เอกสารการศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง โรงเรียนมธั ยมวดั ศรจี นั ทรป์ ระดิษฐ์ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ว21203
ภารกิจชุดที่ 1 เวลา 500 นาที
สาหรบั เปดิ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 คะแนน 20
เรอ่ื ง วิทยาศาสตรก์ ับความงาม
ความงามของมนุษย์และลักษณะของมนุษย์ในช่วงวยั ต่าง ๆ
ความงามของมนุษย์เป็นลักษณะของบุคคลที่ให้ความรู้สึกประทับใจแก่ผู้พบเห็นซึ่งเป็นลักษณะที่เกิด
จากการผสมผสานกันระหว่างคุณลักษณะภายนอกกับคุณลักษณะภายในของบุคคลความงามเกิดจากการ
ตัดสินใจส่วนบุคคล ลักษณะของความงามจึงมีความแตกต่างกันในแต่ละสังคมข้ึนอยู่กับค่านิยม วัฒนธรรม
สภาพแวดล้อม เช้ือชาติ รวมทั้งพันธุกรรมของคนในสังคมน้ันแต่ลักษณะร่วมกันของมนุษย์ทุกเพศและทุกชน
ชาติที่แสดงถึงความงามคือ การมีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายสะอาด สมบูรณ์ แต่งกายสะอาด เรียบร้อย ถูก
กาลเทศะ และปฏบิ ตั ติ นไดเ้ หมาะสม
วัยเด็ก อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 3-12 ปี เป็นวัยท่ีร่างกายกาลังเจริญเติบโต ผิวพรรณในวัยนี้สดใส เต่ง
ตงึ เพราะเซลล์ผิวมคี วามยดื หยุน่ มีอตั ราการแบ่งเซลลส์ มา่ เสมอ สามารถสร้างเซลลผ์ วิ ใหม่ทดแทนเซลล์ผิวเก่า
ที่หลดุ ลอกไดด้ ี เสน้ ผมเปน็ เงางามมีสีตามธรรมชาติ
วัยรนุ่ อยู่ในชว่ งอายุ 13-19 ปี ผหู้ ญิงจะเรมิ่ เข้าสวู่ ัยรุ่นเมื่ออายุประมาณ 10 ปี ส่วนเพศชายจะเร่ิมช้า
กว่าคือเมื่ออายุประมาณ 12 ปี วัยรุ่นเป็นวัยท่ีผิวพรรณมีความสดใสและเปล่งปล่ัง เน่ืองจากเซลล์ผิวมีอัตรา
การแบ่งเซลลท์ ีต่ อ่ เนือ่ งสมา่ เสมอตามวงรอบของเซลลผ์ ิว ระบบตา่ งๆ ในร่างกายทางานเตม็ ที่ โดยเฉพาะระบบ
สืบพันธ์ุ ต่อมใต้สมองกระตุ้นให้ระบบสืบพันธ์ุหล่ังฮอร์โมนเพศในปริมาณมาก จึงมีพัฒนาการของรูปร่างและ
โครงสร้างร่างกายอย่างชัดเจน
เกิดลักษณะทางเพศขั้นทุติย
ภูมิ นอกจากน้ีระดับฮอร์โมน
เพศที่สูงยังไปกระตุ้นให้ต่อม
ไขมันในช้ันผิวหนังหล่ังซีบัม
(Sebum) ออกมามาก ผวิ หน้า
ของวัยรุ่นจึงมีความมันมาก
แม้ว่าซีบัม จะทาหน้าที่ช่วยให้
ผิวชุ่มชื้นแต่ก็เป็นปัจจัยหน่ึงที่
ทาให้เกิดสิว ส่วนสูงในช่วงวัยรุ่นเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากถูกกระตุ้นด้วยระดับฮอร์โมนเพศและฮอร์โมน
ควบคุมการเจรญิ เติบโตที่สงู กวา่ วยั อน่ื ๆ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : ภาคเรยี นท่ี 2/2564 รหสั วชิ า ว21203 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์กบั ความงาม
นายจิรายสุ เรือนนะการ ครผู ู้สอน (ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู ู้สอน (ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/2)
นายวรพล วรพนิ ิจ ครผู สู้ อน (ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1/3)
วัยผู้ใหญ่ อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี เป็นวัยท่ีร่างกายและอวัยวะทุกส่วนเจริญเติมโตเต็มท่ี ในช่วงต้น
ของวยั ผู้ใหญ่ผวิ พรรณยงั ดูสดใสเปล่งปลั่ง เมอ่ื อายุยา่ งเข้าสวู่ ัย 30 ปี ผิวจะเร่ิมหยาบ หมองคล้าเนื่องจากอัตรา
การแบ่งเซลล์เริ่มไม่ต่อเน่ืองสม่าเสมอเหมือนในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยเสริมจาก
ความเครียดและมลพิษจากสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ความชุ่มช้ืนและความมันของผิวหนังลดลงเนื่องจากซีบัม
นอ้ ยลง และเริ่มปรากฏร้ิวรอยบนผวิ หน้าเน่ืองจากความยืดหยนุ่ ของเซลลผ์ ิวเริ่มลดลง
