[วนั ท]่ี
[ชอ่ื เอกสาร]
[ช่อื เรอ่ื งรองของเอกสาร]
OBEC
[ช่อื บรษิ ทั ]
[ทอ่ี ย่บู รษิ ทั ]
บนั ทึกข้อความ
สว่ นราชการ โรงเรยี นบ้านหนองบวั บาน(บวั บานวทิ ยาคม) ตำบลหนองบวั บาน อำเภอรัตนบรุ ี
จังหวดั สุรนิ ทร์
ที่ พเิ ศษ /2563 วนั ที่ 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2563
เรื่อง รายงานการฝึกอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ
ผลประโยชน์สว่ นรวม ประจำปี 2563
เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นหนองบวั บาน(บัวบานวิทยาคม)
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบรายงานผลการฝึกอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์
ส่วนตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวม ประจำปี 2563 จำนวน 1 ฉบบั
ตามที่ข้าพเจ้า นางสาวรวิวรรณ สวัสดี ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย โรงเรียนบ้านหนองบัวบาน
(บัวบานวิทยาคม) สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต 2 ไดเ้ ข้ารับการฝึกอบรมสร้าง
วิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ประจำปี 2563
จัดโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ณ โรงแรมดิอิมพิเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อำเภอเมือง
จงั หวัดนครราชสมี า ในระหวา่ งวนั ที่ 24 - 25 สงิ หาคม 2563 นั้น
บัดนี้ การอบรมตามโครงการดังกล่าว ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอนำส่งรายงานการ
อบรมมาพรอ้ มกบั หนงั สอื ฉบบั นี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ความคิดเห็นของผบู้ ริหาร ลงชื่อ .............................................
......................................................... ( นางสาวรววิ รรณ สวสั ดี )
…………………………………………………. ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย
………………………………………………….
ลงชอื่ ..............................................................
( นายจรี พฒั น์ จนั ทรศ์ รี )
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบัวบาน(บัวบานวทิ ยาคม)
แบบรายงานผลการการฝึกอบรมสร้างวิทยากรตวั คูณในการปลูกฝังวธิ ีคิดแยกแยะ
ผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ประจำปี 2563
*******************************************************************************************
ความเป็นมาและความสำคัญ
ด้วยสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 กำหนดจัดฝึกอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะ
ผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ประจำปี 2563 เพื่อสร้างวิทยากรตัวคูณในการเผยแพร่องค์
ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ตลอดจนสนับสนุนการขับเคล่ือนหลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษาไปใช้ในหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
โดยมีกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย น้ัน
ตามแนวทางการพัฒนา การป้องกันปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ เพือ่ ให้สังคมไทยมีวินัย
โปร่งใส ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สจุ ริต และยุติธรรม รวมทั้งสร้างความเข้มแข็ง เป็นภูมิคุ้มกันของสังคมไทย ให้
ครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาชน พร้อมทั้งสร้างพลังการขับเคลื่อน
ค่านิยม ตอ่ ต้านการทจุ รติ ให้ดำเนนิ การโดย
1. ปลูกฝังให้คนไทยไม่โกง ภาครัฐดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนให้ทุกภาคส่วน มุ่งสร้างจิตสำนึกใน
การรักษาประโยชน์สาธารณะ ทัศนคติเชิงบวก รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรม และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงให้กับทุกกลุ่มในสังคม ผ่านกลไกครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สื่อมวลชน และ
เครือข่ายทางสังคม ควบคู่กับการปลูกจิตสำนึกความซื่อสัตย์สุจริต ค่านิยมที่ถูกต้อง สร้างความตระหนักถึง
ภัยร้ายแรงของการทุจรติ และการรูเ้ ท่าทันการทุจริต ของสังคมไทย โดยอาศัยกลไกทางสังคมเป็นมาตรการใน
