The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จังหวัด แม่ฮ่องสอน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by IM PHIYA., 2020-11-02 07:42:25

จังหวัด แม่ฮ่องสอน

จังหวัด แม่ฮ่องสอน

Keywords: จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เร่ือง...จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน
จดั ทำโดย

นำงสำว พยิ ดำ ศรีมณฑำ
ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 หอ้ ง 10 เลขที่ 24

เสนอ
คุณครู สุวำรีย์ ยภ่ี ู่

ภำคเรียนที่ 1 ปี กำรศึกษำ 2563
โรงเรียนกรรณสูตศึกษำลยั จงั หวดั สุพรรณบรุ ี


คำนำ
รำยงำนเล่มน้ีจดั ทำข้ึนเพือ่ เป็นส่วนหน่ึงของ วชิ ำ คอมพวิ เตอร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 เพื่อใหไ้ ดศ้ ึกษำหำ
ควำมรู้ใน เรื่อง...จงั หวดั แม่ฮ่องสอน และไดศ้ ึกษำอยำ่ งเขำ้ ใจเพ่ือเป็นประโยชน์
ผจู้ ดั ทำหวงั วำ่ รำยงำนเล่มน้ีขะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่ำน หรือนกั เรียน ท่ีกำลงั หำขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่ หำกมี
ขอ้ แนะนำหรือขอ้ ผิดพลำดประกำรใด ผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มำ ณ ที่น้ีดว้ ย

ผจู้ ดั ทำ
พิยดำ ศรีมณฑำ

สำรบญั ข

เรื่อง หนำ้
คำนำ ก
สำรบญั ข
ประวตั ิควำมเป็นมำ 1-5
คำขวญั และสญั ลกั ษณ์ 6-9
ท่ีต้งั ขนำดพ้นื ท่ี และอำณำเขต 10
ลกั ษณะภูมิประเทศ และ ภมู ิอำกำศ 11-18
ทรัพยำกรธรรมชำติ 19-24
กำรเดินทำง 25-28
สำธำรณูปโภค 29-30
เขตกำรปกครอง 31
ลกั ษณะทำงสงั คม 32-33
กำรศึกษำ 34-39
กำรสำธำรณสุข 40-42
ผลิตภณั ฑส์ ำคญั และมีชื่อเสียง 43-45
กำรคำ้ ชำยแดน 46-47
ภำคผนวก 48

1

ประวัติความเป็ นมา

จงั หวดั แม่ฮ่องสอนเคยเป็นถิ่นที่อยขู่ องมนุษยม์ ำต้งั แตย่ คุ ก่อนประวตั ิศำสตร์ จำกหลกั ฐำนทำงโบรำณคดีท่ี
ขดุ คน้ ไดใ้ นถ้ำแถบอำเภอปำงมะผำ้ พบเมลด็ พืชท่ีใชเ้ ป็นอำหำร เช่น เมลด็ น้ำเตำ้ แตงกวำ ถวั่ ฝักยำว ขำ้ วเปลือก
โครงกระดูกมนุษยโ์ บรำณในโลงผแี มน ลูกปัด เมลด็ ขำ้ ว เศษภำชนะดินเผำ ขวำนหิน เป็นตน้ นกั โบรำณคดีได้
ศึกษำวำ่ เป็นมนุษยย์ คุ หิน (7,000-4,500 ปี ) จำกหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ พอสรุปไดว้ ำ่ เมืองปำย เดิมเรียกวำ่
บำ้ นดอน ก่อต้งั ข้ึนประมำณปี พ.ศ. 1800 ตรงกบั สมยั อำณำจกั รลำ้ นนำ โดยชำวไทใหญช่ ื่อพะก่ำซอ ไดร้ วบรวม
คนจำกเมืองตำ่ ง ๆ ในประเทศพม่ำ เขำ้ มำสำรวจและก่อต้งั หมบู่ ำ้ นจนเป็นชุมชนขนำดใหญ่ กษตั ริยแ์ ห่ง
อำณำจกั รลำ้ นนำคิดจะยดึ เป็นเมืองข้ึน จึงนำทพั มำตีอยหู่ ลำยคร้ังหลำยสมยั กไ็ มส่ ำมำรถยดึ ได้ จนประมำณปี
พ.ศ. 2020 พระเจำ้ ติโลกรำชแห่งอำณำจกั รลำ้ นนำ ไดใ้ หแ้ มท่ พั ชื่อศรีใจยำ ยกทพั มำตีบำ้ นดอนไดส้ ำเร็จ และ
ไดร้ ับแต่งต้งั ใหเ้ ป็นเจำ้ ชยั สงครำมปกครองบำ้ นดอนในเวลำต่อมำ และบริเวณอำเภอแมส่ ะเรียงในปัจจุบนั เดิม
เรียกวำ่ เมืองยวม เป็นเมืองหนำ้ ด่ำนของเมืองเชียงใหมท่ ่ีจะคอยป้องกนั กำรรุกรำนของพม่ำ จนถึงสมยั ก่อนกรุง
รัตนโกสินทร์ พ้ืนที่บริเวณท่ีเป็นจงั หวดั แม่ฮ่องสอนในปัจจุบนั เป็นช่องทำงที่กองทพั พม่ำผำ่ นเพือ่ มำตีกรุงศรี
อยธุ ยำและหวั เมืองฝ่ำยเหนือของไทย มีผคู้ นอำศยั อยตู่ ำมรอยตอ่ ระหวำ่ งประเทศไทยและประเทศพมำ่ บริเวณท่ี
รำบริมเชิงเขำทำเลที่เหมำะสำหรับกำร

2

เพำะปลูกในลกั ษณะชุมชนบำ้ นป่ ำ ผคู้ นที่อำศยั ตำมท่ีรำบส่วนใหญเ่ ป็นชำวไทใหญ่ ส่วนผคู้ นท่ีอำศยั อยบู่ นภูเขำ
มกั จะเป็นกะเหรี่ยง ลวั ะ และมเู ซอ

ปี พ.ศ. 2374 ตรงกบั สมยั ของพระบำทสมเดจ็ พระนง่ั เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั รัชกำลท่ี 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และสมยั
ของพระยำพทุ ธวงค์ เจำ้ ผคู้ รองนครเชียงใหม่ องคท์ ่ี 4 เจำ้ หนำนมหำวงศ์ (พระเจำ้ มโหตรประเทศ เจำ้ ผคู้ รอง
นครเชียงใหม่ องคท์ ี่ 5 ขณะเป็นอุปรำช) ตอ้ งกำรชำ้ งป่ ำไวใ้ ชง้ ำน จึงให้ “เจำ้ แกว้ เมืองมำ” เป็นแม่กองนำไพร่พล
ชำ้ งตอ่ และหมอควำญ ออกเดินทำงไปตรวจชำยแดนดำ้ นตะวนั ตกของนครเชียงใหม่และจบั ชำ้ งป่ ำมำฝึกใชง้ ำน
เจำ้ แกว้ เมืองมำยกกระบวน

เดินทำงรอนแรมจำกเชียงใหม่ผำ่ นไปทำงเมืองปำย ใชเ้ วลำหลำยคนื จนบรรลถุ ึงป่ ำโปร่งแห่งหน่ึงทำงทิศใตร้ ิม
ฝ่ังแม่น้ำปำย เป็นบริเวณท่ีมีหมูป่ ำลงมำกินโป่ งชุกชุม เจำ้ แกว้ เมืองมำพจิ ำรณำเห็นวำ่ ท่ีแถวน้ีเป็นทำเลท่ีดี น้ำท่ำ
บริบรู ณ์ สมควรท่ีจะต้งั เป็นหมบู่ ำ้ น จึงหยดุ พกั อยู่ ณ ที่น้ี และเรียกผคู้ นที่ต้งั บำ้ นเรือนอยรู่ ิมหว้ ย ริมเขำซ่ึงเป็น
ชำวไทใหญ่และกะเหรี่ยง (ยำงแดง) มำประชุมช้ีแจงใหท้ รำบถึงควำมคดิ ที่จะต้งั บริเวณน้ีข้นึ เป็นหมู่บำ้ น และ
บกุ เบิกที่ดินที่เป็นไร่นำท่ีทำมำหำกินตอ่ ไป เจำ้ แกว้ เมืองมำแต่งต้งั ใหช้ ำวไทใหญผ่ หู้ น่ึงซ่ึงเป็นคนเฉลียวฉลำด
และมีควำมรู้ดีกวำ่ คนอ่ืนในหม่บู ำ้ น ชื่อวำ่ “พะกำหม่อง” ใหเ้ ป็น “ก๊ำง” (คือตำแหน่งนำยบำ้ นหรือผใู้ หญ่บำ้ น)
คอยควบคมุ ดูแลและใหค้ ำแนะนำลูกบำ้ นในกำรดำเนินกำรต่อไป พะกำหม่องไดช้ กั ชวนเกล้ียกล่อมพวกท่ีอยู่
ใกลเ้ คยี งใหย้ ำ้ ยมำอยรู่ วมกนั แลว้ ต้งั ชื่อหมบู่ ำ้ นน้นั วำ่ “บำ้ นโป่ งหม”ู (ต่อมำเพ้ียนเป็นปำงหม)ู เมื่อจดั ต้งั หมบู่ ำ้ น
แลว้ เจำ้ แกว้ เมืองมำก็ยกขบวนเดินทำงตรวจชำยแดนและคลอ้ งชำ้ งป่ ำตอ่ ไปจนถึงลำหว้ ยแห่งหน่ึง มีรอยชำ้ งป่ ำ
อยมู่ ำกมำย ก็หยดุ คลอ้ งชำ้ งป่ ำไดห้ ลำยเชือก และต้งั คอกสอนชำ้ งในร่องห้วย ริมหว้ ยน้นั เป็นพ้ืนท่ีรำบกวำ้ งขวำง
พ้นื ดินดีกวำ่ บำ้ นโป่ งหมู และมีชำวไทใหญอ่ ำศยั อยเู่ ป็นอนั มำก เจำ้ แกว้ เมืองมำเห็นวำ่ เป็นทำเลที่เหมำะสมพอจะ
ต้งั เป็นหมบู่ ำ้ นอีกแห่งหน่ึง จึงเรียกชำวไทใหญค่ นหน่ึงจำกบำ้ นโป่ งหมคู ือ “แสนโกม” บตุ รเขยของพะกำหม่อง
ใหม้ ำเป็นหวั หนำ้ เกล้ียกลอ่ มผคู้ นใหม้ ำอยรู่ วมกนั จนกลำยเป็นหมบู่ ำ้ น เรียกวำ่ “บำ้ นแม่ฮ่องสอน” เม่ือเจำ้ แกว้
เมืองมำคลอ้ งชำ้ งป่ ำได้

3

พอสมควรแลว้ กเ็ ดินทำงกลบั นครเชียงใหม่ พะกำหม่องและแสนโกมไดช้ กั ชวนผคู้ นท่ีอยใู่ กลเ้ คยี งใหอ้ พยพ
ครอบครัวมำต้งั บำ้ นเรือนอยูท่ ำมำหำกินจนแน่นหนำข้นึ เป็นหมู่บำ้ นใหญ่ ต่อมำพะกำหม่องและแสนโกมเห็นวำ่
บริเวณน้นั มีไมส้ กั มำก หำกตดั เอำไมส้ ักไปขำยประเทศพม่ำโดยใชว้ ิธีชกั ลำกลงลำหว้ ย แลว้ ปล่อยใหไ้ หลลง
แมน่ ้ำคง (แม่น้ำสำละวิน) ก็คงไดเ้ งินมำช่วยในดำ้ นเศรษฐกิจและกำรบำรุงบำ้ นเมือง เม่ือปรึกษำหำรือกนั ดีแลว้
พะกำหม่องและแสนโกมจึงเดินทำงมำเขำ้ เฝ้ำพระเจำ้ มโหตรประเทศ เจำ้ ผคู้ รองนครเชียงใหม่ เพือ่ กรำบทลู ขอ
อนุญำตตดั ฟันชกั ลำกไมไ้ ปขำย แลว้ จะแบง่ เงินคำ่ ตอไมต้ อบแทนถวำยตลอดปี พระเจำ้ มโหตรประเทศทรง
อนุญำต พะกำหม่องและแสนโกมจึงไดท้ ำไมข้ อนสักส่งไปขำยที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพมำ่ ไดเ้ งินมำกเ็ ก็บ
แบง่ ถวำย

พระเจำ้ มโหตรประเทศทุกปี และนำมำใชบ้ ำรุงบำ้ นเมือง และประโยชน์ส่วนตวั บำ้ นโป่ งหม่แู ละบำ้ น
แมฮ่ ่องสอนกเ็ จริญข้นึ ตำมลำดบั

ปี พ.ศ. 2399 ตรงกบั สมยั พระเจำ้ กำวโิ ลรสสุริยวงศ์ เจำ้ ผคู้ รองนครเชียงใหม่ องค์ท่ี 6 หัวเมืองไทใหญท่ ่ีต้งั อยู่
แถบฝ่ังแมน่ ้ำคง (แม่น้ำสำละวิน) ดำ้ นตะวนั ตก ในประเทศพม่ำ อำทิ เมืองจ๋ำมก่ำ เมืองหมอกใหม่ เป็นตน้ เกิด
กำรจลำจล รบรำฆำ่ ฟัน มีชำวไทใหญ่อพยพเขำ้ มำอยทู่ ่ีบำ้ นปำงหมแู ละบำ้ นแมฮ่ ่องสอน บำงพวกอพยพลงไป
ทำงใตอ้ ำศยั อยทู่ ่ีบำ้ นขนุ ยวม (หมู่บำ้ นไทใหญ่บนภเู ขำ) บำงพวกอพยพเลยข้ึนไปทำงเหนือไปอยทู่ ่ีเมืองปำย กำร
อพยพคร้ังน้นั มีชำวไทใหญ่ผหู้ น่ึง ช่ือ “ชำนกะเล” (ตำมตำนำนคนไทใหญ่ กลำ่ ววำ่ ชำนกะเลเป็นยอดทหำรฝีมือ
เอกของเจำ้ ฟ้ำโกหร่ำน เจำ้ ฟ้ำชำวไทใหญผ่ ปู้ กครองเมืองหมอกใหม่ เป็นคนรักของเจำ้ นำงเมวดีหรือท่ีชำว
แม่ฮ่องสอนเรียกวำ่ “เจำ้ นำงเมี๊ยะ” หลำนของเจำ้ ฟ้ำโกหร่ำน) ชำนกะเลเป็นคนขยนั กลำ้ หำญ เฉลียวฉลำด
ซื่อสัตย์ อดทน หลงั จำกอพยพเขำ้ มำอำศยั ท่ีบำ้ งปำงหมูไดช้ ่วยพะกำหมอ่ งทำไมด้ ว้ ยควำมซ่ือสัตยแ์ ละต้งั ใจ
ทำงำนโดยไมเ่ ห็นแก่เหนื่อยยำก พะกำหม่องไวว้ ำงใจและรักใคร่มำกจึงยกบุตรสำวช่ือคำใสใหเ้ ป็นภรรยำ

4

ตอ่ มำภำยหลงั นำงคำใสตำย ชำนกะเลไดแ้ ตง่ งำนกบั เจำ้ นำงเมี๊ยะและนำครอบครัวพร้อม “ป่ ูโทะ” คนสนิทลงใต้
ไปต้งั เมืองอยบู่ นภเู ขำทำงเหนือตน้ แม่น้ำยวม เรียกวำ่ เมืองก๋นุ ลม (หรือขนุ ยวมในปัจจุบนั ) ชำนกะเลปกครอง
เมืองก๋นุ ลมไดเ้ จริญรุ่งเรือง มีกำรคำ้ กบั ประเทศพม่ำสำมำรถส่งค่ำตอไมใ้ หน้ ครเชียงใหม่จำนวนมำก

