ภัยพบิ ตั ิ
ธรรมชาติ
ทางชวี
ภาค
เ ้ืชอเพ ิลงไฟปา ออกซเิ จน
หมายถึ ง ไฟที เกิดจากสาเหตุใด
ก็ตาม แล้ วลุกลามไหม้ในปาได้
โดยอิ สระปราศจากการควบคุม
ไ ม่ ว่ า ไ ฟ จ ะ ลุ ก ล า ม ไ ห ม้ ใ น ป า
ธรรมชาติ หรือสวนปา
กระบวนการเกิดไฟปา เปนผลจาก
การเกิดกระบวนการทางเคมี
มี 3 ปจจัย เรียกว่า “สามเหลียมไฟ”
ไฟปา มี 3 ประเภท
ไฟเรือนยอด -เปนไฟที่ลามไปตามยอดของตนไมความรอ น
ไฟผิวดิน -เปนไฟที่เผาไหมบนผิวดิน
ไฟใตดิน -เปนไฟท่ีเผาไหมเชื้อเพลิงท่ีทับถมอยู
ใตดิน
สาเหตขุ องการเกิดไฟปา
มี 2 สาเหตุ
-มกนาษุ รสยบู ์ บุหรหี รอื การทํากิจกรรมต่าง ๆ และทิงก้นบุหรไี ว้
ตามท้องถนนโดยไมไ่ ดด้ บั ก้นบุหรกี ่อน
- การตังแคมปและการเผาขยะ
- การจุดพลุ
- การเกิดอุบตั ิเหตทุ างเครอื งจกั ร
การเกิดอุบตั ิเหตรุ ถชนหรอื การระเบดิ ของบอลลนู
ธ- ฟรราผมา่ ชนากัตวิ จิ ยั พบวา่ ฟาผา่ เปนสาเหตทุ ีทําใหเ้ กิดไฟปาได้
- ภเู ขาไฟระเบดิ
ผลกระทบ
- ทํา ใ ห้ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ เ กิ ด ค ว า ม เ สี ย
ห า ย ห ร ือ อ า จ ทํา ใ ห้ สั ต ว์ บ า ง ช นิ ด
สู ญ พั น ธุ์
- ทํา ใ ห้ คุ ณ ภ า พ ข อ ง ดิ น บ ร ิเ ว ณ นั น
เ สื อ ม โ ท ร ม
- ทํา ใ ห้ เ กิ ด ม ล ภ า ว ะ ท า ง อ า ก า ศ
ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ เ รือ น
กระจกที นาํ ไปสู่ภาวะโลกร้อน
- ทํา ใ ห้ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ เ สี ย ห า ย
-ส่งผลกระทบต่ อสุขภาพ โดย
เฉพาะภูมิแพ้หรือโรคที เกียวกับ
การหายใจ
การจดั การภัยพบิ ตั ิไฟปา
มาตรการ
- รวบรวมข้อมู ล
- เตรียมความพร้อมทั งบุ คลากรและ
เ ค รือ ง มื อ
- จัดการเชือเพลิ ง
- กําหนดเขตควบคุมไฟปา
วิธีปองกัน
- ให้ความรู้แก่ประชาชน
- การฝกอบรม
การปฏิบัติตน
- ก่อนเกิดภัย ทําแนวกันไฟรอบทีอยู่อาศัย
หรอื ชุมชน เตรยี มหมายเลขโทรศัพท์
ฉุกเฉิน จัดเตรยี มเครอื งมือและอุปกรณ์ที
ชว่ ยในการดับไฟใหพ้ รอ้ มและสะดวกต่อ
การใชง้ าน
- ขณะเกิดภัย ใหห้ ลบหนีออกมาจาก
บรเิ วณนันอย่างรวดเรว็ ทีสุดหากอยู่ใน
อาคารสูงอย่าใชล้ ิฟท์ อย่าสูดควันไฟ ควร
