The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารศึกษาความรู้ด้วยตนเอง รหัสวิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ แก้ไข 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prasomphongpanuphong, 2022-02-17 02:49:39

เอกสารศึกษาความรู้ด้วยตนเอง รหัสวิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ แก้ไข 3

เอกสารศึกษาความรู้ด้วยตนเอง รหัสวิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์ แก้ไข 3

SCIENCE ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3

ชุดการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง

ว23101 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 5

นายภานุพงศ์ ประสมพงษ์
ตาแหนง่ ครู

โรงเรยี นมธั ยมวดั ศรจี ันทรป์ ระดษิ ฐ์ ในพระบรมราชานุเคราะห์
สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาสมทุ รปราการ

สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน

SCIENCE ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 2

สารบัญ หน้า
3
เรอื่ ง 4
- คำช้ีแจงกำรใช้ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรดู้ ้วยตนเอง 4
- คำแนะนำกำรเรียนโดยใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 5
- บทบำทนกั เรียน 9
- แบบทดสอบกอ่ นเรียน (PRE-TEST) 10
- ควำมหมำยและองคป์ ระกอบของระบบนิเวศ 11
- ประเภทของระบบนิเวศ 12
- บทบำทหน้ำท่ขี องสง่ิ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ 14
- ควำมสัมพันธร์ ะหว่ำงสงิ่ มีชีวิตกับสง่ิ มชี ีวิต 15
- ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงสง่ิ มชี วี ติ กับสง่ิ ไม่มชี ีวติ 16
- กำรถำ่ ยทอดพลงั งำนของสิ่งมชี วี ิตในระบบนเิ วศ 17
- ห่วงโซอ่ ำหำร 18
- สำยใยอำหำร 22
- พีระมิดพลังงำนของสิ่งมชี วี ติ 25
- วัฎจักรของสำรในระบบนิเวศ 34
- ใบงำนกิจกรรมกำรเรียนรู้ด้วยตนเอง 43
- แนวทำงกำรตอบใบงำนกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
- แบบทดสอบหลงั เรียน (POST-TEST)

hเพจ ครภู านพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งองิ ข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 3

คาชี้แจง
การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง

คาชแ้ี จงบทเรียน
1. ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ว23101 รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ 5 ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 3

ได้จดั ทำข้นึ เพอื่ ใชป้ ระกอบกำรเรียนกำรสอนในรำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ 5 รหัสวชิ ำ ว23101 สำหรับช้นั มธั ยมศึกษำปีท่ี 3
กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนมธั ยมวัดศรีจนั ทรป์ ระดิษฐ์ ในพระบรมรำชำนุเครำะห์

2. บทเรยี นออนไลน์ ประกอบไปด้วยเนื้อหำ 10 เรื่อง ดังน้ี
- ควำมหมำยและองคป์ ระกอบของระบบนิเวศ
- ประเภทของระบบนิเวศ
- บทบำทหนำ้ ท่ขี องสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
- ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งส่ิงมีชีวติ กับส่ิงมชี ีวติ
- ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงสิ่งมชี ีวติ กับส่ิงไม่มชี วี ิต
- กำรถำ่ ยทอดพลังงำนของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
- หว่ งโซอ่ ำหำร
- สำยใยอำหำร
- พรี ะมิพลงั งำนของสิ่งมชี ีวิต
- วฎั จักรของสำรในระบบนิเวศ

3. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนในแต่ละหน่วยกำรเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 1 ตอน ประกอบไปด้วย
ตอนที่ 1 เป็นแบบทดสอบภำคทฤษฎี วัดพฤติกรรมด้ำนพุทธพิสัยก่อนเรียนและหลังเรียนเป็นแบบคู่ขนำน
นักเรยี นสำมำรถสอบออนไลนไ์ ดจ้ ำกบทเรยี นออนไลน์เรียนเป็นแบบคู่ขนำน

4. ใบงำนประจำหนว่ ยกำรเรียนรูม้ ีทงั้ หมด 4 กิจกรรมกำรเรียนรู้
5. ผู้ใชบ้ ทเรยี นควรศกึ ษำและปฏบิ ตั ิตำมวิธีกำรใช้บทเรยี นในคมู่ ือกำรใช้บทเรียนเล่มน้ี
6. หำกเกิดปัญหำหรือขอ้ สงสยั ในกำรใช้บทเรยี นออนไลน์ ให้ติดต่อผพู้ ัฒนำบทเรียนที่อเี มลล์
[email protected]

hเพจ ครูภานพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างองิ ข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 4

คาแนะนาการเรยี น
โดยใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง

คาแนะนาการเรียนบทเรียน

1. กำรเตรยี มตัวของนักเรียนในกำรเขำ้ เรยี นบทเรียนออนไลน์ นักเรยี นจะมีกำรเตรยี มตวั ดังตอ่ ไปน้ี
1.1. มีอีเมลล์เป็นของตนเอง เพอื่ ใช้ในกำรสง่ งำน
1.2. ศกึ ษำรำยละเอยี ดกำรศกึ ษำค้นคว้ำด้วยตนเอง” เพ่ือศกึ ษำกำรเขำ้ ใช้งำนบทเรยี นกำรศึกษำค้นควำ้ ดว้ ยตนเอง
1.3. มีอปุ กรณ์ในกำรจัดเกบ็ ข้อมลู เช่น DVD , Flash Drive , External Hard disk เป็นตน้
1.4. มอี ุปกรณท์ ำงกำรเรยี น เช่น ดนิ สอ ปำกกำ สมุดรำยวชิ ำ ดินสอสี
1.5. ใช้เอกสำรกำรคน้ ควำ้ กำรเรยี นรู้ด้วยตนเองหรือใช้เครือ่ งคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์ท่ีมีกำรเชื่อมต่อระบบเครือข่ำย

คอมพิวเตอร์และสัญญำณอินเทอร์เน็ต กำรเรียนกำรสอนจะมีประสิทธิภำพได้น้ัน นักเรียนต้องศึกษำเนื้อหำในบทเรียน
อยำ่ งละเอียด เพอ่ื เปน็ กำรทำควำมเขำ้ ใจและทำกิจกรรมตำมท่ีได้ระบุไว้ หำกมีข้อสงสัยหรือพบข้อผิดพลำด สำมำรถติดต่อ
ครูผู้สอนผ่ำนทำงบทเรียนออนไลน์ เร่ือง ระบบนิเวศ รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ 5 ว23101 ชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 3
ทำงกลมุ่ เฟสบคุ๊ https://www.facebook.com/ครูภำนุพงศ-์ วิทยำศำสตร์-มตน้ -305124806707437

บทบาทของนกั เรียน

บทบาทของนกั เรยี น

นักเรยี นเปน็ ผู้ศกึ ษำบทเรียนออนไลน์ เร่ือง ระบบนิเวศ รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์ 5 ว23101 ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 3
และลงมอื ปฏิบตั ิตำมกิจกรรมต่ำง ๆ ในบทเรยี นดว้ ยตนเอง ดังน้ี

คู่มือกำรเรียนบทเรยี นออนไลน์ เรอื่ ง ระบบนิเวศ รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ 5 ว23101 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3
(สำหรบั นักเรยี น)

2.1. นกั เรียนต้องมที กั ษะพื้นฐำนในกำรใชค้ อมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเบ้อื งต้น
2.2. ศกึ ษำเนือ้ หำจำกบทเรยี นออนไลนใ์ นแตล่ ะกจิ กรรมกำรเรยี นรอู้ ยำ่ งต้ังใจ
2.3. นักเรยี นต้องปฏิบัติใบงำน/กิจกรรม และเม่ือทำเสรจ็ แลว้ ใหส้ ่งใบงำน/กิจกรรมท่ีกำหนด
2.4. ศึกษำเพม่ิ เตมิ จำกวิดีโอสำธิตทมี่ ใี นหวั เรื่องน้นั ๆ
2.5. ทำแบบทดสอบทงั้ ภำคทฤษฎแี ละภำคปฏิบัติด้วยควำมต้ังใจ

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 5

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
PRE-TEST

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. ขอ้ ใดคอื ควำมหมำยของระบบนิเวศ

ก. สถำนทซ่ี ง่ึ มีสิ่งมชี วี ติ อำศยั อยู่ ข. ส่งิ ต่ำงๆ ทอี่ ยูร่ ่วมกับสิง่ มีชีวติ

ค. กลมุ่ ของสงิ่ มชี วี ิตที่อยรู่ ว่ มกนั ในแตล่ ะแห่ง ง. ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งส่งิ มชี ีวิตตำ่ ง ๆ ทอี่ ย่รู ว่ มกันในแหลง่ ที่อยู่

เดียวกัน

2. โครงสร้ำงของระบบนิเวศประกอบด้วยปจั จัยใดบ้ำง

ก. ปัจจัยทำงบกและทำงน้ำ ข. ปจั จยั ทำงน้ำและอำกำศ

ค. ปัจจัยทำงกำยภำพและชีวภำพ ง. ปจั จยั ทำงกำยภำพและเสถยี รภำพ

3. สงิ่ มชี วี ติ ชนิดใดควรมปี รมิ ำณมำกทีส่ ดุ เพอื่ ใหร้ ะบบนเิ วศอยู่ในภาวะสมดลุ