ปี พ.ศ. 2417 พระเจำ้ อินทวิชยำนนท์ เจำ้ ผคู้ รองนครเชียงใหม่ องคท์ ่ี 7 ไดแ้ ต่งต้งั ชำนกะเลใหเ้ ป็น “พญำสิง
หนำทรำชำ” ใหม้ ำปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน โดยยกฐำนะบำ้ นแม่ฮ่องสอนใหเ้ ป็นเมืองแมฮ่ ่องสอน เปล่ียนชื่อ
จำกบำ้ นดอนมำเป็นเมืองปำย และใหเ้ มืองแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองหนำ้ ด่ำน มีเมืองขุนยวมและเมืองปำยเป็นเขต
แดน เมืองยวมเป็นเมืองรอง พญำสิงหนำทรำชำไดป้ กครองพฒั นำเมืองแม่ฮ่องสอนใหเ้ จริญข้ึนอยำ่ งรวดเร็ว ได้
มีกำรขดุ คูเมืองและสร้ำงประตูเมืองข้ึนอยำ่ งมน่ั คง

ปี พ.ศ. 2427 พญำสิงหนำทรำชำไดถ้ ึงแก่กรรม พระเจำ้ อินทวิชยำนนทไ์ ดแ้ ต่งต้งั เจำ้ นำงเม๊ียะข้ึนปกครองแทน
และแตง่ ต้งั ใหป้ ่ ูโทะเป็นพญำขนั ธเสมำรำชำนุรักษ์ ท่ีปรึกษำรำชกำรแผ่นดิน

ปี พ.ศ. 2434 เจำ้ นำงเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจำ้ อินทวชิ ยำนนทจ์ ึงแตง่ ต้งั พญำขนั ธเสมำรำชำนุรักษเ์ ป็นพญำพทิ กั ษ์
สยำมเขต ใหป้ กครองเมืองแม่ฮ่องสอน

ปี พ.ศ. 2443 ตรงกบั สมยั พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั รัชกำลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีกำร
จดั ระบบกำรปกครองใหม่โดยรวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขนุ ยวม เมืองยวม (แม่สะเรียง) และเมืองปำย เป็น
หน่วยเดียวกนั เรียกวำ่ “บริเวณเชียงใหม่-ตะวนั ตก” ต้งั ที่ว่ำกำรแขวง (เทียบเทำ่ เมือง) ที่เมืองขนุ ยวม โดยต้งั นำย
โหมดเป็นนำยแขวง (แจง้ ควำมเสนำบดีกระทรวงมหำดไทย ลงวนั ที่ 11 กรกฏำคม ร.ศ. 119) และในปี เดียวกนั น้ี
ทำงเมืองเชียงใหม่ ไดแ้ ตง่ ต้งั นำยขนุ หลู่ บุตรของพญำพทิ กั ษส์ ยำมเขต เป็นพญำพิศำลฮ่องสอนบุรี ปี พ.ศ. 2446
ยำ้ ยท่ีวำ่ กำรแขวงจำกเมืองขนุ ยวม ไปต้งั ท่ีเมืองยวมแลว้ เปลี่ยนชื่อเป็น “บริเวณพำยพั เหนือ”

5

ปี พ.ศ. 2450 พญำพทิ กั ษส์ ยำมเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแตง่ ต้งั พญำพศิ ำลฮ่องสอนบรุ ีข้ึนปกครองเมือง
แทน ปี พ.ศ. 2453 รัชกำลท่ี 5 ทรงโปรดต้งั เมืองจตั วำข้ึนกบั มณฑลพำยพั ยำ้ ยที่วำ่ กำร

แขวงจำกเมืองยวม มำที่เมืองแม่ฮ่องสอน ใหช้ ่ือวำ่ “จงั หวดั แม่ฮ่องสอน” และโปรดเกลำ้ ฯ ให้ พระศรสุรรำช
(เปล้ือง) เป็นผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั แมฮ่ ่องสอนคนแรก

ปี พ.ศ.2476 ตรงกบั สมยั พระบำทสมเด็จพระปกเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั รัชกำลท่ี 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มีกำร
เปลี่ยนแปลงกำรปกครองเป็นระบอบประชำธิปไตยอนั มีพระมหำกษตั ริยเ์ ป็นพระประมขุ จงั หวดั แม่ฮ่องสอนได้
โอนข้ึนตรงต่อกระทรวงมหำดไทยจนถึงปัจจุบนั

6

คาขวัญและสัญลกั ษณ์

เครื่องหมำยรำชกำรของจงั หวดั

“รูปชำ้ งในทอ้ งน้ำ” หมำยถึง กำรฝึกชำ้ งป่ ำใหร้ ู้จกั กำรบงั คบั บญั ชำในกำรรบและงำนตำ่ งๆ สำเหตทุ ่ีใชร้ ูปชำ้ ง
ในทอ้ งน้ำเป็นตรำประจำจงั หวดั เพรำะเป็นท่ีมำของกำรต้งั เมืองแม่ฮ่องสอน โดยเร่ิมจำกกำรที่ เจำ้ แกว้ เมืองมำ
ออกจบั ชำ้ งให้เจำ้ เมืองเชียงใหม่ (พ.ศ.2368-2389) และไดร้ วบรวมชำวไทยใหญใ่ หม้ ำต้งั บำ้ นเมืองเป็นหลกั
แหลง่ ข้ึน 2 แห่ง มีหวั หนำ้ เป็นผปู้ กครอง คือ ท่ีบำ้ นปำงหมู และบำ้ นแมฮ่ ่องสอน สำเหตุท่ีเรียกวำ่ แม่ฮ่องสอน ก็
เพรำะวำ่ ไดม้ ำต้งั คอกฝึกชำ้ ง ณ บริเวณลำหว้ ยแห่งน้ีนน่ั เอง ท้งั น้ี เม่ือปี พ.ศ. 2483 รัฐบำลไดก้ ำหนดใหแ้ ต่ละ
จงั หวดั มีตรำประจำจงั หวดั หรือเคร่ืองหมำยรำชกำรของจงั หวดั ตำมพระรำชบญั ญตั ิเคร่ืองหมำยรำชกำร พ.ศ.
2482 โดยมอบหมำยใหก้ รมศิลปำกรเป็นผอู้ อกแบบตรำประจำจงั หวดั ตำมแนวคิดที่แต่ละจงั หวดั กำหนดไว้
สำหรับจงั หวดั แม่ฮ่องสอนเป็นรูปชำ้ งเล่นนำ้ํ ต่อมำในปี พ.ศ. 2547 ไดม้ ีประกำศสำนกั นำยกรัฐมนตรี เร่ือง
กำหนดภำพเคร่ืองหมำยรำชกำรตำมพระรำชบญั ญตั ิเคร่ืองหมำยรำชกำร พทุ ธศกั รำช 2482 (ฉบบั ที่ 214) สำหรับ
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน คงใชร้ ูปชำ้ งในทอ้ งนำ้ํ เช่นเดิม

7

คำขวญั ประจำจงั หวดั
“หมอกสำมฤดู กองมเู สียดฟ้ำ ป่ ำเขยี วขจี ผคู้ นดี ประเพณีงำม ลือนำมถ่ินบวั ตอง”

ดอกไมป้ ระจำจงั หวดั

“ดอกบวั ตอง” บวั ตอง เป็นไมด้ อกมีอำยยุ นื ยำวหลำยปี สำมำรถสูงไดถ้ ึง 5 เมตร ออกดอกเป็นช่อเด่ียวบริเวณ
ปลำยก่ิง มีสีเหลืองคลำ้ ยดอกทำนตะวนั แตม่ ีขนำดเลก็ กวำ่ ดอกวงนอกเป็นหมนั กลีบดอกเรียวมีประมำณ 12–
14 กลีบ ดอกวงในสีเหลืองส้ม เป็นดอกสมบรู ณ์เพศ ใบบวั ตองเป็นใบเด่ียว รูปไข่หรือแกมขอบขนำน มีขนข้ึน
เลก็ นอ้ ยประปรำย ปลำยใบเวำ้ ลึก 3–5 แฉก ตน้ ไมป้ ระจำจงั หวดั “ตน้ กระพ้จี น่ั ” ชื่อวทิ ยำศำสตร์ Millettia
brandisiana Kurz วงศ์ LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE ชื่อสำมญั – ช่ืออ่ืน จนั่ พ้จี นั่ ,ป้ี จนั่ ไมต้ น้ ผลดั ใบ
สูง 8-10 เมตร เปลือกสีเทำเขม้ ใบประกอบแบบขนนกปลำยคเ่ี รียงสลบั ใบประกอบยอ่ ยเรียงตรงขำ้ ม มี 6-10 คู่
รูปรีหรือรูปขอบขนำน กวำ้ ง1.1.5 เซนติเมตร ยำว 3-4.5 เซนติเมตร ปลำยใบแหลมหรือมน โคนใบมนหรือรูป
ลิ่ม เบ้ียว ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตำมซอกใบและปลำยกิ่งกลีบเล้ียงจำนวน 5 กลีบ กลีบดอกรูปดอกถว่ั สี
ขำวปนม่วง เกสรเพศผู้ 10 อนั แยกเป็น 2 มดั มดั ละ 9 อนั และ 1 อนั รังไข่อยเู่ หนือวงกลีบผลเป็นฝักแบน โคน
แคบ กวำ้ ง 2-2.5 เซนติเมตร ยำว 9-12 เซนติเมตร เปลือกหนำคลำ้ ยแผน่ หนงั ขอบเป็นสัน แหง้ แลว้ แตก เมลด็ 1-
4 เมลด็ สีน้ำตำล มีเขตกำรกระจำยพนั ธุ์ในประเทศไทยและประเทศ ข้ึนในป่ ำเบจพรรณและป่ ำเตง็ รัง ทำง
ภำคเหนือ ภำคกลำง และภำคตะวนั ตกเฉียงใต้ ออกดอกเดือนธนั วำคม-มีนำคม โดยเมลด็ และปักชำรำก กำรใช้
ประโยชน์ คือ เน้ือไมใ้ หท้ ำเยอื่ กระดำษ ดำ้ มเคร่ืองมือ ของเล่นเด็ก ดอกไมป้ ระดิษฐ์

8

ตน้ ไมป้ ระจำจงั หวดั
เมื่อวนั ที่ 9 พฤษภำคม 2537 สมเดจ็ พระนำงเจำ้ สิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ ในรัชกำลท่ี 9 ไดพ้ ระรำชทำนกลำ้ ไม้
มงคล ใหผ้ วู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ทกุ จงั หวดั นำไปปลูกเป็นสิริมงคล สำหรับจงั หวดั แม่ฮ่องสอน พนั ธุ์ไมท้ ี่ไดร้ ับ
พระรำชทำน ไดแ้ ก่ “ตน้ กระพ้จี น่ั ” ตน้ กระพ้จี นั่ มีช่ือวทิ ยำศำสตร์ คือ Millettia brandisiana Kurz วงศ์
LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE ชื่ออื่น เช่น จนั่ พ้จี น่ั ป้ี จนั่ เป็นไมต้ น้ ผลดั ใบ สูง 8-10 เมตร เปลือกสี
เทำเขม้ ใบประกอบแบบขนนกปลำยคเ่ี รียงสลบั ใบประกอบยอ่ ยเรียงตรงขำ้ ม มี 6-10 คู่ รูปรีหรือรูปขอบขนำน
กวำ้ ง1.1.5 เซนติเมตร ยำว 3-4.5 เซนติเมตร ปลำยใบแหลมหรือมน โคนใบมนหรือรูปลิ่ม เบ้ียว ช่อดอกแบบช่อ
แยกแขนง ออกตำมซอกใบและปลำยกิ่งกลีบเล้ียงจำนวน 5 กลีบ กลีบดอกรูปดอกถวั่ สีขำวปนม่วง เกสรเพศผู้
10 อนั แยกเป็น 2 มดั มดั ละ 9 อนั และ 1 อนั รังไข่อยเู่ หนือวงกลีบผลเป็นฝักแบน โคนแคบ กวำ้ ง 2-2.5
เซนติเมตร ยำว 9-12 เซนติเมตร เปลือกหนำคลำ้ ยแผน่ หนงั ขอบเป็นสัน แหง้ แลว้ แตก เมลด็ 1-4 เมลด็ สีน้ำตำล
มีเขตกำรกระจำยพนั ธุ์ในประเทศไทยและประเทศ ข้ึนในป่ ำเบจพรรณและป่ ำเตง็ รัง ทำงภำคเหนือ ภำคกลำง
และภำคตะวนั ตกเฉียงใต้ ออกดอกเดือนธนั วำคม-มีนำคม โดยเมลด็ และปักชำรำก กำรใชป้ ระโยชน์ คือ เน้ือไม้
ใหท้ ำเยอ่ื กระดำษ ดำ้ มเคร่ืองมือ ของเลน่ เดก็ ดอกไมป้ ระดิษฐ์

9
ธงประจำจงั หวดั
พ้ืนธงเป็นสีน้ำตำล–สีฟ้ำ–สีน้ำตำล แบง่ ตำมแนวนอนเป็นสำมส่วนเท่ำกนั กลำงแถบสีฟ้ำเป็นรูปตรำประจงั หวดั
ในวงกลมสีแดง รูปตรำประจำจงั หวดั ดำ้ นบนเป็นภำพทอ้ งฟ้ำสีฟ้ำ มีเมฆสีเหลือง ต่ำลงมำเป็นทอ้ งน้ำสีฟ้ำ มีริ้ว
คล่ืนน้ำสีขำว ในน้ำมีชำ้ งพลำยสีน้ำตำล 1 เชือก ดำ้ นล่ำงเป็นแถบสีเหลืองขอบแดง ตรงกลำงมีคำวำ่ “จงั หวดั
แม่ฮ่องสอน” สีแดง

สีประจำจงั หวดั
สีฟ้ำ – สีน้ำตำล

10

ทีต่ ้งั ขนาดพื้นท่ี และอาณาเขต

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน เป็นจงั หวดั ชำยแดนอยทู่ ำงภำคเหนือตอนบน ต้งั อยทู่ ำงภำคเหนือไปทำงทิศตะวนั ตกเฉียง
เหนือของประเทศไทย ระหวำ่ งเสน้ รุ้ง(ละติจูด) ท่ี 17 องศำ 38 ลิปดำ – 19 องศำ 48 ลิปดำเหนือ และเส้นแวง
(ลองติจูด) ท่ี 97 องศำ 20 ลิปดำ – 98 องศำ 39 ลิปดำตะวนั ออก ห่ำงจำกกรุงเทพมหำนครประมำณ 924
กิโลเมตร มีเน้ือท่ีประมำณ 12,780.493232 ตำรำงกิโลเมตร (หรือประมำณ 7,987,808.27 ไร่) เป็นจงั หวดั ที่มี
ขนำดใหญ่เป็น 3 ของภำคเหนือ และเป็นอนั ดบั 8 ของประเทศ พ้ืนท่ีมีรูปร่ำงเรียวยำวจำกทิศเหนือจรดทิศใต้ มี
ควำมยำวประมำณ 250 กิโลเมตร และควำมกวำ้ งประมำณ 95 กิโลเมตร พ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนท่ีป่ ำไม้ ประมำณ
10,976.979104 ตำรำงกิโลเมตร (หรือประมำณ 6,860,611.94 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 85.99 ของพ้นื ที่จงั หวดั มีพ้ีนที่
ถือครองทำงกำรเกษตร ประมำณ 498.8256 ตำรำงกิโลเมตร (หรือประมำณ 311,766 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 3.90
ของพ้นี ที่จงั หวดั ทุกอำเภอของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีเขตแดนติดต่อกบั สำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ (ประเทศ
เมียนมำ) รวมระยะทำงประมำณ 483 กิโลเมตร โดยเป็นพ้ืนดินประมำณ 362 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำประมำณ 157
กิโลเมตร แบง่ เป็นแม่น้ำสำละวิน 127 กิโลเมตร และแมน่ ้ำเมย 30 กิโลเมตร อำณำเขตติดต่อกบั จงั หวดั ใกลเ้ คียง
และประเทศเพอ่ื นบำ้ น เป็นดงั น้ี