การลงโทษผกู้ ระทำผิด หรอื ผูก้ ระทำการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ
2. การปอ้ งกนั การทุจรติ ภาครัฐไดด้ ำเนนิ การ ดังนี้
1) ปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพัสดุและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้มีระบบท่ี
โปร่งใสตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพต่อการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง การจัดซื้อ จัดจ้าง
และการทำสัญญาอื่น ๆ ที่ภาคเอกชนทำสัญญากับรัฐ ให้มีกฎหมายห้ามมิให้ นำงบประมาณแผ่นดินไปใช้
ประชาสัมพันธ์ตนเองในเชิงหาเสียง ไม่ให้มีการขัดกันระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ในขณะดำรงตำแหนง่ ที่สามารถใชอ้ ำนาจรัฐได้ และ ปรบั ปรุงกฎหมายเกีย่ วกบั ข้อมูลขา่ วสารสาธารณะ รวมทั้ง
การลดการใช้ดุลพินิจในการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยให้มีการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน
กระบวนการ และแนวทางการตัดสินใจ ระยะเวลาแล้วเสร็จ และเอกสารท่ีใช้ในการขออนุญาตหรืออนุมัติจาก
ทางราชการให้ระบบงาน คู่มือหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : 4 4 ทั้งระบบโปร่งใสตรวจสอบได้โดยเฉพาะ
โครงการที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริตให้มีการจัดทำสัญญา คุณธรรม และเพิ่มบทลงโทษภาคเอกชนด้วย
2) จดั ตั้งกองทุนสนบั สนุนการต่อตา้ นการทจุ ริต การคมุ้ ครองพยานในคดที ุจริตและ ประพฤติ
มชิ อบ และเสริมสร้างความรู้เก่ยี วกบั รูปแบบกลไกการทุจรติ และวิธกี ารเฝ้าระวงั การทุจริต รวมถงึ แนวทางการ
สนับสนุนการสร้างกิจกรรมการป้องกันการทุจริตของภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพิจารณารูปแบบ
การจัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ให้มีความเหมาะสมและ
เพียงพอกับการปฏิบัตงิ านและสถานการณ์การคลงั ของประเทศ
3) เร่งรัดหน่วยงานภาครัฐให้มีการดำเนินงานในการกำหนดมาตรการป้องกันและ แก้ไข
ปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเคร่งครัด โดยติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการ ป้องกันและ
แก้ไขปญั หาการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบของหนว่ ยงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง
4) เสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ให้สามารถ
เป็นหน่วยงานหลักของภาครัฐในการเฝ้าระวัง ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบท่ี
บูรณาการการทำงานร่วมกนั อยา่ งมีกลยทุ ธ
การดำเนินการจัดฝึกอบรมสร้างวิทยากรตัวคูณในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ประจำปี 2563 จึงได้จัดขึ้น ณ โรงแรมดิอิมพิเรยี ล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์
อำเภอเมอื ง จงั หวดั นครราชสมี า ในระหว่างวนั ที่ 24 - 25 สงิ หาคม 2563
วัตถุประสงค์
1. เพอื่ สรา้ งวทิ ยากรตวั คูณในการเผยแพรอ่ งค์ความรู้เกย่ี วกับการสรา้ งสงั คมทไี่ ม่ทนต่อการทุจรติ
2. เพ่อื ปลกู ฝังวิธคี ิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวม
3. เพอ่ื สนับสนนุ การขบั เคลอ่ื นหลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษาไปใช้ในหน่วยงานที่เก่ียวข้อง
เปา้ หมาย
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยในจังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา
และชัยภูมิ จำนวนเขตพ้นื ที่ละ 5 คน
หลกั สูตรตา้ นทุจริต
หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา (Anti – Corruption Education) “การปอ้ งกนั การทุจรติ ”
ประกอบด้วย 1 หนว่ ยการเรียนรู้ ได้แก่
1) การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม
2) ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ
3) STRONG : จติ พอเพียง ต้านทจุ ริต
และ 4) พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคมที่สถานศึกษาจัดให้กับผู้เรียนเพื่อปลูกฝังและ ป้องกัน
การทจุ รติ ไมใ่ ห้เกดิ ข้ึน
โดยเริ่มปลูกฝังผู้เรียนตั้งแต่ชั้นปฐมวัยจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ
กระบวนการ มีสมรรถนะที่สำคัญ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ดังนั้นสิ่งที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้ในหลักสูตรต้าน
ทุจรติ ศกึ ษา ได้แก่
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ผู้เรียน
เรียนรู้เกี่ยวกับระบบคิดฐานสิบ ระบบคิดฐานสอง ผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม การคิด
แยกแยะ การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวมในชุมชน สังคม ประเทศชาติและ
โลก ความแตกต่างระหวา่ งจริยธรรมและการทจุ รติ ผลประโยชนท์ ับซอ้ น รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ผู้เรียนเรียนรู้เกี่ยวกับ ความหมาย
ของความละอาย ความไม่ทนต่อการทุจรติ และพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความละอายและ ความไม่ทนต่อการ
ทจุ ริต คมู่ ือหลักสูตรต้านทจุ รติ ศึกษา : 8 8
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจริต ผู้เรยี นเรียนรู้เกี่ยวกบั STRONG : จิตพอเพียง
ตา้ นทจุ ริต ซงึ่ ประกอบด้วย
S (Sufficient) : ความพอเพียง หมายถึง ผู้เรียนน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง
มาประยุกต์เป็นหลักในการทำงาน การดำรงชีวิต การพัฒนาตนเองและส่วนรวม รวมถึง การป้องกัน
การทุจริตอย่างยั่งยืน ความพอเพียงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งของมนุษย์ แม้ว่าจะแตกต่างกัน ตามพื้นฐาน แต่
การตัดสินใจว่าความพอเพียงของตนเองต้องตั้งอยู่บนความมีเหตุมีผล รวมทั้ง ต้องไม่เบียดเบียน
ตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม ความพอเพียงจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลน้ันไม่กระทำการทุจริต ซึ่งต้องให้
ความรูค้ วามเขา้ ใจและปลุกให้ต่ืนรู้
T (Transparent) : ความโปร่งใส หมายถึง ผู้เรียนต้องปฏิบัติงานบนฐานของ ความโปร่งใส
ตรวจสอบได้ จึงต้องมีและปฏบิ ัติตามหลักปฏิบัติ ระเบียบ ขอ้ ปฏบิ ตั ิกฎหมาย ความโปร่งใส ซง่ึ ต้องให้
ความรูค้ วามเขา้ ใจและปลุกให้ต่ืนรู้
R (Realize) : ความตื่นรู้ หมายถึง ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักรู้ ถึงรากเหง้า
ของปัญหา และภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภายในชุมชน และประเทศ ความตื่นรู้จะ
บังเกิดเมื่อได้พบเห็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและ ไม่ยินยอมต่อ
การทุจริตในที่สุด ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริต ที่เกิดขึ้น ความร้ายแรง
และผลกระทบต่อระดบั บคุ คลและสว่ นรวม
O (Onward) : มุ่งไปขา้ งหนา้ หมายถงึ ผู้เรียนม่งุ พฒั นาและปรบั เปล่ียนตนเองและ ส่วนรวม
ให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพียงและร่วมสร้าง วัฒนธรรม
สุจริตใหเ้ กิดขน้ึ อย่างไมย่ ่อท้อ ซึง่ ตอ้ งมีความรู้ความเข้าใจในประเดน็ ดังกล่าว
N (Knowledge) : ความรู้ หมายถึง ผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถ นำความรู้ไป
ใช้วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินได้อย่างถ่องแท้ ในเรื่องสถานการณ์การทุจริต ผลกระทบ ที่มีต่อ
ตนเองและส่วนรวม ความพอเพียงต้านทุจริต การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์
ส่วนรวม ที่มคี วามสำคญั ยง่ิ ต่อการลดการทจุ ริตในระยะยาว รวมท้งั ความละอาย ไมก่ ลา้ ทำทุจรติ และ
ความไมท่ นเมอื่ พบเหน็ ว่ามกี ารทจุ ริตเกดิ ขนึ้ เพื่อสรา้ งสังคมไม่ทนต่อการทุจริต
G (Generosity) : ความเอื้ออาทร หมายถึง ผู้เรียนมีความเอื้ออาทร มีเมตตา มีน้ำใจ ต่อกัน
บนฐานของจติ พอเพียงตา้ นทุจริต ไม่เอ้ือตอ่ การรบั หรอื การใหผ้ ลประโยชนห์ รือต่อพวกพ้อง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้เรียนเรียนรู้เกี่ยวกับ หน้าที่ของพลเมือง
ความรบั ผดิ ชอบของพลเมือง ต่อตนเอง ชมุ ชน สังคม ประเทศชาติ และโลก การเคารพสทิ ธิหนา้ ทีข่ อง
ตนเองและผ้อู ืน่ การปฏิบัติตนตามระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย และ การปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมอื งท่ีดีใน
การปอ้ งกนั การทุจรติ
สรุปผลการอบรม
วันที่ 24 สงิ หาคม 2563
09.00 น. – 10.30 น.
