The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนพัฒนาการเกษตรฯ ภาคเหนือตอนล่าง 1 (ปี 66-70)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนพัฒนาการเกษตรฯ ภาคเหนือตอนล่าง 1 (ปี 66-70)

แผนพัฒนาการเกษตรฯ ภาคเหนือตอนล่าง 1 (ปี 66-70)

แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์กลมุ่ จงั หวัดภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1
(ตาก สุโขทยั อตุ รดติ ถ์ พษิ ณุโลก และเพชรบรู ณ์)
ปี พ.ศ. 2566 - 2570



บทสรุปผู้บรหิ าร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีภารกิจตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.2522
ในการวิเคราะห์นโยบายการเกษตรและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหง่ ชาติ เพื่อเสนอตอ่ คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ โดยมีกองนโยบาย
และแผนพัฒนาการเกษตร เปน็ หน่วยงานหลักในการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดบั กระทรวง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 เป็นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรและ
สหกรณ์ระดับพื้นที่ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดทำแผนพัฒนาฯ รวม 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตาก
สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ พิจารณาจัดทำ “แผนพัฒนาการเกษตรกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ
ตอนล่าง 1” เพื่อรองรับการพัฒนาด้านการเกษตรในระดับกลุ่มจังหวัด โดยใช้กรอบแนวคิด และทิศทาง
การจัดทำแนวทางพัฒนาการเกษตรตามนโยบายของภาครัฐ และยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรตามแผนพัฒนา
เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) สรปุ สาระสำคญั ประกอบดว้ ย

วิสัยทัศน์ “เกษตรสร้างมูลค่า ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพ่ือเป็นศูนย์กลางระเบียงเศรษฐกิจ
ภายใต้การบริหารจัดการทรัพยากรทางการเกษตรอย่างยั่งยืน” มีเป้าหมายการพัฒนาคือ “ภาคการเกษตรของ
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีความเข้มแข็ง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างสมดุลและยั่งยืน” โดยกำหนด
ประเด็นการพัฒนาไว้ 3 ด้าน ดังน้ี ประเด็นการพัฒนาท่ี ๑ การพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเข้มแข็งให้
กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ประเด็นการพัฒนาที่ ๒ การเพ่ิมประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการสินค้า
เกษตรท่ีมีมูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ประเด็นการพัฒนาท่ี ๓ การบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตทางการเกษตรและส่ิงแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพ
อยา่ งย่ังยืน ซง่ึ รายละเอียดตามประเดน็ การพัฒนาดังกลา่ ว ได้กำหนดให้มคี วามสอดคลอ้ งเช่อื มโยงกบั นโยบายเพ่ิม
ศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ แผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบบั ท่ี 13

คณะผจู้ ดั ทำ
มิถนุ ายน 2565



คำนำ

สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไดจ้ ัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 13 ซึ่งจะใช้เป็นแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศในช่วงปี พ.ศ. 2566 - 2570
และหลังจากการประกาศใช้ทุกส่วนราชการจะต้องนำมาเป็นแผนหลักในการจัดทำยุทธศาสตร์ การพัฒนา
ตามภารกิจท่ีเก่ียวข้อง สำหรับภาคการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้จัดทำแผนพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้คณะกรรมการนโยบายและ
แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 13
โดยสามารถขบั เคล่ือน และแปลงไปสกู่ ารปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ

สำหรับการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 เป็นส่วนหนึ่ง
ในการสนับสนุนให้กลุ่มจังหวัดได้มีแผนและงบประมาณเพ่ือพัฒนากลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการที่ก่อให้เกิด
ประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นท่ี ซ่ึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2553 มาตรา 53/1 และ53/2 บัญญัติให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดมีหน้าท่ีใน
การจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั ให้สอดคลอ้ งกบั แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมระดบั ชาติ

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 ได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานอื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก
และเพชรบูรณ์ได้จัดทำ “แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1” (ตาก สุโขทัย
อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์) ปี พ.ศ. 2566 - 2570 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาด้านการเกษตร
และสหกรณ์ระดับกลุ่มจังหวัด โดยในการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรฯ ดังกล่าว ได้นำข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับ
การเกษตรในทุกมิติจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียท้ังในภาคการเกษตร และนอกภาคการเกษตรท่ีเป็นข้อมูลปฐมภูมิ
และทุติยภูมิ มาประมวลผล วิเคราะห์ศักยภาพของกลุ่มจังหวัดตามหลักทฤษฏี และเทคนิคทางวิชาการ
พร้อมท้ังได้กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และประเด็นในการพัฒนาเพื่อให้การพัฒนาภาคการเกษตรของกลุ่ม
จังหวัดมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 อย่างเป็นระบบ
สามารถนำไปจัดทำรายละเอียดในการเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพ่ือการพัฒนาภาคเกษตรของกลุ่ม
จังหวัดต่อไป ท้ายนี้ คณะผู้จัดทำขอขอบคุณผู้ที่เก่ียวข้องทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนา
การเกษตรและสหกรณ์กลุม่ จงั หวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ในคร้งั นี้เป็นอยา่ งดี

คณะผู้จัดทำ
มิถุนายน 2565



สารบญั

บทสรปุ ผู้บริหาร หนา้
คำนำ ก
สารบัญ ข
สารบัญตาราง ค
สารบญั ภาพ ง
สว่ นที่ 1 ความเชือ่ มโยงของแผน 3 ระดับ ฉ

1.1 แผนระดับ 1 ยทุ ธศาสตรช์ าติ 1
1.2 แผนระดบั 2 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 1
1.3 แผนระดับ 3 ยทุ ธศาสตร์การขับเคล่ือนประเทศไทย
2
ด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG
สว่ นท่ี 2 ข้อมูลทั่วไปและทศิ ทางการพฒั นากลุ่มจังหวดั 7
18
2.1 ขอ้ มูลด้านกายภาพ 19
2.2 ขอ้ มูลด้านเศรษฐกจิ 22
2.3 ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ (ดา้ นการเกษตร) 25
2.4 บรบิ ทการเปลยี่ นแปลงท่ีมีผลต่อการพัฒนา
2.5 การประเมินสภาพแวดล้อม (SWOT) 36
ส่วนท่ี 3 วิสยั ทัศน์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย และประเดน็ การพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ 36
36
4.1 วสิ ัยทัศน์ และพนั ธกิจ 37
4.2 เป้าหมายการพฒั นาของกลุ่มจังหวดั 42
4.3 ตวั ชว้ี ัดความสำเร็จตามเป้าหมายของกลมุ่ จังหวดั
4.4 ประเดน็ การพัฒนาการเกษตร (Strategy)
ส่วนที่ 4 แผนงาน/โครงการตามแผนพฒั นาการเกษตรและสหกรณ์



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หน้า

2.1 จำนวนหม่บู า้ น ตำบล อำเภอและจงั หวัดในเขตการปกครอง

กลุม่ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนลา่ ง ๑ ปี 2564 8

2.๒ จำนวนประชากรในเขตการปกครอง

กลมุ่ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 ปี 2563 8

2.๓ อุณหภมู จิ ังหวัดของกลุ่มจังหวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 ปี 2561-2563 10

2.4 ปริมาณน้ำฝน ปี 2562-2564 กลุม่ จงั หวัดภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 10

2.5 พื้นท่ีปา่ ไม้กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 ปี 2562 11

2.6 แหล่งนำ้ สายหลักกลุ่มจังหวดั ภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 12

2.7 ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง

กลมุ่ จงั หวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 13

2.8 การใช้ท่ีดนิ และเนือ้ ที่ใช้ประโยชนท์ างการเกษตร ปี 2562 14

2.9 ลักษณะการถือครองทดี่ นิ ทางการเกษตร ปี 2562 15

2.10 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมกลุ่มจงั หวัดภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 19

2.11 เนื้อท่ีเกบ็ เกีย่ ว ผลผลติ และผลผลิตตอ่ ไร่ ข้าวนาปี

ของกลมุ่ จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 19

2.12 เน้อื ที่เกบ็ เกีย่ ว ผลผลติ และผลผลติ ต่อไร่ ข้าวนาปรงั

ของกลุ่มจงั หวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 20

2.13 เนอ้ื ท่ีเก็บเกี่ยว ผลผลติ และผลผลิตต่อไร่ ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์

ของกลมุ่ จังหวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 20

2.14 เนอ้ื ที่เก็บเกีย่ ว ผลผลติ และผลผลติ ตอ่ ไร่ มันสำปะหลงั โรงงาน

ของกล่มุ จังหวดั ภาคเหนือตอนล่าง 1 21

2.15 พืน้ ทีป่ ลกู ผลผลติ และผลผลิตต่อไร่ ออ้ ยโรงงาน

ของกลมุ่ จงั หวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 21

2.16 มูลคา่ การค้าชายแดนไทย - เมียนมา (รายดา่ น) 22

2.17 มูลค่าการคา้ ชายแดนไทย - สปป.ลาว (รายด่าน) 22

2.18 รายได้เงนิ สดภาคเกษตรกลมุ่ จงั หวดั ภาคเหนือตอนล่าง 1 23

2.19 รายจ่ายเงินสดภาคเกษตรกลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 23

2.20 รายจ่ายเงนิ สดภาคเกษตรกลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 24

๒.21 สรุปการวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายในโดยใช้ Mckinsey 7-S Framework 25

2.22 สรปุ การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอกโดยใช้ PESTEL Analysis 27

2.23 สรุปผลการวิเคราะห์ TOWS Matrix ทศิ ทางเชิงรุก (S-O Strategy) 29

2.24 สรุปผลการวเิ คราะห์ TOWS Matrix ทิศทางเชงิ ป้องกนั (S-T Strategy) 31

2.25 สรปุ ผลการวเิ คราะห์ TOWS Matrix ทิศทางเชิงแก้ไข (W-O Strategy) 32

2.26 สรปุ ผลการวเิ คราะห์ TOWS Matrix ทศิ ทางเชงิ รับ (W-T Strategy) 33

สารบญั ตาราง (ต่อ) จ

ตารางท่ี หน้า
39
3.5 ค่าเปา้ หมายตวั ชว้ี ัดของแผนพฒั นาการเกษตรและสหกรณ์
กลุ่มจังหวดั ภาคเหนอื ตอนล่าง 1 (พ.ศ. ๒๕66 – พ.ศ. ๒๕70)

สารบญั ภาพ ฉ

ภาพที่ สถานที่ตงั้ หนา้
ภาพท่ี 1 7

2

สว่ นที่ 1

ความเชื่อมโยงของแผน นโยบายและยุทธศาสตร์ท่ีเก่ยี วข้อง

1. ทิศทางแผน นโยบาย และยุทธศาสตร์ทเี่ กี่ยวข้อง

เพื่อให้การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของกลุ่มจังหวัด เป็นไปตามนโยบาย
ของรัฐบาล แผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13
(พ.ศ. 2566 - 2570) และแผนงานโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงกำหนดกรอบ
แนวคิดหลักในการจัดทำโดยมุ่งเน้นให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับนโยบาย/ยุทธศาสตร์/แผนพัฒนา
ในระดบั ตา่ งๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การเกษตรและสหกรณ์ ดังน้ี

แผนระดบั ที่ 1
1) ยทุ ธศาสตร์ชาติ

ยทุ ธศาสตรช์ าติ (พ.ศ. 2561 - 2580) มีวสิ ยั ทัศน์ คอื “ประเทศไทยมีความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมี
เป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่าง
ต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” โดยยกระดับศักยภาพของประเทศ
ในหลากหลายมิติ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ สร้างโอกาส
และความเสมอภาคทางสงั คม สร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวิตทเ่ี ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐ
ของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม การพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลาของ
ยุทธศาสตร์ชาติ จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ โดยมีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ยุทธศาสตร์
ไดแ้ ก่ (01) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความม่ันคง (02) ยทุ ธศาสตรช์ าติด้านการสรา้ งความสามารถในการ
แข่งขัน (หลัก) (04) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม (05)
ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (06)
ยุทธศาสตรช์ าติดา้ นการปรับสมดลุ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการภาครฐั

แผนระดับที่ 2
2) แผนแม่บทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ

แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นส่วนสำคัญในการถ่ายทอดเป้าหมายและ
ประเด็นยุทธศาสตร์ของยุทธศาสตร์ชาติลงสู่แผนระดับต่าง ๆ ในลักษณะที่มีการบูรณาการและ
เชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ชาติด้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำไปใช้เป็นกรอบ
ในการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามที่กำหนดไว้ใน
ยุทธศาสตร์ชาติภายในปี 2580 โดยแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ มีทั้งหมด 23 ฉบับ
มีเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 15 ฉบับ ได้แก่ (01) ความมั่นคง (03)
การเกษตร (หลัก) (05) การท่องเที่ยว (06) พื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (07) โครงสร้างพื้นฐาน
ระบบโลจสิ ตกิ ส์ และดิจิทัล

2

(08) ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ (09) เขตเศรษฐกิจพิเศษ
(15) พลังทางสงั คม (16) เศรษฐกจิ ฐานราก (18) การเตบิ โตอย่างย่งั ยืน (19) การบริหารจัดการน้ำ
ทั้งระบบ (20) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ (21) การต่อต้านการทุจริตและ
ประพฤติมิชอบ (22) กฎหมายและกระบวนการยตุ ิธรรม และ (23) การวจิ ยั และพฒั นานวัตกรรม

3) กรอบแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570)
การกำหนดกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 มุ่งเน้นการคัดเลือกประเด็นการพัฒนา

ทม่ี ีลำดับความสำคญั สูงในการพลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกจิ สร้างคุณคา่ สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน
(Hi-Value and Sustainable Thailand) ในองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) เศรษฐกิจ
มูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Value-Added Economy) (2) สังคมแห่งโอกาสและความ
เสมอภาค (High Opportunity Society) (3) วิถีชีวิตที่ยัง่ ยืน (High Sustainability) และ (4) ปัจจยั
ขับเคลื่อนการพัฒนา (High-Leverage Enablers) โดยภายใต้องค์ประกอบในแต่ละด้าน ได้มีการ
กำหนด “หมุดหมาย” (Milestones) ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงสิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาจะ “เป็น”
มุ่งหวังจะ “มี” หรือต้องการจะ “ขจัด” ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ของแผนฯ ซึ่งประกอบด้วย 13
หมุดหมาย โดยมีหมุดหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 9 หมุดหมาย ได้แก่
(01) ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง (02) ไทยเป็นจุดหมาย
ของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน (05) ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุน
และจุดยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค (07) ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง
และสามารถแข่งขันได้ (08) ไทยมีพื้นที่และเมืองหลักของภูมิภาคที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ
ทนั สมยั และนา่ อยู่ (09) ไทยมคี วามยากจนข้ามรุน่ ลดลง และคนไทยทุกคนมีความคมุ้ ครองทางสังคม
ที่เพียงพอเหมาะสม (10) ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ (11) ไทยสามารถ
ลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (13) ไทย
มีภาครฐั ที่มสี มรรถนะสูง

แผนระดบั ที่ 3
4) ยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG
(พ.ศ. 2564 – 2569)

มุง่ เนน้ การสร้างการเตบิ โตทางเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรที่มีความหลากหลายด้วย
การใช้ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม ร่วมกับความหลากหลายทางวฒั นธรรม อัตลักษณ์ และความคดิ
สร้างสรรค์ในการเพิ่มการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ใน 4 สาขายุทธศาสตร์
คือ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และการท่องเที่ยว
และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมถึงการรักษาฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพให้สมดุล
ระหว่างการมีอยู่และใช้ไปเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีวิสัยทัศน์ คือ เศรษฐกิจเติบโต
อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ประชาชนมีรายได้ดี คุณภาพชีวิตดี รักษาและฟื้นฟูฐานทรัพยากร
และความหลากหลายทางชีวภาพให้มีคุณภาพที่ดี ด้วยการใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ โดยมียุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 3



ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลาย
ทางชีวภาพด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนา
ชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์
และเทคโนโลยีสมัยใหม่ และยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้ BCG
ใหส้ ามารถแข่งขันไดอ้ ยา่ งย่ังยืน

5) นโยบายรฐั บาล
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันท่ี

25 กรกฎาคม 2562 โดย คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงแนวทางการบริหาร
ราชการแผ่นดินที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง
สังคมไทยมีความสงบสุข สามัคคี และเอื้ออาทร คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึน้ และมีความพร้อมที่จะ
ดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันสูงข้ึน
ควบคู่ไปกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี
นโยบายประกอบด้วย นโยบายหลัก 12 ด้าน นโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง โดยมีนโยบายหลัก
ทเี่ กย่ี วข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดงั นี้

5.1) นโยบายหลัก 8 ด้าน ประกอบด้วย นโยบายหลักที่ 1 การปกป้อง
และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ นโยบายหลักที่ 4 การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก นโยบาย
หลักที่ 5 การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย นโยบายหลักท่ี 6 การพัฒนา
พื้นท่ีเศรษฐกิจและการกระจายความเจรญิ สู่ภูมิภาค นโยบายหลักที่ 7 การพัฒนาสร้างความเข้มแขง็
จากฐานราก นโยบายหลกั ที่ 10 การฟนื้ ฟูทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการรักษาสิง่ แวดล้อมเพื่อสร้างการ
เติบโตอย่างยั่งยืน นโยบายหลักที่ 11 การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ และนโยบายหลักที่ 12
การป้องกนั และปราบปรามการทุจริตประพฤตมิ ิชอบและกระบวนการยตุ ธิ รรม

5.2) นโยบายเร่งด่วน 7 เรื่อง ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่ 1 การแก้ไข
ปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน นโยบายเร่งด่วนที่ 4 การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
และพัฒนานวัตกรรม นโยบายเร่งด่วนที่ 6 การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต
นโยบายเร่งดว่ นท่ี 8 การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่าย
ราชการประจำ นโยบายเร่งด่วนที่ 9 การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นท่ี
ชายแดนภาคใต้ นโยบายเรง่ ดว่ นท่ี 10 การพฒั นาระบบการใหบ้ ริการประชาชน และนโยบายเรง่ ด่วน
ที่ 11 การจดั เตรียมมาตรการรองรบั ภยั แลง้ และอทุ กุ ภัย

6) นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2565
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ได้มอบ

แนวทางการขับเคลื่อนงานสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2565 ภายใต้การปรับตัว
สู่วิถใี หม่ New Normal โดยมีประเด็นสำคัญทต่ี ้องให้ความสำคัญ 2 เร่ือง ดังน้ี

1) ปจั จัยพื้นฐานการผลติ ดา้ นการเกษตร
1.1) ทรัพยากรน้ำ มีการวางระบบการบริหารจัดการน้ำตามรูปแบบ

ทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะพนื้ ท่ี รวมถงึ พิจารณาปริมาณความต้องการใชน้ ้ำของเกษตรกร และมีแผนรองรับ
สถานการณท์ ่เี ปลยี่ นแปลงในทกุ กรณี



1.2) ทรัพยากรดิน ส่งเสริมการใช้ Agri-Map เพื่อให้เกษตรกรได้วิเคราะห์
และ ปลูกพืชตามศักยภาพของพื้นที่ ส่งเสริมการลด ละ เลิก การใช้สารเคมี เพื่อรักษาความอุดม
สมบูรณ์ของดิน และการผลิตที่ยั่งยืน การส่งเสริมการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานเกษตรปลอดภัย
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
และเพ่ิมรายไดใ้ ห้กบั เกษตรกร

1.3) เกษตรกร ต้องมีความรู้ มีความสามารถในการปรับตัว เพื่อนำ
เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้ในการผลิต โดยการพัฒนา Smart Farmer/Young Smart Farmer
ให้พรอ้ มรับการเปลีย่ นแปลง และมีภาครัฐทำหน้าท่ีเปน็ พเ่ี ลย้ี ง

2) สิ่งที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการและสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคเกษตร
ส่คู วามยัง่ ยนื ภายใต้หลักตลาดนำการผลิต 12 เรอ่ื ง ได้แก่

2.1) บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ มีการกระจายน้ำอย่างเหมาะสม
และทั่วถึง รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นาของเกษตรกรและชุมชน เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอ
สำหรบั ใชใ้ นการอปุ โภคบริโภค และทำการเกษตร ตลอดจนปอ้ งกันและบรรเทาปญั หาอทุ กภัย

2.2) บริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้
ประโยชนจ์ ากพ้ืนที่ได้ตรงตามศกั ยภาพ และสอดคลอ้ งตามคุณภาพมาตรฐานความต้องการของตลาด
โดยใช้ Agri-Map ในการกำหนดเขตความเหมาะสมและประกอบการตัดสินใจวางแผนทำการเกษตร
ในแต่ละพนื้ ท่ใี หเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพ

2.3) ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)
เพ่อื บม่ เพาะเกษตรกรให้เปน็ Smart Farmer ผา่ นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลติ การบรหิ ารจดั การ
และการตลาดแก่เกษตรกร รวมทั้งให้บริการทางวิชาการ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในพื้นท่ี
โดยมีเกษตรกรต้นแบบเป็นผถู้ า่ ยทอดความรู้ และเปน็ กลไกในการบรู ณาการการทำงานของหน่วยงาน
ต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการเกษตรในระดับพ้ืนที่ เชื่อมโยงกบั การใช้ศูนยเ์ ทคโนโลยเี กษตร
และนวัตกรรม (AIC) ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีทางการเกษตร สนับสนุนและ
สง่ เสรมิ เทคโนโลยีเกษตร การประดิษฐน์ วตั กรรม รวมทั้งเครอ่ื งจกั รกลเกษตร ท่เี หมาะสมกับพน้ื ท่ีของ
แต่ละจังหวดั เพ่อื ยกระดับสู่การทำเกษตรสมยั ใหม่ และเกษตรแบบแม่นยำ (Precision Agriculture)

2.4) ส่งเสริมสถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ Start up เป็นหน่วย
ธุรกิจให้บริการทางการเกษตร (Agricultural Service Providers: ASP) เพอ่ื ยกระดับสู่การให้บริการ
ทางการเกษตร เชน่ เทคโนโลยใี นการดูแลรกั ษา รถจักรกลในการเตรยี มดินและการเกบ็ เก่ียว สำหรับ
ให้บริการแกพ่ ่ีนอ้ งเกษตรกรแบบครบวงจร

2.5) พัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตรเพื่อตอบสนองต่อโซ่อุปทานท่ี
เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการค้าสินค้าเกษตรออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพสินค้า
เกษตรให้มีความสดใหม่ และถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสนับสนุนด้านโลจิสติกส์สำหรับ
ขนสง่ สินคา้ ไปตา่ งประเทศ รวมถึงพัฒนาระบบเช่ือมโยงทางอเิ ล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกใน
การส่งออกและนำเขา้ สนิ ค้าเกษตร

2.6) พัฒนาช่องทางการตลาด โดยเพิ่มช่องทางตลาดให้หลากหลาย
ทั้งในรูปแบบตลาดออนไลน์ (แพลตฟอร์มรายสินค้าเพื่อรองรับ New Normal) ตลาดออฟไลน์



(Modern Trade รถโมบาย ตลาดสด คาราวาน) เกษตรพนั ธสญั ญา และเคานเ์ ตอรเ์ ทรด จดั กิจกรรม
จับคู่ธุรกจิ ผู้ซื้อกับผ้ขู าย เพื่อสรา้ งเครอื ขา่ ยธรุ กิจ

2.7) เกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) เพื่อสร้างความไว้วางใจ
และความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างยั่งยืน ระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการ
และร่วมกันยกระดับคุณภาพผลผลิต และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด รวมถึงการทำประกันภัยพืชผล
เพื่อให้ความคุ้มครองความเสียหายหรือความสูญเสียต่อพืชผลที่เอาประกันภัย ซึ่งเกิดจากภัยต่าง ๆ
เชน่ นำ้ ท่วม ภัยแลง้ ลมพายุ ลกู เห็บตก เปน็ ต้น ซ่ึงจะชว่ ยสรา้ งเสถยี รภาพทางรายได้และความมั่นคง
ในอาชีพให้แก่เกษตรกร รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติทาง
ธรรมชาตอิ ยา่ งทันทว่ งที

2.8) ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นคง
แก่เกษตรกร ได้แก่ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติและวน
เกษตร ด้วยการลด ละ เลิก การใช้สารเคมี ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมี
อยา่ งถกู ตอ้ ง และมีการพัฒนาอาหารของไทยให้เป็นรูปแบบอาหารท่ีปลอดภยั และมีกระบวนการผลิต
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินค้าเกษตรปลอดภัยใน 5ร อันได้แก่
โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล เรือนจำ และร้านอาหาร

2.9) สร้างความเขม้ แข็งให้แกส่ ถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากโดย
ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามารถเชื่อมโยงเครือข่าย
เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอำนาจต่อรองในการซื้อขายผลผลิต
ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรชุมชน เชื่อมโยงกับตลาดชุมชน/ตลาด
เกษตรกร/Green Market และการทอ่ งเทย่ี วเชิงเกษตรสรา้ งเศรษฐกจิ หมนุ เวียนภายในชมุ ชน รวมท้ัง
พฒั นาบุคลากรให้มีความรู้ สามารถชว่ ยเหลือสมาชิกเกษตรกร เอ้ือใหเ้ กดิ การพัฒนาในพื้นที่ท้ังสังคม
ชุมชน วฒั นธรรม สิง่ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ ใหเ้ ขม้ แขง็ และยงั่ ยนื

2.10) ยกระดับขีดความสามารถในการแขง่ ขันโดยการส่งเสริมผลติ ภัณฑ์
ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สร้างแบรนด์ให้กับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้
หม่อนไหม ผลไม้เมืองร้อน การสร้างอัตลักษณ์พื้นถิ่นปลานวลจันทร์ทะเล ปลาแรดลุ่มน้ำสะแกกรัง
หอยตะโกรมกรามขาว ปลาสลิดดอนนา ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าจากความหลากหลายทางชีวภาพ
เชน่ สมุนไพร แมลงเศรษฐกจิ ส่งเสริมสินค้าเกษตรท่มี ศี ักยภาพทางด้านการตลาดในอนาคต ท้ังสินค้า
อาหารอนาคต (Future Food) และสินค้าเกษตรที่ตอบสนองผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม (Functional
Food) สินค้าทางเลือกใหม่ เช่น โกโก้ อะโวคาโด รวมทั้งสินค้าเกษตรเพื่อพลังงานทดแทนและ
อุตสาหกรรมแหง่ อนาคต รวมทัง้ การพัฒนาเศรษฐกจิ ชีวภาพ - เศรษฐกิจหมุนเวียน - เศรษฐกจิ สเี ขียว
(Bio – Circular – Green Economy : BCG Model) เพื่อสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรในการสร้าง
มลู คา่ เพิ่มใหก้ ับสินคา้ เกษตร

