42 จากตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าคะแนนความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเน้นน้ำหนักแสงเงา ก่อนเรียนและหลังการได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ก่อนการจัดการเรียนรู้แบบวิธีการสอนทางตรงมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.94 คิดเป็นร้อยละ 49.40 และหลังการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิตมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.09 คิดเป็นร้อยละ 90.90 ซึ่งหลังจากการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบโดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิตของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเน้นน้ำหนักแสงเงาไม่น้อยกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ผลของการเปรียบเทียบทักษะการการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังการได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการสาธิต ผู้วิจัยได้นําคะแนนจากผลกการวัดด้วยแบบฝึกทักษะการวาดภาพระบายสีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 จำนวน 35 คน มาคํานวณเปรียบเทียบโดยแบบทดสอบแบบทีไม่อิสระก่อนการจัดการเรียนรู้โดย วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต และหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต ตารางที่ 4 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต เลขที่ ก่อนจัดการเรียนรู้ หลังจัดการเรียนรู้ คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 1 6 60 9 90 2 5 50 10 100 3 6 60 9 90 4 6 60 9 90 5 7 70 10 100
43 6 5 50 10 100 7 4 40 10 100 8 4 40 9 90 9 6 60 9 90 10 5 50 10 100 11 7 70 10 100 12 7 70 9 90 13 5 50 9 90 14 4 40 8 80 15 5 50 10 100 16 7 70 9 90 17 6 60 9 90 18 5 50 8 80 19 5 50 10 100 20 5 50 8 80 21 6 60 8 80 22 7 70 10 100 23 4 40 10 100 24 5 50 9 90
44 25 4 40 9 90 26 5 50 10 100 27 5 50 8 80 28 5 50 10 100 29 6 60 10 100 30 6 60 10 100 31 4 40 8 80 32 7 70 10 100 33 6 60 9 90 34 6 60 10 100 35 7 70 9 90 เฉลี่ย 5.51 55.10 9.29 92.90 S.D. 1.01 10.10 0.75 7.50 จากตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าก่อนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบการ สาธิต(Demonstration Method) มีคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุ คะแนนเฉลี่ย 5.51 และมีคะแนนคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้ แบบสาธิต มีคะแนนเฉลี่ย 9.29 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลัง ปรากฏ ว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุสูงกว่าก่อน การจัดการเรียนรู้ สูงขึ้นเฉลี่ย 3.78
45 ตารางที่ 5 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตาม จินตนาการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ สาธิต เลขที่ ก่อนจัดการเรียนรู้ หลังจัดการเรียนรู้ คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 1 4 40 10 100 2 6 60 10 100 3 5 50 10 100 4 7 70 9 90 5 7 70 9 90 6 8 80 8 80 7 4 40 8 80 8 5 50 9 90 9 4 40 10 100 10 4 40 9 90 11 7 70 9 90 12 6 60 10 100 13 7 70 10 100 14 6 60 9 90
46 15 5 50 9 90 16 4 40 10 100 17 5 50 8 80 18 7 70 8 80 19 3 30 7 70 20 4 40 8 80 21 4 40 9 90 22 5 50 9 90 23 6 60 9 90 24 4 40 10 100 25 4 40 10 100 26 6 60 9 90 27 7 70 9 90 28 4 40 8 80 29 3 30 7 70 30 5 50 7 70 31 4 40 8 80 32 5 50 9 90 33 6 60 10 100
47 34 4 40 9 90 35 5 50 9 90 เฉลี่ย 5.14 51.40 8.91 89.10 S.D. 1.31 13.10 0.92 9.20 จากตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าก่อนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต (Demonstration Method) มีคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตามจินตนาการ คะแนนเฉลี่ย 5.14 และมีคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตามจินตนาการหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้ แบบสาธิต มีคะแนนเฉลี่ย 8.91 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนละหลัง ปรากฏว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตามจินตนาการ สูงกว่า ก่อนการจัดการเรียนรู้ สูงขึ้นเฉลี่ย 3.77 ตารางที่ 6 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดย การขูดสีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ สาธิต เลขที่ ก่อนจัดการเรียนรู้ หลังจัดการเรียนรู้ คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 1 3 30 9 90 2 7 70 9 90 3 6 60 10 100 4 5 50 10 100
48 5 7 70 10 100 6 7 70 9 90 7 5 50 8 80 8 6 60 9 90 9 4 40 9 90 10 5 50 8 80 11 5 50 10 100 12 7 70 8 80 13 6 60 7 70 14 6 60 9 90 15 6 60 10 100 16 7 70 9 90 17 5 50 10 100 18 6 60 10 100 19 6 60 10 100 20 7 70 9 90 21 5 50 8 80 22 4 40 8 80 23 5 50 10 100
