The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทความการวิจัย-PBL-ชนิดาพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chanidapornlaorat3101, 2024-01-29 11:15:08

บทความการวิจัย-PBL-ชนิดาพร

บทความการวิจัย-PBL-ชนิดาพร

การพัฒนาทักษะความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่องวัสดุในชีวิตประจ าวัน โดยการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - based Learning) ผู้วิจัย นางสาวชนิดาพร เหล่าราษฎร์ ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตรจารย์คณิสร ต้นสีนนท์ ปริญญา ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและชีววิทยา หมายเลขโทรศัพท์ 0918644405 อีเมล [email protected] บทคัดย่อ การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน เรื่อง วัสดุในชีวิตประจ าวัน ด าเนินการวิจัยโดย ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียว ทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้าน หนองหาน(วันครู2502) อ าเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จ านวน 1 ห้องเรียน จ านวนนักเรียน 25 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ ปัญหาเป็นฐาน และแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ จ านวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบน-มาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบ ผลการวิจัย พบว่าความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ก่อน เรียนเท่ากับ 11.48 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 57.40 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.56 คิดเป็นร้อยละ 77.80 เป็นไปตามสมมติฐานที่ก าหนดไว้ และเมื่อเปรียบเทียบ คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน


2 ความส าคัญและความเป็นมาของปัญหา วิทยาศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกับทุกคนในชีวิตประจ าวัน ซึ่งทุกอย่างรอบตัวนั้น ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์คิด วิเคราะห์ วิจารณ์มีทักษะส าคัญในการค้นคว้าหาความรู้มีความสามารถในการแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ สามารถน าความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผลสร้างสรรค์ (ส านักงาน คณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติ ส านักนายกรัฐมนตรี. 2545) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based learning, PBL) เป็น รูปแบบหนึ่งที่น ามาใช้กับวิทยาศาสตร์เพื่อให้เกิดประสบการณ์เรียนรู้ที่ท้าท้ายร่วมกับการ แก้ปัญหา อีกทั้งยังจูงใจนักเรียนเช่นกับการท างานของนักวิทยาศาสตร์ ท าให้ได้รับความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และน าความรู้ที่ได้ไปใช้ในการแก้ปัญหา(มนสภรณ์ วิฑูรเมธา. 2544) ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาความสามารถในการคิด แก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ ในการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบการใช้ ปัญหาเป็นฐาน เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) สามารถพัฒนาความสามารถในการคิดไขปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง วัสดุในชีวิตประจ าวัน ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็น ฐาน (Problem-based Learning) สมมุติฐานของการวิจัย กิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) สามารถ พัฒนาความสามารถในการคิดไขปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียน


3 ขอบเขตของการวิจัย 1. กลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้าน หนองหาน (วันครู2502) อ าเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ปีการศึกษา 2566 จ านวน 25 คน 2.ตัวแปรที่ศึกษา 2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 3.เนื้อหาที่วิจัย เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 วัสดุใน ชีวิตประจ าวัน เรื่อง การดูดซับน้ าและการน าวัสดุมาผสมกัน และ เรื่อง สมบัติของวัสดุและ การน ากลับมาใช้ใหม่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ประถมศึกษาปีที่2 เรื่อง วัสดุในชีวิตประจ าวัน ประกอบด้วยเนื้อหาย่อยดังนี้ 3.1 การดูดซับน้ าและการน าวัสดุมาผสมกัน 3.2 สมบัติของวัสดุและการน ากลับมาใช้ใหม่ 4. ระยะเวลาวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ท าการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยใช้เวลา ในการทดลอง 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 8 ชั่วโมง ประโยชน์ที่ได้รับ 1.นักเรียนสามารถพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้น มีคุณลักษณะเป็นนักเรียนที่กล้าคิด คิดเป็น ท าเป็น และแก้ปัญหาได้ 2. ครูได้แนวทางการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยกิจกรรมการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ และในระดับชั้นอื่นต่อไป