2.11) การวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคเกษตรของ
ประเทศไทย บนพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรและผู้บรโิ ภค



2.12) การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล Big Data ในการเชื่อมโยงการทำ
การเกษตรร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่และเกษตรกรมีข้อมูลที่ดีและเพียงพอต่อ
การตัดสินใจที่ถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และวางแผนด้านการเกษตรได้
อย่างทันต่อสถานการณ์

7

สว่ นท่ี 2
ข้อมูลทั่วไปและทศิ ทางการพฒั นากล่มุ จงั หวัด

2.1 ขอ้ มูลทวั่ ไปและทิศทางการพฒั นากลุ่มจังหวดั

2.1.1 สถานทต่ี ้ัง
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วยจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก

และเพชรบรู ณ์ มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กับจังหวดั ใกล้เคียง ดงั นี้
- ทศิ เหนือ ติดต่อกับจังหวดั แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ และจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน
- ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกับสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว จงั หวัดชยั ภูมิ และจังหวดั เลย
- ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กับจงั หวัดพิจติ ร กำแพงเพชร นครสวรรค์ ลพบรุ ี และจังหวัดอุทัยธานี
- ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ กบั สหภาพพมา่ และจงั หวัดกาญจนบรุ ี

8

2.1.2 สภาพการปกครอง

เขตการปกครองของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มี 5 จังหวัด 47 อำเภอ

426 ตำบล และ 4,505 หมู่บ้าน มีหน่วยงานที่ต้ังอยู่ในพื้นที่หนว่ ยงานบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน

แยกเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด 5 แห่ง เทศบาล 117 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล

349 แห่ง

ตารางที่ 2.1 จำนวนหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดในเขตการปกครอง กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ

ตอนล่าง ๑ ปี 2564

จงั หวดั อำเภอ ตำบล หม่บู า้ น อบจ. เทศบาล อบต.

พษิ ณโุ ลก ๙ ๙3 ๑,๐48 ๑ 26 76

อตุ รดติ ถ์ ๙ ๖๗ 613 ๑ 26 53

สุโขทัย ๙ ๘6 843 ๑ 21 69

ตาก ๙ ๖๓ 562 ๑ 19 49

เพชรบรู ณ์ 11 11๗ 1,439 ๑ 25 102

รวม ๔๗ ๔๒๖ ๔๕๐๕ ๕ ๑๑๗ ๓๔๙

ที่มา : กระทรวงมหาดไทย (2564)

2.1.3 ประชากร

กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 มีจำนวนประชากร 3,457,208 คน และมคี รวั เรอื น

ทั้งสิ้น 1,222,025 ครัวเรือน โดยจังหวัดเพชรบูรณ์มีประชากรมากที่สุด จำนวน 995,807 คน

รองลงมาคอื พิษณโุ ลก สุโขทยั ตาก และจังหวัดอตุ รดิตถ์ จำนวน 858,988 602,460 539,553

และ 460,400 คน ตามลำดับ

ตารางท่ี 2.๒ จำนวนประชากรในเขตการปกครอง กล่มุ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนล่าง 1 ปี 2563

กลุ่มจังหวดั จำนวนประชากร (คน) จำนวนครัวเรือนประชากร

พิษณโุ ลก 849,481 352,300

เพชรบรู ณ์ 981,940 364,119

อตุ รดิตถ์ 448,745 172,565

สโุ ขทัย 587,883 220,160

ตาก 670,265 224,890

รวม 3,538,314 1,334,034

ทมี่ า : สำนกั งานสถิติแหง่ ชาติ (2563)

2.1.4 ลักษณะภมู ิประเทศ
ภาพรวมของภูมิประเทศเป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ มีทั้งพื้นที่ภูเขาสูง

ที่ราบสูงและลาดเอียง ตลอดจนถึงเป็นพื้นที่ราบ พื้นที่ราบลุ่ม ทำให้สามารถประกอบอาชีพ

เกษตรกรรมได้ทุกสาขา เช่น สาขาป่าไม้ สาขาพืช สาขาประมง และสาขาปศุสัตว์ กลุ่มจังหวัด

ภาคเหนอื ตอนล่าง 1 มพี นื้ ท่ีรวมประมาณ 34 ล้านไร่ มรี ายละเอียด ดังน้ี

9

จังหวัดตาก มีลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ และเทือกเขาสูง มีพื้นที่ราบ
สำหรับการเกษตรน้อย โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงเป็นทิวเขาถนนธงชัยสูงสลับซับซ้อน
จังหวัดตากแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน โดยมีเทือกเขาถนนธงชัยแบ่งกลาง คือ ด้านตะวันออก
ประกอบด้วย 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตาก บ้านตาก สามเงา และอำเภอวังเจ้า มีลักษณะเป็น
ภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยป่าโปร่ง และป่าเบญจพรรณ ด้านตะวันตก ประกอบด้วย 5 อำเภอ ได้แก่
อำเภอแม่สอด แม่ระมาด ท่าสองยาง พบพระ และอำเภออุ้มผาง ประกอบด้วย ภูเขาสูงประมาณ
ร้อยละ 80 ของพน้ื ท่ี ปกคลุมไปดว้ ยปา่ โปรง่ ป่าดงดิบ และปา่ สน

จังหวัดสุโขทัย มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม โดยตอนเหนือเป็นที่ราบสูง มีภูเขายาวมา
ทางทิศตะวันตก พืน้ ท่ีตอนกลางเปน็ ท่ีราบและตอนใตเ้ ปน็ ทร่ี าบสงู

จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำน่าน บริเวณสองฝั่งของแม่น้ำน่าน
และลำน้ำสาขาที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำน่าน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างราบเรียบ อยู่ในเขต
อำเภอตรอน พิชัย และบางส่วนของอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ลับแล และทองแสนขัน บริเวณทางด้าน
เหนอื และทางตะวนั ออกของจงั หวัด เปน็ เขตภเู ขาและที่สูง โดยเฉพาะเขตอำเภอเมืองอุตรดิตถ์

จงั หวัดพิษณุโลก ทางตอนเหนือและตอนกลางเป็นเขตที่สูง ทร่ี าบสงู ทางด้านตะวันออก
และตะวันตกเฉียงเหนือ มีขอบเขตภูเขาสูง ทั้งนี้มีเขตที่ราบหุบเขา ซึ่งเป็นที่ราบดินตะกอน
ที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตอนกลางและตอนใต้เป็นที่ราบลุ่ม ตามแนวน้ำยมและแม่น้ำน่านเป็นย่าน
การเกษตรที่สำคญั ที่สุดของจงั หวัดพิษณโุ ลก

จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยภูเขาเพชรบูรณ์ เป็นรูปเกือกม้า รอบพื้นที่ด้านเหนือ
ของจังหวัดเป็นแนวขนานกันไปทั้งสองข้าง ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มีพื้นที่ราบอยู่ตอนกลาง
และอำเภอด้านใต้ของจังหวัด

2.1.5 ลกั ษณะภมู อิ ากาศ
พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 โดยสภาพทั่วไป มีภูมิอากาศทั่วไปร้อนชื้น

เนื่องจาก บางพื้นที่เป็นภูเขาล้อมรอบจึงทำให้อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน หนาวจัดในฤดูหนาว
เช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอน้ำหนาว เขาค้อ และอำเภอหล่มเก่า จะมีอากาศหนาว
ท่ีสดุ พื้นท่ภี ูเขาจะมอี ากาศเยน็ ตลอดปี ในฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนมาก โดยเฉพาะชว่ งเดือนมีนาคมถึง
เดือนเมษายน ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ฝนตกมากในช่วงเดือนสิงหาคมถึง
กนั ยายน และฤดหู นาวเร่ิมตง้ั แตเ่ ดอื นพฤศจกิ ายนถงึ เดอื นกุมภาพันธ์ของทุกปี

อุณหภูมิเฉลี่ยของกลุ่มจังหวัดตลอดทั้งปี 2563 พบว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ มีอุณหภูมิ
เฉล่ยี สูงสุด 28.8 องศาเซลเซยี ส รองลงมาคอื จงั หวัดสโุ ขทัย มอี ุณหภูมิเฉลี่ย 28.7 องศาเซลเซียส
และจงั หวัดพษิ ณุโลก จังหวดั เพชรบูรณ์ มีอณุ หภูมิเฉลย่ี เทา่ กนั คอื 28.5 องศาเซลเซยี ส

อุณหภูมิสูงสุดของกลุ่มจังหวัดตลอดปี 2563 พบว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ มีอุณหภูมิสูงสุด
38.2 องศาเซลเซียส รองลงมาคือ จงั หวัดพษิ ณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอณุ หภมู ิเฉล่ยี สูงสดุ เท่ากัน
คือ 37.9 องศาเซลเซียส ส่วนจังหวัดสุโขทัย มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 37.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ
ต่ำสุดของกลุ่มจังหวัดตลอด ปี 2563 พบว่า จังหวัดตาก มีอุณหภูมิต่ำสุด 18.3 องศาเซลเซียส
รองลงมาคือ จังหวัดพิษณุโลก และเพชรบูรณ์ มีอุณหภูมิต่ำสุดเท่ากันคือ 20.8 องศาเซลเซียส
และจงั หวัดสโุ ขทยั มีอณุ หภูมติ ำ่ สดุ 21.1 องศาเซลเซียส

10

ตาราง 2.3 อณุ หภมู ิจังหวัดของกลุม่ จังหวัดภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 ปี 2561-2563

จงั หวัด อุณหภูมิต่ำสดุ (°c) อณุ หภูมิสูงสดุ (°c) อณุ หภมู เิ ฉลย่ี (°c)
ตาก
2561 2562 2563 2561 2562 2563 2561 2562 2563
25.5 26.1 26.4
20.9 18.1 18.3 34.7 35.4 36.1

สุโขทยั 23.40 20.9 21.1 36.2 37.6 37.7 27.9 28.7 28.7

อตุ รดิตถ์ 23.80 21.3 21.4 37.3 38.4 38.2 27.9 28.8 28.8

พษิ ณุโลก 22.90 20.3 20.8 36.5 37.9 37.9 27.6 28.6 28.5

เพชรบรู ณ์ 22.90 20.3 20.8 36.5 37.9 37.9 27.6 28.6 28.5

ทม่ี า : สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร (2564)

โดยภาพรวมปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งปี 2564 จังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุด ได้แก่

จังหวัดตาก มีปริมาณ 2,046.2 มิลลิเมตร รองลงมาคือ จังหวัดสุโขทัย เพชรบูรณ์ และจังหวัด

พษิ ณโุ ลก มีปริมาณ 1,500.3 1,260.0 และ 1,251.1 มลิ ลเิ มตร ตามลำดบั
ตาราง 2.4 ปริมาณนำ้ ฝน ปี 2562-2564 กลุม่ จงั หวัดภาคเหนือตอนลา่ ง 1

จังหวดั ปริมาณนำ้ ฝน (มิลลิเมตร/ปี) เฉล่ยี
2562 2563 2564

ตาก 975.9 1,031.6 2,046.2 1,351.2
สุโขทัย 811.0 916.0 1,500.3 1,075.8
อุตรดิตถ์ 842.8 1,086.1 842.8 923.9

พษิ ณุโลก 867.6 1,148.6 1,251.1 1,089.1

เพชรบรู ณ์ 943.3 1,063.7 1,260.0 1,089.0

ทม่ี า : กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา

2.1.6 สภาพดนิ และปา่ ไม้
สภาพดนิ ดนิ ท่พี บในกลุม่ จงั หวัดภาคเหนือตอนลา่ ง 1 แบง่ ลกั ษณะของดินไดด้ ังน้ี
(1) ดนิ นาหรอื ดินลุ่ม ซ่งึ มดี ินทีเ่ กิดจากตะกอนลำน้ำที่มาทับถมกนั ปรากฏอยู่

บริเวณสองฝั่งแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมตลอดจนลำน้ำสาขา ลักษณะดินเป็นดินเหนียวจัด ดินเหนียว

ดินเหนียวปนทราย ดินร่วนปนทราย ดินทราย ดินทรายปนกรวด ลักษณะเนื้อดินส่วนบนหยาบ

และมีเนื้อดินละเอียดหรือหยาบปานกลางอยู่ในชั้นดินส่วนล่าง มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ
จนถงึ สูงกระจดั กระจายอยู่ทุกจงั หวัด ดนิ มศี กั ยภาพเหมาะสมตอ่ การทำนา

(2) ดินไร่หรือดินดอน ส่วนมากพบตามที่ราบและสันดินริมแม่น้ำน่านและ
แม่นำ้ ยมตลอดจน ลำนำ้ สาขา และบรเิ วณทลี่ าดเชิงเขา สภาพพืน้ ท่ีทัว่ ไปมีความลาดชันเล็กน้อยถึงลูก

