47
7.2 ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration)
1. นกั เรยี นพจิ ารณาสูตรโครงสรา้ งของวติ ามนิ ทลี่ ะลายในน้าและวิตามินที่ละลายใน
ไขมัน
ภาพที่ 1 สตู รโครงสรา้ งของวิตามนิ ทีล่ ะลายในน้าและวิตามนิ ทล่ี ะลายในไขมัน
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=vGYDM9dhr9k&t=1s
2. นักเรยี นอภปิ รายสรุปรว่ มกนั วา่ โครงสรา้ งของวติ ามนิ ทีล่ ะลายนา้ ได้ เช่น วิตามิน
B1 และ C มีประจุหรือมหี มู่ที่เกดิ พันธะไฮโดรเจนกับนา้ ได้หลายหมูเ่ ชน่ หมไู ฮดรอกซิล (-OH) หมู่แอมิ
โน (-NH2) ในทางตรงกันข้ามวิตามินท่ีละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A และ D มีโครงสร้างส่วนใหญ่
เปน็ ไฮโดรคารบ์ อน
3. นักเรียนศึกษาสมบัติการละลายในสารละลายชนิดต่าง ๆ ตามหลักการ "like dissolves
like" ในหนังสือเรยี นรายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 1
4. จากนนั้ นกั เรียนศกึ ษาหลกั การ like dissolves like หรือการนาหลักการดังกล่าว
ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวนั หรอื อุตสาหกรรม
5. นักเรียนศึกษาหลักการ like dissolves like ที่ใช้อธิบายกลไกการซักล้างคราบ
ไคลและไขมันของสบู่ ผงซักฟอก น้ายาล้างจาน โดยสามารถใช้การแสกน AR จากหนังสือเรียน
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 ได้
7.3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1. นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า สมบัติการละลายของวิตามินดังท่ีกล่าวมาข้างต้น
เป็นไปตามหลกั การท่ีเรียกวา่ "like dissolves like" คือ สารจะละลายได้ในตัวทาละลายท่ีมีขั้วใกล้เคียง
กัน ซ่ึงหลักการนี้สามารถใช้อธิบายการละลายของสารโดยท่ัวไปได้ เช่น กลูโคสละลายในน้า เมนทอล
ละลายในนา้ มัน นา้ มันไม่ละลายในน้า
2. นักเรียนอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับเหตุการณ์ สถานการณ์ ท่ีมีความสัมพันธ์กับ
หลักการ like dissolves like หรือการนาหลักการดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันหรือ
อตุ สาหกรรม เชน่ การลา้ งสี ทาเลบ็ ดว้ ยนา้ ยาล้างเล็บทีม่ ตี ัวทาละลายอินทรีย์เป็นองค์ประกอบ การเช็ด
48
ลา้ งเครื่องสาอางดว้ ยครมี ทม่ี นี ้ามนั เปน็ องค์ประกอบ การสกดั สารสาคัญจากสมุนไพรด้วยน้ามันหรือขี้ผึ้ง
การสกดั กลน่ิ นา้ หอมจากดอกไม้บางชนดิ ด้วยเอทานอล
3. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ เนือ้ หา ดังนี้
สารซักลา้ งช่วยขจัดคราบไขมันได้อย่างไร ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า โมเลกุลของสารซัก
ล้างมีท้ังส่วนท่ีมีข้ัวและไม่มีข้ัว ซ่ึงในกระบวนการซักล้าง โมเลกุลดังกล่าวจะหันส่วนไม่มีขั้วเข้าหา
คราบไขมันและส่วนมีขัว้ หนั เข้าหาโมเลกุลน้าทาให้คราบไขมันหลุดออกมาเป็นหยดน้ามันท่ีถูกห่อหุ้ม
ดว้ ยโมเลกุลของสารซักล้างเกดิ เป็นไมเซลล์ (micelle) ที่กระจายตวั ในน้า
7.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูใหค้ วามรวู้ า่ การเกิดไมเซลล์ช่วยทาให้ไขมันกระจายตัวอยู่ในน้าได้ดีเกิดเป็นของ
ผสมท่เี รียกว่า อิมัลชัน (emulsion) ซง่ึ พบเหน็ ไดท้ ่วั ไปในชีวิตประจาวนั เชน่ นา้ นม นา้ สลัด ครมี ทาผิว
2. ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาฉลากอาหารในภาพท่ี 2
ภาพที่ 2 ตัวอยา่ งข้อมลู โภชนาการบนฉลากอาหาร
ทม่ี า : หนังสอื เรียนรายวชิ าวิทยาศาสตรก์ ายภาพ1 สสวท.
