The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นิทานชาดก สอนใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Tewly243, 2019-11-20 03:37:51

นิทานชาดก

นิทานชาดก สอนใจ

1

ผจู้ ดั ทำ

น.ส.ชนิสรา รอดไผ่ 60015455

น.ส.นิตยร์ ดี จาปาหวาย 60015456

น.ส.ศิริภรณ์ ปราบปราม 60017252

2

คำนำ

การนาเอานทิ านไปเล่าเร่ืองประกอบคาสอนให้เด็ก ๆ ได้ฟงั ย่อมจะเปน็ เครือ่ งทาให้
เพลดิ เพลินและเสรมิ ความรู้ แบ่งเบาภาระท่จี ะต้องสอนเนื้อหาอย่างเดียว โดยอาศยั
บุคลาธษิ ฐานเป็นตัวอย่างประกอบ นอกจากนนี้ ิทานแต่ละเรื่องยงั ใหข้ ้อเท็จจรงิ และ
ช่วยในด้านการอ่าน การเขียน การใชภ้ าษาทีถ่ ูกต้อง เปน็ การเพมิ่ ทกั ษะในดา้ นการเหน็
การฟงั และการทาตามเยี่ยงอยา่ งอนั ดนี ้นั ดว้ ยการศกึ ษาเรอ่ื งนทิ านจงึ เปน็ ปจั จัยให้ เกิด
ความรู้ทงั้ ทางทฤษฎีและแนวปฏิบัติด้วยทัง้ สองทาง หากเกิดความผิดพลาดประการใด
กข็ อมา ณ โอกาสนด้ี ้วย

สารบญั 3

เร่ือง หนา้
ลิงเจา้ ปญั ญา 4
หนูกัดผ้า 6
สนุ ัขจิ้งจอกอยากเป็นผนู้ า 8
บวชเพราะผมหงอก 10
สะใภ้เศรษฐี 11

4

ลงิ เจา้ ปัญญา

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ทรงปรารภพระเทวทัต ผู้พยายามปลง
พระชนมพ์ ระองค์ ไดต้ รัสอดตี นทิ านมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหน่ึงนานมาแล้ว พระโพธสิ ัตว์เกิดเป็นพญาลงิ มีรปู ร่างใหญ่โตสวยงาม มีพละกาลงั เท่าช้าง
อาศัยอยู่ที่ราวป่า คุ้งแม่น้าแห่งหนึ่ง ในแม่น้านั้นมีจระเข้สองผัวเมียอาศัยอยู่ วันหน่ึง จระเข้ตัวเมียเห็น
ร่างกายของพญาลิงแล้วเกดิ แพท้ ้องอยากกนิ หัวใจลงิ ตวั น้ัน

"พีช่ ่วยนามนั มาให้นอ้ งหนอ่ ยนะจ๊ะ"

สามีพูดว่า "น้องจ๋าเราเป็นสัตว์ในน้า ลิงเป็นสัตว์บนบก พี่จะจับลิงได้อย่างไรละจ๊ะ" เมียพูดด้วย
ความน้อยในว่า "พ่ีต้องหาวิธีจับมันมาให้ได้ มิเช่นน้ันน้องขอตายดีกว่า" สามีจึงพูดปลอบใจว่า "น้องจ๋า
อยา่ งเพิง่ ตายเลยจะ๊ พจี่ ะไปจบั มันมาเด๋ียวน้ลี ะจ๊ะ"

วา่ แล้วกไ็ ปหาพญาลงิ ท่ีกาลังลงมาด่ืมนา้ ทฝี่ ง่ั พอดี รอ้ งถามขึ้นวา่ "ท่านลงิ ทา่ นกินแตก่ ล้วยที่ฝัง่ น้ไี ม่
เบื่อรึไง ไม่คิดอยากจะข้ามไปกินผลไม้ฝ่ังโน้นบ้างหรือ" ลิงตอบว่า "ท่านจระเข้ แม่น้านี้กว้างใหญ่ไพศาล
เราจะข้ามไปได้อย่างไร" จระเข้ ได้ทีจึงเสนอตัวว่า " ถ้าท่านจะไปจริง ๆ ก็ขึ้นบนหลังของเราไปก็ได้ เรา
อาสาจะไปสง่ " ลงิ เชื่อคาพูดของมนั จึงไดก้ ระโดดขน้ึ บนหลังจระเข้ไป

