The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานเชิงวิชาการเรื่องตะไคร้

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ariya Klangkhonkao, 2022-05-26 23:25:05

รายงานเชิงวิชาการเรื่องตะไคร้

รายงานเชิงวิชาการเรื่องตะไคร้

รายงานเชิงวิชาการ



เรื่อง ตะไคร้หอมไล่ยุง









โดย
นางสาว จิณห์วรา กาตั้ง
รหัสนักศึกษา 641202169104
นางสาว อาริญา คลังคนเก่า
รหัสนักศึกษา 641202169105



สาขารัฐปศาสนศาสตร์
คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์





เสนอ


อาจารย์ สุนารี ฝีปากเพราะ








รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
รายวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร (GELA101)
คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

รายงานเชิงวิชาการ



เรื่อง ตะไคร้









โดย
นางสาว จิณห์วรา กาตั้ง
รหัสนักศึกษา 641202169104
นางสาว อาริญา คลังคนเก่า
รหัสนักศึกษา 641202169105



สาขารัฐปศาสนศาสตร์
คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์





เสนอ


อาจารย์ สุนารี ฝีปากเพราะ








รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
รายวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร (GELA101)
คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

คำนำ

รายงานเชิงวิชาการนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยเพ่ื่อการสื่อสาร (GELA101)
โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องสรรพคุณของตะไคร้ ประโยชน์ วิธี
การใช้ และโทษ ในรายงานเชิงวิชาการนี้ได้รวบรวมข้อมูลเรื่องตะไคร้โดยละเอียดเพื่อ
ที่จะได้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างเข้าใจมากขึ้น

คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และ
คณะผู้จัดทำต้องขอขอบพระคุณผู้ปกครองที่ช่วยให้คำแนะนำ ชี้แนะแนวทาง และ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า
1-2
เรื่อง
ประโยชน์ของตะไคร้ 3
ข้อมูลด้านการบริโภคสำหรับคนทั่วไป 3-4
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีปัจจัยทางสุขภาพ
สรรพคุณ 4
โทษของตะไคร้ 4
ขั้นตอนการปลูก 5
วิธีการดูแล 5
ชนิดของตะไคร้ 5
วิธีการใช้ 6
การขยายพันธุ์ 6-7
ข้อควรระวัง 7

1

เรื่อง ตะไคร้

ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้าและมี
ใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะตัว นอกจากนำมาใช้ประกอบอาหาร ปรุงแต่งกลิ่นในอาหาร และ
ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกนำไปใช้ในหลากสาขา เช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องสำอาง
การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเชื่อว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์
ต้านอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลด
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดและลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของ
เลือดในระหว่างมีประจำเดือน และเป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น

แม้จะเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในการบริโภคและประยุกต์ใช้กันอย่างแพร่
หลาย แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เกี่ยวกับประสิทธิผลของตะไคร้แท้จริง
แล้วยังคงมีอย่างจำกัด และไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในเชิงการแพทย์ โดยบาง
งานวิจัยก็ได้ตรวจสอบสมมติฐานถึงผลของตะไคร้ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ ดังนี้

ประโยชน์ของตะไคร้ ใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร เพราะมีเกลือแร่จำเป็น
หลายชนิด ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามิน นำตะไคร้มาสกัดกลั่นกลิ่นใช้
เป็นน้ำมันหอมระเหย รวมถึงตะไคร้หอมมีคุณสมบัติกันยุงได้ด้วย สรรพคุณทางยาของ
ตะไคร้ ช่วยแก้อาการต่างๆ
คนสมัยโบราณมีวิธีการรักษาอาการเจ็บป่วย ครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกธาตุผิดปกติ ด้วยการนำ
สมุนไพรมาใช้เป็นยา หรือปรุงอาหารด้วยพืชพรรณที่มีสรรพคุณเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
เพื่อป้องกันโรคภัย หนึ่งในพืชผักสารพัดประโยชน์ที่ปลูกกันทุกครัวเรือน คือ “ตะไคร้”
นอกจากนำมาทำเมนูต้มยำแล้ว ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของตะไคร้มีมากกว่าที่คิด เช่น