คลื่นลอนชัน หรือเชิงเขาความลาดชัน 2 – 35 % ประกอบด้วยดินหลายกลุ่มแตกต่างกันไปตาม

ลักษณะและอิทธิพลของวัตถุต้นกำเนิด เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนถึงดินเหนียว เนื้อดิน
ปานกลางถึงละเอียด มีการระบายน้ำดี มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำถงึ ปานกลาง ดินประเภท
น้สี ่วนใหญใ่ ช้ปลกู พชื ไรแ่ ละไม้ผลบรเิ วณที่ราบและหุบเขา

11

(3) ดินตื้น ส่วนมากพบตามที่ราบและสันดินริมแม่น้ำน่านและแม่น้ำยม
ตลอดจนลำนำ้ สาขา ดินมกี ารระบายน้ำค่อนขา้ งเลว คอื มีนำ้ ขงั ในชว่ งฤดูฝน มีกรวดหรือดินลูกรังปน
อยู่ในเนื้อดินมากกว่า 35 % และบริเวณทีล่ าดเชงิ เขา สภาพพื้นที่ทั่วไปมีความลาดชันเล็กนอ้ ยถึงลูก
คลื่นลาดชัน หรือเชิงเขาความลาดชัน 2 – 35 % ตั้งแต่ผิวดินลงไป มีลูกรังหรือหินกรวดปะปนอยู่
ในดินมากกว่า 35 % และดินประเภทนี้บางแห่งมีก้อนลูกรังหรือศิลาแลงโผล่กระจัดกระจายทั่วไป
บริเวณผิวดิน ดินประเภทนี้เมื่อขุดลงไปที่ความลึกประมาณ 30– 50 เซนติเมตรจะพบเศษหินช้ิน
น้อยใหญ่ปะปนอยู่ในเนื้อดินมากกว่า 35 % บางแห่งพบหินผุหรือหินแข็งปะปนอยู่กับเศษหินบาง
แห่งมีก้อนหินและหินโผล่กระจัดกระจายทั่วไปตามหน้าดิน ดินประเภทนี้ส่วนใหญ่ใช้ปลูกพืชไร่
และไมผ้ ล

(4) ดินภูเขา เป็นดินที่พบในบริเวณที่มีสภาพพื้นที่สูงชัน ความลาดชัน
มากกว่า 35 % ประกอบด้วยดินหลายชนิดเกิดขึ้นปะปนกันยังไม่มีการสำรวจและจำแนกดิน
ลักษณะและคุณสมบัติต่างๆ ของดิน ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของดินไม่แน่นอนขึ้นกับหินที่เป็น
วัตถุต้นกำเนิดดินบริเวณนั้นๆ เป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการทำการเกษตรใดๆ เนื่องจากมีความ
ลาดชันมากเกนิ ไป เส่ียงต่อการชะล้างพงั ทลายของดินไดง้ ่าย โดยท่ัวไปมกั ปกคลุมด้วยปา่ ไม้

ป่าไม้ จังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง 1 มีป่าไม้ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ
และป่าแดง ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจที่พบมากคือ ไม้สักและไม้เบญจพรรณ จากข้อมูลสถิติแห่งชาติ
รวบรวมข้อมูลเนอื้ ที่ปา่ ไมร้ ะหว่างปี พ.ศ. 2556 – 2557 แสดงใหเ้ ห็นว่า จงั หวดั ตากเป็นจังหวัดที่มี
ป่าไมอ้ ยู่เป็นจำนวนมาก และมีความอุดมสมบูรณส์ งู โดยมเี นอ้ื ทป่ี า่ ไม้รวม 7,792,5767 ไร่ คิดเป็น
ร้อยละ 75.99 ของเน้ือทีจ่ ังหวัด และเป็นจังหวดั ทมี่ เี น้ือท่ปี ่าไม้มากที่สดุ ในกลุ่มจังหวดั

ตาราง 2.5 พนื้ ท่ปี ่าไมก้ ลุ่มจงั หวัดภาคเหนือตอนลา่ ง 1 ปี 2562

จงั หวัด เนือ้ ท่ที ้งั หมด (ไร)่ เนื้อที่ปา่ ไม้ (ไร่) สดั ส่วนเนื้อทปี่ ่าไม้
ตอ่ เนื้อทจ่ี ังหวดั
ตาก 6,759,909 2,467,895
2,508,263 (รอ้ ยละ)
สโุ ขทัย 7,917,760 2,759,385
1,234,333 36.51
อุตรดติ ถ์ 4,899,120 7,784,534 31.68
16,754,410 56.32
พษิ ณโุ ลก 4,122,557 29.94
75.92
เพชรบรู ณ์ 10,254,156 49.35

รวม 33,953,502

ทม่ี า : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

12

2.1.7 แหลง่ นำ้ และชลประทาน
แหลง่ นำ้ ธรรมชาติ
1. แหลง่ นำ้ ผวิ ดิน ลุ่มน้ำท่สี ำคญั ในกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง 1 มี จำนวน 6 ลมุ่ น้ำ ได้แก่

ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำเหล่านี้มีสำคัญต่อการเกษตรและการ
อปุ โภค บริโภค ครอบคลมุ บริเวณอาณาเขตดังนี้

- ลุ่มน้ำปิงและสาขา ครอบคลุมเขต อ.สามเงา อ.เมือง อ.บ้านตาก จงั หวดั ตาก

- ลมุ่ น้ำวังและสาขา ครอบคลุมเขต อ.สามเงา จังหวัดตาก

- ลุ่มน้ำยมและสาขา ครอบคลุมเขต อ.เมือง อ.ศรีสัชนาลัย อ.กงไกรลาศ อ.ศรีลำโรง

อ.สวรรคโลก จงั หวัดสโุ ขทยั และอ.บางระกำ จังหวัดพษิ ณุโลก

- ลุ่มน้ำน่านและสาขา ครอบคลุมเขต อ.เมือง น้ำปาด อ.ฟากท่า อ.ทองแสนขัน และ

อ.ท่าปลา ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และครอบคลุม อ.วัดโบสถ์ อ.ชาติตระการ อ.เนิน
มะปราง อ.นครไทย อ.เมือง อ.บางกระทุ่ม อ.วังทอง ในจังหวัดพิษณุโลก และ
ครอบคลุม อ.ชนแดน อ.วงั โปง่ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
- ลุ่มน้ำป่าสักและสาขา ครอบคลุมเขต อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า อ.เมือง อ.บึงสามพัน

อ.วเิ ชียรบรุ ี อ.ศรเี ทพ และ อ.หนองไผ่ จงั หวัดเพชรบรู ณ์

- ลุ่มน้ำสาละวนิ ครอบคลุมบริเวณหว้ ยแม่ละเมา บ.แม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก ลุ่มนำ้
เหล่านี้ มคี วามสำคญั ตอ่ การเกษตรและการอปุ โภค-บริโภค

2. แหล่งน้ำใต้ดิน แหล่งน้ำบาดาลในภาคเหนือที่ให้น้ำมาก ได้แก่ แหล่งน้ำบาดาลที่
เป็นหินร่วน ในภาคเหนือตอนล่างครอบคลุมพื้นที่บริเวณที่ราบลุ่มของแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน จาก
จงั หวัดอุตรดิตถ์ถึงตอนเหนือของจังหวัดนครสวรรค์ สำหรบั หินแขง็ ในภาคเหนอื น้ันครอบคลุมท้องที่
ภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทางด้านตะวันออกของจังหวัดน่าน และจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นหินทราย
และหินดินดาน ซึ่งหินเหล่านี้ไม่กักเก็บน้ำจึงให้น้ำน้อย คุณภาพน้ำบาดาล ส่วนใหญ่เปน็ นำ้ จืด และมี
ปรมิ าณสารละลายเหลก็ ค่อนข้างสูง
ตาราง 2.6 แหลง่ นำ้ สายหลกั กล่มุ จงั หวัดภาคเหนือตอนล่าง 1

จงั หวดั แหลง่ น้ำสายหลัก

พิษณุโลก แม่นำ้ นา่ น , แม่น้ำแควนอ้ ย , แมน่ ้ำวังทอง , แม่นำ้ ยม
เพชรบรู ณ์ แม่น้ำป่าสกั
อุตรดิตถ์ แมน่ ำ้ นา่ น , แม่น้ำปาด
สุโขทัย แม่น้ำยม
แมน่ ำ้ ปิง , แมน่ ้ำวัง , แมน่ ำ้ กลอง , แม่น้ำเมย , แม่นำ้ ยวม
ตาก

13

แหล่งนำ้ ชลประทาน
แหล่งน้ำชลประทานที่สำคัญและเป็นเขื่อนเอนกประสงค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อการ
เกษตรกรรม การผลติ พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนเพ่ือบรรเทาอุทกภัยในทรี่ าบภาคเหนือตอนล่างและภาค
กลาง อาทิเช่น เขื่อนสิริกิต์ิ จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน
จงั หวัดพิษณุโลก และอา่ งเก็บน้ำห้วยปา่ แดง จังหวดั เพชรบรู ณ์
ปี 2564 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บกักใช้งานได้จริงในเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และ
เขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำรวม 5,280.39 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 22 ของปริมาณน้ำในอ่าง
เก็บกักปัจจุบันทั้งหมด จำนวน 23,911 ล้าน ลบ.ม. ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างรวมทั้งปีเฉลี่ย
12,503 ล้าน ลบ.ม.
ตาราง 2.7 ปรมิ าณนำ้ เก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญแ่ ละขนาดกลาง กลุ่มจงั หวัดภาคเหนือตอนลา่ ง 1

ความจุ ปริมาตรน้ำในอา่ งฯ ปรมิ าตรนำ้ ไหลลงอา่ งฯ

ภาค ท่ี ปจั จุบัน ใชก้ ารไดจ้ รงิ คา่ เฉลยี่ ปริมาตรน้ำ สะสมต้ังแต่ 1 ม.ค. 59
อา่ งเกบ็ นำ้ ปรมิ าตร % เทยี บ
รนก. ปี 2563 รวมทัง้ ปี (ลา้ น ม.3) ปริมาตร % เทียบกับ
เขื่อน (ล้าน ม.3) (ลา้ น ม.3) นำ้ % เทียบ ปรมิ าตรนำ้ กบั (ลา้ น ม.3) 48.08 (ล้าน ม.3) คา่ เฉลย่ี ทง้ั ปี
13,462 5,112 3,444.48
เข่อื นภูมพิ ล (ล้าน ม.3) รนก. (ล้าน ม.3) รนก. 5,512 62.49
เขื่อนสิรกิ ิต์ิ
เขอ่ื นแควน้อย 6,847 51 3,046.77 23

รวม 9,510 5,691 4,241 45 1,391.29 15 5,653 20.42 2,921.85 51.69

939 376 885 94 842.33 90 1,338 16.14 1,204.95 90.03

23,911 5,280.39 22 12,503

ทมี่ า : กรมชลประทาน (2564)

2.1.8 การใช้ประโยชน์ทีด่ นิ และลักษณะการถือครองทีด่ ิน

เนื้อที่การใช้ประโยชน์ทางการเกษตรของกลุ่มจังหวัด รวมทั้งสิ้น 10,815,152 ไร่ ส่วน
ใหญ่เป็นนาข้าว 5,252,505 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 48.56 รองลงมาเป็นพืชไร่ 3,927,923 ไร่
คิดเป็นร้อยละ 36.31 สำหรับสวนไม้ผลไม้ยืนต้น เนื้อที่การเกษตรอื่นๆ และสวนผัก/ไม้ดอก/
ไม้ประดับ มีเนอื้ ท่จี ำนวน 860,067 ไร่ 674,219 ไร่ และ 100,234 ไร่ ตามลำดับ หรือคิดเป็น
ร้อยละ 7.97 6.23 และ 0.93 ตามลำดับ ของเนื้อที่การใช้ประโยชน์ทางการเกษตรกลุ่มจังหวัดฯ
(ตารางท่ี 2.8)

ลักษณะการถือครองที่ดินทางการเกษตรของกลุ่มจังหวัด รวมทั้งสิ้น 10,815,152 ไร่
แบ่งเป็นเนื้อที่ของตนเอง จำนวน 3,414,155ไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.56 และเนื้อที่ของผู้อื่น เช่น
เช่าผู้อื่น รับจำนอง รับขายฝาก และได้ทำฟรี จำนวน 7,409,515 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 68.44
ของเน้ือทีใ่ ชป้ ระโยชนท์ างการเกษตรทั้งหมด (ตารางที่ 2.10)

