48 ครู : เด็กๆเคยเห็นลักษณะของเมล็ดพันธุ์พืชผักชนิดใดบ้างคะ เด็ก: หนูเคยเห็นเมล็ดข้าวโพดกับเมล็ดมะละกอค่ะ เด็ก : ผมเคยเห็นเมล็ดมะม่วงกับเมล็ดถั่วเขียวครับ ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการทดลอง 2.1 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองแต่ละชนิด และสาธิตการทดลองเรื่องความหลากหลายของเมล็ด พันธุ์และอธิบายถึงวิธีทำการทดลอง 2.2 ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อเตรียมทำการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 ทำการทดลอง 3.1 แต่ละกลุ่มทำการแกะเมล็ดพันธุ์ผักแต่ละชนิดออกจากถุงเทใส่จานกระดาษที่เขียนระบุชื่อของ เมล็ดพันธุ์ต่างๆและสังเกตการทดลองพร้อมใช้คำถามดังนี้ ครู : เด็กๆสังเกตเมล็ดพันธุ์แบบไหนที่เคยพบเห็นในชีวิตประจำวันบ้างคะ เด็ก: หนูเคยเห็นเมล็ดข้าวโพดกับเมล็ดถั่วเขียวค่ะ เด็ก : ผมเคยเห็นเมล็ดถั่วฝั่งยาวกับเมล็ดถั่วเขียวครับ ขั้นตอนที่ 4 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง 4.1 เด็กและครูร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการทดลองความหลากหลายของเมล็ดพันธุ์ดังนี้ - การทดลองความหลากหลายของเมล็ดพันธุ์ สังเกตว่าเมล็ดพันธุ์พืชผักแต่ละชนิดมีความ แตกต่างกันและใช้ระยะเวลาในการปลูกที่ต่างกัน ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า เมล็ดพันธุ์พืชผักแต่ละชนิดในระยะเวลาในเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกัน เช่น ผักบุ้งใช้เวลา ในการเก็บเกี่ยว 20-25 วัน ข้าวโพดถั่วฝักยาวและผักกาดใช้เวลาในการเก็บเกี่ยว 40-50 วัน 4.2 เด็กนำเมล็ดพันธุ์ผักแต่ละชนิดมาแปะตามชื่อของเมล็ดพันธุ์ที่ทำการทดลองตามจินตนาการของ ตนเอง ภาพที่ 2 การทดลองของแต่ละกลุ่ม
49 ผลที่เกิดกับเด็ก เด็กๆได้ทดลองเรียนรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืชผักว่ามีความแตกต่างกันและระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวเมล็ด พันธุ์แต่ละชนิดมีระยะเวลาที่แตกต่างกันเด็กๆได้สังเกตเมล็ดพันธุ์ผักที่ตนเองได้เห็นในชีวิตประจำวัน พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 21. ด้านการเรียนรู้/ภาษา/สติปัญญา - เด็กสนทนาซักถาม การตอบคำถามการทดลอง และการนำเสนอผลการทดลองด้วยการนำเมล็ดพันธุ์ ผักแต่ละชนิดมาแปะตามชื่อของเมล็ดพันธุ์พูดอภิปรายผล และสรุปผลทดลองร่วมกัน 22. ด้านสังคม - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม และห้องเรียนในขณะทำการทดลอง เด็กปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง ร่วมกับกลุ่มรู้จักการรอคอย และเก็บอุปกรณ์หลังการทดลอง 23. ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีความสนใจ และมั่นใจในการทดลอง กล้าแสดงออก รู้จัก ช่วยเหลือแบ่งปันกัน แสดงความพอใจ ชื่นชมในผลงานของตนเองและผู้อื่น มีความอดทนทำ กิจกรรม จนสำเร็จ 24. ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้เคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ - เด็กเตรียมอุปกรณ์การทดลอง หยิบจับใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เก็บ - เด็กวาดภาพระบายสีบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 3 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลอง
50 กิจกรรมที่ 17 น้ำ ทราย และน้ำมัน รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โรงเรียนบ้านโนนโพธิ์ สำนักงานขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กิจกรรมที่ 17 น้ำ ทราย และน้ำมัน จุดประสงค์ เด็กได้รับความรู้เกี่ยวกับน้ำ ทรายและน้ำมันว่ามีลักษณะอย่างไรเมื่อผสมทั้ง 3 สิ่งเข้าด้วยกัน วัสดุอุปกรณ์ 1. น้ำ 2. แก้วพลาสติก 3. ทราย 4. น้ำมันพืช 5. ช้อน 6. ใบงานสำหรับบันทึกผลการทดลอง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ขั้นตอนที่ 1 เด็กตั้งคำถาม (รวบรวมความคิดและตั้งสมมติฐาน) 1.1 ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : เด็กๆรู้จัก น้ำ ทราย และน้ำมันหรือไม่ เด็ก: รู้จักค่ะ/ครับ ครู : เด็กๆคิดว่าถ้านำน้ำ ทรายและน้ำมันมาผสมกันจะเป็นอย่างไร เด็ก: ทรายไม่ละลายค่ะ เด็ก: น้ำมันจะลอยทรายจะจมครับ ภาพที่ 1 อุปกรณ์การทดลอง
51 ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการทดลอง 2.1 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองแต่ละชนิด และสาธิตการทดลองเรื่องน้ำทรายและน้ำมัน อธิบายถึง วิธีทำการทดลอง 2.2 ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อเตรียมทำการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 ทำการทดลอง 3.1 แต่ละกลุ่มทำการเทน้ำเปล่าลงไปในแก้วพลาสติก จากนั้นตักทรายใส่ลงไปในแก้วพลาสติก หลังจากนั้นเทน้ำมันพืชและคนให้เข้ากันและสังเกตการทดลองพร้อมใช้คำถามดังนี้ ครู : เด็กๆสังเกตเห็นการแบ่งชั้นมั๊ยคะอันไหนอยู่ด้านบนและอันไหนอยู่ด้านล่างคะ เด็ก: ทรายอยู่ด้านล่างเพราะมีน้ำหนักมากน้ำมันพืชอยู่ด้านบนเพราะมีน้ำหนักเบาค่ะ ขั้นตอนที่ 4 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง 4.1 เด็กและครูร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการทดลองน้ำ ทรายและน้ำมัน ดังนี้ - การทดลองน้ำ ทรายและน้ำมัน นำน้ำทรายและน้ำมันมาผสมกันและเกิดการแยกชั้นโดยที่ น้ำมันจะลอยตัวอยู่ด้านบนและทรายจะจมอยู่ด้านล่าง ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า การที่ทรายจมเนื่องจากทรายมีน้ำหนักกว่าน้ำและน้ำมันทรายจึงจมอยู่ด้านล่างของ น้ำและน้ำมันส่วนน้ำมันมีน้ำหนักที่เบากว่าทรายและน้ำจึงอยู่ด้านบนของผิวน้ำ 4.2 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลองตามจินตนาการของตนเอง ภาพที่ 2 การทดลองของแต่ละกลุ่ม
52 ผลที่เกิดกับเด็ก เด็กๆ ทดลองรู้จักตั้งคำถามและสามารถบอกได้ว่าทรายมีน้ำหนักมากทำให้จมน้ำ และน้ำมันไม่ละลาย และสามารถลอยน้ำได้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 25. ด้านการเรียนรู้/ภาษา/สติปัญญา - เด็กสนทนาซักถาม การตอบคำถามการทดลอง และการนำเสนอผลการทดลองด้วยการวาดภาพ พูด อภิปรายผล และสรุปผลทดลองร่วมกัน 26. ด้านสังคม - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม และห้องเรียนในขณะทำการทดลอง เด็กปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง ร่วมกับกลุ่มรู้จักการรอคอย และเก็บอุปกรณ์หลังการทดลอง 27. ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีความสนใจ และมั่นใจในการทดลอง กล้าแสดงออก รู้จัก ช่วยเหลือแบ่งปันกัน แสดงความพอใจ ชื่นชมในผลงานของตนเองและผู้อื่น มีความอดทนทำ กิจกรรม จนสำเร็จ 28. ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้เคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ - เด็กเตรียมอุปกรณ์การทดลอง หยิบจับใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เก็บ - เด็กวาดภาพระบายสีบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 3 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลอง
53 กิจกรรมที่ 18 ความลับของสีดำ รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โรงเรียนบ้านโนนโพธิ์ สำนักงานขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กิจกรรมที่ 18 ความลับของสีดำ จุดประสงค์ เพื่อให้เด็กบอกวิธีการละลายของสีดำได้ วัสดุอุปกรณ์ 1. น้ำ 2. กระดาษกรอง 3. ปากกาเมจิสีดำ 4. กรรไกร 5. หลอดหยด 6. แก้วพลาสติก 7. ใบงานสำหรับบันทึกผลการทดลอง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ขั้นตอนที่ 1 เด็กตั้งคำถาม (รวบรวมความคิดและตั้งสมมติฐาน) 1.1 ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : เด็กๆทราบมั๊ยคะว่าสีดำเกิดจากการนำสีอะไรบ้างมาผสมกันจนเกิดเป็นสีดำ เด็ก: เอาสีหลายๆสีมาผสมกันค่ะ เด็ก : เอาสีน้ำตาลกับสีเขียวมาผสมกันครับ ภาพที่ 1 อุปกรณ์การทดลอง
54 ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการทดลอง 2.1 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองแต่ละชนิด และสาธิตการทดลองเรื่องความลับของสีดำและอธิบาย ถึงวิธีทำการทดลอง 2.2 ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อเตรียมทำการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 ทำการทดลอง 3.1 แต่ละกลุ่มทำการตัดกระดาษกรองตรงกลางนำปากกาเมจิสีดำมาวาดวงกลมตรงกลางกระดาษ กรองจากนั้นนำหลอดหยดหยดน้ำลงไปตรงกลางของกระดาษให้น้ำอยู่ข้างในของภาพวงกลมและสังเกตการ ทดลองพร้อมใช้คำถามดังนี้ ครู : กลุ่มไหนเห็นการละลายของสีดำมีสีใดบ้างคะ เด็ก: กลุ่มหนูสีดำละลายมีสีฟ้าออกมาจากสีดำด้วยค่ะ เด็ก: กลุ่มผมมีสีน้ำเงินออกมาจากสีดำครับ ขั้นตอนที่ 4 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง 4.1 เด็กและครูร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการทดลองความลับของสีดำ ดังนี้ - การทดลองความลับของสีดำ จากการที่นำปากกาสีดำมาวดลงบนกระดาษกรองจากนั้นนำน้ำ มาหยดลงไปในกระดาษกรองและสังเกตเห็นว่าสีดำละลายมีสีฟ้าละลายออกมาจากสีดำ ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า สีดำเกิดจากการผสมของแม่สี สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน ในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน จึงเห็นว่าสีดำมีสีอื่นๆซ้อนอยู่ 4.2 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลองตามจินตนาการของตนเอง ภาพที่ 2 การทดลองของแต่ละกลุ่ม
