทีใชเ้ พือทาํ ความเยน็ เช่น ในตูเ้ ยน็ สารกลุ่มนีจะคงตวั ไดน้ านเมือกระจายสู่บรรยากาศ
จะแตกตัวให้อะตอมอิสระของคลอรีน (Cl) เข้าทําปฏิกิริ ยากับโอโซนทันที ทําให้เกิดเป็ น
สารประกอบโมโนออกไซด์ขึน (ClO) จากการสํารวจจากเครืองบิน บอลลูน และดาวเทียม
และข้อมูลจากนาซ่า และ National Oceanic Atmospheric Administration (NOAA) ในปลายปี
ค.ศ.1970 แสดงให้เห็นว่าบริเวณโอโซนในอวกาศมีปริ มาณลดลงเรื อยมา ในปี ค.ศ.1986
นักวิทยาศาสตร์ได้ทาํ การสํารวจโอโซนในช่วงฤดูใบไมผ้ ลิซีกโลกใต้ เหนือทวีปแอนตาร์กติก
(Antarctica) พบว่าปริมาณโอโซนลดลงเหลือเพียง 88 DU เท่านัน และพบว่ามีสารประกอบ
ของคลอรี นโมโนออกไซด์ (ClO) ปริ มาณสู งมาก สารกลุ่มนี จะเป็ นตัวทําลายชันโอโซน
5
ปรากฏการณ์นีเรียกว่า รูโอโซน ซึงเป็ นบริเวณทีมีปริมาณโอโซนในบรรยากาศตาํ กว่ามาตรฐาน
ทีกาํ หนดคอื 220
2.1.1 ทีมาของโอโซน
ทีมาของโอโซนนันมี 2 แหล่ง คือ 1) ในธรรมชาติ โอโซนเกิดจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง
ในอากาศ หรือฟ้าผ่า ฟ้าแลบ และแสงจากดวงอาทิตย์ โอโซนนีมีอยู่มากในบรรยากาศชันสูง
เหนือพืนดินขึนไปกวา่ 40 กิโลเมตร (ชนั สตราโตสเฟี ยร์) และมีบทบาทสําคญั ในการกรองเอารังสี
อุลตราไวโอเลตออกจากรังสีแสงอาทิตย์ 2) โอโซนทีมนุษยส์ ร้างขึน การผลิตโอโซนสามารถทาํ ได้
โดยการใชร้ ังสีอลั ตร้าไวโอเลต หรือหลอด UV วิธีนีจะสร้างความเขม้ ขน้ ของก๊าซโอโซนไม่สูงนัก
อีกวิธีคือการใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถีสูง จุดเด่นของโอโซน คือ 1) ฆ่าเชือโรคได้รวดเร็ว
โดยเฉพาะแบคทีเรียทีทาํ ให้เกิดโรคและกลินเหม็น ทาํ ลายกลิน สารเคมี และก๊าซพิษได้ดีเยียม
2) ไม่ทิงพิษตกคา้ ง เพราะเมือทาํ ปฏิกิริยากบั มลพิษเสร็จทุกครังจะไดอ้ อกซิเจน (O2) จึงเป็ นการ
รักษาสิงแวดลอ้ มทีดี 3) สามารถผลิตขึนไดจ้ ากอากาศทวั ไป และบริเวณทีมีไฟฟ้าใช้
รูปที 2.2 ชนั โอโซน
(ทีมา : http://cwc.mwa.co.th)
2.1.2 การผลติ โอโซน
โอโซนถูกผลิตขึนเพือใช้ในทางการค้าจากแสง UV ทีความถี 185 nm หรือ Corona
discharge โดยทวั ไปจะพบ Corona discharge ทีความเขม้ ขน้ ของอากาศ 1-3% โดยนําหนัก (w/w)
และทีความเขม้ ขน้ ของออกซิเจน 2-12% w/w โดยสมบตั ิของโอโซนมีดงั นี
2.1.2.1 โอโซนเป็นตวั ออกซิไดซท์ ีมีความแรงมาก
2.1.2.2 โอโซนสามารถแตกตวั เป็ นออกซิเจนอยา่ งง่าย สลายตวั ไดเ้ อง และไม่มีสารพิษ
ตกคา้ ง มีครึงชีวิตในนาํ ทีอุณหภมู ิห้อง 20 นาที
6
2.1.2.3 สามารถละลายในนาํ ไดด้ ีกวา่ แกส๊ โดยการละลายจะเพมิ ขึนเมืออุณหภูมิลดลง
2.1.2.4 ไมม่ ีสารตกคา้ ง และไมก่ ่อให้เกิดปัญหากบั สิงแวดลอ้ มและระบบนาํ ใตด้ ิน
2.1.2.5 สามารถลดอนั ตรายทางเคมี (chemical hazard) จากวตั ถุอนั ตรายทางการเกษตร
(pestisides) ทีตกคา้ งในผกั และผลไมไ้ ด้
โอโซนเป็นสารออกซิไดส์ทีดีมาก จึงทาํ ลายจุลินทรียไ์ ดห้ ลายชนิด ไดแ้ ก่ แบคทีเรีย ยสี ต์
รา โปรโตซัวร์ ทีเป็ นสาเหตุทาํ ให้อาหารเสือมเสีย (microbial spoilage) และจุลินทรียท์ ีก่อให้เกิด
โรคได้ (pathogen) เช่น Escherichia coli, Listeria, Vibrio และ Salmonella กลไกการทาํ ลายเซลล์
จุลินทรีย์ คือ โอโซนแตกตัวให้ประจุของออกซิเจนทีมีความสามารถในการออกซิไดส์สูง
มีผลรบกวนต่อการถ่ายโอนประจุระหว่างชนั ผนังเซลล์ ทาํ ลายโครงสร้างผนังเซลลข์ องจุลินทรีย์
และทําลายองค์ประกอบต่างๆ ภายในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ของจุลินทรียเ์ สียหายแบบเฉียบพลนั
และตายในทีสุด
2.1.3 ผลเสียของโอโซน
โอโซนในระดับความเข้มขน้ 0.25 ppm ขึนไป ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อ ตา จมูก
และทาํ ลายเนือเยือปอด เกิดความระคายเคืองเมือหายใจเขา้ ไป ถา้ ได้รับในปริมาณมากจะทาํ ให้
ตายได้ ดงั นนั การนาํ มาใชค้ วรระมดั ระวงั เพอื ใหเ้ กิดความปลอดภยั
2.1.4 คุณสมบตั รของโอโซน
2.1.4.1 ใช้ล้างวัตถุดิบ (raw material cleaning) โดยเป็ นสารฆ่าเชือ (sanitizer) ใช้ได้
กบั วตั ถดุ ิบหลายชนิด เช่น ผกั ผลไม้ สมนุ ไพร และเนือสัตว์
2.1.4.2 ใช้ทาํ ความสะอาด (cleaning) เพือฆ่าเชือ สถานทีผลิต สถานทีเก็บรักษาอาหาร
อปุ กรณ์ทีใชใ้ นการแปรรูป การขนส่ง ขนถ่าย
2.1.4.3 ใชฆ้ ่าเชือบรรจุภณั ฑ์ เช่น ใชโ้ อโซน 20 ppm แทนคลอรีน เพือฆ่าเชือขวดบรรจุ
นาํ ดืมในภาชนะทีปิ ดสนิท
2.1.4.4 ใชใ้ นการรม (fumingation) เพอื ควบคุมแมลงทีผวิ ของอาหาร
2.1.4.5 กาํ จดั แกส๊ เอทิลีน (ethylene) เพอื ชะลอการสุกของผลไมไ้ ด้
2.1.4.6 ใชบ้ าํ บดั นาํ เสีย (waste water treatment) โดยการปรับสภาพนาํ ทีใช้แลว้ เพือนาํ
กลบั มาใชอ้ ีก
2.1.5 ประโยชนข์ องโอโซน
โอโซนช่วยในการขจดั กลินเหมน็ กลินไม่พงึ ประสงคต์ ่างๆ โดยส่วนประกอบไอระเหย
ของสารอินทรียจ์ ะถูกโอโซนเขา้ ทาํ ลาย ส่งผลใหก้ ลินไม่พึงประสงคห์ รือกลินอบั ชืนต่างๆ ถูกขจดั
ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โอโซนช่วยในการทาํ ลายและยบั ยงั การเจริญเติบโตของเชือโรค
7
เซลลโ์ ปรตีนทีห่อหุ้มและหล่อเลียงเชือโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ หรือเชือรา จะถูก
โอโซนเขา้ ไปทาํ ลายทาํ ให้เชือโรคไมส่ ามารถเจริญเติบโตได้
โอโซนช่วยในการสลายก๊าซพษิ โดยจะเขา้ ไปทาํ ลายโครงสร้างของก๊าซพษิ ต่างๆ ทาํ ให้เกิดการ
สลายตัวหรือเปลียนรูป โอโซนมีคุณสมบัติในการฟอกสี ปัจจุบันมีการนําเทคโนโลยีโอโซน
เข้ามาใช้ในการผลิตนําดืมบรรจุขวด การบําบัดนําเสีย และนําทิง จากโรงงานอุตสาหกรรม
เนืองจากโอโซนมีคุณสมบตั ิในการฟอกสี และบาํ บดั นาํ ทาํ ให้นาํ เสียทีเคยก่อให้เกิดปัญหามลภาวะ
ทังทางนําและอากาศ สามารถกลับมาเป็ นนําทีใสและคุณลักษณะของนําทีดีขึน ไม่เป็ นพิษ
ตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
2.1.6 อนั ตรายจากโอโซน
อาจเกิดอนั ตรายแก่ปอดได้ โดยเฉพาะในเด็กทีระบบภูมิตา้ นทานยงั ไม่แข็งแรงเพียงพอ
อาจเกิดผลเสียหรืออนั ตรายแก่ระบบพันธุกรรม หรืออวยั วะสืบพันธุ์ได้ หากมีปริมาณโอโซน
สูงมากเกินไปจะก่อให้เกิดเป็ นก๊าซพิษทีส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากมีการสัมผสั โอโซนในรูป
ของของเหลวทีความเขม้ ขน้ สูง บริเวณดวงตาหรือผิวหนังอาจก่อใหเ้ กิดการระคายเคือง ทาํ ให้รู้สึก
ปวดแสบปวดร้อนไดไ้ ปจนถึงอาการไหมท้ ีรุนแรงขึนได้ อาจก่อให้เกิดผลขา้ งเคียงอย่างปวดศีรษะ
แน่นทอ้ ง ทอ้ งเสีย คลืนไส้ อาเจยี น หรือแน่นหนา้ อก เป็นตน้
2.1.7 การลดลงของโอโซน (Ozone Depletion)
