The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sidaporn.gife, 2022-10-05 10:08:19

จิณดามณี

จิณดามณี

หนั งสื อแบบเรียนเล่มแรกของไทย

จินดา
มณี

จินดามณี

หนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทย

จากหนังสือ “ประวัติกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2435 – 2507” กล่าวถึงประวัติการศึกษาไทย
ไว้ว่า“การศึกษาได้จัดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี (พ.ศ. 1781 – 1921) แต่เป็นการศึกษา
แผนโบราณ รัฐและวัดรวมกันเป็นศูนย์กลางแห่งประชาคม กิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐและวัดย่อมเป็นการ
สอนประชาคมไปในตัว วิชาที่เรียน คือ ภาษาบาลี ภาษาไทยและวิชาสามัญ วัดเป็นสำนัก เรียนของ
บรรดาบุตรหลานขุนนางและราษฎรทั่วไป และมีสำนักราชบัณฑิต ซึ่งสอนแต่เฉพาะเจ้านายและบุตร
หลานข้าราชการเท่านั้น”

สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยังไม่มีแบบ
เรียนไทยเป็นแบบแผนแน่นอน การศึกษาทั่วไปตกอยู่กับวัด ราษฎรมักพาบุตรหลานไปฝาก
พระภิกษุเพื่อเรียนหนังสือไทยและบาลีตามสมควรเพื่อเตรียมตัวไว้เมื่อเติบใหญ่จะได้สะดวก
แก่การอุปสมบท ในสมัยนั้น วัดเป็นโรงเรียน พระภิกษุเป็นครูและที่เรียน คือ กุฏิพระ ประวัติ
จินดามณีที่กล่าวไว้ในหนังสือพระคัมภีร์จินดามณีของพระโหราธิบดี ของนายฉันทิชย์ กระแส
สินธุ์ ได้กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองคงจะทรงเห็นความสําคัญของการศึกษาอยู่ด้วย
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนารายณ์ราชกุมารศึกษาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จากพระอาจารย์
คือ พระมหาราชครู อันเป็นต้นเหตุให้สมเด็จพระนารายมหาราชครั้งครองแผ่นดิน โปรด
เกล้าฯ ให้พระมหาราชครูแต่งสมุทรโฆษคำฉันท์ และแต่งตำราเรียนจินดามณี

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงทราบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่กีดกันศาสนา
อื่น และนอกจากจะไม่กีดกันแล้ว กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยายังอุปถัมภ์ค้ำชูพวกสอนศาสนา
ต่าง ๆ เป็นอันมาก จึงส่งคณะสอนศาสนานำพระราชสาส์นมาเจริญทางพระราชไมตรีกับ
สมเด็จพระนารายณ์ ทูลขอฝากคนฝรั่งเศสให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะสอนศาสนาชาว
ฝรั่งเศสที่เข้ามาในตอนนั้น นอกจากจะเป็นพวกสอนศาสนาแล้วยังมีพวกช่าง พวกสถาปนิก
และพวกพ่อค้าอีกด้วย เพราะ ฝรั่งเศสเหล่านี้ทราบดีว่าในขณะนั้นฮอลันดากำลังเป็นศัตรูของ
ไทย เป็นโอกาสอันดีที่จะทำตัวให้เป็นที่โปรดปราน ของพระมหา-กษัตริย์ไทย ได้จึงเสนอตัว
เข้าช่วยเหลือไทยด้วยประการต่าง ๆ เช่น ช่วยสร้างป้อมปราการที่ทันสมัยให้ตามจุด
ยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เช่น ที่ธนบุรี นนทบุรี นครศรีธรรมราชนครราชสีมา และที่เพชรบุรี เป็นต้น
ช่วยวางผังเมืองลพบุรีที่สร้างขึ้นใหม่ ช่วยทำน้ำประปาขึ้นที่กรุงศรีอยุธยาและที่ลพบุรี แล้วต่อ
ท่อเข้าสู่พระราชวัง ช่วยสร้างหอดูดาวขึ้นในพระราชวังจันทร์เกษม สำหรับเป็นที่ศึกษา
ดาราศาสตร์และตรวจดูภูมิประเทศไปในตัว

ในช่วงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พุทธศักราช 2199-2231) เป็นสมัยที่มีความเจริญ
รุ่งเรืองทางการศึกษามาก เพราะมีการติดต่อกับชาวต่างชาติชาวตะวันตก โดยเฉพาะบาทหลวง
ฝรั่งเศสซึ่งเดินทางเข้ามาสอนศาสนาคริสต์ ในกรุงศรีอยุธยา ประกอบกับมีผู้คนตื่นตัวที่จะเรียนรู้
หนังสือมากขึ้น จึงทำให้คนนิยมไปเรียนในโรงเรียนของหมอสอนศาสนา หรือคณะมิชชันนารีเป็น
จำนวนมาก คนไทยได้เปลี่ยนศาสนา ไปเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ เพื่อจะเรียนหนังสือและเรียน
ศาสนาควบคู่กันไปด้วย ดังนั้น ในรัชกาลดังกล่าวจึงมีการเรียนการสอนทั้งภาษาไทยและภาษาต่าง
ประเทศ นั่นคือนอกจากภาษาบาลี สันสกฤตและเขมรแล้ว ยังมีภาษาฝรั่งเศส มอญและจีนอีกด้วย
คณะมิชชันนารียังต้องการให้ พระมหา-กษัตริย์ทรงเข้ารีตด้วยแต่ไม่ประสบความสำเร็จ (ภูธร ภูมะธน.
2527:25-26) สมเด็จพระนารายณ์-มหาราชทรงพระราชดําริว่า ถ้าไม่เอาธุระจัดการศึกษาให้รุ่งเรือง ก็
จะเสียเปรียบฝรั่งเศสที่เข้ามาตั้งโรงเรียนสอนหนังสือและเผยแพร่ศาสนาคริสต์ พระองค์ทรงเกรงว่า
คนไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมแบบฝรั่ง จึงมีรับสั่งให้พระโหราธิบดี แต่งตําราเรียนหนังสือไทยขึ้นมา
เล่มหนึ่ง เพื่อคนไทยจะได้มีแบบเรียนของตนเอง นั่นคือ “จินดามณี” แปลว่าแก้วสารพัดนึก ซึ่งหมาย
ถึงผู้ที่เรียนหนังสือนี้แล้วมีความรู้แตกฉานทางภาษาไทยเปรียบเสมือนกับมีแก้วสารพัดนึกที่มี ค่าควร
เมืองอยู่กับตัว เป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทย

พระโหราธิบดี เป็นชาวโอฆบุรี (ตามความหมายของคำ คือเมืองที่มีสระหรือหนองน้ำใหญ่)
เดิมอยู่ ณ เมืองสุโขทัยประวัติของพระโหราธิบดีไม่ปรากฏแน่ชัดมีเพียงเรื่องเล่าในพระราช
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ครั้งรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองเล่าว่า มีโหรเอกผู้หนึ่งทำนายได้
แม่นยำ จากการทำนายหนู ท่านเป็นนักโหราศาสตร์และนักวรรณกรรมในสมัยอยุธยา เป็นบิดา
ของ "ศรีปราชญ์" นักกวีชื่อดัง ซึ่งพระโหราธิบดี มีหน้าประวัติศาสตร์มากมายในสมัยนั้น เพราะ
เป็นบุคคลสำคัญทางด้านวรรณกรรม นอกจากนี้แล้วยังมีหน้าที่ในการประกอบพิธีการต่าง ๆ ที่
เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์อีกด้วย ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่เป็นผู้รู้หนังสือรวมถึงรอบรู้สรรพวิทยาต่าง ๆ

การแต่งจินดามณีมีลักษณะที่ควรตั้งข้อสังเกตอยู่ 2 ประการ คือ บทไหว้ครู หรือเรียกว่า
ประณามพจน์ตามปรกติแล้วจะมีอยู่ในตอนแรกของ หนังสือเท่านั้น แต่ในจินดามณีมีถึง 4
แห่งได้แก่ ตอนเริ่มต้นก่อนอธิบายศัพท์ ตอนก่อนอธิบายการใช้ ส ศ ษ ตอนก่อนอธิบายการ
แจกแม่สะกด ตอนก่อนอธิบายฉันทลักษณ์ จากลักษณะดังกล่าวนี้ อาจวินิจฉัยเป็น 2 กรณีคือ
หนังสือจินดามณีมีผู้แต่งหลายท่าน แต่ละท่านแต่งเป็นตอนๆ สำหรับใช้สอนลูกศิษย์ในสำนัก
เรียนของตน พระโหราธิบดีจึงนำมารวบรวมและแก้ไขปรับปรุงบางส่วนในสำนักเรียนของตน
พระโหราธิบดีจึงนำมารวบรวมและแก้ไขปรับปรุงบางส่วนรวมเป็นเล่มเรียกว่า “จินดามณี”
หรืออีกกรณีหนึ่ง พระโหราธิบดีจงใจเขียนเป็นตอนๆ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกศิษย์ที่มาสมัคร
เรียนในสำนักเรียนของท่านภายหลังได้บันทึกรวมเป็นเล่มเดียวกันและเรียนชื่อว่า “จินดามณี”

เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ ไม่ต่อเนื่อง และไม่เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก เช่น กล่าวถึงศัพท์
ก่อนที่จะสอนให้รู้จักตัวอักษร สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ เป็นต้น ในกรณีนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า
น่าจะมาจากการรวบรวมนำมาคัดเป็นเล่มสมุดไทยที่คัดลอกมาจากต้นฉบับเดิมในสมัยอยุธยา
ไม่ได้คัดเรียงลำดับเล่ม

ภายหลังหนังสือแบบเรียนจินดามณีถูกค้นพบที่ วัดท่าพูด ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม
ซึ่งการค้นพบนั้น ไม่สมบูรณ์ มีเนื้อเรื่องที่ไม่ครบ สันนิษฐานว่ามีบางส่วนได้ฉีกขาดและหายไป
ตัวอักษรบรรจง สวยงามมีบางที่ถูกลบเลือนไป ซึ่งเป็นหนังสือที่ครอบคลุมในบทเรียนภาษา
ไทยไปถึงการใช้สระวรรณยุกต์ พยัญชนะ อักษรศัพท์ คำนมัสการ ตัวอย่างคำที่ใช้ ส ตัวอย่าง
คำที่ใช้ ศ ตัวอย่างคำที่ใช้ ษ จำแนกอักษรเป็น 3 หมู่ การแจกลูก การผันอักษร และอธิบายวิธี
แต่ง กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ พร้อมตัวอย่าง ในหลักของภาษาไทยทั้งหมด คำผิดถูก ความ
หมายของศัพท์หรือคำศัพท์ที่มีคำผสม

นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ วิเคราะห์ไว้ว่า ความจริง “จินดามณีฉบับพระโหราธิบดี” มีถึง
5 เล่ม แต่ถูกเผาไปเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อ พ.ศ.2310 และกล่าวว่า “
‘จินดามณี’ ที่เป็นเดนจากไฟไหม้แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาที่ได้เหลือมาถึงกรุงธนบุรีและกรุง
รัตนโกสินทร์เพียงเล่มเดียว สอดคล้องกับที่
นิยะดา เหล่าสุนทร (2552, น. 36) กล่าวว่า “เข้าใจว่าต้นฉบับคงจะสูญหายเมื่อครั้งเสียกรุง
ศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 ได้จากนั้นก็มีการประสมประสานส่วนที่หลงเหลืออยู่เข้าเป็น
เล่มและคัดลอกสืบกันมาด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่าจินดามณีฉบับที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นฉบับที่
ไม่สมบูรณ์”

จินดามณีจึงมีหลายฉบับและมีหนังสือที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหนังสือเล่มนี้แต่งขึ้นในสมัย
อยุธยาในช่วงกลาง เป็นแบบเรียนของผู้ที่จะถวายตัวเข้ารับราชการ รวมทั้งผู้ที่หัดเป็นนักกวี
ในสมัยนั้น จินดามณีฉบับพระโหราธิบดีแพร่หลายมากใช้กันอย่างกว้างขวางในสมัยกรุงเทพ
ตอนต้น และคัดลอกวิปลาสคลาด-เคลื่อนไปมากในสมัยกรุงเทพฯตอนต้น

สาระสำคัญเนื้อหาในจินดามณีมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1. ภาคอักขรวิธี มี 3 ตอน ดังนี้
1.1 ศัพท์อักษร หรือ อักษรศัพท์ เป็นการรวบรวมคำยากที่มักอ่านและเขียนผิด

ได้แก่ คำพ้องเสียง คำศัพท์พร้อมคำแปลและคำพ้องความหมาย
1.2 การใช้ ส ศ ษ ไม้ม้วน ไม้มลาย การใช้ ฤ ฤา ฦ ฦา
1.3 การจำแนกอักษร อธิบายสระ พยัญชนะ การประสมอักษรให้เป็นคำการผัน

เสียงวรรณยุกต์เอกและโท การแจกแม่สะกดทั้งเก้าแม่ คำเป็นคำตาย
2. ภาคฉันทลักษณ์มี 2 ตอน ดังนี้
2.1 การอธิบายโคลง กาพย์ กลอน และฉันท์ พร้อมทั้งยกตัวอย่างจากวรรณคดี

เรื่องต่าง ๆเช่น ลิลิตพระลอ มหาชาติคำหลวง บทพากย์รามเกียรติ์
2.2 รหัสอักษร ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงตัวอย่าง ผู้อ่านจะต้องถอดรหัสหรือถอดกล

ให้ได้เรียงลำดับให้ถูกต้องจึงจะอ่านได้ใจความ เช่น ไทยนับสาม ไทยนับห้า ไทยหลงฤๅษีแปลงสาร
อักษรเลขเป็นต้น

นายธนิต อยู่โพธิ์ผู้ตรวจสอบชำระตั้งแต่ก่อน พ.ศ.2485จัดกลุ่มแยกเป็นฉบับที่มีเนื้อหาต่าง
เรียก ว่าฉบับความแปลกและกลุ่มที่มีเนื้อหาเหมือนกันเรียกว่าฉบับความพ้อง

จินดามณีฉบับสำเนาพระโหราธิบดีที่กรมศิลปากรชำระ มีเนื้อความประมวลจาก 4 ฉบับนี้

เท่านั้น แม้ภายหลังนายขจร สุขพานิช ได้คัดสำเนา “จินดามณี ฉบับพระเจ้าบรมโกศ” มาจาก

สมุดข่อยใน Royal Asiatic Society ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มามอบให้กรมศิลปากรก็

มิได้นำมาชำระรวมเข้าอีกแต่ได้จัดพิมพ์รวมเล่มใน พ.ศ. 2504 โดยแยกเป็นฉบับต่างหาก ทั้งนี้โดย

กำหนดให้จินดามณีของพระโหราธิบดีเป็นจินดามณีเล่ม 1 และจินดามณีฉบับกรมหลวงวงศาธิราช

สนิทเป็นจินดามณีเล่ม 2 มาแต่ครั้งนั้น ต้นฉบับหนังสือจินดามณี มีเนื้อหาแตกต่างลักลั่นกันหลาย

อย่าง นายธนิต อยู่โพธิ์ ได้แบ่งความแตกต่างของเนื้อเรื่อง จำแนกไว้เป็น 4 ประเภท สรุปได้ดังนี้
1. จินดามณีฉบับความแปลก คือมีข้อความแปลกจากฉบับอื่นต้นฉบับสมุดไทยใน

หอสมุดแห่งชาติมีหลายฉบับเช่น ฉบับสมุดไทยดำเส้นรง (หมายเลข 1) ที่สมเด็จกรมพระยาดำรง
ราชานุภาพประทานให้หอสมุด

2. จินดามณีชอบความพ้อง มีหลายเล่มสมุดไทยเป็นของที่หอสมุดซื้อไว้บ้างมีผู้บริจาคให้บ้าง
มีข้อความส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับฉบับที่ว่าพระโหราธิบดีแต่ง ส่วนข้อที่แตกต่างกันก็มีมากหน่อย
บ้างจำแนกไว้เป็น 4 จำพวก คือ

1. ฉบับลายมือเขียนเก่าที่สุด เป็นสมุดไทดำเส้นรงมีหลายฉบับ หน้าต้นสมุดมีบานแพนก
ว่า

2. ฉบับนายมหาใจภักดิ์ มี 2 เล่ม เป็นสมุดไทยดำ เล่มหนึ่ง หน้าต้นชุบเส้นทอง หน้าถัด
ไปเขียนรง มีชุบเส้นทองบ้างเป็นบางแห่ง เล่มสอง เป็นสมุดไทยดำ เส้นรงตลอดเล่ม ลำดับเรื่อง
ตอนต้นตรงกับฉบับเล่มหนึ่ง แต่ตอนท้ายแตกต่างกันเล็กน้อย

3. ฉบับพระยาธิเบศ ฉบับที่มีส่วนที่แตกต่างกันคือ ขึ้นต้นด้วยร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ
4. ฉบับความสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส มี 21 เล่ม สมุดไทย เป็นสมุดไทยดำเส้น
รง
5. ฉบับนี้ต่างจากฉบับความพ้องอื่นๆที่สำคัญคือ มีโคลงและตัวอย่างคำที่ผันด้วยไม้ตรี
และไม้จัตวา

3. จินดามณีฉบับพระนิพนธ์กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ต้นฉบับมีจบบริบูรณ์เฉพาะที่เป็น
ฉบับพิมพ์ของหมอสมิธ บางคอแหลม มีความปรากฏอยู่ในตอนท้าย ของฉบับพิมพ์ว่ากรมหล
วงวงษาธิราชสนิททรงพระนิพนธ์เลียนแบบจินดามณีของเก่าเนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระ
นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรารถถึงพระเจ้าลูกยาเธอชั้นเล็กซึ่งทรงพระเจริญขึ้นโดยมาก มีพระ
ประสงค์จะทรงศึกษาวิทยาการ บางทีจะได้ทรงแสดงพระราชประสงค์นั้นแก่กรมหลวงรา
ชวงศาธิราชสนิทจึงได้ส่งให้ทรงพระนิพนธ์จินดามณีเล่มที่ 2 ขึ้น

4. จินดามณีฉบับพิมพ์ของหมอบรัดเล เป็นฉบับสำรวมใหญ่ คือ รวมตำราแบบเรียน
ภาษาไทยหลายเล่มมาพิมพ์ไว้ด้วยกัน เช่น ประถม ก กา ประถมมาลา และปทานุกรม
นอกจากนี้ยังได้แทรกเรื่องคำอธิบายต่างๆ แม้กระทั้งคำราชาศัพท์ และเครื่องหมายวรรคตอน
ในภาษาอังกฤษ


Click to View FlipBook Version