4 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน การเรียนรู้จากปัญหานั้นเป็นเงื่อนไขของการด ารงชีวิตของมนุษย์ และเกิดความ พยายามเพื่อต้องการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจ าวัน ท าให้เกิดการเรียนรู้และ ประสบการณ์จนน าไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต จึงท าให้การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดย การใช้ปัญหาต่าง ๆ มาเป็นพื้นฐานเพื่อน าไปสู่เป้าหมายของการเรียนโดยเฉพาะ ปัญหาที่ ซับซ้อนและเกิดขึ้นในชีวิตจริง ถูกสร้างขึ้นเพื่อมุ่งเน้นความต้องการที่จะเรียนรู้ของนักเรียน ท าให้เกิดการสืบเสาะแสวงหาความรู้ เพื่อมาแก้ไขปัญหา (Barrow; & Tambyln. 1980) และได้มีนักการศึกษาให้แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานดังนี้ รัชนีกร หงส์พนัส (2547) กล่าวไว้ว่า โดยทั่วไปนั้น การเรียนโดยใช้ปัญหาเป็น ฐานมีแนวคิดบนพื้นฐานของทฤษฎีจิตวิทยา พุทธิปัญญานิยม (cognitive psychology) เป็นการเรียนรู้โดยเน้นการใช้กระบวนการคิด ความเข้าใจ การรับรู้สิ่งเร้าที่มากระตุ้น ผสมผสานกับประสบการณ์เดิมในอดีต ท าให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งผสมผสานระหว่าง ประสบการณ์ปัจจุบันกับประสบการณ์ในอดีต โดยอาศัยกระบวนการทางปัญญาเข้ามามี อิทธิพลในการเรียนรู้ จากแนวคิดและทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า การเรียนรู้โดยใช้ ปัญหาเป็นฐานนั้นมีแนวคิดมาจากการให้นักเรียนสร้างความรู้ใหม่จากความรู้เดิมโดยผ่าน กระบวนการเรียนรู้ซึ่งนักเรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง และมีความต้องการใน การที่จะสืบเสาะแสวงหาความรู้ผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองเพื่อให้ได้ ข้อมูลเพื่อมาแก้ปัญหาที่พบ และยังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมโดยรอบจึงส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางความรู้ ซึ่งการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากการปฏิบัติและลงมือเพื่อการ สืบค้นข้อมูลและสร้างความรู้ด้วยตนเอง มีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันภายในกลุ่ม นักเรียนและน าความรู้ที่ได้จากการตัดสินใจภายในกลุ่มมาแก้ไขปัญหาที่ พบและมีความ เกี่ยวข้องกับการด าเนินชีวิตประจ าวัน เพื่อให้สามารถน าความรู้ที่ได้ไปท าการประยุกต์ใช้ใน อนาคตต่อไป


5 วิธีด าเนินการวิจัย 1. แบบแผนการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีแบบแผนการทดลอง (Experimental Design) กลุ่มเดียว ทดสอบก่อนและหลังทดลอง One Group Pretest – Posttest Design ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แบบแผนที่ใช้ในการทดลอง สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง T1 X T2 สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการทดลอง T1 แทน การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) X แทน การจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง วัสดุในชีวิตประจ าวัน T2 แทน การทดสอบหลังเรียน (Posttest) 2. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน บ้านหนองหาน(วันครู 2502) การศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 ปี จ านวน 1 ห้องเรียน จ านวนนักเรียน 25 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.1 แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเรื่อง วัสดุในชีวิตประจ าวัน 3.2 แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการวิจัยในครั้งนี้ ด าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามล าดับดังนี้ 4.1 เลือกนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยวิธีการเลือกอย่างเจาะจงเป็นกลุ่ม ศึกษา 4.2 แนะน าขั้นตอนการท ากิจกรรมและบทบาทของนักเรียนในการจัดการ เรียนรู้


