จัดท ำโดย บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จ ำกัด
ค ำแนะน ำกำรปลูกข้ำวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวโพด เป็นพืชที่เกษตรกรไทยคุ้นเคยและท ำกำรเพำะปลูกกันมำเป็นเวลำนำน ปัจจุบันเกษตรกรส่วน ใหญ่ใช้พันธุ์ลูกผสม แต่เกษตรกรบำงรำยยังประสบกับปัญหำต่ำง ๆ ท ำให้ผลผลิตที่ได้รับยังไม่ดีพอ ดังนั้น คู่มือแนะน ำกำรปลูกข้ำวโพดลูกผสมนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกซึ่งจะท ำให้กำรผลิตมี ประสิทธิภำพดียิ่งขึ้น โดยเฉพำะกำรใช้พันธุ์ข้ำวโพดลูกผสมที่ดีควบคู่ไปกับกำรปฏิบัติที่ถูกต้องตลอดฤดูกำร ปลูกจะท ำให้สำมำรถเพิ่มผลผลิตและมีรำยได้สูงขึ้น ฤดูปลูก กำรปลูกข้ำวโพดในสภำพไร่ควรปลูกในฤดูฝน ซึ่งสำมำรถปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝนและปลำยฤดูฝน ดังนี้ ต้นฤดูฝน ปลูกได้ตั้งแต่ปลำยเดือนมีนำคมถึงต้นเดือนมิถุนำยน (ตำมแต่กำรเริ่มมีฝนของแต่ละ พื้นที่) ปลำยฤดูฝน ปลูกได้ตั้งแต่กลำงเดือนกรกฎำคมถึงกลำงเดือนสิงหำคม
ส่วนในพื้นที่ที่ให้น ้ำได้ หรือพื้นที่นำในเขตชลประทำน สำมำรถปลูกข้ำวโพดในฤดูแล้ง (ฤดูหนำว) ได้ โดยปลูกได้ตั้งแต่เดือนกันยำยนถึงเดือนมกรำคม ขนั้ตอนกำรปฏิบตัิ กำรเตรียมดิน ควรไถพรวนให้ดินมีควำมร่วนซุยเหมำะแก่กำรปลูกข้ำวโพด ท ำให้เมล็ดข้ำวโพดงอกได้ดียิ่งขึ้น นอกจำกนี้ยังช่วยให้ดินมีกำรระบำยน ้ำได้ดี รำกข้ำวโพดหำอำหำรได้ไกล ซึ่งกำรไถพรวนควรไถอย่ำงน้อย 2 ครั้ง 1.1 ไถดะ คือไถครั้งแรกด้วยผำน 3 หรือผำน 4 ควรไถให้ลึกอย่ำงน้อย 30 เซ็นติเมตร เพื่อพลิกหน้ำ ดินช่วยให้ระบำยน ้ำได้ดีขึ้น และช่วยในกำรกลบวัชพืช เป็นกำรก ำจัดวัชพืชท ำควำมสะอำดแปลงไปด้วยใน ตัว หลังจำกไถดะเสร็จแล้วควรตำกดินไว้ระยะหนึ่ง 1.2 ไถแปร ควรไถด้วยผำน 7 เพื่อย่อยดินก้อนใหญ่ให้แตก มีควำมร่วนซุยมำกยิ่งขึ้น ถ้ำมีควำม จ ำเป็นอำจจะต้องมีกำรพรวนซ ้ำ เพื่อให้ดินละเอียดเหมำะแก่กำรปลูกพืช
วิธีกำรปลูก กำรปลูก ท ำได้2 วิธี 2.1 ปลูกด้วยเครื่องปลูก กำรปลูกด้วยวิธีนี้ หลังจำกไถแปรจนดินมีควำมร่วนซุยดีแล้วควรรอให้ฝน ตกดีก่อนท ำกำรปลูกคือฝนตกอย่ำงน้อย 20 มิลลิเมตร แล้วจึงปลูกขณะดินชื้น ซึ่งจะท ำให้เมล็ดข้ำวโพดงอก ได้ดี ในกำรปลูกควรปรับเครื่องปลูกให้มีระยะระหว่ำงแถว 70-75 เซนติเมตร