สรุป
วิวัฒนาการ
ละครไทย
น.ส. รพีพรรณ ลูกจันทร์ ม.6/7 เลขที่ 41
สมัยน่านเจ้า ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับละครมากนัก แต่มีนิยายเรื่อง "นามาโนราห์"
สมัยสุโขทัย ไม่มีหลักฐานการละครมากนัก แต่จะหนักไปทางศิลปะการแสดงพื้นเมืองประเภทรำ และระบำ
สมัยอยุธยา สมัยพระเจ้าอู่ทองได้ส่งพระราเมศวรไปปราบกษัตย์เขมร ไทยจึงได้นำคณะละครหลวงของเขมร
และตำนานนาฏศิลป์เข้ามา จึงเกิดละครชาตรี (ใช้แก้บน) ละครนอก ละครใน
(ใช้การแสดงญ.ล้วน)
สมัยธนบุรี มีการหัดเล่นละครหลวงขึ้นมาใหม่อีกทั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีความสนใจการแสดง
นาฏศิลป์ และละครจึงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นโดยเป็น ตอนที่หนุมานเกี้ยว
นางวาริน ตอนพระลักษณ์ถูกหอกบิลพัท ยังมีเรื่องอิเหนาที่นิยมนำมาแสดง
สมัยรัตนโกสินทร์ มีการนำละครชาตรีที่นิยมมาจากภาคใต้มาเล่นในเขตหลวงละครชาตรีในยุคนี้เกิดจากการ
ปราบปรามระงับเหตุการณ์ไม่สงบทางหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งมีประชาชนส่วนหนึ่งติดตามมาด้วย
ซึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์มีการละครตามสมัยรัชกาลต่างๆ
สมัยรัชกาลที่ 1 มีพระบรมราชโองการให้รื้อฟื้นการหัดเล่นหุ่น และโขนของงหลวง ส่วนละครผู้หญิงให้มีแต่
สมัยรัชกาลที่ 2 เขตพระราชวังแห่งเดียวเท่านั้น และพระราชนิพนธ์บทที่ขาดหายไปในเรื่องรามเกียรติ์
สมัยรัชกาลที่ 3 อุณรุท คาวี อิเหนา ละครนอกในสมัยรัชกาลที่ 1 ยังคงเป็นชายล้วน
สมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครไว้มากมายซึ่งปัจจุบันนำไปเป็นบทละครที่ใช้ในการ
แสดงละครนอกโดยให้ละครผู้หญิงของหลวงมาฝึกเล่นละครนอก ได้แก่ อิเหนา สังข์ทอง
สมัยรัชกาลที่ 5 ไชยเชษฐ์ คาวี และไกรทองซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้
ทรงยกเลิกละครหลวงผู้หญิง และโขนตลอดรัชกาล แต่กลับเป้นผลดีกับเจ้านายและ
ราชการที่นิยมขณะนั้นด้วยเกรงว่าจะเป็นการแข่งกับละครหลวงส่งผลให้บรรดาเจ้านาย
และข้าราชการพากันหัดเล่นละครหลวงแบบรัชกาลที่ 2 จนเกิดเป็นละครเอกชน
ทรงโปรดเกล้าให้มีการรื้อละครหลวง และไม่ได้สั่งห้ามให้ละครเอกชนหยุดแสดง เนื่องจาก
เห็นว่ามีคณะละครมากๆจะเป็นเรื่องดีจึงทำให้เกิดละครภาษารัชกาลที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์
บทละครรามเกียรติ์ ตอนพระรามเดินดงตอนนาสรายณ์ปรามนนทกยุคสมัยนั้น สมันนี้เป็น
สมัยที่ละครมีชื่อเสียง
มีการปรับปรุงละครสมัยใหม่มากขึ้นได้รับอิทธิพลมาจากยุโรปและอเมริกา ละครรำจึง
ปรับปรุงเป็นละครอื่นๆ เช่น ละครดึกดำบรรพ์ ละคร้สภา ลิเก ปลายรัชกาลที่ 5 มีเพลง
ทำนองของชาวตะวันตกเข้ามาสู่ประชาชนเป็นจำนวนมากและมีกำหนดละครร้องที่เอาเรื่อง
ชาวตะวันตกมาแสดงเป็นภาษาไทยเวลาฉายจะมีคนเป่าแตรฝรั่งประกอบการแสดง
สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นยุคทองของละครวรรณคดี ขี่ช้างทรงพระราชนิพนธ์บทละครทุกชนิด ทั้งละครร้อง
ละครรำ ละครดึกดำบรรพ์ในสมัยนี้มีการแต่งตั้งกรมมหรสพขึ้นมาใหม่เพื่อปรับปรุงศิลปะ
ด้านโขน และดนตรีปี่ พาทย์
สมัยรัชกาลที่ 7 ละครร้องได้หมดความนิยมลงไป มีการยกเลิกกรมมหรสพ และตั้งเป็นกองมหรสพ จาก
นั้นย้ายไปขึ้นอยู่กับกรมศิลปากร สมัยนี้เกิดเป็นละครพู ดที่มีเพลงสอดแทรกเรียกว่า
ละครจันทโรภาส
สมัยรัชกาลที่ 8 การแสดงต่างๆนั้นถูกจัดขึ้นโดยกรมศิลปากรและเกิดละครหลวงวิจิตรวาทการขึ้นเป็น
ละครปลุกใจให้รักชาติ เช่น เรื่องเลือดสุพรรณ
สมัยรัชกาลที่9 โปรดเกล้าให้มีการบันทึกเป็นภาพยนตร์ส่วนพระองค์มีการจดพิธีไหว้ครูโขน ละคร
พิธีครอบเศียร และพิธีต่อท่ารำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพผูที่ได้รับครอบจะต้องเป็น
ศิลปินที่ได้เลือกสรรแล้ว