ระงับกลิ่นปากที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
กลิ่นปากเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากการรับประทาน
อาหาร การสูบบุหรี่ การไม่รักษาสุขอนามัยภายในช่องปาก การติดเชื้อภายในช่องปาก
ตลอดจนการใช้ยารักษาบางชนิด ผู้ที่มีกลิ่นปากอาจสูญเสียความมั่นใจและเกิดความวิตก
กังวลจนอาจต้องไปปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีรักษาและระงับกลิ่นปาก
ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงมีการค้นคว้าที่นำตะไคร้มาเป็นส่วนหนึ่งใน
การทดลองใช้สารสกัดจากตะไคร้ผลิตน้ำยาบ้วนปาก โดยมีผู้อาสาเข้าร่วมการทดลอง
จำนวน 20 ราย ผลการทดลองพบว่า น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของตะไคร้มีประสิทธิผล
ต่อการยับยั้งแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นปากบางชนิดได้ คือ แบคทีเรียกลุ่มแอกทิโนไม
ซีเทมคอมิแทนส์ (Aggregatibacter Actinomycetemcomitans) และ พอร์ฟิโรโมแนส
จินจิวาลิส (Porphyromonas Gingivalis) แต่มีประสิทธิผลต่ำต่อการต้านเชื้อแบคทีเรียส
เตร็ปโตค็อกคัส (Streptococcus Mutans)

2

โดยรวมแล้ว น้ำยาบ้วนปากจากตะไคร้สามารถช่วยลดกลิ่นปากลงได้และพบว่ามี
ความปลอดภัยจากการใช้งานในกลุ่มผู้ถูกทดลอง แม้ยังคงต้องมีการปรับปรุงกลิ่นฉุน
และรสชาติจากตะไคร้เพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตาม งานทดลองนี้เป็นงานทดลองขนาด
เล็ก จึงควรมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในด้านนี้ต่อไป เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์
จากตะไคร้ในการระงับกลิ่นปากได้ในอนาคต

ยับยั้งเชื้อราในช่องปาก
โดยปกติ ในช่องปากของคนเรามีแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดอาศัยอยู่ หากมีเชื้อ
จุลชีพเหล่านี้ในจำนวนที่ไม่เป็นอันตราย จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพช่องปากแต่
อย่างใด แต่ปัญหาเชื้อราในช่องปาก เกิดจากการมีเชื้อราแคนดิดาอัลบิแคนส์
(Candida Albicans) ในช่องปากเป็นจำนวนมาก และเชื้อเหล่านี้มีการเจริญเติบโตจน
เกินกว่าภูมิคุ้มกันของร่างกายจะควบคุมได้ จึงเป็นที่มาของอาการต่าง ๆ เช่น มีคราบ
หรือปื้ นสีขาวตามลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม ต่อมทอนซิล สร้างความเจ็บปวด หรือกลืน
อาหารลำบาก เป็นต้น

ป้องกันยุงและตัวริ้น
ยุง เป็นสัตว์ดูดเลือดและพาหะนำโรคติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์เลือดอุ่นมาสู่คน
ได้ เช่น ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย ไข้เหลือง ไข้สมองอักเสบ ไวรัสซิกา เป็นต้น ส่วนตัว
ริ้นนั้น เป็นแมลงดูดเลือดขนาดเล็กเช่นเดียวกับยุง ซึ่งสร้างความรำคาญและนำโรคมา
สู่คนได้เช่นเดียวกัน

กำจัดรังแค
รังแค เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดกับหนังศีรษะ มีอาการ คือ หนังศีรษะลอกแตกออกเป็น
แผ่นผิวหนังแห้ง และก่อให้เกิดอาการคัน แม้ไม่ได้นำไปสู่อาการป่วยที่เป็นอันตราย
แต่รังแคก็เป็นปัญหารังควานใจ สร้างความวิตกกังวล และสูญเสียความมั่นใจได้ไม่
น้อย

3

ข้อมูลด้านการบริโภคสำหรับคนทั่วไป
การบริโภคตะไคร้น่าจะปลอดภัย หากบริโภคในปริมาณที่ใช้ประกอบอาหารทั่วไป
การบริโภคตะไคร้หรือการใช้ตะไคร้ทาบนผิวหนังเพื่อจุดประสงค์ทางการรักษา
อาจจะปลอดภัยหากใช้ตะไคร้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายใต้การดูแลและคำแนะนำจาก
แพทย์
การสูดดมสารที่มีส่วนประกอบของตะไคร้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
และเป็นพิษต่อร่างกายได้ในผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพปอด
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากตะไคร้อย่างประมาทหรือผิดวิธี อาจนำไปสู่การ
เกิดภาวะพิษที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่น การกลืนยากันยุงที่ผลิตจากตะไคร้