49 24 6 60 9 90 25 4 40 9 90 26 5 50 10 100 27 6 60 10 100 28 7 70 9 90 29 5 50 10 100 30 4 40 9 90 31 5 50 9 90 32 6 60 8 80 33 4 40 9 90 34 4 40 10 100 35 6 60 10 100 เฉลี่ย 5.49 54.90 9.17 91.70 S.D. 1.09 10.90 0.82 8.20 จากตารางที่ 6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าก่อนการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสาธิต (Demonstration Method) มีคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยการขูดสีคะแนนเฉลี่ย 5.49 และ มีคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยการขูดสีหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ สาธิต มีคะแนนเฉลี่ย 9.17 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนละหลัง ปรากฏว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยคะแนนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยการขูดสีสูงกว่าก่อน การจัดการเรียนรู้ สูงขึ้นเฉลี่ย 3.78
50 ตารางที่ 7 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยแยกตามเกณฑ์ เปรียบเทียบคะแนนทักษะการเน้น น้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้ รูปแบบทางตรง ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่1 ก่อนการจัดการเรียนรู้ โดยการสาธิต หลังการจัดการเรียนรู้ โดยการสาธิต x̅ S.D. ร้อยละ x̅ S.D. ร้อยละ ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุ 5.51 1.01 55.10 9.29 0.75 92.90 ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตามจินตนาการ 5.14 1.31 51.40 8.91 0.92 89.10 ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาในการขูดสี 5.49 1.09 54.90 9.17 0.82 91.70 สรุปผล 16.14 1.14 53.8 27.37 0.83 91.23 จากตารางที่ 7 แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 16.14คิดเป็นร้อยละ 53.80และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 27.37คิดเป็นร้อยละ 91.23คะแนนสูงสุด คือ ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุ คิดเป็นร้อยละ 92.90 คะแนนต่ำสุด คือ ทักษะการเน้นน้ำหนัก แสงเงาตามจินตนาการ คิดเป็นร้อยละ 89.10 เมื่อพิจารณาทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 55.10 คะแนน เฉลี่ยหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 92.90 ด้านทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาตามจินตนาการ คะแนนเฉลี่ยก่อน เรียนคิดเป็นร้อนละ 51.40 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 89.10 ด้านทักษะการเน้นน้ำหนักแสง เงาในการขูดสี คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คิดเป็นร้อนละ 54.90 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 91.70 และเมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนทั้ง 3 ด้าน พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียน
51 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัย เรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรายวิชาทัศนศิลป์ เรื่องการเน้นน้ำหนักแสงเงา โดยใช้การสาธิตสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (Demonstration Method) ในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้นํา ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาวิเคราะห์เพื่อสรุปอภิปรายผล ดังนี้ 1. สรุปผล 2. อภิปรายผล 3. ข้อเสนอแนะ สรุปผล 1. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรายวิชาทัศนศิลป์ เรื่องการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยใช้การ สาธิตสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (Demonstration Method) นักเรียนมีทักษะการเน้นน้ำหนัก แสงเงาของวัตถุก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 16.14 คิดเป็นร้อยละ 53.80 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 27.37 คิดเป็นร้อยละ 91.23 2. การศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนาการทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสาธิตมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก อภิปรายผล การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรายวิชาทัศนศิลป์ เรื่องการเน้น น้ำหนักแสงเงาโดยใช้การสาธิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
52 จากการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนเรื่องการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยการสอนแบบ สาธิต มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังได้รับผลการสอนที่สูงกว่าก่อนเรียน .05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พัฒนาการการเน้นน้ำหนักแสงเงาด้านความรู้โดยใช้การวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังการเรียนของนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิต เฉลี่ย 16.14 คะแนน และ 27.34 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวาดภาพสีน้ำหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้อง กับสมมติฐานที่เสนอไว้ว่า ผู้เรียนที่เรียนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยวิธีการ สอนแบบสาธิตมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการเน้นน้ำหนักแสงเงาสูงขึ้น และผู้เรียนที่เรียนการเน้นน้ำหนัก แสงเงาโดยวิธีการสอนแบบสาธิตมีความพึงพอใจต่อกระบวนการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรายวิชาทัศนศิลป์ เรื่องการ เน้นน้ำหนักแสงเงาโดยใช้การสาธิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1และเพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มี ต่อการเน้นน้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาโดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิตมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังได้รับการ สอนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นั่นคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้เกี่ยวกับความพึงพอใจการเรียนการเน้นน้ำหนัก แสงเงาโดยใช้วิธีการสอนแบบสาธิต นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โดยรวมมีความพึงพอใจระดับมาก กล่าวคือ การนําวิธีการสอนแบบแบบสาธิต เป็นวิธีการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยขจัดปัญหาต่าง ๆ ให้ หมดหรือลดน้อยลงไป สมองของผู้เรียนจะสามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ด้วยความคิด ต่าง ๆ ทักษะ เจตคติ หรือความเชื่อได้ดีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้มองเห็น ขั้นตอน ได้ฝึกปฏิบัติจริงตาม จินตนาการด้วยภาพความคิดที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาความสามารถ ทางสติปัญญาที่หลากหลาย และ สนองต่อรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ของผู้เรียนแต่ละคนได้เป็นอย่างดีจากข้อความดังกล่าว จะเห็นได้ ว่าวิธีการสอนด้านการเน้นน้ำหนักแสงเงานั้นสามารถพัฒนาอารมณ์สังคม สติปัญญา บุคลิกภาพ ความคิด สร้างสรรค์ทั้งทางด้าน สุนทรียะ ความดีงาม ความอดทน ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ สามารถนําความรู้และกระบวนการที่ได้จาการฝึกปฏิบัติการวาดภาพไปใช้เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ในรายวิชาอื่น ๆ ได้นั่นแสดงว่าการสอนการระบายสีน้ำโดยวิธีการสอนแบบสาธิต ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์
53 ทางการเรียนสูงขึ้นมีนัยสําคัญที่ .05 และความพึงพอใจในการเรียนการระบายสีน้ำ โดยวิธีการสอนแบบ สาธิตอยู่ในระดับมาก ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะเพื่อนำผลการวิจัยไปใช้ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้มีข้อเสนอแนะสำหรับการพัฒนาการเน้น น้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยาโดยใช้รูปแบบสาธิต ผู้วิจัยมี ข้อเสนอแนะในการนำวิจัยไปใช้ดังนี้ 1.1 การพัฒนาการเน้นน้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบสาธิต ครู ต้องมีรูปแบบการสอนที่สนุกสนาน เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 1.2 การพัฒนาการเน้นน้ำหนักแสงเงาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบสาธิต นักเรียนควรมีความกระตือรือร้นในการเรียน และให้ความร่วมมือให้กับครูผู้สอน 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีวิจัยเปรียบเทียบทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงา โดยใช้วิธีการฝึกสอนในรูปแบบอื่น ๆ และในระดับชั้นอื่น ๆ ต่อไป เพื่อพัฒนาการสอนเกี่ยวกับการเน้นน้ำหนักแสงเงาให้ดีมากยิ่งขึ้น 2.2 ผู้สอนควรนำวิธีการสอนโดยการสาธิตไปใช้กับการจัดการเรียนรู้ในทักษะอื่น ๆ ในรายวิชา ทัศนศิลป์ เช่น การระบายสี การทำภาพพิมพ์การแกะสลักจากวัสดุต่างๆ ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ที่หลากหลายรูปแบบ และควรนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาอื่น ๆ
54 ภาคผนวก
55 ภาคผนวก ก แผนการจัดการเรียนรู้
56 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแสงเงาและทักษะการเน้นน้ำหนักแสงและเงา กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ รหัสวิชา ศ 21101 รายวิชาทัศนศิลป์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ เวลา 8 ชั่วโมง เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแสงเงาและทักษะการเน้นน้ำหนักแสงและเงา เวลา 4 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวปนัดดา ชาวประชา โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา 1.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม เห็นคุณค่าทัศนศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม๓มิปัญญาท้องถิ่น ภูมิ ปัญญาไทยและสากล 1.2 ตัวชี้วัด ศ 1.2 ม.1/1 ระบุและบรรยายเกี่ยวกับลักษณะ รูปแบบงานทัศนศิลป์ของชาติและ ท้องถิ่นตนเองจากอดีตจนถึงปัจจุบัน 2.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์ได้อย่างชัดเจน (K) 2. นักเรียนเขียนประเภทของทัศนศิลป์ได้ (P) 3. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด (A) 3.สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ศิลปะทางด้านทัศนศิลป์นับว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยพัฒนาตัวเราให้มีความสุขสมบูรณ์ พร้อมทั้ง ทางการ จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ทั้งนี้งานทัศนศิลป์จะเป็นผลงานที่เราสัมผัสซึ่งความงามได้ จากการมองเห็น โดยงานทัศนศิลป์จะเป็นผลงานที่เราสัมผัสซึ่งความงามได้จากการมองเห็นโดยงาน ทัศนศิลป์จะจำแนกแยกย่อยได้อีกหลายประเภท ดังนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิควิธีและลงมือสร้างสรรค์ ผลงานทัศนศิลป์แต่ละประเภท จึงควรศึกษาเรื่องราวเบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์เป็นการปูพื้นฐานไว้ก่อน