ก. ผผู้ ลิต ข. ผบู้ รโิ ภคพชื

ค. ผบู้ รโิ ภคสัตว์ ง. ผยู้ อ่ ยอินทรยี ์สำร

4. ข้อใดไม่จดั เป็นระบบนิเวศ

ก. บ่อน้ำที่มสี ่ิงมีชีวติ อยู่เตม็ ข. สนำมกีฬำในโรงพละ

ค. สนำมหญ้ำและสระน้ำหนำ้ โรงเรยี น ง. อทุ ยำนแหง่ ชำติและปำ่ สงวน

5. ขอ้ ใดจัดเปน็ กลุม่ สิ่งมชี ีวิต

ก. โขลงชำ้ งในทงุ่ นเรศวร ข. ฝูงปลำโลมำในอ่ำวไทย

ค. นักเรยี นชำยหญิงในโรงเรียน ง. มด นก บนตน้ จำมจุรี

6. กำรอยูร่ ่วมกันของสิง่ มชี ีวติ แบบใดเป็นแบบฝ่ำยหน่งึ ไดร้ บั ประโยชน์ อกี ฝ่ำยหน่งึ ไม่ไดร้ ับและไมไ่ ด้เสยี ประโยชน์

ก. นกเอย้ี งกับควำย ข. ฉลำมกบั เหำฉลำม

ค. แบคทเี รียกับปมรำกถวั่ ง. เห็บกบั สุนขั

7 จงพจิ ำรณำจำกขอ้ มลู ต่อไปน้ี

1. เหำฉลำมกับปลำฉลำม 2. กลว้ ยไม้กับตน้ ไม้ใหญ่

3. ดอกไมก้ บั ผเี ส้อื 4. แบคทเี รียในลำไส้ใหญข่ องคน

สง่ิ มชี วี ิตใดที่มคี วำมสัมพนั ธ์เชน่ เดียวกับ " นกทำรังบนต้นไม้ "

ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3

ค. 3 และ 4 ง. 1 และ 4

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3 6

แบบทดสอบก่อนเรียน
PRE-TEST

คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ถี กู ตอ้ งที่สดุ เพยี งคาตอบเดยี ว

8. เพรำะเหตุใดจึงกล่ำววำ่ “พชื เป็นผลู้ ติ ในระบบนิเวศ”

ก. พืชสำมำรถดูดนำ้ และแร่ธำตุจำกดนิ ได้โดยตรง ข. พชื เปน็ อำหำรของทง้ั คนและสัตว์

ค. พืชสำมำรถสังเครำะห์แสงหรือสรำ้ งอำหำรเองได้ ง. พชื สำมำรถใหป้ จั จยั สีแ่ กม่ นษุ ยไ์ ด้

9.“ตน้ กุหลำบหน้ำบ้ำนพอใจมหี นอนท่เี กิดจำกไข่ผเี สอ้ื มำกินใบอ่อนเสมอ และยังพบว่ำมีนกมำจิกกนิ หนอน ซง่ึ นกนจ้ี ะถูกแมว

ทีพ่ อใจเลย้ี งจับกินเสมอ” จำกข้อมูลดังกลำ่ วเรำสำมำรถเขยี นโซอ่ ำหำรไดแ้ บบใด

ก. กุหลำบ —› หนอน —› นก —› แมว

ข. แมว —› นก —› หนอน —› กหุ ลำบ

ค. ผเี สื้อ —› กุหลำบ —› หนอน —› นก —› แมว

ง. กหุ ลำบ —› ผีเสื้อ —› หนอน —› นก —› แมว

10. วัฎจักรของคำร์บอนในธรรมชำติน้ัน แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์จะกลับคนื ไปส่บู รรยำกำศไดด้ ว้ ยกระบวนกำรใด

ก. กำรหำยใจ ข. กำรสังเครำะห์ด้วยแสง

ค. กำรย่อยสลำยอนิ ทรยี ์สำร ง. ถกู ท้ังขอ้ ก และข้อ ค

จงเชอื่ มน่ั ในตัวเอง

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 7

กระดาษคาตอบ ขอ้
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (PRE-TEST) คะแนน

คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

จงเช่ือมัน่ ในตวั เอง

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 8

เฉลยกระดาษคาตอบ ข้อ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (PRE-TEST) คะแนน

คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งท่สี ุดเพยี งคาตอบเดียว

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10 

จงเชื่อมน่ั ในตวั เอง

hเพจ ครูภานุพงศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 9

ใบความรู้

เรอื่ ง ระบบนิเวศ (Ecosystem)

ระบบนิเวศ คอื อะไร ? ระบบนิเวศ คือ ความสัมพันธอ์ ย่างเป็นระบบที่
อยูใ่ นส่งิ แวดลอ้ มรอบ ๆ ตัวเรา ตวั อยา่ งเชน่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สตั ว์ พืช หรอื แม้แต่
มนษุ ยอ์ ยา่ งเรา ๆ

ระบบนิเวศประกอบดว้ ย.....

กลมุ่ สิง่ มีชีวิต แหลง่ ท่อี ยู่

ประชากรคน ประชากรกบ ประชากรมด

องค์ประกอบของระบบนเิ วศ

ระบบนิเวศ มีองคป์ ระกอบทส่ี าคญั 2 สว่ น คอื

1. องคป์ ระกอบทางชวี ภาพ (biological component) ได้แก่ สิง่ มชี ีวิต
ในระบบนิเวศ เชน่ พชื สตั ว์ มนษุ ย์ เหด็ รา จุลินทรยี ์ เปน็ ตน้

2. องค์ประกอบทางกายภาพ (physical component) ได้แก่ ส่งิ ไม่มชี วี ติ
ในระบบนิเวศ เช่น ดิน นา้ แสง อณุ หภมู ิ เปน็ ตน้

hเพจ ครภู านุพงศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 10

ประเภทของระบบนิเวศ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท

1. ระบบนิเวศบนบก

เป็นระบบนิเวศที่ปรากฏอยบู่ นพืน้ ดนิ ซ่งึ แตกต่างกันไปโดยใช้ลักษณะเด่นของพชื

เปน็ หลกั แบ่งซึง่ ขนึ้ กับปัจจัยสาคัญ 2 ประการ คือ อุณหภมู แิ ละปริมาณนา้ ฝน ทาให้พชื พรรณต่างๆ แตกต่างกัน

ระบบนิเวศบนบกน้นั พอแบ่งออกได้ดงั น้ี

1.1 1.ร1ะบรบะบนบเิ วนศิเปว่าศไปม่า้ ไม้ 1.3 ระบบนิเวศทะเลทราย

เช่น ปา่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รัง 1.2 ระบบนิเวศทุ่งหญา้ เชน่ ทะเลทรายเขตอบอนุ่ ทุ่งหญา้
ป่าดิบชน้ื ป่าดบิ แล้ง ปา่ ดิบเขา ก่ึงทะเลทรายเขตรอ้ น
เช่น ทุ่งหญา้ ซาวนั นา ท่งุ หญา้ แพรร่ี
ทุ่งหญา้ สเตปป์ ท่งุ หญ้าทุนดรา

2. ระบบนิเวศในนา้ เปน็ ระบบนิเวศในแหลง่ นา้ ตา่ ง ๆ ของโลก ซ่งึ โครงสร้างหลัก คือ นา้ นั่นเอง

แบ่งออกไดด้ ังน้ี

2.1 ระบบนิเวศนา้ จืด

หนอง บึง ทะเลสำบนำ้ จดื ลำธำร หว้ ย แม่น้ำ คลอง สระ บอ่ นำ้

2.2 ระบบนเิ วศน้ากร่อย

ป่ำชำยเลน ทะเลสงขลำตอนกลำงก็จะมลี กั ษณะเปน็ ทะเลสำบนำ้ กรอ่ ย
มพี ชื นำ้ สลบั กับป่ำโกงกำง

2.3 ระบบนิเวศนา้ เคม็

ทะเล อำ่ ว มหำสมทุ รตำ่ ง ๆ เช่น มหำสมุทรอนิ เดีย

hเพจ ครูภานพุ งศ์วิทยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 11

บทบาทหน้าทขี่ องสง่ิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ ?

1. ผูผ้ ลิต (Producer)

คอื สงิ่ มชี วี ิตทส่ี ามารถสร้างอาหารได้ เช่น พชื ท่มี สี ารสใี นการสังเคราะห์แสง
(คลอโรฟลิ ล์ แคโรทีน แซนโทฟิลล์) เรยี กสิ่งมชี ีวติ กลมุ่ ท่ีสามารถสร้างอาหารไดเ้ องนว้ี ่า ออโตโทรฟ(Autotroph)
เชน่ แพลงตอนพืช แบคทเี รียบางชนดิ ที่สังเคราะหแ์ สงได้ พชื ทกุ ชนิด

2. ผู้บริโภค (Consumer)

คือ สิง่ มีชีวิตทีไ่ ม่สามารถสรา้ งอาหารได้เอง ตอ้ งได้รบั อาหารโดยกนิ ผู้ผลติ เรียกสงิ่ มีชวี ติ กลุ่มนีว้ า่ เฮเทโรโทรฟ
(Heterotroph) เช่น แพลงตอนสตั ว์ สัตว์ตา่ ง ๆ ทัง้ ชา้ ง มา้ วัว ควาย หมี นก ผเี สอ้ื ฯลฯ เนอ่ื งจาก
สิ่งมชี ีวติ ทเี่ ป็นผบู้ รโิ ภคนีม้ จี านวนมากและแตล่ ะชนดิ ก็มลี กั ษณะการบรโิ ภคทแ่ี ตกต่างกนั ดงั นั้นเราจงึ สามารถแบง่
ผ้บู รโิ ภคออกเป็นกลมุ่ ๆ โดยยดึ ชนิดของอาหารที่กินเป็นเกณฑ์ ซง่ึ จาแนกผู้บริโภคได้เปน็ 4 กลมุ่

1. ผ้บู ริโภคพืช 2. ผู้บรโิ ภคสัตว์

คอื ส่งิ มชี วี ิตทกี่ ินพืชอยา่ งเดยี ว (Herbivore) คอื สิ่งมีชวี ติ ท่กี ินสัตว์อย่างเดยี ว (Carnivore)
เชน่ กระต่าย วัว มา้ ช้าง ผเี สอ้ื เลียงผา เชน่ เสือ เหย่ียว กบ ล่นิ นกแต้ว

3. ผูบ้ รโิ ภคพืชและสตั ว์ 4. ผบู้ ริโภคซากพืชและซากสตั ว์

คือ สง่ิ มีชวี ิตทก่ี นิ ทัง้ พืชและสตั ว์ (Omnivore) คอื สิง่ มีชวี ิตทีก่ นิ ซำกพืชซำกสัตวท์ ี่เน่ำเป่ือย
เชน่ นกบางชนิดทีก่ นิ ทั้งแมลงและเมลด็ พชื ได้แก่ นก ผพุ งั เป็นอำหำร (Scavenger) เช่น นกแร้ง
หวั ขวาน นกกระทาท่งุ ไส้เดอื นดิน กง้ิ กอื ปลวก เปน็ ต้น

3. ผ้ยู ่อยสลาย (Decomposer)

คอื สงิ่ มีชีวิตทด่ี ารงชีวิตและไดพ้ ลงั งานมาใช้ดว้ ยการยอ่ ยสลายอินทรยี ์สารแล้วดดู ซึมเขา้ สรู่ ่างกาย
เชน่ พวกสงิ่ มีชวี ติ ในกลมุ่ เหด็ รา (Fungi) และแบคทีเรยี ทีส่ รา้ งอาหารเองไมไ่ ด้

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 12

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสงิ่ มีชวี ิตกับสง่ิ มชี ีวิต

ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงสงิ่ มชี วี ติ ในระบบนิเวศ แบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงสง่ิ มีชวี ติ ชนิดเดียวกนั
2. ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงสิ่งมชี วี ิตต่ำงชนิดกัน

เพอื่ ใหง้ ่ำยตอ่ ควำมเข้ำใจ จึงมีกำรใชเ้ คร่ืองหมำยตอ่ ไปนแ้ี สดงควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งกลมุ่ ส่ิงมีชีวิต
ทอ่ี ำศยั รวมกัน

+ หมำยถงึ กำรได้ประโยชน์จำกอีกฝ่ำยหนง่ึ
- หมำยถึง กำรเสยี ประโยชน์ใหอ้ กี ฝำ่ ยหนึ่ง
0 หมำยถึง กำรไม่ได้ประโยชน์ แตก่ ไ็ มเ่ สียประโยชน์

ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงส่ิงมชี ีวิตในระบบนิเวศแบง่ ไดเ้ ป็น 5 ประเภท คือ

1. การไดร้ บั ประโยชนร์ ่วมกนั (mPruottuoacloisomp)eration)

เปน็ กำรอยรู่ ว่ มกันของสิ่งมชี ีวติ 2 ชนิดทไี่ ด้ประโยชนด์ ว้ ยกนั ทั้งสองชนดิ แต่สำมำรถแยกกันอย่ไู ด้
ใชส้ ัญลกั ษณ์ +, + เช่น

นกเอ้ยี งกบั ควำย นกเอีย้ งไดก้ นิ แมลงต่ำง ๆ จำกหลังควำย และควำยก็ไดน้ กเอ้ยี งชว่ ยกำจัดแมลง
ท่มี ำกอ่ ควำมรำคำญ

มดดำกบั เพล้ยี เพลย้ี ไดร้ ับประโยชนใ์ นกำรท่มี ดดำพำไปดดู น้ำเลยี้ งทตี่ น้ ไม้ และมดดำ
กจ็ ะได้รบั นำ้ หวำน

2. กำรพงึ พำอำศยั กนั (Mutualism)

เปน็ กำรอย่รู ว่ มกนั ของส่ิงมชี ีวิต 2 ชนิดท่ีได้ประโยชน์ดว้ ยกนั ทั้งสองชนดิ แตไ่ ม่สำมำรถแยกกนั อยู่ได้

ใชส้ ญั ลกั ษณ์ +, + เชน่

แบคทีเรียไรโซเบยี ม ในปมรำกพืชวงศ์ถว่ั ตรึงไนโตรเจนจำกอำกำศให้แกร่ ำกถ่ัวในขณะเดยี วกันแบคทีเรีย
ก็ไดร้ ับก๊ำซคำรบ์ อนไดออกไซดแ์ ละแรธ่ ำตุจำกต้นถ่วั

ปลวกไมม่ นี ำ้ ยอ่ ยสำหรับย่อยเซลลโู ลสในเนื้อไม้ โปรโตซัวชว่ ยในกำรยอ่ ย จนทำใหป้ ลวก
โปรโตซัวในลำไสป้ ลวก สำมำรถกนิ ไม้ได้ และโปรโตรซวั ก็ไดร้ บั สำรอำหำรจำกกำรย่อยสลำยเซลลโู ลสดว้ ย

hเพจ ครูภานุพงศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 13

3.ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเก้ือกูล (Commensalism)

เปน็ กำรอยรู่ ว่ มกนั ของสิ่งมีชวี ติ โดยทฝ่ี ำ่ ยหน่ึงไดป้ ระโยชน์
ส่วนอกี ฝำ่ ยหนงึ่ ไม่ได้ประโยชน์แตก่ ็ไม่เสยี ประโยชน์ (+,0) เช่น

ปลำฉลำมกับเหำฉลำม เหำฉลำมอำศัยอยู่ใกล้ตวั ปลำฉลำมและกนิ เศษอำหำรจำกปลำฉลำม ซึ่งฉลำมจะไม่ได้
ประโยชน์ แตก่ ไ็ ม่เสยี ประโยชน์

กล้วยไม้กับต้นไมใ้ หญ่ กล้วยไม้ยึดเกำะทล่ี ำต้นหรอื ก่ิงของตน้ ไม้ซึ่งได้รับ
ควำมชื้นและแรธ่ ำตุจำกต้นไม้ โดยท่ีต้นไม้ไม่ได้
รบั ประโยชน์ แต่ก็ไม่เสียประโยชน์อะไร

41. การไลดา่ ้รเหบั ยปอื่ ระโ(ยPrชeนd์รaว่tมioกnนั) (mutualism)

เป็นควำมสมั พนั ธโ์ ดยมีฝ่ำยหนึง่ ได้ประโยชนแ์ ละอีกฝำ่ ยหน่งึ เสยี ประโยชน์ ใชส้ ัญลักษณ์ +, -
(ฝำ่ ยหนึง่ เป็นผู้ล่ำ (predator) และอีกฝำ่ ยหนึง่ เป็นเหย่ือ (prey) หรอื เป็นอำหำรของอีกฝำ่ ย) เชน่

กบกบั แมลง กบกินแมลงเปน็ อำหำร สว่ นแมลงเป็นอำหำรของกบ

เสอื กบั กวำง เสอื ล่ำกวำงกินเปน็ อำหำร สว่ นกวำงเปน็ เหยอื่ ของเสือ(ถกู เสอื กนิ เปน็ อำหำร)

5. ภำวะปรสิต (Parasitism)

เป็นควำมสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่มฝี ำ่ ยหน่ึงเป็นผูเ้ บยี ดเบียน เรยี กวำ่ ปรสติ (parasite)
และอกี ฝำ่ ยหน่ึงเปน็ เจำ้ ของบำ้ น (host) ใชส้ ญั ลักษณ์ +, - เชน่

หมัด เห็บ ไร พยำธิตำ่ ง ๆ ที่อำศยั อย่กู ับร่ำงกำยคนและสัตว์
ตน้ กำฝำก ฝอยทองทีข่ น้ึ อยูบ่ นต้นไมใ้ หญ่ จะดูดนำ้ และอำหำรจำกตน้ ไมใ้ หญ่

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างองิ ข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 14

ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มชี ีวติ กับส่งิ ไม่มชี ีวิต

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพืชกบั ส่ิงไม่มชี ีวติ

พชื เป็นสงิ่ มชี ีวติ พชื ต้องกำรอำหำร หำยใจ ขับถำ่ ย เจริญเตบิ โต
และสืบพนั ธุ์ไดเ้ ชน่ เดียวกับมนุษย์และสัตว์

สิ่งสำคัญในกำรดำรงชีวติ ของพชื ทีเ่ ป็นสง่ิ ไมม่ ีชวี ิต ได้แก่ ดนิ น้ำ อำกำศ และแสง

