The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โครงการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสด จากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน

Projecttostudy_durian

โครงการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสด จากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร


โครงการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทย ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตุลาคม 2565


โครงการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทย ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตุลาคม 2565


(ข) บทคัดย่อ การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและเส้นทาง การขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน พร้อมทั้งพิจารณาข้อดี-ข้อเสียของเส้นทางในแต่ละรูปแบบ โดยคัดเลือก จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากที่สุดในประเทศเป็นพื้นที่เป้าหมายในการศึกษา และได้ลงพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเฉพาะเจาะจงใน 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) ผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุ ที่รวบรวมและส่งออกทุเรียนสดไปจีน 2) ผู้ให้บริการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนทั้งทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ และ 3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยใช้ทฤษฎีระบบมาเป็นกรอบการคิดร่วมกับการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า การขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนมีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ ทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ โดยการขนส่งทางน้ำ จากท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปยังท่าเรือเซี่ยงไฮ้และชิงเต่าของจีน มีอัตราค่าขนส่งต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท ขณะที่การขนส่งทางถนนโดยรถบรรทุกมีอัตราค่าขนส่งอยู่ที่ กิโลกรัมละ 14-22 บาท ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เส้นทาง หากใช้เส้นทาง R3A จากด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัด เชียงราย (ไทย) ผ่านด่านโม่ฮาน (สปป.ลาว) ไปมณฑลยูนนาน (จีน) อัตราค่าขนส่งเริ่มต้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 14 บาท และหากใช้เส้นทาง R12 จากด่านศุลกากรนครพนม (ไทย) ผ่านด่านน้ำพาว (สปป.ลาว) ผ่านด่านจาลอ (เวียดนาม) ผ่านด่านโหยวอี้กวน (จีน) ไปมณฑลหนานหนิง (จีน) อัตราค่าขนส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท จะเห็นได้ว่า อัตราค่าขนส่งระหว่างทางน้ำและทางถนนแตกต่างกันไม่มากนัก แต่การขนส่งทางน้ำมีข้อเสีย คือ ไม่สามารถขนส่งไปยังแหล่งกระจายสินค้าในจีนได้โดยตรง จำเป็นต้องใช้การขนส่งทางถนนด้วยรถบรรทุกหรือ รถไฟเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้เกิดต้นทุนค่าขนส่งโดยรวมสูงกว่าทางถนนได้ สำหรับการขนส่งทางอากาศ มีอัตรา ค่าขนส่งสูงที่สุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 65 บาท แต่ใช้ระยะเวลาในการขนส่งน้อยที่สุด จึงเหมาะสำหรับขนส่งสินค้า เกษตรที่มีมูลค่าสูงแต่เน่าเสียง่าย อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางอากาศยังคงมีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถขนส่ง ไปยังแหล่งกระจายสินค้าในจีนได้ จำเป็นต้องใช้การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับการขนส่งทางน้ำ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารต้นทุนค่าขนส่งคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ล้งควรเลือกใช้รูปแบบ การขนส่งให้เหมาะสมกับปริมาณผลผลิตตามฤดูกาลผลิตและความต้องการบริโภคของตลาดจีน โดยช่วงต้นฤดู ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการบริโภคทุเรียนสดคุณภาพดีเกรดพรีเมียม ล้งควร เลือกรูปแบบการขนส่งทางอากาศ เพื่อให้ทุเรียนสดถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของ ผู้บริโภค และยังสามารถขายทุเรียนสดได้ราคาสูง ซึ่งการขนส่งรูปแบบนี้เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค ชาวจีนที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการบริโภคโดยไม่คำนึงถึงราคา สำหรับช่วงกลางฤดู ผลผลิตทุเรียนสด ออกสู่ตลาดมาก ล้งต้องการส่งออกในปริมาณมาก ควรเลือกการขนส่งทางถนนควบคู่กับการขนส่งทางน้ำ เพื่อลดความแออัดของการจราจรหน้าด่าน ทำให้ขนส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างต่อเนื่อง สามารถกระจาย สินค้าไปยังตลาดจีนในเมืองต่าง ๆ ได้หลากหลาย และมีต้นทุนค่าขนส่งโดยรวมถูกลง ส่วนช่วงปลายฤดู ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับความต้องการบริโภคและราคาทุเรียนในตลาดจีนลดลง ล้งควรเลือกรูปแบบการขนส่งทางน้ำ เพื่อบริหารต้นทุนค่าขนส่งให้ต่ำที่สุด


(ค) คำนำ กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ศึกษารูปแบบการขนส่ง ทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง สามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำนโยบาย มาตรการ เพื่อบริหารจัดการและวางแผน ในการสนับสนุน ส่งเสริม รวมถึงแก้ปัญหาการขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การศึกษาในครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความอนุเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมศุลกากร สำนักงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุและผู้ให้บริการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจต่อไป หากท่านมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่ ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ด้านการเกษตร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-1751 หรือ อีเมล [email protected] กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตุลาคม 2565


(ง) สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ (ข) คำนำ (ค) สารบัญ (ง) สารบัญตาราง (จ) สารบัญตารางผนวก (ฉ) สารบัญภาพ (ช) บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความสำคัญของปัญหา 1 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2 1.3 ขอบเขตการศึกษา 2 1.4 วิธีการศึกษา 3 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4 บทที่ 2 การตรวจเอกสาร แนวคิดและทฤษฎี 2.1 การตรวจเอกสาร 5 2.2 แนวคิดและทฤษฎี 13 บทที่ 3 สถานการณ์ทั่วไป 3.1 สถานการณ์การผลิตทุเรียน ปี 2560 - 2564 15 3.2 สถานการณ์การตลาดทุเรียน 17 3.3 การขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 21 3.4 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน 29 3.5 ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ 52 บทที่ 4 ผลการศึกษา 4.1 ผลการวิเคราะห์รูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 63 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อดี - ข้อเสียของรูปแบบและเส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 74 บทที่ 5 สรุปและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุป 76 5.2 ข้อเสนอแนะ 77 บรรณานุกรม 79 ภาคผนวก ภาคผนวก 1 แบบสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 82 ภาคผนวก 2 รายชื่อโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกจีนและรายชื่อผู้ให้บริการขนส่ง 94


(จ) สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 2.1 ต้นทุนค่าขนส่งผลไม้จากท่าเรือแหลมฉบังผ่านท่าเรือฮ่องกงและท่าเรือเซินเจิ้นไปยัง 10 ตลาดค้าส่งผลไม้และผักเจียงหนาน นครกว่างโจว ตารางที่ 3.1 เนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ของทุเรียน ปี 2560 - 2564 15 ตารางที่ 3.2 แหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของไทย ปี 2560 - 2564 16 ตารางที่ 3.3 การกระจายผลผลิตและประมาณการในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดปี2565 16 ตารางที่ 3.4 ข้อมูลการบริโภคในประเทศและการส่งออกทุเรียนของไทยปี 2560 – 2564 17 ตารางที่ 3.5 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกทุเรียนและผลิตภัณฑ์ของไทย ปี 2560 – 2564 18 ตารางที่ 3.6 ตลาดส่งออกทุเรียนสดของไทย ปี 2560 - 2564 20 ตารางที่ 3.7 พันธุ์ทุเรียนที่ผลิตเป็นการค้าเพื่อนำมาบริโภคสด 30 ตารางที่ 3.8 ผลทุเรียนที่ไม่ผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำ (ข้อ1) 32 ตารางที่ 3.9 ขนาดของผลทุเรียน 34 ตารางที่ 3.10 วิธีวิเคราะห์และชักตัวอย่าง 36 ตารางที่ 3.11 การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับ ACFTA 50 ตารางที่ 3.12 การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรตามข้อผูกพัน RCEP 51 ตารางที่ 3.13 ประเภท ขนาด และราคาค่าขนส่งทุเรียนสดภายในประเทศ 56 ตารางที่ 4.1 ต้นทุนค่าขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 64 ตารางที่ 4.2 ข้อดี - ข้อเสีย ของรูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 74


(ฉ) สารบัญตารางผนวก ตารางผนวกที่ หน้า ตารางผนวกที่ 1.1 รายชื่อโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกไปจีนในจังหวัดจันทบุรี 94 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการสัมภาษณ์ ตารางผนวกที่ 1.2 รายชื่อผู้ให้บริการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 95


(ช) สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า ภาพที่ 1.1 กรอบแนวคิดในการศึกษา 3 ภาพที่ 2.1 เส้นทาง R3A 6 ภาพที่ 2.2 เส้นทาง R9 6 ภาพที่ 2.3 เส้นทาง R12 7 ภาพที่ 2.4 โครงสร้างการขนส่งทุเรียนจากโรงคัดบรรจุของไทยไปจีน 8 ภาพที่ 2.5 เส้นทางการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน ทางเรือ 9 ภาพที่ 2.6 เส้นทางการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน ทางอากาศ 9 ภาพที่ 3.1 ปริมาณการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน ปี 2560 – 2564 19 ภาพที่ 3.2 ตลาดส่งออกทุเรียนสดที่สำคัญของไทยปี 2564 19 ภาพที่ 3.3 สัดส่วนการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีนในแต่ละรูปแบบ 21 ภาพที่ 3.4 ทุเรียนทั้งผลที่มีขั้วผล 31 ภาพที่ 3.5 ภาพตัวอย่างตราผนึกตู้ผลไม้ของกรมวิชาการเกษตรเพื่อส่งออกทางบกผ่านประเทศที่สาม 45 ภาพที่ 3.6 ตัวอย่างสติกเกอร์สำหรับติดขั้วผลทุเรียน 46 ภาพที่ 3.7 กระบวนการภายในโรงคัดบรรจุทุเรียน (ล้ง) 56 ภาพที่ 3.8 ขั้นตอนการตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช 59 ภาพที่ 4.1 รูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 65 ภาพที่ 4.2 เส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน ทางถนน 66 ภาพที่ 4.3 ด่านขาออกของไทยและด่านขาเข้าของจีน ตามพิธีสารไทย-จีน 67 ภาพที่ 4.4 การขนถ่ายสินค้าในกระบวนการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 68 ภาพที่ 4.5 เส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน ทางน้ำ 70 ภาพที่ 4.6 เส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน ทางอากาศ 72 ภาพที่ 5.1 การเลือกรูปแบบการขนส่งให้เหมาะสมกับฤดูกาลผลิต 78


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความสำคัญของปัญหา ทุเรียนถือเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญต่อภาคเกษตรไทย ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง สามารถสร้าง รายได้เข้าสู่ประเทศจากการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงปี 2560-2564 พบว่า ปริมาณและมูลค่า การส่งออกทุเรียนและผลิตภัณฑ์ของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีปริมาณ 505,425.89ตัน คิดเป็นมูลค่า 24,942.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นปริมาณ 925,855.22ตัน คิดเป็นมูลค่า 119,159.96 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 17.91และ 48.12ตามลำดับ สำหรับปี 2564 ไทยมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนและ ผลิตภัณฑ์รวมทั้งสิ้น 119,159.96ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าจากการส่งออกทุเรียนในรูปผลสดสูงถึงร้อยละ 91.65 ซึ่งมีตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย 3 อันดับแรก จำแนกตามส่วนแบ่งทางการตลาด ได้แก่ จีน (ร้อยละ 90.04) ฮ่องกง (ร้อยละ 5.56) และ เวียดนาม (ร้อยละ 3.38) จีนถือเป็นตลาดส่งออกทุเรียนสดรายใหญ่ของไทย โดยผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการบริโภคทุเรียนสด ของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาในช่วงปี 2560 - 2564 พบว่า ปริมาณและมูลค่าการส่งออก ทุเรียนสดไปจีนเพิ่มขึ้น จากปี 2560 ที่มีปริมาณ 135,708.13 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7,348.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นปริมาณ 779,879.92 ตัน คิดเป็นมูลค่า 98,332.40 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 57.19 และ 91.55 ตามลำดับ แต่เมื่อปลายปี 2562 เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ทำให้การขนส่งผ่านประเทศที่สามไปจีนมีความล่าช้าและขาดความต่อเนื่อง เนื่องจากแต่ละประเทศ อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม บังคับใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างเข้มงวด ประกอบกับมาตรการ Zero Covid ของจีน ทำให้สินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนทั้งทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศต้องได้รับการตรวจอย่างเข้มงวด ส่งผลต่อความไม่แน่นอนในการเปิด - ปิดด่านขาเข้าของจีน และเกิดปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งทำให้ทุเรียนสดได้รับความเสียหายและคุณภาพลดลง เป็นผลให้การส่งออกทุเรียนสดในปี 2563 ลดลงเล็กน้อย ต่อมาในปี 2564 จีนมีความต้องการบริโภคทุเรียนสด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกทุเรียนสดกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยกองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร ในฐานะหน่วยงาน รับผิดชอบหลักในการจัดทำแผนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร ได้เล็งเห็นความสำคัญ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนให้มีความต่อเนื่อง เกิดความคุ้มค่าและได้รับ ประโยชน์สูงสุด จึงได้จัดทำโครงการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อศึกษารูปแบบและเส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน รวมถึงวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละรูปแบบ และเส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำผลการศึกษาที่ได้ไปใช้ เป็นแนวทางในการบริหารจัดการและวางแผนสนับสนุน ส่งเสริม รวมถึงแก้ปัญหาในการขนส่งทุเรียนสด จากไทยไปจีน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 2 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1.2.1 เพื่อศึกษารูปแบบและเส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 1.2.2 เพื่อวิเคราะห์ข้อดี- ข้อเสียของรูปแบบและเส้นทางการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 1.3 ขอบเขตการศึกษา 1.3.1 พื้นที่เป้าหมายของการศึกษา คือ จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของไทย โดยปี 2564 มีเนื้อที่ยืนต้นของทุเรียนมากที่สุด จำนวน 265,014 ไร่ ปริมาณผลผลิต 398,618 ตัน คิดเป็นร้อยละ 32.86 ของผลผลิตทุเรียนทั้งประเทศ (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565) 1.3.2 กลุ่มตัวอย่าง คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1) ผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุทุเรียน ได้แก่ ล้งและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวบรวม ผลผลิตและส่งออกทุเรียนไปจีน โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุทุเรียนในจังหวัดจันทบุรี ตามบัญชีรายชื่อโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกไปจีน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 เมษายน 2565) ของกองพัฒนาระบบ และรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ (1) บริษัท มอนโค ฟรุ๊ต (ไทยแลนด์) (2) บริษัท ปั้นเพลินฟรุต อินเตอร์ฟรุต เอ็กพอร์ต จำกัด (3) บริษัท ดรากอน เฟรช ฟรุท จำกัด (4) บริษัท ริชฟิลด์ เฟรชฟรุ๊ต จำกัด (5) บริษัท หอมหมื่นลี้ แอนด์ เจที จำกัด (6) ล้งป๋ายิ้ม (7) ล้งสมชาย - เจ้หนิง (8) ล้งโกอาร์ - เจ้สาว R.S.K. และ (9) บริษัท พรีเมียร์ เฟรช ฟรุท จำกัด ดังตารางผนวกที่ 1.1 2) ผู้ให้บริการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 3 รูปแบบ ได้แก่ ทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุทุเรียนตามข้อ 1) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจเลือกใช้รูปแบบและเส้นทาง ในการขนส่ง จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ (1) บริษัท โปรเฟรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดและ (2) บริษัท อเมซซิ่งโลจิสติคส์ แอนด์ซัพพลายเชน จำกัด ดังตารางผนวกที่ 1.2 3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน คือ ด่านศุลกากรเชียงของ และด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร จำนวน 8 ด่าน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 3.1) ด่านตรวจพืชในพื้นที่ จำนวน 1 ด่าน คือ ด่านตรวจพืชจันทบุรี จังหวัดจันทบุรีทำหน้าที่ ตรวจปล่อยสินค้าที่โรงคัดบรรจุแล้วส่งข้อมูลมายังด่านตรวจพืชขาออก 3.2) ด่านตรวจพืชขาออก จำนวน 7 ด่าน ได้แก่ ด่านตรวจพืชเชียงของ (R3A) จังหวัดเชียงราย ด่านตรวจพืชมุกดาหาร (R9) จังหวัดมุกดาหาร ด่านตรวจพืชนครพนม (R12) จังหวัดนครพนม ด่านตรวจพืชเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ด่านตรวจพืชลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากด่านตรวจพืช ในพื้นที่ และออกใบรับรองสุขอนามัยพืชให้แก่ผู้ประกอบการ 1.3.3 ระยะเวลาดำเนินการ เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 3 1.4 วิธีการศึกษา 1.4.1 กรอบแนวคิดในการศึกษา การศึกษาครั้งนี้ ได้ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์การขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน ตลอดโซ่อุปทานตั้งแต่การผลิต การรวบรวม การขนส่ง และการตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกฎหมาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ประกอบธุรกิจ โรงคัดบรรจุทุเรียน ประกอบด้วย ล้งและสหกรณ์การเกษตร 2) ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทุเรียนสดจากไทยไปจีน และ 3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ด่านตรวจพืช และด่านศุลกากรในประเด็นเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป ของผู้ประกอบการหรือหน่วยงาน ข้อมูลกระบวนการทำงาน ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการขนส่ง ทุเรียนสดจากไทยไปจีน เพื่อนำผลที่ได้ไปพิจารณาและวิเคราะห์รูปแบบและเส้นทางการขนส่งทุเรียนสด จากไทยไปจีน รวมถึงวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละรูปแบบ โดยสรุปเป็นกรอบแนวคิดในการศึกษา ดังภาพที่ 1.1 ภาพที่ 1.1 กรอบแนวคิดในการศึกษา 1.4.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล 1) ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลการดำเนินธุรกิจ กระบวนการทำงาน รวมถึงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายทั้ง 3 กลุ่ม 1.1) ผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุทุเรียน 1.2) ผู้ให้บริการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 1.3) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน 2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) โดยการค้นคว้าข้อมูลสถานการณ์ทุเรียน ประกอบด้วย สถานการณ์การผลิต การตลาด การขนส่ง รวมถึงกฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทุเรียนสด จากไทยไปจีนจากงานวิจัย หนังสือ วารสารทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง และการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต • สถานการณ์ทุเรียน ปี 2560 -2564 - การผลิต (พื้นที่เพาะปลูก และปริมาณผลผลิต) - การตลาด (โครงสร้างตลาดของทุเรียน ตลาดส่งออกที่สำคัญ การกระจายผลผลิต มูลค่าและปริมาณการส่งออกทุเรียนสด) -การขนส่งจากไทยไปจีน (รูปแบบ และเส้นทาง) • ผู้ประกอบการ (สถานที่ตั้ง การประกอบธุรกิจ ขนาดธุรกิจและส่วนแบ่ง ทางการตลาด) • หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง (ด่านตรวจพืช และด่านศุลกากร) • กฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน (พิธีสารไทย - จีน มาตรการป้องกัน Covid-19 GAP GMP ) รูปแบบและเส้นทาง ในการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน (ทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ) - รูปแบบ - เส้นทาง - ระยะทาง - ระยะเวลาในการขนส่ง - อัตราค่าขนส่ง ข้อดี-ข้อเสียของ รูปแบบและเส้นทาง - ทางถนน - ทางน้ำ - ทางอากาศ


