The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีบุญบั้งไฟ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พัฒนธีร์ บุดดา, 2020-05-29 03:59:59

ประเพณีบุญบั้งไฟ

ประเพณีบุญบั้งไฟ

ประเพณีบุญบ้ังไฟ เป็นหนึ่งในฮีตสิบสองเดือนของชาวอีสาน นิยมทากันในเดือน 6 หรือเดือน 7

อันเป็นช่วงฤดูฝนเข้าสู่การทานา ตกกล้า หว่าน ไถ เพื่อเป็นการบูชาเทพยดาอารักษ์หลักบ้านหลัก
เมืองและบชู าพญาแถนขอฝนใหต้ กต้องตามฤดูกาล โดยมคี วามเชื่อว่าเม่ือจัดงานน้ีแล้วเทพยดาและส่ิง
ศักดิ์สิทธ์ิทั้งหลายจะดลบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ทาให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์

ความหมายของบง้ั ไฟ

คาว่า "บ้งั ไฟ" ในภาษาถ่นิ อีสานมักจะสับสนกับคาว่า "บ้องไฟ" แต่ที่ถูกนั้นควรเรียกว่า "บั้งไฟ"
โดยทง้ั 2 คามีความแตกตา่ งกันดงั น้ี

คาว่า บ้อง หมายถึง สิ่งของใด ๆ ก็ได้ที่มี 2 ช้ิน มาสวมหรือประกอบเข้ากันได้ ส่วนนอก
เรยี กวา่ บ้อง ส่วนในหรือสิ่งท่ีเอาไปสอดใส่จะเป็นส่ิงใดก็ได้ เช่น บ้องมีด บ้องขวาน บ้องเสียม บ้องวัว
บอ้ งควาย ดังนน้ั คาว่า บ้งั ไฟ ในภาษาถน่ิ อสี านจึงเรยี กว่า บ้งั ไฟ ซ่ึงหมายถึงดอกไม้ไฟชนิดหน่ึง มีหาง
ยาวเอาดินประสิวมาคั่วกับถ่านไม้ตาให้เข้ากันจนละเอียดเรียกว่า หม่ือ (ดินปืน) และเอาหมื่อนั้นใส่
กระบอกไม้ไผ่ตาให้แน่นเจาะรูตอนท้ายของบั้งไฟ เอาไผ่ท่อนอื่นมัดติดกับกระบอกให้ใส่หมื่อโดยรอบ
เอาไมไ้ ผ่ยาวลาหนง่ึ มามดั ประกบตอ่ ออกไปเป็นหางยาว สาหรับใช้ถ่วงหวั ให้สมดลุ กนั เรียกว่า "บั้งไฟ"

ส่วนคาว่า บั้งไฟ คือการนาเอากระบอกไม้ไผ่ เลาเหล็ก ท่อเอสลอน หรือเลาไม้อย่างใดอย่าง
หน่ึงมาบรรจุหมื่อ (ดินปืน) ตามอัตราส่วนที่ช่างกาหนดไว้แล้วประกอบท่อนหัวและท่อนหางเป็นรูป
ต่าง ๆ ตามที่ต้องการ เพื่อนาไปจุดพุ่งขึ้นสู่อากาศ จะมีควันและเสียงดัง บ้ังไฟมีหลายประเภท ตาม
จุดมุ่งหมายของประโยชนใ์ นการใช้สอย

ประวตั ิความเป็นมาประเพณีบุญบง้ั ไฟ

ประเพณีบญุ บงั้ ไฟ เปน็ ประเพณีหนง่ึ ของภาคอีสานของไทยรวมไปถงึ ลาว โดยมีตานานมาจาก
มาจากนิทานพ้ืนบ้านของภาคอีสานเร่ืองพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซ่ึงในนิทางพื้นบ้าน
ดงั กล่าวได้กลา่ วถงึ การท่ชี าวบา้ นไดจ้ ดั งานบุญบั้งไฟขึ้นเพ่ือเป็นการบูชาพระยาแถน หรือเทพวัสสกาล
เทพบุตร ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าท่ีคอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และมี
ความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดทาการจัดงานบุญบ้ังไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้อง
ตามฤดกู าล อาจก่อใหเ้ กดิ ภัยพบิ ัติกบั หมู่บา้ นได้

