๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
่
ี
หนวยเสยงสระ
ี
็
ื
ึ
่
• เปนเสยงก้อง ซงเปล่งออกมาโดยไม่ท าให้อวัยวะเหนอเสนเสยงสั่นสะบัด
้
ี
ี
ู
ื
ี
ี
็
ี
่
• ลมทดันตัวออกมาทางปากจะไม่ถกกัก หรอบบจนเกิดเปนเสยงเสยดแทรก
ี่
ี
• เสยงสระในภาษาไทยม ๒ ประเภท คอ สระเดยว และสระประสม
ี
ื
ี
ี
ี
ี
ี่
• หน่วยเสยงสระเดยวในภาษาไทยม ๑๘ หน่วยเสยง ได้แก่ อิ อ เอะ เอ แอะ แอ อ
ึ
ออ เออะ เออ อะ อา อ อ โอะ โอ เอาะ ออ
ุ
ู
ื
ี
ี
็
ู
่
่
ี
ู
ี
ี
• อ า ใอ ไอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไม่ใช่รปทใช้แทนเสยงสระ แต่เปนรปสระทมเสยง
ี
พยัญชนะประสมอยู่ด้วย เช่น อ า แทนเสยงสระ อะ ทมเสยงพยัญชนะท้าย ม
ี
ี่
ี
• หน่วยเสยงสระประสม ในภาษาไทยม ๓ หน่วยเสยง ได้แก่ เอย ประสมระหว่าง
ี
ี
ี
ี
ื
สระอ กับสระอะ เออ ประสมระหว่างสระออ กับสระอะ และ อัว ประสม
ี
ื
ระหว่างสระอ กับสระอะ
ู
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
่
ี
่
หนวยเสยงพยัญชนะ
ี
ู
ี
ี
ลักษณะของเสยงพยัญชนะ มต่างกันหลายรปแบบ
็
ี
• หน่วยเสยงพยัญชนะระเบด เปนเสยงทเปล่งออกมาแล้วถกกัก หรอกั้นด้วยอวัยวะ
ิ
่
ื
ู
ี
ี
ี
ี
ี
ส่วนใดส่วนหนงในช่องปาก อาจเปนได้ทั้งเสยงระเบดมลม ไม่มลม หน่วยเสยง
็
ี
ิ
ึ
่
พยัญชนะระเบดในภาษาไทย ได้แก่ ป ต จ ก อ พ ท ช ค บ ด
ิ
ู
่
ี
่
ิ
ี
• หน่วยเสยงพยัญชนะนาสก เปนเสยงทเปล่งออกมาแล้วลมถกกักไว้ ณ ทใดทหนง
ึ
ี่
่
ี
็
ี
ิ
ในช่องปาก ล้นไก่ลดตัวลงให้ลมผ่านไปทางจมก หน่วยเสยงพยัญชนะนาสกใน
ี
ิ
ู
ภาษาไทย ได้แก่ ม น ง
ู
็
ี
ี
ิ
• หน่วยเสยงพยัญชนะข้างล้น เปนเสยงทเปล่งออกมาแล้วลมถกกักไว้ในช่องปาก
ี
่
แล้วปล่อยให้ลมบางส่วนออกไปทางข้างล้น หน่วยเสยงพยัญชนะข้างล้น น
ใ
ิ
ี
ิ
ภาษาไทย ได้แก่ ล
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
่
ี
ี
หนวยเสยงพยัญชนะ/ลักษณะของเสยงพยัญชนะ
็
ี
ี
ี
่
• หน่วยเสยงพยัญชนะกระทบ เปนเสยงพยัญชนะทออกเสยงขณะปลายล้นสั่นสะบัด
ิ
ี
ี
หน่วยเสยงพยัญชนะกระทบในภาษาไทย ได้แก่ ร
ี
ี
• หน่วยเสยงพยัญชนะเสยดแทรก เปนเสยงพยัญชนะทออกเสยงโดยลมต้องบบตัว
็
ี
ี่
ี
ี
ู
ี
ี
ี
ผ่านช่องแคบๆ ท าให้เกิดเสยงซ่ซ่า หน่วยเสยงพยัญชนะเสยดแทรกในภาษาไทย
ได้แก่ ฟ ซ ฮ
็
ี
่
ี
ี
ี
• หน่วยเสยงพยัญชนะกึ่งสระ เปนเสยงพยัญชนะทเปนเสยงเลอนระหว่างเสยงสระ
่
ื
็
ี
ี
๒ เสยง ได้แก่ เสยง ย เกิดเมออวัยวะออกเสยงเลอนจากต าแหน่งสระอ หรอ สระอ
ิ
ื
ื
่
ี
ี
ื
่
ี
ื
ี
ื
ุ
่
่
ี
ี
ไปยังสระทตามมา เสยง ว เกิดเมออวัยวะออกเสยงเลอนจากต าแหน่งสระอ หรอ
่
ื
ู
สระอ ไปยังสระทตามมา
ี่
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
่
ี
หนวยเสยงพยัญชนะ
ี
่
ู
ประเภทของหนวยเสยงพยัญชนะ มหลายรปแบบ
ี
• พยัญชนะต้นเดยว หน่วยเสยงพยัญชนะในภาษาไทยทั้ง ๒๑ หน่วยเสยง สามารถ
่
ี
ี
ี
ี
ุ
ึ
่
ุ
ปรากฏหน้าสระในพยางค์หนงๆ ได้ทกหน่วยเสยง ในภาษาไทยทกพยางค์จะข้นต้น
ึ
ี
ึ
ด้วยเสยงพยัญชนะ ซงอาจเปนพยัญชนะต้น หรอพยัญชนะควบกล ้า ไม่มพยางค์ใด
็
ี
่
ื
จะข้นต้นด้วยหน่วยเสยงสระ
ึ
ี
ิ
ี
ี
ี
ี
ื
• พยัญชนะควบกล ้า คอ การออกเสยงพยัญชนะ ๒ เสยง ตดต่อกันโดยไม่มเสยงสระ
ึ
่
คั่นกลาง เสยงพยัญชนะควบกล ้าในภาษาไทยม ๑๑ ค่ ซงสามารถปรากฏหน้าสระ
ี
ู
ี
ุ
่
ึ
ในพยางค์หนงๆ ได้ทกค่า ดังน้ ี
- ปร ในค าว่า แปร ปรง ปรบ - ปล ในค าว่า ปลา เปล ปลอบ
ั
ุ
- ตร ในค าว่า ตรง ตรา ตรอง - กล ในค าว่า กลับ กล้า กลอง
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
ี
่
่
หนวยเสยงพยัญชนะ/หนวยเสยงพยัญชนะควบกล ้ำ
ี
ี
ั
- กร ในค าว่า กรง เกรยว กรบ - กว ในค าว่า กวาง กวาด เกวียน
ุ
ิ
- พล ในค าว่า พลัน เพลง ผล ิ - พร ในค าว่า พราน ไพร พฤกษ์
ั
- คล ในค าว่า คลาน คล้อย เขลา - คร ในค าว่า ครอง ใคร่ ขรว
