The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศริญญา คำมา, 2022-08-01 08:44:48

การลำเลียงสาร

การลำเลียงสาร

การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์

โดยคุณครศู ริญญา คามา
ตาแหน่ง ครชู านาญการพิเศษ

การตรวจวินิจฉยั หลอดเลอื ดในสมองดว้ ยเทคนิคเอ็มอารไ์ อ
(Magnetic Resonance Imaging : MRI )

โดยฉีดสารเขา้ สหู่ ลอดเลือดเพื่อใหแ้ ตกต่างจากพ้ ืนหลงั ทาให้
เห็นหลอดเลือดชดั เจน ซ่ึงสารดงั กล่าวจะคงอยใู่ นหลอดเลือดและ
ไมเ่ ขา้ ส่เู ซลลผ์ นังหลอดเลือด

เพราะเหตใุ ดสารทฉี่ ีดจงึ ไม่สามารถเขา้
ผนงั เซลลห์ ลอดเลือดได้ ?

ทดสอบความรู้ก่อนเรียน

คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนใส่เคร่ืองหมาย✓หรือ X หนา้ ขอ้ ความ

ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน
........1.เซลลเ์ ป็นหน่วยพ้ืนฐานที่เลก็ ท่ีสุดของสิ่งมีชีีวติ
........2.เซลลม์ ีส่วนห่อหุม้ เซลล์ เรียกวา่ เยอ่ื หุม้ เซลล์ ซ่ึงยอมให้
สารทุกชีนิดผา่ นเขา้ และออกไดอ้ ยา่ งอิสระ เพือ่ ใหเ้ ซลลส์ ามารถ
ดารงชีีวติ อยไู่ ด้
........3.การแพร่เกิดจากการเคล่ือนที่ของโมเลกลุ สารโดยใชี้
พลงั งานจลนข์ องโมเลกลุ
........4.ออสโมซิสเป็นการแพร่ของน้าจากบริเวณที่มีความเขม้ ขน้
ของสารสูงโดยไม่จาเป็นตอ้ งผา่ นเยอื่ เลือกผา่ น

ทดสอบความรู้ก่อนเรียน

คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนใส่เครื่องหมาย✓หรือ X หนา้ ขอ้ ความ

ตามความเขา้ ใจของนกั เรียน
..../....1.เซลลเ์ ป็นหน่วยพ้ืนฐานที่เลก็ ท่ีสุดของสิ่งมีชีีวิต
....x....2.เซลลม์ ีส่วนห่อหุม้ เซลล์ เรียกวา่ เยอื่ หุม้ เซลล์ ซ่ึงยอมให้
สารทุกชีนิดผา่ นเขา้ และออกไดอ้ ยา่ งอิสระ เพ่ือใหเ้ ซลลส์ ามารถ
ดารงชีีวติ อยไู่ ด้
..../....3.การแพร่เกิดจากการเคล่ือนที่ของโมเลกลุ สารโดยใชี้
พลงั งานจลนข์ องโมเลกลุ
....x....4.ออสโมซิสเป็ นการแพร่ ของน้ าจากบริ เวณที่มีความ
เขม้ ขน้ ของสารสูงโดยไม่จาเป็นตอ้ งผา่ นเยอ่ื เลือกผา่ น

การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

สารอาหาร ของเสีย
กา๊ ซ CO2
กา๊ ซ O2

 สารหลายชนิดท่ีสามารถนาเขา้ สู่เซลลไ์ ด้ เช่น สารอาหารและแกส๊ ออกซิเจนท่ีลาเลียงเขา้ สู่เซลล์

เพ่ือใชใ้ นการหายใจระดบั เซลลท์ าใหไ้ ดพ้ ลงั งานไปใชใ้ นกิจกรรมต่างๆ
 รวมท้งั แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดท์ ่ีไดจ้ ากการหายใจและของเสียท่ีลาเลียงออกจากเซลล์เพื่อไมใ่ ห้

เกิดผลกระทบต่อการทางานต่างๆของเซลล์
 การลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลลน์ ้ันมีบทบาทสาคญั ในการรกั ษาดลุ ยภาพของเซลล์