ทิศเหนือ/ทิศตะวนั ตก ติดต่อกบั รัฐฉำน รัฐคะยำและรัฐคอทูเล ประเทศเมียนมำ โดยมีเทือกเขำถนนธงชยั
ตะวนั ตก แม่น้ำสำละวนิ และแม่น้ำเมย เป็นแนวพรมแดนก้นั ระหวำ่ งประเทศ

ทิศใต้ ติดต่อกบั อำเภอท่ำสองยำง จงั หวดั ตำก โดยมีแมน่ ้ำยวมและแม่น้ำเงำ เป็นแนวเขตระหวำ่ งจงั หวดั

ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กบั อำเภอเวียงแหง เชียงดำว แม่แตง สะเมิง กลั ยำณิวฒั นำ แม่แจ่ม ฮอด และอมก๋อย(จำก
เหนือลงใต)้ จงั หวดั เชียงใหม่ โดยมีเทือกเขำถนนธงชยั กลำง และเทือกเขำถนนธงชยั ตะวนั ออก เป็นแนวเขต
ระหวำ่ งจงั หวดั

11

ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ และ ภูมิอากาศ

ลกั ษณะภูมิประเทศ

พ้ืนท่ีส่วนใหญข่ องจงั หวดั แม่ฮ่องสอน เป็นทิวเขำสูงสลบั ซบั ซอ้ น และยงั คงเป็นป่ ำไมต้ ำมธรรมชำติที่อุดม
สมบูรณ์ โดยมีเน้ือที่ป่ ำไม้ ประมำณ 10,976.979104 ตำรำงกิโลเมตร (หรือประมำณ 6,860,611.94 ไร่) คดิ เป็น
ร้อยละ 85.99 ของเน้ือท่ีจงั หวดั มีทิวเขำเรียงตำมแนวทิศเหนือ–ใตข้ นำนกนั มีทิวเขำท่ีสำคญั คอื ทิวเขำแดนลำว
อยทู่ ำงตอนเหนือสุดของจงั หวดั เป็นแนวแบง่ เขตแดนประเทศไทยกบั ประเทศเมียนมำ และทิวเขำถนนธงชยั ซ่ึง
ประกอบดว้ ยทิวเขำเรียงกนั 3 แนว คือ ทิวเขำถนนธงชยั ตะวนั ตก เป็นแนวเขตแดนไทย – ประเทศเมียนมำ ทิว
เขำถนนธงชยั กลำงอยรู่ ะหวำ่ งแมน่ ้ำยวมและแม่น้ำแมแ่ จ่ม และทิวเขำถนนธงชยั ตะวนั ออก อยทู่ ำงทิศตะวนั ออก
ของจงั หวดั เป็นแนวแบ่งเขตระหวำ่ งจงั หวดั แม่ฮ่องสอนกบั จงั หวดั เชียงใหม่ ยอดเขำที่สูงที่สุด คือ ยอดเขำแมย่ ะ
อยบู่ ริเวณทิวเขำถนนธงชยั ตะวนั ออก ทำงทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือของจงั หวดั ในเขตอำเภอปำย ซ่ึงสูงจำก
ระดบั น้ำทะเล ประมำณ 2,005 เมตร พ้ืนที่รำบท่ีมีจำกดั เพียง 211,413 ไร่ หรือร้อยละ 2.6 ของพ้นื ที่จงั หวดั
บริเวณอำเภอแมส่ ะเรียง บริเวณอำเภอขนุ ยวมและบริเวณอำเภอปำยแหล่งน้ำธรรมชำติที่สำคญั คือ แม่น้ำปำย ซ่ึง
มีตน้ กำเนิดจำกทิวเขำถนนธงชยั ไหลผำ่ นจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ไปบรรจบกบั แม่น้ำสำละวิน มีควำมยำว 135
กิโลเมตร แมน่ ้ำยวม ซ่ึงมีตน้ กำเนินจำกภูเขำ ดำ้ นตะวนั ออกของอำเภอขนุ ยวม ไหลผำ่ นอำเภอแมล่ ำนอ้ ยและ
อำเภอแมส่ ะเรียง ไปบรรจบกบั แมน่ ้ำเมย มีควำมยำว 160 กิโลเมตร และ แมน่ ้ำสะมำด ซ่ึงมีตน้ กำเนิดจำกดอยแม่
สะมำด ไหลผำ่ นอำเภอเมืองลงสู่แมน่ ้ำปำย

12

สภำพลมุ่ น้ำ

พ้นื ที่ของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีพ้ืนที่ต้งั อยใู่ นเขตลมุ่ น้ำสำละวิน 12,643.52 ตำรำงกิโลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 99.10
ของพ้ืนท่ีจงั หวดั และมีพ้นื ท่ีต้งั อยใู่ นเขตล่มุ น้ำปิ ง 123.75 ตำรำงกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.97 ของพ้ืนท่ีจงั หวดั
มีรำยละเอียด ดงั น้ี

(1) ล่มุ น้ำสำละวิน ต้งั อยทู่ ำงทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีพ้นื ท่ีล่มุ น้ำรวมท้งั สิ้น 19,103.50 ตำรำง
กิโลเมตร ครอบคลมุ พ้ืนท่ีใน 4 จงั หวดั โดยพ้นื ท่ีส่วนใหญ่อยใู่ นเขตจงั หวดั แม่ฮ่องสอน พ้ืนท่ีบำงส่วนของ
จงั หวดั ตำกและเชียงใหม่ และในจงั หวดั กำแพงเพชรมีพ้นื ที่เพยี งเลก็ นอ้ ย ลกั ษณะภูมิประเทศของลุ่มน้ำส่วน
ใหญ่เป็นเทือกเขำสูงชนั คดเค้ยี ว มีแนวต่อมำจำกเทือกเขำหิมำลยั มีควำมตำ่ งระดบั มำก จำกบริเวณปำกแมน่ ้ำซ่ึง
มีควำมสูงประมำณ 200 เมตรจำกระดบั น้ำทะเลปำนกลำง จนถึงยอดเขำแม่ยะมีควำมสูง 2,005 เมตรจำก
ระดบั น้ำทะเลปำนกลำง ลกั ษณะภมู ิประเทศที่ซบั ซอ้ นน้ี ก่อใหเ้ กิดลุ่มน้ำยอ่ ยท่ีมีควำมแตกต่ำงกนั ท้งั ลกั ษณะลมุ่
น้ำและทิศทำงกำรไหลของแม่น้ำสำยหลกั ลำน้ำสำยหลกั ไดแ้ ก่ แม่น้ำปำย ซ่ึงมีตน้ กำเนินจำกเทือกเขำแดนลำว
ลำน้ำเมยซ่ึงมีตน้ กำเนิดจำกเทือกเขำก้นั เขตแดนไทย-สหภำพพมำ่ แม่น้ำยวมซ่ึงมีตน้ กำเนินจำกเทือกเขำแดนลำว
อำเภอขนุ ยวม จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ลำน้ำสำขำของแมน่ ้ำยวมไดแ้ ก่ แมน่ ้ำปอน และน้ำแมล่ ะหลวงลมุ่ น้ำสำละวิ
นแบ่งพ้ืนท่ีออกเป็น 4 กลุ่มลุ่มน้ำสำขำ / 17 ลมุ่ น้ำสำขำ ไดแ้ ก่ กลุม่ ลุม่ น้ำสำขำปำย ประกอบดว้ ยลุ่มน้ำสำขำ 6
ลุ่มน้ำ ไดแ้ ก่ แมน่ ้ำปำยตอนบน หว้ ยแมส่ ำ น้ำของ น้ำแม่ปำยตอนล่ำง น้ำแม่สะมำด และน้ำแมส่ ุริน กลุ่มลุ่มน้ำ
สำขำยวม ประกอบดว้ ยลุ่มน้ำสำขำ 6 ลุม่ น้ำ ไดแ้ ก่ แมน่ ้ำยวมตอนบน น้ำแมล่ ำหลวง แม่น้ำยวมตอนล่ำง น้ำแม่
สะเรียง น้ำแมร่ ิด และน้ำแม่เงำ

กลมุ่ ลมุ่ น้ำสำขำสำละวนิ ประกอบดว้ ยลมุ่ น้ำสำขำ 2 ลุม่ น้ำ ไดแ้ ก่ แม่น้ำสำละวนิ ตอนบน และน้ำแมแ่ งะ กลมุ่ ล่มุ
น้ำสำขำเมย ประกอบดว้ ยลมุ่ น้ำสำขำ 3 ลุ่มน้ำ ไดแ้ ก่ แม่น้ำเมยตอนบน หว้ ยแม่ละเมำ และแมน่ ้ำเมยตอนลำ่ ง
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีพ้ืนท่ีในเขตลุ่มน้ำสำละวนิ 12,643.52 ตำรำงกิโลเมตรคิดเป็นร้อยละ 99.10 ของพ้ืนที่
จงั หวดั และร้อยละ 66.18 ของพ้นื ท่ีในลมุ่ น้ำสำละวิน และอยใู่ น 3

13

กลุ่มล่มุ น้ำสำขำ ดงั น้ี กลมุ่ ลมุ่ น้ำสำขำปำย อยบู่ ริเวณตอนบนของลุ่มน้ำสำละวิน ในจงั หวดั แม่ฮ่องสอนและ
เชียงใหม่ มีพ้นื ท่ีลุ่มน้ำรวม 6,233.08 ตำรำงกิโลเมตร อยใู่ นจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 5,101.64 ตำรำงกิโลเมตร
ลกั ษณะพ้ืนท่ีเป็นภูเขำสูง มีท่ีรำบลุ่มน้ำมีพ้นื ที่ไมใ่ หญม่ ำกนกั อยบู่ ริเวณอำเภอปำยและเมืองแมฮ่ ่องสอน แมน่ ้ำ
ปำย มีตน้ กำเนิดจำกเทือกเขำดอยลิถี และดอยธำตุ ซ่ึงเป็นเส้นก้นั พรมแดนประเทศไทย และประเทศสหภำพ
พมำ่ ในเขตอำเภอปำย มีทิศทำงไหลจำกทำงทิศเหนือลงมำทิศใต้ แลว้ ไหลจำกทิศตะวนั ออกไปทำงทิศตะวนั ตก
ผำ่ นจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน และออกจำกเขตประเทศไทย ท่ีบำ้ นน้ำเพยี งดิน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซ่ึงอยหู่ ่ำงจำก
จุดบรรจบกบั แม่น้ำสำละวิน ในเขตประเทศสหภำพพมำ่ ประมำณ 60 กิโลเมตร รวมควำมยำวของลำน้ำ
โดยประมำณ 230 กิโลเมตร ควำมยำวลำน้ำในเขตประเทศไทยประมำณ 180 กิโลเมตร ลำน้ำสำขำที่สำคญั ของ
แมน่ ้ำปำย ไดแ้ ก่ หว้ ยแม่สำ น้ำของ น้ำแม่สะงำ่ น้ำแมส่ ุริน และน้ำแมส่ ะมำด เป็นตน้ กลุม่ ลมุ่ น้ำสำขำยวม อยู่
บริเวณตอนกลำงฝั่งตะวนั ออกของลมุ่ น้ำสำละวิน ในจงั หวดั แม่ฮ่องสอนและตำก มีพ้ืนท่ีลมุ่ น้ำรวม 6,084.61
ตำรำงกิโลเมตร มีพ้นื ที่อยใู่ นจงั หวดั แม่ฮ่องสอน 5,649.35 ตำรำงกิโลเมตร แม่น้ำยวมมีตน้ กำเนิดจำกเทือกเขำ
ดอยประตูเวยี ง และดอยน้ำพอง ในเขตอำเภอขนุ ยวม แมน่ ้ำมีทิศทำงไหลจำกเหนือลงใต้ แมน่ ้ำยวม ไหลผำ่ น
อำเภอขนุ ยวม แม่ลำนอ้ ย และแมส่ ะเรียง เม่ือบรรจบกบั น้ำแมเ่ งำที่บำ้ นสบเงำ แลว้ มีทิศทำงไหลไปทำงตะวนั ตก
ลงสู่แม่น้ำเมย ก่อนถึงจุดบรรจบแมน่ ้ำเมยและแม่น้ำสำละวนิ เลก็ นอ้ ย ลกั ษณะภมู ิประเทศมีลกั ษณะเรียวยำวใน
แนวเหนือ-ใต้ เทือกเขำดำ้ นตะวนั ออกเป็นเส้นก้นั ระหวำ่ งกล่มุ ลมุ่ น้ำสำขำยวม และลมุ่ น้ำแม่แจ่ม ซ่ึงเป็นลมุ่ น้ำ
สำขำของแมน่ ้ำปิ ง แมน่ ้ำยวมมีควำมยำวลำน้ำประมำณ 240 กิโลเมตร ลำน้ำสำขำที่สำคญั ของแม่น้ำยวม ไดแ้ ก่
น้ำแม่ลำก๊ะ น้ำแม่ลำหลวง น้ำแมส่ ะเรียง น้ำแม่ริด และน้ำแมเ่ งำ กลุ่มลมุ่ น้ำสำขำสำละวนิ อยบู่ ริเวณตอนกลำง
ฝ่ังตะวนั ตกของลุ่มน้ำสำละวิน มีพ้นื ที่ล่มุ น้ำ 1,892.57 ตำรำงกิโลเมตร ลกั ษณะภูมิประเทศมีลกั ษณะเรียวยำวใน
แนวเหนือ-ใต้ ลกั ษณะพ้ืนที่เป็นภูเขำสลบั ซบั ซอ้ น อยใู่ นเขตอำเภอแม่สะเรียง และสบเมย จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มี
ลำน้ำสำขำที่สำคญั คือ แมน่ ้ำแงะ ไหลจำกเหนือลงใต้

14

(2) ลมุ่ น้ำปิ ง ต้งั อยทู่ ำงทิศเหนือของประเทศไทย มีพ้ืนท่ีลุ่มน้ำรวมท้งั สิ้น 34,536.83 ตำรำงกิโลเมตร ครอบคลมุ
พ้นื ที่ใน 9 จงั หวดั พ้นื ที่ส่วนใหญ่อยใู่ นเขตจงั หวดั เชียงใหม่ ลำพูน ตำก และกำแพงเพชร พ้นื ที่บำงส่วนของ
จงั หวดั นครสวรรค์ และในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน สุโขทยั ลำปำง เชียงรำย มีพ้ืนท่ีเพยี งเล็กนอ้ ย แม่น้ำปิ งมีตน้
กำเนิดในทิวเขำผีปันน้ำในเขตอำเภอเชียงดำว จงั หวดั เชียงใหม่ ไหลจำกทิศเหนือลงมำทำงทิศใตผ้ ำ่ นพ้นื ท่ีใน
เขตจงั หวดั เชียงใหม่ ลำพนู ตำก มำบรรจบกบั แม่น้ำวงั ที่จงั หวดั ตำก และไหลผำ่ นจงั หวดั กำแพงเพชรไปบรรจบ
กบั แมน่ ้ำน่ำนที่ปำกน้ำโพ จงั หวดั นครสวรรค์ มีควำมยำวท้งั สิ้น 740 กิโลเมตร ลำน้ำสำขำที่สำคญั ไดแ้ ก่ แมแ่ ตง
แมง่ ดั แมก่ วง แม่ขำน แมแ่ จ่ม รวมท้งั แม่น้ำวงั ซ่ึงเป็นสำขำหลกั ท่ีใหญท่ ี่สุดดว้ ยลุ่มน้ำปิ งแบง่ พ้ืนที่ออกเป็น 20
ล่มุ น้ำสำขำ ไดแ้ ก่ แม่น้ำปิ งตอนบน น้ำแม่งดั แม่น้ำแมแ่ ตง แมน่ ้ำปิ งส่วนท่ี 2 น้ำแม่ริม น้ำแมก่ วง น้ำแม่งำน น้ำ
แม่ล้ี น้ำแมก่ ลำง แมน่ ้ำปิ งส่วนที่ 3 น้ำแม่แจ่มตอนบน น้ำแมแ่ จ่มตอนล่ำง น้ำแม่หำด น้ำแมต่ ื่น แม่น้ำปิ งส่วนท่ี 4
หว้ ยแมท่ อ้ คลองวงั เจำ้ คลองแมร่ ะกำ คลองสวนหมำก และแม่น้ำปิ งตอนลำ่ งจงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีพ้ืนที่ในเขต
ลุ่มน้ำปิ ง 123.75 ตำรำงกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.97 ของพ้ืนที่จงั หวดั และร้อยละ 0.36 ของพ้นื ที่ในลุม่ น้ำปิ ง
และในพ้ืนที่ลุ่มน้ำสำขำของลุ่มน้ำปิ ง 5 ลุ่มน้ำสำขำ ไดแ้ ก่ แม่น้ำแมแ่ ตง น้ำแม่ริม น้ำแม่งำน น้ำแม่แจ่มตอนบน
และน้ำแมแ่ จ่มตอนลำ่ ง