- คว ในค าว่า คว้าง ความ ขวาง
ี
้
ั
ปจจุบัน ค ายมในภาษาอังกฤษหลายค า ท าใหมีการออกเสยงพยัญชนะควบกล ้าเพิ่มขึ้น
ื
อีกหลายคูในภาษาไทย ดังน้ ี
่
๊
- บร ในค าว่า เบรก โบรกเกอร ์ - บล ในค าว่า บล็อก เบลอ
ั
็
็
- ดร ในค าว่า ไดรฟ ดร๊ง - ทร ในค าว่า ทรมเปต แทรกเตอร ์
ิ
๊
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
่
ี
ี
หนวยเสยงพยัญชนะ
่
้
์
ี
ุ
- ฟร ในค าว่า ฟร เฟรนซฟราย - ฟล ในค าว่า ฟลก แฟลต
- ซตร ในค าว่า สตรง สตร๊ก
ิ
ิ
็
ี
• พยัญชนะท้าย เปนหน่วยเสยงพยัญชนะทสามารถปรากฏตามหลังสระได้ ดังน้ ี
่
ี
ู
แม่กก ใช้รปพยัญชนะสะกด ก ข ค ฆ ในค าว่า หาก เลข โรค เมฆ
ู
แม่กบ ใช้รปพยัญชนะสะกด บ ป พ ภ ในค าว่า สาบ บาป ศพ ลาภ
แม่กด ใช้รปพยัญชนะสะกด ด ต จ ช ฎ ฏ ฐ ฆ ส ศ ษ ถ ท ธ ฑ ในค าว่า หมด
ู
นตย์ อาจ ราช กฎ กบฏ อฐ พุฒ รส ปราศ พิษ รถ บาท พุธ ครฑ
ุ
ิ
ิ
ู
่
แม่กม ใช้รปพยัญชนะสะกด ม ในค าว่า รม คม คราม เยียม ด า ย า
ิ
ุ
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
ี
่
่
ี
หนวยเสยงพยัญชนะ/พยัญชนะทำย
้
ุ
ู
ิ
แม่กน ใช้รปพยัญชนะ น ณ ญ ร ล ฬ ในค าว่า วัน คณ หาญ การ นล วาฬ
ุ
ิ
ึ
ู
แม่กง ใช้รปพยัญชนะ ง ในค าว่า กลง กรง จรง เพียง น้อง
แม่เกย ใช้รปพยัญชนะ ย ในค าว่า ขาย รวย ไป ใจ
ู
ู
่
แม่เกอว ใช้รปพยัญชนะ ว ในค าว่า สาว กาว หว เปา เดา
ิ
่
ื
ื
้
้
ั
็
พยัญชนะไทย ๗ ตัว ที่ใชเปนตัวสะกดไมได คอ อ ฮ ฌ ห ฝ ฉ ผ ปจจุบันมีค ายมจาก
่
๊
่
้
ภาษาอังกฤษหลายค า ท าใหเกิดเสยงพยัญชนะทายเพิ่มขึ้นในภาษาไทย เชน ซ ฟ ล ในค าวา กาซ
้
ี
กอลฟ เจล เปนตน
์
้
็
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
หนวยเสยงวรรณยุกต ์
ี
่
่
ึ
ื
ึ
ี่
ี
่
• วรรณยุกต์ หมายถง ระดับสง ต า ของเสยงทปรากฏในพยางค์หรอในค าหนงๆ
ู
็
ู
ี
ู
ี
ู
ื่
ั
ี
• วรรณยุกต์ม ๔ รป ๕ เสยง โดยเสยงสามัญจะไม่ปรากฏรปให้เหน ส าหรบรปอนๆ
ม ดังน้ ี
ี
่ ่ ่ ่
สามัญ เอก โท ตร ี จัตวา
็
ี
ี
ี
ู
่
ี
ื
ี
• เสยงวรรณยุกต์ คอ เสยงดนตร ภาษาไทยแท้เปนเสยงดนตร มระดับเสยงสง ต า ถ้า
ี
ี
ี
ี่
ี่
เปลยนเสยงวรรณยุกต์จะเปลยนความหมายด้วย
ปา ปา ปา ปา ปา
้
๋
่
๊
ขาว ข่าว ข้าว
นา น่า น้า
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
ี
่
ี
หนวยเสยงวรรณยุกต ์
่
ี
็
ู
• จากตัวอย่างจะเหนว่า วรรณยุกต์สามารถออกเสยงไม่ตรงกับรปได้
ี
ขาว ไม่ปรากฏรปวรรณยุกต์ แต่เปนเสยงวรรณยุกต์จัตวา
็
ู
ู
็
น้า ปรากฏรปวรรณยุกต์โท แต่เปนเสยงวรรณยุกต์ตร ี
ี
พยางค์จะต้องประกอบด้วย ๓ ส่วน คอ พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ ส่วนตัวสะกด
ื
ี
ี
นั้นจะมหรอไม่มก็ได้ ภาษาไทยมหน่วยเสยงวรรณยุกต์ เปนหน่วยเสยงส าคัญด้วย พยัญชนะต้น
ี
ื
ี
ี
็
ู
ี
ี
ื
่
ู
ในภาษาไทยเมอก ากับด้วยรปวรรณยุกต์จะมรปแบบการผันเสยงวรรณยุกต์ต่างกัน
การผันเสยงวรรณยุกต ์
ี
ธรรมชำติของกำรผันเสยงวรรณยุกต คอ การเปลยนเสยงวรรณยุกต์ของพยางค์ท ี่
ี่
ี
์
ื
ี
ื
ี
ู
ประกอบด้วยพยัญชนะต้นกับสระ หรอพยัญชนะต้นกับสระ และตัวสะกดอย่างเดยวกัน ใส่รป
วรรณยุกต์ต่างกัน เช่น มา ม่า ม้า, กาง ก่าง ก้าง ก๊าง ก๋าง
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
ี
การผันเสยงวรรณยุกต ์
์
ื
ู
ี
ไตรยำงค หรออักษรสามหม่ มลักษณะส าคัญ ดังตาราง
่
อักษรกลาง อักษรสง อักษรต าค่ ู อักษรต าเดยว
ู
ี่
่
ก ผ พ ภ ง
จ ฝ ฟ ญ
ด ฎ ถ ฐ ธ ท ฑ ฒ น
ต ฏ ข ฃ ค ฅ ฆ ย
บ ส ศ ษ ซ ณ
ป ห ฮ ร
อ ฉ ช ฌ ว
ม
ฬ
สามารถผันได้ครบ ๕ ไม่สามารถผันได้ครบ ๕ ล
่
ู
ื่
ื
ี
็
เสยง เสยง จ าเปนต้องใช้เข้าค่ เมอน าไปเข้าค่กับอักษร เมอจะผันให้ครบ ๕
ี
ู
กับอักษรต า สงจะผันได้ครบ ๕ เสยง เสยง จะต้องใช้อักษรน า
ู
ี
ี
่
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
ี
่
ี
