The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและนโยบายสาธารณะ (Behavioral Economics and Public Policies) เรวดี จรุงรัตนาพงศ์

การอบรมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

บทบาทของบรรทัดฐานของสังคม (Social norm) ต่อการตัดสินใจของมนุษย์ 53 • มีคนไม่มากที่ตัดสินใจด้วยตนเองโดยไม่สนใจสังคมรอบข้าง • การตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสังคมรอบข้าง • การตัดสินใจของเราได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เพื่อนและครอบครัวคิดหรือท า หรือกลุ่มคนที่เราอยู่ ด้วยคิดหรือท า • การตัดสินใจของเราได้รับอิทธิพลจากบรรทัดฐานของสังคม วัฒนธรรมและศาสนา • ในหลายๆ กรณีการตัดสินใจในการสูบบุหรี่หรือเสพยาเสพติดก็ได้รับอิทธิพลมาจากคนรอบข้าง • แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ เพียงแต่ล าพังเพียง แรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์อาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ • มีปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่ปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ (non-economic factors) ส่งผลต่อการตัดสินใจทาง เศรษฐศาสตร์


11/05/2023 54 Other-regarding preferences ▪ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมีข้อสมมติว่าบุคคลมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตนเองเป็นหลัก (self-regarding behaviour) ▪ หลักฐานต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์แสดงออกซึ่งการค านึงถึงผู้อื่นจากหลายๆ เหตุผล ▪ คนเราอาจค านึงถึงคนอื่นจากเหตุผลทางศีลธรรม หรือความรู้สึกอบอุ่นใจที่เพิ่มขึ้น (warm glow) ที่ได้ ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา ▪ บางครั้งเราก็ต้องการลงโทษบางคนที่ไม่คล้อย (conform) สิ่งที่เราคาดหวังให้คนนั้นท าตาม ▪ บางครั้งเราก็เอื้อเฟื้อคนบางคนโดยไม่มีเงื่อนไข (altruism) หรือไม่หวังอะไรตอบแทน ▪ พฤติกรรมเหล่านี้เรียกว่า พฤติกรรมการค านึงถึงผู้อื่น (other-regarding behavior) หรือความพอใจ ส่วนรวม (social preference)


11/05/2023 55 ▪ อีกทั้งคนเรายังชอบความเท่าเทียม (equality) หรือหลีกเลี่ยงความไม่เท่าเทียม (inequality averse) ▪ คนเรายังมีพฤติกรรมการตอบแทนซึ่งกันและกัน (reciprocity) ซึ่งหมายถึงคนเรายินดีที่จะให้รางวัล (reward) กับคนที่ท าดีกับเรา และจะลงโทษ (punishment) คนที่ท าไม่ดีกับเราเช่นกัน ▪ แม้ว่าการให้รางวัลหรือการลงโทษจะส่งผลท าให้เราได้ผลตอบแทนสุทธิลดลงก็ตาม ▪ บุคคลที่ให้ความส าคัญกับตนเอง (Self-interested individuals) หมายถึง คนที่สนใจเพียงผลตอบแทน ทางวัตถุที่ตนเองได้ ▪ แต่ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา งานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์การทดลองแสดงให้เห็นว่าบุคคลแคร์ว่าคนอื่นจะ ได้ผลตอบแทนเท่าใดเช่นกัน ▪ คนค านึงถึงคนอื่น โดยนอกจากจะคิดว่าตนเองจะได้ผลตอบแทนเป็นเงินเท่าใดแล้ว แต่ยังคิดถึงคนอื่นว่าจะ ได้ผลตอบแทนเป็นเงินเท่าใด Other-regarding preferences


56 Social norm (บรรทัดฐานของสังคม) • Schultz et al. (2007) ศึกษาการใช้พลังงานของครัวเรือนใน US • ครัวเรือนได้รับข้อมูล 2 แบบ คือ ปริมาณการใช้พลังงานของเพื่อนบ้าน และค าแนะน าให้การ ประหยัดพลังงาน (control group ได้เฉพาะค าแนะน า/ treatment group ได้ทั้ง 2 แบบ) • ปริมาณการใช้พลังงานของเพื่อนบ้าน (peer-comparison feedback) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ครัวเรือนเปรียบเทียบการใช้พลังงานของตนเองกับของเพื่อนบ้านที่เปรียบเสมือน a social reference point • ครัวเรือนใน the treatment group มีแนวโน้มที่ปรับระดับการใช้พลังงานกับค่าเฉลี่ยมากกว่า ครัวเรือนที่อยู่ในcontrol group • ครัวเรือนปรับตัวเข้ากับบรรทัดฐานของสังคม (social norm) หรือใช้ค่าเฉลี่ยเป็นจุดอ้างอิง (reference point) • Boomerang effects – ครัวเรือนที่ใช้พลังงานต่ ากว่าค่าเฉลี่ยมีแนวโน้มจะใช้พลังงานเพิ่มขึ้น