วทิ ยากรบรรยายทา่ นท่ี 1 นายณฐั วุฒิ ขมประเสริฐ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 3
บรรยายใหค้ วามรู้เรื่อง “ปฏบิ ัติหน้าทอี่ ย่างไร ใหอ้ ยู่รอดปลอดภัยจนถึงวัยเกษยี ณ”
- การตระหนกั ถึงปญั หาการทจุ ริตในองค์กร
- กระบวนการทำงาน การกระทำ การดำเนินงานตา่ ง ๆ เช่น การจัดซ้อื จดั จา้ ง การเรยี กรับประโยชน์
โดยตรง การกำหนดระเบียบหรือคณุ สมบตั ิทเ่ี อ้อื ต่อพวกพ้อง
10.30 น. – 12.00 น.
วิทยากรบรรยายทา่ นท่ี 2 นายววิ ัฒนช์ ยั เศรษฐชัย กรรมการชมรม STRONG – จติ พอเพียงตา้ นทุจริต
จังหวัดนครราชสีมา
บรรยายให้ความรู้เรื่อง “การคิดแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม และความ
ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ”
- การนำสมบตั ขิ องหลวงไปใช้สว่ นตวั เชน่ การนำรถทีใ่ ช้ในราชการไปใชท้ ำธรุ ะสว่ นตวั
- การชว่ ยกันรกั ษาและทะนุบำรงุ ทรัพย์สินทเ่ี ปน็ ของราชการ
- การนำกระบวนการ STRONG Model มาใชว้ ิเคราะห์ การทำงานและแนวทางแก้ปญั หาในองค์กร
13.00 น. – 14.30 น.
วิทยากรบรรยายทา่ นท่ี 3 นายสญั ญา แก่นจำปา เจ้าพนักงานป้องกนั การทุจรติ ชำนาญการ
บรรยายใหค้ วามรูเ้ รอื่ ง “STRONG Model : จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ ”
- STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ผู้เรียนเรียนรู้เกี่ยวกับ STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ซ่ึง
ประกอบดว้ ย
S (Sufficient) : ความพอเพียง หมายถึง ผู้เรียนน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง
มาประยุกต์เป็นหลักในการทำงาน การดำรงชีวิต การพัฒนาตนเองและส่วนรวม รวมถึง การป้องกัน
การทุจริตอย่างยั่งยืน ความพอเพียงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งของมนุษย์ แม้ว่าจะแตกต่างกัน ตามพื้นฐาน แต่
การตัดสินใจว่าความพอเพียงของตนเองต้องตั้งอยู่บนความมีเหตุมีผล รวมทั้ง ต้องไม่เบียดเบียน
ตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม ความพอเพียงจึงเป็นภมู ิคุ้มกันให้บุคคลน้ันไม่กระทำ การทุจริต ซึ่งต้องให้
ความรู้ความเข้าใจและปลุกใหต้ ืน่ รู้
T (Transparent) : ความโปร่งใส หมายถึง ผู้เรียนต้องปฏิบัติงานบนฐานของ ความโปร่งใส
ตรวจสอบได้ จงึ ตอ้ งมแี ละปฏิบัตติ ามหลักปฏบิ ัติ ระเบยี บ ขอ้ ปฏิบตั ิกฎหมาย ความโปรง่ ใส ซึง่ ต้องให้
ความรคู้ วามเขา้ ใจและปลุกให้ต่ืนรู้
R (Realize) : ความตื่นรู้ หมายถึง ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักรู้ ถึงรากเหง้า
ของปัญหา และภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภายในชุมชน และประเทศ ความตื่นรู้จะ
บังเกิดเมื่อได้พบเห็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและ ไม่ยินยอมต่อ