15

ช้นั คุณภำพลุ่มน้ำ

พ้นื ท่ีส่วนใหญข่ องจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ต้งั อยใู่ นเขตพ้ืนที่ลุ่มน้ำช้นั ท่ี 1A (ป่ ำตน้ น้ำลำธำร หำ้ มมีกำรใช้
ประโยชน์อยำ่ งอ่ืน) และพ้ืนที่ลุ่มน้ำช้นั ท่ี 2 (ทำเหมืองแร่ สวนยำงพำรำ หรือพชื ท่ีมีควำมมนั่ คงตอ่ เศษฐกิจ) มี
พ้นื ที่ 11,543.93 ตำรำงกิโลเมตร (7,214,956.08 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 90.32 ของพ้ืนท่ีจงั หวดั

พ้นื ท่ีลุ่มน้ำช้นั ท่ี 1A

พ้ืนท่ีลมุ่ น้ำช้นั ท่ี 1 หมำยถึง พ้ืนที่ภำยในลุ่มน้ำท่ีควรจะตอ้ งสงวนรักษำไวเ้ ป็นตน้ น้ำลำธำรโดยเฉพำะซ่ึงมี
องคป์ ระกอบร่วมกนั คือ เป็นพ้ืนที่สูง หรือบริเวณท่ีอยตู่ อนบนของลมุ่ น้ำท่ีจำเป็นตอ้ งอนุรักษไ์ วเ้ ป็นตน้ น้ำลำ
ธำร เนื่องจำกมีลกั ษณะและสมบตั ิท่ีอำจมีผลกระทบทำงส่ิงแวดลอ้ มจำกกำรเปล่ียนแปลงใชท้ ี่ดินไดง้ ่ำย และ
รุนแรง ส่วนมำกเป็นเทือกเขำที่เตม็ ไปดว้ ย หุบเขำ หนำ้ ผำ ยอดเขำแหลม และ/หรือร่องน้ำจำนวนมำก ซ่ึงปก
คลมุ หรือเคยปกคลุมดว้ ยป่ ำดงดิน ป่ ำดิบเขำ หรือป่ ำสนเขำ และ/หรือป่ ำชนิดอ่ืน ๆ ส่วนใหญม่ ีควำมลำดชนั โดย
เฉลี่ยของพ้ืนท่ีต้งั แต่ 60 เปอร์เซนตข์ ้นึ ไป และมีลกั ษณะทำงธรณีวิทยำท่ีประกอบดว้ ยหิน ซ่ึงใหก้ ำเนิดดินท่ีงำ่ ย
ตอ่ กำรพงั ทลำยพ้ืนท่ีตน้ น้ำลำธำรที่ยงั มี สภำพป่ ำสมบูรณ์ โดยมีกำรแบ่งออกเป็น 2 ระดบั ช้นั ยอ่ ย คอื พ้ืนที่ลุ่ม
น้ำช้นั ท่ี 1A ไดแ้ ก่ พ้ืนท่ีตน้ น้ำลำธำรที่ยงั มีสภำพป่ ำสมบรู ณ์ และพ้ืนที่ลุม่ น้ำช้นั ที่ 1B เป็นพ้นื ที่ท่ีสภำพป่ ำส่วน
ใหญ่ไดถ้ กู ทำลำย ดดั แปลง หรือเปล่ียนแปลงเพอ่ื กำรพฒั นำหรือกำรใชท้ ่ีดินรูปแบบอ่ืนก่อน พ.ศ. 2525
มำตรกำรกำรใชท้ ี่ดินในพ้ืนที่ลมุ่ น้ำ ช้นั ท่ี 1A สรุปไดว้ ำ่ มติคณะรัฐมนตรีหำ้ มมิใหม้ ีกำรเปล่ียนแปลงลกั ษณะ
พ้นื ท่ีป่ ำไมเ้ ป็นรูปแบบอื่นอยำ่ งเด็ดขำดทุกกรณี ท้งั น้ีเพื่อรักษำไวเ้ ป็นพ้นื ท่ีตน้ น้ำ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวนั ท่ี
12 ธนั วำคม 2532 เรื่อง ขอผ่อนผนั ใชพ้ ้นื ท่ีลมุ่ น้ำช้นั ที่ 1A, เพอ่ื ก่อสร้ำงทำงเพื่อควำมมนั่ คง คณะรัฐมนตรีมีมติ
อนุมตั ิผ่อนผนั ใหก้ ระทรวงคมนำคม (กรมทำงหลวง) ใชพ้ ้นื ท่ีลุ่มน้ำช้นั ที่ 1A, ก่อสร้ำงทำงเพื่อควำมมน่ั คงใน
พ้ืนท่ีกองทพั ภำคที่ 3 จำนวน 3

16

เสน้ ทำง โดยยกเวน้ ไมป่ ฏิบตั ิตำมมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวนั ท่ี 12 ตลุ ำคม 2519 เป็นกรณีพเิ ศษเฉพำะรำย ตอ่ ไปจะ
ไม่อนุมตั ิใหส้ ่วนรำชกำรหรือหน่วยงำนใชพ้ ้นื ที่ลมุ่ น้ำช้นั ที่ 1A, อีกไม่วำ่ กรณีใด

พ้ืนที่ลมุ่ น้ำช้นั ที่ 2

พ้นื ที่ลมุ่ น้ำช้นั ท่ี 2 หมำยถึง พ้ืนท่ีภำยในลุ่มน้ำ ซ่ึงมีคณุ ภำพเหมำะสมต่อกำรเป็นตน้ น้ำลำธำรในระดบั รองลงมำ
และสำมำรถนำ มำใชป้ ระโยชนเ์ พอื่ กิจกำรที่สำคญั เช่น กำรทำไมแ้ ละเหมืองแร่ เป็นตน้ ซ่ึงมีองคป์ ระกอบ
ร่วมกนั คือ เป็นพ้ืนที่ภเู ขำสูงที่มีลกั ษณะสันเขำมนและควำมกวำ้ งไม่มำกนกั หรือเป็นบริเวณลำดเขำที่มีแนวลำด
เทยำวปำนกลำง มีร่องน้ำค่อนขำ้ งกวำ้ ง มีป่ ำดงดิบท่ีถูกแผว้ ถำง หรือเป็นป่ ำเสื่อมสภำพปกคลุม แตส่ ่วนใหญเ่ ป็น
ป่ ำเบญจพรรณ และ/หรือ หรือป่ ำเตง็ รัง มีควำมลำดชนั ของพ้ืนที่โดยเฉลี่ยอย่รู ะหวำ่ ง 35-50 เปอร์เซนต์ มี
ลกั ษณะทำงธรณีท่ีประกอบดว้ ยหิน ซ่ึงกำเนิดดินท่ีง่ำยตอ่ กำรถูกชะลำ้ งพงั ทลำย และมีดินพ้นื ถึงลึกปำนกลำง
ควำมอดุ มสมบูรณ์ต่ำถึงปำนกลำง และมีสมรรถนะกำรพงั ทลำยสูง

มำตรกำรกำรใชท้ ี่ดินในพ้ืนท่ีลมุ่ น้ำ ช้นั ท่ี 2 สรุปไดว้ ำ่ มติคณะรัฐมนตรีกำหนดใหใ้ ชพ้ ้ืนที่ในกิจกรรมป่ ำไม้
เหมืองแร่ แต่ตอ้ งควบคมุ วิธีกำรปฏิบตั ิในกำรใชท้ ี่ดินอยำ่ งเขม้ งวดกวดขนั และกำรใชท้ ่ีดินเพื่อกิจกรรมทำงดำ้ น
กำรเกษตรกรรม ควรหลีกเลี่ยงอยำ่ งเด็ดขำด

17

ลกั ษณะภมู ิอำกำศ

ฤดู: จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีลกั ษณะอำกำศแบบร้อนช้ืน แบ่งออก 3 ฤดู ไดแ้ ก่

1.ฤดูร้อน เร่ิมช่วงกลำงเดือนกุมภำพนั ธ์-กลำงเดือนพฤษภำคม มีอำกำศร้อนถึงร้อนจดั บำงพ้ืนที่และมีพำยฤุ ดู
ร้อนเกิดข้ึนโดยมีลกั ษณะฝนฟ้ำคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลกู เห็บตกไดบ้ ำงพ้ืนที่ เนื่องจำกสภำพอำกำศท่ี
ร้อนอบอำ้ ว จึงมีกำรยกตวั ข้ึนของมวลอำกำศ และอำจมีมวลอำกำศเยน็ จำกประเทศจีนแผล่ งมำขณะท่ีมวลอำกำศ
ร้อนปกคลมุ อยู่ ทำใหเ้ กิดกำรปะทะกนั ของมวลอำกำศร้อนและเยน็

2.ฤดูฝน เริ่มกลำงเดือนพฤษภำคม-เดือนตุลำคม ไดร้ ับอิทธิพลลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตแ้ ละร่องมรสุมที่พำด
ผำ่ นบริเวณประเทศไทย

3.ฤดูหนำว เร่ิมเดือน ตุลำคม-กลำงเดือนกุมภำพนั ธ์ ไดร้ ับอิทธิพลของลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงเหนือและควำมกด
อำกำศสูงหรือควำมอำกำศเยน็ จำกประเทศจีน ลกั ษณะอำกำศหนำวจดั บำงพ้นื ท่ี

สถิติอุตุนิยมวิทยำ: ต้งั แต่เริ่มตน้ เก็บสถิติ (พ.ศ. 2494)

1.สถิติอณุ หภมู ิ อณุ หภมู ิสูงสุด 44.6 องศำเซลเซียส เม่ือวนั ที่ 28 เมษำยน 2559 และอุณหภมู ิต่ำสุด 3.9 องศำ
เซลเซียส เมื่อวนั ท่ี 25 ธนั วำคม 2542 อณุ หภมู ิเฉล่ียสูงสุด 35.62 องศำเซลเซียส และอณุ หภมู ิเฉลี่ยต่ำสุด 17.98
องศำเซียลเซียส

2.สถิติควำมช้ืนสมั พทั ธ์ ควำมช้ืนสมั พทั ธ์สูงสุดเฉล่ีย ร้อยละ 96.99 และควำมช้ืนสัมพทั ธต์ ่ำสุดเฉลี่ย ร้อยละ 20

3.สถิติปริมำณฝน ฝนท้งั ปี 1,064.9 มิลลิเมตร ตกหนกั 24 ชว่ั โมง ปริมำณ 130.4 มิลลิเมตร เม่ือวนั ที่ 23 เมษำยน
2511 และจำนวนวนั ที่ฝนตก 130 วนั

18

แผนที่ ขอบเขตล่มุ น้ำ
ระดบั ควำมสูง

ขอบเขตช้นั คุณภำพลมุ่ น้ำ

19

ทรัพยากรธรรมชาติ

ทรัพยำกรป่ ำไม้

พื้นท่ปี ่ าไม้ จำกขอ้ มูลสถิติกรมป่ ำไมใ้ นปี พ.ศ. 2558 จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีพ้ืนที่ป่ ำรวม 11,103.93 ตำรำง
กิโลเมตร หรือ 6,939,953.28 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 86.99 ของพ้ืนท่ีรวมท้งั จงั หวดั ประกอบดว้ ยป่ ำสงวนแห่งชำติ
เขตป่ ำไมถ้ ำวรตำมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2509 เขตอุทยำนแห่งชำติ เขตรักษำพนั ธุส์ ัตวป์ ่ ำ วนอทุ ยำน และ
สวนรุกขชำติ ป่ ำสงวนแห่งชำติ กำหนดโดยกฎกระทรวง จำนวน 9 ป่ ำ รวมเน้ือที่ตำมกฎกระทรวง ท้งั สิ้น
11,181.65 ตำรำงกิโลเมตร หรือ 6,988,528 ไร่ (จำกหนงั สือขอ้ มลู สถิติกรมป่ ำไม้ ปี 2553)

อทุ ยานแห่งชาติ กำหนดโดยพระรำชกฤษฎีกำ จำนวน 4 อุทยำน และอยรู่ ะหวำ่ งเสนอร่ำงพระรำชกฤษฎีกำเพื่อ
กำหนดเป็นอทุ ยำนแห่งชำติจำนวน 1 อทุ ยำน รวมพ้ืนที่ประมำณ 3,413.07 ตำรำงกิโลเมตร หรือประมำณ
2,133,170 ไร่

วนอุทยาน กำหนดโดยกฏกระทรวง จำนวน 11 แห่ง รวมพ้นื ที่ประมำณ 79.20 ตำรำงกิโลเมตร หรือประมำณ
49,498.26 ไร่

เขตรักษาพนั ธ์ุสัตว์ป่ า กำหนดโดยพระรำชกฤษฎีกำ มีอยู่ 6 แห่ง เป่็นพ้ืนท่ีประมำณ 3,685.52 ตำรำงกิโลเมตร
หรือประมำณ 2,303,445 ไร่

สวนรุกขชาติ มีอยู่ 4 แห่ง เป่็นพ้นื ท่ีประมำณ 11.47 ตำรำงกิโลเมตร หรือประมำณ 7,171 ไร่