วัยกลางคน อยู่ในช่วงอายุ 41 - 60 ปี เป็นวัยที่ระบบต่างๆ ในร่างกายทางานลดลงอย่างชัดเจน
สังเกตได้จากมีริ้วรอยปรากฏชดั เจนบนใบหน้าและลาคอ ท้ังนเ้ี น่อื งจากคอลลาเจน (collagen) และ อีลาสติน
(Elastin) ท่ีผิวหนังเร่ิมเส่ือมคุณภาพ ประสิทธิภาพการอุ้มน้าลดลง ต่อมไขมันใต้ผิวหนังทางานลดลง ทาให้
ผวิ หนังแห้ง เซลล์สรา้ งเม็ดสีเรม่ิ ทาหน้าทลี่ ดลง ทาใหผ้ มเริ่มเปลยี่ นสแี ละมีสีผิวไมส่ มา่ เสมอ รา่ งกายเรม่ิ มไี ขมัน
สะสมใต้ผิวหนัง ผู้ชายเร่มิ มพี ุง สว่ นผหู้ ญิงพบไขมันส่วนเกินตามสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เมอ่ื อายุเข้าสู่วัย 50 ปี
ผิวหนังเห่ียวย่นและขาดความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินสลายตัวและเสื่อม
คุณภาพมากข้ึน บางคนอาจมีจุดด่างหรือขี้แมลงวันบนผิวหนังมากขึ้น เน่ืองจากเซลลส์ รา้ งเม็ดสที ี่ผิวหนงั สร้าง
เมลานินไมส่ ม่าเสมอ ประสิทธิภาพในการทางานของอวัยวะและระบบต่างๆ ลดลง เป็นผลใหร้ า่ งกายเร่ิมเส่ือม
ถอยและไมส่ ดใส
ความสูง เปน็ ความยาวของรา่ งกาย
จากศีรษะจรดปลายเท้า ซ่ึงส่วนใหญ่เป็น
ความยาวของกระดูกส่วนขาและกระดูกสัน
หลัง เมื่อกระดูกยาวข้ึนความสูงจึงเพิ่มข้ึน
กระดูกจะยืดยาวเม่ือมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้น
ของเซลล์กระดูกและมีสารองค์ประกอบ
ของกระดูก ได้แก่ โปรตีนคอลลาเจนและ
แคลเซียมฟอสเฟต มาสะสมรอบๆ เซลล์
เ พ่ื อ ส ร้ า ง โ ค ร ง ส ร้ า ง ที่ แ ข็ ง ข อ ง ก ร ะ ดู ก
ในระยะวัยรุ่นความสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตและฮอร์โมนเพศมีความ
เขม้ ข้นสูง ไปกระตุ้นการแบง่ ตัวของเซลลก์ ระดูกและการสะสมสารองค์ประกอบกระดกู ที่บรเิ วณปลายกระดูก
ความสูงของบุคคลจะเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เม่ือส่วนปลายของกระดูกขาและ
กระดูกสันหลังไม่สามารถยึดยาวได้อีก ดังนั้น ในวัยรุ่นยังสามารถกระตุ้นความสูงให้เพิ่มข้ึนได้โดยการ
รับประทานอาหารท่ีมแี คลเซียมและโปรตนี เพ่ือเสริมสรา้ งกระดูก ร่วมกบั การออกกาลังกายเพื่อกระตุ้นการยืด
ตวั ของกระดูก
น้าหนักตัวข้ึนอยู่กับมวลทั้งหมดของร่างกาย ผู้ที่มีส่วนสูงมากกว่าจึงควรมีน้าหนักตัวมากกว่าคนเตี้ย
เนื่องจากมีมวลของกระดูกและกล้ามเนื้อมากกว่า ปัจจัยที่มีผลต่อน้าหนักตัวมีหลายอย่าง เช่น อาหาร
พนั ธุกรรมรวมทงั้ โรคบางชนดิ เมือ่ พจิ ารณารูปร่างทอี่ ยใู่ นเกณฑเ์ ดียวกัน ผ้ทู ่ีมีความสงู มากกว่ามีแนวโนม้ ที่จะมี
น้าหนกั ตวั มากกว่าผูท้ มี่ นี า้ หนักตวั น้อยกว่า ดังน้ันส่ิงทค่ี วรใหค้ วามสาคญั คอื สดั สว่ นท่ีเหมาะสมระหวา่ งน้าหนัก
กับส่วนสูง มากกวา่ การกงั วลเก่ยี วกบั นา้ หนกั ตัวเพียงอยา่ งเดียว
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : ภาคเรยี นท่ี 2/2564 รหัสวชิ า ว21203 รายวิชาวทิ ยาศาสตรก์ บั ความงาม
นายจิรายสุ เรอื นนะการ ครผู สู้ อน (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู ู้สอน (ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1/2)
นายวรพล วรพินจิ ครผู ูส้ อน (ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1/3)
การเปรยี บเทียบนา้ หนักตามเกณฑ์สว่ นสงู สามารถบอกได้ว่ารปู รา่ งสมสว่ นหรือไม่ อว้ นไปหรอื ผอมไป
หรือไม่ รูปร่างท่ีอยู่ในเกณฑ์สมส่วน บ่งบอกถึงสุขภาพท่ีแข็งแรงและมีความเส่ียงต่อการเป็นโรคบางชนิดน้อย
กว่า ดังนั้นจึงควรรักษารูปรา่ งใหอ้ ยูใ่ นเกณฑ์สมส่วน
หากเรามีรูปร่างสมส่วน สุขภาพแข็งแรง ก็สามารถภูมิใจได้ว่าเป็นผู้ท่ีมีความงาม อย่างไรก็ตาม หาก