ตานานเรื่อง พญาคนั คากกบั พญาแถน

ตามตานานพญาแถน เทพผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ผู้ดลบันดาลให้ฝนตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึง
บันดาลใหฝ้ นไมต่ กเลยตลอด 7 ปี 7 เดอื น 7 วัน ชาวเมอื งทนไมไ่ หวจึงคดิ ทาสงครามกับพญาแถน แตส่ ู้
พญาแถนกับกองทัพเทวดาไม่ได้ ถูกไล่ล่าหนีมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาคันคาก
(คางคก) อาศยั อยู่ และพญาคนั คากตกลงใจเป็นจอมทัพของชาวโลกต่อสู้กับพญาแถน พญาคันคากให้
พญาปลวกก่อจอมปลวกข้ึนไปจนถึงสวรรค์ ให้พญามอดไม้ไปทาลายด้ามอาวุธของทหารและอาวุธ
พญาแถน และให้พญาผ้ึง ต่อ แตนไปต่อยทหารและพญาแถนฝ่ายเทวดาพ่ายแพ้ พญาแถนจึงให้
คามั่นวา่ หากมนุษยย์ งิ บ้งั ไฟขึ้นไปเตือนเม่ือไรจะรีบบันดาลให้ฝนตกลงมาให้ทันทีและถ้ากบเขียดร้องก็
ถือเป็นสัญญาณว่าฝนได้ตกลงถึงพื้นแล้ว และเม่ือใดท่ีชาวเมืองเล่นว่าวก็เป็นสัญญาณแห่งการหมด
สิ้นฤดูฝน

ตานานเรอื่ งท้าวผาแดงนางไอ่

นางไอ่เป็นธิดาพระยาขอมผู้ครองเมืองชะธีตา นางไอ่เป็นสตรีท่ีมีสิริโฉมงดงามเป็นที่เล่ืองลือไปใน
นครต่าง ๆ ท้ังโลกมนุษย์และบาดาล มีชายหนุ่มหมายปองจะได้อภิเษกกับนางมากมาย ในจานวนผู้
ที่มาหลงรักนางไอ่ มีท้าวผาแดงและท้าวพังคี โอรสสุทโธนาค เจ้าผู้ครองนครบาดาล ท้าวท้ังสองต่าง
เคยมีความผูกพันกับนางไอ่มาแต่อดีตชาติ จึงต่างช่วงชิงจะได้เคียงคู่กับนาง แต่ก็พลาดหวัง จึงมิได้
อภิเษกท้ังคู่เพราะแข่งขันบั้งไฟแพ้

ท้าวพังคีนาคไม่ยอมลดละ แปลงกายเป็นกระรอกเผือกคอยติดตามนางไอ่ สุดท้ายถูกฆ่าตาย

พญานาคผู้เป็นพ่อจึงข้ึนมาถล่มเมืองล่มไป กลายเป็นหนองน้าใหญ่ คือ หนองหาน หนองหานใน
ตานานท้าวผาแดงนางไอ่ ที่เป็นท่ีถกเถียงกันว่าท่ีไหนกันแน่ มีอยู่ถึง 3 ที่ ได้แก่ หนองหาน ที่ อาเภอ
หนองหาน จังหวัดอุดรธานี และหนองหาน อาเภอกุมภวาปี ซ่ึงก็ไม่ไกลจากท่ีแรกมากนัก และอีกท่ี
หน่งึ ก็คือหนองหาร จงั หวัดสกลนคร