6 4.3 ก่อนการจัดการเรียนรู้ ทดสอบก่อนเรียน (pre-test) กับกลุ่มประชากร เป้าหมาย ด้วยแบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ แล้วน า แบบทดสอบมาตรวจให้คะแนนเป็นคะแนนก่อนเรียน 4.4 ด าเนินการสอนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดย ผู้วิจัยเป็นครูเอง ระยะเวลาที่ใช้ในการสอน 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 8 ชั่วโมง 4.5 เมื่อสิ้นสุดการสอนตามก าหนดแล้วจึงท าการทดสอบหลังเรียน (post-test) กับกลุ่ม ประชากรเป้าหมายโดย ด้วยแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกับก่อนเรียน หลังจากนั้นน าแบบทดสอบมาตรวจ ให้คะแนนเป็นคะแนนหลังเรียน 5. การวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ก่อนเรียนและหลัง เรียนของกลุ่มศึกษา โดยใช้t–test for dependent samples สรุปผลการวิจัย ผลการศึกษาและเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองหาน(วันครู2502) ที่ได้รับการจัดการ เรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ก่อนเรียนเท่ากับ 11.48 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 57.40 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.56 คิดเป็นร้อย ละ 77.80 เป็นไปตามสมมติฐานที่ก าหนดไว้ และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและ หลังเรียน พบว่า นักเรียนมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อภิปรายผล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมีประเด็นที่จะอภิปรายผลการวิจัย ดังนี้ นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน เรื่อง การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาและการจัดการ มีคะแนนเฉลี่ย


7 ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ มีค่าสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ทั้งนี้อาจจะเป็นผลเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาใน ชีวิตประจ าวันของนักเรียนที่นักเรียนอาจเคยพบ มาเป็นจุดตั้งต้นของกระบวนการเรียนรู้ และเป็นตัวกระตุ้นในการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาด้วยเหตุผลโดยเน้นผู้เรียนเป็นผู้ ตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองและรู้จักการท างานร่วมกันภายในกลุ่ม ผู้เรียนด้วยกัน ผู้สอนมีส่วนร่วมน้อยที่สุดเป็นเพียงผู้ท าหน้าที่คอกระตุ้นส่งเสริม สอดคล้อง กับกฎของธอร์นไดค์ ข้อที่ 2 คือ กฎแห่งการฝึก (Law of Exercise) กล่าวว่า การฝึกหัด หรือกระท าบ่อย ๆ ด้วยความเข้าใจจะท าให้การเรียนรู้นั้นถาวรถ้าไม่ได้กระท าซ้ าบ่อย ๆ การเรียนรู้นั้นจะไม่คงทนถาวรและในที่สุดอาจจะลืมได้ การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็น ฐานนักเรียนจะได้ฝึกทักษะตามขั้นตอนย่อย ๆ ของการแก้ปัญหา ซึ่งการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ผู้วิจัยได้จัดตามรูปแบบของแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2550) 6 ขั้นตอน แต่ละขั้นตอน ส่งผลให้นักเรียนพัฒนาความสนใจและความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้ 1. ขั้นก าหนดปัญหา ขั้นนี้ผู้เรียนได้ระดมความคิด เสนอปัญหาที่หลากหลายพร้อม ทั้งเลือกประเด็นปัญหาที่ตนเองสนใจ และได้แบ่งกลุ่มตามความสนใจ ท าให้ผู้เรียนเห็น ความส าคัญของปัญหาและเกิดความสนใจอยากหาค าตอบ 2. ขั้นท าความเข้าใจปัญหา ขั้นนี้นักเรียนได้ตั้งค าถามในประเด็นที่อยากรู้เสนอ แนวทางในการค้นคว้าหาค าตอบท าให้ผู้เรียน ได้ฝึกการคิดเพื่อหาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาและหาวิธีเพื่อหาค าตอบของปัญหา 3. ขั้นด าเนินการศึกษาค้นคว้า ขั้นนี้นักเรียนได้แบ่งหน้าที่ภายในกลุ่มก าหนด เป้าหมายระยะเวลาในการท างาน และด าเนินการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วยวิธีการ หลากหลาย นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ และบันทึกข้อมูลด้วยตนเอง ซึ่งท าให้นักเรียนเกิดการ เรียนรู้และมีความรับผิดชอบสูงขึ้น 4. ขั้นสังเคราะห์ความรู้ ขั้นนี้ผู้เรียนได้น าเสนอข้อมูลความรู้ต่าง ๆ และตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูลภายในกลุ่ม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอภิปรายผลและสังเคราะห์


8 ความรู้ที่ได้มาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด ท าให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดในการไตร่ตรอง เพื่อตรวจสอบและพิจารณาความถูกต้องของเนื้อหาที่ศึกษามาได้ 5. ขั้นสรุปและประเมินค่าของค าตอบ ขั้นนี้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้น าข้อมูลมา สรุปผล ประมวลผลสร้างเป็นองค์ความรู้ ซึ่งเป็นการฝึกให้ผู้เรียนได้สรุปผลการศึกษา ค้นคว้าเพื่อตอบปัญหาและประเมินความเหมาะสมถูกต้องของค าตอบ 6. ขั้นน าเสนอและประเมินผลงาน ขั้นนี้นักเรียนได้น าข้อมูลที่ได้มาจัดระบบองค์ ความรู้และน าเสนอผลงานในรูปแบบที่หลากหลายต่อเพื่อนและผู้สอนพร้อมทั้งประเมิน ผลงานซึ่งเป็นการท าให้ผู้เรียนได้ฝึกสร้างสรรค์ผลงานของตนเพื่อใช้ประกอบการน าเสนอ หน้าชั้นเรียน จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานในแต่ละขั้นช่วยส่งเสริม การท ากิจกรรมแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนด้วยตนเอง เพราะการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้เริ่มจากการคิด ความสนใจปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจากประสบการณ์เรียนรู้ของ ผู้เรียน ผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการ เรียนรู้โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนตระหนักถึงปัญหาและสามารถหาแนวทางในการศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหานั้น โดยแต่ละขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มุ่งเน้นการระบุปัญหา การตั้งสมมติฐานการทดลอง และการสรุปผลการทดลอง ซึ่ง สอดคล้องกับความคิดของ มัสยา ธิตินานันท์ (2552) ที่กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้ ปัญหาเป็นฐาน เป็นกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเข้ามาเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการ เรียนรู้ ท าให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ ใฝ่รู้ เน้นให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองต้องการที่ จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง มีกระบวนการท า งานเป็นกลุ่ม มีความรับผิดชอบ โดยมีครูเป็นผู้ให้การสนับสนุนและอ านวยความสะดวกใน การเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อสร้างความรู้ และกระตุ้นทักษะในการแก้ปัญหา แสวงหาค าตอบเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังท าให้ผู้เรียนเกิดการจินตนาการที่ดีขึ้น เมื่อต้องน าความรู้และทักษะที่เรียนมาไปใช้ในการท างานจริง และสอดคล้องกับแนวคิดของ สุวรรณา วงษ์วิเชียร (2553) ที่กล่าวว่า กิจกรรมการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน เป็นการ จัดการเรียนรู้ที่เริ่มจากการใช้ปัญหามากระตุ้นให้ผู้เรียนอยากจะเรียนรู้ ปัญหาเป็นตัวท้า ทายผู้เรียนและกระตุ้นให้ผู้เรียนหาวิธีการแก้ปัญหาให้ส าเร็จ เมื่อผู้เรียนแก้ปัญหาได้ส าเร็จ


9 แล้วผู้เรียนจะเกิดความภาคภูมิใจ และจดจ าความส าเร็จของตนเองได้เป็นอย่างดี ไม่ เพียงแต่ความส าเร็จจากการแก้ปัญหาได้เท่านั้น การจดจ าเนื้อหาในบทเรียนของผู้เรียนก็จะ ดียิ่งขึ้นด้วย เพราะในกระบวนการเรียนรู้ผู้เรียนต้องค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ ในการแก้ปัญหา วิธีนี้จึงท าให้ผู้เรียนจดจ าได้ว่าข้อมูลสืบคันมาจกที่ใดและข้อมูลใดใช้ แก้ปัญหาได้ ในส่วนนี้จึงเป็นตัวช่วยให้ผู้เรียนจดจ าบทเรียนได้นานยิ่งขึ้น และยังสอดคล้อง กับแนวคิดของ ภัทราวดี มากมี (2558) ที่ได้กล่าวไว้ว่า การเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็น ฐาน หรือ PBL เป็นรูปแบบการสอนที่สามารถน ามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของ ผู้เรียนที่ดีมากที่สุดวิธีหนึ่งคือ เป็นวิธีการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการได้ วิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาและคิดอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนและได้ลงมือ ปฏิบัติมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี โอกาสออกไปแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งทรัพยากร เรียนรู้ ทั้งภายในและกายนอกสถานศึกษา ในส่วนของผู้สอนก็จะลดบทบาทของการเป็นผู้ ควบคุมในชั้นเรียนลงแต่ในทางกลับกันผู้เรียนจะมีอ านาจในการจัดการควบคุมตนเอง ส่วน จะหาความรู้ใหม่ได้มากหรือน้อยเพียงใดก็แล้วแต่ความประสงค์ของผู้เรียน เนื่องจากผู้เรียน เป็นฝ่ายรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง จากผลงานวิจัยที่ ได้ท าการศึกษาที่ใช้รูปแบบการ สอนที่มุ่งเน้นความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของ วรางคณา หอยศรีจันทร์ (2564) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่มีต่อ ความสามารถในการปัญหาและเจตคติต่อสิ่งแวดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนบ้านไทรย้อย จังหวัดพิษณุโลก พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานมีความสามารถในการแก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผลการวิจัยของ พรทิพย์ ดิษฐปัญญาและสุนีย์ เหมะ (2563) ได้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อ พัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และความมั่นใจในตนเองของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็น ฐานร่วมกับเทคนิคเพื่อนคู่คิด มีคะแนนความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและสูงกว่าเกณฑ์ที่ก าหนด (ร้อยละ 70) อย่างมีนัยส าคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีพัฒนาการความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทาง


10 วิทยาศาสตร์และความมั่นใจในตนเองระหว่างเรียนสูงขึ้น อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ข้อเสนอแนะ 1. การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานนี้ เหมาะส าหรับใช้กับเนื้อหาใน บทเรียนที่มีลักษณะเป็นนามธรรม เพราะนักเรียนจะมองไม่เห็นภาพ ครูจึงควรกระตุ้นจาก สถานการณ์ต่าง ๆ ที่ใกล้ตัวนักเรียน หรือเป็นสถานการณ์ที่นักเรียนพบในชีวิตประจ าวัน 2. ควรตระหนักถึงสถานการณ์ที่ครูน ามาใช้กระตุ้น ว่าเป็นเหตุการณ์ที่นักเรียน คุ้นเคย เคยพบหรือเคยเกิดขึ้นในชีวิตประจ าวัน และเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายต่อการ เรียนรู้ของนักเรียนอย่างแท้จริง และ นักเรียนสามารถใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อค้นคว้าหา ข้อมูลในการตอบปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ 3. เนื่องจากกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน นักเรียนได้ร่วมกัน วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อก าหนดประเด็นปัญหา มีการอภิปรายแลกเปลี่ยน และยังน าเสนอ ความคิดของแต่ละกลุ่มออกมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์สวยงามแตกต่างกัน ดังนั้นครูจึงควร ศึกษาตัวแปรตามอื่น ๆนอกเหนือจากความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดแบบมีวิจารณญาณ เป็นต้น เอกสารอ้างอิง กรมวิชาการ. (25๖๑). เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 คู่มือการ จัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ องค์การรับส่งสินค้าและ พัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). กอบวิทย์พิริยะวัฒน์. (25๖4). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และ ความสามารถใน การแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และการจัดการเรียนรู้โดยใช้กลวิธีในการแก้โจทย์ ปัญหา วิทยาศาสตร์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (วิทยาศาสตร์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.


11 กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2548). การเรียนรู้แบบเน้นปัญหาเป็นฐาน. สารานุกรม ศึกษาศาสตร์. ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2554). การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง. กรุงเทพฯ : สหมิตรพ ริ้นติ้งแอนด์พลับลิสซิ่ง. ชุติมา ทองสุข.(2547). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการ คิดแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ใช้แบบฝึกทักษะการ ทดลอง.สารนิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา) กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ทิศนา แขมมณี. (2545). วิธีการสอนแบบส าหรับครูมืออาชีพ. กรุงเทพมหานคร : เท็กซ์ แอน เจอร์นัล พับลิเคชั่น จ ากัด. พรทิพย์ ดิษฐปัญญาและสุนีย์เหมะ. (2563). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็น ฐานร่วมกับเทคนิค เพื่อนคู่คิด เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์และความมั่นใจใน ตนเองของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารวิชาการ อุตสาหกรรม ศึกษา, 14(2). มนสภรณ์ วิฑูรเมธา. (2544, มกราคม-มิถุนายน). การเรียนการสอนแบบใช้ปัญหา เป็นหลัก (Problem-Based learning). วารสารรังสิตสารสนเทศ. 7(1): 57-69. มังกร ทองสุขดี. (2522). การวางแผนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: บัวหลวง การพิมพ์. มัณฑรา ธรรมบุศย์. (2545, กุมภาพันธ์). การพัฒนาการเรียนรู้โดยใช้ PBL (Problem-Based Learning). วารสารวิชาการ. 5(2): 11-17. มัณฑรา ธรรมบุศย์. (2549, มกราคม). การส่งเสริมกระบวนการคิดโดยใช้ยุทธศาสตร์ PBL. วิทยาจารย์. 108(3): 42-45. รังสรรค์ ทองสุกนอก. (2547). ชุดการเรียนการสอนที่ใช้ปัญหาเป็นฐานในการเรียนรู้ (ProblemBased Learning) เรื่องทฤษฏีจ านวนเบื้องต้น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (คณิตศาสตร์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินท รวิโรฒ.