พบว่าตนเองมีรูปร่างไม่อยู่ในเกณฑ์สมส่วน เนื่องจากปัจจัยบางอย่าง เช่น พันธุกรรม หรือโรคบางชนิด แต่ถ้า
รักษาความสะอาดของร่างกายและเส้ือผ้า แต่งกายได้เหมาะสม มีอัธยาศัยไมตรี ก็จะมีความงามในตัวเองและ
เปน็ ทย่ี อมรับของผู้อื่นได้
การดูแล รกั ษาความงามตามธรรมชาติ
วัยรุ่นเป็นวยั ท่ีมีความงามตามธรรมชาติมากที่สดุ การดูแลความงามตามธรรมชาติท่ีง่ายและดีทีส่ ุดคอื
การดูแลรักษาความสะอาด อาบน้า สระผม แปรงฟัน และสวมเสื้อผ้าที่สะอาด โดยใช้ผลิตภัณฑ์สาหรับทา
ความสะอาดร่างกายเท่าท่ีจาเป็น เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพูสระผม เพราะสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบใน
ผลติ ภณั ฑ์อาจทาลายสภาวะทสี่ มดลุ ตามธรรมชาติของร่างกาย กอ่ ใหเ้ กิดอาการแพ้ หรอื ตกค้างสะสมกอ่ ปัญหา
ตามมาภายหลงั ได้
รับประทานอาหารท่มี ีประโยชน์ ควรรบั ประทานอาหารให้ครบทกุ หมู่อย่างถูกสดั ส่วน เพ่อื ให้ร่างกาย
เจริญเติบโตเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน การให้สารอาหารจากภายนอกร่างกายด้วยการทาหรือพอกทิ้งไว้อาจ
ไมม่ ีประสทิ ธิภาพเพราะผิวหนังและเซลลม์ ีความสามารถในการคัดเลือกสารที่ผา่ นเขา้ และออกจากเซลล์
ออกกาลังกายอย่างถูกต้องสม่าเสมอ การออกกาลังกายช่วยเสริมสร้างกล้ามเน้ือ สลายไขมันและ
พลังงานสว่ นเกิน จงึ ชว่ ยควบคมุ น้าหนัก รา่ งกายดสู มสว่ น กลา้ มเนอ้ื เปน็ รูปสวยงาม การออกกาลังกายยังช่วย
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและคลายเครียด นอกจากน้ีการออกกาลังกายในท่าท่ีเหมาะสมยังช่วยเพ่ิมความสูงได้
อีกดว้ ย
พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะในขณะนอนหลับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะทางานน้อยลง จึงเป็นเวลาที่
รา่ งกายได้พกั ผอ่ น และซอ่ มแซมส่วนทสี่ กึ หรอ หลังจากการทากจิ กรรมตลอดท้ังวนั
นอกจากน้ี การปฏิบัติตัวและแต่งกายให้เหมาะสม ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างความ
ประทับใจต่อผู้อื่นได้ นกั เรียนจึงควรปฏบิ ัติตวั เพื่อให้เป็นที่รักของผู้อ่ืน เช่น ยมิ้ แย้มแจม่ ใส มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี
เอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ แต่งกายให้เหมาะสมกบั วัยและกาลเทศะ การเลอื กใชส้ แี ละแบบเส้ือผา้ ท่เี หมาะสมยังชว่ ยพราง
จุดบกพรอ่ งบนรา่ งกายได้อีกด้วย
ผิวหนงั และการดูแลสุขภาพผิวหนัง
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหัสวชิ า ว21203 รายวชิ าวทิ ยาศาสตรก์ บั ความงาม
นายจิรายุส เรือนนะการ ครผู ้สู อน (ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู สู้ อน (ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/2)
นายวรพล วรพนิ ิจ ครผู ้สู อน (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1/3)
ผิวหนังประกอบด้วยโครงสร้างเป็นช้ัน คือ ชั้นหนังกาพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
และมีไขมัน (Hypodermis) ซ่ึงไม่จัดว่าเป็นชั้นของผิวหนังอยู่ใต้ชั้นหนังแท้ ช้ันหนังกาพร้าประกอบด้วยเซลล์
เรียงกันเป็นช้นั บางๆ หลายชั้น ท่ีสาคัญคือ ช้ันล่างสุดซึ่งเป็นช้นั ของเซลลท์ ่ียังมีชวี ติ มีการเรียงตัวเป็นชั้นเดยี ว
และสามารถแบ่งตวั สร้างเซลล์ผิวทดแทนได้ตลอดเวลา ชั้นบนสุดเปน็ ชน้ั ของเซลล์ที่ตายแล้วและมโี ปรตีนเครา
ติน (Keratin) ซึง่ มีสมบัติกันน้ามาแทรกแทนท่ีไซโทพลาซึม เซลล์ชน้ั นี้จะหลุดลอกออกเปน็ ขี้ไคลและถูกแทนท่ี
ด้วยเซลล์ชั้นล่างที่แบ่งตัวข้ึนมาแทนที่ทุกๆ 28 วัน ดังน้ันหากเซลล์ผิวมีอัตราการแบ่งเซลล์เพ่ือผลัดเซลล์ผิว