14

ด้านพชื
พืชที่ปลูกมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 คือ ข้าว นาปี ซึ่งปลูกมากที่
จังหวดั พิษณโุ ลก เพชรบรู ณ์ และสโุ ขทัย ตามลำดบั รองลงมาคือขา้ วนาปรัง โดยปลกู มากท่ีสุดจังหวัด
สุโขทัย พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ข้าวโพดเล้ียงสตั ว์ ปลูกมากเป็นอนั ดบั 3 โดยจังหวัดที่ปลกู มากคอื
เพชรบูรณ์ ตาก และพิษณุโลก สำหรับการเพาะปลูกพืชทดแทนพลังงานมากที่สุด คือ มันสำปะหลัง
อ้อยโรงงาน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจังหวัดที่มีการปลูกมันสำปะหลังมากที่สุดคือ จังหวัด
เพชรบูรณ์ พษิ ณุโลก และจงั หวดั ตาก ออ้ ยโรงงาน ปลูกมากในจังหวดั เพชรบรู ณ์ สุโขทัย และจังหวัด
พษิ ณุโลก ส่วนข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ปลูกมากในจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ตาก และจงั หวดั พษิ ณุโลก
ด้านปศุสัตว์
การเลี้ยงปศุสัตวใ์ นกลุ่มจังหวัดภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1 ได้แก่ การเลี้ยงโคเน้ือ ไก่เนื้อ/ ไก่
พน้ื เมือง สกุ รและกระบอื โดยจังหวดั ตากมกี ารเลยี้ งโคเนอื้ มากทส่ี ุด ส่วนการเล้ียงไก่เน้อื /ไก่พ้นื เมือง
มีมากทีส่ ุดในจังหวดั เพชรบรู ณ์ สกุ รและกระบือ มกี ารเลย้ี งมากทจี่ ังหวัดพิษณโุ ลก และจังหวดั ตาก
ตามลำดับ

ตาราง 2.8 การใชท้ ่ดี ิน และเนอื้ ทีใ่ ชป้ ระโยชน์ทางการเกษตร ปี 2562

เนือ้ ทใี่ ช้ เนือ้ ท่ีใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตร
ภาค ประโยชนท์ าง
นาขา้ ว พืชไร่ สวนไม้ผลไม้ สวนผักไม้ เนอื้ ที่ใช้
การเกษตร ยนื ตน้ ดอก/ไม้ ประโยชนท์ าง
ประดบั การเกษตรอ่ืนๆ

ตาก 1,404,387 315,927 845,473 91,666 18,549 132,772

สุโขทยั 1,825,603 1,215,214 394,517 128,758 9,575 77,539

อตุ รดิตถ์ 1,249,902 681,400 315,808 153,646 12,689 86,359

พิษณโุ ลก 3,058,671 1,779,236 726,661 346,383 14,751 191,640

เพชรบรู ณ์ 3,279,552 1,261,478 1,645,881 141,614 44,670 185,909

รวม 10,818,115 5,253,255 3,928,340 862,067 100,234 674,219

ทม่ี า : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

ตาราง 2.9 ลักษณะการถอื ครองที่ดินทางการเกษตร ปี 2562

เนอ้ื ทขี่ องตนเอง (ไ

ภาค เนอ้ื ท่ีการใช้ประโยชน์ ของตนเอง จำนอง/ขายฝาก
ทางการเกษตร ผอู้ น่ื

ตาก 1,404,387 101,351 149,467
สุโขทยั 1,825,603 316,005 479,034
อุตรดติ ถ์ 1,249,902 260,479 276,894
พิษณุโลก 3,058,671 545,230 456,307
เพชรบูรณ์ 3,279,552 377,652 451,736

รวม 10,818,115 1,600,717 1,813,438

ที่มา : สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

15

ไร่) เน้ือทข่ี องผูอ้ ื่น (ไร่)

รวม จำนอง/

250,818 ของตนเอง ขายฝาก ได้ทำฟรี รวม
795,040
537,373 383,335 ผู้อน่ื
1,001,537 549,824
829,388 202,861 4 770,230 1,153,569
3,414,155 1,293,132
1,178,626 6,899 473,841 1,030,563
3,607,777
8 509,660 712,529

1,110 762,892 2,057,134

5,122 1,266,417 2,450,164

13,143 3,783,040 7,403,960

15

16

2.1.9 การคมนาคมขนส่ง
จังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมภาคเหนือตอนล่าง มีเส้นทางติดต่อกับ

จังหวดั ต่างๆ ดังนี้
ทางรถไฟ
การคมนาคมทางรถไฟ มีขบวนรถไฟโดยสารผ่านขึ้นล่องจากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ และ

เชียงใหม่ – กรงุ เทพฯ ผ่านจังหวดั อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก
ทางรถยนต์
การเดินทางโดยทางรถยนต์มีทางหลวงแผน่ ดิน ทางหลวงจงั หวดั และถนนสายต่างๆ ช่วย

ให้ประชาชนสามารถเดินทางภายในอำเภอ และระหว่างจังหวัดได้สะดวก จากกรุงเทพมหานคร ใช้
เส้นทางสายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ผ่านอยุธยา
อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลขแผ่นดิน 117 เข้า
พิษณุโลก แล้วเดินทางตามเส้นทาง สายทางหลวงแผ่นดินไปยังจังหวัดต่างๆ ภายในกลุ่มจังหวัดได้
อยา่ งสะดวก

การเดนิ ทางส่ปู ระเทศเพอ่ื นบา้ น
อุตรดิตถ์เป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุดในการเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่หลวงพระ
บาง จังหวัดอุตรดติ ถ์ มีพรมแดนตดิ กบั เมืองปากลาย แขวงไชยบุรี สปป. ลาว ทางอำเภอบ้านโคกและ
น้ำปาด เมอื่ พ.ศ. 2552 ทางคณะรฐั มนตรีมีมตใิ หย้ กระดับช่องภดู ู่ ตำบลมว่ งเจด็ ตน้ อำเภอบ้านโคก
เป็นดา่ นชายแดนสากล ดงั น้ัน การเดินทางผา่ นแดนเข้าออกสปู่ ระเทศลาว สามารถทำได้อย่างสะดวก
ที่ทำการด่าน ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศลาว
การเดินทางสู่ประเทศลาวเริ่มจากด่านภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเมืองหลวงพระบาง เป็นระยะทาง
ประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดนิ ทางประมาณ 5-6 ช่ัวโมง
อำเภอแม่สอด จ.ตาก เป็นเส้นทางที่สะดวกเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่ประเทศ
พมา่ ทเี่ มืองเมียวดี เช่ือมการขนส่งขา้ มแดนระหวา่ งไทย-พมา่ เป็นจดุ เชื่อมโยงการขนสง่ ผโู้ ดยสาร และ
สินคา้ กบั กลุ่มเศรษฐกิจลุ่มนำ้ โขงและอ่าวเบงกอล (GMS and BIMSTEC) และจุดเชอ่ื มการขนส่งแนว
ถนนระเบียงเศรษฐกจิ ตะวันออก-ตะวันตก (East-west Economic Corridor) ตามแผนความร่วมมือ
พัฒนาเศรษฐกิจของไทยกับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และอินโดจีน รวมถึงการรองรับการเป็นเขต
เศรษฐกิจชายแดน เขตนิคมอุตสาหกรรม การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทาง
หลวงแผ่นดนิ หมายเลข 1 (ถนนพหลโยธนิ ) แลว้ เขา้ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย)
เข้านครสวรรค์แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านเข้ากำแพงเพชร และตรงไปจังหวัดตาก
จากอำเภอเมืองตากใชท้ างหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 12 ถงึ อำเภอแม่สอด

17

ทางอากาศ
การคมนาคมทางอากาศของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีลักษณะเป็นท่าอากาศ
ยานรอง และมีสายการบินตรงไปยงั ท่าอากาศยาน จำนวน 5 แห่ง ดงั แสดงในรูป
1) ทา่ อากาศยานตาก
ท่าอากาศยานตาก หรือ สนามบินตาก ตั้งอยู่ตำบลน้ำรึม อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 15 กม. บนทางหลวงสาย ตาก - สุโขทัย
ตง้ั อยสู่ ูงกวา่ ระดบั นำ้ ทะเล 144 เมตร (473 ฟุต) มพี ื้นทที่ ง้ั หมด 1,300 ไร่ สนามบินประกอบด้วย
ทางว่งิ ยาว 1,500 เมตร กว้าง 30 เมตร พร้อมไหล่ทางว่งิ ข้างละ 8.00 เมตร ทางว่ิงเผอ่ื 2 ข้างยาว
ข้างละ 75 เมตร ทางขับยาว 15 x 150 เมตร ลานจอดรถขนาดยาว 180 เมตร กว้าง 60 เมตร
สามารถจอดเคร่ืองบินขนาดใหญ่ได้ 3 ลำ (ATR) อาคารทพ่ี ักผู้โดยสาร ขนาดพนื้ ที่ 320 ตารางเมตร
(รบั ผ้โู ดยสารในช่ัวโมงเรง่ ดว่ นไดป้ ระมาณ 160 คน)
2) ท่าอากาศยานแมส่ อด
ท่าอากาศยานแม่สอด หรือ สนามบินแม่สอด ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด
จังหวัดตาก ท่าอากาศยานแม่สอด เดิมเป็นท่าอากาศยานเล็ก ๆ อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ
ประเทศไทย ท่ีใชใ้ นกจิ การทหารอยู่ในความดูแลของกองทพั อากาศ ในปี 2513 กรมการบินพาณิชย์
ไดด้ ำเนนิ การพัฒนาปรับปรุง ทา่ อากาศยานแม่สอด เพอื่ ให้เป็นมาตรฐาน คอื ได้มีการสร้างทางว่ิงใหม่
ขนาดกว้าง 30 เมตร และยาว 1,500 เมตร การก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในปี 2517
โดยใหบ้ ริการกบั สายการบินและผ้โู ดยสารเร่ือยมาจนถึงปจั จุบัน อยูภ่ ายใตก้ ารกำกับดแู ลของกรมการ
ขนสง่ ทางอากาศ
3) ท่าอากาศยานสโุ ขทยั
สนามบนิ สุโขทยั ตง้ั อย่ใู นเขต 3 ตำบล คือ ต. ท่าทอง ต. คลองกระจง และ ต.ย่านยาว
อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีเนื้อที่ 2,000 ไร่ ปัจจุบันทางวิ่ง (Runway) ยาว 2,100 เมตร
และจะขยายเพิ่มออกเป็น 2,500 จำนวน 150 คนต่ออาคาร เริ่มเปิดให้บริการในปี 2539 ใน
เส้นทางกรุงเทพฯ–สุโขทัย–เชียงใหม่ เมื่อ 12 เมษายน 2539 โดยใช้เครื่องบิน ATR 72-200
ขนาด 70 ที่นั่ง และเส้นทางสุโขทัย–เสียมราฐ (นครวัด) เมื่อ 28 มีนาคม 2543 เพื่อรองรับการ
ขยายเส้นทางบนิ ไปยงั ตา่ งประเทศ โดยใช้สนามบนิ สุโขทยั เป็นศนู ย์กลางได้แก่ สุโขทัย–เสยี มราฐ และ
สุโขทัย–หลวงพระบาง และขณะนี้มีบริการตรวจลงประทับตราประเภทท่องเที่ยว (Visa on arrival)
เพือ่ อำนวยความสะดวกแกน่ กั ท่องเที่ยวอีกด้วย
สนามบินสุโขทัย ได้รับอนุญาตให้เป็นสนามบินศุลกากรประกอบกิจการเดินอากาศแบบ
ประจำ ซง่ึ ประกอบดว้ ยหนว่ ยงานต่างๆ ไดแ้ ก่ ด่านตรวจคนเขา้ เมือง, ด่านกกั กนั พชื และด่านควบคุม
โรคติดต่อ ทั้งนี้มี บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด ให้บริการในเส้นทาง กรุงเทพฯ-สุโขทัย และจังหวัด
ใกล้เคียง เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเทีย่ วทางภาคเหนอื ตอนล่างของประเทศไทย อาทิเช่น อุทยาน
ประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ฯลฯ รวมทั้ง ในเส้นทางในประเทศแถบ
อนิ โดจนี โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจท่ีจะใชส้ นามบินสโุ ขทยั เป็นศูนยก์ ลางการบินในภูมิภาคแถบนี้

18

4) ทา่ อากาศยานพษิ ณโุ ลก
ทา่ อากาศยานพิษณุโลก (VTPP) ระยะทางจากตวั เมอื ง 3 กิโลเมตร ทต่ี ้ัง 164659N
1001645E ความสูง 145FT ทางวิ่ง 14/32 ขนาดทางวิ่ง 3000 x 45 M ระบบไฟสนามบิน
RWY Light, PAPI for both RWY Simple Approach LightRWY 32 ระบบบริการเชื้อเพลิง
Available ความจอุ าคารผู้โดยสาร ขาเข้า 300 คน / ขาออก 300 คน ลานจอด 2 โบอ้งิ 737 / 1
เอทีอาร์ 72 ระบบวิทยุช่วยเดินอากาศ ILS / DME / VOR / NDB หน่วยงานรับผิดชอบ กรมการ
ขนส่งทางอากาศ
5) ทา่ อากาศยานเพชรบูรณ์
ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลลานบ่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ห่าง
จากตัวอำเภอหล่มสักประมาณ 16 กิโลเมตร และห่างจาก ตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 31
กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 4,100 ไร่ ท่าอากาศยานประกอบด้วย ทางวิ่งผิวแอสฟัลท์ติ
คอนกรีต ขนาดความยาว 2,100 เมตร กว้าง 45 เมตร ทางขับขนาดความยาว 300 เมตร กว้าง
23 เมตร จำนวน 2 เส้นทาง สามารถรองรับการขึ้น-ลง ของเครื่องบิน ขนาดโบอิ้ง 737-400 ได้
และลานจอดเครื่องบินผิว 2,100 เมตร กว้าง 45 เมตร ตวั อาคารสามารถรองรบั ผู้โดยสารทั้งขาเข้า
และขาออก อาคารคอนกรีตขนาดความยาว 230 เมตร กว้าง 31 เมตร สามารถจอดเครื่องบินขนาด
โบอิ้ง 737-400 จำนวน 2 ลำ เครื่อง ATP 72 จำนวน 2 ลำ ได้ในช่วงเวลาเดียวกัน รวมทั้ง
สาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้แก่ อาคารที่พักผู้โดยสาร 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ 11,640 ตารางเมตร สามารถ
รองรบั ผู้โดยสาร ในชั่วโมงเร่งด่วน ทัง้ เข้า/ออกได้ จำนวน 500 คน อาคารหอบังคบั การบินสูง 7 ชั้น
อาคารเคร่ืองช่วยการเดิน อากาศ และอื่นๆ