คอื สภาวะการสูญเสียหรือการลดลงของปริมาณก๊าซโอโซน (Ozone) ในชนั บรรยากาศ
โลกทีระดับความสูงราว 20 ถึง 40 กิโลเมตร เหนือพืนดินขึนไป หรือชัน “สตราโตเฟี ยร์”
(Stratosphere) จากปฏิกิริยาเคมีระหว่างก๊าซโอโซนกบั สารเคมีทีมนุษยส์ ังเคราะห์ขึน ซึงก่อให้เกิด
ปรากฏการณ์ “หลุมโอโซน” (Ozone Hole) จนส่ งผลให้รังสี ทีเป็ นอันตรายต่อสิ งมีชีวิต
จากดวงอาทติ ยส์ ามารถส่องลงมายงั พนื ผิวโลกไดโ้ ดยตรง
2.1.8 ประเภทของโอโซน
2.1.8.1 โอโซนภาคพืนดิน (Ground Level Ozone) คือโอโซนทีระดบั ความสูง 0 ถึงราว
2 กิโลเมตร ในชันบรรยากาศโทรโพสเฟี ยร์ (Troposphere) ซึงในธรรมชาติโอโซนทีเกิดขึน
บนภาคพืนดินมีเพียงร้อยละ 10 แต่ในปัจจุบั แหล่งกาํ เนิดโอโซนส่วนใหญ่มาจากกิจกรรม
ของมนุษย์ เช่น จากไอเสียของรถยนต์ หรือไอเสียจากโรงงานอตุ สาหกรรมต่างๆ ซึงมีไนโตรเจน
ออกไซด์ (NOx) เป็ นองค์ประกอบหลกั หรือเกิดจากปฏิกิริยาเคมีแสง (Photochemical Reaction)
จากการได้รับรังสีอลั ตราไวโอเลตของสารอินทรีย์ระเหย (Volatile Organic Compound: VOC)
ไม่ว่าจะเป็ นสีทาบ้าน ควนั บุหรี นํายาฟอกสี หรื อยาฆ่าแมลง เป็ นต้น นอกจากนีโอโซน
8
บนภาคพืนดินยงั ถือเป็ นหนึงในมลพิษทางอากาศทีส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก และยงั เป็ น
หนึงในก๊าซเรือนกระจกอีกดว้ ย
2.1.8.2 โอโซนในชนั บรรยากาศโลก (High Level Ozone) คือโอโซนทีระดับความสูง
ตงั แต่ 20 ถึงราว 40 กิโลเมตร ในชนั บรรยากาศสตราโตสเฟี ยร์ (Stratosphere) ซึงกว่าร้อยละ 90
ของโอโซนในธรรมชาติเกิดขึนทีระดับความสูงนี โดยมีหน้าทีกรองรังสีอัลตราไวโอเลต
จากดวงอาทิตยม์ ากถึงร้อยละ 99 โดยเฉพาะอย่างยิงรังสียูวีบี (UV-B) ทีเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
ผิวหนัง โรคตอ้ กระจก และโรคทางภูมิคุม้ กันต่างๆ ดังนัน ก๊าซโอโซนทีอยู่เหนือระดับพืนดิน
เหล่านีจึงเป็ นองค์ประกอบของชันบรรยากาศโลกทีสําคญั ยิงต่อความอยู่รอดของสิงมีชีวิตและ
สมดลุ ของระบบนิเวศ
รูปที 2.3 ภาพโอโซนทีอยเู่ หนือพนื ดิน
(ทีมา : https://ngthai.com)
2.1.9 สาเหตกุ ารลดลงของโอโซน
การลดลงของชนั โอโซนในบรรยากาศโลก ถูกพบครังแรกในช่วงปี 1974 ถึงแมว้ ่าปัจจยั
ทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็ นสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ ละติจูด หรือภัยธรรมชาติ สามารถส่งผล
กระทบต่อปริมาณและความหนาแน่นของก๊าซโอโซนในบรรยากาศโลก แตน่ กั วิทยาศาสตร์พบวา่
สาเหตุทีแทจ้ ริงของการสูญเสียก๊าซโอโซนเหล่านีไปในปริมาณมหาศาล จนก่อใหเ้ กิดปรากฏการณ์
หลุมโอโซน มีสาเหตุสําคญั มาจากสารเคมีบางชนิดทีมนุษยส์ ังเคราะห์ขึนในช่วงทศวรรษ 1970
หรือสารเคมีทีในภายหลังเรียกว่า “สารทาํ ลายชันโอโซน” (Ozone Depleting Substance: ODS)
สารทําลายชันโอโซน คือสารฮาโลคาร์บอน (Halocarbon) หรือสารเคมีทีมีธาตุคลอรีน (Cl)
ฟลูออรีน (F) โบรมีน (Br) คาร์บอน (C) และไฮโดรเจน (H) เป็ นองค์ประกอบหลกั โดยเฉพาะ
สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbon) หรื อทีโดยทัวไปเรี ยกกันว่า
9
“สารซีเอฟซี” (CFC) ทีถูกสงั เคราะห์ขึนเพือใชใ้ นโรงงานอตุ สาหกรรมและระบบทาํ ความเยน็ ต่างๆ
เช่น ตูเ้ ยน็ เครืองปรับอากาศ โฟม และสเปรย์ รวมไปถึงสารจาํ พวกคาร์บอนเตตระคลอไรด์ (CCl4)
และเมทิลคลอโรฟอร์ม (Methyl Chloroform) ซึงใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตยาและอุตสาหกรรม
เสือผา้ เป็นตน้
รูปที 2.4 บริเวณสีมว่ งแสดงหลุมโอโซนทีถกู ทาํ ลาย
(ทีมา : https://ngthai.com)
2.1.10 ผลกระทบและสถานการณ์ของชนั โอโซนในปัจจุบนั
นอก จากความ ร้อน บน พืน ผิวโลกที เพิม ขึน จากก ารลดล งของป ริ มาณ โอโซน ใน ชัน
บรรยากาศ รังสีอลั ตราไวโอเลตในช่วงคลืนความถีทีเป็นอนั ตรายต่อสิงมีชีวิต ยงั สามารถส่องผ่าน
ลงมายงั พืนผิวโลกไดโ้ ดยตรง ทาํ ให้พืชชนั ตาํ เช่น แพลงก์ตอน และสาหร่าย เกิดการกลายพนั ธุ์
ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชชนิดอืนๆ เช่นเดียวกับภยั อันตรายทีจะเกิด
ขึนกับระบบการทาํ งานและร่างกายของสัตวแ์ ละมนุษย์ ดงั นัน ในปี 1987 ประเทศต่างๆ ทวั โลก
จึงไดท้ าํ ขอ้ ตกลงร่วมกนั ภายใต้ “พิธีสารมอนทรีออล” (Montreal Protocol) เพือยกเลิกการใช้สาร
ซีเอฟซีในอตุ สาหกรรม ซึงมีผลบงั คบั ใชต้ งั แตว่ นั ที 1 มกราคม ปี 1989 เป็ นตน้ มา กวา่ 30 ปี ใหห้ ลงั
นกั วิทยาศาสตร์พบว่าชนั โอโซนในทวีปแอนตาร์กติกากาํ ลังฟื นตวั และคาดว่าชนั โอโซนในซีก
โลกเหนือจะฟื นตวั ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ภายในปี 2030 ตามดว้ ยชนั โอโซนในซีกโลกใตใ้ นปี 2050 และ
บริ เวณขัวโลกในปี 2060 เพราะสารซีเอฟซีสามารถตกค้างและคงอยู่ในบรรยากาศได้นาน
หลายทศวรรษกวา่ จะสลายตวั ไปจนหมด
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยงั มีการใช้สารจาํ พวกไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ซึงเป็ น
สารเคมีตวั ใหม่ทีนาํ มาใชเ้ พอื ทดแทนสารซีเอฟซีแมว้ ่าจะมีอนั ตรายนอ้ ยกว่า แต่ยงั คงเป็ นตวั ทาํ ลาย
โอโซนชันดี นอกจากนียงั มีสารทาํ ความเย็นทีพฒั นาขึนเพือใช้ในอนาคตอย่างไฮโดรฟลูออโร
10
คาร์บอน (Hydrofluorocarbon ; HFC) ซึงไม่เป็ นอนั ตรายต่อชันโอโซน แต่เป็ นก๊าซเรือนกระจก
ตวั สําคญั ทีสามารถส่งผลกระทบตอ่ การเปลียนแปลงสภาพภมู ิอากาศของโลกอีกดว้ ย
2.1.11 หลอดโอโซน
หลอดโอโซนเป็ นก๊าซธรรมชาติทีปราศจากสี และมีพลังงานในการทําปฏิกิริยา
ออกซิเดชันสูง โดยไม่เหลือสารพิษตกค้างใดๆ นอกจากออกซิเจน โอโซนยงั มีฤทธิทําลาย
เชือแบคทีเรีย รา และไวรัส ได้ดีทีสุด และรวดเร็วทีสุด โดยเร็วกว่าคลอรีนสูงสุด ถึง 5,000 เท่า
คุณสมบตั ิฆ่าเชือโรคไดร้ วดเร็ว โดยเฉพาะแบคทีเรียทาํ ให้เกิดโรคและกลินเหม็นทีความเขม้ ขน้
เพยี ง 0.01-0.04 PPM ทาํ ลาย กลิน สารเคมี และกา๊ ซพิษไดด้ ีเยยี ม ผลิตโอโซน 500 มลิ ลิกรมั /ชวั โมง
/100 110 110 เซนติเมตร 18W AC220V 50Hz /AC110V 60Hz/CAR12V ประโยชน์ของหลอด
โอโซนมีดงั นี
2.1.11.1 โอโซนช่วยในการขจดั กลินเหมน็ กลินไมพ่ ึงประสงคต์ า่ งๆ โดยส่วนประกอบ
ไอระเหยของสารอินทรียจ์ ะถูกโอโซนเข้าทาํ ลาย ส่งผลให้กลินไม่พึงประสงค์หรือ กลินอบั ชืน
ตา่ งๆ ถูกขจดั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
2.1.11.2 โอโซนช่วยในการทาํ ลายและยบั ยงั การเจริญเติบโตของเชือโรค เซลลโ์ ปรตีน
ทีห่อหุ้มและหล่อเลียงเชือโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ หรือเชือรา จะถูกโอโซนเขา้ ไป