การผันเสยงวรรณยุกต ์
่
้
์
โครงสรำงพยำงคในภำษำไทย การผันวรรณยุกต์นอกจากจะต้องมความรเกียวกับอักษร
้
ู
ี
ึ
่
้
้
่
ู
ี
้
สามหม่แล้ว ยังจะต้องมความรเกียวกับโครงสรางพยางค์ ซงโครงสรางพยางค์ในภาษาไทย แบ่ง
ู
็
ออกเปน
ื
ี
• ค าเปน หรอพยางค์เปน คอ ค าหรอพยางค์ทประสมด้วยสระเสยงยาวในแม่ ก กา ค า
็
็
ื
ื
ี่
ี่
่
ี
ี
ทมตัวสะกดในแม่กง กน กม เกย เกอว และค าทประสมด้วยสระ อ า ไอ ใอ เอา
ื
ี
่
• ค าตาย หรอพยางค์ตาย คอ ค าหรอพยางค์ทประสมด้วยสระเสยงสั้นในแม่ ก กา
ื
ื
ี
(ยกเว้น อ า ไอ ใอ เอา) หรอค าทมตัวสะกดในแม่กก กด กบ
ี
่
ื
ี
ั
ี
ี
กำรผันอกษรสูง มลักษณะเฉพาะ ดังน้
็
• ค าเปน พื้นเสยงจัตวา ผันได้ ๓ เสยง
ี
ี
ขา ข่า ข้า
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
ี
่
์
ี
ั
การผันเสยงวรรณยุกต/อกษรสูง
• ค าตาย พื้นเสยงเอก ผันได้ ๒ เสยง
ี
ี
ผัด ผั้ด
กำรผันอักษรต ่ำคู มลักษณะเฉพาะ ดังน้ ี
่
ี
็
ี
• ค าเปน พื้นเสยงสามัญ ผันได้ ๓ เสยง
ี
คา ค่า ค้า
ู
ี
ื
่
เมอน าไปเข้าค่กับอักษรสงจะผันได้ครบ ๕ เสยง
ู
คา ข่า ค่า/ข้า ค้า ขา
• ค าตาย สระเสยงสั้น พื้นเสยงตร ผันได้ ๓ เสยง
ี
ี
ี
ี
คะ ค่ะ คะ
๋
ี
ี
ู
ู
่
ื
ี
เมอน าไปเข้าค่กับอักษรสงจะได้ ๔ เสยง ไม่มเสยงสามัญ
๋
ขะ ค่ะ/ข้ะ คะ คะ
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
ี
่
ี
การผันเสยงวรรณยุกต ์
ี
กำรผันอักษรต ่ำเดี่ยว มลักษณะเฉพาะ ดังน้ ี
ี
• ค าเปน ผันได้ ๓ เสยง
ี
็
นา น่า น้า
ื่
เมอใช้ ห น า จะผันได้ ๕ เสยง เช่น
ี
นา หน่า น่า/หน้า น้า หนา
• ค าตายสระสั้น ผันได้ ๓ เสยง
ี
๋
นะ น่ะ นะ
ื่
เมอใช้ ห น า จะผันได้ ๔ เสยง
ี
๋
หนะ น่ะ/หน้ะ นะ นะ
๑ เสยงและหนวยเสยงในภาษาไทย
่
ี
ี
์
ี
่
การผันเสยงวรรณยุกต/กำรผันอกษรตำเดี่ยว
ั
ี
• ค าตายสระยาว ผันได้ ๓ เสยง
๋
วาก ว้าก วาก
เมอใช้ ห น า จะผันได้ ๔ เสยง
ี
ื่
๋
หวาก วาก/หว้าก ว้าก วาก
ี
นอกจากน้ ีมค า ๔ ค า ทมตัว ย เปน
ี
็
ี่
ี
พยัญชนะต้น ก าหนดให้ใช้ อ น า ออกเสยงได้
่
ุ
ึ
เหมอนใช้ ห น า คอ อย่า อยู่ อย่าง อยาก ซงทกค าม ี
ื
ื
เสยงวรรณยุกต์เอก
ี
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ุ
ี
ุ
ั
ิ
ี่
ี
ึ
่
ื
มนษย์ในยุคปจจบันมการตดต่อสอสารกันมากข้น ค าศัพท์ต่างๆ ทใช้ต้องมความ
้
์
ู
ี่
ุ
ึ
หลากหลาย เพือแสดงอารมณ ความรสก ความต้องการ ให้ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสารมากทสด
่
ู
ู
ค ารปแบบต่างๆ ทปรากฏใช้ในภาษาไทย เช่น ค าประสม ค าซ้อน ค าซ ้า เกิดจากค ามล
ี
่
ค ามูล
ื
ธรรมชำตของค ำมูล คอ ค าดั้งเดมในภาษาต่างๆ ทมใช้อยู่ในภาษาไทย เปนค าไทยแท้
่
ี
ิ
็
ี
ิ
ื
ื
ี
่
หรอค าทมาจากภาษาอนก็ได้ เปนค าพยางค์เดยว หรอหลายพยางค์ทไม่ได้เกิดจากการรวมค าใดๆ
ี
่
ื
่
็
ี
แยกแยะค ามูล
แมว เอ็ง อั๊ว เพ็ญ เลศ
ิ
ุ
ุ
ฉัน บรษ เสด็จ คณ กุ๊ก
ุ
บาป เล้ยง โปรด บะหม ี่ อนทร ี
ิ
ี
ุ
บญ มาก ข้าว บอล เปด
็
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค ามูล
ิ
ธรรมชำตของค ำประสม เกิดจากการน าหน่วยค าอสระทมความหมายต่างกันอย่างน้อย
ิ
ี
ี
่
็
ี
ี
่
ี
๒ หน่วย มารวมกัน เกิดเปนค าใหม่ทมความหมายใหม่ ค าประสมมองค์ประกอบ ๒ ส่วน ได้แก่
ค าหลักและค าขยาย
ค าหลัก ค าขยาย ความหมาย
ี
ปด ปาก ไม่ให้มโอกาสพูดได้
ิ
็
น ้า แข็ง น ้าทแข็งเปนก้อนเพราะถกความเย็นจัด
ู
่
ี
สวน ครว บรเวณทปลกพืช ผัก ทใช้เปนอาหารใน
ี่
ิ
ั
็
ี่
ู
ครวเรอน
ื
ั
ปาก หวาน พูดจาไพเราะ
หัว แข็ง แข็งแรง ทนทาน, กระด้าง,ว่ายาก
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม/ธรรมชำตของค ำประสม
ิ
ี
่
ิ
ี
• ค าประสมเปนค าทมความหมายใหม่ แต่ยังคงเค้าความหมายเดม
็
ื
ี
• ค าประสมเปนค าค าเดยว ไม่สามารถย้าย สลับ หรอแทรกค าใดๆ ลงระหว่างค าท ี่
็