3. จากนัน้ ใชค้ าถามว่า อาหารชนดิ นม้ี เี กลือแร่อะไรบ้าง ซึ่งควรได้คาตอบว่า อาหาร
ชนิดน้มี ี โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรสั เป็นองค์ประกอบ จากนั้นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับประโยชน์
และความสาคัญของเกลือแร่ตามรายละเอียดในหนังสือเรยี น
7.5 ขั้นประเมิน (Evaluation)
1. ครูประเมนิ จากกการทากิจกรรมที่ 3.3 และ 3.4
2. ครปู ระเมินจากการตอบคาถาม และการร่วมกันอภิปรายและลงขอ้ สรปุ
49
8. ส่ือและแหล่งเรียนรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
- หนังสอื เรยี นรายวชิ าวิทยาศาสตร์กายภาพ เล่ม 1 สสวท. (ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
- PowerPoint นาเสนอเรอื่ ง วิตามนิ และเกลอื แร่
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
- ห้องสมดุ
- แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ เชน่ https://proj14.ipst.ac.th
9. การวัดและประเมิน
จดุ ประสงค์ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ด้านความรู้ (K) - แบบฝึกหัดที่ 3.3 และ - ได้คะแนนร้อยละ70 ขน้ึ ไป
1.นัก เรียน อธิบาย 3.4
สมบัติการละลายในตัวทา
ละลายชนิดต่าง ๆ ของ
สารได้
ดา้ นทกั ษะ (P) - แบบฝึกหัดที่ 3.3 และ - ไดค้ ะแนนร้อยละ70 ข้นึ ไป
1.นักเรียนมีทักษะการ 3.4
ตีความหมายและลงข้อสรุป
ของข้อมูลและทักษะการ
สอ่ื สารข้อมลู
ดา้ นคุณลักษณะ (A) - การสงั เกตพฤติกรรมการ - ผ่านเกณฑ์ระดับดีข้ึนไป
1.มีวิ นัย ใฝ่เรี ยน รู้ ทางานรายบุคคล
มุ่งมัน่ ในการทางาน - ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอัน
พงึ ประสงค์
50
แบบฝกึ หัด 3.3
จงระบวุ า่ วิตามินท่กี าหนดใหต้ ่อไปน้ลี ะลายในน้าหรือไขมัน เพราะเหตใุ ด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
51
แบบฝกึ หดั 3.4
จากโครงสรา้ งท่ีกาหนดให้ จงระบวุ ่าสารแตล่ ะชนดิ ตอ่ ไปนสี้ ามารถละลายน้า ได้หรือไม่ เพราะ
เหตุใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
52
แบบฝึกหดั 3.3
จงระบุว่าวิตามนิ ที่กาหนดให้ตอ่ ไปนล้ี ะลายในน้าหรือไขมัน เพราะเหตุใด
วิตามินท่ีละลายในน้า ได้แก่ วิตามิน B6 และ B3 เนื่องจากมี –OH ท่ีสามารถสร้างพันธะ
ไฮโดรเจนกบั โมเลกุลของนา้ ได้ วิตามนิ ที่ละลายในไขมนั ไดแ้ ก่ วิตามิน K และ E เนอื่ งจากโครงสร้างส่วน
ใหญ่เปน็ ไฮโดรคารบ์ อน
53
แบบฝกึ หดั 3.4
จากโครงสร้างที่กาหนดให้ จงระบวุ ่าสารแตล่ ะชนิดตอ่ ไปน้สี ามารถละลายน้า ได้หรอื ไม่ เพราะ
เหตุใด
สาร (1) (2) (6) และ (8) ไมส่ ามารถละลายนา้ ได้เน่อื งจากเป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน
ซ่งึ มขี ้วั น้อยและไมม่ ีหมทู่ ส่ี ามารถเกดิ พันธะไฮโดรเจนกบั น้า ได้
สาร (4) (5) (7) และ (9) สามารถละลายน้า ไดเ้ นอื่ งจากมีหม่ทู ่ีสามารถเกดิ พนั ธะไฮโดรเจน
กับน้า ได้
สาร (3) สามารถละลายนา้ ไดเ้ นื่องจากมปี ระจุ
54
55
56
เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
ประเดน็ การ ค่าน้าหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ด้านความรู้ 3 นกั เรยี นตอบคาถามได้ทุกขอ้ ย่างถกู ตอ้ งครบถ้วนสมบรู ณ์
(K) 2 นักเรยี นสามารถตอบคาถามได้จานวน 2-3 ขอ้ อยา่ งถูกตอ้ ง
1 นกั เรียนสามารถตอบคาถามไดจ้ านวน 1 ข้อหรือไมถ่ ูกเลย
ดา้ นทกั ษะ 3 นกั เรยี นตอบคาถามได้ทกุ ขอ้ ยา่ งถูกตอ้ งครบถว้ นสมบูรณ์
กระบวนการ 2 นกั เรยี นสามารถคานวณหาคาตอบไดจ้ านวน 3-4 ข้ออยา่ งถกู ต้อง
(P) 1 นกั เรยี นสามารถคานวณหาคาตอบได้จานวน 1-2 ขอ้ หรือไมถ่ กู เลย
ดา้ น 3 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลากาหนดละถกู ต้อง
คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลากาหนดแตง่ านยังพลาด
(A) 1 ทาภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ แต่สง่ ชา้ และมีข้อผิดพลาด
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ดี
คะแนน 1 หมายถึง พอใช้
คะแนน
57
58
59
60
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 14
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ (ว32121)
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1/2565
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 อาหาร เวลารวม 12 ช่วั โมง
เรื่อง บรรจุภัณฑ์สาหรับอาหาร เวลา 4 ชั่วโมง
ผู้สอน นางสาวปรดี าวรรณ พรมกลุ
วนั ท่.ี ……เดอื น……..……พ.ศ…….……
1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ
ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปล่ียนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
2. ตัวช้ีวดั
ม.5/18 วเิ คราะห์และอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างโครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอพลาสติกและ
เทอร์มอเซตของพอลิเมอร์ และการนาพอลิเมอรไ์ ปใช้ประโยชน์
ม.5/19 สืบค้นข้อมูลและนาเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิต
และสง่ิ แวดลอ้ ม พรอ้ มแนวทางป้องกันหรอื แกไ้ ข
3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
พอลเิ มอร์ เป็นสารประกอบที่โมเลกุลมขี นาดใหญ่ เกดิ จากมอนอเมอรจ์ านวนมากมาเช่ือมต่อ
กนั ด้วยพันธะโคเวเลนต์ มีท้ังท่ีเกิดในธรรมชาติและสังเคราะห์ข้ึน ปฏิกิริยาที่มอนอเมอร์รวมกันเป็น
พอลิเมอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน ซึ่งอาจเป็นแบบควบแน่นหรือแบบต่อเติมพอลิเมอร์มี
หลายชนดิ แตล่ ะชนดิ อาจมีสมบตั บิ างประการเหมือนกนั และบางประการแตกต่างกัน พอลิเมอร์นาไป
ใช้ประโยชนไ์ ด้แตกต่างกัน ตามสมบัตขิ องพอลิเมอรช์ นดิ นนั้ ๆ เช่น การใช้พลาสติกทาภาชนะ การใช้
เส้นใยสังเคราะห์ทาเครื่องนุ่งห่ม และพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันบาง
ชนิดสลายตัวยาก การใช้อย่างฟุ่มเฟือยและไม่ระมัดระวังอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งมีชีวิตและ
สง่ิ แวดล้อมได้