ทาํ ลาย ทาํ ใหเ้ ชือโรคไมส่ ามารถเจริญเติบโตได้
2.1.11.3 โอโซนช่วยในการสลายก๊าซพิษ โดยจะเขา้ ไปทาํ ลายโครงสร้างของก๊าซพิษ
ตา่ งๆ ทาํ ใหเ้ กิดการสลายตวั หรือเปลียนรูป
2.1.11.4 โอโซนมีคุณสมบตั ิในการฟอกสี ปัจจุบนั มีการนาํ เทคโนโลยโี อโซนเขา้ มาใช้
ในการผลิตนาํ ดืมบรรจุขวด การบาํ บดั นาํ เสีย และนาํ ทิงจากโรงงานอตุ สาหกรรม เนืองจากโอโซน
มีคุณสมบตั ิในการฟอกสี และบาํ บดั นาํ ทาํ ใหน้ าํ เสียทีเคยก่อใหเ้ กดิ ปัญหามลภาวะทางนาํ
การนาํ ไปประยกุ ตใ์ ช้
2.1.11.5 ใช้ในการปรับสภาพอากาศในห้องทาํ งาน ห้องประชุม หรือในสถานทีทีมี
ความอบั ชืน ควนั บหุ รีมาก เพือให้อากาศทีสดชืน และมีผลดีต่อสุขภาพ
2.1.11.6 ใชใ้ นการบาํ บดั นาํ เสีย ฟอกสี ขจดั สารแขวนลอย โลหะหนกั และฆ่าเชือโรค
ในนาํ สุดทา้ ย
2.1.11.7 ใชใ้ นขบวนการเพาะเลียงสัตวน์ าํ เช่น บ่อปลา บอ่ เพาะฟักลกู กุง้
2.1.11.8 ใชใ้ นการบาํ บดั นาํ และลดคลอรีนในสระวา่ ยนาํ
2.1.11.9 ใชใ้ นรถยนตเ์ พอื ปรับอากาศในหอ้ งโดยสารรถยนต์
11
2.1.11.10 ใชใ้ นการอาบนาํ เพอื ฆา่ เชือโรค และรกั ษาโรคผวิ หนงั
2.1.11.11 ใชฆ้ า่ เชือโรคในอตุ สาหกรรมนาํ ดืม
2.1.11.12 ใช้ในขบวนการซกั ผา้ ทาํ ให้ผา้ ขาว และลดการใชผ้ งซกั ฟอก และยงั สามารถ
สลายกลิน และฆา่ เชือโรค
2.1.11.13 ใชล้ า้ งผกั ผลไม้ และอาหารสด เพอื ขจดั สารพิษ ยาฆา่ แมลง เชือโรค
2.1.11.14 ใช้ในการแพทย์ เช่น ใช้ฆ่าเชือในห้องผ่าตัด และยงั ใช้ในการรักษาโรค
อีกหลายชนิด ซึงมีแพร่หลายในประเทศแถบยโุ รป และอเมริกา
รูปที 2.5 หลอดโอโซน
(ทีมา : https://www.fromfactory.net)
2.2 ประเภทเสือ
2.2.1 ทีเชิร์ต (T-shirt หรือ tee shirt) หรือ เสือยดื
คือเสือทีส่วนใหญจ่ ะไม่มีกระดุม ปกเสือ และกระเป๋ า โดยมีลกั ษณะคอกลม และแขนสัน
ซึงแขนของเสือส่วนใหญ่จะไม่เลยขอ้ ศอก ถา้ เกินกว่านันจะเรียกเสือทีเชิร์ตแขนยาว เสือทีเชิร์ต
โดยทัวไปจะทําจากผา้ ฝ้าย หรือผ้าใยสังเคราะห์ โดยมากแล้วทีเชิร์ตจะมีการออกแบบลาย
ดว้ ยตวั หนงั สือหรือรูปภาพ และนิยมใส่กนั ทงั ผูช้ ายและผูห้ ญิง ทุกกลุ่มอายุ รวมทงั ทารก วยั รุ่น และ
ผใู้ หญ่
แนวความคิดการผลิตเสือทีเชิร์ตมาจากชันใน ซึงพัฒนามาจากเสือชันใน เสือนัน
มีมาตงั แต่ยุคอียิปต์โบราณ และค่อยๆ ไดร้ ับความนิยม จนกระทงั ในศตวรรษที 19 ตน้ กาํ เนิดของ
12
ทีเชิร์ตก็ได้เกิดขึน โดยมีการอา้ งสถานทีเกิดอย่างน้อยก็ในแคลิฟอร์เนีย และสหราชอาณาจักร
ในช่วงราวปี 1913 ถึง 1948 ซึงในช่วงนนั ไดม้ ีการพฒั นาไปอยา่ งชา้ ๆ
จากขอ้ มูลหลายๆ แห่ง มีการอา้ งวา่ สถานทีทีเป็นตน้ กาํ เนิดแนวความคิดของทีเชิร์ตจริงๆ
เห็นจะเป็นทีสหรัฐอเมริกา ระหวา่ งสงครามโลกครังที 1 เมือทหารอเมริกนั ไดส้ งั เกตว่า ทหารยโุ รป
ไดใ้ ส่เสือในจากผา้ ฝ้ายเบา ขณะทีทหารอเมริกันเปี ยกเหงือกบั ชุดทีทาํ จากขนสัตว์ ตงั แต่นันมา
พ ว กเข าก็ ได้เป ลี ยน ม าใช้ผ้าฝ้ าย ซึ งส ะ ดว ก สบ าย ขึน แล ะได้รั บ ค วาม นิ ยม ใ น ห มู่ช าวอ เม ริ กัน
เพราะเนืองจากรูปลักษณ์ของเสือจึงได้เรียกว่าเสือ ทีเชิร์ต (T-shirt) ทีมาของชือนันไม่ชัดเจน
แต่ส่วนใหญ่จะมาจากรูปร่างของเสือทีมีลกั ษณะเป็ นตวั "T" และชดั เจนขึนเมือในกองทพั เรียก
เสือนีวา่ "training shirt" (เสือสาํ หรับฝึก)
ในปี 1932 ฮาวเวิร์ด โจนส์ ขอให้บริษทั ผลิตกางเกงในอย่าง จ็อกกี ผลิตเสือทีซับเหงือ
สําหรับทีมยูเอสซีฟุตบอล ทีอาจเรียกได้ว่าเป็ นทีเชิร์ตยุคใหม่ในช่วงสงครามโลกครังที 2
ทีเชิร์ตได้กลายเป็ นเสือมาตรฐานทวั ไปในกองทพั สหรัฐอเมริกาและนาวิกโยธิน ถึงแมว้ ่าทีเชิร์ต
จะเป็ นชันในแต่ทหารส่วนใหญ่ก็มกั จะใส่โดยไม่มีเสือเชิร์ตนอก และด้วยเหตุทีภาพทีปรากฏ
ต่อสาธารณะบ่อยขนึ ทีนายทหารใส่เสือทีเชิร์ตกบั กางเกงขายาว และเป็ นทียอมรับทีละนอ้ ย จนเมือ
นิตยสารไลฟ์ ฉบับวนั ที 13 กรกฎาคม ค.ศ.1942 ขึนหน้าปกทหารทีใส่เสือทีเชิร์ต และเขียน
ขอ้ ความวา่ "Air Corps Gunnery School"
หลังสงครามโลกครังทีสอง ทีเชิร์ตได้ปรากฏโดยไม่มีเสือเชิร์ตนอกคลุม ในปี 1948
ผูส้ มคั รประธานาธิบดี โธมสั อี. ดีวเวย์ ผลิตเสือเชิร์ต "Dew It for Dewey" ขึน ไดร้ ับการบนั ทึกว่า
เป็ นเสือยืดสกรีนตัวหนังสือตวั แรก (ปัจจุบนั เก็บไวอ้ ยู่ทีสถาบนั สมิทโซเนียนของอเมริกา) และ
ต่อมาในปี 1952 ก็ได้ผลิตทีเชิร์ต "I Like Ike" เพือสนับสนุน Dwight D. Eisenhower และจอห์น
เวยน์ ,มาร์ลอน แบรนโด และเจมส์ ดีน ก็ไดใ้ ส่เสือตวั นีปรากฏตวั ในโทรทศั น์ดว้ ย ซึงเป็นทีตกตะลึง
ของประชาชน จนกระทงั ในปี 1955 จึงเป็นทียอมรับ
ในปัจจุบนั เสือยืดมกั สกรีนขอ้ ความและลวดลายเพือให้เหมาะสมกบั ความเชือ รสนิยม
ของผูส้ วมใส่ เช่นเสือยดื วงดนตรีต่างๆ และเนืองจากราคาถูกและสามารถทาํ ไดง้ ่ายจึงมกั ทาํ เป็ น
ของทีระลึก ของแจก ของแถม ของขวญั เป็ นทีประชาสัมพนั ธ์ ทีโฆษณา ส่วนขอ้ ความทีได้รับ
ความนิยมในการเขียนบนทีเชิร์ต เช่น “ฉันหัวใจเอน็ วายซี” รวมถึงลายลอ้ เลียนตา่ งๆ ทีตามมา หรือ
ขอ้ ความ “staying alive” ทีไดร้ บั ความนิยมช่วงหนึงในกรุงเทพ
เสือทีเชิร์ตมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นในแบบลวดลายต่างๆ เช่น ลายการ์ตูน ลายดอกไม้
ลายรูปดารา ลายธรรมชาติ และอืนๆ อีกมากมาย และเป็นทีนิยมในทุกสมยั ไม่วา่ จะเป็ นเด็ก ผูใ้ หญ่
วยั ไหนๆ ก็สวมใส่ไดเ้ พราะเสือยดื จะมรี าคาถูก ไม่แพงมากนกั สามารถหาสวมใส่ไดง้ า่ ยโดยทวั ไป
13
รูปที 2.6 เสือยดื
(ทีมา : https://www.ch3thailand.com)
โปโลเชิต (Polo Shirt) หรือเสือโปโลทีหลายคนคุน้ เคยกนั ดี เป็ นเสือผา้ ยืดมีปกอยา่ งเชิต
ผา่ คอไม่ลึกมากติดกระดุม 2-3 เมด็ นิยมใชเ้ ป็นเสือเครืองแบบและลาํ ลอง
รูปที 2.7 เสือโปโล
(ทีมา : https://www.ch3thailand.com)
เสือกีฬา ไม่จาํ เป็ นต้องใส่เล่นกีฬาเท่านัน ด้วยการทีเนือผา้ ของเสือกีฬาระบายอากาศ
ไดง้ า่ ย เป็นผา้ ออกลืนๆ แถมซึมซับเหงือ ในการซักผา้ ก็แหง้ ง่ายดว้ ย อีกทงั ยงั ไม่ยบั ไม่จาํ เป็ นตอ้ ง
รีดอีกดว้ ย ทาํ ใหห้ ลงั ๆ เสือกีฬาไดร้ ับความนิยมอย่างมาก เพราะนาํ มาใส่เล่นอยูบ่ า้ น หรือเดินเทียว
กลางแจง้ รวมถึงใส่นอนก็สบายตวั ไดเ้ หมือนกนั แลว้ เสือกีฬาทีเนือผา้ ดี ไดร้ ับความนิยมเป็นอย่าง
มาก
14
รูปที 2.8 เสือกีฬา
(ทีมา : https://thanaplus.com)
ซุปเปอร์ โฟล ผ้า Super Flow เป็ นผา้ ทีมีลักษณะ บาง เบา สวมใส่สบาย TEXTURE
ของผา้ จะเป็ นรูเล็กมากๆ กระจายเต็มอยบู่ นผืนผา้ ทาํ ให้ผูท้ ีพบเห็นผา้ ดาวกระจาย รู้สึกว่าชนิดนี