อย่างสม่าเสมอ ผิวจะสดใสเปล่งปลั่ง ช้ันหนังกาพร้ามีความหนาโดยเฉลี่ยประมาณ 0.4 - 1.5 มิลลิเมตร
ความหนาของชั้นหนังกาพร้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณของร่างกาย บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ช้ันหนัง
กาพร้าจะมีความหนามาก ไม่มีขนและรูขุมขน จึงไม่มีต่อมไขมันและช่องเปิดสาหรับต่อมไขมัน แต่จะมีต่อม
เหงอ่ื เป็นจานวนมาก สว่ นบรเิ วณอ่นื ๆ ของร่างกายผิวหนังชั้นหนังกาพร้าจะบางกว่า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
ผิวหนังจะบางมาก แตส่ ามารถพบโครงสร้างและองคป์ ระกอบของผวิ หนังครบ ได้แก่ ตอ่ มไขมัน ต่อมเหงื่อ ชอ่ ง
เปิดของต่อมเหง่ือและรขู มุ ขน
ช้ันหนังแท้ มีความหนาประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีคอลลาเจนและอีลาสตินแทรกอยู่ ทาให้ผิวหนังมี
ความยืดหยุ่นและอุ้มน้า โครงสร้างสาคัญที่พบในช้ันหนังแท้คือ ต่อมเหงื่อ (Sweat gland) ต่อมไขมัน
(Sebaceous gland) ปุ่มรากขน (Hair follicle) หลอดเลือด (Blood vessel) และใยประสาท (Nerve fiber)
ตอ่ มเหงอ่ื มชี ่องเปดิ ท่ชี ัน้ หนงั กาพร้าเพ่ือปล่อยเหงื่อออกมานอกร่างกาย สว่ นตอ่ มไขมันทาหนา้ ท่ีผลติ ซบี มั
(Sebum) และปล่อยออกสภู่ ายนอกทางรูขุมขน ซบี มั ทาหนา้ ท่เี คลือบผิวหนงั ปอ้ งกันไมใ่ ห้ผวิ หนงั สญู เสียความ
ชุ่มชื้น และช่วยเคลือบเส้นผมและขนให้เงางาม นอกจากนี้ซีบัมทาหน้าที่เคลือบชั้นหนังกาพร้า เมื่อผสมกับ
เหง่อื จะทาให้ผวิ หนงั มีความเปน็ กรดอ่อนๆ มคี า่ ความเปน็ กรด-เบสระหว่าง 4.5-6.0 ซง่ึ เปน็ ผลดชี ่วยยบั ย้ังการ
เจริญเตบิ โตของจุลินทรีย์
ชั้นไขมันเป็นช้ันที่อยู่ใต้ช้ันผิวหนัง เป็นชั้นท่ีมีไขมันสะสมประมาณครึ่งหนึ่งของไขมันท้ังหมดใน
ร่างกาย พลังงานส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในช้ันน้ี ประโยชน์ของช้ันไขมันคือทาหน้าท่ีเป็นฉนวน
ความร้อน รับแรงกระแทกป้องกันอวัยวะภายใน และทาให้ผิวหนังเคล่ือนไหวได้ไม่ติดแน่นกับโครงสร้างใต้
ผิวหนัง นอกจากนี้ช้ันไขมันใต้ผิวหนังยังมีผลในด้านความสวยงาม เช่น บริเวณแก้ม หากไม่มีช้ันไขมันรองรับ
จะทาใหร้ ูปหน้าไมส่ วยงาม ชนั้ ไขมนั มีความหนามากน้อยแตกตา่ งกันในแต่ละคน และในแต่ละสว่ นของร่างกาย
คนทมี่ นี ้าหนกั เกนิ มักพบวา่ มไี ขมนั สะสมในส่วนนเี้ ป็นชั้นหนา
สิว เกิดจากต่อมไขมันสร้างซีบัมออกมามากและอุดตันบริเวณรูขุมขน หากซีบัมจับตัวกันแน่นจะเกิด
เปน็ หวั สวิ อุดตันรขู มุ ขน หากมีแบคทเี รียมาเจริญเติบโตในบรเิ วณดังกล่าวจะเกดิ การติดเช้ือ เรยี กวา่ สวิ อักเสบ
วยั รุ่นมกั เปน็ สิวเนื่องจากเปน็ วัยที่ปริมาณฮอรโ์ มนเพศสูงและไปกระตุ้นการทางานของต่อมไขมนั การป้องกัน
สวิ จงึ ควรรักษาผวิ หน้า เลบ็ มอื ผม เสื้อผ้าและผ้าสาหรับเชด็ หน้าใหส้ ะอาดอยเู่ สมอ ออกกาลังกายเพื่อเพิ่มการ
แลกเปล่ียนออกซิเจน สารอาหาร และขับของเสยี ออกจากผวิ หากนักเรียนเปน็ สิวไม่ควรสัมผสั หรือบีบสิว เม่ือ
เปน็ สิวอาจจาเป็นตอ้ งใชผ้ ลติ ภณั ฑร์ ักษาสวิ เพ่ือใหห้ ัวสวิ นุ่ม หลุดลอกและยับยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของแบคทีเรีย
ซึ่งเปน็ สาเหตขุ องสิวอกั เสบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหสั วชิ า ว21203 รายวชิ าวิทยาศาสตรก์ บั ความงาม
นายจิรายุส เรือนนะการ ครผู ู้สอน (ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/1)
นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ ครผู ูส้ อน (ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1/2)