2.2 ขอ้ มูลดา้ นเศรษฐกจิ การเกษตร

1) ภาพรวมเศรษฐกิจภาคเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1
แบบปริมาณลูกโซ่

ปี 2562 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัด
ล้านบาท จังหวัดที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดคือ จังหวัดพิษณุโลก มีมูลค่า
ผลิตภัณฑ์รวม 8,801.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ของทั้งกลุ่มจังหวัด รองลงมาคือ จังหวัด
เพชรบูรณ์ จังหวัดตาก และจังหวัดอุตรดิตถ์ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม ล้านบาท ตามลำดับ
(ตารางท่ี 2.10 )

19

ตารางที่ 2.10 ผลิตภัณฑ์มวลรวมกล่มุ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนล่าง 1

จังหวัด/กลุ่ม ผลติ ภัณฑม์ วลรวมภายในจังหวัด (GPP) (ล้านบาท)
2560 2561 2562

ตาก 4,141.81 6,112.84 7,140.45

สุโขทยั 6,777.21 7,583.76 6,744.46

อุตรดติ ถ์ 4,909.59 5,064.50 4,254.13

พิษณุโลก 8,855.85 9,117.85 8,801.41

เพชรบูรณ์ 10,314.22 10,649.49 10,946.89

รวม

ทม่ี า : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

2) พืชเศรษฐกจิ ท่สี ำคญั

(1) ขา้ วนาปี

ปี 2563 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปี

4,490,647 ไร่ ปรมิ าณผลผลติ 2,413,502 ตัน และผลผลิตเฉลย่ี ตอ่ ไร่ 518 กโิ ลกรมั โดยจงั หวัด

ทีม่ ผี ลผลิตมากทส่ี ุดคือ จังหวัดพิษณโุ ลก รองลงมาคอื จังหวัดเพชรบรู ณ์ และจงั หวัดสุโขทยั มปี รมิ าณ

ผลผลิต 805,901 614,012 และ 546,017 ตัน ตามลำดับ อยา่ งไรก็ตามเม่ือพิจารณาจังหวัดท่ี

มีผลผลิตต่อไร่มากที่สุดคือ จังหวัดอุตรดิตถ์ รองลงมาคือ พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ มีผลผลิต

ตอ่ ไร่ 590 568 และ 546 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ตามลำดบั (ตารางท่ี 2.11)

ตารางที่ 2.11 เน้อื ทเี่ ก็บเกี่ยว ผลผลติ และผลผลติ ต่อไร่ ขา้ วนาปีของกลุ่มจังหวดั ภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1

จงั หวดั เนอื้ ทเี่ ก็บเก่ียว (ไร่) ผลผลิต (ตนั ) ผลผลติ ต่อไร่ (กก.)
2561 2562 2563
2561 2562 2563 2561 2562 2563

ตาก 317,655 354,536 359,697 135,859 148,058 131,284 428 418 365

สโุ ขทยั 993,644 1,051,782 1,051,825 543,793 572,091 546,017 547 544 519

อตุ รดิตถ์ 534,692 529,032 536,445 320,584 313,034 316,288 600 592 590

พิษณุโลก 1,333,796 1,341,936 1,418,124 773,435 774,482 805,901 580 577 568

เพชรบูรณ์ 1,064,325 1,105,396 1,124,556 600,741 619,863 614,012 564 561 546

รวม 4,244,112 4,382,682 4,490,647 2,374,412 2,427,528 2,413,502 544 538 518

ที่มา : สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

(2) ขา้ วนาปรงั

ปี 2563 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง

988,018 ไร่ ปริมาณผลผลิต 579,720 ตัน และผลผลิตเฉลีย่ ต่อไร่ 580 กิโลกรัม โดยจังหวัดที่มี

ผลผลิตมากที่สุดคือ จังหวัดพิษณุโลก รองลงมาคือ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณ

ผลผลติ 235,742 173,021 และ 150,200 ตนั ตามลำดับ อยา่ งไรก็ตามเม่ือพิจารณาจงั หวัดท่ีมี

ผลผลิตต่อไร่มากที่สุดคือ จังหวัดอุตรดิตถ์ รองลงมาคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก

มีผลผลิตตอ่ ไร่ 632 591 และ 590 กิโลกรมั ตามลำดบั (ตารางท่ี 2.12 )

20

ตารางที่ 2.12 เน้ือทเ่ี กบ็ เกย่ี ว ผลผลติ และผลผลิตตอ่ ไร่ ขา้ วนาปรังของกลุม่ จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนลา่ ง 1

จังหวัด เนื้อทเ่ี กบ็ เก่ียว (ไร่) ผลผลิต (ตนั ) ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก.)
2561 2562 2563
2561 2562 2563 2561 2562 2563

ตาก 12,542 15,927 11,030 7,189 8,940 5,925 573 561 537

สโุ ขทยั 583,952 439,516 314,892 369,231 265,615 173,021 632 604 549

อตุ รดติ ถ์ 313,547 290,578 237,527 209,403 189,655 150,200 668 653 632

พษิ ณุโลก 841,015 763,706 399,476 558,955 497,596 235,742 665 652 590

เพชรบรู ณ์ 38,842 22,401 25,093 23,273 13,563 14,832 599 605 591

รวม 1,789,898 1,532,128 988,018 1,168,051 975,369 579,720 627 615 580

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

(3) ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์

ปี 2563 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยง

สัตว์ 1,984,272 ไร่ ปริมาณผลผลติ 1,375,275 ตนั และผลผลิตตอ่ ไร่ 681 กโิ ลกรมั โดยจังหวัด

ที่มีผลผลิตมากที่สุดคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวัดตาก และจังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณ

ผลผลิต 582,706 399,533 และ 212,787 ตนั ตามลำดบั อย่างไรกต็ ามเมื่อพจิ ารณาจงั หวัดท่ีมี

ผลผลติ ตอ่ ไร่มากที่สุดคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวดั พษิ ณุโลก และจงั หวัดตาก มีผลผลิต

ตอ่ ไร่ 711 698 และ 679 กโิ ลกรัม ตามลำดับ (ตารางท่ี 2.13 )

ตารางท่ี 2.13 เนอื้ ทีเ่ กบ็ เกย่ี ว ผลผลิต และผลผลติ ต่อไร่ ข้าวโพดเลีย้ งสัตวข์ องกล่มุ จังหวัดภาคเหนือ

ตอนลา่ ง 1

จงั หวัด เนื้อทีเ่ กบ็ เกีย่ ว (ไร)่ ผลผลติ (ตนั ) ผลผลิตตอ่ ไร่ (กก.)
2561 2562 2563
2561 2562 2563 2561 2562 2563

ตาก 572,795 588,059 588,142 395,189 394,138 399,533 690 670 679

สุโขทยั 67,365 61,777 70,455 46,124 40,088 45,788 685 649 650

อุตรดติ ถ์ 205,983 200,746 201,608 144,186 132,277 134,461 700 659 667

พษิ ณโุ ลก 293,929 301,682 304,817 216,833 210,033 212,787 738 696 698

เพชรบูรณ์ 862,725 792,631 819,250 668,902 579,333 582,706 775 731 711

รวม 2,002,797 1,944,895 1,984,272 1,471,234 1,355,869 1,375,275 718 681 681

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

(4) มนั สำปะหลงั โรงงาน

ปี 2563 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง

โรงงาน 640,464 ไร่ ปริมาณผลผลิต 2,019,162 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,149 กิโลกรัม

โดยจังหวัดที่มีผลผลิตมากที่สุดคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดตาก

มีปริมาณผลผลิต 723,077 519,398 และ 435,333 ตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณา

จังหวัดที่มีผลผลิตต่อไร่มากที่สุดคือ จังหวัดตาก รองลงมาคือ จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดพิษณุโลก

มีผลผลติ ต่อไร่ 3,247 3,196 และ 3,168 กโิ ลกรมั ตามลำดบั (ตารางที่ 2.14)

21

ตารางท่ี 2.14 เนื้อที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ มันสำปะหลังโรงงานของกลุ่มจังหวัด

ภาคเหนือตอนล่าง 1

จงั หวัด เนอ้ื ทีเ่ ก็บเก่ยี ว (ไร)่ ผลผลิต (ตนั ) ผลผลติ ต่อไร่ (กก.)
2561 2562 2563
2561 2562 2563 2561 2562 2563

ตาก 129,578 133,879 134,064 451,612 462,378 435,333 3,485 3,454 3,247

สุโขทัย 80,948 83,233 84,733 268,186 271,012 253,555 3,313 3,256 2,992

อตุ รดติ ถ์ 26,469 27,947 27,472 85,697 92,669 87,799 3,238 3,316 3,196

พษิ ณุโลก 157,361 160,202 163,938 506,638 529,526 519,398 3,220 3,305 3,168

เพชรบูรณ์ 194,174 208,827 230,257 672,883 724,830 723,077 3,465 3,471 3,140

รวม 588,530 614,088 640,464 1,985,016 2,080,415 2,019,162 3,344 3,360 3,149

ท่ีมา : สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

(5) อ้อยโรงงาน

ปี 2564 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีพื้นที่ปลูกอ้อยโรงงาน

1,035,582 ไร่ ปริมาณผลผลิต 6,969,133 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 6.30 ตัน โดยจังหวัดที่มี

ผลผลิตมากที่สุดคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณ

ผลผลิต 3,490,821 1,968,921 และ 868,018 ตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณา

จังหวัดที่มีผลผลิตต่อไร่มากที่สุดคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัด

พษิ ณโุ ลก มีผลผลติ ต่อไร่ 7.03 6.74 และ 6.51 ตามลำดบั (ตารางท่ี 2.15)

ตารางที่ 2.15 เนอ้ื ทเ่ี ก็บเกีย่ ว ผลผลิต และผลผลิตตอ่ ไร่ ออ้ ยโรงงานของกลมุ่ จังหวัดภาคเหนอื ตอนล่าง 1

จังหวดั พื้นทปี่ ลกู (ไร่) ผลผลิต (ตัน) ผลผลิตตอ่ ไร่ (ตนั )
2562 2563 2564
2562 2563 2564 2562 2563 2564

ตาก 15,405 13,869 11,142 166,066 88,762 61,658 10.78 6.40 5.53

สุโขทยั 349,205 338,032 292,153 3,858,715 2,552,142 1,968,921 1.05 7.55 6.74

อุตรดติ ถ์ 129,114 127,283 102,225 1,443,495 889,424 579,715 1.18 6.99 5.67

พษิ ณุโลก 151,845 143,903 133,319 1,685,480 1,043,297 868,018 11.10 7.25 6.51

เพชรบรู ณ์ 582,657 537,685 496,743 6,257,736 3,898,216 3,490,821 10.74 7.25 7.03

รวม 1,228,226 1,160,772 1,035,582 13,411,492 8,471,841 6,969,133 10.97 7.09 6.30

ทมี่ า : สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (2564)

3) การค้าชายแดน

การค้าชายแดนของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดน

ประเทศเพื่อนบา้ น 2 แห่ง คือ ทางด่านการคา้ ชายแดนแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ติดต่อกบั

สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและทางด่านการค้าชายแดนภูดู่ อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์

ติดตอ่ กบั สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว

ดา่ นศุลกากรแม่สอด

มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา ในปี 2563 มีมูลค่าการค้ารวม

74,496.17 ลา้ นบาท ลดลงจากปี 2562 จำนวน 5,079.72 ล้านบาท หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 6.38

(ตารางท่ี 2.16)

22

ตารางท่ี 2.16 มูลคา่ การค้าชายแดนไทย - เมยี นมา (รายดา่ น)

มลู ค่าการคา้ ระหวา่ งประเทศและการค้าชายแดน (ล้านบาท)

ดา่ น 2561 2562 2563

สง่ ออก นำเขา้ มลู คา่ สง่ ออก นำเขา้ มูลคา่ สง่ ออก นำเขา้ มูลค่า

ด่านศุลกากรแมส่ อด 71,888 75 71963 70,436 13 70,450 63,649 - 63,649
(ศภ.3)

ดา่ นพรมแดนแม่สอด

(สะพานมติ รภาพ - 2,195 2,195 - 6,248 6,248 - 9,436 9,436

ไทย - พม่า)

จุดบริการช่องทาง

อนมุ ตั ใิ นพ้นื ทอ่ี ำเภอ - 3,027 3027 - 2,295 2,295 - 1,012 1,012

แม่สอด

จุดบริการชอ่ งทาง

อนมุ ัตนิ อกพื้นทีอ่ ำเภอ - 729 729 - 583 583 - 400 400

แม่สอด

รวม 71,888 6,027 77,914 70,436 9,139 79,576 63,649 10,848 74,496

ที่มา : กรมการค้าตา่ งประเทศ (2564)

