จัดท ำโดย บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จ ำกัด
ค่มูือการปลูกข้าวโพดข้าวเหนียว การเตรียมดิน การเตรียมดินถือเป็นหัวใจของการปลูกข้าวโพดข้าวเหนียวให้ได้ผลผลิตสูง เพราะถ้าดินมี สภาพดีเหมาะกับการงอกของเมล็ดจะท าให้มีจ านวนต้นต่อไร่สูง ผลผลิตต่อไร่ก็จะสูงตามไปด้วยการเตรียม ดินที่ดีควรมีการไถดะและทิ้งตากดินไว้ 3-5 วัน จากนั้นจึงไถแปรเพื่อย่อยดินให้แตกละเอียดไม่เป็นก้อน ใหญ่เหมาะกับการงอกของเมล็ด ควรมีการหว่านปุ๋ ยคอกเช่นปุ๋ ยขี้ไก่เป็นต้น อัตราประมาณ 1 ตันต่อไร่ ก่อนการไถแปร เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นสามารถอุ้มน ้าได้นานขึ้น และยังเป็นการเพิ่ม ธาตุอาหารให้กับข้าวโพด
การปลูก ควรปลูกเป็นแถวเป็นแนวซึ่งสามารถปลูกได้สองวิธี คือ 1.การปลูกแบบแถวเดี่ยว ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 20-25 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 1 ต้น จ านวนต้นต่อไร่ประมาณ 7,000 - 8,500 ต้น จะใช้เมล็ดประมาณ 2-3 กิโลกรัมต่อไร่ 2.การปลูกแบบแถวคู่ มีการยกร่องสูง ระยะระหว่างร่อง 120 เซนติเมตร ปลูกเป็นสองแถว ข้างร่องระยะห่างกัน 30 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้น 25-30 เซนติเมตร 1 ต้นต่อหลุม จะมีจ านวนต้น ประมาณ 7,000-8,500 ต้นต่อไร่และใช้เมล็ดประมาณ 2-3 กิโลกรัมต่อไร่ การให้น ้าจะปล่อยน ้าตามร่องซึ่ง เป็นวิธีที่สะดวกดี การใส่ปุ๋ ย ปุ๋ ยเป็นสิ่งจ าเป็นส าหรับการปลูกข้าวโพดเหนียวเพราะปัจจุบันพื้นที่การเกษตรของประเทศ ไทยเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกพืชติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ท าให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง จึงควรใส่ ธาตุอาหารพืช (ปุ๋ ย) เพิ่มเติมลงในดิน การใส่ปุ๋ ยในข้าวโพดเหนียวมีขั้นตอนดังนี้ 1.การใส่ปุ๋ ยรองพื้น สูตรปุ๋ ยที่แนะน าคือ 15-15-15 หรือ 25-7-7 หรือ 16-16-8 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่พร้อมปลูกหรือใส่ขณะเตรียมดิน การใส่ปุ๋ ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 สูตรปุ๋ ยที่แนะน าคือ 46-0-0 (ยูเรีย) อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อ ไร่ ใส่เมื่อข้าวโพดมีอายุ 20-25 วันหลังปลูก โรยข้างต้นในขณะดินมีความชื้นหรือให้น ้าตาม หรือพูนโคน กลบปุ๋ ยก็จะเป็นการก าจัดวัชพืชไปในตัว หมายเหตุ : ถ้าปลูกด้วยมือ ควรหยอดป๋ยุที่ก้นหลุมแล้วกลบดิน บาง ๆ ก่อนหยอดเมลด ็ ไม่ควรให้ป๋ยุสมัผสักบัเมลด ็โดยตรงเพราะอาจทา ให้เมลด ็ เน่าได้
การใส่ปุ๋ ยแต่งหน้าครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดมีอายุ 40-45 วันหลังปลูก ถ้าแสดงอาการเหลือง หรือไม่สมบูรณ์ ให้ใส่ปุ๋ ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างต้นในขณะดินมีความชื้นหรือให้น ้า ตาม การก าจัดวัชพืช ถ้าแปลงปลูกข้าวโพดมีวัชพืชขึ้นมากจะท าให้ข้าวโพดไม่สมบูรณ์ ผลผลิตจะลดลงจึงควรมีการ ก าจัดวัชพืชในแปลงปลูก วิธีการก าจัดวัชพืชสามารถท าได้ดังนี้ การฉีดยาคุมวัชพืช ใช้อลาคลอร์ ฉีดพ่นลงดินหลังจากปลูกก่อนที่วัชพืช จะงอกขณะฉีดพ่นดินควรมีความชื้นเพื่อท าให้ยามีประสิทธิภาพดีขึ้น ใช้วิธีการเขตกรรม ถ้าหากจ าเป็นต้องใช้สารเคมีควรได้รับค าแนะน าจาก นักวิชาการที่เกี่ยวข้อง การให้น ้า ระยะที่ข้าวโพดข้าวเหนียวขาดน ้าไม่ได้คือระยะ 7 วันแรกหลังปลูก เป็นระยะที่ข้าวโพดก