เชื่อมโยงกับสุขภาพ
อหิวาตกโรค เป็ นโรคติดเช้ ือในทางเดินอาหารเฉียบพลันท่ีเกิดจาก

แบคทีเรียชนิดหน่ึง สารพิษจากแบคทีเรียน้ ีจะทาใหม้ ีการลาเลียงไอออนชนิด
ต่างๆ และน้าจานวนมากออกจากเซลล์เขา้ สู่ลาไสเ้ ล็ก ผูป้ ่ วยจึงถ่ายเป็ นน้า
ปริมาณมาก การเสียดุลยภาพของน้าและไอออนน้ ีส่งผลใหม้ ีอาการขาดน้า
อยา่ งรวดเร็วและรุนแรง ซ่ึงถา้ ไม่ไดร้ บั การรกั ษาทนั เวลาจะมีโอกาสเสียชีวิตสูง

แบคทีเรียที่ทาใหเ้ กิดทอ้ งเสีย

เซลล์ (CELL)

ขอ้ แตกต่าง
ระหวา่ งเซลลพ์ ืช
และเซลลส์ ตั ว์

เย่ือหุ้มเซลล์กับการลาเลียงสาร

• เย่ือหุ้มเซลล์ (cell membrane)

ลกั ษณะโครงสร้าง ประกอบดว้ ยฟอสโพลิพดิ จดั เรียงตวั เป็น 2 ชี้นั มีโปรตีนแทรกเกาะติด
อยู่ และยงั มีสารพวกไกลโคลิพิด ไกลโคโปรตีน และคอเลสเตอรอล

หน้าที่ ห่อหุม้ เซลลข์ อบเขตแน่นอน และรักษาสมดุลของสารภายในเซลลโ์ ดยคดั เลือกการ
ผา่ นเขา้ ออกของสาร พบในเซลลส์ ่ิงมีชีีวติ ทุกชีนิด

Hydrophobic =ไมช่ อบน้า Hydrophilic=ชอบน้า

การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์

1. การลาเลียงสารผา่ นเยอื่ หุม้ เซลล์ 2. การลาเลียงสารโดยการสร้างถุงจากเยอื่ หุม้ เซลล์
(Transport across membrane) (Bulk across membrane )

1.1 การลาเลียงสารแบบ 1.2 การลาเลียงสารแบบ 2.1 การลาเลียงสารออก 2.2 การลาเลียงสารเขา้
ใชีพ้ ลงั งาน (ATP) (Exocytosis) (Endocytosis)
ไม่ใชีพ้ ลงั งาน
(ActiveTransport ) Phagocytosis
(PassiveTransport ) Pinocytosis

Diffusion Osmosis Dialysis Imbibition Receptor

Simple Diffusion
Facilitated Diffusion

1.การลาเลยี งสารผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ (Transport across membrane)

assive Transport

การแพร่ (Diffusion)

คือ การเคลื่อนท่ีของอนุภาคสารจากบริเวณท่ีมีความหนาแน่นสูงไปยงั บริเวณท่ีมีความหนาแน่นของสาร
ต่า โดยอาศัยพลงั งานจลน์ของสารเอง
(key word สาคญั สารมากไปสารน้อย หรือบริเวณที่มีสารมากจะเคลื่อนท่ีไปบริเวณท่ีมีสารนอ้ ย)

การเคล่ือนทข่ี องโมเลกลุ หรือออิ อนของสารโดยอาศัยพลงั งานจลน์ในโมเลกลุ หรือ
ออิ อนของสารเอง
ทิศทางการแพร่จะเกิดจากบริเวณที่มีความเขม้ ขน้ สูงไปสู่บริเวณท่ีมีความเขม้ ขน้ ต่า
เสมอ
ในทสี่ ุด บริเวณท้งั สองจะมคี วามเข้มข้นเท่ากนั ซ่ึงเรียกว่าจุดสมดุลของการแพร่
ณ จุดนี้ อตั ราการแพร่ไปและกลบั มีค่าเท่ากนั จึงเรียกเป็ นสมดุลจลน์
(Dynamic equilibrium)

1.1 การแพร่ธรรมดา (Simple diffusion)

การเคลื่อนทขี่ องโมเลกุล หรือออิ อนของสาร เน่ืองจากผลต่างความเข้มข้นโดย
ในการเคล่ือนทจ่ี ะอาศัยพลงั งานจลน์ในโมเลกุลหรือออิ อนของมนั เอง
ไม่จาเป็ นต้องใช้พลงั งานจากเซลล์และไม่อาศัยตวั พาใดๆ (Carrier)
ตวั อยา่ งเชี่น การแลกเปลี่ยนก๊าซบริเวณถุงลม การแพร่ของ A ,D ,E, K ซ่ึงละลายในไขมนั