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 4 1.4.3 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) จากการศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสด จากไทยไปจีน ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการ สัมภาษณ์เชิงลึกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนตลอดโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ ซึ่งแบบสอบถาม ประกอบด้วย 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ประกอบการ เช่น ชื่อบริษัท สถานที่ตั้ง การประกอบธุรกิจ ขนาดธุรกิจและส่วนแบ่งทางการตลาด ตอนที่ 2 ข้อมูลกระบวนการทำงาน ตอนที่ 3 ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ประมวลข้อมูลโดยนำแนวคิดทฤษฎีระบบ (System Theory) มาประยุกต์ใช้ร่วมกับ การวิเคราะห์เนื้อหา (Context Analysis) เพื่อวิเคราะห์รูปแบบการขนส่งและข้อดี-ข้อเสียของแต่ละรูปแบบ ในการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.5.1 ทำให้ทราบถึงข้อมูลรูปแบบการขนส่ง เส้นทาง ระยะทาง ระยะเวลาในการขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ขนาดบรรทุก และระยะเวลาในการจัดเก็บสินค้าขณะขนส่ง รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย เพื่อนำไปเป็นข้อมูลประกอบ การตัดสินใจในการเลือกรูปแบบการขนส่งและวางแผนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 1.5.2 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำ นโยบาย มาตรการ เพื่อบริหารจัดการและวางแผนในการสนับสนุน/ส่งเสริม รวมถึงแก้ปัญหาการขนส่งผลไม้สด จากไทยไปจีน ต่อไป


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 5 บทที่ 2 การตรวจเอกสาร แนวคิดและทฤษฎี 2.1 การตรวจเอกสาร 2.1.1 รูปแบบและเส้นทางในการขนส่ง สถาบันขนส่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2563) ได้ศึกษาการขนส่งผ่าน R3B (ไทย – เมียนมา - จีน) ผลการศึกษา พบว่า การขนส่งสินค้าจากเมืองท่าขี้เหล็กไปยังเมืองเชียงตุงตามแนวเส้นทาง R3B ถือเป็นเส้นทาง R3 ที่พาดผ่านเมียนมา เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงราย (แม่สาย) และเข้าสู่เมียนมาที่ท่าขี้เหล็ก ผ่านเชียงตุง จากนั้นเข้าสู่ต้าลั่ว ระยะทางประมาณ 380 กิโลเมตร แล้วเชื่อมโยงเข้ากับเส้นทาง R3A ต่อไปยังเชียงรุ้ง (สิบสองปันนา) - คุนหมิง รวมระยะทางประมาณ 1,850 กิโลเมตร ลักษณะทางกายภาพเป็นถนนลาดยาง ค่อนข้างแคบ มี 2 ช่องจราจรแต่ไม่มีเส้นจราจรและไม่มีไหล่ทาง สภาพเส้นทางเป็นทางราบสลับกับภูเขาสูง ไม่สามารถใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ในการขนส่งสินค้าได้ รูปแบบการขนส่งสินค้าที่เห็นได้โดยทั่วไป คือ ขนส่ง สินค้าโดยวางสินค้าไว้บนหลังคารถหรือใต้ท้องรถโดยสารประจำทาง นอกจากนี้ยังมีการใช้รถบรรทุกขนาดเล็ก 4 ล้อ หรือ 6 ล้อ สภาพเก่าในการขนส่งสินค้า จากข้อสังเกตนี้ ทำให้อนุมานได้ว่า ปริมาณสินค้าที่ขนส่ง ในเส้นทางดังกล่าว ยังมีปริมาณไม่มากพอที่จะคุ้มค่าการลงทุนออกรถบรรทุกขนส่ง นอกจากอุปสรรคจาก ลักษณะทางกายภาพของถนนแล้ว ยังมีอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไทยไปเมียนมา คือ ตลอดแนวเส้นทางมีด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอยู่หลายจุด ทั้งด่านของรัฐบาลและด่านของหน่วยงานด้านความ มั่นคง รวมถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพนักงานประจำรถต้องรายงานตัวเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง และมีการ เก็บค่าใช้จ่ายนอกระบบอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งสูง จากปัญหาและอุปสรรคข้างต้น ทำให้เส้นทาง R3B ถูกใช้เพื่อการขนส่งสินค้าในระยะทางสั้น ๆ โดยเฉพาะแม่สาย - ท่าขี้เหล็ก - เชียงตุง รวมทั้งเป็นเส้นทาง เพื่อการท่องเที่ยวจากรัฐฉานเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่น ๆ แต่ยังไม่สามารถพัฒนาเป็นเส้นทางขนส่งระหว่าง ไทย - เมียนมา - จีนตอนใต้ได้ จึงทำให้เส้นทาง R3A ได้รับความนิยมมากกว่า แม้ว่าระยะทางของเส้นทาง R3B จะสั้นกว่าก็ตาม ภูวนาท ฟักเกตุ (2563) และ Krebs and Panichakarn (2019) ได้จำแนกเส้นทางหลัก ในการขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยไปจีนออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่ R3A R9 และ R12 โดยเส้นทาง R3A เริ่มต้น จากด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ไทย) - บ่อเต็น (สปป.ลาว) - บ่อหาน (สิบสองปันนา จีน) - ด่านโม่ฮาน (จีน) รวมระยะทางประมาณ 922 กิโลเมตร ดังภาพที่ 2.1


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 6 ที่มา: ภูวนาท ฟักเกตุ, 2563 อ้างอิงจาก สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ, 2563 ภาพที่ 2.1 เส้นทาง R3A ผ่านด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ไทย) - บ่อเต็น (สปป.ลาว) - บ่อหาน (สิบสองปันนา จีน) - ด่านโม่ฮาน (จีน) เส้นทาง R9 หรือเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East – West Economic Corridor) เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างไทย - พม่า - สปป.ลาว - เวียดนาม - จีน สำหรับการขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีน จะมีเส้นทางในการขนส่ง เริ่มต้นจากด่านศุลกากรมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร (ไทย) - แขวงสะหวันนะเขต (สปป.ลาว) - ฮานอย (เวียดนาม) - ด่านโหยวอี้กวน (จีน) แล้วขนส่งต่อไปยังกรุงปักกิ่งของจีน รวมระยะทาง ประมาณ 1,450 กิโลเมตร ดังภาพที่ 2.2 ที่มา: Krebs and Panichakarn, 2019 ภาพที่ 2.2 เส้นทาง R9 ผ่านด่านศุลกากรมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร (ไทย) - สะหวันนะเขต (สปป.ลาว) - ฮานอย (เวียดนาม) - ด่านโหยวอี้กวน (จีน)


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 7 เส้นทาง R12 จะมีเส้นทางในการขนส่งเริ่มต้นจากด่านนครพนม จังหวัดนครพนม (ไทย) - ด่านท่าแขก แขวงคำม่วน (สปป.ลาว) - ฮานอย (เวียดนาม) - ด่านผิงเสียง (จีน) - ด่านโหยวอี้กวน (จีน) รวมระยะทางประมาณ 823 กิโลเมตร ดังภาพที่ 2.3 ที่มา: Krebs and Panichakarn, 2019 ภาพที่ 2.3 เส้นทาง R12 ผ่านด่านศุลกากรนครพนม จังหวัดนครพนม (ไทย) - คำม่วน (สปป.ลาว) - ฮานอย (เวียดนาม) - ด่านโหยวอี้กวน (จีน) วุฒิภาค พูลบัว (2561) ได้ศึกษาปัจจัยในการดำเนินการที่มีผลต่อการเลือกรูปแบบในการส่งออก ทุเรียนสดจากภาคตะวันออกของไทยไปจีน ซึ่งสรุปข้อมูลรูปแบบและเส้นทางที่ใช้ในการส่งออกทุเรียนสด จากไทยไปจีนเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ รถบรรทุก เรือและเครื่องบิน มีสัดส่วนการใช้งานเป็นร้อยละ90.28 9.71 และ 0.01 ตามลำดับ จากข้อมูลมีการส่งออกทางอากาศน้อยมาก จึงกำหนดขอบเขตในการศึกษา 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) การขนส่งทางเรือจากไทยไปยังเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งของจีน และ 2) การขนส่งทางรถบรรทุกจากไทย ผ่านด่านโหยวอี้กวน เมืองผิงเสียง มณฑลกว่างซีของจีน โดยใช้เทคนิคการสร้างสถานการณ์สมมติ (Stated Preference) และวิเคราะห์ข้อมูลการเลือกรูปแบบการขนส่งด้วยการวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติกส์ทวิ (Binary Logistic Regression) โดยใช้ปัจจัยนำเข้า 3 ปัจจัย ได้แก่ ต้นทุนโลจิสติกส์ ระยะเวลาการขนส่ง และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการขนส่ง ผลการศึกษา พบว่า ผู้ส่งออกมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่ง จากทางเรือและรถบรรทุกเป็นการขนส่งทางรถไฟแทน โดยปริมาณการขนส่งทางรถไฟมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การศึกษาได้รวบรวมข้อมูลและสรุปเป็นโครงสร้างการขนส่งทุเรียน จากโรงคัดบรรจุของไทยไปจีน ดังภาพที่ 2.4 และจำแนกเส้นทางการขนส่งที่สำคัญในแต่ละรูปแบบไว้ดังนี้ การขนส่งทางรถบรรทุกมี 4 เส้นทาง ได้แก่ 1) เส้นทาง R8 (นครพนม - ท่าแขก - บ้านน้ำทอน - คำม่วน - บอลิคำไซ - น้ำพาว - กาแจว - ฮาติงห์ - เมืองวิงห์) เส้นทางคดเคี้ยวผ่านภูเขา ตลอดแนวเส้นทางมีสถานี


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 8 ซ่อมบำรุงรถให้บริการไม่เพียงพอและไม่สามารถรองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้2) เส้นทาง R9 (มะละแหม่ง - เมียวดี - แม่สอด - มุกดาหาร – สะหวันนะเขต - แดนสะหวัน - ลาวบาว - เมืองดานัง - ฮานอย - คุนหมิง) เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างไทย สปป.ลาว และเวียดนาม ผ่านเข้าสู่เมืองที่สำคัญทางใต้ของจีน เช่น คุนหมิง หนานหนิง กว่างโจว เป็นต้น 3) เส้นทาง R12 (ด่านนครพนม –ด่านท่าแขก -ด่านน้ำพาว - ด่านจาลอ -ด่านหูหงิ - ด่านโหยวอี้กวน) เป็นอีกเส้นทางหลัก ในการลำเลียงสินค้าเกษตรจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย สู่ทางตอนใต้ของจีน โดยการขนส่งสินค้าจากด่านนครพนมไปด่านโหยวอี้กวน ใช้เวลา 31 – 34 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่สามารถขนส่งได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียหายของสินค้าที่เน่าเสียง่ายได้ดีและมีต้นทุน ค่าขนส่งต่ำ แต่เส้นทางนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น สภาพถนน สิ่งอำนวยความสะดวก ลานพักและขนถ่ายสินค้า อุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า ร้านค้า และปั๊มน้ำมัน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการ และ 4) เส้นทาง R3A (กรุงเทพฯ - เชียงของ - ห้วยทราย - บ่อเต็น - บ่อหาน - คุนหมิง) เป็นเส้นทางขนส่งผักและผลไม้ที่สำคัญของไทยไปยัง เมืองคุนหมิงและกว่างโจวของจีน โดยการขนส่งจากกรุงเทพฯ ไปคุนหมิงใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ชั่วโมง และเส้นทางขนส่งทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบังผ่านท่าเรือฮ่องกงไปยังท่าเรือในเมืองต่าง ๆ ของจีน ดังภาพที่ 2.5 ส่วนเส้นทางขนส่งทุเรียนจากไทยไปจีนทางอากาศจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ไปยัง ท่าอากาศยานในมณฑลต่าง ๆ ของจีน แต่การขนส่งทางอากาศไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่งสูง และสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้น้อย ผู้ประกอบการจะเลือกใช้ในกรณีเร่งด่วนเท่านั้น ทั้งนี้ เส้นทางการขนส่ง ทางอากาศ ดังภาพที่ 2.6 ที่มา: วุฒิภาค พูลบัว, 2561 อ้างอิงจาก เจริญชัย โขมพัฒราภรณ์ และคณะ, 2550 ภาพที่ 2.4 โครงสร้างการขนส่งทุเรียนจากโรงคัดบรรจุของไทยไปจีน