าลังงอก ถ้า ข้าวโพดข้าวเหนียวขาดน ้าช่วงนี้จะท าให้การงอกไม่ดี จ านวนต้นต่อพื้นที่ก็จะน้อยลงจะท าให้ผลผลิตลดลง ไปด้วย ระยะที่ขาดน ้าไม่ได้อีกช่วงหนึ่งคือระยะออกดอก การขาดน ้าในช่วงนี้จะมีผลท าให้การผสมเกสรไม่ สมบูรณ์ การติดเมล็ดจะไม่ดี ติดเมล็ดไม่เต็มถึงปลายหรือติดเมล็ดเป็นบางส่วน ซึ่งฝักที่ได้จะขายได้ราคาต ่า โดยปกติถ้าเป็นพื้นที่ที่สามารถให้น ้าได้ควรให้น ้าทุก 3-5 วัน ขึ้นกับสภาพต้นข้าวโพดและสภาพอากาศ แต่ ช่วงที่ควรให้น ้าถี่ขึ้นคือช่วงที่ข้าวโพดก าลังงอกและช่วงออกดอก
การเก็บเกี่ยว โดยปกติข้าวโพดข้าวเหนียวจะเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุประมาณ 60-70 วันหลังปลูก แต่ระยะที่เหมาะสมส าหรับ การเก็บเกี่ยวที่สุด คือ ระยะ 18-20 วันหลังข้าวโพดออกไหม 50% (ข้าวโพด 100 ต้นมีไหม 50 ต้น) แต่ ถ้าปลูกในช่วงอากาศหนาวเย็นอายุการเก็บเกี่ยวอาจจะยืดออกไปอีก ผลตอบรับ ข้าวโพดข้าวเหนียวสองสี , สามสี เบอร์ 1 เป็นพันธุ์ข้าวโพดข้าวเหนียวเพื่อสุขภาพ เพราะมีสารแอน โทไซยานินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในการป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้อาหารเสริมเพื่อ สุขภาพมีจ าหน่ายมากมายและล้วนมีราคาแพง ข้าวโพดข้าวเหนียวแฟนซีสีม่วงและข้าวโพดข้าวเหนียวสอง สีและสามสี สามารถรับประทานเป็นประจ าเพื่อเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพนอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่า อาหารเสริมอื่นๆ จากการทดสอบพันธุ์ในแปลงเกษตรกรหลายแห่งได้แก่ อ าเภอบ้านหมอ จังหวดสระบุรี, อ าเภอเมือง จังหวัดลพบุรี, อ าเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พบเกษตรกรให้การยอมรับในเรื่องผลผลิต และเมื่อไป จ าหน่ายในตลาดปรากฎว่าได้รับการยอมรับอย่างสูงจากผู้บริโภค โดยเกษตรกรสามารถขายฝัก ได้ในราคา สองเท่าของราคาตลาด นอกจากนี้ผู้บริโภคยังย้อนกับมาซื้อซ ้าอีกหลายครั้ง ผู้บริโภคติดใจในรสชาดที่ทั้ง เหนียวและนุ่มแถมยังมีรสหวาน นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะได้รับสารแอนโทไซยานินที่มี คุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
คา แนะน าการบริโภค ส าหรับเคล็ดลับในการท าให้ข้าวโพดข้าวเหนียว น่ารับประทาน หอมหวาน เหนียวนุ่ม แถมเมล็ดยัง เต่งตึง และ คงคุณค่าทางอาหารอย่างเต็มเปี่ยม มีขั้นตอน ง่าย ๆ ดังนี้ 1. น าฝักข้าวโพด (ข้าวโพดที่มีสีม่วง ที่เก็บเกี่ยวช่วงอายุ 67-70 วัน จะมีรสชาติดีที่สุด) ปอกเปลือกหุ้มฝักออก โดยให้เหลือเปลือกหุ้มฝักติดกับฝักประมาณ 2-3 ชั้น เพื่อรักษาสารแอนโทไซยานิน ให้คงอยู่ ในเมล็ด และท าให้เมล็ดมีความเต่งตึงน่ารับประทาน 2. เตรียมหม้อนึ่ง และใส่น ้า/ต้มน ้าให้เดือด 3. น าฝักข้าวโพดที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 วางเรียงลงในหม้อนึ่ง ที่น ้าเดือดแล้ว ปิดฝา ใช้เวลา ในการนึ่งประมาณ 25-30 นาที 4. เมื่อครบ 25 - 30 นาที ก็สามารถน าออกมารับประทานได้ หรืออาจปรุงรสด้วยเกลือ เล็กน้อยก่อนน าไปบริโภคก็ได้ 5. สารแอนโทไซยานิน มีสีม่วง ละลายได้ดีในความเย็น ดังนั้น ควรปล่อยให้ฝักข้าวโพดสี ม่วงที่ต้มเย็นลงในระดับอุ่น ๆ ก่อนรับประทาน จะท าให้สีม่วงไม่ติดมือ และรสชาดรวมทั้งคุณค่าทางอาหาร ยังคงเดิม
ช่องทำงติดต่อ ไลน์ออฟฟศิเชี่ยล เฟสบุ๊ก แฟนเพจ 063-0836339 จัดท ำโดย บริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จ ำกัด