นายวรพล วรพินิจ ครผู ูส้ อน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3)
กล่นิ ตวั เกิดจากการหมักหมมของจลุ นิ ทรียก์ บั คราบเหง่อื และไขมันบนผวิ หนัง จลุ ินทรยี จ์ ะยอ่ ยคราบ
ไขมนั และโปรตีนท่ีสะสมอยู่ เกิดสารท่ีมีกลนิ่ เหม็น กล่ินตวั เกดิ ขน้ึ ได้ทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณท่ีอบั
ชืน้ และมเี หงอ่ื ออกมาก การที่เหง่ือออกเปน็ เร่อื งปกตเิ มื่อมีการออกกาลงั การป้องกนั กลิ่นตัวทดี่ ีท่ีสุดคือการทา
ความสะอาดรา่ งกายดว้ ยผลติ ภณั ฑท์ าความสะอาด เพอ่ื ขจัดสิง่ สกปรกหมักหมม ไม่ควรกังวลเร่ืองกลน่ิ ตัวเม่ือ
ต้องออกกาลังกาย เพราะการออกกาลังกายทาให้มีสุขภาพแขง็ แรงและรูปรา่ งสมสว่ น สว่ นกลน่ิ ตัวที่อาจเกดิ ขนึ้
สามารถปอ้ งกนั หรือขจดั ได้ดว้ ยการทาความสะอาด นอกจากการรักษาความสะอาดแล้วผลิตภณั ฑ์หลายชนิด
สามารถระงับกลน่ิ ตัวได้ เชน่ น้าหอม สารสม้ และผลติ ภัณฑ์ระงบั เหง่ือ
การจาแนกกลุ่มคนตามสผี วิ หนัง และ สีผิวตามธรรมชาตขิ องมนุษยใ์ นภูมภิ าคตา่ งๆ ของโลก
เมลานิน (Melanin) เป็นสารสีท่ีทาให้เกิดสีผิว สร้างโดยเซลล์ท่ีเรียกว่า เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซ่ึง
เป็นเซลล์ที่มีชีวิตอยู่ในช้ันหนังกาพร้าช้ันล่างสุดที่ติดกับชั้นหนังแท้ สีผิวของมนุษย์ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณ
ของเมลานนิ ทถี่ กู สรา้ งข้นึ เมลานนิ มอี ยู่ 2 ชนิด ได้แก่
ยเู มลานนิ เปน็ เมลานินชนดิ ท่ีให้สดี าและสนี ้าตาล พบมากในคนเอเชยี และคนผวิ คล้า
ฟโี อเมลานนิ เปน็ เมลานนิ ชนิดทีใ่ หส้ แี ดงหรือสีเหลอื ง พบมากในคนผิวขาว
โดยธรรมชาติ มนุษย์มีสีผวิ แตกตา่ งกนั องค์การอนามัยโลกจงึ ได้จาแนกกลุ่มคนตามสีผิวตามธรรมชาติ
ออกเป็น 6 กลุ่ม ตามความไวต่อการตอบสนองต่อแสงแดดดังตาราง ซ่ึงมีพื้นฐานมาจากการจาแนกกลุ่มสีผิว
ของ Thomas B. Fitzpatrick ผเู้ ชีย่ วชาญด้านผิวหนัง
ตาราง การจาแนกกล่มุ คนตามสผี ิวหนงั
กลมุ่ สผี ิวหนัง ลกั ษณะเฉพาะทสี่ งั เกตได้เมื่อถูกแสงแดด
1 ผิวขาวถึงขาวมากหรือซีด ผมแดง หรือ ผิวหนังไวต่อแสงแดดมาก ดังนั้นผิวหนังจะถูกแสงแดด
บลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้า มักมีกระท่ีผิวหนา้ เผาจนเกดิ อาการไหม้แดดก่อน จึงไมท่ ันเกดิ ผิวสแี ทน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแก้ม จมูก
และหน้าผาก
2 ผิวขาว ผมแดงหรือบลอนด์ นัยน์ตาสี ผิวหนังจะเกิดอาการไหม้แดดได้ง่าย เกิดผิวสีแทนได้ยาก
ฟ้า สีเขยี วหรือสีน้าตาลเทา แตผ่ ิวหนงั ไวต่อแสงแดดนอ้ ยกว่ากลุ่มท่ี 1
3 ผิวขาวอมเหลือง สีนัยน์ตาและผม ผิวหนังเม่ือได้รับแสงแดด จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแทน
หลากหลาย พบได้ในหลายเชื้อชาติ จึง และถูกแดดเผาอ่อนๆ ทนต่อแสงแดดได้นานมากกว่า
พบได้ทัว่ ไป กลุม่ ท่ี 2
4 ผวิ สีนา้ ตาลหรอื ผิวสองสี หรือผิวดาแดง ผวิ หนงั จะทนตอ่ แสงแดดได้นานข้ึนกว่ากลุ่มท่ี 3 เกิดผิวสี
แทนได้ง่าย มกั ไม่พบอาการไหม้แดดหรือพบน้อย
5 ผิวสีน้าตาลเข้ม เช่น ชาวตะวันออก ผิวหนังจะทนต่อแสงแดดได้นานกว่ากลุ่มท่ี 4 เกิดผิวสี
กลาง แทนไดง้ า่ ย มกั ไม่พบอาการไหม้แดด
6 ผิวสดี าหรอื สีหมึก เช่น ชาวแอฟริกา ผิวหนังทนต่อแสงแดด จะไม่เกดิ อาการไหม้แดด เกดิ ผวิ สี
แทนได้แตม่ องไม่เหน็ เนื่องจากเม็ดสีผวิ ทด่ี ากลบไว้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหสั วิชา ว21203 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์กบั ความทง่มี าาม: องค์การอนามยั โลก, 1994.