มีลกั ษณะแตกต่างจากตระกูลผา้ ใยสังเคราะห์ (POLYESTER) ทวั ไป แถมยงั ตน้ ทุนยงั ตาํ ทาํ ให้ผูท้ ี
เลือกผา้ ชนิดนีนาํ ไปทาํ ตลาดตอ่ ยอดไดแ้ ขนงเลยทีเดียว ไม่วา่ จะแจก หรือผลิตสร้างแบรนดเ์ สือกีฬา
และทีทําได้มากกว่านันคือ ผ้าลืนสี สด ไม่หด ไม่ย้วย สามารถทํางานประเภทพิมพ์แบบ
Sublimation
สปอร์ตโปร ผา้ Sport pro (antibacteria) มีส่วนผสมของ POLYESTER 100% ส่วนใหญ่
นาํ เนือผา้ ไมโครมาทาํ เสือออกกาํ ลงั กาย เสือวงิ และเสือกีฬา ลกั ษณะของผา้ จะมนั เงา ลืน นิม ทิงตวั
พริวไหวได้ดี ใส่สบาย ไม่หด ไม่ยบั นอกจากนีเสือทีตัดเย็บด้วยผา้ Sport pro จะดูแลรักษาง่าย
ซกั แหง้ ไว ยบั ยาก เหมาะสาํ หรับนกั กีฬาหรือออกกิจกรรมบอ่ ยๆ
ลกู กอลฟ์ มีส่วนผสมมาจากใยสังเคราะห์ 100% หรืออยใู่ นตระกูล Polyester และเหล่าผา้
ไมโครนนั เอง มลี ายบนผา้ เป็นวงกลม คลา้ ยลูกกอลฟ์ ไม่คอ่ ยมีร้านคา้ ไหนใชผ้ า้ ชนิดนี
2.2.2 เสือช็อป
เสือช็อปมาจากคาํ ว่า Workshop Shirt มีไว้สําหรับใส่เพือลงปฏิบัติงานจริง เนืองจาก
การเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์นันจะมีสองส่วนหลักๆ คือ ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ
ซึงการเรียนภาคปฏิบตั ินนั จะเรียกว่า “ลงช็อป” นนั เอง นอกจากนนั เสือช็อปยงั มีประโยชน์ในการ
สวมใส่ไปปฏิบตั ิงานนอกสถานทีเพือป้องกันความสกปรกทีอาจมาโดนเสือนิสิต/นักศึกษา หรือ
เพือป้องกนั อนั ตรายอืนๆ ได้ เพราะเนือผา้ มีความแขง็ แรงและทนทานกว่าเสือทีใส่ไปเรียนทวั ไป
เชน่ การออกไปเก็บตวั อยา่ งนาํ อากาศ เสียง แสง การทดลองในห้องแลบ็ การเชือมเหล็กหรือโลหะ
ตา่ งๆ เป็นตน้
15
รูปที 2.9 เสือช็อป
(ทีมา : https://www.ch3thailand.com)
2.2.3 เสือยนี ส์
เสือยนี ส์ หรือเสือแขนยาว เสือยนี สเ์ ป็นทีดึงดูดในแบบของมนั เอง เกิดขึนเมือตอนเริมตน้
ของศตวรรษที 20 และเริมโดยการเป็ นเสือผา้ มาตรฐานในชีวิตประจาํ วนั ของการทาํ งานหนกั หน่วง
เสือยนี ส์เปลียนไปเมือไดม้ ีรายละเอยี ดต่างๆ เพมิ เติม
เสือยีนส์รุ่นแรกซึงถูกผลิตขึนตงั แตป่ ี 1905 โดย "ลีวาย" นนั เอง ผลิตจากผา้ ยนี ส์นาํ หนกั
เบา 9 ออนซ์ ซึงไม่นานหลงั จากนัน (ช่วงปี 1930) ก็ไดน้ าํ ผา้ ยนี ส์นาํ หนัก 12 ออนซ์มาใช้ ภายหลงั
ไดใ้ ส่แท็บสีแดงบริเวณกระเป๋ าเสือ และเสือยนี สเ์ องไดใ้ หช้ ือรุ่นว่า 506XX เสือยนี ส์นีมีสไตลพ์ เิ ศษ
ของตวั เอง ไมไ่ ดจ้ าํ กดั การเคลือนไหวร่างกาย ตงั แต่เสือยนี ส์นีมีสาํ หรับการทาํ งานแลว้ ไม่มีใครพูด
ถึงการสวมใส่ใหถ้ กู ขนาด
นอกจากนีเสือยีนส์ก็ไดร้ ับความนิยมเป็ นอย่างมากจากคนไทยและแพร่หลายมากขึน
ในงานอตุ สาหกรรม เนืองจากเป็นผา้ ทีหนาจึงเหมาะแก่การสวมใส่ในทาํ งานกลางแจง้
รูปที 2.10 เสือยนี ส์
(ทีมา : https://www.google.com)
16
เสือแขนยาว เสือกันหนาว จดั เป็ นเสือแขนยาวอีกหนึงประเภทเมืออากาศเริมเยน็ ลง
หลายคนกค็ งเริมมองหาเสือกนั หนาวมาสวมใส่เพือเพมิ ความอบอ่นุ ใหก้ บั ร่างกายของตนเองเป็นแน่
การแต่งกายในช่วงฤดูหนาวจึงเรียกไดว้ ่าสร้างสีสันให้กบั บรรยากาศต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็ น
บรรยากาศของห้องเรียน ห้องทํางาน การประชุม การเล่นกีฬา เป็ นต้น นอกจากสีสันของเสือ
กนั หนาวแลว้ ก็ยงั มีหลากหลายรูปทรงให้ไดด้ ูและเลือกซือหามาไวส้ วมใส่ในวนั ทีอากาศหนาวจดั
บา้ งเพอื ป้องกนั โรคภยั ไขเ้ จ็บทีอาจแพร่กระจายในช่วงทีอากาศหนาวเยน็
ความจาํ เป็ นในการใช้งาน เสือกันหนาวประโยชน์หลกั ๆ คือเพิมความอบอุ่นให้กับ
ร่างกาย ป้องกันความหนาวเหน็บทีอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ผูบ้ ริโภคส่วนใหญ่
มกั เลือกซือ จากเหตผุ ลดงั กล่าวมากกวา่ การเลือกซือตามกระแสแฟชนั เพราะประเทศไทยเป็นเมือง
ร้อน ถา้ ไม่ไดน้ ังอยใู่ นห้องแอร์ตลอดทงั วนั หรืออากาศไม่หนาวจดั จริงๆ เสือกนั หนาวก็เรียกไดว้ ่า
เป็นเครืองแตง่ กายทีไม่ค่อยไดส้ วมใส่ซกั เทา่ ใดนกั
รูปที 2.11 เสือกนั หนาว
(ทีมา : https://www.google.com)
2.2.4 เสือสูท
Single-Breasted Suit หรือ สูทแบบกระดุมแถวเดียว สําหรับสูทผูช้ ายแบบกระดุมแถว
เดียวเป็ นเสือสูททีมีกระดุมและทีกลดั กระดุมเพียงหนึงเม็ดเท่านัน ซึงเมือติดกระดุมแลว้ เสือสูท
จะตอ้ งไม่ทบั กนั ทงั นีดีไซน์อาจจะมีกระดุมไดถ้ ึง 2-3 เม็ดก็เป็นได้ (แต่เมือติดกระดุมจะตอ้ งตดิ เม็ด
กลางเม็ดเดียวเท่านนั ) ทงั นีชุดสูทผูช้ ายในลกั ษณะนีสามารถใส่เสือกกั ทบั โดยเสือจะตอ้ งพอดีตวั
และไม่มีปกเสือ ทงั นีเสือกกั อาจทาํ มาจากเนือผา้ ชนิดเดียวกนั กบั ชุดสูทก็ได้ โดยเมือสวมใส่แลว้
จะตอ้ งมีคอเสือในลกั ษณะ V-Shaped ชุดสูทสวยๆ ในลกั ษณะนีอาจรู้จกั กนั ในนามของสูทสไตล์
องั กฤษนนั เอง
17
รูปที 2.12 สูทแบบกระดุมแถวเดียว
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Double-Breasted Suit หรือ สูทแบบกระดุมสองแถว สูทแบบกระดุมสองแถว เป็นสูททีมี
ลกั ษณะทีเสือด้านหน้าไขวท้ ับกนั ซึงสูทรูปแบบนีจะไม่มีรอยผ่าหลังเลย (Ventless) โดยทัวไป
สูทแบบกระดุมสองแถวนีจะมีกระดุมแบบสีเม็ดหรือหกเม็ด ชุดสูทแฟชนั ชายรูปแบบนีหลายคน
อาจรู้จกั ในนามของสูทสไตล์อิตาลี และผูช้ ายทีมีความสูงมกั จะเลือกใส่เพราะให้รูปลกั ษณ์ทีน่า
เกรงขาม ชุดสูทอิตาลีในลักษณะนียงั ให้ความรู้สึกแบบ Conservative และการตดั เยบ็ ทีประณีต
อีกดว้ ย
รูปที 2.13 สูทแบบกระดุมสองแถว
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Dinner Suit หรือสูทสําหรับดินเนอร์ สําหรับ Dinner suit เป็ นรูปแบบของชุดสูทเท่ๆ
ผูช้ ายทีเบสิคทีสุดเลยก็ว่าได้ เพราะนิยมใส่สูทและเนคไททีเป็ นสีดาํ โดยทวั ไปมกั จะเลือกสีเขม้
ไวก้ ่อนเสมอและจะตอ้ งพอดีตวั ซึงปัจจุบนั นีจะออกไปทางแบบ Slim fit เสียมากกว่า และยงั เหมาะ
กบั เป็นชุดสูทผชู้ ายอว้ นอีกดว้ ย
18
รูปที 2.14 สูทสาํ หรับดินเนอร์
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Tuxedos หรือ ทกั ซิโด้ เป็นทีแน่นอนและยอมรับกนั ดีอยู่แลว้ ว่าชุดทกั ซิโดเ้ ป็ นสูททีเป็น
ทางการ และเป็ นทีสุดของบรรดาชุดสูทผูช้ ายทงั หมดทีใส่กนั ซึงการสวมใส่ทกั ซิโดน้ ีอาจจะออก
แนวทีค่อนขา้ งมีสไตล์ทีเน้นงานโฆษณาอย่างทีบรรดาซุปตาร์และดาราฮอลลีวูดทีเดินในงาน
พรมแดงเพือเขา้ รับรางวลั Oscar เป็ นต้น ซึงดาราเหล่านีจะเลือกใส่ทักซิโดส้ ีดาํ แบบดังเดิม เรียก
ไดว้ า่ เป็ นชุดสูทผูช้ ายแฟชนั โดยสามารถใส่ร่วมกบั ผา้ คาดเอว (Cummerbund) ทีเป็นสีเดียวกนั หรือ
เขม้ กว่าทาํ จากผา้ ซาตินเพือเพิมความเรียบหรูขึนมานันเอง ไม่เพียงเท่านันยงั เหมาะกบั ชุดสูทงาน