ดา่ นศุลกากรท่งุ ชา้ ง

มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับสปป.ลาว ในปี 2563 มีมูลค่าการค้ารวม

26,155.11 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 จำนวน 1,313.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 4.78

(ตารางท่ี 2.17)

ตารางที่ 2.17 มูลค่าการคา้ ชายแดนไทย - สปป.ลาว (รายดา่ น)

มูลคา่ การค้าระหวา่ งประเทศและการคา้ ชายแดน (ลา้ นบาท)

ด่าน 2561 2562 2563

ส่งออก นำเขา้ มูลคา่ ส่งออก นำเข้า มูลคา่ ส่งออก นำเขา้ มูลคา่

ด่านศุลกากรทงุ่ ช้าง(ศภ.3) 5,066 24,056 29,122 3,832 22,494 26,326 4,044 21,030 25,073

จุดผ่านแดนถาวรภดู ู่ 695.40 30 726 1,110 32 1,142 1,044 38 1,082

รวม 5,762 24,087 29,848 4,942 22,526 27,468 5,088 21,067 26,155

ทม่ี า : กรมการคา้ ตา่ งประเทศ (2564)

4) ภาวะเศรษฐกิจสงั คมครัวเรอื นเกษตร

รายไดเ้ งนิ สดภาคเกษตร ปี 2563

ปี 2563 รายได้เงินสดของกลุ่มจังหวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 มจี ำนวน 169,561

บาทต่อครัวเรือน โดยจังหวัดที่มีรายได้เงินสดภาคเกษตรมากที่สุด คือจังหวัดสุโขทัย รองลงมาคือ

จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดพิษณุโลก มีรายได้เงินสดภาคเกษตร 248,099 176,962 และ

152,964 บาทต่อครวั เรือน ตามลำดบั (ตารางท่ี 2.18)

23

ตารางที่ 2.18 รายได้เงนิ สดภาคเกษตรกลุม่ จังหวัดภาคเหนอื ตอนล่าง 1

จงั หวัด รายไดเ้ งินสดภาคเกษตร (บาทตอ่ ครวั เรือน)
2561 2562 2563

ตาก 286,110 229,774 127,514

สโุ ขทัย 219,019 166,668 248,099

อุตรดิตถ์ 188,051 238,993 176,962

พิษณโุ ลก 196,682 288,682 152,964

เพชรบูรณ์ 174,620 163,550 142,267

รวม 212,896 217,533 169,561

ทีม่ า : สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

รายจา่ ยเงินสดภาคเกษตร ปี 2563

ปี 2563 รายจ่ายเงินสดของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีจำนวน

114,962 บาทต่อครัวเรือน โดยจังหวัดที่มีรายจ่ายเงินสดภาคเกษตรมากที่สุด คือจังหวัดสุโขทัย

รองลงมาคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดอุตรดิตถ์ มีรายจ่ายเงินสดภาคเกษตร 158,415

125,158 และ 100,523 บาทต่อครัวเรือน ตามลำดบั (ตารางที่ 2.19)

ตารางท่ี 2.19 รายจา่ ยเงินสดภาคเกษตรกลุ่มจงั หวดั ภาคเหนอื ตอนล่าง 1

จังหวัด รายจา่ ยเงินสดภาคเกษตร (บาทต่อครวั เรือน)
2561 2562 2563

ตาก 113,784 173,233 95,274

สโุ ขทัย 156,096 129,424 158,415

อุตรดติ ถ์ 81,515 200,773 100,523

พิษณุโลก 104,906 231,010 95,438

เพชรบูรณ์ 88,398 95,944 125,158

รวม 108,940 166,077 114,962

ทมี่ า : สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

หนีส้ ินปลายปีของครวั เรอื นเกษตร

ปี 2563 หนี้สินปลายปีของครัวเรือนเกษตรกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1

มีจำนวน 260,623 บาทต่อครัวเรือน โดยจังหวัดท่มี ีหนี้สินปลายปีของครัวเรอื นเกษตรมากที่สุด คือ

จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมาคือ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก มีหนี้สินปลายปีของครัวเรือน

เกษตร 341,107 330,063 และ 246,134 บาทต่อครัวเรอื น ตามลำดบั (ตารางท่ี 2.20)

24

ตารางที่ 2.20 รายจา่ ยเงนิ สดภาคเกษตรกลุ่มจงั หวัดภาคเหนือตอนลา่ ง 1

จงั หวดั หนี้สนิ ปลายปีของครวั เรือนเกษตร(บาทต่อครวั เรอื น)
2561 2562 2563

ตาก 131,306 181,321.42 164,136

สุโขทัย 215,701 269,753.11 330,063

อตุ รดติ ถ์ 229,818 258,194.03 221,673

พิษณโุ ลก 300,259 318,175.71 246,134

เพชรบรู ณ์ 215,366 280,461.64 341,107

รวม 218,490 261,581 260,623

ทีม่ า : สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

2.2 ประเด็นปญั หาและความตอ้ งการในพื้นที่ดา้ นการเกษตร
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้นำกระบวนการในการเก็บรวบรวมปัญหาและความ

ต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีการพัฒนาในกลุ่มจังหวัด
ภาคเหนือตอนล่าง 1 ผ่านกลไกการระดมความคิดเห็นและรับข้อเสนอแนะรวมทั้งปัญหาความ
ต้องการจากผแู้ ทนสว่ นราชการ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตลอดจน
นำเสนอข้อมลู พรอ้ มแลกเปลย่ี นความคิดเห็นในส่วนของการวเิ คราะห์บริบทของกลมุ่ จังหวดั ภาคเหนือ
ตอนลา่ ง 1 ดังนี้

1) ให้มีการส่งเสริมการเกษตรครบวงจร เพิ่มปริมาณผลผลิตในรูปแบบเกษตรปลอดภัย
เกษตรอินทรีย์ สนับสนุนพันธุ์พืช เช่น หน่อกล้วยน้ำว้ามะลิอ่องแบบเนื้อเยื่อ พันธุ์ข้าวคุณภาพ ลด
ตน้ ทุนการผลติ เพ่มิ มลู คา่ สนิ คา้ เกษตรโดยมแี หล่งแปรรปู สินคา้ โรงงานแปรรูปสินค้าต้นแบบ ส่งเสริม
การนำนวัตกรรม เทคโนโลยีเข้ามาใช้ มีสถานที่ตรวจรับรองสินค้าที่รวดเร็วและไม่มีค่าใช้จ่าย
มีการตลาดรองรับ

2) ให้มกี ารส่งเสริมการเลย้ี งโคเนือ้ โคนม ไก่ดำ และการแปรรปู อาหารสตั ว์เพ่ือการส่งออก
3) ใหม้ ีการพฒั นาแหล่งนำ้ ขยายเขตชลประทานไปสไู่ รน่ าให้ทัว่ ถึงดว้ ยคลองไสไ้ ก่
4) ส่งเสริมสินค้าการเกษตรใหไ้ ดแ้ หล่งบง่ ชี้ทางภมู ิศาสตร์ (GI)
5) ส่งเสรมิ การท่องเที่ยวเชงิ เกษตร
6) ส่งเสรมิ การปลูกพืชสมนุ ไพร
7) การแก้ไขปัญหาการเผาตอซางและเผาปา่ เพื่อทำการเกษตร

2.3 หลักการวิเคราะห์ศกั ยภาพของกลุ่มจังหวัด

การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านการเกษตรและสหกรณ์ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1
ประกอบด้วยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน โดยใช้แนวคิดการวิเคราะห์ Mckinsey 7-S
Framework และการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกโดยใช้แนวคิด PESTEL Analysis ซึ่งข้อมูลท่ี
ได้จากการวิเคราะห์จะนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดทิศทางการพัฒนาการเกษตรและ
สหกรณข์ องกลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 ตอ่ ไป

25

1) สรปุ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในโดยใช้ Mckinsey 7-S Framework

7-S จุดแขง็ (S : Strengths) จุดอ่อน (W : Weaknesses)
Framework
1.กลยทุ ธ์ S1 - เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ
(Strategy)
ของภาคเหนือตอนล่างและประเทศ
2. โครงสรา้ งของ
องค์กร สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ ได้แก่ ข้าว

(Structure) มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพด

3.ระบบการ เลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว ไม้ผล พืชผัก ไก่
ปฏิบตั ิงาน
(System) พน้ื เมอื ง โคเนื้อ ปลานลิ

S2 - มีแหล่งเก็บน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตร W1 - กลุ่มเกษตรกร/สถาบัน

ขนาดใหญ่เชื่อมโยงภาคเกษตรกรรม เกษตรกรยังมีการกำหนด

ระดับภมู ภิ าค โครงสร้างองค์กรส่วนใหญ่

ยังมีการบริหารงานขาด

ความตอ่ เน่อื ง

S3 - ฐานการผลิตสินค้าเกษตรสามารถ W21. - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่

เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในท้องถ่ิน สามารถขายผลผลิตให้แก่

ซึ่งมีจำนวนมาก และอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการแปรรูปสินค้า

แปรรูป/บริการด้านการเกษตรภายใน เกษตรได้โดยตรงต้องขาย

กลุม่ จังหวดั ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ได้

ราคาถกู

2.

S4 - มีพื้นที่เขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษที่ อ. W33. - ไม่มีตลาดรองรับสินค้า

แม่สอด จ.ตาก และมีช่องทางการค้า เกษตรปลอดภัยที่ชัดเจนทำ

ชายแดน 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดน ให้เกษตรกรที่ผลิตสินค้า

แม่สอด และ ด่านภดู ู่ ปลอดภัยต้องจำหน่ายให้แก่

ผรู้ บั ซอื้ ในราคาตลาดท่ัวไป

S5 - มแี หล่งทรพั ยากรธรรมชาติท่สี ามารถ W44. - พื้นที่การเกษตรบางส่วน

พฒั นาเปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวเชิงเกษตรได้ ย ั ง ป ร ะ ส บ ป ั ญ ห า ภั ย

ธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม

ซ้ำซาก แห้งแล้งขาดแคลน

นำ้ ในฤดูแล้ง

S6 - เป็นศูนย์กลางการคมนาคมด้าน W55. - พื้นที่ทางการเกษตรบาง

Logistics ส ิ น ค ้ า เ ก ษ ต ร ท ี ่ ม ี ค ว า ม พ้นื ที่ขาดเอกสารสทิ ธิ์

เหมาะสม สามารถเชื่อมโยงระหว่าง

ภูมภิ าค

26

7-S จดุ แขง็ (S : Strengths) จุดอ่อน (W : Weaknesses)
Framework

4.บคุ ลากร (Staff) S7 - มีหน่วยงาน/สถาบันการศึกษาที่มี W6 - ขาดการนำภูมิปัญญา

ศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาการ ท้องถิ่นและเทคโนโลยีมา

เกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง พัฒนาเป็นองค์ความรู้ใน

ด้านดินและน้ำ ตลอดจนศนู ย์จักรกล การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ

การเกษตรท่ีสามารถถ่ายทอดองค์ สนิ คา้ เกษตร

ความรใู้ หแ้ ก่เกษตรกร

S8 - มีสถาบันเกษตรกรที่เข็มแข็งสามารถ W7 - แรงงานภาคการเกษตร

เปน็ ตน้ แบบได้ ส ่ ว น ใ ห ญ ่ เ ป ็ น ผ ู ้ ส ู ง วั ย

เยาวชนรุ่นใหม่สนใจทำ

การเกษตรนอ้ ยลง

5.ทักษะ ความรู้ S9 - บุคลากรของหน่วยงานในสังกัด W8 - เกษตรกรยังขาดองค์
ความสามารถ
กระทรว งเก ษตร แล ะสห ก ร ณ ์ มี ความรู้ด้านการบริหาร
(Skill)
ศักยภาพในการปฏิบัติงา นเ พื่อ จัดการสินค้าครบวงจร
6.รปู แบบการ
บรหิ ารจดั การ ขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรใน เช่น การวางแผนการผลิต

(style) ระดบั พื้นที่ ก า ร ต ล า ด ก า ร เ พ่ิ ม

ป ร ะ ส ิ ท ธ ิ ภ า พ ก ารผลิต

ก า ร เ พ ิ ่ ม ม ู ล ค ่ า ส ิ น ค้ า

การแปรรูปและบรรจภุ ัณฑ์

S10 - หน่วยงานภาครัฐมีการบริหารจัดการ W9 - การบริหารจัดการกลุ่ม/

ร่วมกัน โดยมีการแต่งตัง้ คณะกรรมการ สถาบันเกษตรกร ยังไม่มี

ต่างๆ ได้แก่ คณะกรรมการอำนวยการ ประสิทธิภาพเท่าที่ควร การ

ขับเคล่ือนงานนโยบายสำคัญและแก้ไข แบ่งหน้าที่/ความรับผิดชอบ

ปัญหาการเกษตรระดับจังหวัด (SCP) การบริหารงานดา้ นต่างๆ ยงั

และคณะอนุกรรมการพัฒนาการ ขาดความชัดเจนและการ

เกษตรและสหกรณข์ องจงั หวดั (อ.พ.ก) ขับเคลื่อนงานในรูปแบบ

เพื่อให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหา องคก์ รอยา่ งต่อเน่อื ง