1. ดิน (Soil) คือ วตั ถุท่เี กิดขนึ้ ตามธรรมชาตจิ ากการสลายตวั ทางกายภาพ

และทางเคมีของหนิ และแร่ รวมกบั สารอินทรีย์ ที่เกดิ จากการสลายตวั ของซากพชื
ซากสตั วเ์ ป็นผิวชนั้ บนทหี่ ุ้มห่อโลก ดนิ มีลักษณะและคณุ สมบัตติ า่ งกันไปในทต่ี ่างๆ
ตามสภาพภมู อิ ากาศ ภูมปิ ระเทศ วตั ถตุ น้ กาเนดิ สง่ิ มชี วี ติ และระยะเวลาการสร้างตัวของดิน

การเกิดดิน

ดินร่วน ดนิ เหนียว ดนิ ทรำย

2. น้ำ (Water) คือ เปน็ วตั ถดุ บิ ในกำรสร้ำงอำหำรของพชื ด้วยกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสง และยังชว่ ย

ละลำยแร่ธำตุ เพือ่ ใหร้ ำกดดู และลำเลยี งไปยงั สว่ นตำ่ ง ๆ ของพืช

3. อำกำศ (Air) คือ พืชต้องกำรแกส๊ ออกซเิ จนสำหรบั หำยใจ และแกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์สำหรบั

กำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง พชื หำยใจตลอดเวลำ ทั้งกลำงวันและกลำงคืน แต่พืชจะสรำ้ งอำหำรดว้ ยกระบวนกำรสงั เครำะห์
ดว้ ยแสง เฉพำะเวลำกลำงวัน เพรำะตอ้ งใช้พลงั งำนแสงจำกดวงอำทติ ย์

hเพจ ครภู านุพงศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งองิ ขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 15

4. แสง (Light)

แสงมคี วำมสำคญั ต่อพืชมำก เพรำะพืชตอ้ งกำรแสงเพื่อใช้เป็นพลงั งำน
ในกระบวนกำรสังเครำะหด์ ้วยแสงเพ่ือสรำ้ งอำหำรสำหรบั กำร
เจริญเตบิ โตของพชื

การถ่ายทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

สิ่งมีชวี ติ ท่ีอำศยั อยู่ร่วมกนั ในระบบนเิ วศ มคี วำมสัมพนั ธก์ ันหลำยดำ้ น ด้ำนทส่ี ำคัญ
ทีส่ ดุ ในกำรดำรงชวี ติ คอื กำรเปน็ อำหำรซึง่ กนั และกนั

โดยเรม่ิ ต้นจำกแหลง่ พลังงำนที่สำคัญในโลกของสงิ่ มีชวี ติ คือ
ดวงอำทติ ย์ท่ีให้พลังงำนแสง กลมุ่ สง่ิ มีชีวติ ทเ่ี ปน็ ผู้ผลิตจะเปลี่ยน
พลังงำนแสงเปน็ พลังงำนเคมสี ะสมไว้ในโมเลกลุ ของสำรอำหำร

กล่มุ ส่ิงมีชวี ิตทีเ่ ปน็ ผูผ้ ลติ คือ พืช พชื สามารถสร้างอาหารเองได้ อาหารที่พชื สรา้ งได้ คือ น้าตาล โดยใช้ปจั จยั สาคัญ
คอื แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากอากาศ น้าจากดนิ แสงจากดวงอาทติ ย์ และคลอโรฟิลล์ ซึง่ เป็นสารสีเขียวในพชื
เรยี กกระบวนการสรา้ งนีว้ ่า การสังเคราะหแ์ สงของพืช

แก๊สคำรบ์ อนไดออกไซด์ แก๊สออกซิเจน
คลอโรฟิลล์ นา้ ตาล

แป้ง

นำ้

กระบวนการสงั เคราะหแ์ สงของพชื

สมการ

6 2 + 6 2 แสง 6 12 6 + 6 2+ 2

คลอโรฟิลล์

hเพจ ครูภานพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 16

โซ่อาหาร (FOOD CHAIN)

โซ่อาหาร (Food Chain) หมายถงึ การกนิ ต่อกนั เป็นทอดๆของส่งิ มีชีวิต

ในระบบนิเวศความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในรูปแบบดังกล่าวน้ีเป็นการ

ถ่ายทอดพลังงานผ่านผู้ผลิตและผู้บริโภคในระดับต่าง ๆ โดยมี

ผู้ย่อยสลายทาหน้าที่ย่อยสลายในทุกระดับ โดยจะเขียนในรูปแผนภาพ

แสดงโซ่อาหาร โดยใช้ แสดงการกินกันเป็นทอด ๆ

ของส่งิ มีชวี ติ ตัวอย่างเชน่

1

หญำ้ ไก่ คน

ผูผ้ ลิต ผบู้ ริโภคพชื /ผบู้ ริโภคลาดับท่ี 1 ผบู้ รโิ ภคเนอื้ /ผูบ้ รโิ ภคลาดบั สดุ ท้าย

2 หนอน นก
ผู้บรโิ ภคพชื /ผู้บรโิ ภคลาดบั ท่ี 1 ผบู้ รโิ ภคเน้ือ/ผ้บู รโิ ภคลาดบั สดุ ทา้ ย
ตน้ ไม้
ผู้ผลิต

3

ใบไม้ นก เห็ด

ผผู้ ลิต ผบู้ ริโภค ผยู้ อ่ ยสลาย

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 17

สายใยอาหาร (Food Web)

สายใยอาหาร (Food Web) หมายถงึ ห่วงโซ่อำหำรหลำย ๆ หว่ งโซ่ ทมี่ คี วำมคำบเกี่ยวหรือสัมพันธ์กัน นั่นคือ
ในธรรมชำติกำรกินต่อกันเป็นทอด ๆ ในโซ่อำหำร จะมีควำมซับซ้อนกันมำกขึ้น คือ มีกำรกินกันอย่ำงไม่เป็น
ระเบียบ

ตวั อยา่ งเชน่

การถ่ายทอดสายใยอาหาร (Food Web)

นก

หนอน

คน
งู

ไก่

หญ้ำ แผนภาพแสดงสายใยอาหาร (Food Web)

จากแผนภาพสายใยอาหารสามารถจาแนกหว่ งโซอ่ าหารไดด้ งั นี้

1 หญำ้ หนอน นก งู คน
หนอน
2 หญำ้ ผู้บรโิ ภค 1 ไก่ งู คน
ผ้บู ริโภค 2
ผู้ผลิต ผู้บริโภค 3 ผ้บู ริโภค 4
/ผู้บริโภคลำดับสดุ ท้ำย

hเพจ ครูภานพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 18

การถ่ายทอดพลงั งานของสิ่งมีชีวติ

ในระบบนิเวศ (Ecosystem) นั้นมีกำรอำศัยอยู่ร่วมกัน
ของส่ิงมีชีวิตหลำกหลำยชนิด ก่อให้เกิดควำมสัมพันธ์ท่ีแสนสลับซับซ้อน
เกดิ เป็นโครงสร้ำงสำยใยอำหำร(Food Web)ขนำดใหญ่ที่เชื่อมต่อส่ิงมีชีวิต
แต่ละชีวิตเขำ้ กับสิ่งแวดล้อม ผ่ำนลำดับขั้นของกำรบริโภคในห่วงโซ่อำหำร
(Food Chain) ซงึ่ ทำให้เกิดกำรถ่ำยทอดพลังงำนในระบบนิเวศ (Energy
Flows) และกำรหมนุ เวยี นของสสำรต่ำง ๆ (Nutrient Cycles)

การถา่ ยทอดพลงั งานในห่วงโซอ่ าหาร สำมำรถแสดงผำ่ นสำมเหลี่ยมพีระมดิ ทำงนเิ วศวทิ ยำ (Ecological
Pyramid) ได้ 3 ลกั ษณะ ดังนี้

1 พรี ะมิดจานวนของส่ิงมชี ีวิต (Pyramid of Numbers)

คือ กำรแสดงจำนวนประชำกรของส่ิงมีชีวิตตำมลำดับขั้นของกำรบริโภคในหนึ่งหน่วยพ้ืนที่ ซึ่งพีระมิด จำนวน
ของสิ่งมชี ีวิตมกั มรี ูปลกั ษณ์ต่ำงจำกพีระมิดฐำนกวำ้ งทวั่ ไป เน่อื งจำกจำนวนประชำกรในระบบนเิ วศ ไม่ได้คำนึงถึงมวล
ชีวภำพของสิ่งมีชีวิต ทำให้เกิดพีระมิดกลับด้ำนในระบบนิเวศท่ีมีจำนวนของผู้ผลิตน้อย แต่มีชีวมวลขนำดใหญ่
ซึ่งสำมำรถรองรบั ผ้บู ริโภคจำนวนมำก

แผนภาพพรี ะมิดจานวนของสง่ิ มีชีวติ
(Pyramid of Numbers)

hเพจ ครภู านุพงศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างอิงข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 19

ตวั อยา่ งเช่น

พีระมดิ จานวนของส่งิ มีชวี ิต (Pyramid of Numbers)

เดก็ ชำยสมศักดไิ์ ด้สำรวจป่ำบรเิ วณบ้ำน พบวำ่ มีต้นไม้จำนวน 8 ต้น
ยรี ำฟจำนวน 7 ตวั และสิงโตจำนวน 1 ตวั โดยเดก็ ชำยสมศกั ด์ิเขียนแผนภำพ
พรี ะมิดจำนวนของสิง่ มชี วี ิตได้ดังน้ี