แตง่ งานใส่แลว้ เท่ห์ดูดีมีคลาสมากๆ
รูปที 2.15 สูทแบบทกั ซิโด้
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Wedding Suit หรือ สูทสําหรับแต่งงาน อันทีจริงแลว้ ชุดสูทงานแต่งงานสําหรับทีใช้
ในพิธีแต่งงานนันค่อนข้างหลากหลาย เพราะขึนอยู่กับความต้องการของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
19
ในส่วนของเนือผา้ ทีมกั จะเลือกใชจ้ ะเป็นผา้ กาํ มะหยี ผา้ ไหมหางโจว (Jacquard) หรือผา้ ทีมีความเงา
และใหค้ วามรู้สึกทีหรูหรา ซึงส่วนใหญ่มกั เลือกใส่สูทเท่ๆ ทีมีกระดุมหนึงหรือสองเม็ดและมีความ
slim fit ทีมีกระเป๋ าเสือ เป็นตน้
รูปที 2.16 สูทสาํ หรับแต่งงาน
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Mandarin Suit หรือ สูทแบบแมนดาริน ในส่วนของชุดสูทแบบแมนดารินเป็ นหนึง
ในรูปแบบของชุดสูทชายทีอาจมีความแปลกตาไปบา้ ง เพราะในส่วนของคอเสือจะตอ้ งมีปกคอเสือ
ตงั ขึนมา โดยทวั ไปจะตดิ กระดุมครบทกุ เมด็ คลา้ ยเสือราชปะแตนในบา้ นเรา การตดั เยบ็ จะเนน้ แบบ
ค่อนขา้ งพอดีตวั เนน้ ให้ดูผอมแบบสุขภาพดี เป็นอีกชุดสูทผชู้ ายเท่ๆ
Lounge Suit หรือ เลาจน์สูท เป็ นสูททางการทีคุณผูช้ ายสามารถใส่ได้ในวนั ธรรมดา
ทัวไป ซึงส่วนใหญ่มักจะหมายถึงวนั ทํางานทัวไป เสือสูทและกางเกงสูททีเลือกใส่จะต้องมี
ความพอดีตวั ในระดบั หนึง ซึงสามารถใส่กบั เนคไทหรือไม่ตอ้ งใส่ก็ได้ สีทีเลือกใชม้ กั จะออกโทน
สีสว่างไปจนถึงกลางๆ เช่น ชุดสูทผูช้ ายสีเทาโดยนิยมใช้เป็ นสูททีมีกระดุมแบบแถวเดียวทีมี
กระดุมสองเมด็ นนั เอง
20
รูปที 2.17 สูทสาํ หรับใส่ทาํ งาน
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
Business Suit หรือ สูทนักธุรกิจ สําหรับชุดสูทผูช้ ายรูปแบบสุดทา้ ยของเราในวนั นีก็คือ
ชุดสูทสําหรับนักธุรกิจ เป็ นสูททีมีความเป็ นทางการและเลือกใช้สีทีมีสไตล์แบบสุขุม และเป็ น
ทางการมากกวา่ โดยทวั ไปเรามกั จะเห็นผคู้ นสวมใส่ชุดสูทในสไตลน์ ีในสีกรมท่าหรือสีดาํ สามารถ
เป็ นชุดสูทผูช้ ายอว้ นทีพรางหุ่นได้ดี ในส่วนของกระดุมนันสามารถเลือกใช้แบบแถวเดียวหรือ
สองแถวกไ็ ด้
รูปที 2.18 สูทสาํ หรับนกั ธุรกิจ
(ทีมา : https://www.xn--l3cbhf3c4b7bf2e8h.com)
2.3 รีเลย์
รีเลย์ เป็ นอุปกรณ์ทีเปลียนพลังงานไฟฟ้าให้เป็ นพลังงานแม่เหล็ก เพือใช้ในการดึงดูด
หน้าสมั ผสั ของคอนแท็คให้เปลียนสภาวะ โดยการป้อนกระแสไฟฟ้าให้กบั ขดลวด เพือทาํ การปิ ด
หรือเปิ ดหน้าสัมผสั คลา้ ยกับสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์ ซึงเราสามารถนํารีเลยไ์ ปประยุกต์ใช้ ในการ
21
ควบคุมวงจรต่าง ๆ ในงานช่างอิเลก็ ทรอนิกส์มากมาย รีเลย์ ประกอบดว้ ยส่วนสําคญั 2 ส่วนหลกั
กค็ อื
2.3.1 ส่วนของขดลวด (coil) เหนียวนํากระแสตํา ทําหน้าทีสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าให้
แกนโลหะไปกระทุง้ ใหห้ นา้ สัมผสั ตอ่ กนั ทาํ งานโดยการรบั แรงดนั จากภายนอกต่อคร่อมทีขดลวด
เหนียวนํานี เมือขดลวดได้รับแรงดัน (ค่าแรงดนั ทีรีเลยต์ ้องการขึนกับชนิดและรุ่นตามทีผูผ้ ลิต
กาํ หนด) จะเกิดสนามแม่เหลก็ ไฟฟ้าทาํ ใหแ้ กนโลหะดา้ นในไปกระทุง้ ใหแ้ ผน่ หนา้ สัมผสั ตอ่ กนั
2.3.2 ส่วนของหน้าสัมผัส (contact) ทําหน้าทีเหมือนสวิตช์จ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์
ทีต้องการนันเอง จุดต่อใช้งานมาตรฐาน ประกอบด้วย จุดต่อ NC ย่อมาจาก normal close
หมายความว่าปกติดปิ ด หรือ หากยงั ไม่จ่ายไฟให้ขดลวดเหนียวนาํ หนา้ สัมผสั จะติดกนั โดยทวั ไป
มักต่อจุดนีเข้ากับอุปกรณ์หรือเครืองใช้ไฟฟ้าทีต้องการให้ทํางานตลอดเวลาเช่น จุดต่อ NO
ย่อมาจาก normal open หมายความว่า ปกติเปิ ด หรื อหากยังไม่จ่ายไฟให้ขดลวดเหนียวนํา
หน้าสัมผสั จะไม่ติดกนั โดยทวั ไปมกั ต่อจุดนีเขา้ กบั อุปกรณ์หรือเครืองใช้ไฟฟ้าทีตอ้ งการควบคุม
การเปิ ดปิ ดเช่นโคมไฟสนามหนือหน้าบา้ น จุดต่อ C ย่อมากจาก common คือจุดร่วมทีต่อมาจาก
แหลง่ จ่ายไฟ
ขอ้ ควรคาํ นึงในการใชง้ าน
1. แรงดนั ใชง้ าน หรือแรงดนั ทีทาํ ใหร้ ีเลยท์ าํ งานได้ หากเราดูทีตวั รีเลยจ์ ะระบคุ ่า แรงดนั ใชง้ าน
ไว้ (หากใชใ้ นงานอิเลก็ ทรอนิกส์ ส่วนมากจะใชแ้ รงดนั กระแสตรงในการใชง้ าน) เช่น 12VDC คือ
ตอ้ งใชแ้ รงดนั ที 12 VDC เท่านนั หากใชม้ ากกวา่ นี ขดลวดภายในตวั รีเลยอ์ าจจะขาดได้ หรือหากใช้
แรงดนั ตาํ กวา่ มาก รีเลยจ์ ะไมท่ าํ งาน ส่วนในการตอ่ วงจรนนั สามารถตอ่ ขวั ใดก็ได้
2. การใช้งานกระแสผ่านหน้าสัมผสั ซึงทีตวั รีเลยจ์ ะระบุไว้ เช่น 10A 220AC คือหน้าสัมผสั
ของรีเลยน์ นั สามารถทนกระแสได้ 10 แอมแปร์ ที 220VAC ครับ แต่การใชก้ ็ควรจะใชง้ านทีระดบั
กระแสตาํ กวา่ นีจะเป็นการดกี วา่ เพราะถา้ กระแสมากหนา้ สมั ผสั ของรีเลยจ์ ะละลายเสียหายได้
3. จาํ นวนหนา้ สัมผสั การใชง้ าน ควรดวู า่ รีเลยน์ นั มีหนา้ สมั ผสั ให้ใชง้ านกีอนั และมีขวั คอมมอน
ดว้ ยหรือไม่
22
รูปที 2.19 ตวั อยา่ งการต่อใชง้ านของรีเลย์
(ทีมา : http://www.psptech.co.th)
2.3.1 ชนิดของรีเลย์
รีเลยท์ ีนิยมใชง้ านและรูจ้ กั กนั แพร่หลาย 4 ชนิด
1. อาร์เมเจอร์รีเลย์ (Armature Relay)
2. รีดรีเลย์ (Reed Relay)
3. รีดสวติ ช์ (Reed Switch)
4. โซลิดสเตตรีเลย์ (Solid-State Relay)
2.3.2 ประเภทของรีเลย์
เป็ นอุปกรณ์ทาํ หน้าทีเป็ นสวิตช์มีหลกั การทํางานคลา้ ยกบั ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ
โซลินอยด์ (solenoid)
2.3.2.1 รีเลยใ์ ช้ในการควบคุมวงจร ไฟฟ้าไดอ้ ย่างหลากหลาย รีเลยเ์ ป็ นสวิตช์ควบคุม
ทีทาํ งาน รีเลยก์ าํ ลงั (power relay) หรือมกั เรียกวา่ คอนแทกเตอร์ (Contactor or Magnetic contactor)
2.3.2.2 รีเลยค์ วบคุม (control Relay) มีขนาดเล็กกาํ ลงั ไฟฟ้าตาํ ใช้ในวงจรควบคุมทวั ไป
ทีมีกาํ ลงั ไฟฟ้าไมม่ ากนกั หรือเพอื การควบคมุ รีเลยห์ รือคอนแทกเตอร์ขนาดใหญ่ รีเลยค์ วบคมุ
2.3.3 การแบง่ ชนิดของรีเลย์
ชนิดของรีเลยแ์ บง่ ตามลกั ษณะของคอยล์ หรือ แบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ าน (Application)
2.3.3.1 รีเลยก์ ระแส (Current relay) คอื รีเลยท์ ีทาํ งานโดยใชก้ ระแสมที งั ชนิดกระแสขาด
และกระแสเกิน
23
2.3.3.2 รีเลยแ์ รงดนั (Voltage relay) คือ รีเลยท์ ีทาํ งานโดยใชแ้ รงดนั มีทงั ชนิดแรงดนั ขาด
และแรงดนั
2.3.3.3 รีเลยช์ ่วย (Auxiliary relay) คือ รีเลยท์ ีเวลาใชง้ านจะตอ้ งประกอบเขา้ กบั รีเลยช์ นิด
อืนจึงจะทาํ งาน
2.3.3.4 รีเลยก์ าํ ลงั (Power relay) คือ รีเลยท์ ีรวมเอาคุณสมบตั ิของรีเลยก์ ระแส และรีเลย์