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีปัจจัยทางสุขภาพ
ผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคตะไคร้ เนื่องจากตะไคร้อาจกระตุ้นการไหล
เวียนของเลือดในการเกิดประจำเดือน ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งได้
ผู้ที่กำลังให้นมบุตร ในปัจจุบันยังคงไม่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัย
จากการบริโภคตะไคร้ในระหว่างที่ให้นมบุตร ผู้ที่กำลังให้นมบุตรจึงควรหลีกเลี่ยง
การบริโภคตะไคร้ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพทั้งต่อตนเองและทารกที่อาจได้
รับสารต่าง ๆ ผ่านทางน้ำนมด้วย
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบริโภคตะไคร้ หรืออาหารใด ๆ
ก่อนเสมอ ว่าอาจส่งผลต่ออาการป่วยของตนหรือไม่

สรรพคุณของตะไคร้
- รากตะไคร้
สรรพคุณของรากตะไคร้ ช่วยบำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปวดกระเพาะ
รวมถึงรักษากลากเกลื้อนได้อีกด้วย
ลำต้นตะไคร้

4

- ลำต้นตะไคร้
สรรพคุณของลำต้นตะไคร้นำมาใช้แก้ปวด จากการปวดข้อและฟกช้ำ แก้โรคทางเดิน
ปัสสาวะ แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ รวมถึงช่วยให้เจริญอาหาร แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้
จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลำไส้ วิธีใช้คือรับประทานสด หรือผึ่งแห้งแล้วนำมาใช้ต้มดื่ม
- ใบตะไคร้
สรรพคุณของใบตะไคร้ช่วยลดความดันโลหิตสูง นำมาใช้สกัดทำน้ำมันหอมระเหย
แม้ว่าตะไคร้จะเป็นพืชที่ใช้ประกอบอาหาร แต่ก็มีสรรพคุณทางสมุนไพร หากคุณต้องการ
ใช้ตะไคร้แห้งเพื่อมาต้มน้ำดื่มเป็นยา เว็บไซต์โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมา
จากพระราชดำริฯ ได้อธิบายวิธีและปริมาณการใช้ประโยชน์ตะไคร้ ไว้ดังนี้

ใช้ตะไคร้แก้อาการท้องอืด จุกเสียด
อาการปวดท้องที่มาจากการแน่นท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ ใช้ตะไคร้แก่ทุบแหลก 1 กำมือ
(ขนาดประมาณ 40 - 60 กรัม) ต้มน้ำดื่ม หรือนำมาประกอบอาหาร ใช้ตะไคร้ 5 ต้น สับ
เป็นท่อน ต้มกับเกลือ โดยต้มให้เหลือ 1 ใน 3 จากน้ำที่ต้ม หลังจากนั้นดื่ม 1 แก้ว ติดต่อกัน
3 วัน จึงจะคลายปวดท้อง

ใช้ตะไคร้แก้อาการขัดเบา ปัสสาวะไม่คล่อง (ไม่มีอาการบวม)
ใช้ต้นแก่ 1 กำมือ (ต้นสดใช้ 40-60 กรัม หรือต้นแห้งหนัก 20 - 30 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มครั้ง
ละ 1 ถ้วยชา (75 มิลลิลิตร) ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง ใช้เหง้าตะไคร้แก่ ฝานเป็นแว่น
บางๆ คั่วจนเหลือง ชงแทนชา ดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 ครั้ง

โทษของตะไคร้
แม้ว่าตะไคร้เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยามากมาย แต่ก็มีข้อควรระวัง ดังนี้

หญิงตั้งครรภ์ : หญิงตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือใกล้คลอด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
ตะไคร้มากเกินไป เพราะตะไคร้มีฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว
ผู้ป่วยโรคไต : ควรระมัดระวังการดื่มน้ำตะไคร้ หรือใช้ตะไคร้ในทางสมุนไพร
เนื่องจากตะไคร้มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ผู้ป่วยภูมิแพ้ : หลีกเลี่ยงการสูดดม หรือการใช้น้ำมันตะไคร้หอมไล่ยุง เพราะอาจ
ระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนังที่อ่อนโยน