การแพร่ของสารน้ันเป็ นการเคลื่อนทอี่ ย่างไม่มที ศิ ทาง
แน่นอน เพราะทศิ ทางทแี่ ต่ละโมเลกลุ จะเคล่ือนทข่ี นึ้ กบั
โอกาสทจ่ี ะกระทบกบั โมเลกลุ ของอนุภาคอ่ืนๆ ตวั อย่างการ
แพร่ของสาร เช่น

1.1.1 การแพรใ่ นของแข็ง เช่น เกล็ดดา่ งทบั ทิม เกล็ดเมธีลีนบลู และเกล็ด

โพแทสเซียมไดโครเมตแพรใ่ นวุน้

1.1.2 การแพรใ่ นของเหลว เช่น โมเลกุลน้าตาล อิออนของเกลือ

แพรใ่ นน้า

1.1.3 การแพรใ่ นแกส๊ เช่น การแพรข่ องโมเลกุลน้าหอมในอากาศ,

,การแพรข่ องแกส๊ หรอื ควนั ไฟในอากาศ



ภาพตวั อย่างการแพร่
ของสาร

# การแพรแ่ บบธรรมดาเกิดข้ ึนในสิ่งมีชีวิต รวมท้งั รอบๆตวั
เราก็มีการแพรแ่ บบน้ ีดว้ ย

ภาพตวั อย่างการแพร่
ของสารในสิ่งมชี ีวิต

1.2) การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต (Facilitated diffusion) เป็นการแพร่ของสารผ่าน

โปรตนี ตวั พา ( Carrier) ที่ฝังอยบู่ ริเวณเยอ่ื หุม้ เซลลโ์ ดยตรง โปรตีนตวั พา (carrier) จะทาหนา้ ที่คลา้ ย
ประตูเพอ่ื รับโมเลกลุ ของสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแพร่แบบน้ีมีอตั ราการแพร่เร็วกวา่ การแพร่แบบ
ธรรมดามาก ตวั อยา่ งเชี่น ไอออนต่างๆ กลีเซอรอล กลูโคส กรดอะมิโน การลาเลียงสารท่ีเซลลต์ บั
และ เซลลบ์ ุผวิ ลาไสเ้ ลก็
❖การแพร่แบบนีเ้ กดิ ในเซลล์ของสิ่งมชี ีวติ เท่าน้ัน

รูปที่ 3 เเสดงการเเพรเ่ เบบฟาซิลิเทต (สารมากไปสารนอ้ ยเเต่ตอ้ งมีตวั พา)

1.3 ออสโมซิส (Osmosis)

การออสโมซิส คือ การแพร่ของน้าจากบริเวณท่ีมีอนุภาคของน้ามากไปสู่บริเวณท่ีมีอนุภาคของน้า
นอ้ ยกวา่ โดยผ่านเย่ือเลือกผ่าน (semipermeable membrane) หรือเยอ่ื ก้นั บางๆ เชี่น เยอ่ื หุม้ เซลล์
กระดาษเซลโลเฟน กระเพาะปัสสาวะสตั ว์ เยอื่ ชี้นั ในของไข่
ตวั อย่างการออสโมซิส เช่น การแชี่ผกั ในน้า การปักดอกไมใ้ นแจกนั การดูดน้าเขา้ สู่รากพืชี
การหุบของตน้ ไมยราบ การเหี่ยวของตน้ พชื ี การพองของเยอ่ื ชี้นั ในของไข่เม่ือแชี่ในน้า เป็นตน้
การออสโมซิสมแี รงดนั ทเ่ี กยี่ วข้อง 2 ชนิด คือ
(1) แรงดนั ออสโมติก (Osmotic pressure) คือ แรงที่ใชีต้ า้ นการเคล่ือนที่ของน้าไม่ใหน้ ้าเคล่ือนท่ีจาก
บริเวณท่ีมีน้ามากไปยงั บริเวณที่มีน้านอ้ ย ดงั น้นั หากมีแรงตา้ นการเคล่ือนที่ของน้าไม่มาก น้าจะ
เคลื่อนท่ีผา่ นเยอ่ื บางๆไดม้ าก (แรงตา้ นไม่มาก = แรงดนั ออสโมติกต่า) โดยน้ามีแรงดนั ออสโมติก
ต่าสุด (สารท่ีมีความเขม้ ขน้ สูงแรงดนั ออสโมติกกจ็ ะสูง)
(2) แรงดนั เต่ง (turgor pressure) คือ แรงดนั ท่ีเกิดข้ึนภายในเซลลเ์ กิดข้ึนเนื่องมาจากน้าออสโมซิสเขา้
ไปภายในเซลลแ์ ลว้ ดนั ใหเ้ ซลลแ์ ต่งหรือบวมข้ึนมา เมื่อน้าเขา้ ไปภายในเซลลม์ ากเกินไปในกรณีท่ีเป็น
เซลลส์ ตั วอ์ าจเกิดการแตกได้ แต่หากเป็นเซลลพ์ ืชีมกั จะไม่มีการแตกของเซลลเ์ นื่องจากมีผนงั เซลลค์ ง
รูปร่างไว้