จระเขพ้ อพาลิงไปถงึ กลางแม่น้าก็มุดลงดาน้า ลิงร้องถามว่า "ท่านแกล้งเรา จะให้เราจมน้าตายรึไง"
จระเข้ตอบว่า "เรามไิ ด้คิดอาสาจะพาท่านไปฝ่งั โน้นจรงิ ๆ หรอก เมียเราแพท้ อ้ งอยากกินหวั ใจทา่ น เราจะพา
ทา่ นไปใหเ้ มียเรากินตา่ งหาก"

5

ลิงพูดข้ึนด้วยเล่ห์ว่า "เพ่ือนเอ๋ย ท่านบอกมาก็ดีแล้ว หากหัวใจอยู่ในท้องเราเม่ือกระโดดไปมาบน
ต้นไม้ หัวใจเราก็แหลกหมดนะสิ หัวใจไม่ได้อยู่กับเรา" จระเข้หลงกลถามไปว่า "แล้วท่านเอาหัวใจไปไว้ที่
ไหนละ" ลิงจึงชีไ้ ปทต่ี ้นมะเดื่อตน้ หนง่ึ ท่ีไมไ่ กลนกั มีผลสุกเป็นพวงอยู่ พร้อมกบั พูดวา่ "น่ันไง หัวใจของเรา
แขวนอยู่ที่ต้นมะเดื่อนั่นไง" จระเข้พูดว่า "หากท่านให้หัวใจแก่เรา เราจะไม่ฆ่าท่าน" ลิงพูดว่า "ถ้าเช่นน้ัน
ทา่ นพาเราไปท่นี ั้นสิ เราจะให้หวั ใจแก่ทา่ น"

จระเข้จงึ พาลิงไปสง่ ที่ตน้ มะเดื่อน้ัน ลิงกระโดดข้ึนต้นมะเด่อื ไปแลว้ พร้อมกบั พดู วา่ "เจา้ จระเขห้ นา้
โง่ หัวใจสตั ว์ตัวไหนจะอยู่บนยอดไม้ เจ้าใหญ่แต่ตัวเสยี เปล่า หามีปัญญาไม่" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า "เราไม่
ตอ้ งการด้วยผลมะม่วง ผลหว้า และผลขนนุ ท่ีทา่ นเหน็ ฝ่ังสมุทรโนน้ ผลมะเดอ่ื ของเราตน้ นีด้ กี ว่าร่างกายของ
ทา่ นใหญโ่ ตเสียเปลา่ แต่ปัญญาไม่สมกับร่างกายเลย จระเข.้ .ถูกเราลวงแล้วนัดนเี้ จ้าจงไปตามสบายเถิด"

จระเข้พอทราบวา่ หลงกลลิงแลว้ ก็เป็นทกุ ขเ์ สยี ใจซมึ เซาเหมอื นกับเสียพนนั มุดกลับยงั ถิ่นทอ่ี ยขู่ อง
ตนตามเดิม

6

หนูกัดผา้

ในสมัยหน่ึง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ทรงปรารภพราหมณ์ชาวเมืองผู้หน่ึง
ซึ่งเปน็ ผู้ถอื มงคลต่นื ข่าว ไมเ่ ล่อื มใสในพระรัตนตรยั เปน็ มิจฉาทฎิ ฐิ มโี ภคทรัพยม์ าก เรอื่ งมอี ยวู่ ่า...