หลบใหพ้ ้นจากสิงของติดไฟ หากมีเวลาใช้
ผ้าชุบนาํ หมาดๆ
ปดจมูกแล้วรบี หลบหนีออกมา
- หลังเกิดภัย สรา้ งระบบควบคุมไฟปา
เพิมความระมัดระวังการจุดไฟในปา จัดเวร
ยามเฝาระวังไฟปา
ภัยแล้ง
คื อ ภั ยที เกิดจากการขาดแคลน
นาํ ในพืนที ใดพืนที หนึงเปนเวลา
นาน จนก่อให้เกิดความแห้งแล้ ง
กระบวนการเกิดภัยแล้ง
- ในช่วงฤดูฝนเกิดฝนแล้งหรือเกิดฝนทิง
ช่วงเปนระยะเวลานาน ทําให้ปริมาณฝน
เฉลียตํากว่าค่าปกติ
- พืนทีนอกเขตชลประทานขาดแคลนนาํ เพาะ
ปลูก เลียงสัตว์ และใช้ในครัวเรือน
- พืนดินแห้ง พืชขาดนาํ นานจะเหียวและล้ม
ตาย
- ระดับนาํ ใต้ดินลดลง ทําให้ดินแตกระแหง
ภัยแล้ง มี 3 ประเภท
ภัยแลงทางอุตุนิยมวิทยา -เกิดขึ้นจากการที่
ปริมาณฝนนอยกวาคาเฉลี่ย
ภัยแลงทางการเกษตร -ความช้ืนในดินไม
เพียงพอท่ีพืชจะนําไปใชประโยชนได
ภัยแลงทางอุทกวิทยา -ปริมาณน้ําในที่กัก
เก็บลดลงตํา่ กวาปกติ
สาเหตกุ ารเกิดภัยแล้ง
มี 5 สาเหตุ
- เกิดการแปรผนั ของสภาพอากาศ
- ความผดิ ปกติของตําแหนง่ รอ่ งมรสมุ
- ขาดแหล่งกักเก็บนาํ
- การตัดไมท้ ําลายปา
- ความต้องการใชน้ าํ เพมิ ขนึ
ผลกระทบ
- ส่งผลให้คุณภาพของสุขอนามัย
ตํา ล ง
- สร้างความเสียหายในด้าน
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
เพราะกระบวนการผลิ ตทั งภาค
เกษตรกรรม และอุ ตสาหกรรม
เกษตรกรรมต่ างใช้นาํ ทั งนัน
- ทําให้ประชาชนไม่สามารถใช้นาํ
เพือการบริโภค อุ ปโภค หรือการ
คมนาคมขนส่งได้อย่างเต็ มที
การจดั การภัยพบิ ตั ิภัยแล้ง
มาตรการ
- จัดระบบชลประทานให้มีประสิทธิภาพมาก
ขึ น
- จัดหาและก่อสร้างแหล่ งนาํ หรือแหล่ งกัก
เก็บนาํ ขนาดใหญ่
- จัดทําระบบเตื อนภั ยแล้ ง
วิธีปองกัน
- ติดตามสภาวะอากาศ
- เตรียมอุปกรณ์หรือภาชนะสาํ หรับ
กักเก็บนาํ
- ปลูกปาไม้มากขึน
การปฏิบัติตน
- กอนเกิดภัย สํารองภาชนะเก็บนํ้าไวให
เพียงพอ สรางระบบกักเก็บนาํ้ ติดตาม
สภาพอากาศ กาํ จัดส่ิงท่ีเปนเชื้อเพลิง
- ขณะเกิดภัย ใชน้ําอยางประหยัด ปลูกพืช
อายุส้ันใชนํ้านอย ตรวจสอบไมใหมีนา้ํ รั่วซึม
- หลังเกิดภัย วางแผนการแกปญหาระยะ
ยาวโดยพัฒนาลุมนํา้ ลดการกระทําที่กอให
เกิดภาวะเรือนกระจก รณรงคการใชน้าํ อยาง
ประหยัด