นายจิรายุส เรือนนะการ ครผู สู้ อน (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1/1)
นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ ครผู ้สู อน (ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/2)
นายวรพล วรพนิ จิ ครผู ้สู อน (ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/3)
1
สผี วิ ตามธรรมชาติของมนุษย์ใน
สีผิวตามธรรมชาติของมนุษย์เป็นลักษณะท่ีกาหนดโดยยีนที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ
คนในครอบครวั เดยี วกนั และประชากรในประเทศเดยี วกันจะมีสีผวิ คล้ายกัน แต่ประชากรในทวีปที่แตกต่างกัน
ของโลก เช่น ทวีปแอฟริกาและทวีปยุโรป จะมีสีผิวแตกต่างกัน ยีนกาหนดลักษณะสีผิวท่ีปรากฏได้โดยการ
กาหนดชนิดและปรมิ าณของเมลานินที่สรา้ ง สีผิวอาจเข้มข้ึนไดเ้ มื่อถูกกระตนุ้ โดยแสงแดด โดยแสงแดดกระตุ้น
ให้ร่างกายสร้างเมลานินมากขึ้นเพ่ือลดอนั ตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลต หรือยูวี ในแสงแดด เนื่องจากเมลานิน
มีสมบัตชิ ว่ ยดูดซับรงั สยี ูวีได้
คนทมี่ ผี วิ ขาวมีโอกาสได้รับอนั ตรายจากรังสียวู ีในแสงแดดมากกวา่ คนท่ีมผี ิวคล้า เนื่องจากผู้ที่มีผวิ คล้า
มีปริมาณเมลานินมากกว่าน่ันเอง เม่ือพิจารณาสีผิวตามธรรมชาติของประชากรท่ีอยู่ในทวีปต่างๆ ของโลก
พบว่าประชากรในทวีปใกล้เส้นศูนย์สูตรมีแนวโน้มที่จะมีสีผิวเข้มกว่าประชากรที่อยู่ในทวีปอื่นๆ ของโลก
เพราะได้รับแสงแดดท่เี ปน็ ปจั จยั กระตนุ้ มากกวา่
ผมและเลบ็ เม
คิว
ผมเป็นโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงมาจากผิวหนัง โครงสร้างผม
และขนจาแนกเป็น 2 ส่วน ส่วนท่ีอยู่ใต้ผิวหนัง คือ ปุ่มรากผม (Hair
follicle) เป็นส่วนที่มีชีวิตอยู่ในชั้นหนังแท้ และส่วนท่ีอยู่เหนือผิวหนงั
ข้ึนมา คือ เส้นผม (Hair shaft) ซึ่งเป็นส่วนท่ีตายแล้วปุ่มรากผมทา
หน้าที่สร้างเส้นผม เมื่อเส้นผมร่วง หรือถูกตัด ปุ่มรากผมจะสร้างเส้น โครงสรา้ งของผมและขน
ผมใหมม่ าทดแทน เส้นผมแบง่ ออกเป็นช้ัน
ช้ันในสุดเรียกว่า เมดูลลา (Medulla) ชั้นกลางเป็นช้ันที่หนาที่สุด เรียกว่า คอร์เทกซ์ (Cortex) มีเคราตินเป็น
องค์ประกอบหลักและเป็นชั้นที่มีเมลานินแทรกอยู่ทาให้เส้นผมมีสีต่างๆ ช้ันนอกสุดเป็นชั้นบางๆ และมีสมบัติ
กันน้า เรียกว่า คิวติเคิล (Cuticle) หน้าท่ีสาคัญของคิวติเคิลคือ เสริมความแข็งแรงและปกป้องเส้นผม ทาให้
เสน้ ผมเป็นเงางาม หากช้ันควิ ตเิ คลิ ถูกทาลายหรือเสยี สภาพ เส้นผมจะอ่อนแอ ไมเ่ ป็นเงา โดยปกติเส้นผมหลุด
จะหลดุ ร่วงวนั ละประมาณ 100 ถงึ 200 เส้น
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหสั วชิ า ว21203 รายวิชาวิทยาศาสตรก์ บั ความงาม
นายจิรายสุ เรือนนะการ ครผู ้สู อน (ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู สู้ อน (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/2)
นายวรพล วรพินิจ ครผู สู้ อน (ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1/3)
การดูแลรักษาเส้นผมท่ีดีท่ีสุดคือต้องบารุงรักษาช้ันคิวติเคิลให้อยู่ในสภาพท่ีสมบู รณ์และดูแลหนัง
ศีรษะให้สะอาดด้วยการสระผมอย่างสม่าเสมอ เพื่อขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายแล้วและขจัดส่ิงสกปรกที่ติดกับ
เส้นผม นอกจากการสระผมเป็นประจาแล้ว การหวีผมเป็นประจายังเป็นบารุง ดูแลรักษาเส้นผมได้เป็นอยา่ งดี
เพราะการหวีผมเป็นการช่วยกระจายซีบัมให้เคลือบไปทั่วเส้นผม ทาให้เส้นผมชุ่มชื้นไม่แห้ง เป็นเงางามตาม
ธรรมชาติ นอกจากนี้ซีบัมยังสามารถช่วยยับย้ังการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บนหนังศีรษะได้ เน่ืองจากซีบัมมี
สมบัตเิ ปน็ กรดอ่อนๆ
ปัจจุบันผมเปน็ ส่วนที่มีการเสรมิ แต่งมาก โดยเฉพาะการเสรมิ แต่งสี การยืดและการดัดตามความนิยม
จึงนามาซ่ึงปัญหาสุขภาพเก่ียวกับเส้นผมและหนังศีรษะท่ีพบได้บ่อย ได้แก่ เส้นผมเสียสภาพ แห้ง แตกปลาย
และรงั แค
เส้นผมเสียสภาพ เช่น ผมแห้ง ผมแตกหัก และผมแตกปลาย ปัญหาในกลุ่มนี้ทั้งหมดมีสาเหตุจาก
โครงสร้างตามธรรมชาติของเส้นผมถูกทาลาย หรือได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะชั้นคิวติเคิลท่ีปกป้องและ
เสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผม ดังแสดงในภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน แสดงชั้นคิวติเคิลของ
เส้นผมในภาวะต่างๆ ปัจจัยท่ีทาลายเส้นผมได้แก่ ความร้อน และความเป็นกรด-เบสที่ไม่เหมาะสมของ
ผลิตภณั ฑ์ทใ่ี ช้กบั เส้นผมและหนงั ศรี ษะ
อย่างไรก็ตาม ถา้ ดูแลทาความสะอาดผมอย่างถูกต้องและหลกี เลี่ยงปจั จยั เส่ียงต่างๆ ที่ทาให้ผมเสียได้
ผมท่ขี ึ้นมาใหม่ก็จะมีสุขภาพแขง็ แรงได้ ในกรณีทผ่ี มแตกปลาย การใช้กรรไกรเล็มปลายผมเป็นประจาสามารถ
ลดปัญหาผมแตกปลายได้
รังแค คือเศษเซลล์หนงั ศรี ษะขนาดเล็กท่ีหลุดรว่ งออกมาจานวนมากกวา่ ปกติ มักเกดิ ควบคูก่ บั อาการ
คนั ศีรษะ โดยปกตเิ ซลลห์ นงั ศีรษะมีการแทนทีแ่ ละหลุดร่วงเองตามธรรมชาติประมาณทุกๆ 1 เดอื น แต่มีขนาด
เลก็ มากจนอาจสงั เกตไม่เห็น ผทู้ เี่ ปน็ รังแคกระบวนการหลุดลอกของเซลล์เกิดขึน้ เรว็ กวา่ ปกติ ทาใหเ้ ศษหนงั
ศรี ษะมีจานวนมากจนสงั เกตเหน็ ได้ ปัจจยั ท่ีกระตนุ้ ใหเ้ กดิ รงั แคคือสภาพหนังศรี ษะท่มี นั และเชื้อรา วิธีการ