แรงดนั เขา้ ดว้ ยกนั
2.3.3.5 รีเลย์เวลา (Time relay) คือ รีเลยท์ ีทาํ งานโดยมีเวลาเขา้ มาเกียวขอ้ งด้วย ซึงมีอยู่
ดว้ ยกนั 4 แบบ คือ
1. รีเลยก์ ระแสต่าง (Differential relay) คือ รีเลย์ทีทํางานโดยอาศยั ผลต่างของ
กระแส
2. รีเลยม์ ีทิศ (Directional relay) คือ รีเลย์ทีทาํ งานเมือมีกระแสไหลผิดทิศทาง
มีแบบรีเลยก์ าํ ลงั มีทิศ
3. รีเลยค์ วามถี (Frequency relay) คือ รีเลยท์ ีทาํ งานเมือความถีของระบบตาํ กว่า
หรือมากกวา่ ทีตงั ไว้
4. บูคโฮลซ์รีเลย์ (Buchholz ’s relay) คือ รีเลยท์ ีทาํ งานดว้ ยก๊าซ ใชก้ บั หมอ้ แปลง
ทีแชอ่ ยใู่ นนาํ มนั
2.3.4 ความรู้ทวั ไปเกียวกบั รีเลย์
หนา้ ทีของรีเลย์ คือ เป็ นอุปกรณ์ไฟฟ้าทีใช้ตรวจสอบสภาพการณ์ของทุกส่วน ในระบบ
กาํ ลังไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาหากระบบมีการทํางานทีผิดปกติ รีเลย์จะเป็ นตัวสังการให้ตัดส่วน
ทีลดั วงจรหรือส่วนทีทาํ งานผดิ ปกติออกจากระบบทนั ที โดยเซอร์กิตเบรกเกอร์จะเป็นตวั ทีตดั ส่วน
ทีเกิดฟอลตอ์ อกจากระบบจริงๆ
2.3.5 ประโยชน์ของรีเลย์
2.3.5.1 ทาํ ให้ระบบส่งกาํ ลงั มีเสถียรภาพ (Stability) สูง โดยรีเลยจ์ ะตดั วงจรเฉพาะส่วน
ทีเกิดผิดปกติออกเทา่ นนั ซึงจะเป็นการลดความเสียหายใหแ้ ก่ระบบนอ้ ยทีสุด
2.3.5.2 ลดคา่ ใชจ้ ่ายในการซ่อมแซมส่วนทีเกิดผิดปกติ
2.3.5.3 ลดความเสียหายไม่เกิดลุกลามไปยงั อุปกรณ์อนื ๆ
2.3.5.4 ทาํ ให้ระบบไฟฟ้าไมด่ บั ทงั ระบบเมือเกิดฟอลตข์ นึ ในระบบ
2.3.6 คุณสมบตั ิของรีเลย์
2.3.6.1 ต้องมีความไว (Sensitivity) คือมีความสามารถในการตรวจพบสิงทีผิดปกติ
เพยี งเลก็ นอ้ ยได้
24
2.3.6.2 มีความเร็วในการทาํ งาน (Speed) คือความสามารถทาํ งานไดร้ วดเร็วทนั ใจ ไม่ทาํ
ใหเ้ กิดความเสียหายแก่อุปกรณ์และไมก่ ระทบกระเทือนตอ่ ระบบ
รูปที 2.20 รูปร่างรีเลย์
(ทีมา : http://www.psptech.co.th)
2.4 หม้อแปลงแรงดันสูง
หมอ้ แปลงแบ่งออกตามการใช้งานของระบบไฟฟ้ากาํ ลงั ได้ 2 แบบคือ หมอ้ แปลงไฟฟ้าชนิด
1 เฟส และหมอ้ แปลงไฟฟ้าชนิด 3 เฟส แตล่ ะชนิดมโี ครงสร้างสาํ คญั ประกอบดว้ ย
1. ขดลวดตวั นาํ ปฐมภมู ิ (Primary Winding) ทาํ หนา้ ทีรับแรงเคลือนไฟฟ้า
2. ขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding) ทาํ หนา้ ทีจา่ ยแรงเคลือนไฟฟ้า
3. ขวั ตอ่ สายไฟ (Terminal) ทาํ หนา้ ทีเป็นจุดตอ่ สายไฟกบั ขดลวด
4. แผน่ ป้าย (Name Plate) ทาํ หนา้ ทีบอกรายละเอียดประจาํ ตวั หมอ้ แปลง
5. อุปกรณ์ระบายความร้อน (Coolant) ทาํ หน้าทีระบายความร้อนให้กับขดลวด เช่น อากาศ
พดั ลม นาํ มนั หรือใชท้ งั พดั ลมและนาํ มนั ช่วยระบายความร้อน เป็นตน้
6. โครง (Frame) หรื อตัวถังของหม้อแปลง (Tank) ทําหน้าทีบรรจุขดลวด แกนเหล็ก
รวมทงั การตดิ ตงั ระบบระบายความร้อนใหก้ บั หมอ้ แปลงขนาดใหญ่
7. สวิตช์และอุปกรณ์ ควบคุม (Switch Controller) ทําหน้าทีควบคุมการเปลียนขนาด
ของแรงเคลือนไฟฟ้า และมีอุปกรณ์ป้องกนั ไฟฟ้าชนิดตา่ งๆ รวมอยดู่ ว้ ย
2.4.1 หลกั การทาํ งานของหมอ้ แปลง
หมอ้ แปลง มีหลกั การทาํ งานโดยอาศยั ความสัมพนั ธ์ระหว่าง กระแสไฟฟ้า (current, I)
กับเส้นแรงแม่เหล็ก (magnetic flux) ในการสร้างแรงเคลือนเหนี ยวนําไฟฟ้าให้กับตัวนํา
โดยในขณะทีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นลวดตวั นาํ ะ เกิดเส้นแรงแม่เหล็กรอบๆ ตวั นาํ นนั และเมือเส้น
25
แรงแม่เหล็กเหล่านันเคลือนทีตัดผ่านลวดตวั นําอีกชุด จะเกิดแรงเคลือนไฟฟ้าเหนียวนําขึน
โดยขนาดของแรงเคลือนเหนียวไฟฟ้านนั นนั จะแปรผนั โดยตรงกบั ค่าของสนามแม่เหลก็
รูปที 2.21 หลกั การทาํ งานของหมอ้ แปลง
(ทีมา : ttps://navapadol.files.wordpress.com)
จากรูปที 2.21 สามารถเขยี นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงเคลือนไฟฟ้าเหนียวนาํ กบั จาํ นวน
รอบของขดลวดทีพนั รอบแกนเหลก็ ไดด้ งั นี
Ep = Np
Es Ns
เมือ Ep คือ แรงเคลือนไฟฟ้าเหนียวนาํ บริเวณขดลวดปฐมภูมิ มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
Es คอื แรงเคลือนไฟฟ้าเหนียวนาํ บริเวณขดลวดทตุ ิยภูมิ มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
Np คือ จาํ นวนรอบของขดลวดทีพนั รอบแกนเหลก็ ฝังปฐมภมู ิ (รอบ)
Ns คือ จาํ นวนรอบของขดลวดทีพนั รอบแกนเหลก็ ฝังทุติยภูมิ (รอบ)
จากสมการ จะเห็นไดว้ ่า Es = Np Ns Ep แสดงวา่ ถา้ ตอ้ งการให้แรงเคลือนไฟฟ้าบริเวณ
ขดลวดทุติยภูมิมีค่ามาก จาํ นวนรอบของขดลวดฝังปฐมภูมิจะตอ้ งนอ้ ยกวา่ ฝังทุติยภูมิ (Np < Ns )
เรี ยกหม้อแปลงชนิ ดนีว่า หม้อแปลงชนิ ดแปลงขึน (Step up transformer) และถ้าต้องการ
ให้แรงเคลือนไฟฟ้าบริเวณขดลวดทุติยภูมิมีคาํ น้อย จาํ นวนรอบของขดลวดฝังปฐมภูมิจะตอ้ ง
มากกว่าฝังทุติยภูมิ (Np > Ns) เรียกหม้อแปลงชนิดนีว่าหม้อแปลงชนิดแปลงลง (Step down
transformer) ดงั นนั จะไดส้ มการในการคาํ นวณคาํ ต่างๆ เกียวกบั หมอ้ แปลงดงั นี Is Ip = Np Na = Ep
Es หมอ้ แปลงชนิดต่างๆ หมอ้ แปลงมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะใชก้ บั งานทีแตกต่างกนั ออกไป
26
2.4.2 หมอ้ แปลงชนิดต่างๆ
หมอ้ แปลงมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะใชก้ บั งานทีแตกตา่ งกนั ออกไป โดยหมอ้ แปลง
ทีพบบ่อยมี 3 ชนิด คือ หมอ้ แปลงแกนเหล็ก (iron core transformer), หมอ้ แปลงแกนเฟอร์ไรท์
(ferrite core transformer) และหมอ้ แปลง แกนอากาศ (air core transformer)
หมอ้ แปลงแกนเหล็ก (iron core transformer) หมอ้ แปลงแกนเหล็กเกิดจากการนําแผ่น
เหล็กอ่อนหลายๆ แผ่น รูปตวั E กบั ตวั I มาประกอบกนั ใช้ในงานทวั ไปตามบา้ นเรือนทีมีความถี
ไมส่ ูงมาก (ความถี 50 Hz สาํ หรับประเทศไทย)
รูปที 2.22 หมอ้ แปลงแกนเหลก็
(ทีมา : https://navapadol.files.wordpress.com)
รูปที 2.23 สัญลกั ษณห์ มอ้ แปลงแกนเหลก็
(ทีมา : https://navapadol.files.wordpress.com)
2.4.3 ฉนวน สายทองแดงจะตอ้ งผ่านการเคลือบนาํ ยาฉนวน เพือป้องกนั ไม่ให้ขดลวดลดั วงจร
ถึงกนั ได้ การพนั ขดลวดบนแกนเหล็กจึงควรมีกระดาษอาบนาํ ยาฉนวนคนั ระหว่างชนั ของขดลวด
และคันแยกระหว่างขดลวดปฐมภูมิกับทุติยภูมิด้วย ในหม้อแปลงขนาดใหญ่มักใช้กระดาษ
27
อาบนาํ ยาฉนวนพนั รอบสายตวั นาํ ก่อนพนั เป็ นขดลวดลงบนแกนเหล็ก นอกจากนียงั ใชน้ าํ มนั ชนิด
ทีเป็นฉนวนและระบายความร้อนใหก้ บั ขดลวดอีกดว้ ย
2.4.4 แกนเหลก็ แผน่ เหลก็ ทีใชท้ าํ หมอ้ แปลงจะมีส่วนผสมของสารกึงตวั นาํ -ซิลิกอน เพือรักษา
ความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็กทีเกิดขึนรอบขดลวดไว้ แผน่ เหล็กแต่ละชนั เป็ นแผ่นเหลก็ บาง
เรียงต่อกันหลายชิน ทาํ ให้มีความตา้ นทานสูงและช่วยลดการสูญเสียบนแกนเหล็กทีส่งผลให้เกิด
ความร้อน หรือทีเรียกวา่ กระแสไหลวนบนแกนเหล็ก โดยทาํ แผน่ เหล็กให้เป็ นแผน่ บางหลายแผน่
เรียงซอ้ นประกอบขึนเป็นแกนเหล็กของหมอ้ แปลง ซึงมีดว้ ยกนั หลายรูปแบบ เช่น แผน่ เหล็กแบบ
Core และแบบ Shell
2.4.5 ขวั ต่อสายโดยทวั ไปหม้อแปลงขนาดเล็กจะใชข้ วั ต่อไฟฟ้าต่อเขา้ ระหว่างปลายขดลวด
กบั สายไฟฟ้าภายนอก และถา้ เป็ นหมอ้ แปลงขนาดใหญ่จะใช้แผ่นทองแดง (Bus Bar) และบุชชิง
กระเบืองเคลือบ (Ceramic) ต่อเขา้ ระหว่างปลายขดลวดกบั สายไฟฟ้าภายนอก
2.4.6 การหาขวั หม้อแปลงขวั ของหมอ้ แปลงมีความสําคญั เพือจะนําหมอ้ แปลงมาต่อใชง้ าน
ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง การหาขวั หมอ้ แปลงมีหลกั การทดสอบโดยการต่อขดลวดปฐมภูมิและทุติยภูมิ
อนุกรมกัน ซึงจะทําให้เกิดแรงเคลือนไฟฟ้าขัวเสริมกัน (Additive Polarity) หรือขวั หักล้างกัน
(Subtractive Polarity) ถ้าขวั เสริมกันเครืองวดั จะอ่านค่าได้มากกว่าแรงเคลือนไฟฟ้าทีจ่ายให้กับ
หม้อแปลง แต่ถ้าขัวหักล้างกันเครื องวัดจะอ่านค่าได้น้อยกว่าแรงเคลือนไฟฟ้าทีจ่ายให้กับ
หมอ้ แปลง
รูปที 2.24 หมอ้ แปลงแรงดนั สูง
(ทีมา : http://www.psptech.co.th)
28
2.5 พดั ลมระบายความร้อน
110 โวลต์ 220 โวลต์ 380 โวลต์ AC ขนาดเล็กทนความร้อนพดั ลม 12025 AC พดั ลมระบาย
ความร้อนพดั ลมดดู อากาศ
รูปที 2.25 พดั ลมระบายอากาศ
(ทีมา : http://www.electric-mart.com)
2.6 หน้าจอทัชสกรีน
จอทชั สกรีน หมายถึง จอภาพทีรับขอ้ มูลไดจ้ ากการสมั ผสั ทีผิวจอ เป็นตน้ ว่า บนจอแสดงหัวขอ้
ให้เลือก สามารถเลือกไดโ้ ดยใช้นิวจิมลงไปทีตาํ แหน่งทีตอ้ งการ เป็ นการแสดงว่า คอมพิวเตอร์
ไดร้ ับขอ้ มลู แลว้
2.6.1 โครงสร้างของจอทัชสกรีน (Touch Screen) เป็ นจอแสดงผลชนิดพิเศษ สามารถรับ
คาํ สังงานไดด้ ว้ ยการใชน้ ิวกดสมั ผสั ทีผิวของหนา้ จอ โครงสร้างภายในของจอทชั สกรีนจะประกอบ
ไปดว้ ยชนั บน ซึงเป็ นแผ่นพลาสติกใสฉาบตวั นําไฟฟ้าบางๆ จนแสงสามารถทะลุผ่านได้ ส่วน
ชนั ล่างเป็ นแผ่นกระจกทีฉาบตวั นําไฟฟ้าไวเ้ หมือนกัน ทงั สองชนั จะถูกต่อวงจรไฟฟ้าทงั 4 ดา้ น
เพือให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นไดท้ ุกดา้ นเมือใชน้ ิวกดบนหน้าจอ ผิวพลาสติกชนั บนก็จะโคง้ ลงไป
กระทบกบั แผ่นกระจกชนั ล่าง ทาํ ใหต้ วั นําไฟฟ้าทีฉาบไวแ้ ตะกนั เกิดเป็ นกระแสแรงดนั ไหลผ่าน
เขา้ ไปในวงจร แลว้ ทาํ การคาํ นวณออกมาเป็ นพิกัด X , Y ส่งให้กับตวั ประมวลผลของอุปกรณ์
เพอื ทีจะแสดงผลคาํ สงั ออกมาบนหนา้ จอ
2.6.2 หน้าจอ Touch Screen แบบ Resistive Resistive ประกอบด้วย ด้านบนทียืดหยุ่นและ
ดา้ นล่างทีอยูบ่ นพืนแขง็ คนั ระหวา่ ง 2 ส่วนดว้ ยเมด็ ฉนวนซึงทาํ หนา้ ทีแยกไมใ่ ห้ดา้ นในของ 2 ส่วน
สัมผสั กนั เพราะดา้ นในของ 2 ส่วนนีจะเคลือบดว้ ยสารตวั นาํ ไฟฟ้าทีมีคุณสมบตั ิโปร่งแสงในเวลา
สมั ผสั จะมีการปล่อยกระแสทีส่วนสารตวั นาํ และเมือคุณกดจะทาํ ใหว้ งจร 2 ส่วนตอ่ ถึงกนั จากนนั
29
วงจรควบคุมก็จะคาํ นวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึงจะแตกต่างไปตามตาํ แหน่งทีสัมผสั เมือคาํ นวณ
คา่ กระแสตามแนวตงั และแนวนอนก็จะไดต้ าํ แหน่งทีสัมผสั บนหนา้ จอ
ขอ้ ดีของจอ Touch Screen แบบ Resistive
- ความทนทานตอ่ สิงสกปรก ฝ่ นุ และนาํ
- ราคาไม่แพง
- ใชอ้ ะไรสัมผสั ก็ได้
- กินไฟนอ้ ย
ขอ้ เสียของจอ Touch Screen แบบ Resistive
- เกิดการเลือนของจุดไดง้ ่ายตอ้ งทาํ Calibration อยบู่ อ่ ยครัง
- เสียหายจากวตั ถุมีคมไดง้ ่าย
2.6.3 หน้าจอ Touch Screen แบบ Capacitive Capacitive นันประกอบดว้ ยแผ่นแกว้ เคลือบผิว
ดว้ ยออ็ กไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมือถึงเวลาการใชง้ านก็จะมีการป้อนแรงดนั ไฟฟ้าทีมุมทงั สี
ของ Touch Screen เพือสร้างสนามแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ความเขม้ สมาํ เสมอตลอดทวั ทงั แผ่น ผูใ้ ชจ้ ะตอ้ ง
ใชน้ ิวมือเปล่าๆ สัมผสั ทีจอเพือดึงกระแสจากแต่ละมุมทีใหแ้ รงดนั ตกลง จากนันแผงวงจรควบคุม
กจ็ ะคาํ นวณเป็นตาํ แหน่งทีสมั ผสั ได้
ขอ้ ดีของจอ Touch Screen แบบ Capacitive
- มีความคมชดั แสงจากหนา้ จอสามารถผา่ นออกมาได้ ภาพจึงชดั
- หาตาํ แหน่งทีสัมผสั ไดล้ ะเอียด
- ไมค่ ่อยมีปัญหาเรืองการเพยี นไปจากทีสอบเทียบตาํ แหน่งเอาไว้
- สามารถสัมผสั ดว้ ยนิว
ขอ้ เสียของจอ Touch Screen แบบ Capacitive
- ความไวของตวั อุปกรณจ์ ะดอ้ ยลงไดเ้ มือถูกรบกวนจากสญั ญาณรบกวนอิเลก็ ทรอนิกส์
- ราคาทีค่อนขา้ งสูง
- กินพลงั งานมาก
- มีปัญหากบั แสงรบกวนภายนอก
2.6.4 หน้าจอ Touch Screen แบบ Surface-acoustic-wave (SAW) ด้วยความโดดเด่นในเรือง
ความคมชดั สูง ความเม่นยาํ ทาํ ไห้มีการใช้งานเทคโนโลยี Acousttic wave ใน Application Kiosk
Touh Screen แบบนีจะมีตวั ส่งสัญญานซึงยึดติดไวท้ ีขอบกระจกเพือส่งสัญญานอุลตร้าโซนิกส์
ไปทงั สองระนาบ คลืนเสียงนีจะสะทอ้ นผ่านไปทงั พืนผิวของกระจกมายงั เซนเซอร์อีกด้านหนึง
30
เมือมีการสัมผสั ด้วยนิวหรือสไตตัลทีมีปลายอ่อน จะมีการดูดซับพลังงานจากคลืนเสียงทําให้
แผงควบคุมสามารถวดั ตาํ แหน่งการสัมผสั ไดจ้ ากการเปลียนแปลงขนาดของคลืนเสียง
ขอ้ ดีของจอ Touch Screen แบบ Saw-acousttic-wave
- ภาพจะมีความคมชดั
- มีความทนทานมาก
- มีความแมน่ ยาํ สูง
- มีความสามารถในการตรวจจบั ตามแนวลึก (แกน Z) ไดด้ ว้ ย
- แผน่ แกว้ ดา้ นหนา้ มีความคงทน
2.6.5 หน้าจอ Touch Screen แบบ Infrared Infrared จะถูกใช้งานในจอแสดงผลขนาดใหญ่
ในสถาบนั การเงินและทางการทหาร เทคโนโลยนี ีทาํ งานโดยการตรวจจบั แสง ดงั นันแทนทีจะมี
แผ่นแกว้ อยู่หน้าจอเหมือนกบั เทคโนโลยีอืน แต่จะทาํ เป็ นกรอบแทน ภายในกรอบจะมีแผงของ
แหล่งกาํ เหนิดแสงทีเรียกว่า LED ทีดา้ นหนึงพร้อมกับตวั ตรวจจบั แสงทีดา้ นตรงขา้ มกนั จึงเป็ น
เสมือน Grid ของลาํ แสงทงั จอ เมือมีวตั ถุใดสัมผสั กจ็ ะไปตดั ลาํ แสงไม่ให้ผ่านไปถึงตวั ตรวจจบั แสง
ทาํ ให้แผงควบคมุ สามารถทราบตาํ แหน่งพิกดั สัมผสั ได้
ขอ้ ดีของจอ Touch Screen แบบ Infrared
- แสงผา่ นได้ 100% เนืองจากไมม่ ีอะไรมาบงั หนา้ จอ
- มีความแมน่ ยาํ สูง
บทบาท Touch Screen
- ใชเ้ พอื เลือกรายการ (Menu) เช่น โทรศพั ทม์ ือถือ
- ใชก้ บั เครืองเล่นเกม
- ใชก้ บั เครืองแนะนาํ การทอ่ งเทียวเป็นตน้