โดยที่จุดสมดุลของการแพร่พบวา่ แรงดนั ออสโมติกของสารละลาย = แรงดนั เต่งสูงสุด

รปู ที่ 1 แสดงการออสโมซิส โดยน้ามากเคล่ือนที่ไปน้าน้อยผ่านเยอื่ บางๆ
(semipermeable membrane)

ปัจจยั ทเี่ กย่ี วข้องกบั การออสโมซิส

1. ความเขม้ ขน้ ของสาร ถา้ ความเขม้ ขน้ ของสารแตกต่างกนั มาก การอออสโมซิสจะเกิดไดด้ ี
2. อุณหภูมิ ถา้ อุณหภูมิสูง กระบวนการออสโมซิสจะเกิดไดด้ ี
3. ขนาดของอนุภาค อนุภาคท่ีมีขนาดเลก็ จะเกิดการออสโมซิสไดด้ ี
4. สมบตั ิของเยอื่ ก้นั เยอ่ื ก้นั บางชีนิดจะยอมใหส้ ารผา่ นได้ การอออสโมซิสจึงเกิดข้ึนไดด้ ี

การออสโมซิสในเซลล์พืช

พืชีจะดูดน้าเขา้ สู่เซลลข์ นราก ดว้ ยกระบวนการออสโมซิส โดยผา่ นเยอื่ หุม้ เซลล์ ซ่ึงทาหนา้ ท่ีเป็นเยอ่ื
เลือกผา่ น เพราะบริเวณรอบๆ รากจะมีปริมาณน้ามากกวา่ ในเซลลข์ นราก และจะออสโมซิสไปยงั เซลล์
ขา้ งเคียงต่อๆไปจนถึงเน้ือเยอ่ื ลาเลียงน้า

สารละลายทม่ี คี วามเข้มข้นต่างกนั จะมีผลต่อ
การเปลยี่ นแปลงรูปร่างของเซลล์แตกต่างกนั
ด้วย จงึ ทาให้สามารถแบ่งสารละลายที่มีผล
ต่อการเปลยี่ นแปลงรูปร่างของเซลล์ ได้เป็ น 3
ชนิด (ตามการเปลย่ี นขนาดของเซลล์ เม่ืออยู่
ภายในสารละลายน้ัน) คือ
1.ไฮโปโทนิค 2.ไฮเปอร์โทนิค
3.ไอโซโทนิค

สารละลายท่ีมีความเขม้ ขน้ ตา่ งกนั จะมีผลตอ่ เซลลแ์ ตกต่างกนั ดว้ ย จงึ
ทาใหแ้ บ่งสารละลายท่ีอยนู่ อกเซลลอ์ อกไดเ้ ป็ น 3 ชนิด ตามการ
เปล่ียนขนาดของเซลล์ เมื่ออยภู่ ายในสารละลายน้ัน คือ

1.ไฮโปโทนิค 2.ไฮเปอร์โทนิค 3.ไอโซโทนิค
(Hypotonic solution) (Hypertonic solution) (Isotonic solution)

1.ไฮโปโทนิค คือ สารละลายท่ีความเขม้ ขน้ นอ้ ยกวา่ เซลล์ ทาใหน้ ้าออสโมซิสเขา้ เซลล์
ผลคือ เซลลส์ ตั วเ์ ต่งและอาจแตก ส่วนเซลลพ์ ืชีจะเต่งเท่าน้นั