61
4. จุดประสงค์การเรียนรู้
4.1 ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนวิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างกับสมบัติเทอร์มอ
พลาสติกและเทอรม์ อเซตของพอลเิ มอร์ได้
2. นกั เรยี นสืบคน้ ขอ้ มูล นาเสนอขอ้ มูลการนาพอลิเมอรไ์ ปใช้ประโยชน์นาเสนอ
ผลกระทบของการใช้ผลติ ภัณฑ์พอลิเมอรแ์ นวทางปอ้ งกนั หรอื แก้ไขได้
4.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการคิด (P)
1. นักเรียนมีทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุปของข้อมูลและทักษะการสื่อสาร
ข้อมลู
4.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน
5. สาระการเรียนรู้
5.1 พอลิเมอร์สงั เคราะห์
5.2 การเปลี่ยนแปลงของพอลเิ มอรเ์ มอื่ ได้รบั ความร้อน
5.3 ปญั หาและแนวทางการแก้ไขปัญหาท่เี กดิ จากการใชพ้ ลาสติก
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
6.2 ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
6.3 มีวินัย
6.4 ใฝเ่ รยี นรู้
6.5 อยู่อย่างพอเพียง
6.6 มงุ่ มั่นในการทางาน
6.7 รกั ความเปน็ ไทย
6.8 มีจิตสาธารณะ
6.9 ทักษะกระบวนการคิด
6.10 ความเปน็ ธรรมทางสังคม
62
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ใช้รปู แบบการสอนแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5E มรี ายละเอียดดังนี้
7.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนตอบคาถามเพื่อทบทวนความรู้ว่า “พอลิเมอร์และมอนอเมอร์คืออะไร
มคี วามสมั พันธ์กันอย่างไร (แนวคาตอบ : พอลเิ มอร์ หมายถงึ สารประกอบที่โมเลกุลมีขนาดใหญ่มาก
เกิดจากโมเลกุลเด่ียวมาเช่ือมต่อกันด้วยพันธะเคมี แต่ละโมเลกุลเดี่ยวหรือหน่วยย่อยเรียกว่า มอนอ
เมอร์)
2. นกั เรยี นตอบคาถามดังน้ี
2.1 นักเรียนคิดว่าพอลิเมอร์ ได้แก่ แป้ง พลาสติก ยางพารา ไนลอน สามารถ
แยกประเภทได้หรือไม่อย่างไร” (แนวคาตอบ : นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
2.2 นักเรียนคิดว่าพลาสติกเป็นพอลิเมอร์ธรรมชาติหรือพอลิเมอร์สังเคราะห์
(แนวคาตอบ : พลาสตกิ เป็นพอลเิ มอรส์ ังเคราะห์)
7.2 ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ จานวน 5 กล่มุ จากนั้นศกึ ษาเก่ียวกับประเภท โครงสร้าง และ
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์สังเคราะห์ มากลุ่มละ 1 ประเภท จากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์
กายภาพ1 และคลิปวิโอเร่ือง บรรจุภัณฑ์สาหรับอาหาร จากนั้นสรุปตามความคิดใส่กระดาษเพื่อ
นาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน
QR Code คลิปวิดโี อ
เรอื่ ง บรรจุภณั ฑส์ าหรบั อาหาร
2. จากนน้ั นักเรียนศึกษาการเปล่ียนแปลงของพอลิเมอร์เมื่อได้รับความร้อน ซึ่งเมื่อ
พอลเิ มอร์ไดร้ ับความรอ้ นจะเกดิ การเปล่ยี นแปลงที่แตกต่างกนั จากหนังสือเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์
กายภาพ1 และคลิปวโิ อเรื่อง บรรจุภณั ฑ์สาหรับอาหาร