วันหนึ่ง หนูได้กัดผ้านุ่งคู่หน่ึงของพราหมณ์ ที่เก็บไว้ในหีบ เขาคิดว่า " ความพินาศอย่างใหญห่ ลวง
จกั มแี กค่ รอบครัวของเราและผ้ทู ี่นุ่งผ้าคนู่ ี้ " จึงใหล้ ูกชายใชท้ อ่ นไม้คอนผา้ ไปท้งิ ทปี่ า่ ช้าผีดบิ

เช้าตรู่ของวันนั้น พระพุทธองค์ได้ตรวจดูเวไนยสัตว์ เห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของพราหมณ์
พอ่ ลกู คูน่ ้ี จึงไดเ้ สด็จไปเหมือนนายพรานตามรอยเน้อื ไดป้ ระทบั ยนื อยูท่ ่ีประตปู ่าชา้ ผดี บิ ทรงเปล่งพระพทุ ธ
รังษี ๖ ประการอยู่ ฝา่ ยลกู ชายของพราหมณ์ เดนิ คอนผ้าเข้าประตปู า่ ชา้ ผีดบิ มา เมอ่ื พระพุทธองค์ตรสั ถาม จึง
เล่าเรื่องนั้นให้ฟัง พระพุทธองค์จึงตรัสให้ท้ิงผ้าน้ันเสีย พอมานพน้ันท้ิงผ้าแล้ว พระองค์ก็ทรงถือเอาผ้านั้น
ต่อหน้ามานพน่ันเอง ท้ังๆท่ีถูกมานพนั้นห้ามอยู่ว่า " อย่าจับ อย่าจับ ผ้าน้ันเป็นอวมงคล " ก็ทรงถือผ้าน้ัน
เสด็จกลบั วัดเวฬุวนั ไป

มานพรบี กลับไปบ้านบอกเรื่องน้ันแก่บิดา พราหมณ์พอได้ฟังลูกชายเล่าเร่อื งจบ ก็ตกใจด้วยเกรงว่า
" ความพินาศจักมีแก่พระพุทธเจ้าและพระวิหาร ผู้คนก็จะครหานินทาได้ เราต้องหาผา้ ผืนใหม่ไปถวายแลก
ผ้าคู่นั้นนากลับไปทิ้งเสีย " จึงชวนลูกชายและคนรับใช้นาผ้าใหม่ไปวัดเวฬุวัน ขอถวายผ้าใหม่แลกกับผ้าคู่
น้ันคืนมา

พระพุทธองคต์ รสั วา่
" พราหมณ์ พวกเรามนี ามวา่ บรรพชติ ผา้ เกา่ ๆทเี่ ขาทง้ิ แล้วหรือตกอยใู่ นทเี่ ช่นนั้น ยอ่ มควรแก่พวกเรา ทา่ น

เองมใิ ช่แตจ่ ะเพิง่ เป็นคนมีความเช่อื อยา่ งนใี้ นบดั นเี้ ทา่ นนั้ แม้ในคร้งั กอ่ นก็เคยมคี วามเชื่ออย่างนีเ้ หมอื นกนั "

7

ได้ตรสั อดีตนทิ านมาสาธกแล้ว ตรสั พระคาถาวา่
" ผใู้ ดถอนทฏิ ฐเิ ร่ืองมงคล อบุ าต ความฝนั และลักษณะได้แลว้
ผนู้ ัน้ ลว่ งพ้น ส่ิงอันเป็นมงคลและโทษท้ังปวง ครอบงากเิ ลสเป็นคู่ ๆ
และโยคะทัง้ ๒ ประการไดแ้ ลว้ ไมก่ ลบั มาเกิดอกี "

8

สุนัขจิ้งจอกอยากเป็นผู้นา

ในสมัยหนึ่ง พระพทุ ธเจา้ ประทับอยู่วัดเวฬวุ ัน เมอื งราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัต ผแู้ สดงทา่ ทาง
อย่างพระองค์ ไดต้ รสั อดีตนทิ านมาสาธกวา่ ...