57 4.สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์ 2. ประเภทของงานทัศนศิลป์ 3. ประเภทของประติมากรรม 4. ความหมายของสถาปัตยกรรม 5.ความรู้และทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด ความรู้(K) ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด(P) นักเรียนบอกความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์ ได้อย่างชัดเจน นักเรียนเขียนประเภทของทัศนศิลป์ได้ 6.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร เป็น ความสามารถในการรับและส่งสาร เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับและมีรับข้อมูล ข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดน การเลือกใช้วิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 6.2 ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถใน การคิดวิเคราะห์การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิด เป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เพื่อ นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
58 การตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหาและ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้อง 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเรื่องศิลปะว่านักเรียนรู้พื้นฐานของศิลปะและทัศนศิลป์มากน้อยเพียงใด 2. นักเรียนร่วมกันบอกความหมายของศิลปะตามความเข้าใจ ขั้นจัดการเรียนการสอน 3. นักเรียนศึกษาความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์ผ่านสไลด์ความรู้และซักถามแลกเปลี่ยน ความรู้กับครู 4. นักเรียนศึกษาประเภทของทัศนศิลป์ผ่านสไลด์ความรู้และซักถามแลกเปลี่ยนความรู้กับครู 5. นักเรียนศึกษาความหมายและประเภทของประติมากรรมผ่านสไลด์ความรู้และซักถาม แลกเปลี่ยนความรู้กับครู 6. นักเรียนศึกษาเรื่องสถาปัตยกรรมผ่านสไลด์ความรู้และซักถามแลกเปลี่ยนความรู้กับครู 7. นักเรียนทำใบงานที่ 1 เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์โดยครูกำหนดเวลาส่ง ขั้นสรุป 8. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้โดยการเล่นเกม Kahoot 8.ชิ้นงานหรือภาระงาน(หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้) ใบงาน เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ ส่งในชั่วโมง 9.สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
59 สื่อการเรียนรู้ 1. สไลด์ความรู้ 2. หนังสือเรียนทัศนศิลป์ ม.1 3. ใบงาน เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ 4. เกม Kahoot แหล่งการเรียนรู้ 1. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ เครื่องมือ / วิธีการวัด เกณฑ์ความสำเร็จ 1.นักเรียนบอกความหมายของ ศิลปะได้ (K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2.นักเรียนเขียนความหมายของ ทัศนศิลป์ได้ (P) แบบประเมิน ใบงานเรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ทัศนศิลป์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3.นักเรียนส่งงานตามเวลาที่ กำหนด (A) แบบสังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป
60 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ทักษะการเน้นน้ำหนักแสงเงาของวัตถุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ รหัสวิชา ศ 21101 รายวิชาทัศนศิลป์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ เวลา 8 ชั่วโมง เรื่อง รูปร่าง-รูปทรงกับค่าน้ำหนักอ่อนแก่ เวลา 4 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวปนัดดา ชาวประชา โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา 1.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน 1.2 ตัวชี้วัด ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และ สิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้ เรื่องทัศนธาตุ ศ 1.1 ม.1/5 ออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์หรือกราฟิกอื่น ๆ ในการนำเสนอความคิด และข้อมูล 2.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกลักษณะของรูปร่างและรูปทรงได้อย่างชัดเจน (K) 2. นักเรียนบอกความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อนแก่ได้(K) 3. นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยใช้ค่าน้ำหนักอ่อนแก่ได้อย่างถูกต้องและสวยงาม (P) 4. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด (A)