น ามารวมกันได้
่
ื
ี
ื
• ค าประสมจะออกเสยงต่อเนองกัน ไม่หยุดหรอเว้นจังหวะระหว่างค า
่
สวนประกอบของค ำประสม หน่วยค าทน ามารวมกันเปนค าประสมอาจเปนค านาม
็
็
ี
่
ิ
ื
่
ี่
็
ิ
ค ากรยา ค าจ านวนนับ ค าล าดับท ค าบพบท เมอน าค าชนดนั้นๆ มารวมกันจะได้ค าประสมทเปน
่
ี
ุ
ค านาม หรอค ากรยา
ื
ิ
ี
็
่
• ค านาม+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
ู
้
่
ดอก+ฟา หมายถง หญงทสงศักด์ ิ
ิ
ี
ึ
่
ึ
ี
วัว+นม หมายถง วัวพันธทเล้ยงไว้เพือรดนม
ุ
์
ี
ี
่
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม/สวนประกอบของค ำประสม
่
ึ
แม่+ยาย หมายถง แม่ของภรรยา
ู
ื่
ึ
ลก+ช้าง หมายถง สรรพนามแทนตัวผู้พูดเมอพูดกับ
ส่งศักด์สทธ์ ิ
ิ
ิ
ิ
่
ี
็
• ค านาม+ค านาม+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
่
ึ
้
รถ+ไฟ+ฟา หมายถง รถไฟทแล่นบนทางยกระดับ
ี
ิ
แม่+ย่า+นาง หมายถง ผีผู้หญงประจ าเรอ
ื
ึ
่
ี
• ค านาม+ค าลักษณนาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
็
ี
ุ
่
ื
ึ
น ้า+ขวด หมายถง น ้าหรอน ้าอัดลมทบรรจในขวด
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
่
ค าประสม/สวนประกอบของค ำประสม
ี
็
่
ิ
• ค านาม+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
ื
ึ
มอ+ถอ หมายถง โทรศัพท์ทถอตดตัวไปได้
ี่
ิ
ื
ื
ึ
ู
ู
ู
หม+หัน หมายถง ลกหมย่างทั้งตัว
ี
็
่
ิ
• ค านาม+ค ากรยา+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
ึ
ลง+ชง+หลัก หมายถง ชอการเล่นประเภทหนง ผู้เล่น
ิ
ิ
่
ื่
ึ
ิ
ิ
็
สมมตตนเองให้เปนลงต้องชง
ิ
หลักจากผู้อน
ื่
ั
ั
ึ
แปรง+สี+ฟน หมายถง แปรงทใช้ท าความสะอาดฟน
ี่
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม/สวนประกอบของค ำประสม
่
็
ิ
• ค ากรยา+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
่
ี
ึ
ื่
ู
บังตา หมายถง เครองบังประตท าด้วยไม้หรอ
ื
กระจก ความสงเหนอระดับ
ื
ู
สายตา
ี
ุ
็
• ค าบพบท+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
่
ึ
หลังบ้าน หมายถง ภรรยา
ิ
็
ิ
ิ
ี
่
• ค ากรยา+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
ิ
ึ
ปด+ปาก หมายถง ไม่พูด ท าให้พูดไม่ได้
ิ
• ค ากรยา+ค านาม+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
ิ
่
ี
ิ
็
ึ
ตี+บท+แตก หมายถง แสดงได้สมบทบาท
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม/สวนประกอบของค ำประสม
่
ิ
ิ
• ค านาม+ค ากรยา+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
ี
่
็
ึ
ใบ+ขับ+ข ี่ หมายถง ใบอนญาตให้ขับขยานพาหนะ
ี่
ุ
่
ี
็
• ค านาม+ค าบพบท+ค านาม = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
ุ
ี
บัว+ใต้+น ้า หมายถง คนทสั่งสอนให้รธรรมไม่ได้,
้
่
ึ
ู
คนโง่
ิ
ิ
• ค ากรยา+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค านาม เช่น
่
ี
็
ิ
ี
จ้ม+จ่ม หมายถง ชออาหารอสาน น าเน้อสัตว์มา
ื
ึ
ื่
ุ
ิ
ิ
ุ
ื
จ่มลงในน ้าเดอดแล้วจ้มน ้าจ้ม
รบประทาน
ั
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
่
ค าประสม/สวนประกอบของค ำประสม
่
ี
ุ
ิ
ิ
• ค ากรยา+ค าบพบท = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
็
่
ึ
ึ
็
เปน+กลาง หมายถง ไม่เข้าข้างใดข้างหนง
็
ี
่
ิ
ิ
ุ
• ค ากรยา+ค าบพบท+ค านาม = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
ู
ตี+ท้าย+ครว หมายถง ตดต่อในทางช้สาว
ั
ึ
ิ
ิ
ี
่
็
• ค านาม+ค ากรยา = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
ิ
ึ
อก+แตก หมายถง เกิดความไม่สบายใจ
• ค านาม+ค ากรยา+ค านาม = ค าประสมทเปนค ากรยา เช่น
ิ
่
ี
็
ิ
ึ
ื
เลอด+เข้า+ตา หมายถง หาทางออกไม่ได้ ส ู ้
อย่างไม่กลัวตาย