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 9 ที่มา: วุฒิภาค พูลบัว, 2561 ภาพที่ 2.5 เส้นทางการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน ทางเรือ ที่มา: วุฒิภาค พูลบัว, 2561 อ้างอิงจาก บางกอก แอร์เวย์, 2561 ภาพที่ 2.6 เส้นทางการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน ทางอากาศ คมสวัสดิ์ คงดี (2558) ได้ศึกษาเส้นทางการขนส่งระหว่างจังหวัดเชียงรายของไทยไปยัง นครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีน ผลการศึกษา พบว่า มีการขนส่ง 2 รูปแบบ ผ่าน 2 เส้นทาง ได้แก่ 1) การขนส่ง ทางบก ด้วยรถบรรทุกผ่านเส้นทาง R3A จากด่านเชียงของจังหวัดเชียงรายของไทยไปยังนครคุนหมิงของจีน รวมระยะทางประมาณ 922 กิโลเมตร ระยะเวลาในการขนส่ง 5 - 7 ชั่วโมง เส้นทางนี้ต้องขนส่งผ่าน สปป.ลาว ซึ่งเส้นทางมีลักษณะสูงชัน คดเคี้ยว เป็นหลุมบ่อ และเกิดปัญหาดินถล่มปิดทับเส้นทาง อีกทั้งคนลาวนิยม


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 10 สร้างบ้านเรือนติดถนน จึงทำให้การขนส่งไม่สะดวกมากนัก และ 2) การขนส่งผ่านทางแม่น้ำโขง เริ่มต้นจาก ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงรายของไทย ผ่านท่าเรือสบหลวยของพม่าไปยังท่าเรือกวนเหล่ยของจีน รวมระยะทางประมาณ 265 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาขนส่ง 7 - 10 วัน จะเห็นว่า การขนส่งทางบกสามารถขนส่งได้รวดเร็ว และไม่ต้องขนถ่ายสินค้าหลายทอด อีกทั้ง สามารถกระจายสินค้าจากไทยเข้าสู่มณฑลต่าง ๆ ของจีน โดยเฉพาะทางใต้และตะวันตกของจีนได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่าย อาทิ ผักและผลไม้ ส่วนการขนส่งทางน้ำผ่านทางแม่น้ำโขง มีข้อได้เปรียบ คือ ต้นทุนค่าขนส่งต่ำ และไม่ต้องเสียค่าระวางในการขนส่งผ่านด่านใน สปป.ลาว 2.1.2 ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง Wei et al. (2020) ได้ศึกษาการเลือกเส้นทางของโลจิสติกส์ทางทะเลในการส่งออกผลไม้ จากประเทศไทยไปยังตอนใต้ของจีน ผลการศึกษา พบว่า ต้นทุนในการส่งผลไม้จากท่าเรือแหลมฉบังไปยัง ท่าเรือฮ่องกงหรือท่าเรือเซินเจิ้น และขนส่งต่อไปยังตลาดค้าส่งผลไม้และผักเจียงหนาน นครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งมีรายละเอียดค่าขนส่ง ดังตารางที่ 2.1 ตารางที่ 2.1 ต้นทุนค่าขนส่งผลไม้จากท่าเรือแหลมฉบังผ่านท่าเรือฮ่องกงและท่าเรือเซินเจิ้นไปยังตลาดค้าส่ง ผลไม้และผักเจียงหนาน นครกว่างโจว ลำดับ ข้อมูล ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต (สกุลเงินเหรียญสหรัฐ) ท่าเรือฮ่องกง ท่าเรือเซินเจิ้น 1. ค่าขนส่งสินค้าจากด่านท่าเรือแหลมฉบัง 1,150 1,300 2. ค่าบริการท่าเรือฮ่องกงปลายทาง 658 842 3. ค่าธรรมเนียมศุลกากร 440 780 4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,556 1,986 5. ค่าขนส่งจากท่าเรือปลายทางไปยังตลาดค้า ส่งผลไม้และผักเจียงหนาน นครกว่างโจว 700 330 6. ค่าบริหารจัดการสำหรับตลาดค้าส่งผลไม้ และผักเจียงหนาน นครกว่างโจว 400 400 ต้นทุนค่าขนส่งรวม 4,904 5,638 ที่มา: Wei et al., 2020


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 11 อารีรัตน์ นวลน้อย (2562) ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนโลจิสติกส์ในการส่งออกทุเรียน พันธุ์หมอนทองในจังหวัดชุมพร ผลการศึกษา พบว่า ต้นทุนโลจิสติกส์รวมในการส่งออกทุเรียนแปรผกผัน กับขนาดพื้นที่ให้ผลผลิต และกิจกรรมรวบรวมผลผลิต ทำให้เกิดต้นทุนในการส่งออกมากที่สุด โดยพื้นที่ให้ผลผลิตมาก จะมีต้นทุนการส่งออกรวมต่ำที่สุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 18.29 บาท และมีต้นทุนในการรวบรวมผลผลิตอยู่ที่ กิโลกรัมละ 5.19 บาท สำหรับพื้นที่ให้ผลผลิตปานกลาง จะมีต้นทุนการส่งออกอยู่ที่กิโลกรัมละ 20.79 บาท และมีต้นทุนในการรวบรวมผลผลิตอยู่ที่กิโลกรัมละ 7.16 บาท ส่วนพื้นที่ให้ผลผลิตน้อยจะมีต้นทุนการส่งออก สูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 56.60 บาท และมีต้นทุนในการรวบรวมผลผลิตอยู่ที่กิโลกรัมละ 26.17 บาท เมื่อเปรียบเทียบการขนส่งผลไม้โดยภาพรวมระหว่างการขนส่งทางน้ำด้วยเรือเดินทะเลกับการขนส่งทางบก ด้วยรถบรรทุก พบว่า ต้นทุนการขนส่งทางน้ำโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จากท่าเรือแหลมฉบังไปยัง ท่าเรือกว่างโจวมณฑลกวางตุ้งในจีนอยู่ระหว่าง 40,000 - 50,000 บาท/ตู้ ใช้เวลาขนส่ง 7 - 8 วัน ส่วนการขนส่ง ทางบกโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ผ่านเส้นทาง R3A R9 และ R12 มีต้นทุนในการขนส่งประมาณ 150,000 บาท/ตู้ ใช้เวลาขนส่ง 3 - 4 วัน จะเห็นได้ว่า การขนส่งทางเรือนั้นใช้เวลานานกว่า เพราะมณฑลยูนนาน ไม่มีพื้นที่ติดกับทะเล ดังนั้น การขนส่งทางเรือจะเป็นการขนส่งจากพื้นที่ปลูกทุเรียนที่สำคัญในภาคตะวันออก ของไทย อาทิ จังหวัดจันทบุรีและระยอง รวมถึงการขนส่งจากจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกที่สำคัญใน ภาคใต้ไปยังท่าเรือแหลมฉบังแล้วเดินเรืออ้อมผ่านกัมพูชาและเวียดนามไปยังท่าเรือฮ่องกงหรือท่าเรือใกล้เคียง เพื่อเทียบท่าที่ท่าเรือกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งในจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดเจียงหนาน (Guangzhou Jiang Nan Fresh Fruit and Vegetables Wholesale Market) เป็นตลาดนำเข้าและส่งออกผักและผลไม้ที่ใหญ่ ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.1.3 ประเภทการขนส่ง กองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์(2564) ได้นำเสนอการพัฒนาโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน (Cross-border Logistics) เป็นการขนส่งเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างรัฐที่มีชายแดนติดกันหรือผ่านไปยัง ประเทศที่สามหรือไปยังภูมิภาคอื่น ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการหนึ่งในโมเดลโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain Model: GSCM) การพัฒนาโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนมีความสอดคล้องตามยุทธศาสตร์การพัฒนา ระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ที่ให้ความสำคัญในการสนับสนุน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสู่การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการขนส่งจากต้นทางถึงปลายทาง ทั้งนี้ รูปแบบการขนส่งข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Cross - border Transport Models) แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) การขนส่งข้ามพรมแดนด้วยระบบขนส่งทางถนน การพัฒนาการค้าและการขนส่งที่สามารถ ลดอุปสรรคที่ไม่ใช่อุปสรรคทางกายภาพ (Non - physical Barriers) โดยแบ่งลักษณะการขนส่งเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ (1) การสลับรถพ่วง (Trailer Swap) (2) การสลับตู้คอนเทนเนอร์ (Container Swap) ซึ่งการสลับ รถพ่วงทำได้ง่ายกว่าเล็กน้อย ในขณะที่การสลับตู้คอนเทนเนอร์ต้องใช้เครนในการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ จากรถพ่วงคันหนึ่งไปยังอีกคันหนึ่ง ทำให้มีข้อจำกัดของจำนวนเครนและลำดับก่อนหลังในการเข้าใช้งานเครน เพื่อการขนย้าย (3) การขนย้ายด้วยวิธี Manual Transloading เป็นการเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ง่ายและมีเงื่อนไข ในการดำเนินการน้อยที่สุด จึงเป็นวิธีการขนส่งสินค้าที่เป็นที่นิยมในภูมิภาค และ (4) การขนส่งที่ไม่มี


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 12 การเปลี่ยนถ่าย (No Transloading) เป็นลักษณะการขนส่งที่ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายสินค้า ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด และมีความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายอยู่ในระดับต่ำ โดยเปรียบเทียบการจัดการในการขนส่งสินค้า 4 ด้าน ได้แก่ (1) ความยาก (Difficulty) (2) ต้นทุน (Cost) (3) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และ (4) ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ทั้งนี้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งประเมินจากความเสี่ยงที่จะเกิดความล่าช้าในการส่งมอบ สินค้า พบว่าการสลับรถพ่วง (Trailer Swap) และการขนส่งที่ไม่มีการเปลี่ยนถ่าย (No Transloading) มีความ น่าเชื่อถือสูงสุด เนื่องจากไม่มีการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความล่าช้า ในขณะที่ การสลับตู้คอนเทนเนอร์ (Container Swap) และการขนถ่ายด้วยวิธี Manual Transloading อยู่ในอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์และแรงงานในการดำเนินการ 2) การขนส่งข้ามพรมแดนด้วยระบบขนส่งทางราง เป็นการแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติเพื่อขจัด อุปสรรคการขนส่งข้ามพรมแดนด้วยระบบขนส่งทางรางในเบื้องต้น ได้แก่ 2.1) กรณีที่สองประเทศมีขนาดความกว้างของระบบรางเท่ากัน สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าได้ โดยการเปลี่ยนหัวรถจักร 2.2) กรณีที่สองประเทศมีขนาดความกว้างของระบบรางไม่เท่ากัน (Break-of-gauge) ซึ่งเป็น อุปสรรคต่อการไหลลื่นของการขนส่งสินค้า เนื่องจากรถไฟจะต้องหยุดที่ชายแดนเพื่อขนย้ายสินค้า ทำให้ มีการเสนอวิธีแก้ปัญหาหลากหลายวิธี ได้แก่ (1) การแก้ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ (1.1) มาตรฐานรถไฟทางเดี่ยว (Single Track Standard) โดยปรับเปลี่ยนให้เป็น ระบบรางที่มีความกว้างเท่ากัน (1.2) รถไฟรางคู่ (Dual Track) หรือทางรถไฟที่มีระบบรางผสมกัน โดยการพัฒนา ระบบรางที่แตกต่างกันบนพื้นฐานของระบบรางเดี่ยว ด้วยการสอดรางที่สาม หรือบางครั้งรางที่สี่ เพื่อให้ได้มาซึ่ง “Composite Gauge” (2) การแก้ปัญหาด้านเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ (2.1) การเปลี่ยนโบกี้ (Bogie Change) โดยการยกตู้สินค้าของรถไฟด้วยชุดแม่แรง จากโบกี้ของรางหนึ่งไปยังโบกี้ของอีกรางหนึ่ง (2.2) ระบบรางที่สามารถปรับเปลี่ยนความกว้าง (Variable Gauge) โดยการลากตู้สินค้า ไปตามเส้นทางการเปลี่ยนผ่านรางด้วยความเร็วที่ลดลง ซึ่งระหว่างกระบวนการนั้นระยะห่างระหว่างล้อจะถูกปรับ จากขนาดความกว้างรางหนึ่งไปยังอีกขนาดหนึ่ง (3) การแก้ปัญหาด้านการปฏิบัติงาน ได้แก่ การเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment) โดยคนหรือเครื่องกลจากตู้สินค้าของรางหนึ่งไปยังตู้สินค้าของอีกรางหนึ่ง การพัฒนาประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงข้อมูลและธุรกรรมทางการเงินในการขนส่งสินค้าผ่านแดน ให้เป็นไปได้โดยสะดวก เพื่อลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าผ่านด่าน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงาน ภาครัฐและภาคธุรกิจ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ภาคธุรกิจสู่ภาคธุรกิจ (Business to Business: B2B)


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 13 ภาครัฐสู่ภาครัฐด้วยกัน (Government to Government: G2G) ภาครัฐสู่ภาคธุรกิจ (Government to Business: G2B) อย่างครบวงจร 2) การบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนำเข้า - ส่งออก เพื่อให้ สามารถดำเนินพิธีการข้ามพรมแดนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection: SSI) โดยเฉพาะ พิธีการศุลกากร (Customs) การตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และการตรวจกักพืชและสัตว์ (Quarantine) หรือ CIQ (Custom Immigration Quarantine) 3) การพัฒนาเทคโนโลยีของแต่ละหน่วยงานให้มีระดับการพัฒนาที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้สามารถ ปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 4) การกำหนดนโยบายหรือมาตรการต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผ่านแดน เช่น การอนุญาตให้ส่งเอกสารด้านศุลกากรได้ล่วงหน้า ทำให้ลดระยะเวลา ณ ด่านพรมแดน และลดระยะเวลา การขนส่งสินค้าในภาพรวม รวมถึงการบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน (Coordinated Border Management: CBM) ซึ่งเป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ณ บริเวณชายแดนทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นภายใต้การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.2 แนวคิดและทฤษฎี 2.2.1 รูปแบบการขนส่ง เป็นวิธีการในการขนส่งสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทาง ในอดีตที่ไม่มี เครื่องจักรและสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งมาก ในการขนส่งสินค้าต่าง ๆ จะใช้แรงงานสัตว์อาทิ ม้า อูฐ และช้าง เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง ไปอย่างมาก ทำให้เกิดรูปแบบการขนส่งที่หลากหลายและพัฒนาให้สามารถใช้การขนส่งหลายรูปแบบร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาในการขนส่ง โดยแบ่งการขนส่งเป็น 3 ประเภท (Sarder, 2021) ดังนี้ 1) การขนส่งรูปแบบเดียว (Unimodalism หรือ Single Mode Transportation) หมายถึง การขนส่งจากจุดต้นทางไปยังปลายทางโดยไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบระหว่างการขนส่ง เช่น การขนส่ง ด้วยรถบรรทุก ซึ่งเหมาะสมกับการขนส่งที่ระยะทางไม่ไกลมาก สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะ ไม่ต้องพักคอยเพื่อขนถ่ายสินค้า ส่งผลให้ใช้ระยะเวลาในการขนส่งน้อยและมีต้นทุนค่าขนส่งสินค้าต่ำ แต่มีข้อจำกัดทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับไม่เพียงพอ อาทิ สภาพเส้นทางและการจราจร และสถานี บริการน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้การขนส่งระหว่างประเทศอาจจะมีการเปลี่ยนหัวลากหรือการขนถ่ายสินค้า ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการขนส่ง 2) การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodalism หรือ Multimodal Transportation) หมายถึง การขนส่งจากจุดต้นทางไปยังปลายทางโดยใช้รูปแบบการขนส่งร่วมกันตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป เช่น รถบรรทุก-รถไฟ รถบรรทุก-เรือ-รถบรรทุก หรือรถบรรทุก-เครื่องบิน-รถบรรทุก ขนส่งต่อเนื่องกัน เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และยกระดับของการบริการให้สามารถตอบสนอง ความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยผู้ให้บริการขนส่งเป็นผู้รับผิดชอบการขนส่งทั้งหมดภายใต้สัญญาฉบับเดียว หรือแยกทำสัญญาผู้ให้บริการขนส่งในแต่ละรูปแบบก็ได้ซึ่งเหมาะสมกับการขนส่งที่มีระยะทางค่อนข้างไกล