กาลคร้งั หน่งึ นานมาแล้ว พระโพธสิ ัตว์เกดิ เปน็ ราชสหี ์ อาศัยอย่ใู นถ้าทองในปา่ หมิ พานต์ วนั หนงึ่
ออกจากถ้าทองไปหาอาหาร ได้กระบือใหญต่ วั หนึ่ง กินเน้ือแลว้ ไปดม่ื นา้ ทส่ี ระแหง่ หน่งึ

ในขณะท่ีเดินกลับถ้า ได้พบสุนัขจ้ิงจอกตัวหนึ่งในระหว่างทาง สุนัขจิ้งจอกจึงขออาสาเป็นผู้รับใช้
ราชสีห์ด้วยความกลัวตาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสนุ ัขจ้ิงจอกก็ได้กินเนื้อเดนราชสีห์อย่างอ่ิมหนาสาราญ มันมี
หน้าทีข่ ้ึนยอดเขาไปดูสตั ว์ที่จะเปน็ อาหาร แลว้ กลับลงมาบอกพระยาราชสีหว์ า่

" ขา้ พเจ้า อยากกนิ เนื้ออยา่ งโนน้ นายทา่ น จงแผดเสียงเถดิ " พระยาราชสหี ์ก็จะไปจับสัตว์ตวั นน้ั มา
เปน็ อาหาร ไมว่ า่ จะเป็นเนอื้ นานาชนิดหรอื แมก้ ระทงั่ ช้าง

คร้ันเวลาผ่านไปหลายปี สุนัขจิ้งจอก ชักกาเริบเกิดความคิดว่า " แม้ตัวเรา ก็เป็นสัตว์ มี ๔ เท้า
เหมือนกัน เหตุใด จะให้ผอู้ ื่นเล้ยี งอยู่ทุกวันเลา่ นับแต่น้ีเป็นต้นไป เราจะฆ่าช้างเป็นอาหารกินเนื้อเอง แม้แต่
ราชสีห์ก็เพราะอาศัยเราบอกว่านายขอรับ เชิญท่านแผดเสียงเถดิ เท่านั้น ก็จึงฆา่ สัตว์ต่างๆได้ ต่อแต่นี้ เราจะ
ให้ราชสีห์พูดกับเราบ้าง " ได้เข้าไปหาราชสีห์แล้วบอกเร่ืองนั้น แม้ถูกพระยาราชสีห์พูดเยาะเย้ยว่า
" เปน็ ไปไมไ่ ด้ "

9

ก็ตามคงเซ้าซี้อยู่นั่นเอง พระยาราชสีห์เม่ือไม่อาจห้ามมันได้ ก็รับคาให้สุนัขจ้ิงจอกนอนในที่นอน
ของตน แลว้ ไปคอยดูช้างตกมันท่ีเชิงเขา พบแล้วก็กลับเข้ามาบอกสุนัขจ้ิงจอกว่า " จิ้งจอกเอ๋ย เชิญแผดเสยี ง
เถิด "

สุนัขจงิ้ จอก ออกจากถา้ ทอง สลัดกาย มองทศิ ท้งั ๔ หอนข้นึ สามคาบ วงิ่ กระโดดเขา้ งับชา้ งหวงั ท่ี
ก้านคอชา้ ง กลับพลาดไปตกทใ่ี กล้เทา้ ชา้ ง ช้างจงึ ยกเท้าขวาขน้ึ ไปเหยียบหัวจิ้งจอก จนหวั กะโหลกแตกเปน็
จนุ แลว้ เอาเทา้ คลงึ รา่ งของมนั ทาเป็นกองไวแ้ ลว้ เยยี่ วรดข้างบน รอ้ งกมั ปนาทเข้าป่าไป

พญาราชสหี ์เหน็ เช่นน้ันแลว้ จงึ กลา่ วคาถาน้วี า่
" มนั สมองของเจา้ ทะลักออกมา กระหม่อมของเจา้ กถ็ ูกทาลาย

ซโี่ ครงของเจ้า ก็หกั หมดแลว้ วันน้ี เจา้ ชา่ งรงุ่ โรจนเ์ หลอื เกนิ "

10

บวชเพราะผมหงอก

ในสมัยหน่ึง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการเสด็จออกผนวชของ
พระองค์ ไดต้ รัสอดีตนิทานมาสาธก วา่ ...