2.ไฮเปอร์โทนิค คือ สารละลายที่ความเขม้ ขน้ สูงกวา่ สารละลายในเซลล์ ทาใหน้ ้าออสโมซิสออก
จากเซลล์ ผลคือ เซลลจ์ ะเหี่ยว
3.ไอโซโทนิค คือ สารละลายท่ีความเขม้ ขน้ เท่ากบั เซลล์
ผลคือ เซลลส์ ตั วจ์ ะปกติ ส่วนเซลลพ์ ชื ีความเต่งจะลดลง เชี่น 0.9 % NaCl

1.4 ไดอะไลซิส (Dialysis))

หมายถงึ การแพร่ของตวั ถูกละลาย (Solute) จากบริเวณทม่ี สี ารละลายเข้มข้นสูงกว่า
ผ่านเย่ือเลือกผ่านไปยงั บริเวณทม่ี สี ารละลายเข้มข้นต่า หรือเจือจางกว่า

(คลา้ ยๆกบั การแพร่บวกการออสโมซิส น้นั คือ สารมากไปสารน้อยเหมือนการแพร่ และตอ้ งผ่านเยื่อ
เลือกผ่านเหมือนการออสโมซิส)

เช่น  การแพร่ของนา้ ตาลกลูโคสภายในถุงเย่ือเลือกผ่าน ออกมายงั นา้ กลนั่ ทอ่ี ยู่ข้างนอกถุง
การกรองทไี่ ต

รูปเเสดงการไดอะไลซิส

1.5 อมิ บิบชิ ่ัน (Imbibition)

คือ การดดู น้าของวตั ถุท่ีมีความช้ ืนตา่ เชน่ เมล็ดพืชท่ี
กาลงั งอก

รูปเเสดงการเกดิ อิมบิบิชนั ของเมล็ดถวั่ กอ่ นเเละหลงั การดูดน้า

1.2 การลาเลยี งสารแบบใช้พลงั งาน (active Transport

1. Na+ – K+ pump ที่เซลลป์ ระสาท
2. การดดู ซึมสารอาหารที่ลาไสเ้ ล็ก
3. การดดู สารมีประโยชนก์ ลบั คืนที่ท่อของหน่วยไต
4. การสะสม K+ ในเซลลส์ าหรา่ ยไนเทลลาไดส้ ูงกว่า
K+ ในน้าจดื 1,065 เทา่
5. การขบั เกลือแรท่ ี่เหงือกของปลาน้าเค็ม
6. การดดู เกลอื แร่ท่ีเหงือกของปลานา้ จดื
7. การดดู เกลือแรท่ ่ีของรากพืช

เปรียบเทยี บวธิ ีการลาเลียงสาร
แบบ Passive transport และ Active transport

2. การลาเลียงสา(Bรโuดlkยกaาcรroสsรs้างmถeุงmจbากraเnยeอ่ื ห) ุม้ เซลล์

2.1 การลาเลยี งสารออก (Exocytosis)

1 . เอกโซไซโทซิส (exocytosis)
เป็นการลาเลียงสารโมเลกลุ ขนาดใหญอ่ อกจากเซลล์ สารท่ีจะถูกส่งออกไปนอกเซลลบ์ รรจุอยใู่ น
เวสิเคิล เมื่อเวสิเคิลรวมตวั กบั เยอ่ื หุม้ เซลล์ สารท่ีอยภู่ ายในเวสิเคิลกจ็ ะถูกปล่อยออกไปนอกเซลล์
โดยวธิ ีน้ีพบไดใ้ นหลายโอกาส เชี่น การหลงั่ เอนไซมจ์ ากเยอ่ื บุผนงั กระเพาะอาหาร การกาจดั ของ
เสียที่ยอ่ ยไม่ไดอ้ อกจากเซลล์ การหลง่ั ฮอร์โมน แอนติบอดี

2.2 การลาเลยี งสารเข้า (Endocytosis)

เป็นการลาเลียงสารตรงกนั ขา้ มกบั เอกโซไซโทซิส กลา่ วคือ เป็นการลาเลียงสาร
ขนาดใหญ่เขา้ สู่เซลล์ แบ่งออกเป็น 3 วธิ ี คือ
2.2.1 ฟาโกไซโทซิส (phagocytosis)