การศึกษารูปแบบการส่งออกทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 14 ไม่สามารถขนส่งโดยใช้รูปแบบเดียวได้ อย่างไรก็ตาม การขนส่งแบบผสมต้องมีการพักคอยและมีการขนถ่าย สินค้าจึงใช้ระยะเวลาในการขนส่งเพิ่มขึ้น 2.2.2 ทฤษฎีระบบ (System Theory) คิดค้นโดยนักรัฐศาสตร์ เดวิด อีสตัน ในปี ค.ศ. 1965 ใช้ในการศึกษาพลวัตทางรัฐศาสตร์อย่างกว้างขวาง และมีการนำมาประยุกต์ใช้เป็นกรอบแนวคิด ในการออกแบบเครื่องมือเพื่อการบริหารจัดการองค์กร โดยทฤษฎีระบบจะมุ่งเน้นพิจารณาความสัมพันธ์ ของปัจจัยหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ ที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของ องค์กร (Eston, 1965) ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 คาสต์ และ โรเซนซ์วีก (Kast and Rosenzweig, 1985) ได้นำแนวคิด มาปรับเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานด้านการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น โดยได้นำเสนอทฤษฎีการคิดเชิงระบบ โดยมี5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) ปัจจัยนำเข้า (Input) หมายถึง ทรัพยากรหรือสิ่งที่จำเป็นที่ต้องนำเข้าสู่ระบบเพื่อก่อให้เกิด การทำงาน ทั้งนี้ทรัพยากรของระบบจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันขึ้นกับประเภทของระบบ 2) กระบวนการ (Process) หมายถึง การแปรสภาพปัจจัยนำเข้าหรือทรัพยากรให้เปลี่ยนเป็นผลผลิต ทั้งนี้ ลักษณะกระบวนการจะขึ้นอยู่กับประเภทของระบบ 3) ผลผลิต (Output) หมายถึง สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ของระบบ 4) ผลย้อนกลับ (Feedback) หมายถึง ส่วนที่ส่งผลกระทบต่อระบบ โดยสามารถใช้เป็นกลไก ในการควบคุมการทำงานของระบบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงข้อดีและข้อบกพร่องของ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลผลิต และนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพได้ 5) สภาพแวดล้อม (Environment) หมายถึง สภาพที่อยู่แวดล้อมระบบ


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 15 บทที่ 3 สถานการณ์ทั่วไป 3.1 สถานการณ์การผลิตทุเรียน ปี 2560 - 2564 ทุเรียน (Durian) หรือราชาแห่งผลไม้ของไทย (King of Fruit) ถือเป็นผลไม้ที่มีศักยภาพด้านการผลิต และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ การผลิตทุเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ให้ผลตอบแทนดี และเกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื้อที่ยืนต้นของทุเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.68 ต่อปี จากปี 2560 ที่มีจำนวน 838,714 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 1,168,154 ไร่ ในปี 2564 เนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7.29 ต่อปี จากปี 2560 จำนวน 643,030 ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 851,866 ไร่ ในปี 2564 ผลผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 16.75 ต่อปีจากปี 2560 จำนวน 663,066 ตัน เพิ่มขึ้นเป็น 1,212,989 ตัน ในปี 2564 และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.85 ต่อปี จากปี 2560 จำนวน 1,031 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 1,424 กิโลกรัมต่อไร่ ปี 2564 เนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นจาก 1,071,816 ไร่ 797,732 ไร่ 1,116,068 ตัน และ 1,399 กิโลกรัมในปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.99 6.79 8.68 และ 1.79 ตามลำดับ เนื่องจากเกษตรกรมีการขยายพื้นที่ปลูกใหม่ในปี 2559 แทนยางพารา กาแฟ เงาะ มังคุด และลองกอง ประกอบกับ สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการติดดอกออกผลทุเรียน รวมถึงเกษตรกรมีการบำรุงรักษาดูแลรักษาดี ดังตารางที่ 3.1 ตารางที่ 3.1 เนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ของทุเรียน ปี 2560 - 2564 รายการ ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 อัตราการ เปลี่ยนแปลง เฉลี่ยต่อปี (ร้อยละ) อัตราการ เปลี่ยนแปลง ปี 64/63 (ร้อยละ) เนื้อที่ยืนต้น (ไร่) 838,714 952,443 1,011,499 1,071,816 1,168,154 8.68 8.99 เนื้อที่ให้ผล (ไร่) 643,030 679,566 729,541 797,732 851,866 7.29 6.79 ผลผลิต (ตัน) 663,066 762,567 1,024,860 1,116,068 1,212,989 16.75 8.68 ผลผลิตต่อไร่ (กิโลกรัม) 1,031 1,122 1,405 1,399 1,424 8.85 1.79 ที่มา: สารสนเทศเศรษฐกิจการเกษตรรายสินค้า ปี 2564, 2565 แหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของไทยอยู่ในภาคกลางและภาคใต้ โดยจังหวัดจันทบุรี มีผลผลิตสูงที่สุด ของประเทศ ในปี 2564 มีผลผลิตคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.86 ของประเทศ โดยในช่วงปี 2560-2564 จังหวัดจันทบุรี มีผลผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 9.11 ต่อปีจากปี 2560 ที่มีผลผลิต 284,874 ตัน เพิ่มขึ้นเป็น 398,618 ตัน ในปี 2564 รองลงมา ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระยอง นครศรีธรรมราช และตราด มีผลผลิตคิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 28.35 9.90 4.92 และ 4.69 ของประเทศ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีผลผลิตทุเรียนกระจายอยู่ ทั่วประเทศในจังหวัดอื่น ๆ อีก 35 จังหวัด ดังตารางที่ 3.2


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 16 ตารางที่ 3.2 แหล่งผลิตทุเรียนที่สำคัญของไทย ปี 2560 - 2564 ประเทศ/ภาค/ จังหวัด ผลผลิต (ตัน) อัตราการ เปลี่ยนแปลง เฉลี่ยต่อปี (ร้อยละ) สัดส่วน ของ ประเทศ (ร้อยละ) ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 รวมทั้งประเทศ 663,066 762,567 1,024,860 1,116,068 1,212,989 16.75 100.00 ภาคเหนือ 32,138 35,230 28,079 26,308 34,054 3.11 2.81 ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 2,927 4,842 4,595 5,495 7,013 26.88 0.58 ภาคกลาง 427,909 410,654 510,046 565,369 595,328 9.08 49.08 ภาคใต้ 200,092 311,841 482,140 518,896 576,594 32.30 47.53 จันทบุรี 284,874 279,075 339,292 380,446 398,618 9.11 32.86 ชุมพร 114,252 154,773 277,729 315,552 343,900 34.38 28.35 ระยอง 93,008 85,880 108,093 114,413 120,080 7.25 9.90 นครศรีธรรมราช 23,584 32,714 47,855 51,750 59,738 27.14 4.92 ตราด 44,483 38,951 48,158 55,176 56,844 7.20 4.69 จังหวัดอื่น ๆ (35 จังหวัด) 102,865 171,174 203,732 198,729 233,809 25.16 19.28 ที่มา: สถิติการเกษตรของประเทศไทย ปี 2564, 2565 สำหรับการกระจายผลผลิตทุเรียน ปี 2565 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้ประมาณการว่า ทุเรียนมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุด (Peak) คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ดังตารางที่ 3.3 ตารางที่ 3.3 การกระจายผลผลิตและประมาณการในช่วงที่ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาด ปี 2565 หน่วย: ร้อยละ ชนิด สินค้า ปี 2565 ผลผลิต ประมาณการ ช่วง Peak ม.ค. ก.พ. มี.ค. (พ.ค.-ส.ค.) (ตัน) เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. (ตัน) ทุเรียน 0.90 0.79 2.40 10.19 25.40 16.38 14.94 15.62 8.60 2.69 0.92 1.17 1,483,041 1,072,831.86 ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 17 3.2 สถานการณ์การตลาดทุเรียน 3.2.1 การบริโภคภายในประเทศ ปี 2560 - 2564 ความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 157,640.11 ตัน ในปี 2560 เป็น 287,133.78 ตัน ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 23.06 ต่อปี ซึ่งการบริโภคส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปผลสด ในปี 2564 การบริโภคในประเทศลดลงจาก 462,592.43 ตัน ในปี 2563 หรือลดลงร้อยละ 37.93 เนื่องจากความต้องการบริโภคของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไทยมีสัดส่วนการส่งออก เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 76.33 ขณะที่การบริโภคในประเทศ มีสัดส่วนร้อยละ 23.67 ดังตารางที่ 3.4 ตารางที่ 3.4 ข้อมูลการบริโภคในประเทศและการส่งออกทุเรียนของไทย ปี 2560 - 2564 รายการ ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 อัตราการ เปลี่ยนแปลง เฉลี่ยต่อปี (ร้อยละ) อัตราการ เปลี่ยนแปลง ปี 64/63 (ร้อยละ) บริโภคในประเทศ ปริมาณ (ตัน) สัดส่วน* (ร้อยละ) 157,640.11 23.77 243,443.81 31.92 342,053.24 33.38 462,592.43 41.45 287,133.78 23.67 23.06 -37.93 ส่งออก ปริมาณ (ตัน) สัดส่วน* (ร้อยละ) 505,425.89 76.23 519,123.20 68.08 682,806.76 66.62 653,475.57 58.55 925,855.22 76.33 17.91 41.68 หมายเหตุ: * เป็นสัดส่วนต่อปริมาณผลผลิตรวม ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, พฤศจิกายน 2565 3.2.2 การส่งออก ทุเรียน เป็นผลไม้ส่งออกที่สำคัญของไทย และเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ในกลุ่มผลไม้ไทย ที่ส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยสามารถจำแนกกลุ่มทุเรียนและผลิตภัณฑ์ได้ 4 รายการ ได้แก่ ทุเรียนสด ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนกวน และทุเรียนอบแห้ง โดยในช่วงปี 2560 - 2564 ไทยส่งออกทุเรียนและผลิตภัณฑ์ ของไทยเพิ่มขึ้นจาก 505,425.89 ตัน มูลค่า 24,942.95 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 925,855.22 ตัน มูลค่า 119,159.96 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 17.91 และ 48.12 ตามลำดับ แบ่งเป็น 1) ทุเรียนสด มีการส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกทุเรียนและผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยมีการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 490,488.99 ตัน มูลค่า 22,098.44 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 875,097.02 ตัน มูลค่า 109,205.94 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 17.26 และ 49.49 ตามลำดับ 2) ทุเรียนแช่แข็ง มีการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 13,303.23 ตัน มูลค่า 2,275.63 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 50,047.96 ตัน มูลค่า 9,573.64 ล้านบาท ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 40.27 และ 47.28 ตามลำดับ


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 18 3) ทุเรียนกวน มีการส่งออกลดลงจาก 1,088.88 ตัน มูลค่า 137.55 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 351.13 ตัน มูลค่า 44.51 ล้านบาท ในปี 2564 หรือลดลงเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 13.30 และ 13.73 ตามลำดับ 4) ทุเรียนอบแห้ง มีการส่งออกลดลงจาก 544.79 ตัน มูลค่า 431.33 ล้านบาท ในปี 2560 เป็น 359.11 ตัน มูลค่า 335.87 ล้านบาท ในปี 2564 หรือลดลงเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 3.23 และ 0.06 ตามลำดับ ดังตารางที่ 3.5 ตารางที่ 3.5 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกทุเรียนและผลิตภัณฑ์ของไทย ปี 2560 - 2564 รายการ ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 อัตราการ เปลี่ยนแปลง เฉลี่ยต่อปี (ร้อยละ) อัตราการ เปลี่ยนแปลง ปี 64/63 (ร้อยละ) ทุเรียนและผลิตภัณฑ์ ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) 505,425.89 24,942.95 519,123.20 35,398.78 682,806.76 51,181.42 653,475.57 72,565.97 925,855.22 119,159.96 17.91 48.12 41.68 64.21 ทุเรียนสด ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) 490,488.99 22,098.44 494,067.77 30,186.97 655,394.99 45,481.46 620,892.58 65,631.02 875,097.02 109,205.94 17.26 49.49 40.94 66.39 ทุเรียนแช่แข็ง ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) 13,303.23 2,275.63 20,221.74 4,710.15 25,985.84 5,370.49 31,133.59 6,548.65 50,047.96 9,573.64 40.27 47.28 60.75 46.19 ทุเรียนกวน ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) 1,088.88 137.55 1,517.54 155.47 1,210.94 131.75 1,187.48 156.61 351.13 44.51 -13.30 -13.73 -70.43 -71.58 ทุเรียนอบแห้ง ปริมาณ (ตัน) มูลค่า (ล้านบาท) 544.79 431.33 417.92 346.19 215.00 197.72 261.93 229.68 359.11 335.87 -3.23 -0.06 37.10 46.23 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร, 2565 ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ของโลก ซึ่งตลาดส่งออกทุเรียนสด ที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ฮ่องกง เวียดนาม สหรัฐฯ และไต้หวัน โดยไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีนเพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 57.19 ต่อปี จากปี 2560 ที่มีปริมาณ 135,708.13 ตัน เพิ่มขึ้นเป็น 779,879.92 ตัน ในปี 2564 ดังภาพที่ 3.1 ซึ่งจีนเป็นตลาดหลักที่สำคัญครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 90.04 ดังภาพที่ 3.2 มูลค่าการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 91.55 ต่อปีจากปี 2560 ที่มีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสด 7,348.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 98,332.40 ล้านบาท ในปี 2564 ในขณะที่ ตลาดส่งออกอื่น ได้แก่ เวียดนาม และไต้หวัน มีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยต่อปีลดลง ร้อยละ 17.11 และ 16.07 ตามลำดับ ดังตารางที่ 3.6


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 19 ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565 ภาพที่ 3.1 ปริมาณการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน ปี 2560 - 2564 ภาพที่ 3.2 ตลาดส่งออกทุเรียนสดที่สำคัญของไทยปี 2564 135,708.13 200,907.46 375,332.79 444,411.30 779,879.92 - 100,000.00 200,000.00 300,000.00 400,000.00 500,000.00 600,000.00 700,000.00 800,000.00 900,000.00 2560 2561 2562 2563 2564 ปริมาณ (ตัน) ปี จีน, 90.04% ฮ่องกง, 5.56% เวียดนาม, 3.38% สหรัฐฯ, 0.24% ไต้หวัน, 0.21% อื่นๆ, 0.57% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย ร้อยละ 57.19 ต่อปี


ตารางที่ 3.6 ตลาดส่งออกทุเรียนสดของไทย ปี 2560 - 2564 ประเทศ มูลค่า : ล้านบาท 2560 2561 2562 2563 2564 2จีน 7,348.14 13,327.48 26,340.93 47,798.24 98,332.40 8ฮ่องกง 4,172.33 6,092.42 7,083.62 9,138.88 6,068.36 4เวียดนาม 9,718.99 9,812.04 11,113.02 7,764.89 3,686.41 0สหรัฐฯ 81.75 149.89 192.16 182.58 263.05 8ไต้หวัน 496.88 404.63 380.00 381.08 229.03 -1อื่น ๆ 280.35 400.51 371.73 365.35 626.69 4รวมทั้งสิ้น 22,098.44 30,186.97 45,481.46 65,631.02 109,205.94 3ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์โดยความร่วมมือส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตรหน้า 20


อัตราขยายตัว (ร้อยละ) สัดส่วน (ร้อยละ) อัตราการเปลี่ยนแปลง เฉลี่ยต่อปี (ร้อยละ) 2561 2562 2563 2564 2563 2564 81.37 97.64 81.46 105.72 72.83 90.04 91.55 46.02 16.27 29.01 -33.60 13.92 5.56 14.43 0.96 13.26 -30.13 -52.52 11.83 3.38 -17.11 83.35 28.20 -4.99 44.07 0.28 0.24 37.66 18.57 -6.09 0.28 -39.90 0.58 0.21 -16.07 42.86 -7.19 -1.72 71.53 0.56 0.57 26.37 36.60 50.67 44.30 66.36 100.00 100.00 49.49 อจากกรมศุลกากร, 2565 การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน2565