20

ทรัพยำกรทำงชีวภำพ

ดว้ ยภูมิประเทศของจงั หวดั แมฮ่ ่องสอนท่ีมีควำมสูงจำกน้ำทะเลปำนกลำง ต้งั แต่ 100 - 2000 เมตร ประเภทของ
ป่ ำไมท้ ่ีพบในพ้นื ท่ีจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน จึงมีท้งั ป่ ำชนิดไม่ผลดั ใบ ไดแ้ ก่ ป่ ำดงดิบช้ืน ป่ ำดงดิบเขำ และป่ ำสน
และป่ ำชนิดผลดั ใบ ไดแ้ ก่ ป่ ำผสมเบญจพรรณ และป่ ำเตง็ -รัง นอกจำกน้ียงั พบป่ ำไร่ร้ำงและป่ ำไร่เล่ือนลอย พชื
พนั ธุ์ไมใ้ นป่ ำส่วนใหญเ่ ป็นไมม้ ีคำ่ เช่น ไมส้ ัก ไมเ้ ตง็ รัง ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไมช้ ิงชงั ไมม้ ะค่ำโมง ไมร้ กฟ้ำ ไมย้ ม
หอม ไมต้ ะเคียนทอง ไมต้ ะเคยี นหนู ไมเ้ ตง็ ไมร้ ัง ยำงเหียง ไมพ้ ลวง ไมต้ ะแบก ฯลฯ พชื พนั ธุไ์ มท้ ่ีมีอยทู่ วั่ ไป
ไดแ้ ก่ ไมไ้ ผ่ ผกั หวำนป่ ำ ตน้ ครำม ผกั กดู ผกั กดู ดอย ผกั พ่อคำ้ ดอกอำว (กระเจียว) สำบแล แคป่ ำ เพกำ ป่ ยู ำ่
ผกั แวน่ ผกั หนำม ผกั เฮือด ผำ่ เพยี ฟำน ฟักขำ้ ว มนั ปลำ (มนั ป)ู เตำ (สำหร่ำยน้ำจืด) อ่องลอด (ดอกหิน) สมอไทย
มะขำมป้อม พืชพนั ธุ์ไมเ้ ฉพำะ มีผกั ส้มป้ี (หวั แหวน) ผกั หนำมโคง้ (หมำกลม) ดอกดิน เป็นตน้ สตั วป์ ่ ำที่พบ
ไดแ้ ก่ เลียงผำ กวำงป่ ำ เกง้ หมปู ่ ำ ววั แดง กระทิง เสือโคร่ง กระต่ำยป่ ำ กระรอก กระแต ชะนี นกกวำ่ 120 ชนิด
สัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมประมำณ 30 ชนิด สตั วส์ ะเทินน้ำสะเทินบก 5 ชนิด สตั วเ์ ล้ือยคลำยประมำณ 30 ชนิด ปลำน้ำ
จืดประมำณ 30 ชนิด และแมลงกวำ่ 200 ชนิด

21

ทรัพยำกรทำงธรณี

พ้ืนท่ีจงั หวดั แมฮ่ ่องสอนมีลกั ษณะเป็นแอง่ ระหวำ่ งภูเขำท่ีมีระดบั ควำมสูงจำกระดบั น้ำทะเลปำนกลำง ต้งั แต่
200 เมตรข้ึนไป ประกอบดว้ ยแอง่ ปำน แอง่ ขนุ ยวม และแอง่ แมส่ ะเรียง โดยมีรูปร่ำงยำวรี ในแนวเกือบ เหนือ-
ใต้ จดั เป็นแอง่ สะสมตะกอนทำงน้ำ เน่ืองจำกเป็นที่รับน้ำและตะกอนจำกทำงน้ำท่ีไหลลงมำจำกภูเขำท่ีลอ้ มรอบ
แอง่ ลกั ษณะทำงธรณีวทิ ยำประกอบดว้ ย ช้นั หินและตะกอน ดิน ทรำย หลำกหลำยชนิด จำแนกเป็น 10 หน่วย
กล่ำวโดยสรุปไดด้ งั น้ี

1.ตะกอนทรำย ดินเหนียว กรวดละเอียด พบสะสมตวั บริเวณแคบๆ ตำมท่ีรำบริมแม่น้ำต่ำง ๆ เช่น น้ำเมย น้ำ
แมย่ วม น้ำแม่สะงำ เป็นตน้ ประกอบดว้ ย ช้นั ทรำยปนดินเหนียว ดินเหนียวปนทรำย กรวดละเอียด และลกู รัง
ปะปนในบำงช้นั เกิดจำกน้ำพดั พำกรวด หิน ดิน ทรำย มำสะสมตวั อยำ่ งไม่เป็นระบบ มีอิทธิพลของควำมลำด
ชนั และน้ำผวิ ดินปะปนบำ้ ง จึงไดต้ ะกอนหลำกหลำยชนิดปนกนั

2.ตะกอนกรวด ทรำย ลูกรัง พบสะสมตวั บริเวณแคบๆ ตำมขอบท่ีรำบในเขตอำเภอปำย อำเภอขนุ ยวม อำเภอแม่
ลำนอ้ ย อำเภอแมส่ ะเรียง และอำเภอสบเมย ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นแบบข้นั บนั ได ประกอบดว้ ย ช้นั กรวด
ค่อนขำ้ งหนำสลบั กบั ช้นั ทรำยและดินเหนียว กรวดมีลกั ษณะกลมมนดีมำกขนำดต้งั แต่ 2 มิลลิเมตรจนถึงใหญ่
กวำ่ 1 เมตร บำงแห่งมีสำรละลำยเหลก็ ออกไซดเ์ ช่ือมประสำนจนกลำยเป็นแมร่ ังและลกู รัง เกิดจำกแม่น้ำกดั
เซำะทำงด่ิงมำกข้นึ

3.ตะกอนเศษหิน กรวด ทรำย ดินเหนียว พบสะสมตวั บริเวณแคบๆ ในเขตอำเภอแมล่ ำนอ้ ย ตำมทำงหลวง
หมำยเลข 108 (อำเภอขนุ ยวม - อำเภอแม่ลำนอ้ ย) ประกอบดว้ ยเศษหิน กรวด ทรำย สลบั กบั ดินเหนียว เกิดจำก
ทำงน้ำที่ไหลจำกหุบเขำชนั ลงสู่พ้ืนรำบ เม่ือควำมเร็วของกระแสน้ำลดลงเกิดกำรสะสมตะกอนบริเวณใกลก้ บั
เนินเขำ กระจำยออกไปรอบขำ้ ง ลกั ษณะเป็นรูปพดั ใชเ้ ป็นแหลง่ ดินถมสำหรับกำรก่อสร้ำงได้

22

4.หินตะกอนชนิดหินเคลย์ ถำ่ นหิน พบปรำกฏเป็นบริเวณแคบๆ ในเขตอำเภอปำย ประกอบดว้ ยหินเคลย์ หิน
ทรำยแป้ง บอลลเ์ คลย์ ถ่ำนหิน และหินน้ำมนั มีลกั ษณะก่ึงแขง็ ตวั พบซำกดึกดำบรรพจ์ ำพวกหอยสองฝำน้ำจืด
ปลำและสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมมำกมำย อำจพบแหล่งซำกดึกดำบรรพล์ กั ษณะเดียวกบั สุสำนหอยจงั หวดั กระบี่ เป็น
แหลง่ สะสมตวั ของแร่เช้ือเพลิง เช่น น้ำมนั แกส๊ ธรรมชำติ ถำ่ นหิน และหินน้ำมนั นอกจำกน้ียงั พบดินเบำ และ
บอลลเ์ คลย์ เกิดร่วมดว้ ย หินชนิดน้ีเกิดและสะสมตวั ในแอ่งสะสมตะกอนระหวำ่ งภูเขำท่ีมีสภำพแวดลอ้ มแบบ
ทะเลสำบน้ำจืด

5.หินตะกอนชนิดหินทรำย ส่วนใหญ่กระจำยตวั อยทู่ ำงตอนเหนือ และทำงตะวนั ตกของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน
ครอบคลมุ พ้ืนที่บำงส่วนของอำเภอปำย อำเภอปำงมะผำ้ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขนุ ยวม อำเภอแม่ลำนอ้ ย
อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย

6.หินตะกอนชนิดหินดินดำน พบแผก่ ระจำยเป็นบริเวณกวำ้ งในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ต้งั แต่ทำงตอนเหนือของ
อำเภอปำงมะผำ้ ยำวตอ่ เน่ืองลงมำจนถึงตอนใตข้ องอำเภอสบเมย ประกอบดว้ ย หินดินดำน หินเชิร์ต หินทรำย
แป้ง หินทรำย หินปูน และหินตะกอนเถำ้ ภูเขำไฟ ผพุ งั ง่ำยจึงไม่คงสภำพเป็นภเู ขำสูง เนื่องจำกเกิดดินถล่มใน
อดีตตอ่ เนื่องมำเป็นเวลำนำน ส่วนใหญจ่ ึงพบเป็นลกั ษณะเนินเขำเต้ีย อยำ่ งไรก็ตำมในบริเวณท่ียงั คงสภำพเป็น
ภเู ขำสูงจะเป็นพ้นื ที่ที่มีควำมเสี่ยงภยั ต่อกำรเกิดดินถลม่ ไดอ้ ีก

7.หินตะกอนชนิดหินปนู พบกระจำยตวั ทว่ั ไปในจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน โผลป่ รำกฏเป็นบริเวณกวำ้ งทำงตอนเหนือ
และตอนใตข้ องพ้ืนที่ ครอบคลมุ บำงส่วนของอำเภอปำงมะผำ้ อำเภอปำย อำเภอแมส่ ะเรียง และอำเภอสบเมย
ส่วนทำงตอนกลำงของพ้นื ที่ โผล่ปรำกฏแคบๆ วำงตวั ในแนวเหนือ–ใต้ ต้งั แต่อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน อำเภอ
ขนุ ยวม อำเภอแม่ลำนอ้ ย และอำเภอแมส่ ะเรียง ประกอบดว้ ยหินปนู สีเทำดำ บำงบริเวณพบหินดินดำน หินทรำย
และหินปูนเน้ือโดโลไมต แทรกสลบั อยู่ ภมู ิประเทศส่วนใหญเ่ ป็นภูเขำสูงชนั มีหลำยยอด ก่อใหเ้ กิดภมู ิทศั น์ที่
สวยงำมแปลกตำ

23

8.หินแปรชนิดหินฟิ ลไลต์ หินชนวน หินชีสต์ และหินควอตไซต์ พบกระจำยตวั ทวั่ ไปในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน
โผลป่ รำกฏเป็นบริเวณกวำ้ งทำงดำ้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือและตะวนั ตกเฉียงใตข้ องอำเภอสบเมย ทำงตอนกลำง
ของพ้นื ท่ี โผลป่ รำกฏแคบๆ ในแนวเหนือ–ใต้ ครอบคลุมพ้นื ที่บำงส่วนของอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอ
ขนุ ยวม อำเภอแม่ลำนอ้ ย และอำเภอแมส่ ะเรียง นอกจำกน้ียงั พบบำ้ งเลก็ นอ้ ยในเขตอำเภอปำย

9.หินแปรชนิดหินไนส์ หินชีสต์ พบปรำกฏบริเวณแคบๆ ทำงตอนใตข้ องอำเภอปำย และทำงตะวนั ตกของ
อำเภอแม่สะเรียง เป็นหินแปรที่มีลำดบั ข้นั กำรถกู แปรสภำพในระดบั ปำนกลำงถึงสูง ประกอบดว้ ย หินไนส์ หิน
ชีสต์ หินแคลก–์ ซิลิเกต และหินอ่อน พบหินมิกซม์ ำไทต์ ซ่ึงแสดงถึงหินแปรบำงส่วนที่ถูกแปรสภำพจนถึงข้นั
หลอมละลำย และหินแกรนิตแทรกปะปนอยดู่ ว้ ย มกั มีภูมิประเทศเป็นภูเขำสูงชนั และเน่ืองจำกหินแปรเหลำ่ น้ี
ถกู กระบวนกำรแปรสภำพทำให้ผพุ งั ไดง้ ำ่ ยเกิดเป็นช้นั ดินหนำ ดงั น้นั ในบริเวณภูเขำสูงอำจมีผลทำใหเ้ กิดดิน
ถลม่ ในช่วงฝนหนกั ไดง้ ำ่ ย

10.หินอคั นีแทรกซอนชนิดหินแกรนิต หินไดออไรต์ พบกระจำยตวั ทำงดำ้ นตะวนั ออกของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน
ครอบคลุมพ้ืนที่บำงส่วนของอำเภอปำงมะผำ้ อำเภอปำย อำเภอขนุ ยวม อำเภอแม่ลำนอ้ ย อำเภอแม่สะเรียง และ
อำเภอสบเมย ประกอบดว้ ยหินแกรนิต หินไดออไรต์ ลกั ษณะภมู ิประเทศเป็นภเู ขำสูง หินแกรนิตมี
ควำมสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกบั กำรกำเนิดแร่เศรษฐกิจหลำยชนิด เช่น แร่ดีบุก วุลแฟรม ฟลูออไรต์ และแบไรต์

24

ทรัพยำกรแร่

จงั หวดั แม่ฮ่องสอนมีทรัพยำกรแร่ท่ีสำคญั ทำงเศรษฐกิจหลำยชนิด ซ่ึงสำมำรถกำหนดเป็นพ้ืนที่แหล่งแร่ได้ 10
ชนิดแร่ ไดแ้ ก่ หินปูน ถ่ำนหิน (ลิกไนต)์ ตะกวั่ สังกะสี ดีบกุ ทงั สเตน พลวง แบไรต์ ฟลูออไรต์ และเฟลดส์ ปำร์
โดยพ้ืนที่แหลง่ แร่มีเน้ือที่รวมกนั ประมำณ 2,440 ตำรำงกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ19 ของเน้ือท่ีจงั หวดั

ทรัพยำกรน้ำ

ทรัพยำกรน้ำของจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ส่วนใหญ่มีแหลง่ จำกพ้นื ที่ป่ ำตน้ น้ำบริเวณรอยต่อระหวำ่ งทิวเขำถนนธงชยั
กบั ทิวเขำแดนลำว และทิวเขำทำงตอนใตใ้ นอำเภอขุนยวม แมน่ ้ำสำยหลกั ไดแ้ ก่ แม่น้ำปำย แม่น้ำสำละวิน แม่
น้ำยวม และแม่น้ำสำยรอง ไดแ้ ก่ แมส่ ุริน แม่ลำหลวง แม่เงำ น้ำของ น้ำแม่ริด แมส่ ะเรียง แม่สะงำ แม่สะมำด
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีปริมำณน้ำกกั เก็บไดต้ ลอดปี ประมำณ 13.09 ลำ้ นลูกบำศกเ์ มตร ปริมำณน้ำฝนเฉล่ีย
1,250.60 ลูกบำศกเ์ มตร มีแหล่งกกั เก็บน้ำซ่ึงอยใู่ นควำมดูแลของหน่วยรำชกำรตำ่ ง ๆ กระจำยตวั ทวั่ ไปในพ้นื ที่
จงั หวดั เป็นอ่ำงเกบ็ น้ำขนำดกลำง 2 แห่ง ไดแ้ ก่ อำ่ งเกบ็ น้ำหว้ ยแม่ฮ่องสอน และอ่ำงเกบ็ น้ำแม่สะกึด (ม่อนตะ
แลง) เป็นอำ่ งเกบ็ น้ำขนำดเลก็ 29 แห่ง เช่น อ่ำงเก็บน้ำห้วยโป่ งอ่อน อำ่ งเกบ็ น้ำปำงคอง อ่ำงเกบ็ น้ำแพมกลำง
อ่ำงเกบ็ น้ำห้วยสอตือ อ่ำงเก็บน้ำหมำกฟักทอง อำ่ งเก็บน้ำแม่สะลำบ ฯลฯ ควำมจุของอำ่ งเกบ็ น้ำรวมท้งั สิ้น
12.31 ลำ้ นลกู บำศกเ์ มตร นอกจำกน้ียงั มีฝำยตำ่ ง ๆ เช่น ฝำยปำงมะผำ้ ฝำยขนุ ยวม ฝำยน้ำยวม ฝำยแม่สะเรียง
ฯลฯ บ่อน้ำบำดำลในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีท้งั หมด 617 แห่ง เป็นกำรเจำะน้ำบำดำลเพือ่ จะใชใ้ นกำรอปุ โภค
บริโภคทว่ั ไป หรือเพื่อกำรเกษตร หรือเพ่ือใชใ้ นภำคธุรกิจ หรือเพ่ือใชใ้ นภำคอตุ สำหกรรม