ระยะระหว่ำงหลุมประมำณ 20-25 เซนติเมตร ปลูกลึก 4-5 เซนติเมตร 2.2 ใช้คนปลูก กำรปลูกด้วยวิธีนี้ หลังจำกไถแปรแล้วต้องรอให้ฝนตกอย่ำงน้อย 20 มิลลิเมตร เช่นกัน ซึ่งหลังจำกฝนตกดินมีควำมชื้น ให้ท ำกำรชักร่องซึ่งอำจใช้วัว ควำย รถไถเดินตำม รถไถเล็ก หรือรถ ไถ ใหญ่ก็ได้ โดยชักร่องให้มีระยะระหว่ำงร่อง 70-75 เซนติเมตร แล้วใช้คนหยอดเมล็ดลงในร่อง ให้มีระยะ ระหว่ำงหลุม 20-25 เซนติเมตร กลบดินหนำ4-5 เซนติเมตร โดยใช้เมล็ด 1-2 เมล็ดต่อหลุม หลังจำกข้ำวโพด งอกแล้ว 10-14 วัน ให้ถอนแยกเหลือ 1 ต้นต่อหลุม ตวัอย่ำงกำรปลูกโดยใช้เครื่องปลูกและแบบใช้คนปลูก
กำรใส่ปุ๋ ย พืชทุกชนิดมีควำมจ ำเป็นต้องใช้ธำตุอำหำรต่ำงๆ ในกำรเจริญเติบโตและสร้ำงผลผลิต ในกำรปลูก ข้ำวโพดก็เช่นกัน ควรมีกำรใส่ปุ๋ ยเพื่อให้มีธำตุอำหำรเพียงพอในกำรสร้ำงผลผลิตได้เต็มที่ ซึ่งกำรใส่ปุ๋ ยควร แบ่งใส่2 ครั้ง 3.1 ปุ๋ ยรองพื้น ควรใส่รองก้นหลุม หรือโรยเป็นแถวแล้วกลบพร้อมปลูก ถ้ำใช้เครื่องปลูกจะมีถัง ส ำหรับใส่ปุ๋ ยพร้อมอยู่แล้ว ถ้ำปลูกด้วยมือควรหยอดปุ๋ ยที่ก้นหลุมแล้วกลบดินบำง ๆ ก่อนหยอดเมล็ด “ไม่ ควรให้ปุ๋ ยสัมผัสกับเมล็ดโดยตรงเพราะอาจท าให้เมล็ดเน่าได้” ปุ๋ ยรองพื้นที่ใช้ อำจใช้สูตร 16-16-8, 15-15-15, 20-20-0, 16-20-0 หรือ สูตรอื่นๆ ตำมควำม เหมำะสม ถ้ำเป็นไปได้ควรมีกำรวิเครำะห์ดินเพื่อหำสูตรปุ๋ ยที่เหมำะกับพื้นที่ โดยปุ๋ ยรองพื้นควรใส่อัตรำ ประมำณ 25-30 กิโลกรัม/ไร่ 3.2 ปุ๋ ยแต่งหน้ำ หลังจำกปลูกประมำณ 25-30 วัน ควรมีกำรใส่ปุ๋ ยอีกครั้งหนึ่ง หรืออำจใส่พร้อมกำร ท ำรุ่นพูนโคน โดยใช้ปุ๋ ยยูเรีย (46-0-0) หรือปุ๋ ยสูตร 21-0-0 โรยข้ำงต้น ในอัตรำ 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่ ขณะดินมีควำมชื้นหรือใส่แล้วกลบด้วยเครื่องท ำรุ่นพูนโคน
กำรป้องกันและก ำจัดวัชพืช กำรปลูกข้ำวโพดให้ได้ผลดี ต้องมีกำรควบคุมและก ำจัดวัชพืชให้ดีด้วย ซึ่งกำรควบคุมวัชพืชนั้นจะ ให้ได้ผลดีและประหยัดแรงงำนควรมีกำรใช้ สำรเคมีร่วมกับกำรใช้เครื่องจักรกล (หรือแรงงำนคน) ซึ่งกำรใช้ สำรเคมีควรปฏิบัติดังนี้ 4.1 หลังจำกปลูกข้ำวโพด ก่อนข้ำวโพดงอก (และก่อนหญ้ำงอกหรือหญ้ำงอกต้นเล็กไม่เกิน 3 ใบ) ให้พ่นยำควบคุมวัชพืชขณะดินชื้น โดยใช้ยำอำทรำซีน อัตรำ 500 กรัม/ไร่ หรืออะลำคลอร์ อัตรำ 600 ซีซี/ไร่ หรือใช้ทั้งสองอย่ำงรวมกันโดยใช้อำทรำซีน 350 กรัม + อะลำคลอร์500 ซีซี/ไร่ 4.2 ควรมีกำรท ำรุ่นพูนโคน เมื่อข้ำวโพดอำยุประมำณ 21-25 วัน เพื่อเป็นกำรก ำจัดวัชพืชที่งอก ใหม่ โดยกำรใช้ผำนหัวหมู หรือใช้จอบถำก 4.3 กำรก ำจัดวัชพืช ถ้ำมีวัชพืชในแปลงข้ำวโพดมำก อำจใช้กลูโฟซิเนต ฉีดพ่นเพื่อฆ่ำหญ้ำ โดยใช้ อัตรำ 80 ซีซีต่อน ้ำ 20 ลิตร (8 ช้อนแกงต่อน ้ำ 1 ปี๊บ) ทั้งนี้ การฉีดพ่นจะต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้ยา โดนต้นข้าวโพดเพราะจะท าให้ข้าวโพดไหม้ตายได้
ควำมต้องกำรน ้ำของข้ำวโพด ข้ำวโพดมีควำมต้องกำรใช้น ้ำตลอดฤดูปลูกประมำณ 500-600 มิลลิเมตร หรือประมำณ 800-900 ลูกบำศก์เมตรต่อไร่ แต่ข้ำวโพดเป็นพืชที่ไม่ชอบน ้ำท่วมขัง ถ้ำน ้ำท่วมขังในช่วงปลูกอำจท ำให้เมล็ดเน่ำและ ไม่งอก ถ้ำน ้ำท่วมขังขณะข้ำวโพดก ำลังเจริญเติบโตจะท ำให้ข้ำวโพดเจริญเติบโตได้ไม่ดี ต้นเหลืองแคระ แกร็นและอำจตำยได้ ทั้งนี้เพรำะเมื่อน ้ำท่วมขังหรือดินมีควำมชื้นสูงเกินไปจะท ำให้รำกของข้ำวโพดขำด ออกซิเจนมีผลต่อกำรหำยใจและลดประสิทธิภำพกำรดูดซึมธำตุอำหำร กำรปลูกข้ำวโพดในสภำพไร่โดยทั่วไปจะอำศัยน ้ำฝนโดยไม่มีกำรให้น ้ำเพรำะท ำกำรปลูกในช่วงฤดู ฝน แต่บำงครั้งฝนอำจทิ้งช่วงหรือฝนแล้ง ถ้ำสำมำรถให้น ้ำได้และต้องกำรให้น ้ำ หรือกรณีปลูกข้ำวโพดใน หน้ำแล้งซึ่งจ ำเป็นต้องให้น ้ำมีวิธีปฏิบัติดังนี้ 5.1 กำรให้น ้ำครั้งแรกเมื่อปลูก ในกำรปลูกข้ำวโพด หลังจำกไถพรวนเตรียมแปลงเสร็จแล้วควรให้ น ้ำก่อนปลูกข้ำวโพด โดยให้น ้ำ 30-40 มิลลิเมตร (50-65 ลูกบำศก์เมตรต่อไร่) แล้วจึงหยอดข้ำวโพดขณะดิน มีควำมชื้นพองอก ถ้าจ าเป็นต้องหยอดข้าวโพดก่อนให้น ้า ควรให้น ้ำประมำณ 20-30 มิลลิเมตร (35-50 ลูกบำศก์เมตรต่อไร่) ถ้ำให้น ้ำมำกกว่ำนี้จะต้องรีบระบำยน ้ำออกจำกแปลงทันที อย่ำให้น ้ำท่วมขัง หรือดินมีควำมชื้นแฉะมำกเป็น เวลำนำน เพรำะจะท ำให้เมล็ดเน่ำตำยได้ 5.2 กำรให้น ้ำในช่วงระยะกำรเจริญเติบโตของข้ำวโพด หลังจำกที่ข้ำวโพดงอกแล้วควรให้น ้ำ สัปดำห์ละ 40-50 มิลลิเมตร (65-80 ลูกบำศเมตรต่อไร่ต่อสัปดำห์) โดยให้อีก 11-12 ครั้ง (สัปดำห์) ทั้งนี้กำร ให้น ้ำแต่ละครั้งไม่ควรให้น ้ำท่วมขัง หรือดินชื้นแฉะเป็นเวลำนำน เพรำะจะท ำให้ข้ำวโพดเหลืองแคระแกร็น ผลผลิตลดและอำจตำยได้ ถ้ำให้น ้ำมำกเกินไปควรรีบระบำยน ้ำออกจำกแปลงทันที กำรเก็บเกี่ยวข้ำวโพด ข้ำวโพดแต่ละพันธุ์มีอำยุเก็บเกี่ยวไม่เท่ำกัน โดยทั่วไปข้ำวโพดในประเทศไทยมีอำยุเก็บเกี่ยว ระหว่ำง 100-120 วัน กำรเก็บเกี่ยวนั้นควรเก็บ เมื่อข้ำวโพดแก่เต็มที่ กำบหุ้มฝักแห้ง ใบแห้ง ซึ่งเมล็ดควรมี ควำมชื้นไม่เกิน 30% เมื่อเก็บเกี่ยว กำรเก็บเกี่ยวอำจท ำได้ทั้งใช้ แรงงำนคน หรือใช้เครื่องเก็บเกี่ยว
กำรปฏิบตัิหลงักำรเกบ ็ เกี่ยว หลังกำรเก็บเกี่ยวข้ำวโพด ถ้ำใช้แรงงำนคนเก็บเกี่ยวข้ำวโพดเป็นฝัก อำจสีข้ำวโพดสดแล้วขำยได้ ทันที หรือถ้ำต้องกำรเก็บข้ำวโพดไว้รอขำยเมื่อรำคำดีควรเก็บเกี่ยวข้ำวโพดที่ควำมชื้นต ่ำ แล้วเก็บไว้ในยุ้งที่ มีกำรระบำยอำกำศดี หมั่นตรวจสอบดูแลว่ำฝักข้ำวโพดมีรำเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ำเริ่มมีรำอำจจ ำเป็นต้องน ำฝัก ข้ำวโพดออกตำกแดด หรือรีบสีขำยก่อนที่รำจะลุกลำม ไม่เช่นนั้นอำจท ำให้ขำยข้ำวโพดได้รำคำไม่ดี ปัญหำที่อำจเกิดขึ้นและวิธีกำรแก้ไข ¥ ข้ำวโพดไม่งอก Þ สำเหตุ: ¨ ปลูกขณะที่ดินมีควำมชื้นไม่พอ (ดินสองหน้ำ) แล้วฝนไม่ตกซ ้ำ ¨ ฝนตกหนักน ้ำท่วมขังจนท ำให้เมล็ดเน่ำตำย ¨ กำรเตรียมดินไม่ดี ดินเป็นก้อนใหญ่เกินไป ¨ หนูหรือแมลง เช่น มด,จิ้งหรีด กัดกินเมล็ดที่ก ำลังงอก ¨ เมล็ดมีควำมงอกต ่ำ Þ วิธีแก้ไข : ¨ ปลูกเมื่อดินมีควำมชื้นเพียงพอต่อกำรงอก ¨ ระบำยน ้ำออกไม่ปล่อยให้ท่วมขังในแปลง ¨ เตรียมดินให้มีควำมร่วนซุย ¨ วำงกับดักหนูหรือวำงยำก ำจัดหนู ¨ เพำะเมล็ดตรวจสอบควำมงอกก่อนปลูก
¥ ต้นเหลืองแคระแกร็น Þ สำเหตุ : ¨ ขำดธำตุอำหำร ¨ น ้ำท่วมขังข้ำวโพดเป็นเวลำนำน Þ วิธีกำรแก้ไข : ¨ ควรใส่ปุ๋ ยตำมค ำแนะน ำ ¨ ระบำยน ้ำออกไม่ปล่อยให้น ้ำท่วมขังในแปลง ¥ ข้ำวโพดไม่ติดเมลด ็ Þ สำเหตุ : ¨ มีฝนตกชุกในช่วงที่ดอกก ำลังบำน ท ำให้ฝนชะล้ำงละอองเกสรไปหมด ¨ ฝนแล้งมำกในช่วงออกดอกแล้วไม่ได้ให้น ้ำ ท ำให้ฝักไม่ออกไหมหรือออกช้ำไม่ทันเกสรตัวผู้ ¨ สภำพฝนแล้ง จะพบกำรระบำดของแมลง เช่น เพลี้ยไฟ จะท ำให้ไหมแห้งตำย และเพลี้ยอ่อน จะท ำให้ดอก แห้ง มีผลต่อกำรติดเมล็ดและผลผลิต Þ วิธีป้องกนัและแก้ไข : ¨ ให้น ้ำให้เหมำะสมโดยเฉพำะระยะก่อนออกดอกจนถึงระยะออกดอก ¨ ใช้สำรเคมี ฟิโพรนิล (Fipronil) อัตรำ 20-100 ซีซี/ น ้ำ 20 ลิตร หรือ คำร์โบซัลแฟน (Carbosulfan) อัตรำ 20-80 ซีซี/ น ้ำ 20 ลิตร ในกรณีมีแมลงระบำด