เป็นการลาเลียงสารเขา้ สู่เซลลท์ ี่พบไดใ้ นเซลลจ์ าพวกอะมีบาและเซลลเ์ มด็ เลือด
ขาว โดยเซลลส์ ามารถยน่ื ไซโทพลาซึมออกมาลอ้ มอนุภาคของสารท่ีมีขนาดใหญ่ท่ี
เป็นของแขง็ ก่อนที่จะนาเขา้ สู่เซลลใ์ นรูปของเวสิเคิล เรียกอีกอยา่ งวา่ การกินของ
เซลล์ (cell eating)

ภาพ ก การกินอาหารของอะมีบา
Amoeba : มีการกินอาหารแบบคืบคลาน (Phagocytosis) โดยใชีข้ าเทียม (Pseudopodium)
ในการลอ้ มรอบอาหารจนเป็น Food Vacuole ภายใน แลว้ จึงหลง่ั น้ายอ่ ย ซ่ึงกค็ ือกรดเกลือ
(HCl) อาหารของอะมีบา คือ เศษซากอินทรีย์ เซลลแ์ บคทีเรีย สาหร่ายและส่ิงมีชีีวติ เลก็ ๆ

ภาพ ข การกาจดั เชี้ือโรคของเมด็ เลือดขาว

2.2.2 พโิ นไซโทซิส (pincocytosis)

เป็นการนาอนุภาคของสารที่อยใู่ นรูปของสารละลายเขา้ สู่เซลล์ โดยการทาให้
เยอ่ื หุม้ เซลลเ์ วา้ เขา้ ไปในไซโทพลาซึมทีละนอ้ ย จนกลายเป็นถุงเลก็ ๆ เม่ือเยอ่ื หุม้
เซลลป์ ิ ดสนิทถุงน้ีจะหลุดเขา้ ไปกลายเป็นเวสิเคิลอยใู่ นไซโทพลาซึม เรียกอีกอยา่ ง

หน่ึงวา่ การด่ืมของเซลล์ (cell drinking)

เชี่น การดูดสารละลายโปรตีนกลบั คืนที่ท่อหน่วยไต การดูดซึมไขมนั ท่ีวลิ ลสั ใน
ลาไส้เลก็

2.3 การนาสารเข้าสู่เซลล์โดยอาศัยตวั รับ (receptor-mediated endocytosis)
เป็นการลาเลียงสารเขา้ สู่เซลล์ ท่ีเกิดข้ึนโดยมีโปรตีนตวั รับบนเยอื่ หุม้ เซลล์

สารท่ีถูกลาเลียงเขา้ สู่เซลลด์ ว้ ยวธิ ีน้ีจะตอ้ งมีความจาเพาะในการจบั กบั โปรตีน
ตวั รับ ท่ีอยบู่ นเยอื่ หุม้ เซลลจ์ ึงจะสามารถนาเขา้ สู่เซลลไ์ ด้ หลงั จากน้นั เยอื่ หุม้ เซลล์
จึงเวา้ เป็นเวสิเคิลหลุดเขา้ สู่ภายในเซลล์

เชี่น การลาเลียงฮอร์โมน peptide อ่ืนๆ เขา้ ในเซลล์ สตั ว์ การออกฤทธ์ิของ

ฮอร์โมนอินซูลิน

ภาพการลาเลยี งสารขนาดใหญ่เข้าเซลล์ท้งั 3 แบบ

สรุปเนื้อหาภายในบทเรียน

- เซลลม์ ีการลาเลียงสารเขา้ และออกจากเซลลโ์ ดยมีการ
ควบคุมท้งั ชีนิดและปริมาณสารท่ีผา่ นเขา้ ออก
- เยอ่ื หุม้ เซลล์ ทาหนา้ ท่ีเป็นเยอ่ื เลือกผา่ นในการลาเลียงสาร
ดงั กล่าวโดย โครงสร้างและสมบตั ิของเยอื่ หุม้ เซลลม์ ี
ความสมั พนั ธ์กบั การลาเลียงสาร ซ่ึงมีหลายวธิ ี กระบวนการ
ดงั กล่าวน้ีทาใหเ้ ซลลร์ ักษาดุลยภาพไวไ้ ดแ้ ละเซลลส์ ามารถ
ทางานไดต้ ามปกติซ่ึงส่งผลใหส้ ิ่งมีชีีวติ ดารงอยไู่ ด้


Click to View FlipBook Version