สิงโต 1 ตัว
ผู้บรโิ ภคเนื้อสัตว์

ยีราฟ 7 ตัว
ผู้บรโิ ภคพชื

ต้นไม้ 8 ตน้
ผูผ้ ลติ

แผนภาพพีระมิดจานวนของสิ่งมีชีวิต
(Pyramid of Numbers)

2 พีระมดิ มวลชวี ภาพ (Pyramid of Biomass)

คือ กำรแสดงปริมำณมวลรวมชีวภำพหรือเน้ือเยื่อของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลำดับข้ันของกำรบริโภค
ในรูปของน้ำหนักแห้ง (Dry Weight) ต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ ซึ่งพีระมิดมวลของสิ่งมีชีวิต สำมำรถแสดงผลของกำร
ถ่ำยทอดพลังงำนภำยในห่วงโซ่อำหำรได้แม่นยำข้ึน ถึงแม้จำนวนหรือมวลของส่ิงมีชีวิตจะมีกำรเปล่ียนแปลงไปตำม
ชว่ งเวลำหรือฤดกู ำลตำ่ ง ๆ รวมไปถงึ อัตรำกำรเจริญเตบิ โตของส่งิ มีชีวติ แตล่ ะชนดิ ที่ไม่คงที่

แผนภาพพีระมดิ มวลชีวภาพ
(Pyramid of Biomass)

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 20

ตวั อยา่ งเชน่

พีระมดิ มวลชีวภาพ (Pyramid of Biomass)

เด็กชำยสำยสมรได้สำรวจป่ำเต็งรังของชุมชน พบว่ำ มีหญ้ำ 100,000 Kg
เหย่ียวจำนวน 10 Kg กระต่ำยจำนวน 10,000 Kg และงูจำนวน 1,000 Kg

โดยเดก็ ชำยสมศกั ด์เิ ขียนแผนภำพพรี ะมิดมวลชวี ภาพ ได้ดังน้ี

ผู้บรโิ ภค 3 เหยี่ยว

ผู้บริโภค 2 งู

ผบู้ รโิ ภค 1 กระตา่ ย

ผู้ผลติ หญา้

แผนภาพพีระมิดจานวนของสง่ิ มีชวี ิต
(Pyramid of Numbers)

3 พรี ะมิดพลังงาน ( pyramid of energy)

คือ กำรแสดงปริมำณพลังงำนของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลำดับข้ันของกำรบริโภคภำยในห่วงโซ่อำหำร
ซึ่งสำมำรถแสดงผลของกำรถ่ำยทอดพลังงำนภำยในห่วงโซ่อำหำรได้ชัดเจนท่ีสุด โดยพีระมิดปริมำณพลังงำนจะมี
ลกั ษณะเปน็ พีระมิดฐำนกวำ้ งเสมอ ตำมปริมำณพลงั งำนของสง่ิ มชี วี ติ ในแต่ละลำดับขัน้ ของกำรบรโิ ภค ซึ่งจะมีค่ำลดลง
ตำมลำดับข้ันทสี่ ูงข้ึนตำม “กฎ 10 เปอร์เซ็นต์” (Ten Percent Law)

แผนภาพพีระมิดพลังงาน
( pyramid of energy)

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 21

ตวั อยา่ งเชน่

พีระมิดพลงั งาน ( pyramid of energy)

เด็กหญิงอัจฉรำได้สำรวจป่ำดิบช้ืนในอุทยำนแห่งชำติเขำใหญ่ พบว่ำ มีหญ้ำ
เหยยี่ ว กบ ตั๊กแตน และสนุ ขั ถ้ำกำหนดใหผ้ ูผ้ ลติ มพี ลงั งำนสะสม 10,000 Kcal
จงหำว่ำผู้บริโภคในแตล่ ะลำดบั ขัน้ จะได้รบั พลงั งำนเทำ่ ใด
(ตามกฎ 10 เปอร์เซ็นต์” (Ten Percent Law))

วิธกี ารคานวณ พีระมดิ พลังงาน ( pyramid of energy)

หญ้า ตัก๊ แตน กบ สนุ ขั เหย่ียว

10,000 Kcal ? ?? ?

พลังงานทีต่ ัก๊ แตนไดร้ ับ พลงั งานที่กบไดร้ บั

10,000 Kcal * 10 1,000 Kcal * 10

= 1,000 Kcal = 100 Kcal

100 100

พลังงานที่สนุ ขั ได้รบั พลังงานทเ่ี หยย่ี วได้รับ

100 Kcal * 10 10 Kcal * 10

= 10 Kcal = 1 Kcal

100 100

ผ้บู ริโภค 4 เหยี่ยว
ผ้บู ริโภค 3 สุนขั
ผู้บริโภค 2 กบ
ผู้บริโภค 1 ตั๊กแตน
หญา้
ผผู้ ลติ

แผนภาพพีระมดิ พลงั งาน
( pyramid of energy)

hเพจ ครภู านุพงศ์วิทยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 22

วัฏจกั รของสารในระบบนเิ วศ

วฏั จักรของสำร หมำยถึง กำรเปลยี่ นแปลงของสำรหนง่ึ ไปเป็นอกี สำรหนึ่ง
โดยกำรเปลีย่ นจำกตำแหน่งหน่งึ ไปยงั อกี ตำแหนง่ หน่งึ หรือเปลยี่ นจำกส่งิ มีชีวติ
หน่ึงไปยังสงิ่ มีชวี ิตอกี ชนดิ หนงึ่ แตท่ ี่สดุ แล้วสำรนน้ั กจ็ ะหมุนเวยี นกลบั ไป
ยังสภำพเดมิ อกี ครั้ง วฏั จกั รของสำรทส่ี ำคญั ในระบบนเิ วศ ได้แก่ วฏั จกั รนำ้
วัฏจักรคำรบ์ อน วฏั จกั รไนโตรเจน วฏั จักรฟอสฟอรัส และวฏั จักรกำมะถนั

1. กวาัฏรจไกัดรร้ นบั ำ้ ประโยชน์รว่ มกนั (mutualism)

กำรหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของน้ำซ่ึงเป็นปรำกฎกำรณ์ที่เกิดข้ึนเองตำมธรรมชำติ โดยเริ่มต้นจำกน้ำ
ในแหล่งนำ้ ต่ำง ๆ เช่น ทะเล มหำสมทุ ร แม่น้ำ ลำคลองหนอง บึง ทะเลสำบ จำกกำรคำยนำ้ ของพืช จำกกำรขับถ่ำย
ของเสยี ของสิง่ มีชีวติ และจำกกจิ กรรมต่ำง ๆ ท่ีใช้ในกำรดำรงชวี ติ ของมนุษย์ ระเหยขึน้ ไปในบรรยำกำศ กระทบควำมเย็น
ควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ เป็นก้อนเมฆ ตกลงมำเป็นฝนหรือลูกเห็บสู่พื้นดินไหลลงสู่แหล่งน้ำต่ำง ๆ หมุนเวียน
อยู่เช่นนเ้ี รือ่ ยไป

วฏั จกั รนา้ มีขน้ั ตอนดงั นี้ . แผนภาพวัฏจักรน้ำ
1. น้ำจำกแหลง่ นำ้ ตำ่ งๆ เกิดกำรระเหยเข้ำสู่อำกำศ เม่ือได้รบั ควำม

ร้อนจำกดวงอำทิตย์
2. กำรหำยใจของสิ่งมีชวี ิต ทำให้เกดิ ไอนำ้ เข้ำสูอ่ ำกำศ
3. กำรคำยน้ำของพืช ทำให้เกิดไอน้ำเข้ำสูอ่ ำกำศ
4. ไอน้ำเกดิ กำรควบแน่นกลำยเปน็ เมฆ จำกเมฆรวมตวั กันหยดลงมำ

เป็นฝน กลับส่พู ้ืนผิวโลก

2. วัฏจักรคำร์บอน

คำร์บอนเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่ำงหนึ่งของสำรที่พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด คำร์บอนไดออกไซด์
ในบรรยำกำศถูกพืชนำมำเปล่ียนแปลงเปน็ สำรอนิ ทรียท์ ่มี ีคำรบ์ อน เป็นองคป์ ระกอบในพืชโดยกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วย
แสง สัตว์ได้รับสำรที่มีคำร์บอน เป็นองค์ประกอบโดยกำรกินอำหำร สำหรับกลุ่มผู้ย่อยสลำยอินทรีย์สำร ก็ได้รับสำร
คำร์บอนจำกกระบวนกำรย่อยสลำย สิ่งมีชีวิตทุกชนิดปล่อยคำร์บอนกลับคืนสู่บรรยำกำศ โดยกำรหำยใจออกในรูป
ของคำร์บอน ไดออกไซด์ ซึ่งพืชก็นำมำใช้ในกระบวนกำรสังเครำะห์ ด้วยแสงอีก ในระบบนิเวศ จึงมีกำรหมุนเวียน
คำร์บอนตลอดเวลำ

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างองิ ข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 23

2. วัฏจกั รคำร์บอน

วฏั จกั รคำร์บอน มีข้นั ตอนดังนี้
1. พชื นำแกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดใ์ นอำกำศไปใชใ้ นกำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง คำรบ์ อนเปลยี่ นมำอยู่ในรูป