5

ขั้นตอนการปลูกตะไคร้ในกระถาง

1. ตะไคร้ที่จะนำมาปลูกจะต้องเป็นต้นตะไคร้ที่มีรากติด แต่ถ้าแยกกอออกมาจาก
ต้นที่สมบูรณ์ ให้แยกหนึ่งออกมาแค่ 3 ต้นเท่านั้น แต่หากตะไคร้ที่ซื้อมาไม่มีราก ต้องตัด
โคนต้นให้เหลือความยาวสัก 1½ นิ้ว แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้
รากงอกแล้วค่อยนำไปปลูก

2. รองก้นกระถางด้วยวัสดุรองก้นกระถางอย่าง แกลบ หิน หรือใบไม้แห้งไว้ก่อน
จากนั้นเทดินลงไปกะระยะให้ได้ครึ่งกระถาง แล้วนำปุ๋ยคอกมาผสมดินให้ทั่ว สุดท้ายเท
ดินลงไปให้เกือบเต็มกระถาง

3. ใช้พลั่วเขี่ยดินตรงกลางให้เป็นหลุม แล้วนำต้นตะไคร้ที่แยกกอหรือต้นที่แช่น้ำ
เอาไว้มาปลูก กลบดินให้มิดชิด แต่ไม่ต้องแน่นมาก และรดน้ำให้ชุ่ม

วิธีการดูแลและระยะเก็บเกี่ยว

หลังจากปลูกเสร็จแล้วก็รดน้ำในกระถางให้ชุ่ม นำไปวางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร
สังเกตดูพอต้นเริ่มแข็งแรงดีให้นำกระถางออกมาตั้งให้โดนแดด รดน้ำทั้งเช้าและเย็น ใช้
ปุ๋ยบำรุงเมื่อตะไคร้มีอายุได้ 3 เดือน ระยะเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ 8 เดือนจนถึง 1 ปีครึ่ง

ชนิดของตะไคร้ โดยแบ่งออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่

- ตะไคร้หอม
- ตะไคร้กอ
- ตะไคร้ต้น
- ตะไคร้น้ำ
- ตะไคร้หางนาค
- ตะไคร้หางสิงค์

ลักษณะต้นตะไคร้ขึ้นเป็นกอและมีเหง้าอยู่ชั้นใต้ดิน ลำต้นเป็นรูปทรงกระบอก
ผิวเกลี้ยง มีกาบใบห่อหุ้ม และตั้งตรงจากพื้นดิน เจริญเติบโตได้ประมาณ 1 เมตร (รวม
ใบ) ออกใบเดี่ยวสีเขียวอ่อน ลักษณะเรียวยาว ปลายแหลม และแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
ก้านใบ หูใบ และใบ ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอออกมาปลูกใหม่

6

รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใช้รักษาอาการขัดเบา เหง้าและลำต้นสด หรือแห้ง 1 กำมือ หรือน้ำหนักสด 40-60 กรัม
แห้ง 20-30 กรัม ทุบต้มกับน้ำพอควร แบ่งดื่ม 3 ครั้ง ๆ ละ 1 ถ้วยชา (75 มิลิลิตร) ก่อน
อาหาร หรือจะหั่นตะไคร้ คั่วด้วยไฟอ่อน ๆ พอเหลือง ชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10
นาที ดื่มแต่น้ำ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา ก่อนอาหาร ใช้รักษาท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุก
เสียด ใช้เหง้าและลำต้นสด1 กำมือ น้ำหนัก 40-60 กรัม ทุบพอแตก ต้มกับน้ำ 2 ถ้วย
แก้ว เดือด 5-10 นาที ดื่มแต่น้ำ ครั้งละ 1/2 แก้ว วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
การใช้ตะไคร้รักษาอาการแน่นจุกเสียด ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
(สาธารณสุขมูลฐาน)

1. นำตะไคร้ทั้งต้นรวมทั้งรากจำนวน 5 ต้น สับเป็นท่อน ต้มกับเกลือ เติมน้ำต้ม
3 ส่วน ให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยแก้ว ติดต่อกัน 3 วัน จะหายปวดท้อง

2. นำลำต้นแก่สดๆทุบพอแหลกประมาณ 1 กำมือ (40-60 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่ม
ใช้รักษาอาการเมาค้าง ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมา
มากๆ ช่วยให้สร่างเร็ว