ประโยชนแ์ ละขอ้ ดีของ Touch Scree
- ช่วยให้การสือสารของมนุษยก์ บั เครืองคอมพิวเตอร์มีความสะดวกรวดเร็วขึน อีกทงั
ราคาไม่แพง มีระบบสัมผสั ทีง่ายต่อการใช้งาน สามารถใช้อะไรสัมผสั ก็ได้ มีตาํ แหน่งสัมผสั
ทีละเอียด สามารถประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานไดห้ ลายประเภท
รายละเอียดจอทชั สกรีน
H35B-I เป็น I2C อินเทอร์เฟซ 3.5 นิว TFT สีแสดงผลโมดูล โมดูล 64 M หน่วยความจาํ
สามารถ store BMP ภาพและทรัพยากร ด้วยยืดหยุ่นอินเทอร์เฟซโหมด ทังเครือง interactive
กราฟิ กอินเทอร์เฟซ formed โดย touch หนา้ จองา่ ยและสะดวก
31
คณุ สมบตั ิ : Humane user interface
- ซอฟตแ์ วร์รวมไอคอนทวั ไป, ป่ มุ และแกไ้ ขกล่อง ฯลฯ
- หนา้ จอรองรับทวั ไปการดาํ เนินงานเช่น scaling การแกไ้ ขขอ้ ความและตดั คดั ลอก
- ซอฟต์แวร์แก้ไข assigns IDs สําหรับแต่ละหน้า ควบคุมในตัวคาํ แนะนําเครืองมือ
ทดสอบและ touch screen test เครืองมือปรับปรุงการพฒั นาประสิทธิภาพ
- ความเร็วสูงดาวนโ์ หลด binary ไฟล์ BIN โดยใช้ USB to serial เครืองมือ
- ในตวั ความจุหน่วยความจาํ : 64 Mbit,
- ตวั อกั ษรครอบครอง 16 Mbit เหลือพนื ที 48 Mbit ใช้ store ทรัพยากรขอ้ มลู
กราฟิกฟังกช์ นั
- แอลซีดีส่งคาํ สังและพิกดั พารามิเตอร์ สามารถทาํ ได้ point สายสแควร์ รอบ ป่ ุม รูปแบบ
แกไ้ ขกล่อง ประกอบดว้ ยขอ้ ความ ป่ ุม แก้ไขกล่อง ตรวจสอบกล่อง Slider เครืองวดั อุณหภูมิ นํา
ระดบั เมตร curve คลืน ไมบ้ รรทดั แบตเตอรี และควบคมุ อนื ๆ วตั ถุ
ลกั ษณะ
1. จอแสดงผล dot matrix : 480 RGB 320 จดุ
2. LCD ขนาด 3.5 นิว
3. LCM ภายนอกขนาด : 67 (L) 100 (W) มม.
4. แบบไดนามิกพนื ทีแสดง : 46 (L) 72 (W) มม.
5. ขนาดพิกเซล: 0.15 (L) 0.15 (W) มม.
6. Pixel ส่วนประกอบ : a-Si TFT
7. LCD โหมด : 65 k TFT 16 บิตสี
8. มุมมองภาพ : 12 นาฬิกา
9. Backlight : led สีขาว
10. โมดูล power supply : 5 V
32
รูปที 2.26 จอทชั สกรีน
(ทีมา : https://www.google.com)
2.7 บอร์ด Arduino
Arduino UNO R3 เป็ นบอร์ดไมโครคอนโทรเลอร์รุ่นทีเป็ นทีนิยมอย่างมาก และใช้กัน
อย่างแพร่หลาย แนะนาํ สาํ หรับผูท้ ีเริมตน้ หัดใช้งาน Ardiuno สามารถนําไปใช้งานพฒั นาโปรเจ็ค
ไดห้ ลากหลาย เพราะบอร์ด Arduino รุ่น Uno มีช่องเสียบสายไฟต่างๆ ไดส้ ะดวก รวมถึงมีอุปกรณ์
อืนรวมถึง Shield ต่างๆ ทีทํามารองรับมากมาย และมี Library ทีใช้งานง่าย Arduino UNO R3
รับไฟจาก Adapter โดยทีแรงดนั อยรู่ ะหวา่ ง 7-12 V สามารถรบั ไฟจากทาง USB พอร์ทได้ ตวั บอร์ด
Arduino UNO R3 สามารถเชือมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงผ่าน USB สามารถเขียนและ
โปรแกรมตวั บอร์ดดว้ ย Arduino IDE
ตารางที 2.1 คุณสมบตั ิ Arduino UNO R3 Specifications
Microcontroller ATmega328
Operating Voltage 5V
Input Voltage (recommended) 7-12V
Input Voltage (limits) 6-20V
Digital I/O Pins 14 (of which 6 provide PWM output)
Analog Input Pins 6
DC Current per I/O Pin 40 mA
DC Current for 3.3V Pin 50 mA
Flash Memory 32 KB (ATmega328) of which 0.5 KB used by bootloader
SRAM 2 KB (ATmega328)
33
รูปที 2.27 บอร์ด Arduino
(ทีมา : https://www.google.com)
34
บทที 3
วธิ ีการดาํ เนินงาน
ในการดาํ เนินงานเพอื สร้างสิงประดิษฐ์ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน ทางผจู้ ดั ทาํ การออกแบบใหม้ ี
ความปลอดภยั ในการใชง้ านและสามารถทาํ งานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั นันจึงตอ้ งมีการศึกษา
ขอ้ มูลต่าง ๆ ก่อนทีจะสร้างสิงประดิษฐ์ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน ทางคณะผจู้ ดั ทาํ ไดด้ าํ เนินการ
ตามขนั ตอนดงั นี
3.1 บลอ็ กไดอะแกรม
3.2 แผนการดาํ เนินงาน
3.3 วธิ ีการดาํ เนินงาน
3.4 ขนั ตอนและวธิ ีการดาํ เนินงาน
3.5 ผลการดาํ เนินงาน
3.1 บลอ็ กไดอะแกรม
รูปที 3.1 บลอ็ กไดอะแกรม
35
แหล่งจ่าย 220 V 50 Hz จ่ายไฟไปทีพัดลมดูดอากาศ 220V และ Power Supply 24V จากนัน
Power Supply 24V แปลงไฟฟ้าจากกระแสสลับเป็ นไฟฟ้ากระแสตรง จ่ายไฟให้กับ หน้าจอ
ทชั สกรีนและหมอ้ แปลงแรงดันสูง ปัมอากาศและหลอดโอโซน หลอดโอโซนผลิตก๊าซโอโซน
ออกมา จากนนั พดั ลมดูดอากาศดูดก๊าซโอโซนขึนไปผ่านหุ่นลองเสือทีเจาะรูเพือให้ระบายอากาศ
ไดก้ า๊ ซโอโซนทีดูดขนึ มาทาํ ปฏิกิริยากบั กลินอบั บนเสือตามเวลาทีตงั ไว้ ทาํ ใหเ้ สือทีอบไม่มีกลินอบั
3.2 แผนการดาํ เนนิ งาน
ตารางที 3.1 แผนการดาํ เนินงาน
ขันตอนการดําเนินงาน พ.ศ.2563 พ.ศ.2564
พ.ค มิ.ย พ.ย ธ.ค ม.ค ก.พ มี.ค
1.ศึกษาวิธีการทาํ งานของหลอดผลิตโอโซน
2.ศึกษากระบวนการออกแบบตอู้ บขจดั กลิน
ดว้ ยโอโซน
3.สังซืออปุ กรณ์ตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
4.ออกแบบ
5.ทดสอบการทาํ งานของตูอ้ บขจดั กลินดว้ ย
โอโซน
6.ประเมินผลและปรับปรุงแกไ้ ข
7.สรุปผลการทดลองและเรียบเรียงนาํ เสนอ
ผลงาน
36
3.2.1 ผงั การดาํ เนินงาน
ก่อนการเริมการดาํ เนินงาน ไดม้ ีการจดั ทาํ ผงั การดาํ เนินงานเพอื ใหเ้ ห็นถึงกระบวนการคิด
กระบวนการตดั สินใจในการแกป้ ัญหา และสะดวกตอ่ การวเิ คราะห์การทาํ งาน
ศึกษาและหาขอ้ มลู
ออกแบบโครงสร้างและส่วนประกอบของตูอ้ บ
ขจดั กลินดว้ ยโอโซน
จดั หาวสั ดอุ ปุ กรณ์ แกไ้ ขปรับปรุง
และเครืองมือ
สร้างตอู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
ทดลองการใชง้ าน
วเิ คราะหข์ อ้ มูลหรือปัญหา
ไดต้ อู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
เสร็จสมบรู ณ์
รูปที 3.2 ผงั งานและการดาํ เนินงาน
37
3.3 วธิ กี ารดําเนนิ งาน
3.3.1 ออกแบบโครงสร้างโดยใชโ้ ปรแกรม (Google Sketch up 0.8 ) ในการออกแบบ ในการ
ออกแบบอุปกรณ์ต่างๆและตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
รูปที 3.3 แบบตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
รูปที 3.4 แบบหลอดผลิตโอโซน
3.3.2 รายละเอียดภายในตู้
รายละเอยี ดต่าง ๆ ภายในตูอ้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
38
หุ่นลองเสือ
หนา้ จอทชั สกรีน แผน่ เลือน
มือจบั เปิ ด-ปิ ด
ฝาตูอ้ บขจดั กลิน
หลอดโอโซนและพดั ลมระบายอากาศ
รูปที 3.5 รายละเอียดตอู้ บขจดั กลินดว้ ยโอโซน
3.3.3 แบบหนา้ จอทชั สกรีน
- เมือทาํ การทดลองป่ มุ เลือกเสือยดื เสือช็อป เสือแขนยาว ใหส้ ามารถใชง้ านได้
ป่ มุ เลือกเสือช็อป
ป่ มุ เลือกเสือยดื ป่ ุมเลือกเสือแขนยาว
รูปที 3.6 หนา้ จอหลกั เลือกประเภทเสือ