สำรอำหำรจำพวกแป้งและน้ำตำล
2. พืชถูกสตั ว์กินเป็นอำหำร กำรหำยใจของพชื และสตั วท์ ำใหเ้ กิดแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อำกำศ
3. พืชและสตั วท์ ่ีตำย เน่ำเปื่อยผุพงั โดยผยู้ ่อยสลำยสำรอนิ ทรยี ์ กำรหำยใจของผูย้ อ่ ยสลำยสำรอนิ ทรยี ์

ทำใหเ้ กดิ แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซดเ์ ข้ำสอู่ ำกำศ
4. พืชทท่ี ับถมกันเป็นเวลำนำนๆ กลำยเป็นเช้อื เพลิงฟอสซิล กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้เกิดแก๊ส

คำรบ์ อนไดออกไซดอ์ อกสู่อำกำศ

แผนภาพวัฏจกั รคารบ์ อน

3. วฏั จักรไนโตรเจน

ไนโตรเจนเป็นธำตุสำคัญเพรำะเป็นองค์ประกอบของโปรตีนในสิ่งมีชีวิต และพืชยังใช้ไนโตรเจนในรูป
ของสำรประกอบเกลือแอมโมเนียม เกลือไนไตรท์ และเกลือไนเตรตเพื่อนำไปสร้ำงสำรประกอบต่ำงๆภำยในเซลล์ได้อีก
แหล่งสะสมที่สำคัญคือแก๊สไนโตรเจนในบรรยำกำศซ่ึงมีประมำณร้อยละ 78 ของแก๊สท้ังหมดที่มีอยู่ในอำกำศไนโตรเจน
มีกำรหมุนเวียนเป็นวัฏจักร เรียกว่ำ วัฏจักรไนโตรเจน (nitrogen cycle) วัฏจักรไนโตรเจนประกอบด้วยกระบวนกำร
ท่ีสำคัญคือ การเปลี่ยนสารประกอบไนโตรเจนเป็นแอมโมเนีย (ammonification) และการเปลี่ยนเกลือแอมโมเนียม
เปน็ ไนไตรท์และไนเตรต (nitrification) และการเปลย่ี นไนเตรตกลบั เป็นแกส๊ ไนโตรเจนในบรรยากาศ (denitrification)

แผนภาพวฏั จักรไนโตรเจน

hเพจ ครภู านพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 24

4. วัฏจกั รฟอสฟอรสั

ฟอสฟอรัส เป็นธำตุที่จำเป็นต่อกำรดำรงชีพของส่ิงมีชีวิต เพรำะเป็นองค์ประกอบของ DNA,RNA
และ ATP ฟอสฟอรสั เปน็ ธำตุทมี่ อี ยู่ในธรรมชำตนิ อ้ ยมำก และเกดิ ขึ้นจำกกำรเปล่ียนแปลงทำงธรณีวิทยำ เช่น แผ่นดินไหว
ภูเขำไฟระเบิด ด้วยเหตุนี้ฟอสฟอรัสจึงถูกใช้ หมุนเวียนอยู่ระหว่ำงสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในปริมำณที่ต้องจำกัด ดังนั้น
ฟอสฟอรัสจึงเป็นปัจจัย ท่ีจำกัดจำนวนสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศหลำยชนิด ฟอสฟอรัสส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของหินฟอสเฟต
หรือแร่ฟอสเฟต เมื่อถูกกัดกร่อนโดยน้ำและกระแสลมปะปนอยู่ในดิน แล้วถูกน้ำชะล้ำงให้อยู่ในรูปที่ละลำยน้ำด้ โดยพืช
สำมำรถนำไปใช้ และถ่ำยทอดไปในระบบนิเวศตำมโซ่อำหำร เม่ือตำยลงก็จะถูกย่อยสลำยด้วยพอสฟำไท ซึ่งแบคทีเรีย
(Phosphatizing Bacteria) ให้อยู่ในรปู ที่ละลำยนำ้ ได้สว่ นนน้ี อกจำกพืชนำ้ ไปใช้โดยตรงแลว้ ยังถูกกระบวนกำรชะล้ำงพัดพำ
ลงสู่ทะเล มหำสมุทรปะปนอยู่ในดินตะกอนทั้งทะเลลึกและตื้น และถูกสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในทะเลนำมำใช้ถ่ำยทอดไปตำมโซ่
อำหำรจนถึงปลำขนำดใหญ่และนกทะเล เมื่อสัตว์พวกนี้ตำยลงเกิดกำรสะสมเป็นแหล่งสะสม ชนิดกัวโน (Guano)
ทเี่ กดิ จำกกำรสะสมของ มลู นกและกระดกู นก เช่น เดียวกบั มูลคำ้ งคำว ธำตุไนโตรเจนท่ีเกิดร่วมอยู่ด้วยในมูลสัตว์เหล่ำนี้
ละลำยน้ำได้ดมี ำกจึงถูกพดั พำไปหมด คงเหลือไวแ้ ต่ธำตุฟอสฟอรัสทส่ี ลำยตวั ยำก จำกน้ันจะเร่ิมวัฏจักรใหม่อีก

แผนภาพวฏั จกั รฟอสฟอรสั

5. วัฏจกั รกำมะถัน

ซัลเฟอร์หรือกำมะถันเป็นธำตุท่ีสำคัญในกำรเจริญเติบโตและเมตำบอลิซึม ของส่ิงมีชีวิต ถ้ำขำดกำมะถัน
จะไม่สำมำรถมีชีวิตอยู่ได้ กำมะถันท่ีพบในธรรมชำติจะอยู่ ในสภำพของแร่ธำตุและในสภำพของสำรประกอบหลำยชนิด
เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) และซัลเฟต โดยสำรประกอบอินทรีย์ในพืชและสัตว์จะถูกย่อยสลำยเป็นไฮโดรเจนซัลไฟต์
โดยปฏกิ ริ ิยำ ของแบคทเี รยี และถูกเปล่ียนตอ่ จนกลำยเปน็ ซัลเฟต ซ่ึงพืชจะนำกลับไปใช้ได้กำมะถันในซำก ของพืชและสัตว์
บำงส่วนจะถูกสะสมและถูกตรึงไว้ในถ่ำนหิน และน้ำมันปิโตรเลียม เมื่อมีกำรนำมำใช้เป็นเช้ือเพลิงเกิดกำรเผำไหม้ได้
แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2) เม่ือแก๊สน้ีอยู่ในบรรยำกำศ จะรวมตัวกับละอองน้ำตกลงมำเป็นเม็ดฝนของ กรดกำมะถัน
หรือกรดซลั ฟิวริก (H2SO4 ) ท่กี ดั และทำให้สงิ่ ก่อสร้ำงตำ่ ง ๆ สึกกร่อนและเป็นอนั ตรำยต่อกำรหำยใจของคน ดังภำพ

แผนภาพวัฏจักรกามะถนั

hเพจ ครูภานพุ งศ์วิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 25

ใบงานกจิ กรรม
การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง

รหสั วิชา ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

hเพจ ครภู านุพงศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 26

ใบงานกจิ กรรมท่ี 1
องคป์ ระกอบและความหมายของระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชวี้ ัด ว 1.1 ม.3/1

คำชี้แจง : ให้นกั เรียนอำ่ นคำชแ้ี จงต่อไปนี้ คะแนนเตม็ ได้
20 คะแนน
1. ใหน้ กั เรียนศึกษำขอ้ มูลในเอกสำรกำรเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง
2. ให้นักเรียนจำลองวำดภำพระบบนิเวศพร้อมระบำยสใี หส้ วยงำม

3. ให้นักเรียนสรปุ ควำมรู้เกย่ี วกบั ควำมหมำยและองคป์ ระกอบของระบบนเิ วศเป็นแผนภำพ

จาลองวาดภาพระบบนิเวศ

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 27

ใบงานกจิ กรรมที่ 1
องคป์ ระกอบและความหมายของระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ชวี้ ดั ว 1.1 ม.3/1

สรปุ ความร้เู กย่ี วกับความหมายและองคป์ ระกอบของนเิ วศเป็นแผนภาพ

hเพจ ครภู านุพงศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 28

ใบงานกจิ กรรมท่ี 2
ความสัมพันธข์ องสงิ่ มีชีวติ กบั สิง่ แวดล้อม

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวช้วี ัด ว 1.1 ม.3/2 คะแนนเต็ม ได้
20 คะแนน
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นอ่ำนคำช้แี จงตอ่ ไปน้ี

1. ให้นักเรียนตอบคำถำมเกย่ี วกับควำมสมั พันธก์ ลมุ่ สงิ่ มีชีวติ กับสิ่งแวดลอ้ มและควำมสมั พนั ธ์กลมุ่ สิ่งมชี วี ิต

กับสิง่ มีชีวิต

CO2 คือ ..................................................................................................................
C6H12O6 คือ ..................................................................................................................
H2O คือ ..................................................................................................................
O2 คือ ..................................................................................................................