3. นักเรียนศกึ ษาเกีย่ วกับปญั หาและแนวทางการแกป้ ัญหาทเี่ กิดจากการใช้พลาสติก
7.3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอประเภท โครงสร้าง และผลิตภัณฑ์จากพอลิ
เมอร์สังเคราะห์ ที่กล่มุ ตนเองเลือกท่จี ะศึกษา เม่ือแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอจบ นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายและ
ลงข้อสรุปเกีย่ วกับเน้ือหาทีแ่ ต่ละกลุม่ นาเสนอ
63
2. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของพอลิเมอร์เม่ือได้รับความ
ร้อน ซงึ่ ควรได้ขอ้ สรุปว่า
- พอลิเมอร์แต่ละชนิดเม่ือได้รับความร้อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน
โดย พอลิเมอร์เทอร์มอพลาสติก (thermoplastic polymer) เป็นพอลิเมอร์ท่ีหลอมเหลวเม่ือได้รับ
ความร้อน และกลับมาแขง็ ตวั เมือ่ เยน็ ลง ผลิตภัณฑ์ทท่ี าจากพอลิเมอรเ์ ทอร์มอพลาสติกสามารถนามา
หลอมแล้วข้ึนรูปใหมไ่ ดอ้ ีก
- พอลิเมอรเ์ ทอร์มอเซต (thermoset polymer) เป็นพอลิเมอร์ท่ีไม่หลอมเหลว
เมื่อไดร้ บั ความร้อน แต่จะไหม้หรือเกิดการสลายตัวเมื่อได้รับความร้อนสูง ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์เทอร์
มอเซตไม่สามารถนามาหลอมเพอ่ื ขน้ึ รปู ใหมไ่ ด้อีก
- พอลิเมอรเ์ ทอร์มอพลาสตกิ มีโครงสรา้ งแบบเส้น หรือแบบก่ิง เช่น พอลิเอทิลีน
พอลโิ พรพลิ ีน เอทลิ นี เทเรฟทาเลต พอลสิ ตรนี พอลิไวนิลคลอไรด์ เป็นต้น ส่วนพอลิเมอร์เทอร์มอเซต
มโี ครงสรา้ งแบบรา่ งแห เชน่ พอลิเมลามีนฟอรม์ าลดไี ฮด์ พอลิพีนอลฟอรม์ าลดีไฮด์ เป็นต้น
7.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. นกั เรยี นแต่ละคนสืบคน้ ปญั หาและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการใช้พลาสติก
โดยสรุปเปน็ แผนผังความคิดส่งครใู นชวั่ โมงถัดไป
2. นักเรยี นแต่ละคนเม่ือได้ศึกษาชนิดของพลาสติก 7 แล้ว จะได้มานาสุ่มหมายเลข
จากวงล้อสุม่ หน้าชั้นเรียน เพื่อตอบคาถามตามหมายเลขท่ีตนได้ให้ถูกต้องพร้อมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ท่ี
ไดจ้ ากการรีไซเคิล
7.5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
1. ประเมนิ จากการทากจิ กรรม ตอบคาถาม
2. ประเมนิ จากแผนผังความคดิ
8. สือ่ และแหล่งเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
- หนังสอื เรียนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์กายภาพ เล่ม 1 สสวท. (ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- PowerPoint นาเสนอเร่อื ง บรรจุภัณฑส์ าหรับอาหาร
- คลิปวดิ โี อ เร่ือง บรรจภุ ัณฑ์สาหรับอาหาร
https://www.youtube.com/watch?v=ajEwp5f9-Fk
64
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
- ห้องสมดุ
- แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ เช่น https://proj14.ipst.ac.th
9. การวดั และประเมิน
จดุ ประสงค์ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K) - การอภิปรายร่วมกนั - สามารถอภิปรายถูกต้องร้อย