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม
แยกแยะค าประสม
ี
บ้านนอก ชะเอม ของกลาง กะลาส ี ไปรษณย์
ข้าวตาก กล่องด า นาฬกา ยี่ห้อ เครดต
ิ
ิ
ใจแตก หน้าเสย แท็กซ ี่ โซดา ดาวเรอง
ื
ี
ิ
ื
จตใจ คนสวน วิทยาคม กินใจ ถอหาง
ี
ควำมหมำยของค ำประสม ค าประสมทเกิดจากการรวมกันของค าชนดต่างๆ ในภาษาไทย
่
ิ
ตั้งแต่ ๒ หน่วย ข้นไปจะเกิดความหมาย ได้หลายทศทาง
ิ
ึ
ี
• ความหมายเปรยบเทยบ เช่น
ี
ี
หมา+วัด หมายถง ผู้ชายทมศักด์ ิต ากว่าผู้หญงทตน
ี่
ิ
่
ี
ึ
่
หมายปอง
ิ
ึ
มอ+สะอาด หมายถง มีความซอสัตย์ สจรต
ื่
ื
ุ
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม/ควำมหมำยของค ำประสม
• ความหมายเฉพาะ เมอน าค ามารวมกันแล้ว มความหมายซงต้องขยายความ คอ
ี
ื
่
ื
ึ
่
ิ
ความหมายของค าทเกิดจากการประสมแตกต่างจากความหมายของหน่วยค าเดม
ี
่
เช่น
ื่
ึ
อ่อน+ใจ หมายถง เหนอยใจ ท้อใจ ระอาใจ
ิ
หน้า+อ่อน หมายถง ดูอายุน้อยกว่าอายุจรง
ึ
ื
• ความหมายใกล้เคยงกับค าเดม คอ ความหมายของค าทเกิดจากการประสมม ี
ี
่
ี
ิ
ความหมายใกล้เคยงกับหน่วยค าเดมทน ามาประกอบ เช่น
ี
ิ
ี
่
ึ
ี่
งู+พิษ หมายถง งูประเภทหนงทมพิษ
ี
่
ึ
ั
ี
ั
ยา+สี+ฟน หมายถง ยาทใช้ส าหรบสฟน
ึ
ั
ี่
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าประสม
ื
ความหมายของค าประสมจะสังเกตได้จากบรบท หรอข้อความแวดล้อม แต่ถงอย่างไร
ิ
ึ
ิ
ความหมายของค าประสมก็ยังคงเค้าความหมายเดมอยู่ นอกจากน้ ีค าประสมบางค า อาจม ี
็
ความหมายเปน ๒ อย่างได้ เช่น
ี่
ึ
หมาวัด หมายถง หมาทอาศัยอยู่ในวัด,
ี
ชายผู้มฐานะต ากว่าหญงทตนหมายปอง
ี
ิ
่
่
ค าซอน
้
ี
ึ
้
ิ
ธรรมชำตของค ำซอน ค าทเกิดจากการน าค าตั้งแต่ ๒ ค าข้นไป มาเรยงต่อกัน โดยแต่ละ
ี
่
ี
ื
ื
ค าอาจมความหมายเหมอนกัน คล้ายกัน ท านองเดยวกัน หรอตรงกันข้าม ก็ได้
ี
ุ
ิ
• จดประสงค์ของการซ้อนค า เพื่อให้ได้ความหมายทชัดเจน เพื่อเสรมความหมาย
ี่
ิ
ิ
ื
และเพืออธบายความหมายของค าในภาษาถ่น หรอภาษาต่างประเทศ
่
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
้
ิ
ค าซอน/ธรรมชำตของค ำซอน
ี
• ค าซ้อนไม่ใช่การสรางค าใหม่ เพือเรยกส่งใหม่ เหมอนกับค าประสมแต่เปนไปเพือ
ิ
้
็
่
ื
่
เน้นความหมาย ขยายความ และความไพเราะ
ี
ลักษณะควำมหมำยของค ำซอน คอ หน่วยค าทน ามาซ้อนกันนั้นมความสัมพันธกันทาง
้
่
ี
ื
์
ึ
่
ู
ู
ความหมายในรปแบบใดรปแบบหนง
ี
ื
ี
• ความหมายเหมอนกัน ค าทน ามาซ้อนกันหมายถงส่งเดยวกัน หรอเปนอย่างเดยวกัน
ึ
ิ
่
็
ื
ี
เช่น
็
ู
เรว ไว ใหญ่โต ดู แล น่มน่ม สญหาย
ุ
ิ
็
ื
ี
• ความหมายคล้ายกัน ค าทน ามาซ้อนกันมความหมายใกล้เคยงกัน หรอเปนไปใน
่
ี
ี
ทศทาง ท านองเดยวกัน เช่น
ี
ิ
หน้า ตา แข้ง ขา ยักษ์ มาร ใจ คอ เจ็บไข้
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซอน
ี
ี
็
• ความหมายตรงกันข้าม ค าทน ามาซ้อนกันมความหมายเปนคนละลักษณะ
่
่
ู
ผิด ถก สง ต า ใกล้ไกล เหตผล มากน้อย
ุ
ู
้
แยกแยะค าซอนที่มีความหมายตรงกันขาม
้
ู
แปรผัน ผิดถก แจกจ่าย เหตผล ใกล้ไกล
ุ
็
ื่
ู
โง่เขลา สงต า ร้อถอน ซอสัตย์ ตัดเปนตัดตาย
ื
่
้
จ ำนวนค ำในค ำซอน มีลักษณะ ดังน้ ี
็
• ค าซ้อน ๒ ค า เช่น ช้างม้า แกว่งไกว พัดวี เปนต้น
• ค าซ้อน ๔ ค า แบ่งประเภทย่อย ดังน้ ี
ั
- ค าซ้อน ๔ ค า เช่น ช้างม้าวัวควาย เย็บปกถักรอย
้
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
้
ค าซอน/จ ำนวนค ำในค ำซอน
ี
ี
็
ู
่
ี
- ค าซ้อน ๔ ค า แยกเปน ๒ ค่ มเสยงคล้องจองระหว่างพยางค์ท ๒ กับ ๓ เช่น อก
ั
ไหม้ไส้ขม โบกปดพัดวี
ื
ี่
ี
ี่
- ค าซ้อน ๔ ค า ทมค าท ๑ กับ ๓ ซ ้ากัน หรอ ๒ กับ ๔ ซ ้ากัน เช่น อ่อนอกอ่อนใจ
กงเกวียนก าเกวียน
ู
ี
ู
• ค าซ้อน ๖ ค า เช่น ก าแพงมหประตมช่อง ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด
ี
้
ี
ที่มำของค ำที่ซอนกัน มลักษณะ ดังน้ ี
็
• ค าไทยซ้อนกับค าไทย แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
- ค าไทยซ้อนกับค าไทยกลาง เช่น ฝนฟา เฟองฟู
่
้
ื
- ค าไทยซ้อนกับค าไทยถ่น เช่น พัดวี เสอสาด
ิ
่
ื
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
้
ค าซอน/ที่มำของค ำที่ซอนกัน
็
• ค าไทยซ้อนกับค าต่างประเทศ แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
ี
- ค าไทยซ้อนกับค าบาล สันสกฤต (สลับต าแหน่งกันได้) เช่น ข้าทาส นัยน์ตา
ี
- ค าไทยซ้อนกับค าเขมร เช่น เขยวขจ ล้างผลาญ
ี
- ค าไทยซ้อนกับค าภาษาอังกฤษ เช่น แบบฟอรม แจกฟร ี
์
็
• ค าต่างประเทศซ้อนกัน แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
ุ
ี
- ค าบาล สันสกฤตซ้อนกัน เช่น ยักษ์มาร ทกข์โศกโรคภัย
- ค าเขมรซ้อนกัน เช่น ต าหนตเตยน ละเอยดลออ
ิ
ี
ิ
ี
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซอน
ี
้
ประเภทของค ำซอน มลักษณะ ดังน้ ี
• ค าซ้อนเพือความหมาย แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
่
็
ี
ี
ื
่
- น าค าทมความหมายเหมอนกันมาซ้อนกัน เช่น จตใจ บ้านเรอน
ื
ิ
ี
- น าค าทมความหมายใกล้เคยงกันมาซ้อนกัน เช่น เบอหน่าย ถ้วยชาม
ื
ี
่
่
ี
- น าค าทมความหมายตรงกันข้ามมาซ้อนกัน เช่น ยากง่าย ชั่วดี
่
ี
ี
ี
ี
ี
• ค าซ้อนเพือเสยง ประกอบด้วยค าตั้งแต่ ๒ ค า ทข้นต้นด้วยพยัญชนะเสยงเดยวกัน
ึ
่
ี
่
็
ู
ุ
ื
ี
หรอมสระค่กัน เช่น ร่งร่ง ฟูมฟาย โวยวาย โครมคราม เปนต้น
ิ
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซอน
ี
้
ประเภทของค ำซอน มลักษณะ ดังน้ ี
• ค าซ้อนเพือความหมาย แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
่
็
ี
ี
ื
่
- น าค าทมความหมายเหมอนกันมาซ้อนกัน เช่น จตใจ บ้านเรอน
ื
ิ
ี
- น าค าทมความหมายใกล้เคยงกันมาซ้อนกัน เช่น เบอหน่าย ถ้วยชาม
ื
ี
่
่
ี
- น าค าทมความหมายตรงกันข้ามมาซ้อนกัน เช่น ยากง่าย ชั่วดี
่
ี
ี
ี
ี
ี
• ค าซ้อนเพือเสยง ประกอบด้วยค าตั้งแต่ ๒ ค า ทข้นต้นด้วยพยัญชนะเสยงเดยวกัน
ึ
่
ี
่
็
ู
ุ
ื
ี
หรอมสระค่กัน เช่น ร่งร่ง ฟูมฟาย โวยวาย โครมคราม เปนต้น
ิ
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าซอน
้
เปรยบเทยบความแตกต่างระหว่างค าประสมและค าซ้อน
ี
ี
ค าประสม ค าซ้อน
่
น าค าตั้งแต่สองค าข้นไปมารวมกันเพือ น าค าตั้งแต่สองค าข้นไปมารวมกันเพือ
ึ
ึ
่
ื
้
สรางค าใหม่ เน้นความหมาย หรอขยายความ
ี่
สองค าทน ามาประกอบกันต้องไม่มี สองค าทน ามาประกอบกันม ี
ี่
์
ความสัมพันธกันด้านความหมาย ความสัมพันธ์กันด้านความหมายอย่างใด
ึ
ื
่
อย่างหนง ได้แก่ ความหมายเหมอนกัน
คล้ายกัน หรอตรงกันข้าม
ื
่
ี
น ้าหนักของค าจะเน้นไปทค าแรก น ้าหนักของค าจะเท่าๆ กัน
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซา
ิ
้
ุ
ื
่
ื
ธรรมชำตของค ำซำ คอ ค าทประกอบด้วยหน่วยค า ๒ หน่วย ซงเหมอนกันทกประการ
่
ึ
ี
่
เช่น เพือนๆ เด็กๆ เราๆ นอนๆ หลับๆ กินๆ เบาๆ ไกลๆ เปนต้น
็
็
กำรออกเสยงค ำซำ แบ่งประเภทย่อย ได้เปน
ี
้
็
ี
ี
ี
่
ี
ิ
• ค าซ ้าประเภทไม่เปลยนเสยง โดยค าค าเดมเปนค าพยางค์เดยวจะลงเสยงหนักท ี่
็
พยางค์หลัง เช่น หลานๆ แดงๆ แต่ถ้าค าเดมเปนค าสองพยางค์ หรอหลายพยางค์จะ
ิ
ื
ึ
ี
่
ั
็
ี
ี
ออกเสยงเหมอนค าเดมเพิ่มอกคร้งหนง เช่น พอดๆ เปนต้น
ื
ิ
่
ี
่
ี
• ค าซ ้าประเภทเปลยนเสยง เปนค าซ ้าทเน้นความหมาย หรอเพิ่มความหมายข้น โดย
ึ
ื
็
ี
ึ
่
ี
พยางค์หน้าจะเน้นเสยงวรรณยุกต์เปนพิเศษ ซงค าซ ้าประเภทน้จะซ ้าค าโดยไม่ใช้ไม้
็
ี
ี
้
ู
ยมก เช่น คนอะไรไม่รตลกตลก เรยกว่า ไม้เบญจา ใช้แสดงเสยงวรรณยุกต์เน้น
ี
่
ี
พิเศษ ทมลักษณะสงกว่าเสยงตรปกตในภาษาไทย
ิ
ี
ี
ี
ู