การทุจริตในที่สดุ ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับสถานการณ์การทุจริต ที่เกิดขึ้น ความร้ายแรง
และผลกระทบตอ่ ระดับบคุ คลและส่วนรวม
O (Onward) : มงุ่ ไปข้างหนา้ หมายถงึ ผเู้ รยี นมงุ่ พฒั นาและปรับเปล่ียนตนเองและ สว่ นรวม
ให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพียงและร่วมสร้าง วัฒนธรรม
สจุ ริตใหเ้ กิดข้ึนอย่างไมย่ อ่ ท้อ ซง่ึ ตอ้ งมีความรูค้ วามเขา้ ใจในประเดน็ ดังกล่าว
N (Knowledge) : ความรูห้ มายถึง ผู้เรยี นตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถ นำความรู้ไปใช้
วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินได้อยา่ งถอ่ งแท้ ในเรื่องสถานการณ์การทจุ ริต ผลกระทบ ที่มีต่อตนเอง
และส่วนรวม ความพอเพยี งต้านทุจรติ การแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ที่
มีความสำคัญยิ่งต่อการลดการทุจริตในระยะยาว รวมทั้งความละอาย ไม่กล้าทำทุจริต และความไม่
ทนเมอ่ื พบเหน็ ว่ามกี ารทจุ ริตเกดิ ข้นึ เพื่อสรา้ งสังคมไมท่ นตอ่ การทุจรติ
G (Generosity) : ความเอื้ออาทร หมายถึง ผู้เรียนมีความเอือ้ อาทร มีเมตตา มีน้ำใจ ต่อกัน
บนฐานของจิตพอเพียงต้านทจุ ริต ไมเ่ อือ้ ตอ่ การรบั หรอื การให้ผลประโยชน์หรือตอ่ พวกพ้อง
14.30 น. – 17.30 น.
แบ่งกลมุ่ ฝกึ ปฏบิ ัติ จำนวน 5 กล่มุ หัวข้อ “วิเคราะห์กรณีศึกษาเก่ียวกบั การขดั กนั แหง่ ผลประโยชน์ และการ
คดิ เพือ่ ทำกจิ กรรมใน STRONG กิจกรรมทีท่ ำใหผ้ เู้ รียนอายในการทำทจุ ริต และไม่ทนเมือ่ เหน็ ผู้อืน่ ทุจรติ ”
โดย วิทยากรกลุ่มท่ี 1 นายสัญญา แก่นจำปา และนางสาวกญั ญ์ณชั ชา ยงธรี โชติกลุ
วทิ ยากรกล่มุ ท่ี 2 นางสาวนงลกั ษณ์ พิศวงษ์ และนางสาวเจรญิ จิตร์ ลีประโคน
วทิ ยากรกล่มุ ท่ี 3 นางสาวนชุ จิรา อยยู่ อด และนางสาวสุวรยี ์ อัครพงศเ์ ดชาโชติ
วิทยากรกลมุ่ ท่ี 4 นายอภนิ ันท์ ศรมี ุกดา และนางสาวอจั ฉราพร พาเก่านอ้ ย
วทิ ยากรกลุ่มที่ 5 นายเนตร บุตรศรนี วล และนางวรปภา ชยั พรมมา
- กรณีตัวอย่างของกล่มุ ท่ี 5 นาย ก. รองนายก อบจ. ไดท้ ำบนั ทึกขออนุญาตใช้ในราชการ 2 ครง้ั เปน็
ระยะเวลาต่อเน่อื งกนั และขอนำรถยนต์ไปเกบ็ ไวท้ บ่ี ้านพักสว่ นตวั โดยมกี ารเบกิ จา่ ยค่าน้ำมนั เชื้อเพลิงจากทาง
ราชการ และยงั ปรากฏข้อเท็จจริงวา่ นาย ข. สมาชิกสภา อบจ. ได้นำรถยนตป์ ระกันการกู้ยมื ไว้กบั เจ้าของรา้ น
คาราโอเกะแหง่ หนึ่ง จนกระทั่งพนกั งานขับรถยนต์ของ อบจ. มาพบเห็นวา่ รถยนตข์ อง อบจ. จอดอยู่หน้ารา้ น
คาราโอเกะ จึงสอบถามเจา้ ของรา้ นจนได้ความวา่ นาย ข. นำมาจำนำ จึงแจง้ นายก อบจ. ทราบเรือ่ ง ตอ่ มา
นายก อบจ. ได้มอบเงนิ เพ่ือไปไถ่ถอนรถดังกลา่ ว และในวนั เดียวกนั นาย ก. และภรรยา และนาย ข. ไดร้ ว่ ม
แจ้งความรอ้ งทุกตอ่ พนกั งานสอบสวนวา่ รถนาย ข. ได้ยมื รถยนตไ์ ปจากภรรยานาย ก. และรถยนต์ถูกคนรา้ ย
ลกั ไป แต่ข้อเทจ็ จริงคือนาย ข.นำไปจำ
17.30 น. – 18.00 น.
แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ / ตอบข้อชักถาม โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3
- คำถามจากผ้เู ขา้ รับการอบรม
ถ้าผู้บงั คบั บัญชาทโ่ี รงเรียนสัง่ ใหเ้ ซน็ รบั ของบางอย่าง แต่ตวั เราเหน็ วา่ จำนวนหรือปรมิ าณไมถ่ ูกต้อง เรามี
วธิ กี ารแกป้ ัญหาอย่างไร
- คำตอบ
ทำหนงั สือใหผ้ บู้ งั คับบญั ชาทบทวนคำส่ัง หากผู้บังคับบัญชายงั ยืนยนั ให้ทำกต็ อ้ งทำ แตเ่ ราสามารถป้องกัน
ตวั เองโดยเขยี นข้อความใส่กระดาษเอส่แี ผน่ เดยี วแล้วทำเป็นจดหมายจ่าหนา้ ซองถึงตัวเองและส่งไปรษณยี ์ให้
ลงวันท่ีแลว้ จดหมายจะตกี ลบั มาหาตวั เอง สามารถใช้เป็นหลกั ฐานตอน ป.ป.ช. มาตรวจสอบได้
วันที่ 25 สิงหาคม 2563
09.00 น. – 10.30 น.
วทิ ยากรบรรยายท่านที่ 6 นางวรปภา ชัยพรมมา เจา้ พนกั งานปอ้ งกันการทจุ รติ ปฏิบัตกิ าร
บรรยายใหค้ วามรูเ้ รื่อง “ผลเมอื งกับความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม”
- ความไมท่ นต่อการทจุ ริต ถ้าเห็นการทุจรติ ในองค์กร คือ 1. เราตอ้ งไมท่ ำตามและไม่ควรเห็นด้วยกับ
กจิ กรรมท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง เชน่ การมาเรยี นสาย
- วธิ ีการแจ้งและรอ้ งทุกขเ์ ม่ือมีการทจุ รติ ในองค์กร
- การขยายองคค์ วามคิดที่ดี ที่ถูกต้องให้แก่บุคคลอื่น ๆ ในองคก์ รและนอกองค์กร
10.30 น. – 12.00 น.
การนำเสนองานกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม หัวข้อ “วิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์
และการคิดเพื่อทำกิจกรรมใน STRONG กิจกรรมที่ทำให้ผู้เรียนอายในการทำทุจริต และไม่ทนเมื่อเห็น
ผอู้ ่นื ทุจริต”
13.00 น. – 16.00 น.
สรปุ กจิ กรรม มอบเกียรติบตั ร
ลงชือ่ .....................................................ผรู้ ายงาน
(นางสาวรววิ รรณ สวัสดี)
ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย
บรรยากาศกอ่ นเขา้ รับการอบรม
ผ้เู ข้ารบั การอบรมจากสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา สรุ นิ ทร์ เขต 2
กจิ กรรมกล่มุ วิทยากรกล่มุ ที่ 5 นายเนตร บตุ รศรีนวล และนางวรปภา ชัยพรมมา
การใช้ STRONG Model เขา้ มาใช้แกป้ ญั หาในองค์กร
บรรยากาศการเข้ารับอบรมในวันท่ี 2
พธิ ีรับมอบเกียรตบิ ตั ร