ความเชอ่ื ของชาวบา้ นกบั ประเพณบี ุญบง้ั ไฟ

ชาวบ้านเช่ือว่ามีโลกมนุษย์ โลกเทวดา และโลกเทวดา มนุษย์อยู่ใต้อิทธิพลของเทวดา การ
ราผฟี า้ เปน็ ตวั อยา่ งท่ีแสดงออกทางด้านการนบั ถอื เทวดา และเรียกเทวดาว่า "แถน" เม่ือถือว่ามีแถนก็
ถือว่า ฝน ฟา้ ลม เป็นอทิ ธพิ ลของแถน หากทาให้แถนโปรดปราน มนุษย์ก็จะมีความสุข ดังน้ันจึงมีพิธี
บูชาแถน การจุดบ้ังไฟก็อาจเป็นอีกวิธีหน่ึงที่แสดงความเคารพหรือส่งสัญญาณความภักดีไปยังแถน
ชาวอีสานจานวนมากเช่ือว่าการจุดบ้ังไฟเป็นการขอฝนจากพญาแถน และมีนิทานปรัมปราเช่นน้ีอยู่
ทว่ั ไป แต่ความเชือ่ นีย้ งั ไมพ่ บหลักฐานทแ่ี น่นอน

การจดั ประเพณบี ุญบง้ั ไฟ

ก่อนจะถึงวันงานหรือวันเอาบุญ ชาวบ้านก็จะช่วยกันเตรียมงานกันอย่างสามัคคี ชาวบ้านที่
ได้รับมอบหมายจะสร้างปะรา หรือ "ผาม" หรือ "ตูบบุญ ฝ”่ายแม่ครัวก็เตรียมข้าวปลาอาหารไว้เลี้ยง
แขกเลี้ยงคน ฝ่ายช่างฟ้อนก็เตรียมขบวนราไว้สาหรับแห่บ้ังไฟ ฝ่ายผู้ชายท่ีเป็นช่างฝีมือก็ช่วยกันทาบั้ง
ไฟและตกแตง่ ให้สวยงาม งานบญุ บั้งไฟสว่ นใหญจ่ ะไมค่ ่อยมพี ธิ ีกรรมทางศาสนาเท่าใดนักแต่บางแห่งก็
มพี ิธที าบญุ เลยี้ งพระบา้ ง

วันโฮม เป็นชาวบ้านก็จะมาตั้งขบวนเพ่ือแห่บั้งไฟไปรอบ ๆ หมู่บ้าน เป็นงานบุญท่ีเน้นความ

สนกุ สนานรนื่ เรงิ ในขบวนจะมีการราเซ้ิงตามบั้งไฟ และบรรดาขเ้ี หลา้ ทงั้ หลายก็จะร้องเพลงเซิ้งไปของ
เหล้าตามบ้านต่าง ๆ กาพย์เซ้ิงอาจจะหยาบคายแต่ก็ไม่มีใครถือสากัน แต่กาพย์เซิ้งท่ีใช้แห่ในขบวน
มกั จะเป็นประวตั แิ ละความเปน็ มาของพิธีบญุ บั้งไฟ

วันจุดบงั้ ไฟกอ็ าจจะเปน็ อีกวนั หนงึ่ คอื เป็นวันทชี่ าวบา้ นจะเอาบงั้ ไฟของแตล่ ะคุ้มแต่ละหมู่บ้านมา

จดุ แขง่ กนั ถา้ ของใครทามาดจี ดุ ข้นึ ไดส้ ูงสดุ ก็จะชนะแตถ่ ้าของใครแตกหรือซุก็ถือว่าแพ้ ต้องโดนลงโทษ
โดยการจับโยนลงโคลนหรอื ตมซ่ึงเป็นท่ีสนุกสนานอย่างย่ิง การจุดบ้ังไฟเป็นการเส่ียงทาย ถ้าบั้งไฟข้ึน
สงู ก็ทานายว่าฝนจะตกดี ขา้ วปลาอาหารอดุ มสมบรู ณ์

อ้างองิ

Kapook. (๒๕๕๗). ประเพณบี ุญบ้งั ไฟ กับตานานบชู าพญาแถนขอฝน. สืบค้นเมอื่ วนั ท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓
จากเวบ็ ไซต์ https://hilight.kapook.com/view/101828.


Click to View FlipBook Version