กาลครั้งหน่ึงนานมาแล้ว ในกรุงมิถิลา วิเทหรัฐ มีพระราชาผู้ทรงธรรมพระองค์หน่ึงพระนามว่า
มฆเทวะ พระองค์ได้ตรัสกับนายช่างกัลบก(ช่างตัดผม)ว่า " นายช่าง หากวันใดท่านเห็นผมหงอกบนศีรษะ
เรา จงบอกเราดว้ ย "

ต่อมาวันหนึ่ง นายช่างกัลบกพบผมหงอกเส้นหนึ่งบนศีรษะของพระราชา จึงได้ทูลให้ทรงทราบ
พระราชาจงึ สง่ั ใหถ้ อนออกมาวางไวท้ ่ฝี า่ พระหตั ถข์ องพระองค์

ในสมัยน้ัน พระราชายังมีพระชนมายุเหลืออยู่อีก ๘๔,๐๐๐ ปี ถึงกระน้ันพระองค์ก็ถึงความสลด
พระทัยว่า ความตายใกล้เข้ามาแล้ว พระองค์ทรงวิตกจนพระเสโทเปียกชุ่มไปทั่วพระวรกาย ได้ตัดสิน
พระทัยออกบรรพชาในวันน้ัน จึงทรงประทานบ้านหลังโตแก่นายช่างกัลบก และมอบราชสมบัติแก่
พระโอรสพระองคใ์ หญ่

พวกอามาตย์ ได้ทูลถามถึงสาเหตุท่ีพระองค์สละราชสมบัติ พระองค์จึงตรัสบอกสาเหตุที่สละราช
สมบัตอิ อกบวชเพราะผมหงอกบนศรี ษะ แล้วได้ตรัสคาถาแก่อามาตยท์ ง้ั หลายว่า

" เมอ่ื วยั ล่วงลบั ไป ผมบนศรี ษะของเรากห็ งอก
เทวทูตก็ปรากฎชดั บัดน้ี เปน็ เวลาท่ีเราควรจะบวช "

ครัน้ ตรัสแลว้ ก็สละราชสมบตั ิบวชเป็นฤาษีในวนั น้ันเอง ประทับอยู่ในสวนมะม่วงตราบจนสวรรคต

11

สะใภ้เศรษฐี

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภนางสุชาดาน้องสาวของนาง
วสิ าขาซ่ึงเปน็ ลูกสะใภ้ของทา่ นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เรอ่ื งมีอยูว่ ่า...

นางสุชาดาสาคญั ตนว่าเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ จึงไม่ยอมก้มหัวให้กับใคร ๆ ในครอบครัวสามี
แม้กระทั่งปู่และย่า เที่ยวดุด่าเฆี่ยนตีทาสรับใช้ในเรือนของสามีอยู่เป็นประจา ต่อมาวันหนึ่ง พระพุทธเจ้า
พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์เขา้ ไปฉันที่บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขณะที่กาลังแสดงธรรมอยู่น่ันเอง ได้
ยนิ เสยี งเอะอะโวยวาย จึงตรสั ถามท่านเศรษฐี เมอื่ เศรษฐกี ราบทูลใหท้ รงทราบแล้ว พระองคจ์ งึ รับส่งั ใหเ้ รียก
นางมาเข้าเฝ้า และตรัสถามนางว่า " สุชาดา ภรรยามี ๗ จาพวก เธอเป็นภรรยาจาพวกไหน " นางสุชาดาไม่
ทราบจึงกราบทลู วา่ " ข้าพระองค์ไมท่ ราบวา่ พระองค์ตรสั หมายถึงอะไร โปรดอธิบายด้วยเถดิ พระเจา้ ขา้ "

พระพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงภรรยา ๗ จาพวกว่า " สุชาดา ภรรยาจาพวกท่ี ๑ มีจิตคิดประทุษร้ายสามี
มิได้ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่สามี รักใคร่ในชายอื่น ดูหมิ่นล่วงเกินสามี ขวนขวายเพ่ือจะฆ่า
สามี นเ่ี รียกวา่ วธกาภรยิ า ภรรยาเสมือนดังเพชฌฆาต

ภรรยาจาพวกท่ี ๒ สามีได้ทรพั ย์มามอบใหภ้ รรยาเก็บรกั ษาไว้ แต่ภรรยาไม่รู้จักเก็บรกั ษา ปรารถนา
แตจ่ ะใชท้ รัพยน์ นั้ ให้หมดไป น่ีเรยี กว่า โจรภี ริยา ภรรยาเสมอื นดงั โจร

ภรรยาจาพวกที่ ๓ เกียจคร้านทางาน กินจุ มักโกรธ มักดุด่า กดข่ีคนใช้ น่ีเรียกว่า อัยยาภรยิ า ภรรยา
เสมือนดงั เจ้านาย

12

ภรรยาจาพวกที่ ๔ โอบอ้อมอารี ทาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์เก้ือกูลทุกเมื่อ ตามรักษาสามีเหมือนแม่
รักษาลูก รกั ษาทรัพย์ท่ีสามีหามาไดไ้ ว้ นี่เรียกวา่ มาตาภริยา ภรรยาเสมือนดงั มารดา

ภรรยาจาพวกที่ ๕ มีความเคารพสามี มีความละอายใจ ทาตามความพอใจสามี คล้ายน้องสาวเคารพ
พี่ชาย นเี่ รียกว่า ภคนิ ภี รรยา ภรรยาเสมอื นดังนอ้ งสาว

ภรรยาจาพวกที่ ๖ เห็นหน้าสามีย่อมร่าเริงยินดี คล้ายกับเพื่อนรักมาเยี่ยมเยือนบ้าน รักษาชื่อเสียง
วงศ์ตระกูล มศี ีลมีวัตรปฏบิ ตั ติ ่อสามี นเ่ี รียกว่า สขีภรยิ า ภรรยาเสมอื นดงั เพ่ือน

ภรรยาจาพวกที่ ๗ เป็นคนที่ไม่มีความขึงโกรธ ถึงจะถูกคุกคามก็ไม่มีจิตคิดประทุษรา้ ย อดกล้ันต่อ
สามี เอาใจสามีเกง่ นเ่ี รียกว่า ทาสภี รยิ า ภรรยาเสมอื นดังทาส

สชุ าดา ภรรยา ๓ จาพวกแรกต้องตกนรก สว่ นภรรยา ๔ จาพวกหลงั ไปเกิดในเทวโลกชนั้ นมิ มานรดี
ภรรยา ๗ จาพวกน้ี เธอจะเปน็ จาพวกไหน "

เมื่อพระพุทธองคเ์ ทศนาเรื่องภรรยา ๗ จาพวกจบเท่านั้น นางสุชาดาได้เป็นพระโสดาปัตติผลทันที
จึงกราบทูลว่า " ข้าพระองค์ขอเป็นทาสีภริยา ภรรยาเสมือนดังทาส พระเจ้าข้า" ถวายบังคมขอขมา
พระพุทธเจา้ แลว้ กไ็ ป

เมื่อกลับถึงวัดเชตวันพวกภิกษุพากันสนทนาถึงนางสุชาดาท่ีเป็นหญิงสะใภ้ผู้ดุร้าย พอได้ฟังธรรม
ของพระพุทธองคแ์ ล้วกลบั เปน็ หญงิ เรยี บร้อยไปได้