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซา
้
ี
ควำมหมำยที่เกิดจำกกำรซำค ำ มลักษณะ ดังน้ ี
ู
็
• มีความหมายเปนพหพจน์ เช่น
เพือนๆ มากันมากเลย
่
ี
็
ู
หนๆ ทั้งหลายนั่งให้เปนระเบยบหน่อย
ช้างมาเปนโขลงๆ
็
• มีความหมายไม่เฉพาะเจาะจง เช่น
เจอกันตอนเช้าๆ
ี
ข่าวน้ออกโด่งดัง ใครๆ ก็ร ้ ู
ิ
อะไรๆ ฉันก็กินได้ เวลาทหว
ี
่
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
ค าซา/ควำมหมำยที่เกิดจำกกำรซำค ำ
้
่
็
• มีความหมายเพือแยกเปนส่วนๆ
็
แจกของเด็กเปนคนๆ ไป
ิ
บรษัทจ่ายค่าจ้างพนักงานเปนวันๆ
็
ื
• มีความหมายอย่างนั้น หรอท านอง
ี
้
็
ิ
ู
ลกช้นน้เปนแปงๆ ไม่อร่อย
ี
็
ี
แกงถงน้น่าจะเสยแล้ว น ้าเปนยางๆ
ุ
• มีความหมายเน้น เช่น
อาหารบ้านน้มแต่ผักๆ ทั้งนั้น
ี
ี
แม่ครวใช้หมเน้อๆ ทั้งนั้นมาท าอาหาร
ู
ื
ั
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
้
ค าซา/ควำมหมำยที่เกิดจำกกำรซำค ำ
• มีความหมายเพือบอกกิรยาอาการนั้นว่าท าไปเรอยๆ (เน้นกรยา)
ิ
ิ
่
ื
่
ึ
เขาพูดๆ แล้วก็สะอก
ิ
ยายเดนๆ อยู่ก็ล้มลง
• มีความหมายเบาลง
แม่ยังโกรธๆ พวกเราอยู่
คนชอบๆ กันทั้งนั้น ไม่น่าโกงกันเลย
้
ค าพอง
้
ื
ี
ค ำพองเสยง คอ ค าทอ่านออกเสยงเหมอนกัน แต่สะกดต่างกัน และมความหมายต่างกัน
ี
ื
่
ี
ี
เช่น
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
้
้
ค าซา/ควำมหมำยที่เกิดจำกกำรซำค ำ
• มีความหมายเพือบอกกิรยาอาการนั้นว่าท าไปเรอยๆ (เน้นกรยา)
ิ
ิ
่
ื
่
ึ
เขาพูดๆ แล้วก็สะอก
ิ
ยายเดนๆ อยู่ก็ล้มลง
• มีความหมายเบาลง
แม่ยังโกรธๆ พวกเราอยู่
คนชอบๆ กันทั้งนั้น ไม่น่าโกงกันเลย
้
ค าพอง
้
ื
ี
ค ำพองเสยง คอ ค าทอ่านออกเสยงเหมอนกัน แต่สะกดต่างกัน และมความหมายต่างกัน
ี
ื
่
ี
ี
เช่น
๓ การสรางค าในภาษาไทย
้
ค าพอง
้
้
่
ี
ี
ี
ื
ี
ค ำพองควำมหมำย ค าพ้องรปพ้องเสยง คอ ค าทเขยนเหมอนกัน ออกเสยงเหมอนกัน แต่ม ี
ื
ื
ู
ความหมายต่างกัน
ึ
็
เขาข้นเขาไปหาเขากวางมาเปนส่วนประกอบในการปรงยา
ุ
ี
็
่
ึ
ู
เขา ค าแรกเปนค าสรรพนามใช้แทนผู้ทถกกล่าวถง
ึ
็
ี่
เขา ค าทสอง เปนค านาม หมายถง ภเขา
ู
ี
่
ึ
ี่
็
เขา ค าทสาม เปนค านาม หมายถง อวัยวะส่วนทแข็ง
มากอยู่บนหัวของสัตว์
่
ู
การมความร ความเข้าใจเกียวกับค าในภาษไทย เช่น ค าประสม ค าซ้อน ค าซ ้า ค าพ้อง
ี
้
ี
ึ
จะช่วยท าให้ผู้เรยนมองเหนความร่มรวยของภาษาไทย ซงเปนเอกลักษณทางภาษานอกจากน้ยัง
์
็
่
ุ
็
ี
้
ู
ี
น าความรทได้ไปปรบใช้กับการเขยนสอสารของตนเองในรปแบบต่างๆ
ั
ู
่
ื
่
ี
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
ธรรมชาติของภาษาพูด/ต่อ
• ภาษาพูดมักใช้ค าซ ้า เช่น น่งๆ เฉยๆ ใช้ค าซ้อน เช่น หนังสอหนังหา หลายส่ง
ื
ิ
ิ
่
ี
ี
ี
หลายอย่าง ใช้ค าทไม่ชัดเจน เช่น อะไรพวกน้ อะไรท านองน้ ใช้ค าลงท้าย
ี
ื
ื
• ภาษาพูดจะมช่วงหยุดแสดงอาการลังเล หรอไม่แน่ใจ เช่น อม เอ่อ... แบบ... หรอ
ื
ื่
อาจมข้อผิดพลาดทางไวยากรณอนๆ
ี
์
ธรรมชาติของภาษาเขียน
์
ึ
่
่
ี
ุ
ี
ี
ึ
ุ
• ภาษาเขยน หมายถง สัญลักษณทมนษย์ในกล่มสังคมหนงๆ ก าหนดใช้แทนเสยง
ในภาษาร่วมกัน
ุ
์
ุ
ิ
ุ
ิ
์
ุ
• มนษย์ทกชาตพันธต่างมภาษาพูดทใช้สอสารกันภายในกล่ม แต่ไม่ทกชาตพันธท ี ่
ุ
ุ
่
่
ื
ี
ี
มสัญลักษณใช้แทนเสยงในภาษา
ี
์
ี
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
ธรรมชาติของภาษาเขียน/ต่อ
ี
็
่
ี
• ระดับภาษาทปรากฏในภาษาเขยน ส่วนใหญ่เปนภาษาระดับทางการ แต่ก็พบ
์
ื
่
ึ
ี
่
ื
ี
ภาษาระดับอนๆ ทั้งน้ข้นอยู่กับสถานการณการสอสาร เช่น การเขยนนวนยาย
ิ
ี
หรอเรองสั้นทต้องการถ่ายทอดความสมจรงของชวิต ผู้เขยนก็จ าเปนต้องใช้
็
่
ี
ิ
ี
ื
่
ื
็
ี
ถ้อยค าในระดับทไม่เปนทางการ
่
ี
ี
ี
ี
ี
• ภาษาเขยนมความประณตมากกว่าภาษาพูด เพราะผู้เขยนมเวลาในการขัดเกลา
ถ้อยค า
ี
ี
ี
• ภาษาเขยนมความประณตมากกว่าภาษาพูด เพราะผู้เขยนมเวลาในการขัดเกลา
ี
ี
ถ้อยค า และสามารถใช้เปนหลักฐานอ้างองได้
็
ิ
ี
• ภาษาเขยนมักมการใช้ค านามธรรมทข้นต้นด้วยค าว่า “การ...” เช่น การตัดสนใจ
ิ
ึ
ี
ี
่
ี่
็
่
็
์
ี
การก าหนด การประชาสัมพันธ ใช้ประโยคทข้นต้นด้วย “เปนท” เช่น เปนท ี่
ึ
็
ึ
่
ึ
ิ
เข้าใจว่าโรคไข้หวัดนกไม่สามารถตดต่อจากคนหนงไปส่อกคนหนงได้ เปนต้น
่
ี
ู
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
ี
้
แนวทางการใชภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
่
่
ี
ี
ื
การใช้ภาษาเพือสอสารในชวิตประจ าวัน ไม่ว่าด้วยวิธการเขยน หรอการพูด ผู้สอสาร
ี
ื
ื่
ึ
ึ
ื
ู
่
จะต้องค านงถงปจจัยหลายประการ เช่น สถานภาพ บทบาทของค่สอสาร รวมถงความสัมพันธ์
ั
ึ
่
ึ
ึ
่
ื
ื
ื
่
ี
ึ
ุ
ระหว่างบคคล นอกจากน้ผู้สอสารยังจะต้องค านงถงกาลเทศะในการสอสาร และเรองทกล่าวถง
ี
่
่
ี
์
ี
ประกอบกันด้วย การใช้ภาษาให้เหมาะสมกับสถานการณการสอสาร มข้อควรพิจารณาทสัมพันธ์
ื
่
กันสามประการ
ควำมเปนภำษำพูดและภำษำเขียน มลักษณะ ดังน้ ี
็
ี
ี
่
ี
็
• ภาษาพูดจะใช้ในกรณทไม่เปนทางการ หรอเปนภาษาปาก
็
ื
่
ี
ี
• ภาษาเขยนจะใช้ในกรณทเปนภาษากึ่งแบบแผนและภาษาแบบแผน
ี
็
ี
่
ิ
• ในชวิตประจ าวันผู้สอสารสามารถน าส่งทปกตใช้ในภาษาพูดไปเขยนได้
่
ิ
ี
ื
ี
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
้
ี
แนวทางการใชภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน/ต่อ
ี
็
ควำมเปนภำษำพูดและภำษำเขียน มลักษณะ ดังน้ ี
ื
ี
่
• การพูดสอสารในบางโอกาสก็ใช้ภาษาเขยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดใน
่
ี
็
็
ี
สถานการณทเปนทางการ เปนพิธการ เช่น การกล่าวปฏญาณในงานพระราชพิธ ี
ิ
์
ั
์
็
ิ
พระราชทานปรญญาบัตร แถลงการณของนายกรฐมนตร เปนต้น
ี
ื
ี
็
ี
่
• การจะพิจารณาว่าถ้อยค าทปรากฏนั้นเปนภาษาพูด หรอภาษาเขยน อาจพิจารณา
ื
ิ
ได้จากลักษณะเด่นเฉพาะ หรอธรรมชาตของภาษาพูด ภาษาเขยนดังได้เสนอไป
ี
่
ี
• แม้ว่าภาษาพูดและภาษาเขยนจะมลักษณะเด่นทท าให้แยกออกจากกันได้ แต่
ี
ี
ี
บ่อยคร้งก็พบว่า การใช้ภาษาเพือสอสารในชวิตประจ าวัน มภาษาพูดและภาษา
่
ื
่
ี
ั
เขยนปะปนกันอยู่
ี
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
้
ี
แนวทางการใชภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน/ต่อ
ควำมสุภำพ ในด้านการใช้ภาษาสามารถแสดงความสภาพได้ ดังน้ ี
ุ
ี
ี
ี
่
• การใช้น ้าเสยงทสภาพ คอ การพูดเบาๆ และทอดเสยงให้ยาว ตรงข้ามกับการพูด
ื
ุ
่
ื
ี
ี
ี
ี
สั้น ห้วน หรอทเรยกว่าพูดไม่มหางเสยง
ื
ุ
่
• การเลอกใช้ถ้อยค าเพือแสดงความสภาพ เช่น การเลอกใช้ค าสรรพนามแทนตัว
ื
ี่
ผู้พูดทเหมาะสม การใช้ค าลงท้าย
็
ควำมเปนทำงกำร คอ ระดับความเปน
็
ื
ี่
์
แบบแผนของภาษาทแปรไปตามสถานการณการ
ื
่
สอสาร ซงระดับของภาษาแบ่งกว้างๆ ได้ ๓
่
ึ
ี่
ระดับ ดังทน าเสนอ โดยภาษาระดับหนงๆ ย่อม
่
ึ
ี
เหมาะสมกับระดับความเปนทางการทแตกต่าง
่
็
กัน
๒ ภาษาพูดและภาษาเขียนในชวิตประจ าวัน
ี
บทสรุป
ี
ี
ื
ี
่
็
่
• ทั้งภาษาพูดและภาษาเขยน มลักษณะร่วมกัน คอ เปนพาหะทให้สารเกาะเกียวไป
ั
ยังผู้รบสาร
ิ
ี
• แม้ว่าภาษาพูดและภาษาเขยนจะมลักษณะเด่นเฉพาะ หรอธรรมชาตพอทจะท าให้
ื
ี
่
ี
ื
่
ื
่
ระบความแตกต่างได้ แต่ก็พบว่าในบางสถานการณของการสอสาร ผู้สอสารก็
์
ุ
ี
อาจใช้ภาษาพูดปะปนกับภาษาเขยนได้
ึ
่
ื
่
่
ี
ี
• การใช้ภาษาเพือสอสารในชวิตประจ าวัน ประเด็นส าคัญจงไม่ได้อยู่ทว่า ผู้สอสาร
ื
่
ี
สามารถระบได้ว่า ถ้อยค าทเหนเปนภาษาพูด หรอภาษาเขยน แต่ประเด็นส าคัญ
็
ี
ุ
่
ื
็
่
่
ื
คอ เมอผู้สอสารทราบความแตกต่างบางประการแล้ว จงน าไปภาษาไปใช้ให้
ึ
ื
ื
ู
่
์
ถกต้องเหมาะสมกับสถานการณการสอสาร
ื