25

การเดนิ ทาง
กำรคมนำคมทำงบก

สายทาง
กำรเดินทำงระหวำ่ งจงั หวดั มีถนนสำยหลกั จำนวน 4 เส้นทำง คอื
1.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 108 เสน้ ทำงจงั หวดั เชียงใหม่ (อำเภอฮอด) – จงั หวดั แม่ฮ่องสอน (อำเภอแมส่ ะ
เรียง อำเภอแมล่ ำนอ้ ย อำเภอขนุ ยวม อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน) ระยะทำง 345 กิโลเมตร
2.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1095 เส้นทำงจงั หวดั เชียงใหม่ (อำเภอแม่แตง) – จงั หวดั แม่ฮ่องสอน (อำเภอปำย
อำเภอปำงมะผำ้ อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน) ระยะทำง 246 กิโลเมตร
3.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 105 เส้นทำงจงั หวดั ตำก – อำเภอสบเมย อำเภอแม่สะเรียง จงั หวดั แม่ฮ่องสอน
4.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1236 เส้นทำงอำเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ – อำเภอขนุ ยวม จงั หวดั แม่ฮ่องสอน
ระยะทำง 90 กิโลเมตร
กำรเดินทำงระหวำ่ งอำเภอ มีถนนสำยหลกั จำนวน 3 เสน้ ทำง คือ
1.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 108 เป็นเสน้ ทำงระหวำ่ งอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม อำเภอแมล่ ำนอ้ ย
และอำเภอแมส่ ะเรียง
2.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1095 เป็นเสน้ ทำงระหวำ่ งอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปำงมะผำ้ และอำเภอปำย
3.ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 105 เป็นเสน้ ทำงระหวำ่ งอำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย

26

สภำพถนนเป็นถนนลำดยำง ส่วนใหญเ่ ป็นถนนควำมกวำ้ งสองช่องจรำจร ตดั ผำ่ นพ้ืนท่ีป่ ำไม้ ทิวเขำ และภเู ขำ
เป็นเส้นทำงข้ึนเขำ–ลงเขำท่ีมีควำมคดโคง้ และลำดชนั มีทำงโคง้ ต่อเนื่องเป็นระยะ ถนนมีสภำพชำรุดเป็นช่วง
มกั พบส่ิงกีดขวำงช่องทำงกำรจรำจร ผขู้ บั ขจ่ี ึงตอ้ งขบั ขี่ดว้ ยควำมระมดั ระวงั ใชค้ วำมเร็วพอประมำณ และควร
ปฏิบตั ิตำมป้ำยจรำจรและเครื่องหมำยจรำจรอยำ่ งเคร่งครัด

การเดนิ ทางโดยรถสารสาธารณะ

สถำนีขนส่งผโู้ ดยสำรจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ต้งั อยเู่ ลขท่ี 144 ถนนนำวำคชสำร ตำบลจองคำ อำเภอเมือง
แมฮ่ ่องสอน พ้ืนท่ีสถำนีโดยรวม ขนำด 6 ไร่ 15 ตำรำงวำ มีช่องจอดรถโดยสำรประจำทำงจำนวน 12 ช่อง ช่อง
จำหน่ำยตวั๋ 2 ช่อง ผปู้ ระกอบกำรที่ใชช้ ่องจำหน่ำยตว๋ั จำนวน 2 รำย ไดแ้ ก่ บริษทั เปรมประชำขนส่ง จำกดั และ
บริษทั สมบตั ิทวั ร์ จำกดั ติดต่อเจำ้ หนำ้ ควบคุมสถำนี โทร. 053-684099 กำรเดินทำงระหวำ่ งจงั หวดั มี
บริษทั เอกชนใหบ้ ริกำรในเส้นทำงเดินรถต่ำง ๆ ดงั น้ี

1.เสน้ ทำงกรุงเทพ-แมฮ่ ่องสอน (เส้นทำงเดินรถ รถประจำทำง หมวด 2 สำย 961) เริ่มตน้ จำกสถำนีขนส่ง
ผโู้ ดยสำรสำยเหนือ ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 31 ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1 แยกซำ้ ยไปตำม
ทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 32 ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1 ผำ่ นจงั หวดั นครสวรรค์ จงั หวดั กำแพงเพชร
จงั หวดั ตำก ถึงอำเภอเถิน จงั หวดั ลำปำง แยกซำ้ ยไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 106 ผำ่ นอำเภอล้ี จงั หวดั
ลำพนู ถึงบำ้ นแม่ตืน จงั หวดั ลำพนู แยกซำ้ ยไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1103 ผ่ำนอำเภอดอยเต่ำ จงั หวดั
เชียงใหม่ ถึงอำเภอฮอด จงั หวดั เชียงใหม่ แยกซำ้ ยไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 108 ผำ่ นอำเภอแม่สะเรียง
อำเภอแม่ลำนอ้ ย อำเภอขนุ ยวม ไปสุดเสน้ ทำง ณ สถำนีขนส่งผโู้ ดยสำรจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ระยะทำงท้งั สิ้น 928
กิโลเมตร ระยะเวลำเดินทำง 17 ชว่ั โมง มีบริษทั เอกชนใหบ้ ริกำรเดินรถจำนวน 1 รำย ไดแ้ ก่ บริษทั สมบตั ิทวั ร์
จำกดั โดยใชร้ ถทวั ร์ปรับอำกำศ

27

2.เส้นทำงเชียงใหม่-แมส่ ะเรียง-แม่ฮ่องสอน (เสน้ ทำงเดินรถ รถประจำทำงหมวด 3 สำย 170) เริ่มตน้ จำกสถำนี
ขนส่งผโู้ ดยสำรจงั หวดั เชียงใหม่ ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 108 ผำ่ นอำเภอหำงดง อำเภอสันป่ ำตอง
อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด อำเภอแมส่ ะเรียง อำเภอแมล่ ำนอ้ ย อำเภอขุนยวม ไปสิ้นสุดเสน้ ทำง ณ สถำนีขนส่ง
ผโู้ ดยสำรจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ระยะทำงท้งั สิ้น 359 กิโลเมตร ระยะเวลำเดินทำง 8 ชวั่ โมง มีบริษทั เอกชน
ใหบ้ ริกำรเดินรถจำนวน 1 รำย

3.เส้นทำงเชียงใหม่-ปำย-แม่ฮ่องสอน (เส้นทำงเดินรถ รถประจำทำงหมวด 3 สำย 612) เร่ิมตน้ จำกสถำนีขนส่ง
ผโู้ ดยสำรจงั หวดั เชียงใหม่ ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 107 ผำ่ นอำเภอแม่ริมถึงบำ้ นแมม่ ำลยั แยกซำ้ ยไป
ตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1095 ผำ่ นอำเภอปำย อำเภอปำงมะผำ้ ไปสิ้นสุดเสน้ ทำง ณ สถำนีขนส่ง
ผโู้ ดยสำรจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ระยะทำงท้งั สิ้น 250 กิโลเมตร ระยะเวลำเดินทำง 6 ชวั่ โมง มีบริษทั เอกชน
ใหบ้ ริกำรเดินรถจำนวน 1 รำย ไดแ้ ก่ บริษทั เปรมประชำขนส่ง จำกดั โดยใชร้ ถเมลธ์ รรมดำ รถเมลป์ รับอำกำศ
และรถตู้

4.เสน้ ทำงแมส่ อด-ท่ำสองยำง-สบเมย-แมส่ ะเรียง (เสน้ ทำงเดินรถ รถประจำทำงหมวด 3 สำย 602) มีตน้ ทำงจำก
อำเภอแม่สอด จงั หวดั ตำก ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 105 ผำ่ นอำเภอสบเมย และสิ้นสุดท่ีอำเภอแม่สะ
เรียง ไปตำมทำงหลวงแผน่ ดินหมำยเลข 1095 มีสหกรณ์เดินรถใหบ้ ริกำรเดินรถ โดยใชร้ ถสองแถว

กำรเดินทำงภำยในจงั หวดั มีสหกรณ์เดินรถแม่ฮ่องสอน ใหบ้ ริกำรในเส้นทำงเดินรถในเส้นทำงต่ำง ๆ ไดแ้ ก่
แมฮ่ ่องสอน-ปำย แม่ฮ่องสอน-ขนุ ยวม แม่ฮ่องสอน-ปำงอุ๋ง แม่ฮ่องสอน-ห้วยขำน แม่ฮ่องสอน-รักไทย
แม่ฮ่องสอน-บำ้ นหว้ ยผ้งึ แม่ฮ่องสอน-บำ้ นกลำง และ แม่ฮ่องสอน-ป่ ำลำน โดยใชร้ ถสองแถวสีเหลือง ท่ำรถอยู่
ที่หนำ้ ตลำดสดเทศบำลเมืองแม่ฮ่องสอน (ตลำดสำยหยดุ )

28

กำรคมนำคมทำงอำกำศ

1.กำรบินเส้นทำง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ใชเ้ วลำเดินทำงประมำณ 40 นำที มีบริษทั เอกชนใหบ้ ริกำร
กำรบิน ไดแ้ ก่ สำยกำรบินบำงกอกแอร์เวย์ (บริษทั กำรบินกรุงเทพ จำกดั ) และ สำยกำรบินวสิ ดอมแอร์เวยส์ ฯ
(Wisdom Operated by RPS SYSTEM Co.,LTD)

2.กำรบินเสน้ ทำง กรุงเทพมหำนคร (ดอนเมือง)-แมฮ่ ่องสอน-กรุงเทพมหำนคร (ดอนเมือง) ใชเ้ วลำเดินทำง
ประมำณ 1 ชว่ั โมง 45 นำที มีบริษทั เอกชนใหบ้ ริกำรกำรบิน ไดแ้ ก่ สำยกำรบินนกแอร์

29

สาธารณูปโภค

ไฟฟ้ำ

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน รับกระแสไฟฟ้ำมำจำกระบบสำยส่ง 115 KV ของกำรไฟฟ้ำส่วนภูมิภำค จำกสถำนีไฟฟ้ำ
จงั หวดั เชียงใหม่ อำเภอแม่แตง จงั หวดั เชียงใหม่ ผำ่ นอำเภอปำย อำเภอปำงมะผำ้ เขำ้ สู่ท่ีสถำนีควบคุมกำรจ่ำย
ไฟฟ้ำ สำนกั งำนกำรไฟฟ้ำส่วนภมู ิภำคจงั หวดั แม่ฮ่องสอน นำจ่ำยดว้ ยระบบ 22KV ไปในพ้ืนที่ท้งั 7 อำเภอ
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ใชก้ ระแสไฟฟ้ำจะระบบสำยส่ง 115 KV ของกำรไฟฟ้ำส่วนภมู ิภำคเป็นหลกั จ่ำยไฟฟ้ำ
ออกเป็นวงจรยอ่ ยๆ มีอุปกรณ์ป้องกนั และตดั ตอนในแตล่ ะวงจร รวม 10 ชุด หำกมีกำรขดั ขอ้ งในแตล่ ะวงจร
วงจรไฟฟ้ำท่ีเหลือจะยงั มีไฟฟ้ำใชอ้ ยู่ นอกจำกน้ี จะมีแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้ำสำรองและร่วมขนำนจ่ำยไฟฟ้ำ
ใหก้ บั ประชำชน ไดแ้ ก่ โครงกำรไฟฟ้ำพลงั น้ำขนำดเลก็ แม่ฮ่องสอน และโครงกำรไฟฟ้ำพลงั น้ำขนำดเลก็ แม่สะ
งำ และหำกระบบสำยส่ง 115 KV มีเหตุขดั ขอ้ ง ชำรุด หรือกรณีเกิดเหตกุ ำรณ์ฉุกเฉิน จะมีโรงจกั รดีเซล
แม่ฮ่องสอน และโรงไฟฟ้ำพลงั แสงอำทิตยผ์ ำบ่อง เป็นแหลง่ ผลิตกระแสไฟฟ้ำสำรอง แหลง่ ผลิตกระแสไฟฟ้ำ
ในพ้นื ที่จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ปัจจุบนั (เดือนธนั วำคม 2562) ยงั มีหมู่บำ้ นที่ยงั ไมม่ ีไฟใช้ 116 หมูบ่ ำ้ นหลกั 93
หยอ่ มบำ้ น ซ่ึงปัญหำของกำรขยำยเขตระบบจำหน่ำยไฟฟ้ำใหก้ บั หมบู่ ำ้ นท่ียงั ไม่มีไฟฟ้ำใชม้ ีอปุ สรรคดำ้ นต่ำง ๆ
เช่น หมบู่ ำ้ นต้งั อยใู่ นเขตพ้ืนที่ป่ ำ หำกไมไ่ ดร้ ับกำรอนุญำตใชพ้ ้นื ท่ีจะไมส่ ำมำรถเขำ้ ไปดำเนินกำรได้ สภำพ
เส้นทำงคมนำคมไมส่ ะดวก ทรุ กนั ดำรมำก สภำพเสน้ ทำงคมนำคมมีสภำพท่ีคบั แคบ ข้ึนภูเขำสูงชนั ท่ีต้งั
หมบู่ ำ้ นอยไู่ กล จำนวนประชำกรในหมู่บำ้ นมีไม่มำก ทำใหเ้ สียค่ำใชจ้ ่ำยในกำรลงทุนสูง เป็นตน้

30

ประปำ

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีสำนกั งำนกำรประปำส่วนภูมิภำค ต้งั อยใู่ นพ้ืนท่ี จำนวน 2 สำขำ คือ สำขำแมฮ่ ่องสอน
และสำขำแม่สะเรียงครอบคลมุ พ้นื ที่ 4 อำเภอ ไดแ้ ก่ อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน อำเภอปำงมะผำ้ อำเภอแม่สะเรียง
และอำเภอแม่ลำนอ้ ย โดยมีกำลงั กำรผลิตตอ่ วนั จำกแหลง่ กำรผลิตจำนวน 4 แหลง่ จำนวนครัวเรือนผใู้ ชน้ ้ำ
จำนวน 12,858 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 11.55 ของครัวเรือนท้งั หมด (คำนวณจำกขอ้ มลู ทะเบียนรำษฎรของ
กรมกำรปกครอง ปี 2562) สำหรับประชำชนที่อยนู่ อกพ้นื ที่บริกำร ใชน้ ้ำจำกแหล่งน้ำอื่น ๆ คือ ระบบประปำ
หม่บู ำ้ น ระบบประปำภเู ขำ และแหลง่ น้ำบำดำล

31

เขตการปกครอง

กำรแบ่งเขตกำรปกครอง

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน แบ่งเขตพ้ืนที่กำรปกครอง ออกเป็น 7 อำเภอ 45 ตำบล 415 หม่บู ำ้ น สำหรับกำรปกครอง
ทอ้ งถ่ินมีองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น จำนวนท้งั สิ้น 50 แห่ง ประกอบดว้ ยองคก์ ำรบริหำรส่วนจงั หวดั 1 แห่ง
เทศบำลเมือง 1 แห่ง เทศบำลตำบล 6 แห่ง และ องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบล 42 แห่ง (องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน
รำยละเอียดตำมกำรบริหำรรำชกำรส่วนทอ้ งถิ่น)

ปกครองระดบั จงั หวดั ปกครองระดับอาเภอ

32

ลกั ษณะทางสังคม

ประชำกร/กล่มุ ชำติพนั ธุ์

ประชำกรในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน จำแนกไดเ้ ป็น 2 กลุม่ ใหญ่ ๆ คอื คนไทยเช้ือสำยไทยใหญ่ เป็นประชำกรส่วน
ใหญ่ของจงั หวดั ชำวไทยใหญ่อพยพมำจำกรัฐฉำนซ่ึงเป็นบำ้ นเมืองเดิมในสหภำพพม่ำ ชำวไทยใหญ่เป็นกลุ่ม
ประชำกรผมู้ ีควำมโดดเด่นในทำงปฏิบตั ิท่ีแสดงถึงควำมเลื่อมใส ศรัทธำในพระพุทธศำสนำ กลุ่มชำติพนั ธุ์ (ชน
เผำ่ ) จำแนกได้ 7 กลุม่ ชำติพนั ธุห์ ลกั ๆ ไดแ้ ก่