พระพทุ ธเจ้าเพื่อคลายความสงสยั ของพวกภิกษไุ ด้ตรสั อดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหน่ึงนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพรหมทัต เมืองพาราณสี
พอเจริญวัยได้ไปศึกษาศิลปะที่เมืองตักกสิลา เม่ือพระราชบิดาสวรรคตแล้วก็ได้ขึ้นครองราชย์สืบมา
พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองโดยธรรม แต่พระมารดาเป็นผู้มักโกรธดุร้าย ชอบด่าข้าทาสบริวารอยู่เสมอ
พระองค์คดิ หาวธิ จี ะตกั เตือนพระมารดาแตก่ ย็ งั หาไม่ได้

วันหน่ึง พระองค์เสด็จไปสวนหลวงพร้อมด้วยพระมารดา มีบริวารแวดลอ้ มไปด้วยคณะใหญ่ พวก
ขา้ ทาสบรวิ ารพอได้ยนิ เสียงนกตอ้ ยตีวดิ ร้องกพ็ ากนั ปดิ หูพร้อมกบั บน่ ว่า " เจ้านกบ้า เสยี งไม่ไพเราะก็ยังรอ้ ง
อยู่ได้ ไม่อยากฟัง" ลาดับน้ันได้ยินเสียงนกดุเหว่าร้องสาเนียงไพเราะก็พากันช่ืนชมว่า " เสียงเจ้าช่างไพเราะ
จริงๆ ร้องต่อไปเรื่อยๆ อย่าได้หยุดนะ" พระองค์คิดว่าได้โอกาสตักเตือนพระมารดาแล้ว จึงตรัสเป็นพระ
คาถาว่า

13

" ธรรมดาสัตวท์ ัง้ หลายทส่ี มบูรณว์ รรณะ มีเสยี งอนั ไพเราะ น่ารกั นา่ ชม
แตพ่ ดู จาหยาบกระด้าง ย่อมไม่เปน็ ที่รกั ของใครๆ ทั้งในโลกนแ้ี ละโลกหน้า
พระองค์กไ็ ด้เหน็ มิใช่หรือวา่ นกดุเหว่าสีดาตวั นี้มีสไี มส่ วย ลายพรอ้ ยไปท้ังตัว
แตเ่ ปน็ ทีร่ กั ของสัตว์ทั้งหลายจานวนมาก เพราะรอ้ งดว้ ยเสยี งอันไพเราะ
เพราะฉะน้ัน บุคคลควรพดู คาอันสละสลวย คิดก่อนพดู พดู พอประมาณไม่ฟุ้งซ่าน
ถ้อยคาของผูท้ ีแ่ สดงเปน็ อรรถเปน็ ธรรม เปน็ ถอ้ ยคาอันไพเราะ เปน็ ถอ้ ยคาทเี่ ป็นภาษติ "

พระมารดาได้สดับแลว้ ก็กลับได้สติ จาเดิมแต่วันน้ันมาก็กลายเป็นคนเพียบพร้อมด้วยมารยาทอันดี
งามไม่ดดุ า่ ว่ารา้ ยใครๆ ครองชวี ติ โดยธรรมเสดจ็ ไปตามยถากรรม

14

บรรณานุกรม

ที่มา : หนังสอื นิทานชาดก เลม่ ท่ี ๑ โดย พระมหาสนุ ทร สนุ ฺทรธมฺ โม
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ วดั ธาตุ อาเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแกน่

๔๐๐๐๐ โทร ๐๔๓-๒๒๒๑๐๑, ๐๔๓-๓๒๐๘๕๐
ท่ีมา : หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๑ โดย พระมหาสนุ ทร สุนฺทรธฺมโม
ทม่ี า : หนังสอื นทิ านชาดก เลม่ ท่ี ๑ โดย พระมหาสนุ ทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซยุ )
ที่มา : หนังสอื นิทานชาดก เล่มที่ ๒ โดย พระมหาสนุ ทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)


Click to View FlipBook Version