61 3.สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด รูปร่าง มีลักษณะ 2 มิติ มีเพียงด้านกว้างกับด้านยาวเท่านั้นไม่มีความลึก ความหนา ส่วนรูปทรงมี ลักษณะ 3 มิติ มีด้านกว้าง ด้านยาว และมีความลึก ตื้น หนา บาง ค่าน้ำหนักอ่อนแก่ มีความสำคัญเป็นอย่างมากในทางทัศนศิลป์ เพราะทำให้ผลงานศิลปะเกิดมิติที่ เสมือนจริงมากยิ่งขึ้นและทำให้ภาพนั้นมาความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 4.สาระการเรียนรู้ 1. ลักษณะของรูปร่าง-รูปทรง 2.ความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อน-แก่ 5.ความรู้และทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด ความรู้(K) ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด(P) 1.นักเรียนบอกลักษณะของรูปร่างและรูปทรงได้ อย่างชัดเจน 2.นักเรียนบอกความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อนแก่ ได้ นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยใช้ค่าน้ำหนัก อ่อนแก่ได้อย่างถูกต้องและสวยงาม 6.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร เป็น ความสามารถในการรับและส่งสาร เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับและมีรับข้อมูล ข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดน นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
62 การเลือกใช้วิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 6.2 ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิด เป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เพื่อการ ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหาและ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้อง 7.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสาธิต ( Demonstration Method ) 1. การเตรียมการสาธิต ครูจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้พร้อมก่อนเริ่มสาธิต เช่น กระดาษ ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด 2.การดำเนินการสอนแบบสาธิต ครูเริ่มแนะนำอุปกรณ์ให้นักเรียนได้ทราบว่ามีอะไรบ้าง เริ่มต้นขั้นตอนโดยการขีดช่อง 7 ช่องเพื่อทำค่าน้ำหนักความอ่อนแก่ 7 ระดับ จากระดับอ่อนที่สุดไปถึงเข้มที่สุด หลังจากนั้นให้วาด รูปร่างวงกลมแล้วให้นำค่าน้ำหนักอ่อนแก่ 7 ระดับมาทำให้รูปร่างวงกลมกลายเป็นรูปทรงกลม โดยการกำหนดทิศทางของแสงและเงาและไล่น้ำหนักตามทิศทางแสงและเงาที่ควรจะเป็นลงบน กระดาษ เมื่อครูสาธิตเสร็จ จึงให้นักเรียนลงมือทำลงบนกระดาษของนักเรียนได้เลย 3.การสรุปและประเมินผล
63 ครูสรุปขั้นตอนการวาดภาพจากการสาธิตให้นักเรียนได้เข้าใจแบบละเอียดและ ขั้นตอน วิธีการลงค่าน้ำหนักอ่อน-แก่ทำรูปร่างวงกลมให้เกิดเป็นรูปทรงกลมแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด เมื่อนักเรียนมีข้อสงสัยจึงอธิบายในส่วนนั้นอีกครั้ง 2. การเรียนรู้แบบลงมือทำ(ปฏิบัติ) (Active Learning) 1.ขั้นตอนการเตรียมการ ครูเตรียมอุปกรณ์มาเพื่อแจกให้นักเรียนทุกคน และให้นักเรียนทุกคนสร้างสรรค์ผลงาน เรื่องจุด และเส้นตามจินตนาการของนักเรียน 2.ขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ ครูให้นักเรียนลงมือวาดภาพตามขั้นตอนที่ได้สาธิตไปแล้วในเบื้องต้น หรือมี นักเรียนคน ไหนที่มีข้อสงสัยครูผู้สอนจะเดินดูนักเรียนทุกคนเพื่อไม่ให้นักเรียนรู้สึกว่ามันยากหรือ ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะได้สอบถามครูผู้สอนได้ทันที 3.ขั้นตอนการสรุป ครูผู้สอนให้นักเรียนนำผลงานของตนเองมาแขวนไว้ที่จุดแสดงผลงานและสรุปขั้นตอน การลงมือปฏิบัติร่วมกัน เป็นอันเสร็จสิ้นการเรียนการสอนในชั่วโมงนี้ 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน(หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้) ให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ เรื่อง รูปร่าง-รูปทรงกับน้ำหนักความอ่อน-แก่ ส่งภายใน ชั่วโมง 9.สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. ดินสอ 2. หนังสือเรียนทัศนศิลป์ ม.1 3. กระดาษ
64 4. ยางลบ 5.ไม้บรรทัด แหล่งการเรียนรู้ 1. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 2. ห้องเรียน 10.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ เครื่องมือ / วิธีการวัด เกณฑ์ความสำเร็จ 1.นักเรียนบอกลักษณะของ รูปร่างและรูปทรงได้อย่าง ชัดเจน (K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2.นักเรียนบอกความสำคัญของ ค่าน้ำหนักอ่อนแก่ได้(K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3.นักเรียนสร้างสรรค์งาน ทัศนศิลป์โดยใช้ค่าน้ำหนักอ่อน แก่ได้อย่างถูกต้องและสวยงาม (P) ผลงานทัศนศิลป์ เรื่อง รูปร่างรูปทรงกับน้ำหนักความอ่อน-แก่ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 4.นักเรียนส่งงานตามเวลาที่ กำหนด (A) แบบสังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป
65 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ รหัสวิชา ศ 21101 รายวิชาทัศนศิลป์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนศิลป์ เวลา 4 ชั่วโมง เรื่อง แสงเงาบนปูนปลาสเตอร์ เวลา 4 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวปนัดดา ชาวประชา โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา 1.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน 1.2 ตัวชี้วัด ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และ สิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้เรื่องทัศนธาตุ ศ 1.1 ม.1/5 ออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์หรือกราฟิกอื่น ๆ ในการนำเสนอความคิด และข้อมูล 2.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกลักษณะของแสงและเงาในงานศิลปะ(K) 2. นักเรียนบอกความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อนแก่ได้(K) 3. นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยการเพนท์ภาพบนปูนปลาสเตอร์ได้อย่างสวยงาม (P) 4. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด (A) 3.สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด น้ำหนักแสงและเงา
66 แสงและเงา (LIGHT AND SHADOW) ในการวาดภาพลายเส้นนั้นน้ำหนักแสงเงาเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างยิ่งในการทำงาน เพราะแสงเงาจะช่วยทำให้ผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น การวาด ภาพที่มีการแสดงน้ำหนักแสงเงาที่ชัดเจนนั้น จะถ่ายทอดตามสายตาที่มองเห็น เช่น ความลึก ตื้น หนา บาง นูน เรียบ โค้ง เว้า ได้ชัดเจนมากกว่าภาพที่แสดงด้วยเส้นเพียงเส้นเดียว จะใช้ค่าน้ำหนักแสงเงาทั้งหมด 10 ระดับในการศึกษาเพื่อให้ผลงานที่ออกมานั้นสมจริงมากยิ่งขึ้น ค่าน้ำหนักอ่อนแก่ มีความสำคัญเป็นอย่างมากในทางทัศนศิลป์ เพราะทำให้ผลงานศิลปะเกิดมิติที่ เสมือนจริงมากยิ่งขึ้นและทำให้ภาพนั้นมาความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 4.สาระการเรียนรู้ 1. ลักษณะของแสงและเงา 2.ความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อน-แก่ 5.ความรู้และทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด ความรู้(K) ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด(P) 1.นักเรียนบอกลักษณะของแสงและเงาในงาน ศิลปะ 2.นักเรียนบอกความสำคัญของค่าน้ำหนักอ่อนแก่ ได้ นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยใช้ค่าน้ำหนัก อ่อนแก่ได้อย่างถูกต้องและสวยงาม 6.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร เป็น ความสามารถในการรับและส่งสาร เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
67 ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับและมีรับข้อมูล ข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดน การเลือกใช้วิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึง ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 6.2 ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิด เป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เพื่อการ ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหาและ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้อง 7.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสาธิต ( Demonstration Method ) 1. การเตรียมการสาธิต ครูจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้พร้อมก่อนเริ่มสาธิต เช่น สี โปสเตอร์ พู่กัน จานสี 2.การดำเนินการสอนแบบสาธิต ครูเริ่มแนะนำอุปกรณ์ให้นักเรียนได้ทราบว่ามีอะไรบ้าง เริ่มต้นขั้นตอนโดยการวาดภาพ ตามจินตนาการโดยใช้แสงและเงาให้ตรงกับหลักการ เช่น เมื่อกำหนดแสงมาทางซ้ายเงาจะต้อง อยู่ทางขวา เมื่อครูสาธิตเสร็จ จึงให้นักเรียนลงมือทำลงบนกระดาษของนักเรียนได้เลย 3.การสรุปและประเมินผล
68 ครูสรุปขั้นตอนการวาดภาพจากการสาธิตให้นักเรียนได้เข้าใจแบบละเอียดและ ขั้นตอน วิธีการลงค่าน้ำหนักอ่อน-แก่ และภาพตามจินตนาการโดยคำนึงถึงหลักการแสงเงาแต่ละขั้นตอน อย่างละเอียดเมื่อนักเรียนมีข้อสงสัยจึงอธิบายในส่วนนั้นอีกครั้ง 2. การเรียนรู้แบบลงมือทำ(ปฏิบัติ) (Active Learning) 1.ขั้นตอนการเตรียมการ ครูเตรียมอุปกรณ์มาเพื่อแจกให้นักเรียนทุกคน และให้นักเรียนทุกคนสร้างสรรค์ผลงาน เรื่องแสงเงาตามจินตนาการของนักเรียน 2.ขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ ครูให้นักเรียนลงมือวาดภาพตามขั้นตอนที่ได้สาธิตไปแล้วในเบื้องต้น หรือมี นักเรียนคน ไหนที่มีข้อสงสัยครูผู้สอนจะเดินดูนักเรียนทุกคนเพื่อไม่ให้นักเรียนรู้สึกว่ามันยากหรือ ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะได้สอบถามครูผู้สอนได้ทันที 3.ขั้นตอนการสรุป ครูให้นักเรียนนำผลงานของตนเองมาแขวนไว้ที่จุดแสดงผลงานและสรุปขั้นตอนการลง มือปฏิบัติร่วมกัน เป็นอันเสร็จสิ้นการเรียนการสอนในชั่วโมงนี้ 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน(หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้) ให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ เรื่อง แสงเงากับน้ำหนักความอ่อน-แก่ โดยกำหนดเวลาส่ง 9.สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. สีโปสเตอร์ 2. หนังสือเรียนทัศนศิลป์ ม.1 3. จานสี 4. พู่กัน