ละ70 ข้นึ ไป
1.นักเรียนวิเคราะห์และ - การตอบคาถาม
อ ธิ บ า ย ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง
โ ค ร ง ส ร้ า ง กั บ ส ม บั ติ เ ท อ ร์ ม อ
พลาสติกและเทอร์มอเซตของพอ
ลเิ มอร์ได้
2.นักเรียน สืบค้นข้อมูล
นาเสนอข้อมูลการนาพอลิเมอร์ไป
ใช้ประโยชน์นาเสนอผลกระทบ
ของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
แนวทางป้องกันหรือแก้ไขได้
ด้านทักษะ (P) - แผนผงั ความคิด - ได้คะแนนร้อยละ70 ข้ึนไป
1.นักเรี ยนมีทักษะการ
ตีความหมายและลงข้อสรุปของ
ข้อมลู และทักษะการสอื่ สารข้อมูล
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) - การสังเกตพฤตกิ รรมการ - ผ่านเกณฑร์ ะดับดีข้นึ ไป
1.มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันใน ทางานรายบคุ คล
การทางาน - ประเมินคุณลักษณะอนั
พงึ ประสงค์
65
66
67
เกณฑ์การประเมินผลงานนักเรียน
ประเดน็ การ ค่าน้าหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมิน คะแนน
ด้านความรู้ 3 นกั เรยี นตอบคาถามได้ทุกขอ้ ย่างถกู ตอ้ งครบถ้วนสมบรู ณ์
(K) 2 นักเรยี นสามารถตอบคาถามได้จานวน 2-3 ขอ้ อยา่ งถูกตอ้ ง
1 นกั เรียนสามารถตอบคาถามไดจ้ านวน 1 ข้อหรือไมถ่ ูกเลย
ดา้ นทกั ษะ 3 นกั เรยี นตอบคาถามได้ทกุ ขอ้ ยา่ งถูกตอ้ งครบถว้ นสมบูรณ์
กระบวนการ 2 นกั เรยี นสามารถคานวณหาคาตอบไดจ้ านวน 3-4 ข้ออยา่ งถกู ต้อง
(P) 1 นกั เรยี นสามารถคานวณหาคาตอบได้จานวน 1-2 ขอ้ หรือไมถ่ กู เลย
ดา้ น 3 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลากาหนดละถกู ต้อง
คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทไ่ี ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลากาหนดแตง่ านยังพลาด
(A) 1 ทาภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ แต่สง่ ชา้ และมีข้อผิดพลาด
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ดี
คะแนน 1 หมายถึง พอใช้
คะแนน
68
69
เกณฑก์ ารให้คะแนนการประเมนิ ผลงานภาระงาน/ช้ินงาน
รายการประเมนิ คาอธบิ ายคณุ ภาพ/คะแนน
1. รูปแบบช้นิ งาน
2. ภาษา ด(ี 3) พอใช(้ 2) ปรบั ปรุง(1)
3. เนอื้ หา -มีขนาดเหมาะสม -งานมีสสี ันสวยงาม -ง า ม สั ม พั น ธ์ กั บ
4. เวลา
-งานมีสีสนั สวยงาม -งามสมั พนั ธก์ ับเน้อื หา เนอ้ื หา
-งามสัมพนั ธ์กบั เนือ้ หา
-สะกดคาถูกตอ้ ง -มีการใช้ภาษาที่เข้าใจ -มีการใช้ภาษาอย่าง
-มีการใช้ภาษาที่เข้าใจ ง่าย สรา้ งสรรค์
ง่าย -มีก าร ใช้ภาษาอ ย่าง
-มีก าร ใช้ภาษาอ ย่าง สร้างสรรค์
สร้างสรรค์
-เน้ือหาเป็น ไปตามท่ี -รายละเอยี ดครอบคลุม -เนือ้ หาสอดคลอ้ ง
กาหนด -เนอื้ หาสอดคล้อง
-รายละเอียดครอบคลมุ
-เนอื้ หาสอดคลอ้ ง
ส่งชนิ้ งานตามกาหนด ส่งช้ินงานช้ากว่ากาหนด ส่ ง ช้ิ น ง า น ช้ า ก ว่ า
3 นาที กาหนด 3 นาที ข้ึน
ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
9 - 12 ผ่าน
ตา่ กวา่ 8 ไมผ่ า่ น
70
71
72