ปอ้ งกนั รักษารังแคในเบือ้ งตน้ คือการรักษาความสะอาดของเส้นผมและหนงั ศีรษะ โดยการสระผมด้วยแชมพู
สระผมที่เหมาะสมกบั สภาพผมและหนังศีรษะเปน็ ประจา แต่ถา้ ไมห่ ายควรปรึกษาแพทย์เพอ่ื หาแนวทางรกั ษา
ตอ่ ไป ในบางคร้งั หนงั ศรี ษะทแ่ี ห้งเกนิ ไปเนื่องจากขาดความชุ่มชื้นก็อาจทาใหเ้ กดิ ปัญหารังแคได้ แกไ้ ขไดด้ ้วย
การใชน้ ้ามนั เช่น น้ามนั มะกอกหรือนา้ มันมะกรูดนวดหนงั ศีรษะ เป็นตน้
กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหสั วิชา ว21203 รายวิชาวทิ ยาศาสตร์กบั ความงาม
นายจริ ายุส เรอื นนะการ ครผู ้สู อน (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู ้สู อน (ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1/2)
นายวรพล วรพินจิ ครผู ูส้ อน (ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1/3)
เล็บเป็นโครงสร้างที่เปล่ียนแปลงมากจากผิวหนังเช่นเดียวกับเส้นผม จึงมีองค์ประกอบหลักและการ
เจริญคล้ายผม คอื มรี ากเล็บ (Nil root) เป็นสว่ นที่มชี ีวิต ทาหนา้ ท่ีสร้างแผน่ เล็บ (Nail plate) ซ่งึ เปน็ ส่วนที่ไม่
มีชีวิตให้ยืดยาวออก ดังแสดงในภาพ องค์ประกอบหลักของแผ่นเล็บเป็นเคราตินเช่นเดียวกับเส้นผม แต่อัดตัว
แน่นจึงแข็งและหนามากกว่า เคราตินเป็นองค์ประกอบของช้ันหนังกาพร้า ผมและเล็บ แต่มีความแตกต่างกัน
คือเคราตินที่ผมและเล็บเป็นชนิดแข็ง ซึ่งจะไม่หลุดลอกไปเอง ต้องตัดออก ส่วนเคราตินในช้ันหนังกาพร้าเป็น
ชนิดนมุ่ สามารถลอกและหลดุ ออกไปเปน็ ขไี้ คลไดเ้ องตามธรรมชาติ
โครงสรา้ งเล็บ
เล็บท่ีสวยงาม คือ เล็บที่สะอาดไม่มีส่ิงสกปรกสะสมท่ีปลายเล็บ แข็งแรงไม่เปราะหักง่าย มีสุขภาพดี
มีสีอมชมพูเปน็ ธรรมชาตสิ ม่าเสมอ ผวิ เรยี บและเป็นเงาตามธรรมชาติ
การดูแลเล็บควรรักษาความสะอาดของเล็บโดยการล้างด้วยน้าสะอาด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทาความ
สะอาดทั่วไป เช่น สบู่ หรือเจลล้างมือ ไม่จาเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ กับเล็บ ต้องตัดเล็บเป็นประจาเพื่อ
ป้องกันสิ่งสกปรกและจุลินทรีย์สะสม แต่ไม่ควรตัดจนชิดผิวหนังปลายเล็บเกินไป นอกจากนี้ควรเลือก
รับประทานอาหารท่ีมีโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบีและวิตามินอีเพ่ือเสริมสร้างสุขภาพเล็บท่ีดี และดื่มน้าให้
เพยี งพอเพ่ือเพิ่มความชมุ่ ชื่นของเล็บ
ปญั หาสุขภาพเล็บทพี่ บไดบ้ ่อย คอื เกิดการเปล่ยี นแปลงของลักษณะผิวเล็บ สเี ลบ็ ความหนา และการ
เจริญของเล็บ อันเน่ืองมาจากสาเหตุท่ีแตกต่างกัน เช่น การสูบบุหร่ี การใช้น้ายาทาเล็บและน้ายาล้างเล็บเปน็
ประจา การติดเช้ือ การบาดเจ็บเนื่องจากถูกกระแทก รวมท้ังความผิดปกติของตับ ไต หัวใจ และปอด อาจ
สง่ ผลต่อสขุ ภาพของเลบ็ ได้
เล็บขบ เกิดจากเล็บเจริญแทงเข้าไปในเนื้อเยื่อ ทาให้เนื้อเยื่อเปิดเป็นแผลและอาจติดเช้ือได้หากไม่
รักษาความสะอาด สาเหตุของเล็บขบมี 2 ประเด็น คือ การใส่รองเท้าคับและบีบเกินไป และการตัดเล็บให้
บริเวณดา้ นขา้ งเล็บเป็นมุมแหลม ทัง้ สองกรณีเมื่อเล็บเจริญยาวจะแทงเข้าไปในเน้ือเยื่อทาให้ร้สู ึกเจบ็ หากเกิด
อาการเล็บขบอาจแก้ไขเบ้ืองต้นโดยพยายามตัดเล็บที่ขบออกและรักษาความสะอาด หากเจ็บมากหรือมีการ
อักเสบควรไปพบแพทย์ ควรหลีกเล่ยี งการใชบ้ ริการจากรา้ นทาเล็บ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์รว่ มกบั ผู้อน่ื หากผู้
ให้บริการไม่รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ จึงอาจเป็นสาเหตขุ องการตดิ เช้อื บรเิ วณเลบ็ และน้ิวไดเ้ พ่ิมเติมได้
นอกจากนี้การใช้สารเคมีกับเล็บ เช่น การต่อเล็บ การทาเล็บ อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง บวม
อักเสบ หรืออาจมสี ว่ นประกอบท่เี ปน็ อนั ตรายตอ่ ระบบหายใจ เชน่ ฟอร์มัลดีไฮด์ในกาวตอ่ เลบ็
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ภาคเรยี นท่ี 2/2564 รหสั วิชา ว21203 รายวิชาวิทยาศาสตร์กบั ความงาม
นายจริ ายุส เรอื นนะการ ครผู ูส้ อน (ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู สู้ อน (ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1/2)
นายวรพล วรพนิ ิจ ครผู สู้ อน (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1/3)
คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนศึกษาใบความรูเ้ รื่อง วทิ ยาศาสตรก์ บั ความงามแลว้ ตอบคาถามดงั ต่อไปนี้ (20 คะแนน)
1. ความงามของมนุษย์ หมายความวา่ อย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
2. ลกั ษณะหรือพฤติกรรมใดบ้าง ทแี่ สดงถงึ ความงามของท้งั เพศชายและเพศหญิง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................................... ..........................................
......................................................................................... ................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
3. ความงามในความคดิ ของแต่ละคน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
........................................................................................................................................................ .................................