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 21 3.3 การขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน 3.3.1รูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีน มีการขนส่งหลายช่องทาง ทั้งทางถนน ทางน้ำและทางอากาศ โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560 – 2564 มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งจากทางน้ำ เป็นทางถนน เมื่อปี 2560 ผู้ส่งออกใช้เส้นทางขนส่งทางน้ำเป็นหลักคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.87 รองลงมา คือ ทางถนน ร้อยละ 9.11 และทางอากาศ ร้อยละ 0.02ต่อมาในช่วงปี 2562 ถึงปี 2564 ผู้ส่งออกเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ การขนส่งทางถนนแทนการขนส่งทางน้ำ โดยเมื่อปี 2564 มีปริมาณการขนส่งทางถนน ร้อยละ 70.63 รองลงมา คือ ทางน้ำ ร้อยละ 29.23 และทางอากาศ ร้อยละ 0.14 (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565) ดังภาพที่ 3.3 ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565 ภาพที่ 3.3 สัดส่วนการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีนในแต่ละรูปแบบ 3.3.2 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนผ่านประเทศที่สาม ปี 2565 การส่งออกของไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ประเทศต่าง ๆ ออกมาตรการควบคุมสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งมีมาตรการ ข้อกำหนด หรือข้อแนะนำที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทุเรียนสดจากไทยไปจีนผ่านประเทศที่สาม ทั้งทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ มีรายละเอียดดังนี้ 1) มาตรการด้านการขนส่งของ สปป.ลาว โดยการขนส่งด้วยรถบรรทุกข้ามพรมแดน ไทย -สปป.ลาว เมื่อเดือนเมษายน 2565 กระทรวงโยธาธิการและขนส่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ออกประกาศ บทแนะนำสำหรับการขนส่งสินค้าภายในประเทศและเข้า - ออก สปป.ลาวในช่วงป้องกัน ควบคุม และแก้ไข การแพร่ระบาดของ Covid-19 (กรมการขนส่งทางบก, 2565) มีรายละเอียดดังนี้ 1.1) การขนส่งสินค้าภายในประเทศสำหรับสินค้าภายในประเทศ คนขับรถขนส่งสินค้า ที่เคลื่อนย้ายภายในประเทศ โดยผ่านเมือง แขวงนครหลวง รวมทั้งคนรับรถขนส่งถึงที่ (Door to Door Delivery) สามารถขนส่งสินค้าและอาหารไปยังปลายทาง หรือลูกค้าได้ตามปกติ โดยให้สวมหน้ากากอนามัย 90.87 74.24 39.68 49.92 29.23 0.02 0.04 0.02 0.11 0.14 9.11 25.72 60.30 49.97 70.63 0.00 10.00 20.00 30.00 40.00 50.00 60.00 70.00 80.00 90.00 100.00 2560 2561 2562 2563 2564 ร้อยละ ปี ทางน้้า (เรือ) ทางอากาศ (เครื่องบิน) ทางถนน (รถบรรทุก)


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 22 ตลอดเวลา พร้อมทั้งรับการตรวจอุณหภูมิจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามเส้นทางอย่างเข้มงวด ถ้าไม่มีอาการ ต้องสงสัยให้อำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าดังกล่าว ให้สามารถไปถึงปลายทางโดยเร็ว หากพบเห็น อาการต้องสงสัยให้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำหนดไว้ 1.2) การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและผ่านแดน กรณีที่ 1 สำหรับสินค้าทั่วไป คนขับรถต่างประเทศที่ขนส่งสินค้าที่มาจากต่างประเทศ เข้ามาในดินแดนของ สปป.ลาวต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากระทรวงสาธารณสุข กำหนดไว้ อาทิต้องสวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก และผ่านการตรวจสุขภาพโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จากประเทศต้นทาง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่าน สปป.ลาว จึงจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้ส่วนสินค้าที่ต้อง เปลี่ยนถ่าย ณ จุดเปลี่ยนถ่ายที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ในฝั่ง สปป.ลาว เท่านั้น หลังจากขนถ่ายสินค้าแล้ว ให้คนขับรถเดินทางกลับโดยเร็ว กรณีที่ 2 รถต่างประเทศที่ขนส่งสินค้านำเข้าเพื่อใช้ในโครงการ ได้แก่ โครงการทางด่วน ทางรถไฟลาว - จีน เขื่อนไฟฟ้า สินค้าเหลวหรือวัตถุไวไฟที่ไม่สามารถเปลี่ยนถ่าย และอื่น ๆ และรถขนส่งน้ำมัน อนุญาตให้รถขนส่งและคนขับรถต่างประเทศสามารถเดินทางไปยังสนามหรือคลังน้ำมันได้โดยต้องปฏิบัติ ตามมาตรการดังนี้ (1) ต้องมีจุดหมายนำส่งสินค้า หนังสือยืนยันจากเจ้าของสินค้าหรือตัวแทนใน สปป.ลาว หรือเจ้าของโครงการ โดยกำหนดจุดด่านนำเข้าไปยังปลายทาง (2) แจ้งเส้นทางขนส่งต่อเจ้าหน้าที่ในจุดตรวจตราตามเส้นทาง (3) ผู้ขนส่งสามารถเดินทางไปตามจุดหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น และไม่อนุญาตให้เดินทาง ออกจากจุดหมายที่กำหนด (4) สำหรับคนขับรถขนส่งสินค้าที่มีความจำเป็นต้องค้างคืน หรืออยู่มากกว่า 1 วัน บริษัทผู้จัดส่ง หรือบริษัทตัวแทน หรือเจ้าของสินค้า หรือเจ้าของโครงการ ต้องให้คนขับรถพักแบบแยกเดี่ยว ในรถขนส่งหรือห้องพักในห้องขับรถ หรือขอบเขตรถขนส่งเท่านั้น พร้อมทั้งมีมาตรการป้องกันการระบาด ของ Covid-19 ตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหน ดไว้อย่างเข้มงวด ในกรณีที่คนขับรถ มีความจำเป็นต้องหยุดพักตามเส้นทางเพื่อทำธุระต่าง ๆ ในปั๊มน้ำมัน จุดพักรถ และอื่น ๆ ต้องมีมาตรการ ป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน (5) เพื่อให้การปฏิบัติตามบทแนะนำนี้มีประสิทธิผล มอบให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านลงนาม ในบันทึกยืนยันกับคนขับรถ เจ้าของสินค้า หรือเจ้าของโครงการไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่ 3 การขนส่งสินค้าผ่าน สปป.ลาว เพื่อจะไปประเทศที่สาม สำหรับขาเข้า รถขนส่ง จากต่างประเทศจะต้องมาเปลี่ยนถ่ายสินค้าใส่รถบรรทุกขนส่งทะเบียน สปป.ลาว พร้อมคนขับชาวลาว ณ จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ สำหรับขาออก รถขนส่งของ สปป.ลาว ขนส่งไปยังชายแดน เพื่อเปลี่ยนถ่ายสินค้าใส่รถบรรทุกขนส่งตามข้อกำหนดของประเทศที่สามหรือประเทศปลายทาง หรือใช้รถขนส่ง ของ สปป.ลาวขนต่อไปยังปลายทางต่อได้ ขึ้นกับข้อตกลงของประเทศนั้น ๆ ส่วนคนขับรถต่างชาติต้องผ่าน การตรวจสุขภาพตามกรณีที่กล่าวมาข้างต้นอย่างเคร่งครัด


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 23 1.3) สำหรับผู้ประกอบการขนส่ง (1)ผู้ประกอบการขนส่งต้องทำความสะอาดสถานที่ของบริษัท และเพิ่มความถี่ ในการทำความสะอาด เช่น ฉีดยาฆ่าเชื้อภายในห้องขับรถ และตู้บรรจุสินค้าก่อนการบรรจุสินค้าใส่รถแต่ละครั้ง (2) บันทึกการตรวจร่างกายของคนขับรถประจำวันด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย (3)ผู้ประกอบการขนส่งต้องมีมาตรการในการแก้ไขเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น กรณีพนักงาน มีอุณหภูมิผิดปกติตามการแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขต้องเปลี่ยนคนขับรถ (4)แนะนำให้พนักงานทุกคนล้างมือด้วยสบู่ เจลแอลกอฮอล์หรือยาฆ่าเชื้อเป็นประจำ โดยติดตั้งจุดล้างมือให้ลูกค้า คนขับรถ รวมทั้งพนักงานตามจุดต่าง ๆ ของสำนักงานที่มีความสะดวกและปลอดโปร่ง (5) ให้คนขับรถพกใบขับขี่ บัตรประชาขน และเอกสารประจำรถตลอดเวลาเพื่อความสะดวก ในการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทาง (6) ให้คนขับรถสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในเวลาทำงานหรือเดินทาง 1.4) สำหรับคนขับรถขนส่ง (1)ต้องพกใบขับขี่ บัตรประชาชน และเอกสารประจำรถตลอดเวลาเพื่ออำนวยความสะดวก ในการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทาง (2)สวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกตลอดเวลาในเวลาทำงานหรือเดินทาง (3)สวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกในเวลาเดินทาง และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส ปาก ตา และจมูก (4)ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มขันสูงกว่าร้อยละ 75.00 (5) หลีกเลี่ยงการเข้าไปสถานที่ที่คนแออัด หรือสัมผัสกับบุคคลอื่นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร 1.5) ข้อห้ามและมาตรการต่อผู้ละเมิด (1) ห้ามรถขนส่งสินค้าโดยมีคนขับเกิน 2 คน หรือสามารถขนส่งโดยมีคนขับรถ 1 คน และผู้ติดตาม 1 คน (2) ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือภาคส่วนใดเก็บเงินจากรถขนส่งสินค้าตามด่านตรวจตราต่าง ๆ ตามเส้นทาง (3)ผู้ที่ละเมิดบทแนะนำฉบับนี้ จะถูกดำเนินการทางวินัยตามกฎหมายของ สปป.ลาว 2) มาตรการด้านการขนส่งของเวียดนาม (กรมการขนส่งทางบก, 2565) แบ่งกลุ่มพื้นที่เศรษฐกิจ ออกเป็น 3ส่วน ได้แก่ 2.1) เวียดนามเหนือ โดยมีกรุงฮานอยเป็นศูนย์กลาง และมีการขนส่งสินค้าทางถนน เชื่อมโยงกับจีนผ่านทางเขตปกครองตนเองกวางซี และมณฑลยูนนาน 2.2) เวียดนามกลาง โดยมีเมืองดานัง เป็นศูนย์กลาง ซึ่งมีการขนส่งสินค้าทางถนนผ่านเส้นทาง R9 และเส้นทาง R12 เชื่อมโยงกับตอนกลางของ สปป.ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยผ่านระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและตะวันตก (East West Economic Corridor -EWEC) และ2.3) เวียดนามใต้โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งมีการขนส่งสินค้าทางถนน ผ่านเส้นทาง R8 เชื่อมโยงกับตอนใต้ของกัมพูชาและภาคตะวันออกของไทยผ่านระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 24 (Southern Economic Corridor - SEC) (กรมการขนส่งทางบก, 2565)กระบวนการขนส่งสินค้าข้ามแดนเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามได้จัดทำความตกลงการขนส่งทางถนนทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว จีน และไทยโดยกระทรวงการขนส่งเวียดนามได้ออกกฎระเบียบเพื่อใช้บังคับกับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงรถโดยสาร รถขนส่งสินค้ารถพ่วง และรถกึ่งพ่วงที่มีการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศเวียดนามกับ ประเทศเพื่อนบ้านโดยมีสาระสำคัญดังนี้ 2.1) ในการขนส่งข้ามแดน รถทะเบียนเวียดนามจะต้องประทับเครื่องหมาย VN ขณะที่รถทะเบียน ประเทศเพื่อนบ้านต้องประทับเครื่องหมาย KH (กัมพูชา) LAO (ลาว) เป็นต้น เครื่องหมายฯ ดังกล่าวต้องแสดง แยกออกจากเลขทะเบียนรถที่ใช้ทั่วไป 2.2) รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้รถของชาติภาคีที่ข้ามแดนอยู่ในดินแดนประเทศเวียดนาม ได้คราวละไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่เข้าสู่ดินแดนของเวียดนาม ต่ออายุได้อีก 1 ครั้ง ๆ ละ 10 วัน โดยได้รับ ความเห็นจากกรมการขนส่งทางถนน 2.3) เอกสารที่ต้องแสดงขณะทำการข้ามแดน ได้แก่ (1) หนังสือจดทะเบียนรถ (Vehicle Registration Certificate) (2) หนังสือรับรองการผ่านการตรวจสภาพรถ (Vehicle Inspection Certificate) (3) กรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับสำหรับบุคคลที่สาม (Compulsory Third Party Liability Insurance) (4) ใบอนุญาตนำรถข้ามแดนที่พิมพ์เป็นภาษาเวียดนาม กัมพูชา ลาว หรืออังกฤษ หรือ ภาษาของชาติภาคีที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานผู้มีอำนาจ (International Transport Permit) (5) ใบอนุญาตขับขี่ พร้อมทั้งใบรับรองการแปลใบอนุญาตขับขี่ (6) หนังสือเดินทางของผู้ขับขี่และคนประจำรถ (7) บัญชีรายการสินค้า (Cargo Delivery Note) (8) ใบขนสินค้า (Customs Declaration of Cargo) (9) ใบขออนุญาตนำรถข้ามแดนชั่วคราวเพื่อยื่นต่อศุลกากร (Customs Temporary Admission Declaration) (10) หนังสือรับรองสุขอนามัยพืช/สัตว์(Phytosanitary/ Health Certificate) 2.4) การขนส่งระหว่างประเทศเวียดนามกับ สปป.ลาว สามารถขนส่งสินค้าได้ 7 ด่าน ได้แก่ (1)ด่าน Tay Trang ของเวียดนาม (จังหวัดเดียนเบียน Dien Bien) และด่าน Sohbun ของ สปป.ลาว (แขวงพงสาลี) (2)ด่าน Na Meo ของเวียดนาม (จังหวัดทานหวา Thanh Hao) และด่าน Namsol ของ สปป.ลาว (แขวงหัวพัน) (3) ด่าน Nam Can ของเวียดนาม (จังหวัดแง่อาน Nghe An) และด่าน Namkan ของ สปป.ลาว (แขวงเชียงขวาง)


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 25 (4) ด่าน Cau Treo ของเวียดนาม (จังหวัดฮาติน Ha Tinh) และด่าน Namphao ของ สปป.ลาว (แขวงบอลิคำไซ) (5) ด่าน Cha Lo ของเวียดนาม (จังหวัดกวางบิน Guangbinh) และด่าน Naphao ของ สปป.ลาว (แขวงคำม่วน) (6)ด่าน Lao Bao ของเวียดนาม (จังหวัดกวางตริQuang Tri) และด่าน Dansavanh ของ สปป.ลาว (แขวงสะหวันนะเขต) (7) ด่าน Bo Y ของเวียดนาม (จังหวัดกอนตูม Kon Tum) และด่าน Phoukeau ของสปป.ลาว (แขวงอัตตะปือ) 2.5) การขนส่งระหว่างเวียดนามกับจีน สามารถขนส่งสินค้าทางถนนได้ 3 ด่าน ได้แก่ (1) ด่าน Mong Cai ของเวียดนาม (จังหวัดกวางนิน Quang Ninh) และด่าน Dongxing ของจีน (เมือง Fangchenggang เขตปกครองตนเองกวางสี) (2) ด่าน Huu Nghi ของเวียดนาม (จังหวัดหลันเซิน) และด่าน Youyiguan ของจีน (เขตปกครองตนเองกวางสี) (3) ด่าน Lao Cai ของเวียดนาม (จังหวัดลาวกาย) และด่าน Hekouของจีน (มณฑลยูนนาน) ทั้งนี้ เวียดนามพยายามผลักดันเปิดด่านใหม่เชื่อมกับจีน ได้แก่ ด่าน Ha Giang จังหวัด Thanh Thuy เชื่อมกับ ด่าน Tianbao เมือง Malipo มณฑลยูนนาน ซึ่งจีนยังไม่เห็นชอบให้เปิดด่านฯ ดังกล่าว 2.6) การนำสินค้าเข้าเวียดนาม ผู้ที่นำสินค้าเข้าเวียดนามได้จะต้องเป็นกิจการที่จัดตั้ง ในเวียดนามที่มีเลขทะเบียนพาณิชย์และเลขทะเบียนภาษี อีกทั้งจดทะเบียนกับสำนักงานแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม จึงจะเป็นผู้มีสิทธินำเข้าสินค้าทั่วไปได้เมื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบการขอใบอนุญาตนำเข้า (ถ้ามี) โดยผู้นำเข้าหรือตัวแทน ต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Customs Declaration for Import Goods) โดยทำรายการเข้าระบบตรวจปล่อยสินค้าอัตโนมัติ VNACCS/VCIS เมื่อได้รับใบขนสินค้า อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้นำเข้าหรือตัวแทนต้องยื่นใบขนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งเอกสารอื่น ๆ ต่อเจ้าหน้าที่ ด่านศุลกากร เพื่อให้ตรวจสอบความถูกต้องของใบขนสินค้า และชำระภาษี (หากมี) การปฏิบัติพิธีการศุลกากร ดังกล่าว สามารถทำก่อนที่จะมีการนำเข้าสินค้าได้ 15 วัน โดยผู้นำเข้าสินค้าต้องยื่นเอกสารประกอบต่าง ๆ ได้แก่ (1) ใบขนสินค้าขาเข้าอิเล็กทรอนิกส์ (2) ใบกำกับราคา (Commercial Invoice) (3) สำเนาสัญญาการซื้อขายสินค้า (4) เลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit) หรือเอกสารการชำระเงินค่าสินค้า (5) ต้นฉบับใบอนุญาตนำเข้า (ต้องใช้ในกรณีสินค้าต้องจำกัด) (6) ใบตราส่งสัญญาการขนส่งระหว่างประเทศที่ออกโดยผู้ขนส่ง (7) ต้นฉบับรายละเอียดสินค้าที่บรรจุ (Packing List) (8) ต้นฉบับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (กรณีที่ต้องการนำเข้าโดยใช้สิทธิประโยชน์ จากความตกลงระหว่างประเทศที่เวียดนามเป็นภาคี เช่น ATIGA ACFTA AKFTA เป็นต้น)