¥ กำรท ำลำยจำกหนอน Þ สำเหตุ: ¨ หนอนกระทู้ลำยจุด (Fall Armyworm) เข้ำกินข้ำวโพดตั้งแต่ข้ำวโพดงอก ถึง ระยะ เมล็ดอ่อน Þ วิธีแก้ไข : ¨ แปลงที่ไม่ใช้สำรเคมี ควรเก็บกลุ่มไข่ และตัวหนอนท ำลำยทิ้ง ¨ ใช้สำรเคมีป้องกันก ำจัด เมื่อมีกำรระบำดของหนอนให้พ่นสำรเคมีป้องกัน 3 ถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งพ่นห่ำง กัน 10 ถึง 15 วัน ชนิดของสำรเคมี ¨ อิมำเมกตินเบนโซเอท 5% WG อัตรำ 10 กรัม/ น ้ำ 20 ลิตร, อิมำเมกตินเบนโซเอท 1.92% EC อัตรำ 20 ซีซี/ น ้ำ 20 ลิตร ¨ สไปนีโทแรม 25% WG อัตรำ 10 กรัม/ น ้ำ 20 ลิตร, สไปนีโทแรม 12% SC อัตรำ 20 ซีซี/ น ้ำ 20 ลิตร ¨ คลอเรนทรำนิลิโพรล 5.71% SC อัตรำ 30 ซีซี/ น ้ำ 20 ลิตร ¥ โรครำน ้ำค้ำง (ใบลำย) Þ สำเหตุ : ¨ มีเชื้อโรคเข้ำท ำลำย ¨ สภำพแวดล้อมเหมำะสม ¨ พันธุ์มีควำมอ่อนแอต่อโรค Þ วิธีป้องกนัและแก้ไข : ¨ ปลูกพันธุ์ที่ต้ำนทำนต่อโรคหรือเมล็ดพันธุ์ที่คลุกยำ Apron (เอพรอน) ป้องกันโรค ¨ ตัดต้นที่เป็นโรคไปเผำท ำลำย ป้องกันกำรแพร่ระบำดของเชื้อ
¥ โรคโคนเน่ำ Þ สำเหตุ : ¨ มีเชื้อโรคเข้ำท ำลำย ซึ่งมีทั้งเชื้อรำและเชื้อแบคทีเรีย ¨ พันธุ์มีควำมอ่อนแอต่อโรค Þ วิธีป้องกนัและแก้ไข : ¨ ไถตำกดินเพื่อลดจ ำนวนเชื้อโรค ¨ เผำท ำลำยต้นที่เป็นโรค ¨ ปรับสภำพควำมเป็นกรดเป็นด่ำงของดินโดยใช้ปูนขำว ¨ ถ้ำโรคระบำดรุนแรงอำจต้องพ่นยำป้องกัน โรคที่เกิดจำกเชื้อรำ : ควรพ่นป้องกันด้วยสำรคำร์เบนดำซิม, สำรแมนโคเซป โรคที่เกิดจำกเชื้อแบคทีเรีย : ควรพ่นป้องกันด้วยสำรคอปเปอร์ออกซี่คลอไรด์ เช่น ฟังกูรำน ข้อควรระวัง : ไม่ควรพ่นยำในขณะอำกำศร้อน จะทำ ให้เกิดอำกำรไหม้และห้ำม ผสมกับปุ๋ ยในกำรฉีดพ่น ¥ โรคฝักเน่ำ Þ สำเหตุ : ¨ มีเชื้อโรคเข้ำท ำลำย ¨ ฝนตกมำก อำกำศชื้นมีควำมเหมำะสมในกำรเข้ำท ำลำยของเชื้อโรค ¨ พันธุ์มีควำมอ่อนแอต่อโรค Þ วิธีป้องกนัและแก้ไข : ¨ ไถตำกดินเพื่อลดจ ำนวนเชื้อโรค ¨ เผำท ำลำยซำกต้นที่เป็นโรค ¨ ปรับสภำพควำมเป็นกรดเป็นด่ำงของดินโดยใช้ปูนขำว ¨ เก็บเกี่ยวตำมอำยุ และเมื่อมีสภำพแวดล้อมเหมำะสม
จัดท ำโดย บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จ ำกัด ช่องทำงติดต่อ ไลน์ออฟฟิศเชี่ยล เฟสบุ๊ก แฟนเพจ 063-0836339