12 รัชนีกร หงส์พนัส. (2547). การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน :ความหมายสู่การเรียน การสอนกลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. วารสารมนุษศาสตร์ ปริทรรศน์.. รัตนาภรณ์ จินดาสวัสดิ. ( ์25๖๔). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วิทยาศาสตร์ตามแนวคิด วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคมที่มีต่อความสามารถในการ แก้ปัญหาและความตระหนัก เรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของนักเรียน มัธยมศึกษาตอนต้น.วิทยานิพนธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. รสสุคนธ์ ประทุมทอง. (2563). แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใช้บริบทและปัญหา เป็นฐานเรื่องแหล่งน้ าในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการ คิด เชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาส าหรับ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่5. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 30(2), 153-165. ศศิมา อินทนะ. (2551). ผลการจัดกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ประกอบการ ประเมินตามสภาพจริงที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของรักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4.ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา) กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรี-นครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. สมจิต สวธนไพบูลย์. (2527). สมรรถภาพการสอนของครู. กรุงเทพฯ: ภาควิชา หลักสูตรและการ สอนคณะ สุวิทย์มูลค า. (2547). ยุทธศาสตร์การคิดแก้ปัญหา. กรุงเทพฯ : ภาคพิมพ์. อัจฉรา ไชยโย. (25๖5). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคแบ่งกลุ่ม สัมฤทธิ์ที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจต่อการเรียนของ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ค.ม. ก าแพงเพชร : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏก าแพงเพชร. Allen, D.E.; & Duch, B.J. (19๙ 8). Thinking Toward Solution: ProblemBased Learning Activities for General Biology. The United States of America: Harcourt Brace & Company.


13 Bahar, M.; et al. (1999). Revisiting Learning Difficulties in Biology. JBE – Journal of Biology Education. 33: 84-86. Barrows, H.S. (1996) Problem-Based Learning in Medicine and Beyond : A Brief Overview. In Bringing Promblem-Based Learning to Higher Education: Theory and Practice. San Francisco: Jossey-Bass: 3-12. Barrows. H.S.; & Tamblyn, R.M. (1980). Problem-Based Learning: An Approach to Medical Education. New York: Springer. Delisle, R. (1997). How to use Problem-Based Learning in the Classroom. Virginia:Association for Supervision and Curriculum Development. Eberle, B. ; & Stanish, B. (1996) . CPS for kids: A Recourse Book for Teaching Creative Problem-Solving to Children. Prufrock Press. Gagne, R.M. (1970) . The condition of Learning. 2nd ed. New York : Holy, Rinehart And Winstin, Inc. Good, C.V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw – Hall. Guilford, J.P. (1967). The nature of Human Intelligence. McGraw – Hill Book Company. Hmelo, C.E.; & Eversen, D.H. (2000). Intoduction Bringing Problem-Based Learning: Gaining nsight on Learning Interactions Through Multiple Methods of Inquiry. In Bringing Problem-Based Learning A Reseach Perspective on Learning Interaction. Eversen, D.H. & Hmelo, C.E. (eds). Mahwah, New Jersey : Lawrence Erlbaum Association. 1- 16. Khoiriyah, A. J., & Husamah, H. (2018). Problem-based learning: Creative thinking skills, problem-solving skills, and learning outcome of seventh grade students. JPBI (Jurnal Pendidikan Biologi Indonesia), 4(2) Kurniawan, E., & Sofyan, H. (2020). Application of problem based learning model to improve problem solving ability of student of XI science grade in chemistry. Journal of Physics: Conference Series,


Click to View FlipBook Version