57 • Boomerang effect อาจท าให้ในที่สุดปริมาณการใช้ พลังงานรวมไม่ได้ลดลง • เพิ่มสติ๊กเกอร์หน้ายิ้ม /หน้าบึ้ง (Injunctive message) • ครัวเรือนที่ใช้พลังงานต่ ากว่าค่าเฉลี่ยยังคงใช้พลังงานใน ระดับต่ าเมื่อเพิ่มสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มเข้าไป • ผลของ boomerang effect หายไปหลังจากที่เพิ่ม สติ๊กเกอร์เข้าไป Social norm (บรรทัดฐานของสังคม)


การทดลองทางเศรษฐศาสตร์ (Economic experiment)


ค าถามวิจัยที่ใช้การทดลองเป็นเครื่องมือในการท าวิจัย 59 • คนแบบใดที่ใช้ยาฆ่าแมลง คนที่ให้ค่ากับปัจจุบันมากกว่าอนาคต? คนที่ชอบเสี่ยง? • คนแบบใดที่เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ อาสาสมัคร? คนที่ไว้ใจคนอื่น? คนที่ค านึงถึงคนอื่น? • มาตรการใดระหว่างการให้ชาวประมงตกลงกันเอง (self-regulated) กับระบบโควตา จะส่งผลให้มี การจับสัตว์น้ ามีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ▪ เพื่อเข้าใจว่าปัจจัยอะไรที่จูงใจ (motivate) ให้บุคคลตัดสินใจทั้งที่เป็น economic factors และ non-economic factors ▪ เพื่อเสนอแนะมาตรการแทรกแซง (institution) เช่น การลงโทษ การให้รางวัล เพื่อส่งเสริม ให้บุคคลเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทิศทางที่จะท าให้ well-being ของบุคคลนั้นดีขึ้น


กรอบแนวคิดของทฤษฎีดั้งเดิมของสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ของการท างานร่วมกัน (Collective action dilemma) 60 Source: Poteete et al. (2010) page 219.


ความร่วมมือในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการท างานร่วมกัน ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม Source: Poteete et al. (2010 61 ) page 219.


การทดลอง 62 • การวัดทางเศรษฐศาสตร์ มีแนวทางหลักอยู่ 2 ประเภท คือ 1. การประมาณการแบบจ าลองโดยใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้น (naturally-occurring data) จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต 2. การประมาณการแบบจ าลองโดยใช้ข้อมูลจากการที่นักวิจัยสร้าง (generate) ขึ้นมาด้วยเครื่องมือบางอย่าง • วิธีศึกษาเชิงประยุกต์ (Empirical approaches) มักใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นเองจากการสังเกต (naturally-occurring data) แต่งานวิจัยในอดีตจ านวนมากเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อ สมมติในการตัดสินใจเลือกทางเลือกบุคคล เช่น คนมีเหตุมีผลตลอดเวลาหรือไม่ • เช่น วิเคราะห์ผลได้ผลเสียจากทางเลือกที่เป็นไปได้ทุกทางเลือกหรือไม่ เราตัดสินใจของเรา เองโดยคนอื่นไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเรา ใช่หรือไม่)


63 • นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมในบางกรณีก็ใช้ข้อมูลจากการส ารวจ เช่น ค าถามเกี่ยวกับทัศนคติของ พฤติกรรมความไว้วางใจ หรือพฤติกรรมความร่วมมือ เป็นต้น • แต่ข้อมูลจากการส ารวจมีข้อจ ากัดในบางสถานการณ์ – ในบางสถานการณ์คนมีแนวโน้มที่จะตอบ ค าถามเพื่อให้ภาพลักษณ์ตนเองดูดีในสายตาตนเอง หรือในสายตาของนักวิจัย (idealized persona bias) • ผู้ตอบแบบสอบถามไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งตนเองตอบมากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากค าตอบดังกล่าว • ข้อมูลจากการทดลองเป็นทางเลือกที่จะได้ข้อมูลดังกล่าว การทดลอง