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 26 (9) หนังสือรับรองการจดทะเบียนการตรวจสอบคุณภาพที่ออกโดยสำนักงานตรวจสอบ คุณภาพ หรือหนังสือยกเว้นการตรวจสอบคุณภาพที่ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (10) สำเนาหนังสือการจดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม (11) สำเนาหนังสือจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าในเวียดนาม (มีอายุ 30 วัน) 2.7) ระยะเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าของด่านเวียดนาม หากเป็นกรณีสินค้าที่ผ่านเข้าช่องเขียว (Green Line) เจ้าหน้าที่เวียดนามจะใช้ระยะเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าประมาณ 30 – 60 นาที และในกรณีผ่านเข้าช่องเหลือง (Yellow Line) ใช้ระยะเวลาในการตรวจปล่อยสินค้าประมาณ 1 - 8 ชั่วโมง และในกรณีผ่านเข้าช่องแดง (Red Line) เจ้าหน้าที่เวียดนามใช้ระยะเวลาในการตรวจปล่อยนาน ประมาณ 1 - 10 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเอกสารที่สำแดงไม่ครบถ้วน 2.8) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการขนส่งระหว่างประเทศกรณีการนำเข้าสินค้า ประมาณการ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับการขนส่งสินค้า 1 TEU จากไทย (กรุงเทพฯ) ไปเวียดนามทางถนน (ดานัง) รวมประมาณ 1,700 เหรียญสหรัฐฯ ประกอบด้วย (1)ต้นทุนการจัดเตรียมเอกสารนำเข้า 200 เหรียญสหรัฐฯ (2)ต้นทุนการผ่านพิธีการศุลกากรและการตรวจสอบ 200 เหรียญสหรัฐฯ (3)ต้นทุนการขนส่งระหว่างประเทศ 1,300 เหรียญสหรัฐฯ กรณีการนำเข้าสินค้า ประมาณการมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับการขนส่งสินค้า 1 TEU จากไทย (กรุงเทพฯ) ไปเวียดนามทางถนน (ฮานอย) รวมประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ ประกอบด้วย (1)ต้นทุนการจัดเตรียมเอกสารการนำเข้า 200 เหรียญสหรัฐฯ (2)ต้นทุนการผ่านพิธีการศุลกากรและการตรวจสอบ 200 เหรียญสหรัฐฯ (3)ต้นทุนการขนส่งระหว่างประเทศ 1,600 เหรียญสหรัฐฯ 2.9) การส่งออกและนำเข้าสินค้าผ่านชายแดนทางถนนกรมศุลกากรร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ของเวียดนามออกกฎระเบียบฉบับที่ 32/2005/ND-CP (Regulation of Land Border Gate) เป็นกรณีพิเศษ นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เพื่อใช้บังคับกับการส่งออก การนำเข้า การผ่านแดน และการเดินทาง เข้าออกของบุคคลทั่วไป สำหรับด่านศุลกากรชายแดนทางบก ที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา และจีนตอนใต้ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ (1)การดำเนินพิธีการตรวจสอบสินค้าและการปฏิบัติการนำเข้าและส่งออกสินค้า จะกระทำได้เฉพาะบริเวณพื้นที่ควบคุม (Control Area) ที่รัฐบาลเวียดนามกำหนด หรือเป็นไปตามพันธกรณี ที่ผูกพันในความตกลงระหว่างประเทศ (2) รถบรรทุกขนส่งสินค้าป้ายทะเบียนเวียดนามและรถบรรทุกขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ ผ่านเข้าออกด่านพรมแดนเวียดนามจะต้องแสดงเอกสาร ได้แก่ (2.1) ทะเบียนรถ (2.2) ต้นฉบับใบอนุญาตทำการขนส่งระหว่างประเทศ


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 27 (2.3) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งสินค้า (2.4) หนังสือรับรองการตรวจสภาพความปลอดภัยและการปลอดจากผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมจากรัฐบาลประเทศที่รถทำการจดทะเบียน (2.5) กรมธรรม์ประกันภัยบุคคลที่สาม (2.6) ใบขับขี่ที่ได้รับการยอมรับตามกฎระเบียบของเวียดนาม (3) เอกสารที่ใช้ในการส่งออกสินค้าทางบก ประกอบด้วย (3.1) ใบขนสินค้าขาออกอิเล็กทรอนิกส์ (3.2) ต้นฉบับรายละเอียดสินค้าที่บรรจุ (Packing List) (3.3) สำเนาใบอนุญาตส่งออก (ต้องใช้ในกรณีสินค้าต้องจำกัด) (3.4) สำเนาสัญญาการซื้อขายสินค้า (4) เอกสารที่ใช้ในการนำเข้าสินค้าทางบก ประกอบด้วย (4.1) ใบขนสินค้าขาเข้าอิเล็กทรอนิกส์ (4.2) ใบกำกับราคา (Commercial Invoice) (4.3) สำเนาสัญญาการซื้อขายสินค้า (4.4) เลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit) หรือเอกสารการชำระเงินค่าสินค้า (4.5) ต้นฉบับใบอนุญาตนำเข้า (ต้องใช้ในกรณีสินค้าต้องจำกัด) (4.6) สัญญาการขนส่งระหว่างประเทศที่ออกโดยผู้ขนส่ง (4.7) ต้นฉบับรายละเอียดสินค้าที่บรรจุ (Packing List) (4.8) ต้นฉบับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (4.9) หนังสือรับรองการจดทะเบียนการตรวจสอบคุณภาพที่ออกโดยสำนักงาน ตรวจสอบคุณภาพ หรือหนังสือยกเว้นการตรวจสอบคุณภาพที่ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (4.10) สำเนาหนังสือการจดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม (4.11) สำเนาหนังสือการจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าในเวียดนาม (มีอายุ 30 วัน) 2.10)กฎระเบียบที่สำคัญในการส่งออกและนำเข้า เวียดนามได้ทยอยการปรับลด/ยกเลิกอัตรา ภาษีในกลุ่มสินค้าที่รัฐบาลเคยมีนโยบายปกป้องจำนวนหลายกลุ่ม เช่น อาหารทะเล เสื้อผ้า สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์ไม้และกระดาษ เหล็กและเหล็กกล้า อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม สินค้าบางรายการ รัฐบาลเวียดนามยังคงมีการเก็บภาษีในอัตราสูง เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ เช่น ยาสูบ เครื่องดื่มและสุรา ผักและผลไม้แปรรูป นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามกำหนดวิสัยทัศน์การค้า ระหว่างประเทศภายในปี พ.ศ. 2563 ว่าต้องการผลักดันการส่งออกสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ น้ำมันและแร่ สินค้า เกษตรและอาหารทะเล และสินค้าอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง) การส่งออกและนำเข้าสินค้าเข้าเวียดนามต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้า -ส่งออก และพิธีการศุลกากรเวียดนาม ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 เวียดนามร่วมกับจีนประกาศใช้มาตรการ Zero Covid และได้ปรับขั้นตอน ในการนำเข้าสินค้าผ่านด่านโหยวอี้กวานและการเปลี่ยนหัวรถบรรทุกในการขนส่งข้ามแดนเวียดนาม - จีน


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 28 โดยจีนไม่อนุญาตให้รถบรรทุกและคนขับจากเวียดนามเข้าจีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 จากคนขับชาวเวียดนาม โดยกำหนดให้ฝั่งเวียดนามต้องยกเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์สินค้าไว้บนลานพักคอย ที่กำหนดก่อนเข้าจีน คนขับรถของทั้งเวียดนามและเจ้าหน้าที่ ณ จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า/ลานพักคอยจะต้องสวมใส่ ชุดป้องกันเชื้อโรคอย่างมิดชิด เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะต้องฆ่าเชื้อ ผู้ปฏิบัติงานและผู้มีส่วนร่วม รวมถึง ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโดยรอบตู้คอนเทนเนอร์และพื้นที่ดำเนินการทิ้งไว้ 30 นาที หลังจากนั้นคนขับรถชาวจีน จะขับรถหัวลากทะเบียนจีนไปรับตู้คอนเทนเนอร์เพื่อผ่านด่านเข้าจีน 3) มาตรการด้านการขนส่งของจีน โดยการเปลี่ยนหัวรถบรรทุกในการขนส่งข้ามแดน สปป.ลาว – จีน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 สปป.ลาว และรัฐบาลจีน ปรับเปลี่ยนระบบการขนส่ง ข้ามพรมแดนใหม่ ระหว่างด่านบ่อเต็น (สปป.ลาว) - ด่านบ่อหาน (จีน) ซึ่งเป็นด่านพรมแดนของเส้นทาง R3A ที่ใช้ในการขนส่งสินค้าจากด่านเชียงของไปยังนครคุนหมิง โดยได้ออกประกาศ “แผนการดำเนินการขนส่ง แบบจุดต่อจุดของ สปป.ลาว–จีน”ซึ่งแบ่งการบริหารจัดการการขนส่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 3.1) การขนส่งใน สปป.ลาว ซึ่งจะต้องดำเนินการด้วยรถบรรทุกทะเบียน สปป.ลาว และคนขับ ชาวลาวเท่านั้น โดยคนขับจะต้องขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตในการเข้าพื้นที่ขนส่งพรมแดนของ สปป.ลาว 3.2) การขนส่งข้ามพรมแดนจะต้องกระทำ ณ ลานขนส่งสินค้าที่ สปป.ลาว – จีน จัดเตรียมไว้ โดยจัดตั้งหน่วยควบคุมกำกับดูแล เพื่อการติดต่อสื่อสารข้อมูลในการขนส่งข้ามพรมแดน อาทิ ข้อมูลของ คนขับรถบรรทุกประเภทและปริมาณสินค้า และส่งข้อมูลให้แต่ละฝ่ายทราบล่วงหน้าก่อน โดยการดำเนินการ จะต้องมีการควบคุมจำนวนรถบรรทุกและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างเคร่งครัด และให้บุคลากรของทั้ง 2 ประเทศ ที่ปฏิบัติงานร่วมกันในลานขนส่งสินค้า จะต้องกักตัวในสถานที่ตามที่รัฐกำหนดไว้ทั้งก่อนและหลังปฏิบัติงาน 3.3) การขนส่งในจีน จะต้องดำเนินการด้วยรถบรรทุกทะเบียนจีนและคนขับชาวจีนเท่านั้น โดยคนขับจะต้องขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตในการเข้าพื้นที่ขนส่งพรมแดนของจีน นอกจากนี้ จีนยังออกมาตรการควบคุมสินค้านำเข้าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19ดังนี้ (1) Covid-19 และความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับผู้ประกอบการ (Covid-19 and Food Safety: Guidance for Food Business) (2) Covid-19 และความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลด้านระบบ การควบคุมความปลอดภัยอาหาร (Covid-19 and Food Safety: Guidance for Competent Authorities Responsible for National Food Safety Control System) (3)คู่มือการควบคุมป้องกัน Covid-19 เชิงเทคนิค สำหรับผู้ประกอบการสินค้า อาหารแช่เย็นแช่แข็ง (Technical Guidelines for the Prevention and Control of Covid-19of the Production and Operation of Cold Chain Foods) (4)คู่มือการควบคุมป้องกัน Covid-19 เทคนิคด้านการฆ่าเชื้อในระหว่างกระบวนการผลิต และการประกอบธุรกิจสินค้าอาหารแช่เย็น แช่แข็ง (Technical Guidelines for Prevention and Sterilization Process Control of Covid-19 of the Production and Operation of Cold Chain Foods)


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 29 3.4 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน การส่งออกทุเรียนสดไปจีนตามมาตรการ Zero Covid ของจีน ต้องเป็นไปตามพิธีสารว่าด้วยข้อก้าหนด ในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและน้าเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยและจีน ประกอบด้วย มาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรที่ได้ทำร่วมกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs China: GACC) โดยมาตรฐานที่บังคับใช้ยังสามารถใช้ประโยชน์ ในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าได้ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง อาทิแปลงเพาะปลูก(เกษตรกร) โรงคัดบรรจุทุเรียนสด (ล้ง) และผู้ประกอบการส่งออก ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ มาตรฐาน ประกาศ คำสั่ง ระเบียบ กฎกระทรวง และพิธีสาร มีรายละเอียดดังนี้ 3.4.1 กฎหมายที่บังคับใช้ในการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน 1) มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 3-2556 ทุเรียน ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : ทุเรียน ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ตามความในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 131ตอนพิเศษ 31ง หน้า3เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์2557(ราชกิจจานุเบกษา, 2565) 1.1) ขอบข่าย (1) มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ ใช้กับผลทุเรียน (Durian) ซึ่งได้มาจากพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Durio spp. วงศ์ Bombacaceae พันธุ์ที่ผลิตเป็นการค้าเพื่อนำมาบริโภคสด ดังตารางที่ 3.7 (2) มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ไม่ใช้กับผลทุเรียนที่ใช้สำหรับการแปรรูป


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 30 ตารางที่ 3.7 พันธุ์ทุเรียนที่ผลิตเป็นการค้าเพื่อนำมาบริโภคสด พันธุ์ ลักษณะ/รูปร่าง ภาพประกอบ (ก) พันธุ์ชะนี ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอก (Cylindroidal) หรือรูปรี (Elliptic) (ข) พันธุ์หมอนทอง ผลมีลักษณะเป็นทรงขอบขนาน (Eblong) (ค) พันธุ์ก้านยาว ผลมีลักษณะกลมรี(Oval) หรือรูป ไข่ (Ovate) (ง) พันธุ์กระดุมทอง ผลมีลักษณะกลมแป้น (Oblate) หรือทรงกระบอก (Cylindroidal) (จ) พันธุ์พวงมณี ผลมีลักษณะรูปรี (Elliptic) (ฉ) พันธุ์นวลทองจันทร์ ผลมีลักษณะรูปรี (Elliptic) (ช) พันธุ์หลงลับแล ผลมีลักษณะกลมรี (Oval) ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา, 2565


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 31 1.2) นิยามความหมายของคำที่ใช้ในมาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ มีดังต่อไปนี้ (1) แกน (Hard Pulp) หมายถึง เนื้อทุเรียนบางส่วนที่มีลักษณะแข็ง และมีสีอ่อนกว่าปกติ (2) เต่าเผา (Tip Burn) หมายถึง ปลายเนื้อทุเรียนบางส่วนที่หุ้มเมล็ดมีสีน้ำตาล หรือ น้ำตาลไหม้ (3) ไส้ซึม (Water Core หรือ Wet Core) หมายถึง ไส้กลางของผลฉ่ำน้ำ ถ้าอาการรุนแรง จะลามไปถึงเนื้อทุเรียนได้ (4) พูสมบูรณ์ (Fertile Lobe) หมายถึง ลักษณะของพูทุเรียนที่เป็นพูเต็มตลอดความยาวของผล 1.3) คุณภาพ (1)ข้อกำหนดขั้นต่ำ ผลทุเรียนทุกชั้นคุณภาพต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะมีข้อกำหนด เฉพาะของแต่ละชั้นคุณภาพและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้มีได้ตามที่ระบุไว้ดังตารางที่ 3.8 (1.1) เป็นทุเรียนทั้งผลที่มีขั้วผล ดังภาพที่ 3.4 ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา, 2565 ภาพที่ 3.4 ทุเรียนทั้งผลที่มีขั้วผล (1.2) ตรงตามพันธุ์ (1.3) สด (1.4) สะอาด ปราศจากสิ่งแปลกปลอมที่มองเห็นได้ (1.5) ไม่มีรอยแตกที่เปลือก (1.6) ไม่มีศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อลักษณะภายนอกของผลทุเรียน (1.7) ไม่มีร่องรอยความเสียหายเนื่องมาจากศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อคุณภาพของเนื้อทุเรียน (1.8) ไม่มีความเสียหายเนื่องจากอุณหภูมิต่ำ และ/หรืออุณหภูมิสูง (1.9) ไม่มีกลิ่นแปลกปลอม และ/หรือรสชาติที่ผิดปกติ (1.10) เมื่อผลทุเรียนสุก ไม่มีความผิดปกติของเนื้อ ได้แก่ แกน เต่าเผา ไส้ซึม ถ้ามี อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันต้องไม่เกินร้อยละ 5.00 ของส่วนที่บริโภคได้


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 32 ตารางที่ 3.8 ผลทุเรียนที่ไม่ผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำ (ข้อ 1) ลักษณะ/รูปร่าง/ตำหนิ ภาพประกอบ 1) รอยแตกที่เปลือก 2) มีศัตรูพื ชที่มีผลกระทบ ต่อ ลักษณะภายนอก 3) ร่องรอยการทำลายของศัตรูพืช 4) ความผิดปกติของเนื้อ 5) ความผิดปกติของเนื้อ 6) ความผิดปกติของเนื้อ ที่มา: ราชกิจจานุเบกษา, 2565


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 33 (2) ผลทุเรียนต้องแก่ได้ที่ขึ้นกับพันธุ์ ฤดูกาล และแหล่งที่ปลูก มีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุและการขนส่งอย่างระมัดระวัง เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ยอมรับได้เมื่อถึงปลายทาง (3) การแบ่งชั้นคุณภาพผลทุเรียนตามมาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ แบ่งเป็น 3 ชั้นคุณภาพ ดังนี้ (3.1) ชั้นพิเศษ (Extra Class) ผลทุเรียนในชั้นนี้ต้องมีคุณภาพดีที่สุด มีลักษณะหนาม สมบูรณ์ ต้องมีจำนวนพูสมบูรณ์ ไม่น้อยกว่า 4 พูไม่มีความผิดปกติด้านรูปทรงและไม่มีตำหนิ ในกรณี ที่มีความผิดปกติหรือตำหนิต้องมองเห็นได้ไม่ชัดเจน และไม่มีผลกระทบต่อลักษณะภายนอก คุณภาพ ของเนื้อทุเรียน คุณภาพระหว่างการเก็บรักษาและการจัดเรียงเสนอในภาชนะบรรจุ (3.2) ชั้นหนึ่ง (Class I) ผลทุเรียนในชั้นนี้ต้องมีคุณภาพดี อาจมีความผิดปกติหรือ ตำหนิได้เล็กน้อย คือ มีความผิดปกติเล็กน้อยด้านรูปทรง โดยจำนวนพูสมบูรณ์ไม่น้อยกว่า 3 พู และ พูไม่สมบูรณ์อีก 2 พูและไม่ทำให้รูปทรงผลทุเรียนเสียไป หรือมีตำหนิเล็กน้อยซึ่งเกิดจากกระบวนการ ก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวหรือการขนส่ง เช่น รอยแผลเป็นตื้น ๆ และหนามหักหรือช้ำ โดยขนาดของตำหนิ โดยรวมต้องไม่เกินร้อยละ 10.00 ของพื้นที่ผิวของผลทุเรียน โดยที่ความผิดปกติหรือตำหนิจะต้องไม่มี ผลกระทบต่อลักษณะภายนอก คุณภาพของเนื้อทุเรียน คุณภาพระหว่างการเก็บรักษา และการจัดเรียงเสนอ ในภาชนะบรรจุ (3.3) ชั้นสอง (Class II) ผลทุเรียนในชั้นนี้รวมผลทุเรียนที่มีคุณภาพไม่เข้าชั้นที่สูงกว่า แต่มีคุณภาพตามข้อกำหนดขั้นต่ำที่กำหนดในข้อ (1) ผลทุเรียนในชั้นนี้มีความผิดปกติหรือตำหนิได้ คือ มีความ ผิดปกติด้านรูปทรง โดยจำนวนพูสมบูรณ์ไม่น้อยกว่า 2 พู และพูไม่สมบูรณ์อีก 2 พู และไม่ทำให้รูปทรงทุเรียน เสียไป หรือมีตำหนิเล็กน้อยซึ่งเกิดจากกระบวนการก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวหรือการขนส่ง เช่น รอยแผลเป็นตื้น ๆ และหนามหักหรือช้ำ โดยขนาดของตำหนิโดยรวมต้องไม่เกินร้อยละ 10.00 ของพื้นที่ผิวของผลทุเรียน โดยที่ ความผิดปกติหรือตำหนิจะต้องไม่มีผลกระทบต่อลักษณะภายนอก คุณภาพของเนื้อทุเรียนคุณภาพระหว่าง การเก็บรักษา และการจัดเรียงเสนอในภาชนะบรรจุ (4) ขนาด โดยผลทุเรียนที่เป็นพันธุ์ทางการค้าทั่วไปต้องมีน้ำหนักต่อผลดังนี้ (4.1) พันธุ์ชะนี ไม่น้อยกว่า 1.5 กิโลกรัม และไม่มากกว่า 4.5 กิโลกรัม (4.2) พันธุ์หมอนทอง ไม่น้อยกว่า 1.5 กิโลกรัมและไม่มากกว่า 6 กิโลกรัม (4.3) พันธุ์ก้านยาว ไม่น้อยกว่า 1.5 กิโลกรัมและไม่มากกว่า 4 กิโลกรัม (4.4) พันธุ์กระดุมทอง ไม่น้อยกว่า 1.3 กิโลกรัมและไม่มากกว่า 4 กิโลกรัม (4.5) พันธุ์นวลทองจันทร์ ไม่น้อยกว่า 1.5 กิโลกรัมและไม่มากกว่า 4.5 กิโลกรัม (4.6) พันธุ์พวงมณีไม่น้อยกว่า 1.0 กิโลกรัม (4.7) พันธุ์หลงลับแล ไม่น้อยกว่า 1.0 กิโลกรัม (4.8) พันธุ์อื่นๆ ที่เป็นพันธุ์ทางการค้า ไม่น้อยกว่า 0.5 กิโลกรัม การกำหนดรหัสขนาดของทุเรียนพิจารณาจากน้ำหนักต่อผล ดังตารางที่ 3.9 ดังนี้


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 34 ตารางที่ 3.9 ขนาดของผลทุเรียน รหัสขนาด น้ำหนักต่อผล(กิโลกรัม) 1 > 4 2 > 3 - 4 3 > 2 - 3 4 > 1 - 2 5 0.5 - 1 หมายเหตุ: การแบ่งชั้นคุณภาพและขนาดในมาตรฐานนี้ใช้ในการพิจารณาทางการค้าโดยนำข้อกำหนดการแบ่งชั้นคุณภาพ ไปใช้ร่วมกับข้อกำหนดเรื่องขนาด เพื่อกำหนดเป็นชั้นทางการค้า ซึ่งคู่ค้าอาจมีการเรียกชื่อชั้นทางการค้าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่ค้าหรือตามข้อจำกัดที่มีเนื่องมาจากฤดูกาล (5) เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนเรื่องคุณภาพและขนาดที่ยอมให้มีได้ในแต่ละภาชนะบรรจุ/ รุ่นที่ส่งมอบ สำหรับผลทุเรียนที่ไม่เป็นไปตามคุณภาพและขนาดที่ระบุไว้ มีดังนี้ (5.1) ชั้นพิเศษ (Extra Class) ความคลาดเคลื่อนยอมให้มีได้ไม่เกินร้อยละ 10.00 โดยจำนวนหรือน้ำหนักของผลทุเรียนที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของชั้นพิเศษ (ข้อ 3.1) แต่เป็นไปตาม คุณภาพชั้นที่หนึ่ง (ข้อ 3.2) หรือคุณภาพยังอยู่ในเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของคุณภาพชั้นหนึ่ง (ข้อ 5.1) ทั้งนี้ ไม่ให้มีความคลาดเคลื่อนของจำนวนพู (5.2) ชั้นหนึ่ง (Class I)ความคลาดเคลื่อนยอมให้มีได้ไม่เกินร้อยละ 10.00 โดยจำนวน หรือน้ำหนักของผลทุเรียนที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของชั้นหนึ่ง (ข้อ 3.2) แต่เป็นไปตามคุณภาพชั้นสอง (ข้อ 3.3) หรือคุณภาพยังอยู่ในเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนของคุณภาพชั้นสอง (ข้อ 5.3) ทั้งนี้ไม่ให้มีความ คลาดเคลื่อนของจำนวนพู (5.3) ชั้นสอง (Class II) ความคลาดเคลื่อนยอมให้มีได้ไม่เกินร้อยละ 10.00 โดยจำนวน หรือน้ำหนักของผลทุเรียนที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามข้อกำหนดชั้นสอง (ข้อ 3.3) หรือไม่ได้ตามข้อกำหนดขั้นต่ำ (ข้อ1) แต่ต้องไม่มีผลเน่าเสียหรือมีลักษณะอื่นที่ไม่เหมาะสมต่อการบริโภค นอกจากนี้ เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนเรื่องขนาดผลทุเรียนทุกรหัสขนาด มีผลทุเรียนที่ขนาดใหญ่ หรือเล็กกว่าถัดไปหนึ่งชั้นปนมาได้ไม่เกินร้อยละ 25.00 ของจำนวนหรือน้ำหนักของผลทุเรียน (6)การบรรจุ (6.1) ภาชนะบรรจุต้องมีคุณภาพ ถูกสุขลักษณะ ไม่มีกลิ่นและสิ่งแปลกปลอม สามารถ ป้องกันความเสียหายที่มีผลกระทบต่อคุณภาพของผลทุเรียนได้ วัสดุที่ใช้ภายในภาชนะบรรจุต้องสะอาด และมีคุณภาพหากมีการใช้วัสดุโดยเฉพาะกระดาษหรือตราประทับที่มีข้อมูลทางการค้าต้องใช้หมึกพิมพ์ หรือกาวที่ไม่เป็นพิษ


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 35 (6.2) ความสม่ำเสมอผลทุเรียนที่บรรจุในแต่ละภาชนะบรรจุ ต้องมีการจัดเรียง สม่ำเสมอทั้งในเรื่องของพันธุ์ คุณภาพและขนาด กรณีที่มองเห็นผลทุเรียนจากภายนอกภาชนะบรรจุ ผลทุเรียนส่วนที่มองเห็นต้องเป็นตัวแทนของผลิตผลทั้งหมด (7) ฉลากและเครื่องหมาย (7.1) ผลิตผลที่จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภคหรือผลิตผลที่ไม่ได้จำหน่ายโดยตรงต่อ ผู้บริโภคต้องมีข้อความแสดงรายละเอียดที่ภาชนะบรรจุ สิ่งห่อหุ้ม สิ่งผูกมัด ป้ายสินค้าหรือบนผลิตผล โดยต้องมองเห็นได้ง่าย ชัดเจน ไม่หลุดลอก ไม่เป็นเท็จหรือหลอกลวง ดังต่อไปนี้(1) ชื่อผลิตผลให้ระบุข้อความว่า “ทุเรียน” และ “ชื่อพันธุ์ทุเรียน”(2) น้ำหนักสุทธิ(3) ชั้นคุณภาพ (4) รหัสขนาด และ/หรือขนาด (5) ข้อมูลผู้ผลิต และ/หรือผู้นำเข้า และ/หรือผู้จำหน่ายให้ระบุชื่อและที่อยู่ของสถานที่ผลิต หรือแบ่งบรรจุ หรือจัดจำหน่าย ทั้งนี้อาจแสดงชื่อและที่อยู่สำนักงานใหญ่ของผู้ผลิต หรือแบ่งบรรจุก็ได้ กรณีที่นำเข้าให้ระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้นำเข้า (6) ข้อมูลแหล่งผลิตให้ระบุประเทศผู้ผลิต ยกเว้นกรณีที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ (7) วันที่ผลิต และ/หรือบรรจุ (8) ภาษากรณีที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาต่างประเทศด้วยก็ได้กรณีที่ผลิตเพื่อการส่งออกให้แสดงข้อความเป็นภาษาต่างประเทศได้ (7.2)ผลิตผลที่ไม่ได้จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค ต้องมีข้อความที่ระบุในเอกสารกำกับสินค้า ฉลากแสดงไว้ที่ภาชนะบรรจุ โดยข้อความต้องมองเห็นได้ง่าย ชัดเจน ไม่หลุดลอก ไม่เป็นเท็จหรือหลอกลวง ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อผลิตผล ให้ระบุข้อความว่า “ทุเรียน” และ “ชื่อพันธุ์ทุเรียน” (2) น้ำหนักสุทธิ (3) ชั้นคุณภาพ (4) รหัสขนาด และ/หรือขนาด (5) ข้อมูลผู้ผลิต และ/หรือผู้นำเข้า และ/หรือผู้จำหน่าย ให้ระบุชื่อและที่อยู่ของ สถานที่ผลิต หรือแบ่งบรรจุ หรือจัดจำหน่าย ทั้งนี้อาจแสดงชื่อและที่อยู่สำนักงานใหญ่ของผู้ผลิต หรือแบ่ง บรรจุก็ได้ กรณีที่นำเข้า ให้ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้า (6) ข้อมูลแหล่งผลิต ให้ระบุประเทศผู้ผลิต ยกเว้นกรณีที่ผลิตเพื่อจำหน่าย ในประเทศ (7) วันที่ผลิต และ/หรือบรรจุ (8) ภาษา กรณีที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทยแต่จะ มีภาษาต่างประเทศด้วยก็ได้ กรณีที่ผลิตเพื่อการส่งออกให้แสดงข้อความเป็นภาษาต่างประเทศได้ (7.3) เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรการใช้เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน สินค้าเกษตร ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง เรื่อง กำหนดลักษณะของเครื่องหมาย การใช้เครื่องหมาย และการ แสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานกับสินค้าเกษตร พ.ศ. 2553 และประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตร และอาหารแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 36 (8) สารปนเปื้อนชนิดและปริมาณสารปนเปื้อนในผลทุเรียนให้เป็นไปตามข้อกำหนด ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (9) สารพิษตกค้างชนิดและปริมาณสารพิษตกค้างในผลทุเรียนให้เป็นไปตามข้อกำหนด ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องและ มกษ.9002 มาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง สารพิษตกค้าง : ปริมาณสารพิษตกค้าง สูงสุด และ มกษ. 9003 มาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง สารพิษตกค้าง : ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดที่ปนเปื้อน จากสาเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (10) สุขลักษณะผลทุเรียนต้องผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ โดยมีการปฏิบัติตาม มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ที่เกี่ยวข้อง และ มกษ. 9035 มาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สด หรือมาตรฐานอื่น ที่เทียบเท่า (11) วิธีวิเคราะห์และชักตัวอย่าง โดยวิธีวิเคราะห์ให้ใช้ตามตารางที่ 3.10 ดังนี้ ตารางที่ 3.10 วิธีวิเคราะห์และชักตัวอย่าง ข้อกำหนด วิธีวิเคราะห์ หลักการ 1. คุณภาพตามข้อกำหนดขั้นต่ำ (ข้อ 1) ตรวจพินิจ - 2. ผลทุเรียนแก่ได้ที่(ข้อ 2) 2.1 ตรวจพินิจลักษณะภายนอก 2.2 ตรวจพินิจลักษณะภายใน 2.3 คำนวณหาน้ำหนักเนื้อแห้ง (รายละเอียดดังภาคผนวก ข.) การวิเคราะห์ โดยน้ำหนัก (Gravimetry) 3. ความผิดปกติด้านรูปทรงและตำหนิ(ข้อ 3) ตรวจพินิจ - 4. ขนาด (ข้อ 4) ชั่งน้ำหนัก การวิเคราะห์โดย น้ำหนัก (Gravimetry) หมายเหตุ: วิธีชักตัวอย่างให้เป็นไปตามข้อกำหนดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดของมาตรฐานสินค้าเกษตรที่เกี่ยวกับ วิธีชักตัวอย่าง 2) การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี(Good Agricultural Practice : GAP) ตามประกาศกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ตามความในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139ตอนพิเศษ 43 ง หน้า 4 เมื่อวันที่ 21กุมภาพันธุ์ 2565 (ราชกิจจานุเบกษา, 2565) เกษตรกรควรสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง ด้วยการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตทุเรียน โดยทำการปลูกทุเรียนภายใต้มาตรฐาน GAP ทั้งนี้ GAP ยังเป็น หนึ่งในมาตรการที่กรมวิชาการเกษตรได้ทำร่วมกับ GACC ดังนั้น ทุเรียนสดที่จะทำการส่งออกไปประเทศจีนได้ จะต้องมาจากสวนที่มีการขึ้นทะเบียนสวน GAP ไว้กับ GACC เท่านั้น โดยมาตรฐาน GAP ครอบคลุมข้อกำหนด การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตพืชเพื่อใช้เป็นอาหาร เช่น พืชผัก ไม้ผล พืชไร่ พืชเครื่องเทศ พืชสมุนไพร ทุกขั้นตอนของการผลิตและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวในระดับฟาร์มเพื่อจำหน่าย