55 ผลที่เกิดกับเด็ก เด็กๆบอกความลับของสีดำโดย การแพร่กระจายของสีในกระดาษกรองที่เปียกน้ำ ได้รู้ว่าในสีดำมีสีอื่นอยู่ อีกหลายสีเรียนรู้การเอาสีต่างๆ มาผสมสีกันให้กลายเป็นสีดำและสนุกสนานกับการทดลอง พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 29. ด้านการเรียนรู้/ภาษา/สติปัญญา - เด็กอธิบายการแพร่กระจายของสีและการพูดเชื่อมโยงปรากฏการณ์ที่เกิดในชีวิตประจำวันที่พบเห็น เด็กสนทนาซักถาม การตอบคำถามการทดลอง และการนำเสนอผลการทดลองด้วยการวาดภาพพูด อภิปรายผลและสรุปผลทดลองร่วมกัน 30. ด้านสังคม - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม และห้องเรียนในขณะทำการทดลอง - เด็กปฏิบัติกิจกรรมการทดลองร่วมกับกลุ่มรู้จักการรอคอย และเก็บอุปกรณ์หลังการทดลอง 31. ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีความสนใจ และมั่นใจในการทดลอง กล้าแสดงออก รู้จัก ช่วยเหลือแบ่งปันกัน แสดงความพอใจ ชื่นชมในผลงานของตนเองและผู้อื่น มีความอดทนทำ กิจกรรม จนสำเร็จ 32. ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้เคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ - เด็กเตรียมอุปกรณ์การทดลอง หยิบจับใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เก็บ - เด็กวาดภาพระบายสีบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 3 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลอง
56 กิจกรรมที่ 19 ตัวทำละลาย รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โรงเรียนบ้านโนนโพธิ์ สำนักงานขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กิจกรรมที่ 19 ตัวทำละลาย จุดประสงค์ เพื่อให้เด็กบอกวิธีการละลายของสีดำได้ วัสดุอุปกรณ์ 1. น้ำเปล่า 2. น้ำร้อน 3. แก้วพลาสติก 4. ช้อน 5. น้ำตาล 6. เกลือ 7. ทราย 8. ใบงานสำหรับบันทึกผลการทดลอง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ขั้นตอนที่ 1 เด็กตั้งคำถาม (รวบรวมความคิดและตั้งสมมติฐาน) 1.1 ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : เด็กๆเคยสังเกตมั๊ยคะว่าเวลาเด็กชงน้ำหวานเด็กๆใส่น้ำตาลลงไปน้ำตาลหายไปเด็กทราบ มั๊ยคะว่าน้ำตาลหายไปได้อย่างไร เด็ก: หายไปผสมกับน้ำค่ะ เด็ก : หายไปเพราะน้ำร้อนละลายครับ ภาพที่ 1 อุปกรณ์การทดลอง
57 ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการทดลอง 2.1 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองแต่ละชนิด และสาธิตการทดลองเรื่องตัวทำละลายและอธิบายถึงวิธี ทำการทดลอง 2.2 ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อเตรียมทำการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 ทำการทดลอง 3.1 แต่ละกลุ่มทำการตัก น้ำตาล เกลือ และทรายลงในแก้วอย่างละ 2 ช้อนให้เท่าๆ กันจากนั้นเท น้ำเปล่าและน้ำร้อนลงไปแล้วคนน้ำให้เข้ากันและสังเกตการทดลองพร้อมใช้คำถามดังนี้ ครู : กลุ่มไหนเห็นการละลายของตัวน้ำตาล เกลือ และทรายบ้างคะ เด็ก: กลุ่มหนูเทน้ำร้อนใส่น้ำตาลเกลือและทราย น้ำตาลเกลือละลายเร็วกว่าน้ำเปล่าค่ะ เด็ก: กลุ่มผมเทน้ำเปล่าใส่น้ำตาลเกลือและทราย น้ำตาลเกลือละลายช้ากว่าน้ำร้อนครับ ขั้นตอนที่ 4 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง 4.1 เด็กและครูร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการทดลองตัวทำละลาย ดังนี้ - ตัวทำละลายจากการทดลองน้ำร้อนสามารถละลายน้ำตาลเกลือได้เร็วกว่าน้ำเปล่าการคนน้ำใช้ รอบการคนเท่ากันแต่น้ำร้อนเป็นตัวทำละลายได้รวดเร็วกว่าส่วนทรายจะไม่ละลายทั้งน้ำร้อนและน้ำเปล่า ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า ทรายไม่ละลายน้ำทั้งน้ำร้อนและน้ำเปล่า แต่เกลือละลายน้ำทั้งน้ำร้อนและน้ำเปล่า น้ำตาลละลายทั้งน้ำร้อนและน้ำเปล่า(แต่ต้องคนน้ำหลายๆครั้ง) น้ำเรียกว่าตัวทำละลายและตัวถูกละลายคือ น้ำตาล เกลือ ทราย 4.2 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลองตามจินตนาการของตนเอง ภาพที่ 2 การทดลองของแต่ละกลุ่ม น้ำร้อน น้ำเปล่า น้ำร้อน น้ำเปล่า น้ำร้อน น้ำเปล่า
58 ผลที่เกิดกับเด็ก เด็กๆเรียนรู้เรื่องตัวทำละลาย โดยสังเกตการละลายของน้ำตาล เกลือ และทราย เมื่อนำมาผสมกับน้ำร้อน และน้ำเปล่า เด็กๆมีความกระตือรือร้น อยากทำการทดลอง พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 33. ด้านการเรียนรู้/ภาษา/สติปัญญา - เด็กอธิบายการพูดเชื่อมโยงปรากฏการณ์ที่เกิดในชีวิตประจำวันที่พบเห็นเด็กสนทนาซักถาม การตอบ คำถามการทดลอง และการนำเสนอผลการทดลองด้วยการวาดภาพพูดอภิปรายผลและสรุปผล ทดลองร่วมกัน 34. ด้านสังคม - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม และห้องเรียนในขณะทำการทดลอง - เด็กปฏิบัติกิจกรรมการทดลองร่วมกับกลุ่มรู้จักการรอคอย และเก็บอุปกรณ์หลังการทดลอง 35. ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีความสนใจ และมั่นใจในการทดลอง กล้าแสดงออก รู้จัก ช่วยเหลือแบ่งปันกัน แสดงความพอใจ ชื่นชมในผลงานของตนเองและผู้อื่น มีความอดทนทำ กิจกรรม จนสำเร็จ 36. ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้เคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ - เด็กเตรียมอุปกรณ์การทดลอง หยิบจับใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เก็บ - เด็กวาดภาพระบายสีบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 3 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลอง
59 กิจกรรมที่ 20 ความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง รายงานผลการจัดกิจกรรมการทดลอง ตามโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย โรงเรียนบ้านโนนโพธิ์ สำนักงานขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 กิจกรรมที่ 20 ความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง จุดประสงค์ เพื่อให้เด็กได้ทราบในเรื่องของพลังงานความร้อน วัสดุอุปกรณ์ 1. น้ำร้อน 2. ขวดแก้ว 3. กะละมัง 4. ลูกโป่ง 5. ใบงานสำหรับบันทึกผล การทดลอง ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ขั้นตอนที่ 1 เด็กตั้งคำถาม (รวบรวมความคิดและตั้งสมมติฐาน) 1.1 ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ครู : ในชีวิตประจำวันเด็กๆใช้ความร้อนทำอะไรบ้างคะ เด็ก: ใช้ทำอาหารค่ะ เด็ก : ใช้ชงกาแฟครับ ภาพที่ 1 อุปกรณ์การทดลอง
60 ขั้นตอนที่ 2 วางแผนการทดลอง 2.1 ครูแนะนำอุปกรณ์การทดลองแต่ละชนิด และสาธิตการทดลองเรื่องความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบ หนึ่งและอธิบายถึงวิธีทำการทดลอง 2.2 ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจเพื่อเตรียมทำการทดลอง ขั้นตอนที่ 3 ทำการทดลอง 3.1 แต่ละกลุ่มทำการวางขวดแก้วลงในกะละมังนำลูกโป่งมาสวมใส่ตรงปากขวดแก้วจากนั้นนำน้ำร้อน มาเทข้างๆขวดแก้วและสังเกตการทดลองพร้อมใช้คำถามดังนี้ ครู : กลุ่มไหนที่ทำให้ลูกโป่งพองบ้างค่ะ เด็ก: กลุ่มหนูลูกโป่งพองขึ้นแค่นิดเดียวค่ะ เด็ก: กลุ่มผมลูกโป่งไม่พองครับ ขั้นตอนที่ 4 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง 4.1 เด็กและครูร่วมกันสรุปผลที่ได้จากการทดลองความร้อนเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ดังนี้ - จากการทดลองเมื่อนำลูกโป่งมาใส่ตรงปากขวดแก้วแล้วนำน้ำร้อนมาเทใส่ข้างๆขวดแก้วทำให้ ลูกโป่งพองค่อยๆขึ้นแต่ไม่พองมากเท่าที่ควรเนื่องจากความร้อนอาจจะไม่เพียงพอทำให้ลูกโป่งพองตัวได้ไม่เต็มที่ ครูแนะนำเพิ่มเติมว่า การที่ลูกโป่งพองเมื่อน้ำร้อนเทไปที่ข้างขวดแก้วเนื่องจากความร้อนทำให้อากาศใน ขวดแก้วขยายตัวทำให้อากาศพยายามดันตัวขึ้นมาจึงทำให้ลูกโป่งพองขึ้น 4.2 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลองตามจินตนาการของตนเอง ภาพที่ 2 การทดลองของแต่ละกลุ่ม ก่อนเทน้ำร้อน หลังเทน้ำร้อน (ลูกโป่งค่อยพองขึ้น)
61 ผลที่เกิดกับเด็ก เด็กๆได้เรียนรู้ในเรื่องของพลังงานความร้อน ที่สามารถทำให้ลูกโป่งพองขึ้นได้โดยเกิดจากความร้อนทำให้ อากาศขยายตัว เด็กๆได้รู้เกี่ยวกับประโยชน์ของความร้อน พัฒนาความสามารถพื้นฐานและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย 37. ด้านการเรียนรู้/ภาษา/สติปัญญา - เด็กอธิบายการการเกิดความร้อนและการพูดเชื่อมโยงปรากฏการณ์ที่เกิดในชีวิตประจำวันที่พบเห็น เด็กสนทนาซักถาม การตอบคำถามการทดลอง และการนำเสนอผลการทดลองด้วยการวาดภาพพูด อภิปรายผลและสรุปผลทดลองร่วมกัน 38. ด้านสังคม - เด็กปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม และห้องเรียนในขณะทำการทดลอง - เด็กปฏิบัติกิจกรรมการทดลองร่วมกับกลุ่มรู้จักการรอคอย และเก็บอุปกรณ์หลังการทดลอง 39. ด้านอารมณ์ – จิตใจ - เด็กปฏิบัติกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีความสนใจ และมั่นใจในการทดลอง กล้าแสดงออก รู้จัก ช่วยเหลือแบ่งปันกัน แสดงความพอใจ ชื่นชมในผลงานของตนเองและผู้อื่น มีความอดทนทำ กิจกรรม จนสำเร็จ 40. ด้านการเคลื่อนไหว/ร่างกาย - เด็กได้เคลื่อนไหวหยิบจับอุปกรณ์ - เด็กเตรียมอุปกรณ์การทดลอง หยิบจับใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เก็บ - เด็กวาดภาพระบายสีบันทึกผลการทดลอง ภาพที่ 3 เด็กวาดภาพที่ทำการทดลอง
62 รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1-3 รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1 1. เด็กชายปรินทร์ ภิญโญภาพ 2. เด็กชายกฤตธนกร แผลงงาม 3. เด็กชายธณัชชัย อรรถโยโค 4. เด็กหญิงปาริฉัตร เยื่อใย 5. เด็กหญิงปวีณ์ธิดา ศรีบุดดา 6. เด็กหญิงณัฐณิชา แก้วมณี 7. เด็กหญิงไอรดา หมีนสอีด รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 1. เด็กชายรัตนภูมิ แข็งฤทธิ์ 2. เด็กหญิงกัญญภัทร ลื่นภูเขียว รายชื่อนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 1. เด็กชายวุฒิภัทร กิ่งแก้ว 2. เด็กชายจิรภัทร ภาคำ 3. เด็กหญิงพิมพ์นารา ขุนณรงค์