ท าไมต้องท าการทดลอง? 64 • เพื่อค้นหานโยบายใหม่ หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายในปัจจุบัน เช่น • ท าอย่างไรให้คนมาร่วมมือท างานเพื่อสาธารณะ (public goods) อย่างสมัครใจเพิ่มขึ้น • ท าอย่างไรให้คนซื้อประกันภัยพิบัติ • ท าอย่างไรให้ชาวประมงจับสัตว์น้ าในระดับที่มีประสิทธิภาพ • ท าอย่างไรให้เกษตรกรที่อยู่ต้นน้ าแบ่งน้ าให้เกษตรกรที่อยู่ปลายน้ าอย่างเท่าเทียม • การขึ้นภาษีน้ ามันและการอุดหนุนราคาน้ ามันในอัตราเท่ากันจะส่งผลต่อการบริโภคน้ ามันเท่ากันหรือไม่ • ค้นหาความชอบ (preference) ของคน เช่น • พฤติกรรมความเสี่ยง (risk preference): เข้าใจว่าท าไมคนบางคนซื้อประกันภัยพิบัติบางคนไม่ซื้อ • ความพอใจของการบริโภคต่างเวลาหรือ Time preference (เพื่อเข้าใจว่าคนแบบไหนจะเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ ให้ความส าคัญกับการบริโภคในปัจจุบันหรืออนาคตมากกว่ากัน)


การทดลองทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Experiments) 65 Harrison and List (2004) แบ่งข้อมูลจากการทดลองออกเป็น 4 ประเภท: ▪ Laboratory experiment เป็นข้อมูลการทดลองโดยมีนักศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมการทดลอง (subject) โดยสมมติกรอบของกติกาของการทดลอง หรือเกม ▪ Artefactual field experiment มีลักษณะคล้าย lab experiment คือใช้เกมที่ไม่มี context (no context) และผู้เข้าร่วมการทดลองไม่ใช่นักศึกษา ▪ Framed field experiment คล้ายกับ artefactual field experiment แต่ก าหนด field context ของพื้นที่ หรือสิ่งที่ต้องการทดสอบในเกมที่ทดสอบ ▪ Natural field experiment คล้ายกับ framed field experiment แต่ผู้เข้าร่วมการ ทดลองไม่รู้ตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง ▪ Randomized Controlled Trials (RCTs)


66 Laboratory experiments: Computer laboratory at ICES, George Mason University Source: https://ices.gmu.edu/about-2/our-labs


67 Artefactual field experiment Public good game in Trang province, Thailand Framed field experiment Common pool resource game in Phuket province, Thailand


The power of experiment: Decision making in a datadriven world by Luca and Bazerman (2021) p. 186 68 ✓ ต้องการทดสอบความคิดใหม่ๆ ที่คาดว่าจะส่งผลให้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าสถานการณ์ ปัจจุบัน (status quo) หรือไม่ ✓ ต้องการทดสอบความคิดใหม่อย่างเป็นระบบ (systematically) ว่ามีผล ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หรือไม่ ✓ ต้องการประเมินผลลัพธ์อย่างไม่เอนเอียง (objectively) เท่าที่จะท าได้หรือไม่ ✓ ต้องการทดสอบความคิดใหม่ๆ โดยพยายามใช้ต้นทุนที่ต่ าที่สุด (minimize cost) ถ้าความคิดนั้นอาจจะใช้ไม่ได้(เช่น งานของ Gneezy and Rustichini (2000)) หรือไม่ ▪ ถ้าค าตอบของทุกค าถามคือ “ใช่” การทดลอง (experiment) น่าจะเป็น ทางเลือกที่ต้องการ


ตัวอย่างงานวิจัยทาง เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม/การทดลอง


▪ พฤติกรรมการค านึงถึงคนอื่น (other-regarding behavior) ใดที่ส่งผลให้ชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรม อนุรักษ์ ▪ Dictator game (วัด altruism), Trust game (วัด trust), and public good game (วัด cooperation) ▪ ความแตกต่างระหว่างข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรม อนุรักษ์ของข้อมูลทางการจากเครือข่ายอนุรักษ์กับ การรายงานด้วยตนเองจากแบบสอบถาม ▪ พฤติกรรมความร่วมมือโดยสมัครใจ (วัดจากเกม) มี ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม อนุรักษ์ในชีวิตจริง Collective action and other-regarding behavior 70