69 5. ที่รองแก้วปูนปลาสเตอร์ แหล่งการเรียนรู้ 1. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 2. ห้องเรียน 10.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ เครื่องมือ / วิธีการวัด เกณฑ์ความสำเร็จ 1.นักเรียนบอกลักษณะของแสง และเงาในงานศิลปะ(K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2.นักเรียนบอกความสำคัญของ ค่าน้ำหนักอ่อนแก่ได้(K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3.นักเรียนสร้างสรรค์งาน ทัศนศิลป์โดยการเพนท์ภาพบน ปูนปลาสเตอร์ได้อย่างสวยงาม (P) ผลงานทัศนศิลป์ เรื่อง แสงเงา กับน้ำหนักความอ่อน-แก่ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 4.นักเรียนส่งงานตามเวลาที่ กำหนด (A) แบบสังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป
70 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ รหัสวิชา ศ 21101 รายวิชาทัศนศิลป์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวาดภาพระบายสี เวลา 4 ชั่วโมง เรื่อง การทำแสงเงาโดยเทคนิคขูดสี เวลา 4 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นางสาวปนัดดา ชาวประชา โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา 1.มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน 1.2 ตัวชี้วัด ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และ สิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้ เรื่องทัศนธาตุ ศ 1.1 ม.1/5 ออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์หรือกราฟิกอื่น ๆ ในการนำเสนอความคิด และข้อมูล 2.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกเทคนิคการทำแสงเงาโดยการขูดสีได้ (K) 2. นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยใช้เทคนิคการขูดสีได้ (P) 3. นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด (A) 3.สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด การขูดสีเป็นการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์อย่างหนึ่ง โดยใช้เทคนิคการขูดหรือขีดให้เกิดเป็น ร่องรอยตามความต้องการและจินตนาการของผู้สร้างสรรค์
71 4.สาระการเรียนรู้ 1.การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยการขูดหรือขีดให้เกิดเป็นร่องรอยเป็นแสงเงาตามจินตนาการ ของผู้สร้างสรรค์ 2.การเลือกใช้สีในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ โดยใช้สีเทียนหรือสีชอล์ก 5.ความรู้และทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด ความรู้(K) ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด(P) นักเรียนบอกเทคนิคการทำแสงเงาโดยการขูดสีได้ นักเรียนสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์โดยใช้เทคนิคการ ขูดหรือขีดสี 6.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 6.1ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถ ในการรับและส่งสาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อ การพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจา ต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับและมีรับข้อมูลข่าวสารด้วยหลัก เหตุผลและความถูกต้อง ตลอดนการเลือกใช้วิธี สื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มี ต่อตนเองและสังคม 6.2 ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิด เป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้เพื่อการ นักเรียนส่งงานตามเวลาที่กำหนด
72 ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม 6.3ความสามารถในการแก้ปัญหาและ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้อง 7.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. วิธีการสอนแบบสาธิต ( Demonstration Method ) 1. การเตรียมการสาธิต ครูจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้พร้อมก่อนเริ่มสาธิต เช่น กระดาษ 100 ปอนด์ สีเทียน สีชอล์ก ไม้จิ้มฟัน 2.การดำเนินการสอนแบบสาธิต ครูเริ่มแนะนำอุปกรณ์ให้นักเรียนได้ทราบว่ามีอะไรบ้าง เริ่มต้นขั้นตอนโดยการเลือกสี เทียนตามใจชอบมาระบายตามความต้องการ เสร็จแล้วให้นำสีเทียนที่มีสีเข้ม เช่นสีดำมาทาทับส จนไม่เห็นสีเทียนที่เป็นสีสัน เสร็จแล้วนำไม้จิ้มฟันมาขูดหรือขีดบริเวณที่ทาสีให้เกิดเป็นร่องรอย ของแสงตามที่ต้องการ เมื่อสาธิตเสร็จแล้วก็ให้นักเรียนลงมือทำลงบนกระดาษของนักเรียนได้เลย 3.การสรุปและประเมินผล ครูสรุปขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์จากการสาธิตให้นักเรียนได้เข้าใจแบบ ละเอียดและ ขั้นตอนวิธีการใช้เทคนิคการขูดหรือขีดสีแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียดเมื่อนักเรียนมี ข้อสงสัยจึงอธิบายในส่วนนั้นอีกครั้ง 2. การเรียนรู้แบบลงมือทำ(ปฏิบัติ) (Active Learning) 1.ขั้นตอนการเตรียมการ ครูเตรียมอุปกรณ์มาเพื่อแจกให้นักเรียนทุกคน และให้นักเรียนทุกคนสร้างสรรค์ผลงาน ตามจินตนาการของนักเรียนโดยใช้เทคนิคการขูดหรือขีดสี 2.ขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ
73 ครูให้นักเรียนลงมือวาดภาพตามขั้นตอนที่ได้สาธิตไปแล้วในเบื้องต้น หรือมี นักเรียนคน ไหนที่มีข้อสงสัยครูผู้สอนจะเดินดูนักเรียนทุกคนเพื่อไม่ให้นักเรียนรู้สึกว่ามันยากหรือ ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะได้สอบถามครูผู้สอนได้ทันที 3.ขั้นตอนการสรุป ครูผู้สอนให้นักเรียนนำผลงานของตนเองมาแขวนไว้ที่จุดแสดงผลงานและสรุปขั้นตอน การลงมือปฏิบัติร่วมกัน เป็นอันเสร็จสิ้นการเรียนการสอนในชั่วโมงนี้ 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน(หลักฐานร่องรอยแสดงความรู้) ให้นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ตามจินตนาการของนักเรียนโดยใช้เทคนิคการขูดหรือขีดสี เทียนให้เกิดแสงเงา ส่งภายในเวลาที่กำหนด 9.สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. สีเทียน 2. กระดาษ 100 ปอนด์ 3.ไม้จิ้มฟัน แหล่งการเรียนรู้ 1. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 2. ห้องเรียน 10.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ เครื่องมือ / วิธีการวัด เกณฑ์ความสำเร็จ 1.นักเรียนบอกเทคนิคการขูดสี ได้ (K) แบบสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป
74 2.นักเรียนสร้างสรรค์งาน ทัศนศิลป์โดยใช้เทคนิคการขูด หรือสีได้ (P) ผลงานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ นักเรียนโดยใช้เทคนิคการขูด หรือขีดสี ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3.นักเรียนส่งงานตามเวลาที่ กำหนด (A) แบบสังเกตพฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป
75 ภาคผนวก ข ภาพผลงานและกิจกรรมภายในห้องเรียน
76 ผลงานนักเรียน
77
78
79 ภาพกิจกรรมในชั้นเรียน
80
81
82 บรรณานุกรม อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2540). หลักการสอน.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพ ฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์. สุพิน บุญชูวงษ์. (2544). หลักการสอน ตรงตามหลักสูตรสภาการฝึกหัดครู พุทธศักราช 2536. พิมพ์ครั้งที่ 9.กรุงเทพ ฯ: ศูนย์เอกสารและตำรา สถาบันราชภัฏสวนดุสิต. ชัยวัฒน์ การรื่นศรี. (2546). ศิลปะเบื้องต้น วาดเส้น ระบายสีใบหน้าสร้างสรรค์.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ ฯ: บริษัท สำนักพิมพ์ปาเจรา จำกัด. ประสพ ลี้เหมือดภัย. (2541). ทฤษฎีวาดเขียน.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ ฯ. โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เทียนชัย ตั้งพรประเสริฐ. (2544). เอกสารประกอบการสอนวิชาทฤษฎีวาดเขียน.พิมครั้งที่ 1. กรุงเทพ ฯ: บริษัทเฟื่อฟ้าพริ้นติ้ง จำกัด. วัชรพงษ์ หงส์สุวรรณ. (2557). วาดเส้นพื้นฐาน.พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพ ฯ: บริษัท วาดศิลป์ วัชร วัชรสินธ์. (2555). เทคนิคการเขียนภาพลายเส้นในงานสถาปัตยกรรม.พิมพ์ครั้งที่ 7.กรุงเทพ ฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทวีพงษ์ ลิมาภรณ์วณีชย์. (2546). อ่านไปใคร ๆ ก็วาดได้เล่ม 2.พิมพ์ครั้งที่ 1.สงขลา: บริษัทลิมบราเดอร์ สการพิมพ์ จำกัด. สุชาติ เถาทอง. (2536). วาดเส้น.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพ ฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์. ระวิ โอภิธากร. (2542). ศิลปะการวาดภาพ.สงขลา: โครงการตำราวิชาการราภัฏเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนม์พรรษา 6 รอบ. อภิศักดิ์ บุญเลิศ. (2541). วาดเขียน.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพ ฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์. ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏอุดรธานี. (2539). เอกสารคำสอนรายวิชา หลักการสอน: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏอุดรธานี. เรวณี ชัยเชาวรัตน์. (2559). เอกสารประกอบการสอน วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ปีการศึกษา 2559. ยุทธพงษ์ ไกยวรรณ. (2541). เทคนิคและวิธีการสอน.กรุงเทพ ฯ: บริษัทพิมพ์ดีจำกัด. เสริมศรี ลักษณศิริ. (2540). หลักการสอน: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ สถาบัน ราชภัฏพระนคร.
83 ธานี สังข์เอี้ยว. (2564). วาดเส้นฝึกมือ ชุด วาดเส้นพื้นฐาน.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพ ฯ: บริษัทรุ่ง แสงการพิมพ์ จำกัด. Clive Bell. "Significant Form" Aesthetic Macmillan New York, 1965. Leo Tolstoy, “Art – The Language of Emotion Aesthetic Macmillan, New York, 1965.
84 ประวัติย่อผู้วิจัย ชื่อ – สกุล : นางสาวปนัดดา ชาวประชา รหัสนักศึกษา : 62100103124 วัน/เดือน/ปีเกิด : 21 เมษายน 2543 ภูมิลำเนา : 99 หมู่ 9 ตำบลสุมเส้า อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี 41150 เบอร์โทรศัพท์: 0621582450 งานอดิเรก : เขียนรูป ดูหนัง ฟังเพลง ซื้อของ ประวัติการศึกษา ประถมศึกษา : โรงเรียนบ้านดงปอ ตำบลสุมเส้า อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี มัธยมศึกษาตอนต้น : โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยาตำบลบ้านแดงอำเภอพิบูลย์รักษ์จังหวัดอุดรธานี มัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา ตำบลบ้านแดง อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัด อุดรธานี ปัจจุบัน : นักศึกษาสาขาวิชาทัศนศิลป์ชั้นปีที่ 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สถานที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ : โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา ตำบลบ้านแดง อำเภอพิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี