สสภภาาพพกกาารรณณ์กก์ าารรพพฒั ฒั นนาาววชิ ชิ าาชชีพีพคครรู ู
แแลละะกกาารรสสะะททอ้ อ้ นนคคิดิดเเพพือ่ ื่อนนาาไไปปปปรระะยยกุ ุกตต์ใ์ใชช้ ้
ใในนกกาารรพพัฒฒั นนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็น็นคครรูทูท่ีด่ดี ี ี
ก
คานา
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มน้ีจัดทาขึ้นเพื่อประกอบการเรียนรายวิชา
คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และจิตวิญญาณความเปน็ ครู รหัส PC62501
ภาคเรยี นที่1 ปกี ารศกึ ษา2565
เนอ้ื หาหนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-book) เลม่ นป้ี ระกอบด้วย การพฒั นาวชิ าชพี ครู
การสะท้อนคดิ การพฒั นาตนเองในการเป็นครูที่ดี ความหมายสภาพการณ์การพัฒนา
วิชาชีพครแู ละการสะทอ้ นคดิ เพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาตนเองในการเป็นครูที่ดี
การนาไปประยุกต์ใช้ ลักษณะของครูท่ีดี ครูท่ีดี ความสามารถท่ีจาเป็นของผู้ประกอบ
วิชาชีพครู แนวทางสกสภาภราปารพพะกเมกาินาผรรู้ปณณระ์กกก์ าอาบรรวพิชพาัฒัฒชีพนนคาราูสววู่มชิ าชิ ตาารชฐชาพี พีนควคิชรารูชู ีพ แนวทางการ
ส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูสู่มาตรฐานวิชาชีพ วงจรงานอาชีพ
ปจั จยั ทเ่ี กี่ยวขแอ้ แงลกละับะกกกาาราพรรฒั สสนะาะวททชิ อ้าอ้ ชนพีนคคครดิู ดิ กเาเพรพสือ่ ะอื่ ทนน้อานาไคไปดิปเปพปื่อรรนะาะไยปยกุปกุ รตตะใ์ย์ใชกุ ชต้ ้์ใช้
ในการพัฒนาตนใเอในนงใกนกกาาารรรพเพป็นฒั ัฒคนรนทู า่ดีาตี ตนนเเอองงใในนกกาารรเเปปน็ น็ คครรทู ูท่ีด่ีดี ี
7/ก.ค/65
ข
สารบญั
เรื่อง หน้า
คานา ก
ข
สารบญั 1
สภาพการณก์ ารพฒั นาวชิ าชพี ครแู ละการสะทอ้ นคดิ 5
6
เพ่ือนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นาตนเองในการเปน็ ครทู ด่ี ี 7
8
การนาไปประยุกตใ์ ช้ 13
16
ลักษณะของครทู ดี่ ี สสภภาาพพกกาารรณณก์ ์กาารรพพัฒฒั นนาาววชิ ิชาาชชพี พี คครรู ู 17
ครทู ดี่ ี 19
13
แคนวาวมทสาางมกาารรถปทระแี่จแเามลเลปนิ ะ็นผะปู้ขกอกระงาาผกรปู้อรสรบสะวะกชิะอาทบชทพีวอ้ ชิอ้คานรนชูสีพคมู่ คคาดิตริดูรเฐเพาพนอื่ว่ือชิ นานชาพีาไไปปปปรระะยยุกุกตต์ใ์ใชช้ ้
แนวทางการสง่ เสรใิมในพนฒั กกนาาาผรรปู้ พรพะัฒกฒั อบนนวชาิ าาตชตพีนนคเรเสูออมู่ งางตใใรนฐนากนกวาาชิ รารชเเพีปป็น็นคครรทู ูที่ดดี่ ี ี 29
30
วงจรงานอาชพี ค
ปจั จัยท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การพัฒนาวชิ าชพี ครู
การสะทอ้ นคดิ เพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ช้
ในการพฒั นาตนเองในการเปน็ ครูทด่ี ี
บทสรปุ
วดิ ิโอ
บรรณานกุ รม
สภาพการณ์การพฒั นาวิชาชีพครูและการสะท้อนคิด
เพอื่ นาไปประยกุ ต์ใช้ในการพฒั นาตนเองในการเป็นครทู ่ีดี
ผู้ประกอบวิชาชีพครูจาเป็นต้องพัฒนาตนเพ่ือให้เท่าทันกับการเปล่ียนแปลงที่เป็นไปอย่าง
ต่อเน่ืองโดยมีทักษะการเปล่ียนแปลงที่สาคัญ คือ การสร้างบรรยากาศให้เกิดความรู้สึกหรือ
ทัศนคติทางบวกในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการเปล่ียนแปลง
ตนเองและการปรับปรุงตนเองโดยแสวงหาการสนับสนุนจากบุคคลในอาชีพเดียวกันจุดเริ่มต้น
ของการพัฒนาตนของผู้ประกอบวิชาชีพครู คือ การประเมินความสามารถของตนเองเพื่อนาไปสู่
การวางแผนการพฒั นาอยา่ งรอบดา้ นทั้งนีป้ จั จัยที่เก่ยี วข้องกบั การพัฒนากเ็ ป็นสิ่งสาคัญย่ิงที่จะมุ่ง
ใสหถ้เากนิดศคกึ วษาามรสะาดเบัร็จกใานรสสพทภฒัุกภขนาั้นาาพขตพออกงนกสขาถาอารรงนณกศณาึกรก์ษพ์กาัฒาเาวรนลราพาตพงบนฒั ัฒปซ่ึงรนไะนดมา้แาากณวว่วขิชัฒชิั้นานตาธอชชรนรีพใพีมนกคกคาารรรรสพู นูัฒับนสานวุนิชาบชรีพิบกทาขรอใชง้
เทคโนโลยีเพ่ือแกแาลรลสะะอกนกแาลาระรบสสทะบะาทททข้อ้ออนงนอคงคคิด์กิดาเรเพดพ้าื่อนื่อวนนิชาาาชไีพไปซป่ึงปปปัจรจระัยะดยังยกกุ กุลต่าตวใ์จใ์ ชะชส้่ง้ ผลสาคัญต่อ
การพัฒนาตนท่ีมปีใใรนนะสกกิทาธาิภรราพพพแฒัลฒั ะคนนวาาามตยต่งั นยนนื เขเออองงงผใปู้ในรนะกกกอาบารวริชเเาปปชพีน็ น็คครคู รรูททู ด่ี ด่ี ี ี
2
ในยุคของการเปล่ียนแปลงท่ีเป็ นไปอย่างต่อเนื่องเมื่อเกิดการเปล่ียนแปลงผู้ประกอบวิชาชีพ
ทางการศึกษาควรได้คิดทบทวนวิสัยทัศน์ว่าควรจะมุ่งไปท่ีใดจะทาอย่างไรและต้องการทาอะไรพร้อมกับ
ตอ้ งปรับตัวใหม่ในแต่ละช่วงของการเปลย่ี นแปลง ซึง่ การปฏิบัติเช่นน้ี เรียกว่า การทาตัวให้กลับคืนมาใหม่
(Self-renewal)ในมุมมองนี้ผู้ประกอบวิชาชีพครูต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือความคิด
เกี่ยวกับตนเองก่อนจนไปถึงเร่ืองที่อาจส่งผลกระทบผู้อ่ืนท้ังน้ีเพื่อเป็นการปฏิรูปตนเองให้สามารถ
เปล่ียนแปลงอย่างย่ังยืนและการจะเปล่ียนแปลงเพื่อให้เกิดผลดีต่อตนเองน้ันมีทักษะการเปลี่ยนแปลงที่
สาคญั 3 ประการ ดังนี้
1. สร้างบรรยากาศใหเ้ กิดความรู้สึกหรือทศั นคติทางบวกเพ่ือจดั การกบั การเปลี่ยนแปลงดว้ ยการดุแลใส่
ใจตนเอง ท้งั ทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ โดยปฏิบตั ิดงั น้ี
1.1 ใส่ใจดูแลตนเองดา้ นสกสาภภยภาาาพพพโกดกยาคารรรอณบณคก์ ลก์ ุมาาทร้งรั เพรพ่ือัฒงฒั รนูปนรา่าางววหชิ ิชนาา้าตชชาพี กีพาครคแรตรู่งูกาย
1.2 พิจารณาตนเองแแแลลละะยะอกกมาราับรรกสาสระเะปทลที่ย้อนอ้ แนนปคลคงิดิดเเพพื่อ่ือนนาาไไปปปปรระะยยกุ กุ ตต์ใใ์ ชช้ ้
1.3 สร้างความรู้สึกนใบั ในถนือกตกนาาเอรรงพเพหฒั็นัฒคุณนนคา่าาใตนตนตนนเเเออองงแงลใใะนนภูมกกิใาจาใรนรเตเปนปเ็นอน็ งคครรูททู ด่ี ดี่ ี ี
1.4 ยกเลิกความคาดหวงั เดิมๆและเตรียมพร้อมสำหรับความคาดหวงั ใหม่
1.5 มองไปในอนาคตสร้างวสิ ยั ทศั นข์ องตนเอง
2. แสวงหาความรู้เก่ียวกบั การเปลี่ยนแปลงดว้ ยตนเองเพื่อเพ่ิมพูนระดบั ความเขา้ ใจและควบคุมอนาคต
ของตนเองปรึกษาหารือร่วมกบั ผรู้ ู้อ่ืนๆ พฒั นาเจตคติทางบวกเริ่มจากตนเอง เขา้ ใจการเปล่ียนแปลง
อยา่ งถูกตอ้ ง
3. พฒั นาและปรับปรุงตนเองและแสวงหาการสนบั สนุนจากบุคคลในอาชีพเดยี วกนั
3
การพัฒนาวิชาชีพครู หมายถึง ยุคของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างต่อเน่ือง เมื่อเกิด
การเปล่ียนแปลง ผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศึกษาควรได้คิดทบทวนวิสัยทัศน์ว่าควรจะมุ่งไปท่ี
ใด จะทาอย่างไร และต้องการทาอะไร พร้อมกับต้องปรับตัว ใหม่ในแต่ละช่วงของการ
เปล่ียนแปลง ซง่ึ การปฏบิ ตั ิเชน่ น้ี เรียกวา่ การทาตัวใหก้ ลับคนื มาใหม่(Self-renewal)ในมุมมอง
นี้ ผู้ประกอบวิชาชีพครูต้องเร่ิมจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือความคิดเกี่ยวกับตนเองก่อน
จนไปถึง เรื่องที่อาจส่งผลกระทบผู้อื่น ท้ังนี้เพ่ือเป็นการปฏิรูปตนเองให้สามารถเปล่ียนแปลง
อยา่ งย่งั ยนื และการจะ เปลยี่ นแปลงเพอื่ ใหเ้ กดิ ผลดตี ่อตนเองนัน้
การสะท้อนคิด หมายถึง การพัฒนาวิชาชีพครูเป็นกระบวนการเรียนรู้ของครูอย่าง
ต่อเนื่องตามช่วงอาชีพครูเพื่อความม่ันใจ ว่าครูจะมีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จา เป็นสา
หรับการปฏิบัติการสสอสนภภทา่าามพพกลกกาางากรารรณณเป์กลก์ ื่ยานารแรปพพลงัฒฒั ขอนนงสาาังวควมชิ ชิ เาศารชชษีพฐีพกคิจครแรลู ูะเทคโนโลยีอย่าง
รวดเร็วที่มีผลแกแรละลทะะบกตก่อาากรารสรสเระะียทนทรอู้้แอ้ ลนนะกคคาิดรดิสเอเพนพือ่บอื่ ทนนคาวาาไมไปนปี้มปปี ครรวะาะมยมยุ่กุงุกหตมตาใ์ ย์ใชทชี่จ้ ้ ะนา เสนอ
พกรัฒอนบาแวนิชวาคชดิ ีพสคารหใู ใกรนินจับกกกกรารารามสรกอรพานพรชพัฒฒัว่ัฒงนอนนาาาชวาพีิชตตาคชนรนีพูกเบัคเอกรอูางพรงพใรใ้อนฒั นมนกทาก้ังวาขิชา้อรารเชเสีเพปนปคอน็รแ็นู นผคลคะกใรนราทู กรทู าว่ีดร่ดีิจวัียาีทงแี่เกผ่ียนวกพับัฒกนาาร
วิชาชีพครู ท่ีผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู และผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิชาชีพ
สามารถ นา ไปประยุกตใ์ ช้
4
การพัฒนาตนเอง หมายถึง หน้าท่ีและความรับผิดชอบของครูเป็นส่วนสาคัญย่ิงในการ
ประกอบวิชาชีพครูและการดารงความเป็นครูของครูแต่ละคน งานครูอาจกาหนดได้ว่ามีงานสอน
งานอบรม และงานพัฒนาศิษย์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและแผนการศึกษา
แหง่ ชาติ ครูต้องมหี นา้ ทแี่ ละรบั ผิดชอบมากมายกว้างขวางย่งิ งานสอนเป็นหน้าท่ีครูท่ีมุ่งไปที่ศิษย์
ในด้านการให้ข้อมูลการให้เน้ือหาความรู้ เป็นการเผชิญกันระหว่างครูกับศิษย์ งานอบรมเป็นการ
จัดกระบวนการเรียนให้ศิษย์ได้มีประสบการณ์ต่างๆ ที่ครูวางแผนไว้เพื่อให้ศิษย์เติบโตและอยู่ใน
สังคมได้อย่างมีความสุข ส่วนงานพัฒนาศิษย์นั้นครูมีหน้าท่ีและความรับผิดชอบมากมายท้ังงานที่
ต้องสมั ผสั กับบุคคลภสาสยภภนอาากพโพรกงกเรายีานรรแณลณะก์ร์กวามาถรรงึ พตพวั ฒัคัฒรูเนอนงดาาว้ วยวิชชิ าาชชพี ีพคครรู ู
แแลละะกกาารรสสะะทท้อ้อนนคคิดิดเเพพือ่ อื่ นนาาไไปปปปรระะยยกุ กุ ตต์ใใ์ชช้ ้
ใในนกกาารรพพฒั ฒั นนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็น็นคครรทู ูท่ีดด่ี ี ี
5
การนาไปประยุกตใ์ ช้
ในการเปล่ียนแปลงสู่การศึกษาฐานสมรรถนะในคร้ังน้ีนบั เป็นกา้ วแห่งความทา้ ทายของครูไทยท่ี
ตอ้ งมีการปรับตวั คร้ังใหญ่ท่ีจะเปลี่ยนแปลงจากการออกแบบการจดั การเรียนรู้และมาตรฐานตวั ช้ีวดั เป็น
หลกั มาสู่การสร้างหอ้ งเรียนที่มีความหมายสาหรับผเู้ รียนและตวั คุณครูเองไดม้ ากข้ึน ท้งั การทาใหผ้ เู้ รียน
ไดค้ น้ พบศกั ยภาพและความสามารถของตนมีสุขภาวะท่ีดีท้งั ดา้ นร่างกาย อารมณ์ และสังคม สามารถ
เรียนไปใชง้ านเป็นเป็นประโยชนต์ ่อตนเองและสังคมรวมถึงสามารถยดื หยนุ่ ไดใ้ นโลกที่มีความซบั ซอ้ น
ผนั ผวนแปรปรวนและไม่แน่นอนเช่นในยุคปัจจุบนั น้ีการดาเนินการเพื่อการกา้ วสู่การเปล่ียนแปลงสู่
การศึกษาฐานสมรรถนะมีความแตกต่างกนั ตามบริบทและจุดเน้นของสถานศึกษาแต่ถึงแม้ว่าจะมี
จุดเริ่มตน้ ที่แตกต่างกนั แสสตภ่กภาาราดพพาเกนกินาากรราณรณที่จก์ ์กะาสา่งรรผพลพตฒั ่ฒัอคนวนาามาวสวาชิ ชิเรา็จาชจชะพี มีพีสคิ่คงสรราู คู ญั ที่เป็นตวั ช่วยสาคญั
ร่ว1ม)กกนั ารคตือระหนกั ใแนแลคลวะาะมกสกาาาครญัรสสแะละะทกทา้อร้อมนนีควคคามดิ ิดรูเ้คเพวพาม่ืออื่เขนนา้ ใาจาหไไปลปกั ปกปารรรแะนะยวยคุกิดุกตต์ใ์ใชช้ ้
และแนวทางการใศใกึนนษกากฐาาานรรสพมพรฒั รัฒถนนนะาอาตยตา่ งนนลึกเเอซอ้ึงงงใในนกกาารรเเปปน็ น็ คครรูททู ่ีด่ีดี ี
2) การปรับเปล่ียนและออกแบบการทางานใหเ้ หมาะสมกบั บริบทและ
ตน้ ทุนที่โรงเรียนมีอยู่
3) การเรียนรู้ร่วมกนั ของผเู้ ก่ียวขอ้ งทุกฝ่ าย โดยเฉพาะหากผบู้ ริหาร
ตระหนกั ในการพฒั นางานวชิ าการ และร่วมเรียนรู้กบั ครูอยา่ งใกลช้ ิดต่อ
เน่ืองสม่าเสมอในบรรยากาศอิสระ เก้ือกลู หนุนเสริมเติมพลงั ใจใหก้ นั และกนั
6
ลักษณะของครทู ดี่ ี
ว่าบุตรหลานของตนน้ันจะได้รับการศึกษาท่ีดีมีคุณภาพไม่เกิดความเลื่อมล่าทาง
การศึกษาไม่แบ่งชนช้ันวรรณะแต่มีความเสมอภาคทางการศึกษาเท่าเทียบกันทุกพื้นท่ีของ
ประเทศไทยความคาดหวังเหลา่ น้ี จงึ ตกเป็นภาระหน้าที่ของผู้ทาหน้าที่คือ “ครู”ซ่ึงเป็นบุคคลที่
ได้รับการยกย่องและเป็นท่ีเคารพนับถือของสังคมด้วยเกียรติยศของอาชีพครูจึงเป็นบุคคลต้น
แบบุหรือเปืนแบบอย่างที่ดีทางกาย วาจา จิตใจที่อ่อนโยน และความประพฤติท่ีแสดงออกต่อ
สงั คมบง่ บอกถึงความรกั ความเมตตาต่อศิษย์ทกุ ๆคนและเพอ่ื นรว่ มงานความประพฤติของครูจึง
มีอิทธิพลต่อสังคมและศิษย์ด้านการศึกษาความเสียละความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าท่ีจึง
เป็นแบบอย่างท่ีดีให้กับศิษย์ได้ยึดเป็นแนวทางการปฏิบัติตนท้ังด้านความประพฤติเพราะ
การศกึ ษาของเยาวชนจะมีประสิทธิภาพหรือด้อยประสิทธิภาพ ไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวทาง
การศึกษาของเยาวชนเท่าน้ันคู่รักเป็นส่วนหนึ่งของความสาเร็จเพราะเป็นผู้ทาหน้าที่ถ่ายทอด
ตค่วอาลมูกรวู้ ติญา่ ญง ๆาณโดคยวพารม่าสสเสปอภ็นภนคใาหารพ้ลูมพูกือกศกอิษาาายชร์ไรีพดณณ้สรับังก์คก์กมาาากรรศารพลึกพัษงัฒเารัฒดีย้วนกยนรคา้อาววงาวหมิชชิเาสแาียาลชสชะลพีเะีพป็คคนควคราวรมูารู มักคคาวดาหมวเมังขตอตาง
หผ้ปูรือกคครวอามงทยเ่ีุ่งฝยา้ ารแกอแลแลาลลบะะะาหกกวกังาแศาตริษร่แยสสสแ์ ดะละงะทอยทองั อ้อก้อุทถนึนงศิ คตคควนาิดติดมอ่ เรกเพู้ าพครว่อื ปอ่ืาฏมนนบิสาตัาามิหไาไนปรป้าถทปป่ีโมดรีศรยิละไะปมย่ระยู้จวุกักุกิทคตยตาาใ์วท์ใ่าช้ังเชหศ้ าน้ ส็ดตเหร์แนลื่อะย
ดศ้ลิานปกใ์ นาครศนึกเดษียาวดก้าันนใเกใรนาียนรกกสวกอ่าานาครรรแพูทลพ่ีมะฒั กีจฒั ิตารนวนฝิญึกาญาอตาบตณรนนมคเกวเอาาอมรงจเงปัดใ็นใกนนคิจรกกกูมราือรามอรทราเชี่เเอปีพปื้อแ็นตลน็ ่อะคกคคารรรรูคเูทวรูทรียด่ีไนด่ีดกี้รีาับรกสาอรนพัฒสอนดา
รับกับแนวคิด อมรรัตน์ แก่นสาร (2558) กล่าวว่า จิตวิญญาณความเป็นครูแบ่งเป็น 3 ช่วง
ดงั ต่อไปนี้
ชว่ งที่ 1 ช่วงพฒั นาสู่การเป็นครชู ว่ งการเป็นครูผู้มจี ิตวญิ ญาณความเป็นครแู ละชว่ ง การคงอยู่
ของการเปน็ ครผู มู้ จี ิตวิญญาณความเป็นครู
ช่วงท่ี 2 การเป็นครผู ู้มีจิตวิญญาณความเปน็ ครูการตระหนักรู้ในความเปน็ ครูการปฏบิ ัติตนบน
วิถีความเป็นครกู ารมเป้าหมายการทางานเพอื่ เด็ก และการปฏบิ ัตติ อ่ เดก็ ด้วย ความรักและ
เมตตา
ช่วงท่ี 3 การคงอยขู่ องการเป็นครผู มู้ จี ติ วญิ ญาณความเป็นครปู ระกอบด้วย ความสขุ ความ
ภาคภูมใิ จ ความผกู พนั ระหวา่ งครูกับศิษย์ และความศรทั ธาตอบคุ คลผูท้ รงคณุ ค่าของ แผ่นดนิ
7
ครทู ีด่ ี
การท่ีครูจะปฏิบัติหน้าท่ีของครูอย่างเต็มที่ศักด์ิศรีและเต็มความภาคภูมิได้นั้นครูจาเป็นต้องมีหลัก
ยึดเพอ่ื นาตนไปสู่สงิ่ ที่สงู สดุ หรือเปน็ อุดมคตขิ องอาชีพนั้นก็คือการมีอุดมการครูอุดมการครูมีหลักการท่ีจะ
ยึดไว้ประจาใจทุกขณะทป่ี ระกอบภารกิจของครมู ีอยู่หา้ ประการคือ เต็มรู้ เต็มใจ เต็มเวลาเตม็ คน เตม็ พลงั
1. เต็มรคู้ อื มีความรบู้ รบิ ูรณ์
อาชีพครูเป็นอาชีพท่ีต้องถ่ายทอดอธิบายให้ความรู้แก่คนดังน้ันครูทุกคนจะต้องเป็นผู้ท่ีทาให้ตนเองน้ัน
บรบิ รู ณห์ รือเตม็ ไปด้วยความรู้ประกอบดว้ ยความรู้สามประการคือ
1.1 ความร้ดู ้านวชิ าการและวชิ าชพี ครู
1.2 ความรเู้ ร่อื งโลก
1.3ความรเู้ รื่องธรรมะ สสภภาาพพกกาารรณณ์กก์ าารรพพัฒัฒนนาาววิชิชาาชชพี ีพคครรู ู
พ2.ุทเตธศ็มใาจสคนอื าคถวือาวม่ามใใี แจจแนเลป้ันลน็ ะแคะหกรกลู าะาเรปรส็นสใะหะทญท่ท้อ้อุกนสน่ิงคทคุกิดดิอเยเพ่าพงื่อเ่ือกินดนจาาากไไใปจปทปปั้งนรรั้นะะดยังยนกุ ้ัุกนตคตน์ใใ์เชปช็น้ ้ ครูที่มีอุดมการ
จาเป็นต้องสรา้ งใจใหเ้ ปใน็ในในจกทกเ่ี าตา็มรรบพรพบิ ัฒูรัฒณนด์น้วายากตตานรนมเีใเจออเปงน็งใคในรนูกกากราทารารใเจเปใปห็น้เต็น็มคคนร้ันรมทู ทูีค่ดีว่ดีาีมี หมายสองประการ
คือ
2.1 รกั อาชีพ
2.2 รักศษิ ย์
3.เตม็ เวลา
คือการรบั ผิดชอบการทมุ่ เทเพือ่ การสอนครูที่มอี ดุ มการจะตอ้ งใชช้ ีวติ คู่อย่างเตม็ เวลาทงั้ 3 ส่วนคือ
3.1 งานสอน
3.2 งานครู
3.3 งานนกั ศกึ ษา
8
ความสามารถทจ่ี าเปน็ ของผปู้ ระกอบวิชาชีพครู
จุดเริ่มตน้ ของการพฒั นาตนของผูป้ ระกอบวิชาชีพครูก็คือ การประเมินว่าตนเองมี
ความสามารถท่ีแทจ้ ริงในเร่ืองใดบา้ งจะตอ้ งพฒั นาเพิ่มเติมเรื่องใด พฒั นาต่อยอดเร่ืองใดซ่ึง
ควรมีการศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมแลว้ วางแผนนาสู่การปฏิบตั ิในชีวิตประจาวนั มีนักวิชาการ
จานวนมาก ไดเ้ สนอคุณลกั ษณะที่แสดงถึงความสามารถท่ีผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษาซ่ึง
หมายรวมถึงผปู้ ระกอบวิชาชีพครูควรมี
ตวั อย่างเชน่
1.เป็นนายหนา้ (Broker) ทางการศึกษาที่จะนาเสนอดูแลจดั หาผลประโยชน์จากการศึกษา
คใหวา้แมกส่ผุขูเ้ รใียนนกนาราเเรสียนนอรวู้สมสิธีเภจีกภตาาคราพตเรพิทียก่ีดกนีาตรา่อู้รทรก่ีสณาณอรก์ดเรก์ คียาาลนรอ้รรพูง้ พแกัฒลบัฒั ะคเนรวนียาานามวรตวู้ิชออ้ ิชยงาา่ากงชาชมรพีีคพีขวอคาคงมรผรหููเ้ รูมียานยทาให้ผูเ้ รียนเกิด
2.เป็ นผูร้ อบรูแ้ใแนลลเนะะ้ือกกหาาารสรสาสระะะททท่ีเอ้กอ้ ี่ยนนวกคคบั ดิ ิดกเาเพรพเือ่รอ่ืียนนนากาาไไรปปสปอปนรรซะะ่ึงยคยกุวกุ าตมตร์ใ์ใอชชบ้ ้รู้น้ีจะตอ้ งรู้ท้ัง
พ้ืนฐานของวิชาและใใคนนวกากมาราูร้ใรนพพปัฒัจฒั จุบนนนั าารตวตมนนทเ้งั เอขออ้งงเทใในจ็ นจกรกิงาหารลรเกัเปกปาน็ ร็นแคคนรวรูทคทู ิด่ดี ่ดี แี ลี ะทกั ษะของวิชา
3.เป็ นผมู้ ีความเขา้ ใจอยา่ งลึกซ้ึงถึงกระบวนการเรียนรู้ว่ากระบวนการใดเหมาะสมกบั เด็ก
คนใดหรือกลุ่มใดเน้ือหาใดควรใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบใด
4.เป็นผบู้ ริหารจดั การหอ้ งเรียนและแผนการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบท้งั รายวิชาราย
ภาครายสปั ดาห์และแต่ละชว่ั โมงท่ีสอน
5.เป็นผเู้ ชื่อมโยงการจดั การเรียนรู้กบั ความตอ้ งการจาเป็ นของเด็กแต่ละคนไดแ้ ละช่วยให้
เดก็ สามารถเช่ือมโยงหวั ขอ้ การเรียนรู้เขา้ กบั ชีวิตของตนไดอ้ ีกท้งั พฒั นาสมรรถนะท่ีสมั พนั ธ์
กบั การพฒั นาการเรียนรู้ของเดก็
9
6.เป็นผูป้ ฏิบตั ิตนเป็ นแบบอยา่ งที่ดีในการดารงชีวิตมีความเสมอตน้ เสมอปลายตรงต่อเวลาปฏิบตั ิงาน
แลว้ เสร็จตามเวลากระตือรือร้นในการร่วมมือร่วมใจปฏิบตั ิงานการศึกษานบั ถือใหเ้ กียรติผูอ้ ื่นดารงรักษา
จิตใจใหม้ ีความเมตตา แสดงความคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณใชท้ กั ษะในการส่ือสารสัมพนั ธก์ บั นกั เรียน
ผปู้ กครอง และผเู้ กี่ยวขอ้ ง ซึ่งพฤตกิ รรมเหล่าน้จี ะเปน็ ตัวแบบท่ดี ีให้กบั สังคม
7. เป็นผใู้ ส่ใจเก่ียวกบั สิทธิเดก็ โดยมีพฤติกรรมดงั น้ี
7.1 สร้างบรรยากาศแห่งความปลอดภยั และสุขภาพอนามยั ทางกาย
และจิตวทิ ยา
7.2 สร้างบรรยากาศแห่งความเป็นมิตรใหน้ กั เรียนรู้สึกอบอุ่น มน่ั คง
และเป็นสุขท่ีจะเรียนรู้เพ่ือพฒั นาเจตคติในทางบวก และการมี
วนิ ยั ในตนเอง สสภภาาพพกกาารรณณ์ก์กาารรพพัฒัฒนนาาววิชชิ าาชชีพพี คครรู ู
7.3 สร้างความเแชแื่อลลมะนั่ ะใกหกาแ้ ากร่นรสกัสเะระียทนททอ้ อุ้กนคนนคใคหิดิดเ้ กเิดเพคพวือ่ าอื่ มนนรู้สาาึกไวไปา่ปทปุกปครนระะยยุกุกตตใ์ ์ใชช้ ้
สามารถเรียนรู้ไใใดนน้ กกาารรพพัฒัฒนนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปปน็ ็นคครรูทูที่ด่ีดี ี
7.4 มีความรู้สึกไวต่อการเปล่ียนแปลงของเดก็ ซ่ึงอาจตอ้ งการความ
ช่วยเหลืออยา่ งรีบด่วนและทนั ท่วงที
7.5 พฒั นาทกั ษะในการประเมินความกา้ วหนา้ ของนกั เรียน และใช้
ผลการประเมินในการพฒั นา
8.เป็ นผูพ้ ฒั นาตนเองให้มีอารมณ์ขนั และมีส่วนร่วมสร้างอารมณ์ขนั เพราะอารมณ์ขนั ไม่เพียงเป็ นส่ิง
กระตุน้ ใหเ้ กิดการด ารงชีวติ ที่มีคุณภาพเท่าน้นั ยงั สร้างสรรคแ์ ละพฒั นาการคิดระดบั สูงไดอ้ ีกดว้ ย
10
9.เป็ นผูย้ อมรับการเปล่ียนแปลงเต็มใจที่จะทาส่ิงใหม่ๆแสดงความรับผิดชอบรับรู้และเขา้ ใจไดว้ ่า
ค่านิยมที่ไดร้ ับการถ่ายทอดมาด้งั เดิมเป็ นของมีค่าแต่ค่านิยมในการเปลี่ยนแปลงก็สร้างคุณค่าในชีวิต
เช่นกนั
10.เป็ นผูส้ นใจในวิชาชีพอย่างต่อเน่ืองและหาโอกาสพฒั นาสู่มืออาชีพอย่างแทจ้ ริงด้วยการปฏิบตั ิ
หนา้ ที่ท้งั ในหอ้ งเรียน โรงเรียน และชุมชน และเป็นผูน้ าความคิดทางการศึกษาสู่การพฒั นาคุณภาพชีวิต
ของนกั เรียน และสังคม
11. เป็นผทู้ ่ีเช่ือถือไดข้ องนกั เรียน เพื่อนร่วมอาชีพ ผปู้ กครอง และชุมชนนอกจากน้ี Kouzes และ
Posner(2002, p. 295) มีทศั นะวา่ คนที่มีความรู้สึกเชื่อมน่ั ในตนเองซ่ึงเป็นคนที่มีความมนั่ คงในจิตใจจะ
มองเห็นเส้นทางท่ีกา้ วหนา้ และสามารถพฒั นาสมรรถนะของตนเองไดง้ านวิจยั จานวนมากแสดงใหเ้ ห็น
วา่ ความมน่ั ใจในตนเองจะสสสภ่งภผาลาตพพ่อกกกาาราปรรฏณิบณตั ์กิงก์าานายรรงิ่ พถพา้ บัฒัฒุคคนนลเาหาวลว่าิชนิช้านั ามชชีคพีวีพามคคสรารมู ูารถในการคดิ กจ็ ะทาให้
สามารถตดั สินใจไดแแด้ ลียลงิ่ ะขะ้ึนกกแลาาะรสรสิ่งสทะ่ีจะะททบ้อนั อ้ ดนานลคใคหิดิดค้ เนเพเพราือ่ มือ่ ีคนนวาาามไมไปนั่ปใปจปใรนระตะนยยเอกุ งกุ กตตค็ ใ์ือ์ใสชชม้ ร้ รถนะของตนเอง
หากผูป้ ระกอบวิชาชีพใใคนนรูตกกอ้ างากรารรพพพฒัฒั ัฒนนานสามาตรตรนถนนเเะออขงองงใใตนนนกเอกงาากรจ็ระเเตปปอ้ ็นง็นมคีปครระรทูสทู บ่ดี ด่ีกีาีรณ์ท่ีตรงกบั บทบาท
หนา้ ท่ีประสบการณ์นบั เป็นมิติหน่ึงของสมรรถนะเพราะประสบการณ์เก่ียวโยงกบั การปฏิบตั ิหนา้ ที่และ
กิจกรรมของโรงเรี ยนและทาให้เกิดการส่ังสมองค์ความรู้ที่ได้รับจากการมีประสบการณ์ยิ่งมี
ประสบการณ์มากเท่าใดก็จะส่งผลให้ประสบความสาเร็จมากเท่าน้ันในการเพ่ิมพูนสมรรถนะจึงตอ้ ง
พฒั นาตนเองอยา่ งรอบดา้ นซ่ึง Kouzes & Posner (2002, p. 31) เสนอไว้ ดงั น้ี
11
1.สร้างแรงบนั ดาลใจกบั ตนเอง (Inspiring) มีความสนใจแสวงหาความรู้ เตม็ ไปดว้ ยพลงั และมีความรู้สึก
ทางบวก
2.เป็นแบบอยา่ ง (Modeling) ดว้ ยการแสดงใหเ้ ห็นความสามารถ ประเมินความสามารถของตนเองและ
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สามารถปฏิบตั ิในสิ่งท่ีคาดหวงั ใหผ้ อู้ ่ืนปฏิบตั ิได้
3.มีความทา้ ทาย (Challenge) ดว้ ยการแสวงหานวตั กรรมและกลา้ ที่จะคิดนอกกรอบ
4.ช่วยทาหผ้ อู้ ื่นสามารถปฏิบตั ิได้ (Enabling)ดว้ ยการสร้างการร่วมแรงร่วมใจการไวว้ างใจใหก้ ารยอมรับ
สร้างความผกู พนั ใหร้ างวลั เม่ือมีผลการปฏิบัติงาน
5.สนับสนุนให้กาลงั ใจ(Encouraging)เพ่ือช่วยสร้างแรงบนั ดาลใจให้กบั ผูท้ างานไดพ้ ฒั นางานให้มี
คุณภาพและมีประสิทธิภาพมากข้ึน
หากวเิ คราะหล์ งไปถึงปรสะสเดภภน็ ากาาพรพพกกฒั านารารคณรณูผก์สู้ ก์ อานารจราพกพผัฒฒัลกนานราปารววะชิ เิชมาินาชคชวพี าพี มคตคอ้ รงรูกู ารจาเป็นในการพฒั นา
ครูผสู้ อนดา้ นการจดั กแาแรลเลรีะยะนกรกู้าโารรรงสเรสียะนะทกทรอุ้งอ้ เทนนพคมคหิดิดานเเพคพรอ่ื(จอ่ื ิรนนนานั าทไไ์ปนปุ่นปปชรูครนัะะแยยลุกะุกคตณตใ์ะใ์ ช,ช2้5้ 59,น. 93) พบวา่
ครูผสู้ อนมีความตอ้ งการใจในานเปก็กนาใานรรกพาพรฒัพัฒฒั นนนาาาดตงัตนน้นี เเอองงใในนกกาารรเเปป็นน็ คครรทู ทู ด่ี ่ีดี ี
1. ครูผสู้ อนมีความตอ้ งการจาเป็นในการพฒั นาเรื่องจดั การเรียนรู้โดยใชก้ าร วจิ ยั เพื่อคน้ หาความรู้อยา่ ง
เป็นระบบเป็นลาดบั ที่ 1 การจดั การเรียนรู้แบบโครงการเพื่อฝึ กทกั ษะการคิดเป็นลาดบั ท่ี 2 การจดั การ
เรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อฝึกทกั ษะการจดั การ และการประเมินผลการเรียนรู้ท้งั ผลงานและกระบวนการ
เป็นลาดบั ท่ี 3
12
ประเมินผลการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงและจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสรุปความรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นลาดับที่
4 และการจัดการเรียนร้แู บบค้นพบเพอื่ ฝึกทักษะการเผชญิ สถานการณแ์ ละแก้ปญั หา เปน็ ลาดบั ท่ี 5
2.ครูผูส้ อนส่วนใหญ่มีความตอ้ งการจาเป็ นในการพฒั นาดา้ นพฤติกรรมในการจดั การเรียนรู้เร่ือง
จดั การเรียนรู้โดยใชก้ ารวจิ ยั เพื่อคน้ หาความรู้อยา่ งเป็นระบบ เป็นลาดบั ท่ี 1 การจดั การเรียนรู้โดยใช้
กระบวนการบูรณาการเพ่ือบูรณาการสาระความรู้ดา้ นต่างๆ เป็นลาดบั ท่ี 2 การประเมินผลการเรียนรู้
จากการปฏิบตั ิจริง เป็นลาดบั ที่ 3 การจดั การเรียนรู้โดยใชโ้ มเดลซิปปาเพ่ือใหน้ กั เรียนสร้างองคค์ วามรู้
ดว้ ยตนเองและมีปฏิสมั พนั ธ์กบั ผูอ้ ื่น เป็นลาดบั ท่ี 4 และการจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อฝึ กทกั ษะการ
จดั การ เป็นลาดบั ที่ 5
จะเห็นไดว้ า่ แนวคิดที่กล่าวมาส่วนใหญ่มีความสอดคลอ้ งกนั ในประเดน็ ท่ีวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูที่
ตอ้ งการพฒั นาวิชาชีพขอสงสตภนภใาหาพม้พีคกกวาามารกราณ้ ณวห์กน์กาา้ านร้นัรพพตัฒอ้ัฒงเนปน็นาาผวทู้วชิ่ีมิชีทาาศั ชนชคีพพี ตคิเชคิงรรบู วู กต่อการเปลี่ยนแปลง
และเป็นผทู้ ่ีรอบรู้มีขแแอ้ ลมลูละขะก่ากวาสาารรรอสสยะา่ ะงทกทวอ้า้อ้งนขนวคาคงดิ รดิ ู้จเเกัพพวนิื่อ่ือิจนฉนยั าตานไไปเอปงปเปองรรตะาะมยคยุกวกุามตตเปใ์ ์ใ็นชชจ้ ร้ ิงก่อนเพ่ือทราบ
จุดอ่อนจุดแขง็ ของตนใเอในงนพกกรา้อามรรยพอพมัฒรัฒับนเนพาือ่ าปตตรนับนเปเเอลอ่ียงนงใตในนนเอกกงาใาหรเ้รหเเ็นปปคน็ุณ็นคคค่าใรรนูทตทู น่ดี ด่ีเอี งี พยายามสร้างแรง
บนั ดาลใจใหก้ บั ตนเอง แสวงหาความรู้และสะสมประสบการณ์การทางานอยา่ งมืออาชีพ เพื่อสร้างพลงั
ในตนเองใหส้ ามารถเผชิญการเปลี่ยนแปลงอยา่ งยง่ั ยนื
13
แนวทางการประเมนิ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครสู มู่ าตรฐานวชิ าชพี
OECD (2009, p. 5) ไดเ้ สนอกรอบการประเมินผปู้ ระกอบวิชาชีพครูท้งั ระบบโดยมีส่วนไดส้ ่วนเสีย
ร่วมรับผิดชอบในการประเมินซึ่งประเมินท้ังในระดับโรงเรียนเขตพ้ืนที่การศึกษาและชุมชนซ่ึงในที่น้ีจะ
กล่าวถึงกรอบการประเมินผู้ประกอบวิชาชีพครูพอสังเขปดังน้ี (ดูภาพท่ี 1)กรอบการประเมินครูทั้งระบบน้ี
ต้ังอยู่บนฐานคิดที่ว่าครูเป็นทรัพยากรสาคัญท่ีสุดในโรงเรียนท่ีจะช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของ
โรงเรยี นได้ การพัฒนาโรงเรยี นให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างเสมอภาคและเกิดประสิทธิผลต้องพัฒนาครู
ให้มีความรู้และทักษะในระดับสูงและมีขวัญกาลังใจเพื่อจะปฏิบัติงานได้อย่างเต็มความสามารถและถ้า
ยกระดับคณุ ภาพการสอนของครไู ด้ก็ย่อมจะสง่ ผลถงึ การเรียนร้ขู องผูเ้ รยี นด้วยเมอื่ มองยอ้ นกลับจะเห็นได้ว่า
การกากับติดตามและประเมินการสอนของครูเป็นหัวใจของการปรับปรุงประสิทธิภาพการสอนของครูให้
ต่อเน่ือง เพราะทาให้รู้ว่าสสคภรภูมาีจาุดพพแขกก็งแาาลระรณจณุดทก์ ก์ี่คาวารรรพพัฒพนัฒฒั าอนะนไาราบวว้าิชงชิ าาดชชังพีนพี ้ันคหคนรร่วู ยู งานที่เกี่ยวข้องกับการ
ประเมนิ ครจู ึงต้องหาแแแนลลวทะะากงกปาราะรรเมสสนิ ะคะรทเูทพอ้ ่ืออ้ ปนนรบัคคปิดรดิ งุ เแเพลพะือ่พ่ือฒั นนนาาากไไาปรปจปัดปกรารระะเรยียยนกุ ุกกตาตร์ใส์ใชอชน้ ้ให้มีประสิทธิภาพ
ยงิ่ ข้ึนและเปน็ การยกมาใตในรนฐกากนาการารรพศพกึ ฒั ษัฒานแนลาะากตตารนปนรเเะออเมงินงใคในรนูทกี่มกคีาาวรารมเหเปปมน็า็นยจคคะรตร้อูททูงเด่ีกี่ด่ยี ี วี ขอ้ งกับการประเมิน
คุณภาพการสอนประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนและให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อหาทางช้ีแนะสนับสนุนและพัฒนา
วิชาชีพรวมท้ังการให้ขวัญกาลังใจตลอดจนชื่นชมกับการทางานของครูกรอบการประเมินดังกล่าวสรุปให้
เหน็ มิตติ า่ งๆ ที่เก่ยี วข้องในการประเมนิ ครูและแสดงถึงของมิติเหล่าน้ันวัตถุประสงค์สาคัญของการประเมิน
ก็คือตอ้ งมัน่ ใจว่าการประเมินครูจะชว่ ยใหผ้ ลลพั ธ์ด้านผเู้ รียนพฒั นาขึ้นเน่ืองจากครไู ด้มีการเปล่ียนแปลงการ
สอนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพขึน้ ดงั นนั้ กรอบความคดิ ของการประเมนิ จงึ ประกอบด้วยมติ ติ ่าง ๆ
6 มติ ิที่สัมพนั ธก์ นั
14
มิติที่ 1 หน่วยท่ีถูกประเมิน (Unit Assessed: Who) ในท่ีน้ีครูเป็นเป้าหมายของการประเมินแต่ตอ้ ง
อาศัยการประเมนิ ส่วนอนื่ ๆเก่ียวข้องด้วย เช่น การประเมินนักเรียน การประเมินโรงเรียน และการประเมิน
ระบบการศึกษา
มิติที่ 2 หน่วยผู้ประเมินและใช้ผลการประเมิน (Capabilities to assess and to use feedback: By
Whom?) มติ นิ ้เี ก่ยี วขอ้ งกบั หลายหนว่ ยท้ังผ้ปู ระเมิน ผู้ถกู ประเมิน ผใู้ ช้ผลการประเมิน และผู้รับผิดชอบการ
ประเมิน ดังน้ัน จึงมีประเด็นที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาหลากหลาย เช่น การเลือกผู้ประเมินและการพัฒนา
ความรู้และทักษะในการประเมินครู การเตรียมครูผู้ที่จะรับการประเมินการพัฒนาความสามารถของผู้ที่จะ
ใช้ผลการประเมินเพ่ือปรับปรุงและพัฒนาการสอนของครูท่ีถูกประเมินและการออกแบบของผู้รับผิดชอบ
การประเมินทีจ่ ะตรวจสอบผลการประเมนิ เพอ่ื ใหน้ ่าเชือ่ ถอื และนาไปเป็นข้อมลู ในการพัฒนานโยบาย
มิติที่ 3 คุณลักษณะที่มุ่งสปสรภะภเามาินพพ(กAกsาpารeรcณtณs ์กa์กsาsาeรsรsพeพdฒั :ัฒWนนhาaาtว?ว)ิชิชการาะชบชวพี ีพนกคคารรรปู รู ะเมินครูเน้นท่ีกิจกรรม
การเรียนการสอนขอแงแคลรลู เะชะ่นกกกาาารรรเสตสระยีะมททแผ้ออ้นนกนาครคสิดอิดนเเพกพาอื่ รือ่ บนรนิหาาาไรไจปปัดปกปารรรชะั้นะเยรยียุกนุกตตแลใ์ ใ์ะชชก้า้ รจัดการเรียนการ
สอน รวมถึงความรับผิดใใชนนอบกกอา่ืนารๆรพเพชัฒ่นฒั กนนาราชาต่วตยนพนัฒเเอนอางโงรใงในเนรียกกนาากรารเรเสปปร้าน็ น็งคคควารมรทูสทู ัมด่ี พด่ี ันี ีธ์กับชุมชน การร่วม
กิจกรรมพฒั นาวชิ าชีพ เป็นต้น
มิติท่ี 4 เทคโนโลยกี ารประเมิน (Evaluation ‘technology’: How?)
มิตินี้เกี่ยวกับวิธีการประเมินครูซึ่งใช้เคร่ืองมือหลากหลาย มีเกณฑ์และมาตรฐานมีการกาหนดขอบเขตการ
ประเมนิ ความรูแ้ ละทกั ษะทจี่ ะใชใ้ นการประเมนิ ตามตัวแบบ
15
มิติท่ี 5 จุดประสงคก์ ารประเมิน (Purposes: For what?) จุดประสงคข์ องการประเมินกเ็ พื่อใหแ้ น่ใจ
ว่าผลการประเมินจะถูกนาไปใชใ้ นการปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพการสอนของครูและเพื่อเป็นการ
ประกนั คณุ ภาพ ตวั อย่างกลไกที่แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ผลการประเมิน เช่น มีข้อมูลย้อนกลับ มีแผนการ
พัฒนาวิชาชพี และมีการให้รางวัลหรอื การเสรมิ สร้างขวญั และก าลังใจในรูปแบบอ่ืน ๆ
มิติที่ 6 ผทู้ ่ีรับผดิ ชอบการประเมิน (Agents involved: Withwhom?) มิติน้ีเกี่ยวกบั การนาข้นั ตอน
การประเมินสู่การปฏิบตั ิ ซ่ึงตอ้ งอาศยั การมีส่วนร่วมจากผูป้ กครอง นกั เรียน ครู ผูบ้ ริหารสถานศึกษา
องคก์ ารครูผ้บู รหิ ารการศกึ ษา และผกู้ าหนดนโยบาย
สสภภาาพพกกาารรณณ์กก์ าารรพพัฒฒั นนาาววิชิชาาชชีพพี คครรู ู
แแลละะกกาารรสสะะทท้ออ้ นนคคดิ ิดเเพพอื่ ่ือนนาาไไปปปปรระะยยกุ กุ ตตใ์ ์ใชช้ ้
ใในนกกาารรพพฒั ัฒนนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็น็นคครรทู ทู ดี่ ่ีดี ี
16
แนวทางการสง่ เสรมิ พฒั นาผปู้ ระกอบวชิ าชีพครสู มู่ าตรฐานวชิ าชพี
ในการพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครสู ูม่ าตรฐานวิชาชพี มีองคป์ ระกอบหลายประการที่ควรหยิบยกมาพิจารณา
นบั ตัง้ แต่เหตผุ ลในการเลือกอาชพี ครูเป้าหมายที่ตั้งไว้และวิธีการท่ีจะไปถึงเป้าหมายซึ่งเป้าหมายนับได้ว่าเป็น
หัวใจสาคัญที่ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบวิชาชีพประสบความสาเร็จได้เป้าหมายในงานอาชีพอาจจะเป็นท้ังใน
ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสัน้ ถ้าหากปราศจากเปา้ หมาย วชิ าชพี กจ็ ะไร้จุดหมายปลายทางขาดแนวทาง
สาหรับการปฏิบัตแิ ละไมม่ เี หตผุ ล
ท่ดี ีในการประกอบวชิ าชีพ (Johnson. 1991, p. 22) การทผี่ ้ปู ระกอบวชิ าชพี
ทางการศึกษาจะบรรลุเป้าหมายได้จาเป็นจะต้องมีความรู้ทั้งด้านวิชาชีพทางการศึกษากับธรรมชาติของ
องค์กรเพ่ือประกอบเป็นแนวปฏิบัติการทางานการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูหน่วยส่งเสริมต้อง
ตระหนักถึงความต้องการจาสเสปภ็นภทาาแี่ พทพ้จกรกิงาขารอรงณผณปู้ ์กรก์ะากาอรรบพวพชิ ัฒาฒั ชีพนนคาราซู วึ่งวสชิ ิชว่ านาใชหชญีพีพจ่ คะคครรรอู ูบคลุมใน
9 ประการ ดงั น้ี แแลละะกกาารรสสะะททอ้ ้อนนคคิดิดเเพพ่ืออื่ นนาาไไปปปปรระะยยุกุกตต์ใใ์ ชช้ ้
1. ความต้องการอบรมใวใิชนนาเกฉกพาาาระรสพพาหฒั ฒัรับนกนาาราเตรติม่ นตนน้ เเเอปอ็นงงคใรในู นกกาารรเเปป็น็นคครรทู ทู ีด่ ดี่ ี ี
2. ความตอ้ งการสิง่ ตอบแทนทเี่ ป็นความก้าวหน้าในสายวชิ าชพี
3. ความตอ้ งการได้รับการยอมรบั ในสถานะภาพและความเปน็ มืออาชีพ
4. ความต้องการที่จะสามารถจัดการกับการเปลีย่ นแปลง
5. ความตอ้ งการเป็นผรู้ อบร้ใู นสาระวิชา
6. ความต้องการพฒั นาทกั ษะใหม่ๆ
7. ความตอ้ งการทจ่ี ะธารงรักษาความมีคณุ ธรรมจริยธรรม
8. ความตอ้ งการมีบทบาทท่ีชัดเจน
9. ความตอ้ งการการศึกษาในระหวา่ งประจาการ
17
วงจรงานอาชพี
ไดท้ างาน
Getting a job
เลื่อนตาแหน่งดีข้ึน วงจรงานอาชีพ รักษาสถานะงาน
Leaving a job fสoสrภภาาพพกกาารรณTณh์ก์กeาาCรรaพพreัฒัฒeนrนาาววิชชิ าาชชพี ีพคคKรรeู ูeping a job
a betterแoแลnละeะกกาารรสสะะทท้อ้อนนคCคดิyิดcเเพlพeอ่ื อ่ื นนาาไไปปปปรระะยยุกกุ ตต์ใ์ใชช้ ้
ใในนกกาารรสพพรัฒ้าฒังคนนวาาาตมตกนนา้ เวเออหงนงใใา้นนใกนกงาาารนรเเอปปา็นชน็ ีพคครรูททู ่ดี ่ีดี ี
Advancing on the job
ท่มี า : Johnson, D. W. (1991). Human relations and your career.3rded. Englewood
Cliffs, New Jersey: Prentice Hall. p. 5.
18
วงจรงานอาชพี
ซ่ึง Johnson (1991, p. 12) ได้เสนอวา่ การสง่ เสริมและพัฒนาทกั ษะ
ผู้ประกอบวิชาชีพให้สามารถดาเนินอยู่อย่างมีความสุข ในวงจรอาชีพควรมีทักษะและสมรรถนะระหว่าง
บคุ คลประกอบดว้ ย 9 รายการ ดงั น้ี
1. ความรูส้ กึ ตระหนักในตนเอง (Self-awareness)
2. การร่วมมอื รว่ มใจ (Cooperating)
3. การนา(Leading)
4. การส่ือความ (Communicating)
5. การตัดสนิ ใจ และกสาสรภแภกา้ปาญัพพหกากตาา่างรๆรณณ(Mก์aก์ kาiาnรgรพDพeฒั cฒั isนioนnาาaววnชิdชิ าSาoชชlvีพiพีngคคPรrรoู bู lems)
6. การปฏิบัตภิ าแยแใลตล้ภะาะวกะกกาาดรดรสันสไะดะ้อทยท่าอ้ ง้อมนปีนรคะคสิดดิิทเธเพิภพา่อืพื่อน(PนeาาrfไoไปrปmปiปnรgระUะnยdยุกeกุrตSตt์ใr์ใeชชss้ ้
effectively) ใในนกกาารรพพฒั ฒั นนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็น็นคครรทู ูทีด่ ด่ี ี ี
7. การสร้างความสมั พนั ธ์อนั ดีงาม (Building Good Relationships)
8. การบรหิ ารจัดการความขัดแย้งได้อย่างสร้างสรรค์ (Managing Conflicts
Constructively)
9. การสร้างอัตลกั ษณท์ มี่ ่นั คง (Building a Stable Identity)
19
ปจั จัยทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การพัฒนาวิชาชีพครู
การพัฒนาวิชาชีพครูเพ่ือให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพน้ันเป็นกระบวนการดาเนินงานที่เป็นระบบ
นับต้ังแต่การวางแผนการนาไปปฏิบัติตามแผนการกากับติดตามและการประเมินผลด้วยเหตุนี้จึงมีปัจจัยที่
เกี่ยวข้องกับความสาเร็จในทุกขั้นตอนซ่ึงปัจจัยที่จะกล่าวต่อไปน้ีได้แนวคิดมาจากการทบทวนงานวิจัยใน
ระดับนานาชาตเิ ร่ืองการพฒั นาวชิ าชีพครูของ UNESCO ซ่ึงผู้ท่ีสังเคราะห์วรรณกรรมในเรื่องน้ี คือ Villegas
–Reimers (2003, p. 119 - 143) ได้แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาวิชาชีพครูจะประสบความสาเร็จหรือไม่นั้น
ข้ึนอยู่กับหลายปัจจัยนับตั้งแต่ตัวของผู้ประกอบวิชาชีพครูผู้บริหารสถานศึกษา ชุมชน หน่วยงานภาครัฐซ่ึง
เป็นฝ่ายกาหนดนโยบาย หน่วยงานภาคเอกชน องค์การอิสระ และสถาบันการผลิตครูในระดับอุดมศึกษา
ปดังรนะกั้นอบกาวรชิ ศาึชกพีษแาปละัจผจทู้ัยทมี่ ี่เีสกส่วส่ียนภวไภขดา้อส้ าง่วพกพนับเกสกกียาาทารรพารงัฒณกณนารก์า์กศวากึิชาษารชราพีพดพังคัฒกรฒั ลูจา่ะนวนชไ่วาดายเ้วขใวหา้ิชใ้ชิผจู้กาถาาชึงหชคนีพวพี ดามคนคเโกรยรีย่ บูวูาขย้อใงนเหชน่ือม่วยโยงงาขนอกงลปาัจงจัยผู้
ต่างๆ ในการพฒั นาวแิชแาลชลีพะะซกกึง่ ปาาจั รจรสยั สตะา่ะงทๆทอ้ ้อนนคคิดิดเเพพื่อือ่ นนาาไไปปปปรระะยยุกกุ ตต์ใใ์ ชช้ ้
ดังกลา่ วสรุปไดด้ ังน้ี ใในนกกาารรพพัฒัฒนนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็นน็ คครรูททู ่ีด่ดี ี ี
1)วัฒนธรรมการสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูจะประสบความสาเร็จได้ต้องอาศัยการเสริมสร้าง
วัฒนธรรมความร่วมมือร่วมใจในสถานศึกษาอย่างมีคุณภาพระหว่างครู ผู้บริหาร และบุคลากรอ่ืนๆ ทั้งใน
และนอกสถานศึกษาและการสร้างวัฒนธรรมการสนับสนุนซึ่งกันและกันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมี
แนวทางดาเนนิ การอย่างนอ้ ยใน 6 ลักษณะ ดงั นี้
20
1. พฒั นาค่านิยมขององคก์ ารในเร่ืองการทางานเป็นหมู่คณะการเปิ ดเผยและ
ความไวว้ างใจ
2. เปิ ดโอกาสและใหม้ ีช่วงเวลาคุณภาพเพือ่ สนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั
3. ใหค้ รูไดม้ ีโอกาสเรียนรู้และเขา้ ใจองคก์ ารของตวั เองอยา่ งแทจ้ ริง
4. ทบทวนบทบาทหนา้ ที่เก่ียวกบั ความเป็นผนู้ าและปรับใหค้ รอบคลุมถึง
บทบาทของครู
5. ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายท้งั ในและนอกสถานศกึ ษาและความร่วมมือ
รว่ มใจในการทางานอย่างเป็นหนง่ึ เดียว
6. เตรียมครูใหเ้ ป็นผนู้ าในวชิ าชีพของตนอยา่ งแทจ้ ริงซ่ึงหมายถึงใหค้ รูได้
ออกแบบการพฒั นาตนสเสอภงภนาาาพสพู่กกากราปารฏรบิณณตั แิ ก์ ลก์ ะาาปรรระพพเมัฒนิัฒคนวนามาากวา้ววิชชิหานา้าชชในีพีพคครรู ู
วิชาชีพของตนเอแงแไดลล้ ะะกกาารรสสะะทท้อ้อนนคคิดิดเเพพ่ือื่อนนาาไไปปปปรระะยยกุ ุกตตใ์ ์ใชช้ ้
2)บริบทเป็นอีกปัจจยั หใในนน่ึงกทก่ีผาาทู้ ร่ีเรกพ่ียพวฒั ขัฒอ้ นงนกาบั ากตตารนนพเฒั เอนองางวใชิในานชกีพกคาารรูตรเอ้ เปงปใหน็ น็ ค้ ควคารมรูทสทู นี่ดใ่ดีจีเีพราะบริบทท่ีแตกต่าง
กันย่อมมผี ลตอ่ การดาเนนิ การพฒั นาวิชาชพี ทแี่ ตกตา่ งกั
3)ระดบั การพฒั นาของสถานศึกษาสถานศึกษาแต่ละแห่งยอ่ มมีระดบั การพฒั นาที่แตกต่างกนั สถานศึกษา
จึงยอ่ มตอ้ งมีกลยทุ ธ์ในการพฒั นาวชิ าชีพครูแตกต่างกนั จากการสังเคราะหร์ ายงานการศึกษาของ UNESCO
พบวา่ ระดบั การพฒั นาของสถานศึกษาแบ่งออกเป็น 4 ระดบั
ส
21
4)เวลาเป็ นปัจจยั สาคญั อีกปัจจยั หน่ึงของการพฒั นาวิชาชีพทางการศึกษาโดยเฉพาะครูตอ้ งการเวลาใน
ขณะท่ีพฒั นาวชิ าชีพระหวา่ งการสอนในช้นั เรียนและดููผลที่จะเกิดข้ึนจากความพยายามของตน
5)งบประมาณงบประมาณเป็นปัจจยั สาคญั ยง่ิ ในการพฒั นาวิชาชีพครูเพื่อใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงที่ยงั่ ยนื แต่
ทวา่ ในขณะน้ีประเทศต่างๆทวั่ โลกกาลงั เผชิญกบั ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจกนั อยา่ งกวา้ งขวาง อนั ส่งผลใหม้ ีการ
ตดั ทอนงบประมาณที่ใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาและการพฒั นาวชิ าชีพของครู
6)ข้นั ตอนในการพฒั นาวิชาชีพการพฒั นาครูใหม้ ีความกา้ วหนา้ ทางวิชาชีพอย่างแทจ้ ริงน้นั ตอ้ งใส่ใจกบั
ประสิทธิภาพของข้นั ตอนในการพฒั นาวชิ าชีพอยา่ งจริงจงั ท้งั น้ีเป็นเพราะวา่ ในแต่ละข้นั ของการพฒั นาน้นั
ครูมีคุณลกั ษณะและความตอ้ งการแตกต่างกนั ดงั จะเห็นไดจ้ ากแนวคิดของHuberman (1989 อา้ งถึงใน
Villegas-Reimers, 2003) ท่ีกล่าวถึงการพฒั นาวชิ าชีพครู
7)การใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการสสสภอภนาากพพารกนกาาาเทรรคณณโนก์ โ์กลาายรไี รปพพใชัฒฒัใ้ นนกนาาราเวรวียิชิชนากาาชรชสีพีพอคนคนรรบั ู วู ่าเป็นความทา้ ทายอยา่ ง
มากของการพฒั นาวชิแแาชลลีพะขะอกกงคาารรูเรนสื่สอะงะจทาทก้อปอ้ ัญนนหคาคทิดี่หิดลเเาพพยๆอ่ื ื่อปนนระาาเทไไศปปทปี่กปารลรงัะปะยฏยิรุกูปกุ กตตาร์ใ์ใศชชึก้ษ้ าไดเ้ ผชิญคือ การ
8ท)ี่คบรทูยบงั ไาทม่สขอามงอารงถคเก์ขาา้ รถดึงใา้กในนานวรกใชิ กชาาช้าเีทพรรคคพพโรูนใฒั นัฒโหลนยลนใีาานยาปกตตารรนะนปเทเฏเศอิบอทตัง่ีใงิงหใาในนค้ นวไกาดกมอ้าสยาราา่ รคงเมญัเปีปปกรบน็ั ะน็ วสคชิ คิทารธชริภีพูทูทาทพด่ี าด่ี งีกี ารศึกษาเช่นประเทศ
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ไดม้ ีการปรับเปลี่ยนบทบาทขององคก์ ารครูหรือสหภาพครู (Teacher Unions)
22
แบบที่ 1 เป็นแนวทางการพฒั นาครูแบบด้งั เดิมซ่ึงทางสหภาพฯจะเป็นฝ่ ายจดั หาทรัพยากรต่างๆให้
ในการประชุมระดับชาติรวมท้งั จดั หาผูเ้ ช่ียวชาญในการกล่าวปาฐกถานารวมท้งั จดั การอบรมเชิง
ปฏิบตั ิการท่ีเป็นความสนใจของสมาชิก
แบบท่ี 2 เป็นแบบที่มีความกา้ วหนา้ มากข้ึนโดยสหภาพฯจะมีกิจกรรมท่ีครอบคลุมท้งั การพฒั นาและ
สนบั สนุนส่งเสริมโครงการใหม่ๆหรือนวตั กรรมต่างๆ เพอื่ ช่วยใหค้ รูกา้ วทนั การเปล่ียนแปลงของสังคม
และการเมืองประเดน็ ท่ีน่าสนใจ เช่น การใหค้ รูมีส่วนร่วมในการตดั สินใจ โปรแกรมการเตรียมพร้อม
สาหรับครูก่อนประจาการโปรแกรมสาหรับครพู เ่ี ลยี้ งและการวิจัยเชิงปฏิบัติการเป็นต้นนอกจากน้ียังมีการ
แต่งต้ังคณะกรรมการอีกชุดเพื่อคอยตรวจสอบบทบาทของสหภาพฯในการพัฒนาวิชาชีพครูและหา
แนวทางพฒั นาบทบาทของ สหภาพฯให้ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง
แบบท่ี 3 เป็นการพฒั สนสาภวภิชาาาชพพีพกคกราูทาร่ีอราณศณยั ์กกก์ าารามรรีสพ่วพนัฒฒัร่วนมนใานาวรวะชิ ดชิ บัาาอชชงคพี พีก์ าคครนรรบัู ูว่าเป็นแบบที่กา้ วหนา้
มาก เพราะเนน้ การพแแฒั ลลนะาะคกรกูเาปา็นรรรสาสยะบะทุคทค้อลอ้ แนนละคคพดิฒัดิ นเเพาพคอ่ืวือ่ านมนคาิดาไรไิเปรปิ่มปสปรร้ารงะะสยรยรกุ คกุ ข์ตตอใ์งใ์ ชคชรู้โ้ ดยครูที่ตอ้ งการ
พฒั นาความกา้ วหนา้ ในใในวนิชกากชาีพารจระพตพิดัฒัฒต่อนขนอาาคตวตานมนชเ่เวออยเงหงใลในือนสกนกาบั าสรรนเเุนปปจน็าน็กคสคหรรภูทาูทพดี่ ฯดี่ ใี ีนการนาวตั กรรมท่ี
ไดพ้ ฒั นาขึ้นในระดับองค์การของตนไปทดลองใช้ในโรงเรียนอ่ืนๆในเขตพื้นที่ของตนว่าจะได้ผลหรือไม่
อยา่ งไรดงั นั้น สหภาพฯจะมีบทบาทในการเสริมสร้างพลังอานาจให้กับครูเพ่ือให้ครูได้แสดงภาวะผู้นาทาง
วิชาการอย่างเต็มศักยภาพจึงเห็นได้ว่า องค์การครูเป็นปัจจัยสาคัญอีกปัจจัยหนึ่งในการเสริมสร้าง
ความก้าวหน้าในวิชาชีพครูองค์การที่มีประสิทธิภาพจะมีแนวทางการพัฒนาครูอย่าง
หลากหลาย ทัง้ นขี้ ้นึ อยูก่ บั ความพรอ้ มของครแู ละโรงเรียนในบริบทน้นั ๆเป็นสาคัญ
23
การสะท้อนคิดเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองในการเป็นครทู ่ดี ี
1.)การเป็นผมู้ ีกรอบความคิดแบบเติบโต ( Growth Mindset)
ครูผู้สอนควรพัฒนาตนเองโดยเชื่อว่าความสามารถหรือสติปัญญาของบุคคลสามารถพัฒนาได้
ตลอดเวลา การไมห่ ลีกเลี่ยงความทา้ ทาย การไม่ยอ่ ท้อต่อความลม้ เหลว การเห็นคุณค่าของความพยายาม
การเรยี นรู้จากคาวิจารณแ์ ละการมองหาบทเรียนและแรงบันดาลใจจากความสาเร็จของผู้อ่ืนมีความพร้อม
ที่จะเผชญิ กบั ความเปล่ียนแปลงมีความคิดยืดหยุ่นปรับตัวได้ในหลากหลายสถานการณ์มีความสามารถใน
การคดิ นอกกรอบคดิ สร้างสรรค์มีความกลา้ ท่ีจะทาส่ิงใหม่ที่ไม่คุ้นเคย กล้าเส่ียง และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์
ทเี่ กิดขน้ึ ชืน่ ชมยนิ ดีเม่อื สาเร็จ และสามารถระบปุ ัญหา และค้นหาวิธกี ารในการแก้ปัญหาในกรณีไม่สาเร็จ
ตามเปา้ หมายได้ สสภภาาพพกกาารรณณก์ ์กาารรพพัฒฒั นนาาววิชชิ าาชชีพพี คครรู ู
2ฐ.า)นควสามมรรรู้ ถคนวาะมเขา้แใแจลทละี่เกะ่ียกกวาขาอ้รรงสกสบั ะกะทาทรศ้ออ้ึกนษนาคฐคาิดนิดสเเมพพรร่อื ื่อถนนนะาคาวไไาปมปรปู้ปครวราะมะยเขยา้กุ ใกุ จตตท์ใี่เก์ใช่ียชว้ ้ขอ้ งกบั การศึกษา
ครูผสู้ อนควรไดร้ ับใกในานรกพกฒัาานรราพเพพือ่ัฒฒัใหนเ้นกิดาาคตตวานมนรเูเ้คออวงางมใเใขนนา้ ใกกจใาานรหรเลเปกัปก็นาน็ รคสคารครทูญัทู ที่ด่ดีี่เกี ี่ียวขอ้ งกบั การศึกษา
ฐานสมรรถนะท้งั เรื่องของหลกั สูตรฐานสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ฐานสมรรถนะการประเมินฐาน
สมรรถนะรวมไปถึงสามารถออกแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีสามารถพฒั นาสมรรถนะผูเ้ รียนโดยมี
จุดประสงค์การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเป็ นเป้าหมายซ่ึงจะมุ่งเน้นการพฒั นาความสามารถในการ
ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณลกั ษณะต่างๆ อยา่ งเป็นองคร์ วมในการปฏิบตั ิงาน
การแกป้ ัญหา และการใชช้ ีวติ ได้
24
3.)การสอนที่ตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
ครูผสู้ อนจาเป็นตอ้ งปรับตวั และจดั ระบบการสอนจากแบบ “One Size Fits All” มาเป็นระบบที่ให้
ความสาคญั กบั การประเมินผูเ้ รียนเป็ นรายบุคคลมากย่ิงข้ึนมีการวิเคราะห์ผูเ้ รียนการรู้จกั ผูเ้ รียนเป็ น
รายบุคคลธรรมชาติผเู้ รียนประสบการณ์ พ้ืนฐานความรู้ วิธีการเรียนรู้ของผเู้ รียน รวมไปถึงเป้าหมาย
การเรียนรู้ของผเู้ รียน
4.)การบูรณาการความรู้ขา้ มศาสตร์
โดยครูตอ้ งสามารถวิเคราะห์ไดว้ ่า ผเู้ รียนจาเป็นตอ้ งรู้อะไร จึงจะช่วยให้ทาส่ิงน้นั ได้ ซ่ึงเอ้ือให้มี
การบูรณาการความรู้ขา้ มศาสตร์และลดสาระการเรียนรู้ที่ไม่จาเป็น ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับความรู้และฝึ กใช้
ความรู้ในการทางาน รวมท้งั พฒั นาคุณลกั ษณะท่ีควรจะตอ้ งมีในการทาส่ิงน้นั ใหป้ ระสบผลสาเร็จไดใ้ น
5ระ.)ดกบาั รทจี่กดั ากหรนะบดวนการเรียสนสรภูภ้เชาิงารพุกพก(กAาcาtรivรeณณLก์eก์ aาrาnรiรnพgพ)ัฒฒั นนาาววชิ ิชาาชชีพีพคครรู ู
ครูจดั การเรียนรู้ทแี่เแนลนล้ ะะ“กกกาาารรปรฏสสิบะตัะทิ”ท้อโอ้ ดนยนมคีชคุดดิ ดิขเอเพงพเนื่อื่อ้ือนหนาาคาไวไาปปมรปปู้ ทรรกัะะษยะยกุ ุกเจตตตค์ใ์ใตชชิ ้แ้ ละคุณลกั ษณะที่
จาเป็นต่อการนาไปสู่สใใมนนรรกกถานาะรรทพี่ตพอ้ฒั ฒังกนานราาจตตึงทนนาใเเหออส้ งางใมในานรถกกลาดาเรวรลเเปาปเร็นียน็ นคเคนร้ือรูทหทู า่ีดจดี่ าีนี วนมากท่ีไม่จาเป็น
เอ้ือใหผ้ เู้ รียนมีเวลาในการเรียนรู้เน้ือหาที่จาเป็นในระดบั ที่ลึกซ้ึงข้ึน และมีโอกาสไดฝ้ ึกฝนการใชค้ วามรู้
ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเกิดมรรถนะในระดบั ชานาญหรือเชี่ยวชาญ ผ่านกลยทุ ธ์ในการ
จดั กิจกรรมและประสบการณ์ การเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อยา่ งตื่นตวั ท้งั ทาง
ร่างกาย (physically active) การคิดและสติปัญญา (intellectually active) อารมณ์ และ จิตใจ
(emotionally active) และทางสงั คม (socially active) จะส่งผลใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรียนรู้ดีข้ึน
25
6.)ดา้ นทกั ษะการเป็นผชู้ ้ีแนะ (Coach) และการเป็นผอู้ านวยการการเรียนรู้ (Learning Facilitator)
โดยการพฒั นาใหค้ รูเป็นผชู้ ้ีแนะและเป็นผอู้ านวยการความสะดวก หรือผสู้ นบั สนุน การเรียนรู้ ทาหนา้ ที่
คอยจดั เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆเพ่ือใหก้ ารจดั กิจกรรมน้นั ๆดาเนินไปไดค้ อยส่งเสริมวธิ ีการเรียนรู้ให้
ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเองช้ีแนะและสะทอ้ นผลระหวา่ งทางจนผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ทาไดด้ ว้ ยตนเองจน
สาเร็จคอย
บทบาทของครูผู้สอน
เม่อื ต้องเข้าสกู่ ารศึกษาฐานสมรรถนะกย็ ่อมต้องเปล่ียนแปลงไป โดยสามารถแบง่ บทบาทของครูผ้สู อนตามมิติ
ต่าง ๆ ได้ดงั นี้
1.)บทบาทในการจดั การสสเรภียภนาราู้พกพารกกจดัาากรารรณณศกึ ก์ ษก์ าาฐารารนพพสมัฒัฒรรนถนนาาะวเวปชิ็นิชกาาาชรชพีพพีฒั คนคารสรมู ู รรถนะใหก้ บั ผเู้รียนโดย
ยดึ โยงกบั วถิ ีชีวติ ขอแงแผลเู้ลรียะะนกกกาารานรราสหสะละกั ทสทูตอ้ อ้รไนนปคใคชิดจ้ิดึงเคเพวพร่ือเ่อืป็นนนสาิ่งาไเรไปียปบปงป่ารยรไะมะซ่ยยบั กุ ซุกตอ้ ตน์ใแใ์ ชลชะ้ ้ตอ้ งคานึงถึงบริบท
เแปล็นะกนาิเรวเศรใียนนกกาารรเสรียอนนรทู้ขใี่เในอนนงน้ ผกผกเู้ รเู้ารียาียนรนรเพปเพป็น็นฒั สฒั สาานคคนญั ญัาดาคตงั ตรนูจน้นันดั บเปเอทรอะบงสงาใทบในขกนอากรงกณคารา์/รูจสรึงถเตเปาอ้ปนง็นกเ็นปารคลคณ่ียรน์ทรทูี่จหูทาลดี่กาด่ี คกี ุณหี คลราูยเปใ็นหศผ้ นูเู้ รยียก์นลไาดงฝ้ ึกมา
นาความรู้ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะ ที่ไดเ้ รียนรู้ไปใชจ้ นเกิดสมรรถนะที่ตอ้ งการ โดยพิจารณาจากวถิ ีชีวติ
และนิเวศการเรียนรู้ของเดก็ ในชีวติ จริงมาออกแบบการเรียนรู้ท่ีมีความหมายใหก้ บั ผเู้ รียนครูจดั
กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก(active learning)โดยการใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้แบบรู้จริง (mastery learning)
ท้งั ในดา้ นความรู้ ทกั ษะและคุณลกั ษณะท่ีจาเป็นต่อเกิดสมรรถนะที่ตอ้ งการ
26
2.)บทบาทในการพัฒนาผู้เรียนครูมุ่งพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นองค์รวมในทุกมของชีวิตทั้งด้านร่างกาย
อารมณ์ สังคม สติปัญญา มีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีสมรรถนะที่สะท้อนความสามารถของผู้เรียน มี
สขุ ภาวะทดี่ ีเรียนไปใชง้ านได้ และสามารถยดื หยุน่ ได้โดยครูเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการปลดปลอ่ ยศักยภาพ
ของผ้เู รียนและให้ผู้เรียนเป็นเจา้ ของการเรียนรู้ของตนเองให้อิสระในการออกแบบการเรียนรู้ที่มีความหมาย
และเป็นเปา้ หมายรว่ มระหว่างครกู ับผเู้ รียน ครูจะเป็นผกู้ ระตนุ้ หนนุ เสริม สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้
เป็นผู้ชี้แนะและอานวยการการเรียนรู้ (Learning Facilitator) เพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างต่อเน่ืองและมี
ความหมายครเู ป็นผู้ชว่ ยเหลือสนับสนนุ ให้ผเู้ รยี นพฒั นาตนเองได้เตม็ ตามศกั ยภาพโดยพัฒนาให้มีสมรรถนะ
ที่จาเป็นเพอ่ื การดารงชีวติ ในสังคมยคุ ใหมแ่ ละสง่ เสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต รักการเรียนรู้ปรับเปลี่ยน
ความคิดได้งา่ ย และมีการเรยี นรูอ้ ย่างต่อเนอื่ ง
3.)บทบาทในการประเมสินสผภภลผาาู้เพรพียกนกคาราูเรปรณลณ่ียนก์ ์กบาทารบราพพทจฒั ัฒากนกนาาราเวปว็ชินชิ ผาู้ปาชรชะพี เีพมินคคเพรร่ือู ูตัดสินเป็นการประเมิน
เพื่อการเรียนรู้ (AssแeแsลsลmะะeกnกtาารfรoสrสะะLทeทaอ้rn้อiนnนgค)คดิใิดหเ้คเพรพูเกื่อ่ือิดนกนาาราเไรไียปปนปรปู้รร่วรมะไะปยยกุกับกุ ผตู้เตรใ์ียใ์ ชนชโ้ด้ ยใช้การประเมิน
สมรรถนะผู้เรียนด้วยกใาใรนนปกรกะาเามรินรพตพาัฒมฒั สภนนาพาาจตตริงนคนรเเูมออีบงทงใบในานทกใกนาการารรเสเปังปเน็ก็นตคพคฤรรตูทิกทู รีด่ รีด่ มี ขี องผู้เรียนให้ข้อมูล
ยอ้ นกลับ (feed back) จากสง่ิ ทผี่ ูเ้ รยี นไดป้ ฏิบัติจรงิ และใหค้ วามช่วยเหลือตามความต้องการของผู้เรียนแต่
ละคนในการเรยี นการสอนประจาวนั และประเมนิ จากความกา้ วหน้าในการปฏิบัติงาน เชน่
ก า ร ป ร ะ เ มิ น จ า ก ก า ร ป ฏิ บั ติ (Performanceassessment)ห รื อ ก า ร ป ร ะ เ มิ น โ ด ย ใ ช้ แ ฟ้ ม ส ะ ส ม ผ ล ง า น
(Portfolio Assessment) รวมถึงการประเมินตนเอง (Student Self-assessment)
27
และการประเมินโดยเพ่ือน (Peer Assessment) ผู้เรียนรับผิดชอบการเรียนรู้ของตน โดยครูสื่อสารผลลัพธ์
การเรยี นร้ทู ต่ี ้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียนให้ผู้เรียนต้ังเป้าหมาย กาหนดวิธีการเรียนรู้ของตนเองร่วมด้วย และ
สามารถใช้เวลาในการเรียนรู้แตกต่างกันได้ โดยผู้เรียนแต่ละคนสามารถไปได้เร็ว ช้า (self pacing) ตาม
ความถนัดและความสามารถของตนและสามารถแสดงสมรรถนะหรือพฤติกรรมท่ีชี้ให้เห็นถึงความสามารถใน
การประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่างๆ ในบริบทหรือสถานการณ์ใหม่ๆ ก่อนท่ีจะก้าวสู่การ
เรียนรู้ข้ันต่อไปถ้าผู้เรียนยังไม่ผ่านการประเมินว่าเกิดสมรรถนะท่ีต้องการครูจาเป็นต้องออกแบบการเรียนรู้
และสอนซ่อมเสริม (remedial teaching) ให้ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของผู้เรียนโดยครูอาจมี
การเตรียมแนวทางการสนับสนุนเพื่อรองรับผู้เรียนที่หลากหลายโดยการประเมินการเรียนรู้เป็นกิจกรรมที่
เป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการเรยี นการสอนตามปกติมลี ักษณะเปน็ การประเมนิ แบบ
Formative Assessmenสtสภซภ่ึงามาพีกพากรกเกาา็บรขรณ้อณมูลก์ ก์กาาารรเรรพียพนฒั รัฒู้ขนอนงาผาู้เวรวียชิ นชิ าเพาช่ือชใีพหพี ้คควคารมรูชู ่วยเหลือตามปัญหาและ
ความต้องการของแตแ่ลแะลลคะนะกกาารรสสะะททอ้ อ้ นนคคิดิดเเพพอ่ื อ่ื นนาาไไปปปปรระะยยุกุกตตใ์ ์ใชช้ ้
4.)บทบาทในการพัฒในในานกกากราศารึกรษพพาแฒั ัฒบบนนมีสาา่วตนตรน่วนมเเเอรอ่ิมงจงใาในกนแกนกวาคาริดรทเเปี่วป่าก็นน็ารคคศรึกรษทู ทูาเ่ดีปด่ี ็นี ีเรื่องของทุกคนดังนั้น
ในการปฏิบัติงานของครูจาเป็นต้องเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ในการทางานแบบทาเองคิดเองตามลาพังบนพ้ืนที่
ของตนเองครูจาเป็นต้องมีการพัฒนาตนเองและทางานร่วมกับผู้อ่ืนเป็นเครือข่ายในการทางานอย่างเป็น
ระบบและเป็นกัลยาณมิตรจัดการเรียนรู้และพัฒนาแบบมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทางานมีการ
ทางานแบบร่วมมอื รวมพลงั มากขึน้
28
4) การทางานอยา่ งต่อเนื่อง และใชผ้ ลการทางานเป็นฐานในการพฒั นางานในโอกาสต่อ
ไปโดยเฉพาะการใชผ้ ลการเรียนรู้ของผเู้ รียนในการวางแผนการพฒั นาผเู้ รียนให้
เหมาะสมยง่ิ ข้ึน
5) ภาวะผนู้ าของผบู้ ริหาร และทีมดาเนินการท่ีใหก้ ารสนบั สนุน โดยเฉพาะการเป็นผู้
นาทางวิชาการ
6) การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ซ่ึงอาจจะเป็นหน่วยงานองคก์ รนกั วชิ าการโดยเน้น
เครือขา่ ยท่มี กี จิ กรรมการเรียนรรู้ ่วมกนั อย่างต่อเนื่อง สมา่ เสมอจะเปน็ ปจั จยั สาคัญท่ี
เอ้อื ใหก้ ารเปลี่ยนแปลงนาไปสเู่ ปา้ หมายทสี่ ังคมตอ้ งการคือการมงี านทาที่ตอบโจทย์
สสังาคมมารแถลดะาโรลงกชใวีหิต้สใานมโสาลสรกภถภอเกนาาดิาพคขพต้ึนกไไกดดาอ้้ทายราร่าใณหงณม้ผคี้เูก์ รก์วียาานามรเสรกขุพิดพตสฒั่อมฒั ไรปรนนถนาาะวทวิชจี่ ชิ าาเาปชน็ชทีพพีี่จะคคทรารใูหู ้
แแลละะกกาารรสสะะททอ้ ้อนนคคดิ ดิ เเพพื่อื่อนนาาไไปปปปรระะยยกุ ุกตต์ใใ์ชช้ ้
ใในนกกาารรพพัฒฒั นนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็น็นคครรูทูทีด่ ่ดี ี ี
29
บทสรปุ
ความสาเร็จในการจดั ระบบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเพ่ือเป็ นหลกั ประกนั คุณภาพ
การศึกษาอนั ส่งผลต่อการบกมาตรฐานวิชาชีพครูให็เป็นวิชาชีพช้นั สูงและเพ่ือครูจะไดพ้ ฒั นา
ประเมินปรับปรุงตนเองอยา่ งต่อเนื่อง
ผูป้ ระกอบวิชาชีพจาเป็ นตอ้ งมีการพฒั นาตนเพื่อให้พร้อมรับกบั การเปล่ียนแปลงอยู่
ตลอดเวลายิ่งเป็ นผูป้ ระกอบวิชาชีพครูซ่ึงมีหน้าท่ีและบทบาทสาคญั ในการพฒั นาศกั ยภาพ
ผเู้ รียนใหเ้ ป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ใหม้ ีความรู้ทกั ษะ ทศั นคติแห่งความเป็นพลเมืองดีของสงั คม
ยงิ่ ตอ้ งมีการพฒั นาดว้ ยระบบและกระบวนการท่ีมีคุณภาพและต่อเนื่อง
ดังน้ันหน่วยงานสสทภี่มภีหาาพนพ้ากทกา่ีดารูแรณลณผก์ู้ปก์ ราาะรรกพพอฒับัฒวนิชนาาาชวีวพชิ ชิคาราูชแชลพี พี ะคผคู้บรรังู ูคับบัญชาจึงต้องให้
ความสาคัญ กาหนแดแแลนละวะทกกางาาแรลรสะสวะิธะีกททา้อร้อทน่ีถนูกคคตดิ ้อดิ งเเเพหพมือ่ ่ือานะนสามาไเไปปป็นปไปปรตระาะมยคยุกวุกาตมตต์ใ์ใ้อชชง้ก้ ารที่แท้จริงและ
อานวยประโยชนก์ ับกใาในรนพกฒักานารารคพพณุ ฒัภัฒานพนคาารตอู ตยนน่างเแเออทง้จงใรในงิ นกกาารรเเปปน็ น็ คครรทู ทู ีด่ ีด่ ี ี
วิดิโอ : สภาพการณก์ ารพัฒนาวชิ าชพี ครูและการสะท้อนคิด 30
เพ่อื นาไปประยุกตใ์ ช้ในการพฒั นาตนเองในการเปน็ ครทู ีด่ ี
สสภภาาพพกกาารรณณ์ก์กาารรพพัฒฒั นนาาววชิ ชิ าาชชีพพี คครรู ู
แแลละะกกาารรสสะะททอ้ ้อนนคคิดดิ เเพพือ่ ่อื นนาาไไปปปปรระะยยุกกุ ตต์ใ์ใชช้ ้
ใในนกกาารรพพฒั ฒั นนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปปน็ ็นคครรทู ูที่ด่ดี ี ี
ลิงค์ : https://youtu.be/OS4Jjq9dNYM
ค
บรรณานกุ รม
กมล ตระกูล (2562) นครปฐม สอนเด็กให้เก่ง. นครปฐม : โครงการสรรพสาส์น สานักพิมพ์มูลนิธิเด็ก
คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา (2562) คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณและ
จิตวิญญาณความเปน็ ครู. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั เยลโลก่ ารพมิ พ์
ธรี ศักดิ์ (อปุ รมยั ) อปุ ไมยอธชิ ยั (2020) แนวทางการพัฒนาเชิงทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ :
สานักพมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
วิเชียร ไชยบงั (2015) วุฒิภาวการณ์เปน็ ครู. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัททรปิ เฟ้ลิ เอด็ ดเู คชนั่ จากัด
ศกั ด์ิชยั ภเู่ จรญิ (2018) ความเป็นครู Actualization for Teacher.
กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สานักพมิ พข์ า้ วฟา่ ง
https://youtu.be: สืบคน้ เมอ่ื วันที่ 7/ก.ค/65
https://www.leadershipforfuture.com สบื คน้ เมอื่ วนั ท่ี 7/ก.ค/65
https://he02.tci-thaijoส.oสภrgภาาสพบื พคก้นกเามาือ่รรวณนัณท์ก่ี ก์7า/ากร.รคพ/พ6ัฒ5ฒั นนาาววชิ ิชาาชชีพพี คครรู ู
แแลละะกกาารรสสะะทท้ออ้ นนคคดิ ดิ เเพพ่ืออ่ื นนาาไไปปปปรระะยยกุ ุกตตใ์ ใ์ชช้ ้
ใในนกกาารรพพฒั ัฒนนาาตตนนเเอองงใในนกกาารรเเปป็นน็ คครรทู ูทีด่ ด่ี ี ี
ขอบคณุ ค่ะ
thank you