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 37 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลิตผลที่ปลอดภัยมีคุณภาพเหมาะสมในการบริโภคโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมถึงสุขภาพความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติงาน ข้อกำหนด 8 ประการ ประกอบด้วย 2.1) น้ำ 2.2) พื้นที่ปลูก 2.3) วัตถุอันตรายทางการเกษตร 2.4) การจัดการกระบวนการผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว 2.5) การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว 2.6) การพักผลิตผล การขนย้าย และการเก็บรักษา 2.7) บุคลากร 2.8) เอกสาร บันทึกข้อมูล และการตามสอบตัวอย่างหมายเลขทะเบียนสวน GAP อาทิ AC xx-9001-xx-xxx-xxxxxx 3) หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตสินค้า (Good Manufacturing Practice: GMP) ตามประกาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร: การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผัก และผลไม้สดตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 (ฉบับที่ 2) ตามความในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 138 ตอนพิเศษ 192 ง หน้า 7 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 (ราชกิจจานุเบกษา, 2565) หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตสินค้า (Good Manufacturing Practice: GMP) หมายถึง เกณฑ์หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ให้สามารถผลิตสินค้าได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นการป้องกันและขจัดความเสี่ยงที่อาจเป็น อันตราย หรือไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค สำหรับโรงคัดบรรจุทุเรียนสด ได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรหลักการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สด ตามพระราชบัญญัติ มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการรับวัตถุดิบ จัดเตรียม คัดเลือก ตัดแต่ง บรรจุ เก็บรักษา และขนส่ง เพื่อให้ได้ผักและผลไม้สดที่ปลอดภัยมีคุณภาพเหมาะสมเพื่อการจำหน่าย ซึ่งโรงคัดบรรจุทุเรียนสดสำหรับการส่งออกไปประเทศจีน จำเป็นต้องมีหนังสือรับรอง GMP จากกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของคู่ค้า โดยโรงคัดบรรจุจะถูกตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 7 รายการ ได้แก่ สถานประกอบการ การควบคุมการปฏิบัติงาน การบำรุงรักษาและการสุขาภิบาล สุขลักษณะส่วนบุคคล การขนส่ง ฉลากผลิตภัณฑ์ และการฝึกอบรมซึ่งสามารถสรุปคำแนะนำแนวทางปฏิบัติสำหรับโรงคัดบรรจุ ทุเรียนสด ตามหลักเกณฑ์ 7 รายการ โดยสังเขปดังนี้ 3.1) สถานประกอบการ (1) ทำเลที่ตั้ง ควรมีทำเลที่ปลอดภัยจากการปนเปื้อนของอันตราย/ของเสีย/สัตว์พาหะนำโรค มีมาตรการป้องกันการปนเปื้อนที่มีประสิทธิภาพ (2) อาคารผลิตมีพื้นที่เพียงพอ แบ่งเป็นสัดส่วน โครงสร้างมีความคงทน ทำความสะอาดง่าย ไม่มีการสะสมของฝุ่นละออง/สิ่งปฏิกูลน้ำทิ้ง


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 38 (3) เครื่องมืออุปกรณ์การผลิตมีเพียงพอต่อการผลิตและควบคุมการผลิต อยู่ในสภาพ พร้อมใช้งาน ไม่ทำปฏิกิริยากับผลผลิต (4) สิ่งอำนวยความสะดวกมีเพียงพอ เช่น น้ำ การระบายน้ำ แสงสว่าง การระบายอากาศ อุปกรณ์ทำความสะอาด ห้องสุขา และอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยต่าง ๆ 3.2) การควบคุมการปฏิบัติงาน (1) วัตถุดิบ โดยรับทุเรียนที่มาจากแปลงที่ได้รับการรับรองหรือมีการปฏิบัติตามมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) มีการตรวจสอบคุณภาพของทุเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ตามมาตรฐานสินค้าเกษตรตามความต้องการของลูกค้า สุ่มตรวจคุณภาพทุเรียน ควบคุมไม่ให้เกิด การปนเปื้อนโดยใช้ภาชนะบรรจุที่เหมาะสมบริเวณพื้นที่สะอาดไม่วางทุเรียนกับพื้นโดยตรง มีการระบุ รุ่นของทุเรียน และนำทุเรียนออกจากพื้นที่ตามลำดับก่อนหลัง (2) ภาชนะบรรจุ เป็นชนิดที่ใช้กับอาหาร สะอาด ทนทาน มีเพียงพอ และจัดเก็บภาชนะ ในที่สะอาด (3) กระบวนการผลิตตั้งแต่การคัดคุณภาพทุเรียนอย่างถูกสุขลักษณะสวมถุงมือ ขณะปฏิบัติงานไม่ไอจามใส่ทุเรียน ตัดแต่งทุเรียนโดยระมัดระวังใช้อุปกรณ์ที่สะอาดสารเคมีที่ใช้ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องหรือข้อกำหนดของคู่ค้า (สารเคลือบผิว สีผสมอาหาร สารฆ่าเชื้อรา) เก็บรักษาทุเรียนที่บรรจุแล้วในบริเวณและอุณหภูมิที่เหมาะสม (4) น้ำควบคุมคุณภาพน้ำ/น้ำแข็ง/ละอองน้ำที่ใช้สัมผัสกับทุเรียนโดยตรง (5) การจัดการและการกำกับดูแล มีผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน/ผู้ดูแลรับผิดชอบในส่วนต่าง ๆ มีเอกสารขั้นตอนการปฏิบัติและการตรวจเฝ้าระวัง (6) การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ มีการระบุรุ่นการผลิตที่สามารถติดตามที่มาที่ไปของทุเรียน ตั้งแต่การรับวัตถุดิบ การผลิต และการจัดจำหน่าย หากเกิดกรณีที่สินค้าถูกถอนจากแหล่งจำหน่าย ควรตรวจสอบสินค้าอื่นที่อยู่ภายใต้กระบวนการผลิตที่คล้ายกัน (7) ระบบเอกสารและบันทึกข้อมูล มีความเป็นปัจจุบัน ถูกต้องตามความเป็นจริง ลงชื่อผู้ปฏิบัติงาน/ผู้ควบคุมทุกครั้ง จัดเก็บอย่างมีระเบียบเป็นหมวดหมู่อย่างน้อย 2 ปี หรือตามที่คู่ค้า หรือหน่วยตรวจรับรองกำหนด โดยบันทึกข้อมูลที่ควรจัดเก็บ ได้แก่ ข้อมูลการรับวัตถุดิบ การควบคุมการผลิต การตรวจสอบ คุณภาพผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ คุณภาพน้ำใช้ การซ่อมบำรุง การทำความสะอาด การป้องกัน สัตว์พาหะนำเชื้อ ประวัติการฝึกอบรม และข้อมูลเสริมที่เป็นประโยชน์ที่สามารถตามสอบได้ในกรณีที่สินค้า มีปัญหา 3.3) การบำรุงรักษาและการสุขาภิบาล (1) แผนการบำรุงรักษาและการสุขาภิบาลควรมีแผนการที่ระบุวิธีการ ความถี่ ผู้รับผิดชอบ ได้แก่ แผนการบำรุงรักษาและซ่อมบำรุง แผนทำความสะอาด แผนควบคุมสัตว์พาหะนำเชื้อ และแผนจัดการของเสีย


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 39 (2) การบำรุงรักษา ซ่อมบำรุงรักษาสถานที่และเครื่องมือ รวมถึงการสอบเทียบอุปกรณ์ เครื่องมือวัดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทวนสอบความถูกต้อง และเก็บบันทึกการสอบเทียบหรือทวนสอบไว้ (3) การทำความสะอาดอาคารผลิตพื้นผนังเพดานอุปกรณ์ยึดติดอย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตตามแผนที่กำหนดเก็บอุปกรณ์ที่ทำความสะอาด ให้เป็นสัดส่วนในสถานที่เหมาะสม ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลการทำความสะอาด (4) การควบคุมสัตว์พาหะนำเชื้อ มีมาตรการป้องกันและกำจัดสัตว์พาหะนำเชื้อ โดยควบคุมดูแลไม่ให้มีแหล่งอาหารสำหรับสัตว์พาหะนำเชื้อ ดูแลรักษาความสะอาดในบริเวณอาคาร ถังขยะ ปิดมิดชิดและอยู่ในที่เหมาะสม เฝ้าระวังและตรวจหาร่องรอยของสัตว์พาหะนำเชื้ออย่างสม่ำเสมอ กำจัดสัตว์พาหะนำเชื้อโดยวิธีที่เหมาะสมและไม่ส่งผลเสียหรือทำให้สินค้าปนเปื้อน (5) การจัดการกับของเสียภาชนะหรือถุงขยะควรแยกและมีเครื่องหมายบ่งชี้ชัดเจน ระหว่างของเสียและสารเคมี แยกสิ่งที่ไม่ใช้แล้วหรือสิ่งปฏิกูลออกจากบริเวณผลิต มีระบบกำจัดขยะมูลฝอย และการจัดการน้ำทิ้งที่เหมาะสม 3.4) สุขลักษณะส่วนบุคคล (1) ผู้ปฏิบัติงานในบริเวณผลิตควรรักษาความสะอาดส่วนบุคคล โดยแต่งกายและปฏิบัติ ตามระเบียบที่กำหนดขณะปฏิบัติงาน เช่น ชุดกันเปื้อน ที่คลุมผม ถุงมือ และผ้าปิดปาก รวมทั้งควรรักษา สุขภาพ ไม่เป็นโรค หรือพาหะนำโรคที่อาจปนเปื้อนสู่สินค้าได้ หากเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บควรแจ้งหัวหน้างาน เพื่อรักษาหรือคัดแยกออกจากพื้นที่ บุคคลภายนอกที่เข้าไปในบริเวณผลิตให้รักษาความสะอาดส่วนบุคคล ตามระเบียบที่กำหนด (2) ผู้ปฏิบัติงานควรปฏิบัติงานอย่างถูกสุขลักษณะขณะปฏิบัติงาน โดยไม่รับประทาน อาหาร ไม่สูบบุหรี่ ไม่ถ่มน้ำลาย ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่ไอจามลงบนสินค้า 3.5) การขนส่ง (1) พาหนะขนส่งและตู้ขนส่ง ควรสะอาดและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สามารถป้องกัน การปนเปื้อนระหว่างการขนส่ง (2) ตู้ขนส่งสามารถเก็บรักษาสินค้าได้โดยไม่เกิดการปนเปื้อนและความเสียหาย หรือสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ (3) การบรรจุสินค้าในตู้ขนส่งไม่ควรก่อให้เกิดความเสียหายและการปนเปื้อนต่อสินค้า โดยควรคำนึงถึงรูปแบบการจัดเรียง ปริมาณสินค้า ระยะเวลาที่ใช้ในการขนส่ง และคุณภาพของสินค้า ที่ปลายทาง 3.6) ฉลากผลิตภัณฑ์ ควรแสดงฉลากหรือระบุข้อความที่ชัดเจน เพียงพอและถูกต้อง เช่น ชื่อสินค้า ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต น้ำหนักสุทธิ วันเดือนปีที่ผลิต รุ่นที่ผลิต ให้สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อกำหนดของคู่ค้า


การศึกษารูปแบบการขนส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน 2565 ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร หน้า 40 3.7) การฝึกอบรม (1) จัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหารอย่างเหมาะสมแก่ผู้ปฏิบัติงาน หรืออาจสอนเทคนิคการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตราย (2) ให้ความรู้หรือสอนงานในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้อง (3) ทบทวนหรือฝึกอบรมเพื่อฟื้นฟูความรู้ด้านการผลิตรวมถึงสุขลักษณะอาหาร และปรับ ให้ทันสมัยตัวอย่างหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุสินค้า GMP อาทิDOA xxxxx xx xxxxxx 4) พิธีสารว่าด้วยข้อก้าหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและน้าเข้าผลไม้ ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน (กรมวิชาการเกษตร, 2563) โดยมี รายละเอียดดังนี้ มาตรา 1 ผลไม้ที่นำเข้าและส่งออกทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นผลไม้ที่ถูกระบุไว้ในรายการ ชนิดผลไม้ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากร โดยความตกลงร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายจะต้องจัดส่งข้อมูลหมายเลขทะเบียนของสวนผลไม้ และโรงคัดบรรจุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนและ ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากร รวมทั้งตัวอย่างการปิดผนึกที่จะใช้ กับตู้สินค้าและฉลากสำหรับบรรจุภัณฑ์ผลไม้ มาตรา 2 ผลไม้ต้องได้รับการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ใหม่ สะอาด และอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หรือ ตู้ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่งหรือการเคลื่อนย้าย ฉลากบนบรรจุภัณฑ์จะต้องระบุชื่อผลไม้ ประเทศ ต้นกำเนิดหมายเลขทะเบียนของสวนผลไม้ ชื่อหรือหมายเลขทะเบียนของโรงคัดบรรจุ และข้อความใดข้อความหนึ่ง ต่อไปนี้ 1) สำหรับประเทศไทย: “ส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน” หรือ 2) สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีน: “ส่งออกไปยังราชอาณาจักรไทย” มาตรา 3 ก่อนการส่งออก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากรจะดำเนินการ ตรวจสอบและกักกันผลไม้ และจะออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเมื่อผลไม้เป็นไปตามเงื่อนไข โดยในใบรับรอง สุขอนามัยพืชต้องมีการระบุข้อความ “This Fruit is in compliance with the Protocol on the Inspection and Quarantine Requirement for Exportation and Importation of Fruits between Thailand and China through the Territories of the Third Countries.” พร้อมแนบใบรับรองสุขอนามัย สำหรับรับรองปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในกรณีการส่งออกลำไยสดจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐ ประชาชนจีน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากร จะทำการปิดผนึกตู้สินค้า ระบุหมายเลขตู้สินค้า และหมายเลขกำกับการปิดผนึกตู้สินค้าในใบรับรองสุขอนามัยพืชที่มีผลบังคับใช้ 10 วัน ก่อนที่ผลไม้จะมาถึงจุดนำเข้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ (ด่านตรวจพืช ณ จุดส่งออกผลไม้) จะส่งสำเนาใบรับรองสุขอนามัยพืช ผ่านทางไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับหน่วยงานศุลกากรสาธารณรัฐ ประชาชนจีน


Click to View FlipBook Version