Self-regulation vs Quota (External regulation) ▪ การให้ชาวประมงพื้นบ้านจัดสรรทรัพยากรกันเอง กับการ ก าหนดโควตา มาตรการใดจะส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากร ประมงที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ▪ มาตรการโควตาที่มีการลงโทษส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากร ประมงมีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดสรรทรัพยากรกันเอง ▪ อาจเป็นเพราะชุมชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างไม่มีความเข้มแข็ง เพียงพอที่จะตกลงกันเองได้ สอดคล้องกับผลการประชุมกลุ่ม ย่อยว่า เป็นไปได้ยากที่จะก าหนดโควตาระดับชุมชน ▪ โอกาสในการลงโทษที่สูงขึ้นในระบบโควตาจะส่งผลให้มีการ แบ่งรายได้ภายในกลุ่ม (ปลาที่จับ) ให้มีความเท่าเทียมกัน มากขึ้น ▪ โอกาสในการลงโทษที่สูงขึ้นในระบบโควตาจะส่งผลให้การใช้ ทรัพยากรประมงจนหมดสิ้น (depletion) น้อยลง


▪ ชาวประมงพื้นบ้านได้รับผลกระทบจากการจับปลาเกินขนาด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรูปของการเกิดใหม่ ของสัตว์น้ าลดลงอย่างรวดเร็ว ▪ สถานการณ์ที่การเกิดใหม่ของสัตว์น้ าลดลงอย่างรวดเร็วจะ ส่งผลให้ชาวประมงร่วมมือกันจับสัตว์น้ าอย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่ ▪ กลไกที่ทดสอบ: อัตราการเกิดใหม่ของสัตว์น้ าที่ไม่มีจุดวิกฤติ (no threshold) และอัตราการเกิดใหม่ของสัตว์น้ าที่มีจุด วิกฤติ (threshold) ▪ กลุ่ม threshold มีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันจับสัตว์น้ ามากกว่า เทียบกับ no threshold Cooperation and regime shift in common-pool resources 72 No threshold With threshold


Cooperation and punishment in common-pool resources 73 ▪ การลงโทษจะท าให้มีการแบ่งน้ า (ทรัพยากรร่วม) อย่างเท่าเทียม หรือไม่ ▪ สุ่มเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองเป็นคนที่อยู่ต้นน้ า และคนที่อยู่ ปลายน้ าเพื่อเล่น irrigation game (คล้าย ultimatum game) ▪ กลไกที่ทดสอบ: น้ ามีปริมาณมากและน้ าขาดแคลน ▪ ในแต่ละรอบคนที่อยู่ต้นน้ าตัดสินใจว่าจะใช้น้ าเท่าใด น้ าที่เหลือ จะเป็นของคนที่อยู่ปลายน้ า ▪ คนที่อยู่ปลายน้ าสามารถลงโทษคนที่อยู่ต้นน้ าได้ (ค่าลงโทษ100 TSH) ▪ การลงโทษช่วยให้มีการแบ่งน้ าอย่างเท่าเทียมกัน โดยส่วนใหญ่มี การแบ่งน้ าอย่างเท่าเทียมกันในทั้ง 2 กลไก และมีการลงโทษใน กลไกที่น้ าขาดแคลนมากกว่ากลไกน้ ามีปริมาณมาก


Questions?


บทที่ 1 เศรษฐศาสตร์และพฤติกรรม (Economics and Behavior) บทที่ 2 เศรษฐศาสตร์ความสุข (Economics of Happiness) บทที่ 3 ผลของการวางกรอบทางเลือกต่อการตัดสินใจ (Framing Effect in Decision Making) บทที่ 4 พฤติกรรมความเสี่ยงและทฤษฎีความคาดหวัง (Risk Preferences and Prospect Theory) บทที่ 5 ความพอใจของการบริโภคต่างเวลา (Time Preferences) บทที่ 6 ความพอใจส่วนรวมกับการตัดสินใจ (Social Preferences and Decision Making) บทที่ 7 เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและนโยบายสาธารณะ (Behavioral Economics and Public Policies)


Click to View FlipBook Version