- กะเหรี่ยง เป็นกลุม่ ชำติพนั ธุท์ ี่มีประชำกรมำกที่สุดของชำวไทยภูเขำ คือ ประมำณ ร้อยละ 79.3 ต้งั ถ่ินฐำนอยู่
ทกุ อำเภอ นอกจำกน้ียงั มีกะเหร่ียงกลมุ่ ยอ่ ยท่ีอพยพมำจำกประเทศเมียนมำ ไดแ้ ก่ กะเหร่ียงคอยำว หรือ ปำดอง
หรือ กะยนั อำศยั อยบู่ ำ้ นในสอย บำ้ นน้ำเพยี งดิน และบำ้ นหว้ ยเสือเฒ่ำ อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน และกะเหรี่ยง
แดง อำศยั อยใู่ นบำ้ นในสอยและบำ้ นหว้ ยเสือเฒ่ำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

- ลำหู่ หรือ มเู ซอ แบ่งออกเป็น 2 กลุม่ คอื ลำหู่แดง และลำหู่ดำ ต้งั ถิ่นฐำนอยใู่ นพ้ืนที่อำเภอปำงมะผำ้ อำเภอปำย
และอำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน

- ลีซู หรือ ลีซอ ต้งั ถิ่นฐำนอยใู่ นพ้นื ที่อำเภอปำย และอำเภอปำงมะผำ้

- ลวั ะ หรือ เลอเวอื๊ ะ เป็นกลุ่มชำติพนั ธุ์ที่อำศยั ในดินแดนลำ้ นนำรวมถึงแม่ฮ่องสอนมำต้งั แต่โบรำณ ปัจจุบนั
อพยพข้ึนไปอยบู่ นพ้ืนที่ภูเขำสูง ต้งั ชุมชนเป็นแนวยำวไปตำมสนั เขำ พบไดม้ ำกที่เขตรอยตอ่ อำเภอแมล่ ำนอ้ ย
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน กบั อำเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชียงใหม่

- มง้ เป็นกลมุ่ ชำติพนั ธุท์ ่ีมีประชำกรนอ้ ยท่ีสุดในแม่ฮ่องสอนแตก่ ระจำยอยทู่ ุกอำเภอ แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ คือ มง้
ขำว และ มง้ ลำย ซ่ึงเรียกจำกสีกระโปรงของผหู้ ญิงชำวมง้

33

- จีนยนู นำน (จีนฮ่อ) เป็นกลมุ่ ชำวจีนท่ีเป็นอดีตทหำรกองพล 93 ท่ีหนีภยั ทำงกำรเมืองเขำ้ มำในประเทศไทยอยทู่ ี่
อำเภอปำย อำเภอปำงมะผำ้ และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน บำงแห่งต้งั เป็นชุมชนถำวรมีเฉพำะชำวจีนยนู นำนฮ่อ
เทำ่ น้นั เช่น หมู่บำ้ นสันติชล อำเภอปำย หม่บู ำ้ นรักไทย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นตน้

- ปะโอ อพยพเขำ้ มำจำกรัฐฉำน อำศยั อยบู่ ำ้ นหว้ ยมะเขือส้ม ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

ศำสนำ

ประชำกรจงั หวดั แม่ฮ่องสอนนบั ถือศำสนำพุทธมำกท่ีสุด ร้อยละ 74.44 รองลงมำ คอื ศำสนำคริสต์ ร้อยละ
25.32 ศำสนำอิสลำม ร้อยละ 0.21 และศำสนำซิกส์ ศำสนำฮินดู อื่นๆ ร้อยละ 0.03 (ที่มำ : รำยงำนคุณภำพชีวิต
ของคนแม่ฮ่องสอน ปี 2562 สำนกั งำนพฒั นำชุมชนจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน)

วฒั นธรรมทำงภำษำ

ชำวไทยใหญ่ จะมีภำษำพดู เป็นของตนเองเรียกวำ่ "กำไต" เวลำพดู ภำษำไตเรียกวำ่ "อบุ ไต" ส่วนภำษำเขยี นตวั
อกั ษรไทยเรียกวำ่ "ลีกไต" มีใชก้ นั มำต้งั แตส่ มยั โบรำณลกั ษณะของตวั อกั ษรกลมคลำ้ ยตวั อกั ษรมอญและพมำ่
ชำวกะเหรี่ยง ชำวจีนยนู นำน มีภำษำพดู และภำษำเขยี นเป็นของตนเอง

ชนเผำ่ ลำหู่ ลีซู ลวั ะ ในปัจจุบนั มีภำษำพดู ส่วนภำษำเขยี นนำอกั ษรองั กฤษมำใช้

34

การศึกษา

กำรจดั กำรศึกษำในระบบ

กำรจดั กำรศึกษำในระบบของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีส่วนรำชกำรและหน่วยงำนท่ีกำกบั ดูแล จำนวน 6 สังกดั
ไดแ้ ก่ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน (สพฐ.) องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (อปท.) สำนกั งำน
พระพทุ ธศำสนำแห่งชำติ (สพช.) สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ (สอศ.) สำนกั งำนคณะกรรมกำร
ส่งเสริมกำรศึกษำเอกชน (สช.) และสำนกั งำนตำรวจแห่งชำติ (สตร.) (ตชด.)

โรงเรียนในสงั กดั สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน
สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) รับผิดชอบโรงเรียนมธั ยมศึกษำ
จงั หวดั แม่ฮ่องสอน จำนวน 8 แห่ง ไดแ้ ก่

1.โรงเรียนหอ้ งสอนศึกษำ ในพระอปุ ถมั ภ์ สมเด็จพระเจำ้ ภคินีเธอ เจำ้ ฟ้ำเพชรรัตนรำชสุดำ สิริโสภำพณั ณวดี
(โรงเรียนหอ้ งสอนศึกษำ ในพระอปุ ถมั ภฯ์ ) อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน

2.โรงเรียนขุนยวมวทิ ยำ อำเภอขนุ ยวม

3.โรงเรียนปำยวิทยำคำร อำเภอปำย

4.โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพตั รศึกษำ” อำเภอแม่สะเรียง

5.โรงเรียนแมล่ ำนอ้ ยดรุณสิกข์ อำเภอแมล่ ำนอ้ ย

6.โรงเรียนสบเมยวทิ ยำคม อำเภอสบเมย

7.โรงเรียนเฉลิมรัชวิทยำคม อำเภอสบเมย

8.โรงเรียนปำงมะผำ้ พิทยำสรรพ์ อำเภอปำงมะผำ้

35

สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา เขต 1

รับผดิ ชอบพ้ืนที่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปำย อำเภอปำงมะผำ้ และอำเภอขนุ ยวม มีโรงเรียนในสงั กดั /
กำกบั จำนวนท้งั สิ้น 134 แห่ง แบ่งเป็นโรงเรียนหลกั 129 แห่ง โรงเรียนสำขำ 5 แห่ง จดั กำรเรียนกำรสอนระดบั
ก่อนประถมศึกษำถึงระดบั ประถมศึกษำ จำนวน 108 แห่ง และระดบั ก่อนประถมศึกษำถึงระดบั มธั ยมศึกษำ
ตอนตน้ จำนวน 26 แห่ง (ที่มำ : ระบบสำรสนเทศเพ่อื กำรบริหำรกำรศึกษำ สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำ
ประถมศึกษำแม่ฮ่องสอน เขต 1)

สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษา เขต 2

รับผดิ ชอบพ้นื ท่ีอำเภอแม่สะเรียง อำเภอแมล่ ำนอ้ ย และอำเภอสบเมย มีโรงเรียนในสงั กดั /กำกบั จำนวนท้งั สิ้น
176 แห่ง แบง่ เป็นโรงเรียนหลกั 168 แห่ง โรงเรียนสำขำ 8 แห่ง จดั กำรเรียนกำรสอนระดบั ก่อนประถมศึกษำถึง
ระดบั ประถมศึกษำ จำนวน 138 แห่ง ระดบั ก่อนประถมศึกษำถึงระดบั มธั ยมศึกษำตอนตน้ จำนวน 33 แห่ง
ระดบั ก่อนประถมศึกษำถึงระดบั มธั ยมศึกษำตอนปลำย จำนวน 2 แห่ง ระดบั ประถมศึกษำ จำนวน 2 แห่ง และ
ระดบั ประถมศึกษำถึงระดบั มธั ยมศึกษำตอนตน้ จำนวน 1 แห่ง (ท่ีมำ : ระบบสำรสนเทศเพือ่ กำรบริหำร
กำรศึกษำ สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำแมฮ่ ่องสอน เขต 2)

โรงเรียนในสงั กดั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน

จำนวนท้งั สิ้น 9 โรงเรียน ดงั น้ี

1.โรงเรียน อบจ.บำ้ นจองคำ สงั กดั องคก์ ำรบริหำรส่วนจงั หวดั แม่ฮ่องสอน เปิ ดสอนระดบั ก่อนประถมศึกษำถึง
ระดบั มธั ยมศึกษำตอนตน้

2.โรงเรียนเทศบำล 2 เฉลิมพระเกียรติ สงั กดั เทศบำลเมืองแมฮ่ ่องสอน เปิ ดสอนระดบั ก่อนประถมศึกษำ

36

3.โรงเรียนเทศบำลเมืองแม่ฮ่องสอน สงั กดั เทศบำลเมืองแมฮ่ ่องสอน เปิ ดสอนระดบั ประถมศึกษำถึงระดบั
มธั ยมศึกษำตอนปลำย

4.โรงเรียนเทศบำลตำบลขนุ ยวม สังกดั เทศบำลตำบลขนุ ยวม อำเภอขนุ ยวม เปิ ดสอนระดบั ก่อนประถมศึกษำ

5.โรงเรียนอนุบำลเทศบำลแม่ลำนอ้ ย สังกดั เทศบำลตำบลแม่ลำนอ้ ย อำเภอแม่ลำนอ้ ย เปิ ดสอนระดบั ก่อน
ประถมศึกษำ

6.โรงเรียนร่มฉตั รวทิ ยำ (เทศบำล 2) สงั กดั เทศบำลตำบลแมล่ ำนอ้ ย อำเภอแม่ลำนอ้ ย เปิ ดสอนระดบั
ประถมศึกษำ

7.โรงเรียนไท่จง (เทศบำล 3) สังกดั เทศบำลตำบลแมล่ ำนอ้ ย อำเภอแมล่ ำนอ้ ย เปิ ดสอนระดบั มธั ยมศึกษำ
ตอนตน้

8.โรงเรียนอนุบำลเทศบำลตำบลแมย่ วม สงั กดั เทศบำลตำบลแม่ยวม อำเภอแมส่ ะเรียง เปิ ดสอนระดบั ก่อน
ประถมศึกษำถึงระดบั ประถมศึกษำ

9.โรงเรียนอนุบำลบำ้ นกำศ สังกดั องคก์ ำรบริหำรส่วนตำบลบำ้ นกำศ อำเภอแมส่ ะเรียง เปิ ดสอนระดบั ก่อน
ประถมศึกษำ

สถำนศึกษำในสังกดั สำนกั บริหำรงำนกำรศึกษำพิเศษ

มี 5 แห่ง ไดแ้ ก่

1.โรงเรียนศึกษำสงเครำะห์แมฮ่ ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

2.โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ 21 อำเภอแม่ลำนอ้ ย

3.โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ 22 อำเภอปำย

37
4.โรงเรียนรำชประชำนุเครำะห์ 34 อำเภอปำงมะผำ้
5.ศนู ยก์ ำรศึกษำพเิ ศษประจำจงั หวดั แม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแมฮ่ ่องสอน ดูแลกำรจดั กำรศึกษำสำหรับเดก็ พกิ ำร
สถำนศึกษำในสงั กดั กองบญั ชำกำรตำรวจตระเวนชำยแดน

กองร้อยตารวจตระเวนชายแดนที่ 336
รับผดิ ชอบพ้นื ที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม อำเภอปำงมะผำ้ และอำเภอปำย มีโรงเรียนตำรวจตระเวน
ชำยแดน และศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ในพ้นื ที่รับผิดชอบ จำนวน 7 แห่ง ไดแ้ ก่
1.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ชมรมพุทธศิลป์ ไทยอนุสรณ์ บำ้ นแสนคำลือ ตำบลถ้ำลอด อำเภอปำงมะผำ้
2.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ชมรมพทุ ธศิลป์ ไทยอนุสรณ์ 2 บำ้ นปุงยำม ตำบลนำป่ ปู ้อม อำเภอปำงมะผำ้
3.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นดอยแสง ตำบลปำงหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
4.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนเฉลิมพระเกียรติ บำ้ นน้ำบ่อสะเป่ หมู่ 3 ตำบลสบป่ อง อำเภอปำงมะผำ้
5.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นหว้ ยโปงเลำ ตำบลแมก่ ิ๊ อำเภอขนุ ยวม
6.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำรุงท่ี 114 บำ้ นปำยสองแง่ ตำบลเวยี งเหนือ อำเภอปำย
7.ศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน พลเอก อรชุน พิบูลนครินทร์ บำ้ นลุกขำ้ วหลำม ตำบลปำงมะผำ้ อำเภอ
ปำงมะผำ้

38

กองร้อยตารวจตระเวนชายแดนที่ 337 รับผดิ ชอบพ้ืนที่อำเภอแม่สะเรียง อำเภอแมล่ ำนอ้ ย และอำเภอสบเมย มี
โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน และศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน ในพ้ืนที่รับผิดชอบ จำนวน 9 แห่ง
ไดแ้ ก่

1.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นแม่ลำงิว้ ตำบลแม่ลำนอ้ ย อำเภอแมล่ ำนอ้ ย
2.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นตุน (ชมรม 9 สมำคมจีนแห่งประเทศไทยอปุ ถมั ภ์) ตำบลหว้ ยห้อม อำเภอ
แมล่ ำนอ้ ย

3.โรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน 905 หมู่ 9 ตำบลแมค่ ง อำเภอแม่สะเรียง (เดิมคือศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวน
ชำยแดนบำ้ นจอปร่ำคี)

4.ศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นโตแฮ ตำบลแมส่ ำมแลบ อำเภอสบเมย

5.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นโกแประ ตำบลแม่คง อำเภอแมส่ ะเรียง

6.ศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นแมเ่ หลอ ตำบลเสำหิน อำเภอแมส่ ะเรียง

7.ศนู ยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นวำทู ตำบลเสำหิน อำเภอแม่สะเรียง

8.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นปอหม้ือ ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง

9.ศูนยก์ ำรเรียนตำรวจตระเวนชำยแดนบำ้ นหว้ ยมะโอ ตำบลแม่สำมแลบ อำเภอสบเมย

39

สถำบนั กำรศึกษำท่ีเปิ ดสอนในระดบั อนุปริญญำ จำนวน 3 แห่ง ไดแ้ ก่ วทิ ยำลยั กำรอำชีพนวมินทรำชินี
แมฮ่ ่องสอน วิทยำลยั กำรอำชีพแม่สะเรียง และวิทยำลยั ชุมชนแม่ฮ่องสอน

สถำบนั กำรศึกษำที่เปิ ดสอนในระดบั อุดมศึกษำ
จำนวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ วทิ ยำลยั แมฮ่ ่องสอน มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั เชียงใหม่

กำรศึกษำนอกระบบ

สำนกั งำนส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ใหบ้ ริกำรศึกษำใน
รูปแบบกำรศึกษำผใู้ หญ่แบบเบด็ เสร็จข้นั พ้นื ฐำน กำรศึกษำต่อเน่ืองประเภททำงไกล กำรศึกษำผใู้ หญ่สำยอำชีพ
ประกำศนียบตั รวิชำชีพ (ปวช.ทำงไกล) ประกำศนียบตั รอำชีพ และกำรศึกษำเพื่อชุมชนบนพ้ืนที่สูง