.................................................................................................. .......................................................................................
4. ในแตล่ ะวยั มีลกั ษณะที่ปรากฏเหมือนกนั หรือไม่ อยา่ งไร (2 คะแนน)
........................................................................................................ .................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
5. นกั เรยี นคดิ ว่าวยั ใดมคี วามงามมากทส่ี ุด เพราะเหตใุ ด (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
........................................................................................................................ .................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
................................................................................................................................... ......................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
ช่อื - สกลุ ...................................................................................... เลขที่ .......... หอ้ ง ม.1/.........
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหสั วิชา ว21203 รายวชิ าวิทยาศาสตร์กบั ความงาม
นายจิรายสุ เรือนนะการ ครผู ูส้ อน (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1/1)
นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ ครผู ู้สอน (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/2)
นายวรพล วรพนิ ิจ ครผู สู้ อน (ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1/3)
6. โครงสร้างของผมประกอบด้วยอะไรบา้ ง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
......................................................................................................................................................... ................................
................................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
7. ผมที่มีความงามมลี ักษณะอยา่ งไร และนักเรียนมีวธิ กี ารดูแลความงามของผมอยา่ งไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
................................................................................................................................................................. ........................
........................................................................................................... ..............................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
8. มีปจั จยั ใดบ้างท่เี ป็นสาเหตุใหผ้ มเสยี (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
......................................................................................................................................... ................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
9. รงั แคเกดิ ไดอ้ ย่างไร นักเรียนมวี ิธีการดแู ลปอ้ งกันไมใ่ หเ้ ป็นรังแคได้อยา่ งไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
................................................................................................................................................... ......................................
............................................................................................. ............................................................................................
10. เล็บทม่ี ีความงามมลี กั ษณะอยา่ งไร และนักเรยี นมวี ธิ กี ารดูแลความงามของเลบ็ อยา่ งไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
.........................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. ............................................................
......................................................................................................................................................... ................................
................................................................................................... ......................................................................................
ชอ่ื - สกลุ ...................................................................................... เลขท่ี .......... หอ้ ง ม.1/.........
กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : ภาคเรยี นที่ 2/2564 รหัสวิชา ว21203 รายวชิ าวิทยาศาสตรก์ บั ความงาม
นายจิรายสุ เรอื นนะการ ครผู ้สู อน (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/1)
นายภานพุ งศ์ ประสมพงษ์ ครผู ้สู อน (ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1/2)
นายวรพล วรพินจิ ครผู ้สู อน (ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1/3)