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 29

ใบงานกิจกรรมที่ 2
ความสัมพันธข์ องส่ิงมชี ีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชี้วดั ว 1.1 ม.3/2

hเพจ ครภู านพุ งศ์วิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 30

ใบงานกจิ กรรมที่ 3
การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชี้วัด ว 1.1 ม.3/3, ม.3/4 คะแนนเต็ม ได้
คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นอ่ำนคำชแ้ี จงตอ่ ไปน้ี 20 คะแนน
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษำขอ้ มูลในเอกสำรกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
2. ใหน้ กั เรียนตอบคำถำมเก่ยี วกับกำรถำ่ ยทอดพลังงำนในระบบนเิ วศ

hเพจ ครภู านุพงศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 31

ใบงานกิจกรรมท่ี 3
การถา่ ยทอดพลงั งานในระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวช้วี ัด ว 1.1 ม.3/3, ม.3/4

4
กำหนดใหผ้ ผู้ ลิตให้rลงั งำน 100,000 Kcal

hเพจ ครภู านุพงศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 32

ใบงานกิจกรรมที่ 4
วฏั จกั รของสารในระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชว้ี ดั ว 1.1 ม.3/5 คะแนนเต็ม ได้
คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนอ่ำนคำช้ีแจงตอ่ ไปนี้ 20 คะแนน
1. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษำขอ้ มูลในเอกสำรกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
2. ใหน้ ักเรียนตอบคำถำมเกย่ี วกับกำรกำรหมนุ เวียนสำรในระบบนิเวศ

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างองิ ขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 33

ใบงานกจิ กรรมท่ี 4
วัฏจกั รของสารในระบบนเิ วศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ชี้วดั ว 1.1 ม.3/5

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 34

แนวทางการตอบใบงานกิจกรรม
การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง

รหัสวิชา ว23101 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 5
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3

hเพจ ครูภานุพงศ์วิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 35

แนวทางการตอบใบงานกจิ กรรมท่ี 1
องคป์ ระกอบและความหมายของระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชี้วดั ว 1.1 ม.3/1

คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นอ่ำนคำช้ีแจงตอ่ ไปน้ี

1. ให้นกั เรียนศกึ ษำข้อมลู ในเอกสำรกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
2. ให้นกั เรยี นจำลองวำดภำพระบบนิเวศพร้อมระบำยสใี ห้สวยงำม
3. ให้นกั เรยี นสรปุ ควำมรู้เกี่ยวกบั ควำมหมำยและองคป์ ระกอบของระบบนเิ วศเปน็ แผนภำพ

จาลองวาดภาพระบบนิเวศ

ตวั อย่างจาลองวาดภาพระบบนเิ วศ

hเพจ ครภู านพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 36

แนวทางการตอบใบงานกิจกรรมที่ 1
องคป์ ระกอบและความหมายของระบบนเิ วศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวชี้วัด ว 1.1 ม.3/1

สรุปความรู้เกย่ี วกบั ความหมายและองค์ประกอบของนิเวศเปน็ แผนภาพ

ระบบนเิ วศ คอื ความสมั พันธ์อย่างเป็นระบบทอ่ี ยูใ่ น
สิ่งแวดลอ้ มรอบ ๆ ตัวเรา ตัวอย่างเชน่ ความสัมพนั ธ์
ระหว่าง สัตว์ พชื หรอื แม้แต่มนุษย์อยา่ งเรา ๆ

ระบบนิเวศ ความหมาย
ประกอบด้วย และองคป์ ระกอบของนิเวศ

กลุ่มสิ่งมชี ีวิต แหลง่ ที่อยู่ องค์ประกอบของระบบนิเวศ

1. องค์ประกอบทางชีวภาพ 2. องคป์ ระกอบทางกายภาพ
(biological component) ได้แก่
สิ่งมีชวี ติ ในระบบนเิ วศ เช่น พืช (physical component) ได้แก่
สัตว์ มนษุ ย์ เห็ด รา จุลนิ ทรีย์ สง่ิ ไม่มีชีวติ ในระบบนิเวศ เช่น ดิน
เปน็ ตน้ น้า แสง อุณหภูมิ เป็นตน้

hเพจ ครูภานุพงศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 37

แนวทางการตอบใบงานกจิ กรรมที่ 2
ความสัมพันธ์ของส่งิ มีชวี ิตกบั ส่งิ แวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ชีว้ ดั ว 1.1 ม.3/2

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นอ่ำนคำช้แี จงตอ่ ไปน้ี

1. ใหน้ กั เรยี นตอบคำถำมเก่ียวกบั ควำมสมั พันธ์กลุ่มสง่ิ มชี ีวิตกับสิง่ แวดลอ้ มและควำมสมั พันธก์ ลุม่ ส่งิ มีชีวติ
กบั สง่ิ มีชีวิต

ผู้ผลติ สง่ิ มีชีวิตทส่ี ามารถสร้างอาหารได้

เชน่ พืชทมี่ สี ารสใี นการสังเคราะห์แสง
(คลอโรฟลิ ล์ แคโรทีน แซนโทฟิลล์)

ผู้บรโิ ภค คอื ส่ิงมีชีวิตท่ไี มส่ ามารถ ผ้ยู อ่ ยสลาย คือ สงิ่ มีชวี ิตที่
สรา้ งอาหารได้เอง ตอ้ งไดร้ ับอาหาร ดารงชีวิตและไดพ้ ลงั งานมาใช้
โดยกนิ ผผู้ ลติ เรียกสิง่ มชี ีวติ กลมุ่ น้วี ่า ด้วยการยอ่ ยสลายอินทรยี ส์ าร
เฮเทโรโทรฟ แลว้ ดูดซมึ เข้าสู่รา่ งกาย

CO2 H2O C6H12O6 O2 H2O

CO2 คอื แกส๊ คำรบ์ อนไดออกไซด์.
C6H12O6 คือ กลูโคส
H2O คอื น้ำ
O2 คือ แก๊สออกซเิ จน.

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 38

แนวทางการตอบใบงานกิจกรรมที่ 2
ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี วี ติ กับสิ่งแวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวช้วี ัด ว 1.1 ม.3/2

ภำวะได้ประโยชน์ร่วมกัน (+,+)โดยผเี สือ้ กบั ดอกไม้ โดยผเี สื้ออำศยั กินนำ้ หวำนจำกดอกไม้ และดอกไม้
ไดร้ บั ประโยชนใ์ นกำรทผ่ี เี สอ้ื ชว่ ยผสมเกสรให้

ภำวะปรสติ (+,-) โดยกำฝำกเปน็ ปรสติ ได้รับประโยชน์คือไดร้ ับอำหำรจำกต้นไม้ท่อี ำศยั อยู่ ส่วนต้นไม้จะเปน็
ฝ่ำยทเ่ี สียประโยชน์เพรำะถูกแยง่ อำหำรไป

ภำวะอิงอำศัย (+,0) โดยเหำฉลำมทเ่ี กำะอยู่บนตวั ปลำฉลำม ก็จะอำศัยปลำฉลำดพำไปยังทีต่ ่ำงๆ และกนิ เศษ
อำหำรทเ่ี กดิ จำกกำรล่ำเหย่อื ของปลำฉลำด โดยกำรเกำะน้จี ะไมท่ ำใหเ้ กิดอนั ตรำยใดๆ ต่อผิวของปลำฉลำดเลย

ภำวะพง่ึ พำกัน (+,+) โดยสำหร่ำยสำรอำหำรไดเ้ องแตต่ อ้ งอำศยั ควำมช้นื จำกรำ ส่วนรำก็อำศัยดูดอำหำร
ที่สำหร่ำยสรำ้ งขึ้นและใหค้ วำมชื้นกับสำหร่ำย

ภำวะองิ อำศยั (+,0) โดยกลว้ ยไมท้ ี่เกำะบนผวิ ของเปลอื กตน้ มะมว่ ง จะใชต่ น้ มะม่วงเป็นแหลง่ ทอ่ี ยู่และให้
ควำมชืน้ โดยไม่เบียดเบียนอำหำรจำกต้นมะมว่ งเลย

hเพจ ครูภานุพงศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างองิ ข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 39

แนวทางการตอบใบงานกจิ กรรมท่ี 3
การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ช้วี ดั ว 1.1 ม.3/3, ม.3/4
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นอ่ำนคำช้ีแจงต่อไปนี้
1. ให้นกั เรยี นศึกษำข้อมลู ในเอกสำรกำรเรยี นรดู้ ้วยตนเอง
2. ใหน้ ักเรยี นตอบคำถำมเก่ยี วกับกำรถำ่ ยทอดพลงั งำนในระบบนเิ วศ

สำยใยอำหำร

หญ้ำ ตั๊กแตน แมงมมุ กบ เหยย่ี ว

หญ้ำ ต๊ักแตน แมงมุม นก เหยีย่ ว

หญำ้ หนอน นก เหย่ยี ว

หญำ้ กระตำ่ ย สุนขั เหย่ียว

หญำ้ กระต่ำย งู สุนขั เหยยี่ ว

หญำ้ หนู งู สนุ ขั เหยีย่ ว

hเพจ ครูภานพุ งศ์วทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ขอ้ มูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 40

แนวทางการตอบใบงานกิจกรรมที่ 3
การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ชีว้ ดั ว 1.1 ม.3/3, ม.3/4