40

การสาธารณสุข

สถำนบริกำรสำธำรณสุข

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน มีโรงพยำบำล 7 แห่ง จำนวนเตียงรวมท้งั สิ้น 420 เตียง โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพระดบั
ตำบล 72 แห่ง สถำนบริกำรสำธำรณสุขชุมชน 63 แห่ง หน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง 10 แห่ง มำลำเรีย
คลินิก 15 แห่ง ศนู ยม์ ำลำเรียชุมชน 21 แห่ง และสถำนบริกำรสำธำรณสุขในสงั กดั กรมกำรแพทย์ 1 แห่ง สถำน
บริกำรสำธำรณสุขในจงั หวดั แม่ฮ่องสอนมีสถำนบริกำรในระดบั PRIMARY CARE และ SECONDARY
CARE จำแนกออกเป็น ดงั น้ี

1.โรงพยำบำล มีโรงพยำบำลทว่ั ไปขนำด 150 เตียง (ระดบั S) จำนวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ โรงพยำบำลศรีสงั วำลย์
โรงพยำบำลชุมชนขนำด 90 เตียง (ระดบั M2) จำนวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ โรงพยำบำลแมส่ ะเรียง โรงพยำบำลชุมชน
ขนำด 60 เตียง (ระดบั F1) จำนวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ โรงพยำบำลปำย โรงพยำบำลชุมชนขนำด 30 เตียง (ระดบั F2)
จำนวน 4 แห่ง ไดแ้ ก่ โรงพยำบำลขนุ ยวม โรงพยำบำลแม่ลำนอ้ ย โรงพยำบำลปำงมะผำ้ และโรงพยำบำลสบเมย

2.โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบล (รพ.สต.) มีจำนวนโรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพระดบั ตำบล 72 แห่ง
กระจำยอยใู่ นพ้ืนท่ีท้งั 7 อำเภอ

3.สถำนบริกำรสำธำรณสุขชุมชน (สสช.) มีสถำนบริกำรสำธำรณสุขชุมชน (สสช.) เปิ ดบริกำรท้งั หมด 63 แห่ง
โดยมีขำ้ รำชกำร / ลกู จำ้ งประจำ (พสช.) ปฏิบตั ิงำนประจำ มีพนกั งำนสุขภำพชุมชน ( พสช.) ที่ผำ่ นกำรอบรม
อสม.ที่ผำ่ นกำรอบรมควำมรู้มำปฏิบตั ิงำน เพ่ือใหก้ ำรจดั บริกำรสำธำรณสุขในพ้นื ที่ห่ำงไกล ทรุ กนั ดำร เกิด
ควำมตอ่ เน่ืองและประชำชนทุกคนสำมำรถเขำ้ ถึงบริกำร

41

4.สถำนบริกำรสำธำรณสุขในสังกดั ของกรมควบคุมโรค ศูนยค์ วบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง (ศตม.ที่ 1
แมฮ่ ่องสอน) เป็นหน่วยงำนระดบั จงั หวดั และมีหน่วยงำน ระดบั อำเภอ คือ หน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง
(นคม.) จำนวน 10 แห่ง และมำลำเรียคลินิก จำนวน 15 แห่ง

5.ศนู ยม์ ำลำเรียชุมชน เป็ นหน่วยบริกำรระดบั ชุมชนที่ต้งั อยตู่ ำมแนวชำยแดนระหวำ่ งไทยกบั สหภำพพม่ำ ซ่ึง
ไดร้ ับควำมร่วมมือจำกกองทุนโลก (GLOBAL FUND) เพ่ือดำเนินกำรแกไ้ ขปัญหำโรคไขม้ ำลำเรียในพ้นื ที่ตำม
แนวชำยแดน ที่มีกำรแพร่เช้ือสูง มีกำรคมนำคมท่ียำกลำบำกและไมม่ ีสถำนท่ีตรวจรักษำมำลำเรียดว้ ยกลอ้ ง
จุลทรรศน์ ดำเนินกำรในพ้ืนท่ี 3 อำเภอ ไดแ้ ก่ อำเภอเมือง อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย รวมจำนวน 21
แห่ง

6.สถำนบริกำรสำธำรณสุขในสังกดั กรมกำรแพทย์ คอื โรงพยำบำลธญั ญำรักษจ์ งั หวดั แม่ฮ่องสอน จำนวน 1
แห่ง ขนำด 75 เตียง เปิ ดใหบ้ ริกำรบำบดั รักษำผปู้ ่ วยท่ีติดยำเสพติดท้งั ในลกั ษณะกำรบำบดั แบบผปู้ ่ วยนอก
ผปู้ ่ วยในและบำบดั ในชุมชน

บุคลำกรสำยวชิ ำชีพ

ในปี พ.ศ. 2559 มีบคุ ลำกรสำยวชิ ำชีพที่ปฏิบตั ิงำนในจงั หวดั แม่ฮ่องสอน จำนวนแพทย์ จำนวน 64 คน ทนั ต
แพทย์ จำนวน 24 คน เภสชั กร จำนวน 32 คน พยำบำลวชิ ำชีพ จำนวน 498 คน ท้งั น้ี ภำพรวมสดั ส่วนบคุ ลำกร
สำยวชิ ำชีพตอ่ ประชำกรของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ตอ้ งรับผิดชอบประชำกรในสัดส่วนที่สูงกวำ่ สดั ส่วนต่อ
ประชำกรระดบั ประเทศท่ีกำหนด

42

สถิติกำรเจ็บป่ วยของประชำกร ในปี พ.ศ. 2558

อตั รำเกิดมีชีพต่อประชำกรพนั คน เทำ่ กบั 10.74 อตั รำตำยตอ่ ประชำกรพนั คน เท่ำกบั 4.51 มีแนวโนม้ ลดลงจำก
ปี ก่อน อตั รำเพ่มิ ตำมธรรมชำติตอ่ ประชำกรร้อยคน เทำ่ กบั 0.62 อตั รำทำรกตำยต่อกำรเกิดมีชีพพนั คน เทำ่ กบั
9.04 และอตั รำมำรดำตำยต่อกำรเกิดมีชีพแสนคน เท่ำกบั 0

สำเหตกุ ำรป่ วยของผปู้ ่ วยนอกเรียงจำกมำกไปนอ้ ย 5 อนั ดบั แรก ไดแ้ ก่ โรคระบบหำยใจ, อำกำรอำกำรแสดง
และสิ่งผิดปกติที่พบไดจ้ ำกกำรตรวจทำงคลินิกฯ, โรคระบบยอ่ ยอำหำรรวมโรคในช่องปำก, โรคระบบ
กลำ้ มเน้ือรวมโครงร่ำงและเน้ือยดึ เสริม, และโรคระบบไหลเวยี นเลือด ตำมลำดบั

สำเหตุป่ วยดว้ ยโรค 5 อนั ดบั แรกของผปู้ ่ วยในเรียงจำกมำกไปนอ้ ย ไดแ้ ก่ Hypertensive diseases รองลงมำคอื
โรค Hypertensive diseases , Other endocrine,nutritional and metabolic disorders , Symptoms,signs and
abnormal clinical and laboratory findings, not elsewhere classified และ Other disorders of the genitourinary
system ตำมลำดบั

สำเหตุกำรตำยเรียงจำกมำกไปนอ้ ย 5 อนั ดบั สำเหตแุ รก ไดแ้ ก่ ปอดบวมไม่ระบุรำยละเอียด, เน้ืองอกร้ำยของ
หลอดลมหรือปอดไมร่ ะบุตำแหน่ง, ควำมดนั โลหิตสูงไมท่ รำบสำเหตุ(ปฐมภูมิ), กำรติดเช้ือในกระแสเลือดไม่
ระบุชนิด และเลือดออกในสมองไมร่ ะบรุ ำยละเอียด

สำเหตุกำรเจ็บป่ วยดว้ ยโรคติดตอ่ ที่สำคญั เรียงจำกมำกไปนอ้ ย 5 อนั ดบั โรคแรก ไดแ้ ก่ อุจจำระร่วง, ไขไ้ มท่ รำบ
สำเหตุ, ปอดบวม, ตำแดง และ อำหำรเป็นพิษ ซ่ึงท้งั 5 โรคดงั กล่ำวเป็นสำเหตกุ ำรเจ็บป่ วยของประชำกรใน
พ้ืนท่ีจงั หวดั แมฮ่ ่องสอนมำโดยตลอด

43
ผลติ ภณั ฑ์สาคญั และมีชื่อเสียง
ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑ์ (OTOP) จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน
ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑ์ (OTOP) จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ปี 2560 มีจำนวนท้งั สิ้น 493 รำยกำร แบง่ เป็น
ผลิตภณั ฑป์ ระเภทอำหำร 139 รำยกำร ผำ้ และเคร่ืองแตง่ กำย 178 รำยกำร ของใช้ 85 รำยกำร เครื่องดื่ม 31
รำยกำร และสมนุ ไพรฯ 60 รำยกำร และในกำรจดั ระดบั กำรพฒั นำผลิตภณั ฑ์ (1 – 5 ดำว) ปี พ.ศ. 2559 มี
ผลิตภณั ฑ์ OTOP ของจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ระดบั 1-5 ดำว จำนวน 144 รำยกำร ดงั น้ี ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึง
ผลิตภณั ฑไ์ ทย

จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ปี 2559 ประเภท ผลิตภณั ฑเ์ ด่น
สบู่ภูโคลน

44

ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑไ์ ทย จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ปี 2559 ประเภท เครื่องด่ืม
ไวน์หมอ่ นและไวนม์ ะเม่ำ

ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑไ์ ทย จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ปี 2559 ประเภท อำหำร
ขนมงำดำรสน้ำผ้ึง

45

ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑไ์ ทย จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ปี 2559 ประเภท เส้ือผำ้ เคร่ืองแตง่ กำย
ผำ้ คลมุ ไหล่

ผลิตภณั ฑห์ น่ึงตำบล หน่ึงผลิตภณั ฑไ์ ทย จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ปี 2559 ประเภท สมุนไพร
น้ำมนั งำอโรมำตะไคร้ภูเขำ

46

การค้าชายแดน

กำรคำ้ ชำยแดนไทย - สำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ

ศักยภาพและความสาคญั ของจงั หวดั แม่ฮ่องสอนเกยี่ วกบั การค้า การลงทุน

จงั หวดั แม่ฮ่องสอนเป็นจงั หวดั ท่ีมียทุ ธศำสตร์ที่ต้งั สำคญั ในกำรเชื่อมต่อกบั ประเทศสมำชิกอำเซียนท่ีเป็นแหล่ง
วตั ถดุ ิบหลกั อำเซียน คือ สำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ และสำมำรถเชื่อมต่อไปยงั ประเทศที่สำมซ่ึงเป็น
ประเทศมหำอำนำจทำงเศรษฐกิจของโลก คือ อินเดีย และจีน ภูมิศำสตร์ท่ีต้งั ของจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ใกลก้ บั
กรุงเนปิ ดอร์ เมืองหลวงของสำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ ดว้ ยระยะทำงท่ีส้นั ท่ีสุดจำกประเทศไทยประมำณ
220 กิโลเมตร รวมถึงสำมำรถเป็นประตูตะวนั ตกเขำ้ สู่เมืองเศรษฐกิจหลกั ของสำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำท่ี
เมืองลอยก่อ เมืองมณั ฑะเลย์ เมืองตองยี เมืองตองอู และเมืองทนั เว เพือ่ เชื่อมโยงกบั ทำงเรือเมืองทนั เว เป็นประตู
ทำงออกทะเลของจงั หวดั ภำคเหนือของไทย 17 จงั หวดั ซ่ึงจะเป็นยทุ ธศำสตร์ของจงั หวดั แมฮ่ ่องสอนและ
ภำคเหนือ

ในกำรเขำ้ สู่ตลำดโลก และเช่ือมโยงเศรษฐกิจกบั ตลำดใหม่ คือ บงั คลำเทศ ปำกีสถำน และอินเดีย รวมท้งั เป็น
เสน้ ทำงกำ้ วไกลไปสู่ตะวนั ออกกลำงและยโุ รปไดด้ งั เช่นเส้นทำงสำยไหมในอดีต กำรท่ีจงั หวดั แม่ฮ่องสอนยงั
ไมม่ ีด่ำนถำวร จะเป็นอปุ สรรคอยำ่ งยงิ่ ในกำรผลกั ดนั กำรคำ้ ชำยแดนเขำ้ สู่ระบบกำรคำ้ สำกล โดยเฉพำะกำรคำ้
ในระบบอำเซียน ระหวำ่ งประเทศไทย และสำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ

47

จดุ ผ่อนปรนทางการค้า จงั หวดั แม่ฮ่องสอน

ปัจจุบนั จงั หวดั แม่ฮ่องสอนยงั ไมม่ ีด่ำนถำวร มีเพียงมีจุดผ่อนปรนทำงกำรคำ้ ท่ีมีกำรขนส่งสินคำ้ กนั ไปมำ
ระหวำ่ งประเทศไทย และสำธำรณรัฐแห่งสหภำพเมียนมำ จำนวน 5 แห่ง ที่กฎหมำยอนุมตั ิใหม้ ีกำรคำ้ สินคำ้
ไดแ้ ก่

1.จุดผอ่ นปรนกำรคำ้ ชำยแดนช่องทำงบำ้ นห้วยตน้ นุ่น อยู่ในเขตพ้ืนที่บำ้ นหว้ ยตน้ นุ่น หมู่ที่ 4 ตำบลแม่เงำ
อำเภอขนุ ยวม - บำ้ นน้ำมำง รัฐคะยำ

2.จุดผอ่ นปรนกำรคำ้ ชำยแดนช่องทำงบำ้ นห้วยผ้ึง อยใู่ นเขตพ้นื ที่บำ้ นห้วยผ้ึง หมทู่ ่ี 3 ตำบลหว้ ยผำ อำเภอเมือง
แม่ฮ่องสอน - บำ้ นนำมน รัฐฉำน

3.จุดผอ่ นปรนกำรคำ้ ชำยแดนช่องทำงบำ้ นน้ำเพียงดิน อยใู่ นเขตพ้นื ที่บำ้ นหว้ ยเดื่อ หมู่ที่ 3 ตำบลผำบอ่ ง อำเภอ
เมืองแม่ฮ่องสอน -บำ้ นใหม่ รัฐคะยำ

4.จุดผอ่ นปรนกำรคำ้ ชำยแดนช่องทำงบำ้ นเสำหิน อยใู่ นเขตพ้นื ท่ีหมูบ่ ำ้ นเสำหิน หมทู่ ่ี 1 ตำบลเสำหิน อำเภอแม่
สะเรียง - บำ้ นหว้ ยทรำย รัฐคะยำ

5.จุดผอ่ นปรนกำรคำ้ ชำยแดนช่องทำงบำ้ นแม่สำมแลบ อยใู่ นเขตพ้นื ที่บำ้ นแมส่ ำมแลบ หมูท่ ่ี 1 อำเภอสบเมย -
จงั หวดั ผำปูน รัฐกะเหรี่ยง

ซ่ึงจงั หวดั แม่ฮ่องสอนกำหนดใหส้ ำมำรถแลกเปลี่ยนสินคำ้ เลก็ ๆนอ้ ยๆ ที่จำเป็นในกำรอปุ โภค-บริโภคใน
ชีวิตประจำวนั และเป็นสินคำ้ ไมต่ อ้ งหำ้ มตำมกฎหมำยอ่ืนใดไดภ้ ำยในบริเวณตลำดนดั เพ่อื กำรคำ้ ห่ำงจำก แนว
พรมแดนประมำณ 2 กิโลเมตร ระหวำ่ งเวลำต้งั แต่ 08.00-16.0 น. (เวลำประเทศไทย) ของทุกวนั


Click to View FlipBook Version