การขยายพันธุ์ตะไคร้
ตะไคร้สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วย การปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคน
ประมาณหนึ่งคืบ นำมาปักชำไว้สักหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีรากงอกออกมา แล้วนำไปลงแปลง
ดินที่เตรียมไว้ สำหรับวิธีการปลูกตะไคร้มีดังนี้

1.การเตรียมดิน ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย ให้ไถพลิกดินและไถพรวนลึกประมาณ 0.5
เมตร แล้วทำหลุม แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 0.5 เมตร

2.ลงต้นพันธุ์หลุมละ 3 ต้น กลบดินให้พอมิดรากตะไคร้ประมาณ 10 เซนติเมตร
3.ช่วงแรกรดน้ำทุกวัน แต่ระวังอย่าให้น้ำเข้าไส้ตะไคร้เวลารดน้ำให้รดทีโคนต้น

ตะไคร้เท่านั้น มิฉะนั้นต้นตะไคร้จะเน่าห้ามใช้สปริงเกอร์เป็นอันขาดต้องให้น้ำที่
โคนเท่านั้น
4.ในช่วง 3 วันแรกที่ปลูกให้พรางแสงแดดให้ตะไคร้ด้วย หลังจากตะไคร้ปรับตัวได้
แล้วให้เอาวัสดุพรางแสงออกเพราะธรรมชาติของตะไคร้ชอบแดด และเจริญเติบโต
ได้ดีในที่ที่มีแสงจ้า
5.เมื่อผ่านไป 1 เดือนตะไคร้จะเริ่มตั้งกอ ให้สังเกตที่ต้น ถ้าต้นเจริญเติบโตดี ลำต้นจะ
มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 เซนติเมตรก็สามารถตัดไปใช้หรือขายได้
การตัดตะไคร้ให้ตัดติดกก แต่อย่าให้สะเทือนรากที่อยู่ในดินเพราะตะไคร้สามารถ
แตกขึ้นมาตั้งกอได้อีก ไม่ต้องหาต้นพันธุ์มาปลูกใหม่แทน

7

6.เมื่อตัดควรตัดให้หมดกอ เพื่อต้นตะไคร้ที่แตกใหม่จะได้เติบโตได้เต็มที่
7.หลังจากตัดแล้วตะไคร้จะตั้งกอใหม่ภายในเวลา 1-2 เดือนเมื่อตะไคร้โตเต็มที่แล้วก็
สามารถตัดได้อีกเรื่อยไปจนกว่าต้นจะโทรม หรือ ตะไคร้ไม่แตกขึ้นมาอีก
ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย แต่ก็สามารถเจริญได้ในดินแทบทุกชนิดเป็นพืชที่ดูแลง่ายชอบน้ำ
ชอบแดดจ้า เป็นพืชทนแล้งได้ดี และเป็นพืชที่มีโรคน้อย ศัตรูพืชก็ไม่ค่อยมี (น่าจะเกิดจาก
การที่ตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ในทุกๆส่วนจึงสามารถป้องกันจากแมลงต่างๆได้)

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
การบริโภคตะไคร้หรือการใช้ตะไคร้ทาบนผิวหนังเพื่อจุดประสงค์ทางการรักษาโรค
อาจจะปลอดภัยหากใช้ตะไคร้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายใต้การดูแลและคำแนะนำจาก
แพทย์
การสูดดมสารที่มีส่วนประกอบของตะไคร้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
และเป็นพิษต่อร่างกายได้ในผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพปอด
ปรึกษาแพทย์ เภสัชกร และศึกษาข้อมูลบนฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มี
สารสกัดมาจากตะไคร้ก่อนเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย
ต่อสุขภาพหลังการบริโภค
ระวังการใช้ตะไคร้และผลิตภัณฑ์จากตะไคร้ในคนที่เป็นต้อหิน (glaucoma) เนื่องจาก
citral จะทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น

บรรณนานุกรม

1. ตะไคร้.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ฉบับประชาชนทั่วไป.สำนักงาน
ข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.

2.ตะไคร้แกง.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.thaicrudedruy.com/main.php?
action=viewpage&pid=60

3. Puatanachokchai R, Vinitketkumnuen U, Picha P. Antimutagenic and
cytotoxic effects of lemon grass. The 11th Asia Pacific Cancer
Conference, Bangkok Thailand, 16-19 Nov. 1993.

4.คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวง
สาธารณสุข.2544.


Click to View FlipBook Version