งู สุนขั แมงมมุ นก

4 ผยู้ อ่ ยสลำย
เหด็ แบคทเี รีย รำ

กำหนดใหผ้ ูผ้ ลิตให้rลงั งำน 100,000 Kcal

เหย่ยี ว 100 Kcal
นก 1,000 Kcal
หนอน 10,000 Kcal
หญ้ำ 100,000 Kcal

หญำ้ หนอน นก เหยย่ี ว
หญำ้ ใหพ้ ลงั งำน 100000 Kcal

พลังงำนทีห่ นอนไดร้ ับ พลงั งำนที่นกไดร้ บั พลงั งำนทีเ่ หย่ยี วได้รบั
100,000 Kcal * 10 10,000 Kcal * 10 1,000 Kcal * 10

100 100 100

= 10,000 Kcal = 1,000 Kcal = 100 Kcal

hเพจ ครูภานุพงศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งองิ ข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 41

แนวทางการตอบใบงานกจิ กรรมที่ 4
วฏั จกั รของสารในระบบนเิ วศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตัวช้วี ดั ว 1.1 ม.3/5
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนอ่ำนคำชีแ้ จงตอ่ ไปนี้
1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษำข้อมลู ในเอกสำรกำรเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง
2. ให้นกั เรยี นตอบคำถำมเกีย่ วกบั กำรกำรหมุนเวยี นสำรในระบบนเิ วศ

วัฏจกั รน้า

วัฏจกั รไนโตรเจน วัฏจกั รคาร์บอน
วฏั จักรกามะถนั วัฏจักรฟอสฟอรสั

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ต้น อ้างอิงข้อมูล Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 42

แนวทางการตอบใบงานกิจกรรมที่ 4
วฏั จกั รของสารในระบบนเิ วศ

มาตรฐาน ว 1.1 ตวั ชว้ี ดั ว 1.1 ม.3/5

ตัวอยา่ งการหมุนเวยี นของสารในวฏั จักรน้า

กำรหมุนเวียนเปลย่ี นแปลงของนำ้ ซง่ึ เป็นปรำกฎกำรณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ เองตำมธรรมชำติ โดยเร่มิ ต้นจำกน้ำใน
แหล่งนำ้ ต่ำง ๆ เชน่ ทะเล มหำสมุทร แม่นำ้ ลำคลองหนอง บึง ทะเลสำบ จำกกำรคำยน้ำของพชื
จำกกำรขบั ถำ่ ยของเสยี ของสิ่งมชี วี ิต และจำกกิจกรรมตำ่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นกำรดำรงชีวติ ของมนุษย์ ระเหยขึน้
ไปในบรรยำกำศ กระทบควำมเย็นควบแน่นเปน็ ละอองนำ้ เลก็ ๆ เปน็ กอ้ นเมฆ ตกลงมำเปน็ ฝนหรอื
ลูกเห็บสู่พื้นดินไหลลงสู่แหลง่ น้ำตำ่ ง ๆ หมุนเวียนอยู่เช่นน้ีเรื่อยไป

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งองิ ขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 43

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
(Pose-Test)

คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกตอ้ งที่สุดเพียงคาตอบเดียว

1.“ตน้ กุหลำบหน้ำบำ้ นพอใจมหี นอนทเ่ี กิดจำกไขผ่ เี สื้อมำกนิ ใบออ่ นเสมอ และยังพบว่ำมีนกมำจกิ กินหนอน ซึง่ นกน้จี ะถกู แมว
ทพ่ี อใจเล้ียงจบั กินเสมอ” จำกขอ้ มลู ดงั กล่ำวเรำสำมำรถเขียนโซอ่ ำหำรไดแ้ บบใด

ก. แมว —› นก —› หนอน —› กหุ ลำบ
ข. กุหลำบ —› หนอน —› นก —› แมว
ค. กหุ ลำบ —› ผเี สอ้ื —› หนอน —› นก —› แมว
ง. ผเี สือ้ —› กุหลำบ —› หนอน —› นก —› แมว
2. กำรอยรู่ ว่ มกันของส่ิงมชี ีวติ แบบใดเป็นแบบฝำ่ ยหน่งึ ได้รบั ประโยชน์ อกี ฝ่ำยหนึง่ ไมไ่ ดร้ บั และไม่ไดเ้ สียประโยชน์

ก. เหบ็ กบั สุนขั ข. ฉลำมกบั เหำฉลำม

ค. แบคทเี รียกบั ปมรำกถวั่ ง. นกเอ้ยี งกบั ควำย

3. ขอ้ ใดไม่จดั เป็นระบบนเิ วศ

ก. บอ่ น้ำทมี่ ีสิ่งมชี วี ิตอยู่เตม็ ข. สนำมกีฬำในโรงพละ

ค. อุทยำนแห่งชำติและปำ่ สงวน ง. สนำมหญำ้ และสระน้ำหนำ้ โรงเรียน

4. วฎั จกั รของคำร์บอนในธรรมชำตินั้น แกส๊ คำร์บอนไดออกไซดจ์ ะกลบั คืนไปสบู่ รรยำกำศไดด้ ้วยกระบวนกำรใด

ก. กำรหำยใจ ข. กำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง

ค. กำรยอ่ ยสลำยอินทรยี ส์ ำร ง. ถกู ทง้ั ข้อ ก และข้อ ค

5. ส่งิ มีชีวติ ชนดิ ใดควรมปี ริมำณมำกท่ีสดุ เพอื่ ให้ระบบนิเวศอยู่ในภาวะสมดลุ

ก. ผูผ้ ลิต ข. ผู้ยอ่ ยอนิ ทรีย์สำร

ค. ผ้บู ริโภคสัตว์ ง. ผู้บริโภคพืช

6. โครงสร้ำงของระบบนเิ วศประกอบด้วยปัจจยั ใดบ้ำง

ก. ปจั จัยทำงบกและทำงน้ำ ข. ปัจจยั ทำงน้ำและอำกำศ

ค. ปจั จัยทำงกำยภำพและชวี ภำพ ง. ปัจจยั ทำงกำยภำพและเสถยี รภำพ

7. ขอ้ ใดจดั เป็นกลมุ่ สงิ่ มชี วี ิต

ก. โขลงชำ้ งในทงุ่ นเรศวร ข. มด นก บนตน้ จำมจุรี

ค. นักเรยี นชำยหญิงในโรงเรยี น ง. ฝงู ปลำโลมำในอำ่ วไทย

hเพจ ครูภานพุ งศว์ ิทยาศาสตร์ ม.ตน้ อา้ งอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 44

แบบทดสอบก่อนเรยี น
(Pose-Test)

คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบทีถ่ กู ตอ้ งท่สี ุดเพียงคาตอบเดยี ว

8. เพรำะเหตุใดจึงกลำ่ วว่ำ “พืชเปน็ ผู้ลติ ในระบบนิเวศ”

ก. พืชสำมำรถดูดน้ำและแร่ธำตุจำกดินได้โดยตรง ข. พืชเปน็ อำหำรของทั้งคนและสตั ว์

ค. พชื สำมำรถสังเครำะหแ์ สงหรอื สร้ำงอำหำรเองได้ ง. พืชสำมำรถใหป้ จั จยั ส่แี ก่มนษุ ย์ได้

9 จงพิจำรณำจำกข้อมูลตอ่ ไปนี้

1. เหำฉลำมกบั ปลำฉลำม 2. กลว้ ยไมก้ บั ต้นไมใ้ หญ่

3. ดอกไมก้ บั ผเี ส้ือ 4. แบคทเี รียในลำไส้ใหญ่ของคน

สง่ิ มชี วี ติ ใดทมี่ ีควำมสัมพันธ์เชน่ เดยี วกบั " นกทำรังบนต้นไม้ "

ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3

ค. 3 และ 4 ง. 1 และ 4

10. ขอ้ ใดคือควำมหมำยของระบบนิเวศ

ก. ส่ิงต่ำงๆ ท่อี ย่รู ว่ มกับสิง่ มชี ีวิต ข. สถำนที่ซึ่งมสี ่ิงมชี วี ติ อำศัยอยู่

ค. กลุม่ ของสง่ิ มชี วี ิตท่ีอย่รู ว่ มกนั ในแต่ละแห่ง ง. ควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสง่ิ มีชีวติ ต่ำง ๆ ทีอ่ ยรู่ ่วมกนั ในแหล่งท่ีอยู่

เดียวกัน

จงเชอื่ ม่ันในตวั เอง

hเพจ ครภู านพุ งศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ตน้ อ้างอิงข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 45

กระดาษคาตอบ ข้อ
แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pose-Test) คะแนน

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดยี ว

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

จงเชื่อม่นั ในตัวเอง

hเพจ ครูภานุพงศว์ ทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งองิ ข้อมลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 46

เฉลยกระดาษคาตอบ ข้อ
แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pose-Test) คะแนน

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งท่ีสุดเพียงคาตอบเดยี ว

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10 

จงเช่อื มั่นในตวั เอง

hเพจ ครูภานุพงศ์วิทยาศาสตร์ ม.ต้น อา้ งอิงขอ้ มลู Https://il.mahidol.ac.th/e-media/ecology/chapter1/chapter1_ecosytem.htm

SCIENCE ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3

โรงเรยี นมัธยมวัดศรจี ันทร์ประดิษฐ์ ในพระบรมราชานุเคราะห์
สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสมุทรปราการ

สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน


Click to View FlipBook Version