การเกษตรเป็นไปอย่างต่อเนื่องและ

มปี ระสิทธิภาพมากขึน้

27

7-S จดุ แขง็ (S : Strengths) จุดออ่ น (W : Weaknesses)
Framework

7.ค่านิยมรว่ ม S11 - มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกันในการ W10 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่

(Shared Values) พัฒนา คือ การยกระดับคุณภาพชีวิต ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการ

และความเปน็ อยูข่ องเกษตรกรใหด้ ีข้ึน ปลูกพืชที่ปลอดภัยและ

หลากหลาย ยังคงเน้นการ

ปลูกพืชเชิงเดี่ยวและการใช้

สารเคมี

W11 - การมีส่วนร่วมในการ

บริหารจัดการสินค้าเกษตร

ในระดับพื้นที่อย่างเป็น

ระบบ ระหว่างหน่วยงาน

ภาครัฐกับภาคเอกชนยัง

ขาดความต่อเนือ่ ง

2) สรปุ การวเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อมภายนอกโดยใช้ PESTEL Analysis มีดงั นี้

PESTEL Analysis โอกาส (O : Opportunities) อปุ สรรค (T : Threats)
Factors

1.ดา้ นการเมอื ง O1 - นโยบายภาครัฐสนับสนุนการพัฒนา T1 - การเปลี่ยนแปลงทาง
(Political)
กลุ่มจังหวัดในพื้นที่สี่แยกอินโดจีน การเมืองทั้งภายในและ

เ ส ้ น ท า ง เ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ เ ห น ื อ – ใ ต้ / ภายนอกประเทศส่งผล

ตะวนั ออก-ตะวันตก กระทบต่อนโยบายด้าน

การเกษตร

O2 - นโยบายภาครัฐให้ความสำคัญกับ T2 - มาตรการกีดกันทางการค้า

Food Safety, Zoning แ ล ะ Smart ที่มิใช่ภาษีของประเทศคู่ค้า

Farmer และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เ ช ่ น ม า ต ร ฐ า น ส ิ น ค้ า

ประเทศด้วย BCG Model ม า ต ร ฐ า น ด ้ า น ส ุ ข อ น า มั ย

ฯลฯ และการค้าสินค้า

O3 - นโยบายภาครัฐสนบั สนุนเกษตรกรใน ชายแดนยังมีกฎ ระเบียบ

การเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการ ข้อบังคับที่เข้มงวดของ

รวมกลุ่มในรูปแบบวิสาหกิจชุมขน/ ประเทศเพอื่ นบา้ น

แปลงใหญ่

28

PESTEL Analysis โอกาส (O : Opportunities) อปุ สรรค (T : Threats)
Factors

2.ด้านเศรษฐกิจ O4 - ระบบเศรษฐกิจโลกและอาเซียนที่ T3 - ภาวะเศรษฐกิจมีความผัน

(Economic) เพิ่มโอกาสทางการค้าสินค้าเกษตรได้ ผวน/ราคาสินค้าเกษตรไม่

มากขึ้น เช่น การก่อตั้งประชาคม แนน่ อน

เศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การเปิดเขต T4 - สินค้าชายแดนที่ลักลอบ

การคา้ เสรี (FTA) นำเข้ามาในประเทศส่งผล

กระทบต่อราคาผลผลิตใน

กลุ่มจังหวดั

O5 - รัฐบาลมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว T5 - สถานการณ์การระบาด

อีกทั้งกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ของโรคอุบัติใหม่ อาทิ โค

มีเส้นทางเชื่อมโยง การคมนาคมขนส่ง วิด-19 และโรคแมลง

ที่หลากหลาย ทำให้สามารถพัฒนาการ ระบาด ส่งผลกระทบต่อ

ทอ่ งเท่ยี วด้านการเกษตรได้ ภาวะการผลิต การตลาด

และแรงงาน

3.ดา้ นสังคม O6 - กระแสการบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพ T6 - ปัจจุบันกระแสความนิยม

(Social Cultural) และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การบริโภคสินค้าเกษตร

เพมิ่ ขึ้น ปลอดภัยมีมากขึ้น แต่การ

ตรวจรับรองมาตรฐานของ

สินค้ายังไม่ครอบคลุมทุก

ชนิดทำให้ผู้บริโภคขาด

ความมั่นใจในสินค้า

T7 - มีการนำเข้าสารเคมี

ทางการเกษตรอยา่ งต่อเนือ่ ง

4.ดา้ นเทคโนโลยี O7 - การพัฒนาพนั ธ์ุพชื พันธสุ์ ัตว์ คณุ ภาพ T8 - การเข้าถึงเทคโนโลยีและ

(Technological) สินค้า และเทคโนโลยี การผลิต เป็น นวัตกรรมสมัยใหม่ มีต้นทุน

การส่งเสริมให้สินค้าได้รับการรับรอง สงู

มาตรฐานสากล สามารถแข่งขันได้ใน

เชิงคณุ ภาพ

O8 - ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีและ

นวัตกรรม ทำให้การเข้าถึงข้อมูล

ขา่ วสารต่างๆ ไดส้ ะดวกรวดเร็วมากขึ้น

เชน่ Line/Facebook

29

PESTEL Analysis โอกาส (O : Opportunities) อปุ สรรค (T : Threats)
Factors

5.ดา้ นสง่ิ แวดล้อม O9 - มกี ารฟืน้ ฟรู ะบบนเิ วศและ T9 - การเปล่ียนแปลงของ

(Environmental) การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน สภาพภูมิอากาศส่ง

(SDGs) ผลกระทบให้ผลผลิต

ทางการเกษตรเสียหายและ

เกิดการแพรร่ ะบาดโรค

แมลงมากขนึ้

6.ดา้ นกฎหมาย O10 - มีระเบยี บข้อกฎหมายในการอำนวย T10 - กฎระเบียบ มาตรฐาน

(Law/Legal) ความสะดวกในการส่งออกสินคา้ ขอ้ บงั คับบางอย่างเปน็

การเกษตร มีการจดั ทำสัญญาข้อตกลง อุปสรรคให้แก่เกษตรกรราย

ในการซื้อขายสนิ ค้าเกษตร (Contract ย่อย เน่อื งจากติดปญั หา

Farming) เพ่ือทำให้เกษตรมีความ เร่ืองเงนิ ทนุ

มนั่ คงในการผลิตและสรา้ งรายได้ท่ี

แนน่ อน

สรุปผลการวิเคราะห์ TOWS Matrix
เมื่อทำการสรุปวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกกลุม่ จังหวัดแล้ว จะทำ

การกำหนดเป็นกลยุทธ์ หรือแนวทางในการพัฒนาการเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1
โดยใช้เครอ่ื งมอื TOWS Matrix โดยจำแนกออกเป็น 4 กลมุ่ ได้ดงั น้ี

1) ทิศทางเชิงรกุ (S-O Strategy)

จดุ แข็ง (S) โอกาส (O)

S1 - เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของ O1 - นโยบายภาครัฐสนับสนุนการพัฒนากลุ่ม

ภาคเหนือตอนล่างและประเทศ สินค้า จังหวัดในพื้นที่สี่แยกอินโดจีน เส้นทาง

เกษตรท่มี ศี กั ยภาพ ไดแ้ ก่ ขา้ ว มันสำปะหลัง เศรษฐกิจเหนือ – ใต/้ ตะวันออก-ตะวนั ตก

อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว ไม้

ผล พชื ผัก ไกพ่ ืน้ เมอื ง โคเนอ้ื ปลานิล

S2 - มีแหล่งเก็บน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตรขนาด O2 - นโยบายภาครัฐให้ความสำคัญกับ Food

ใหญ่ภูมิศาสตร์ที่ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางการ Safety, Zoning และ Smart Farmer และ

คมนาคมมีความเหมาะสมในการเชื่อมโยง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วย BCG

ระหว่างภูมิภาค เหนือ-ใต้/ตะวันออก- Model

ตะวันตก 6.

S3 - ฐานการผลติ สินคา้ เกษตรสามารถเช่ือมโยง O37. - นโยบายภาครัฐสนับสนุนเกษตรในการ

กับผู้ประกอบการในท้องถิ่นซึ่งมีจำนวนมาก เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการรวมกลุ่มใน

และอุตสาหกรรม แปรรูป/บริการด้าน รปู แบบวิสาหกจิ ชุมขน/แปลงใหญ่

การเกษตรภายในกลมุ่ จังหวัด

30

จดุ แข็ง (S) โอกาส (O)

S4 - มีพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษท่ี O4 - ระบบเศรษฐกิจโลกและอาเซียนที่เพ่ิม

อ.แม่สอด จ.ตาก และมีช่องทางการค้า โอกาสทางการค้าสินค้าเกษตรได้มากขึ้น เช่น

ชายแดน 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดนแม่ การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

สอด และ ด่านภูดู่ จ.อุตรดติ ถ์ การเปิดเขตการค้าเสรี (FTA)

S5 - มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถ O5 - รัฐบาลมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกท้ัง

พฒั นาเปน็ แหล่งทอ่ งเที่ยวเชงิ เกษตรได้ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเส้นทาง

เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งที่หลากหลาย ทำ

ให้สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวด้าน

การเกษตรได้

S6 - มีหน่วยงานที่มีศักยภาพในการวิจัยและ O6 - กระแสการบริโภคสนิ คา้ เพ่อื สขุ ภาพและการ

พัฒนาการเกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพม่ิ ขนึ้

ประมง ด้านดินและน้ำ ตลอดจนศนู ย์จกั รกล

การเกษตรที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้

ให้แกเ่ กษตรกร

S7 - มีสถาบันเกษตรกรทีเ่ ข็มแข็งสามารถเป็น O7 - การพฒั นาพันธ์ุพืช พันธส์ุ ตั ว์ คุณภาพสินค้า

ต้นแบบได้ และเทคโนโลยีการผลิต เป็นการส่งเสริมให้

สินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานสากล

สามารถแข่งขนั ไดใ้ นเชิงคุณภาพ

S8 - บุคลากรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง O8 - ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีและ

เกษตรและสหกรณ์มีศักยภาพในการ นวัตกรรม ทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

ปฏิบัตงิ านเพอ่ื ขบั เคลื่อนการเกษตรในระดับ ต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เช่น

พน้ื ที่ได้ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ Line/Facebook

S9 - หน่วยงานภาครัฐมีการบริหารจัดการ O9 - มีการฟื้นฟูระบบนิเวศและการพัฒนาการ

ร่วมกัน โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ เกษตรอย่างยงั่ ยืน (SDGs)

ต่างๆ ได้แก่ คณะกรรมการอำนวยการ

ขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไข

ปัญหาการเกษตรระดับจังหวัด (CoO) และ

ระดับอำเภอ (OT) และคณะอนุกรรมการ

พัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด

(อ.พ.ก) เพื่อให้การบริหารจัดการแก้ไข O10 - มีระเบียบข้อกฎหมายในการอำนวยความ

ปญั หาการเกษตรเปน็ ไป อย่างต่อเนื่องและมี สะดวกในการส่งออกสินค้าการเกษตร มีการ

ประสิทธภิ าพมากข้นึ จัดทำสัญญาข้อตกลงในการซื้อขายสินค้า

S10 - มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกันในการ เกษตร (Contract Farming) เพื่อทำให้

พัฒนา คือการยกระดับคุณภาพชีวิต และ เกษตรมีความมั่นคงในการผลิตและสร้าง

ความเปน็ อยู่ของเกษตรกรใหด้ ีขึ้น รายได้ทีแ่ น่นอน

31

การกำหนดกลยทุ ธเ์ ชิงรุก
1.1 พฒั นาระบบการผลิตและสร้างมลู ค่าสินค้าเกษตรเพอ่ื เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

เชิงเศรษฐกิจในระดบั ประเทศ ภูมิภาค และโลก (S3,S4,O1,O10)

1.2 พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และยกระดับ ให้เชื่อมโยงกับจังหวัด กลุ่ม
จงั หวดั ตลอดหว่ งโซอ่ ปุ ทาน ตั้งแต่ การผลติ การตลาด และการแปรรปู (S4,S5,O3,O9)

2) ทิศทางเชิงปอ้ งกนั (S-T Strategy) อุปสรรค (T)
จุดแข็ง (S)

S1 - เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของ T1 - การเปลี่ยนแปลงทางการเมอื งท้งั ภายในและ

ภาคเหนือตอนล่างและประเทศ สินค้า ภายนอกประเทศส่งผลกระทบต่อนโยบาย

เกษตรท่มี ีศกั ยภาพ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลงั ด้านการเกษตร

อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว

ไม้ผล พชื ผกั ไก่พนื้ เมือง โคเนือ้ ปลานิล

S2 - มีแหล่งเก็บน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตรขนาด T2 - มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีของ

ใหญ่ภูมิศาสตร์ที่ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางการ ประเทศคู่ค้า เช่น มาตรฐานสินค้า มาตรฐาน

คมนาคมมีความเหมาะสมในการเชื่อมโยง ด้านสุขอนามัย ฯลฯ และการค้าสินค้า

ระหว่างภูมิภาค เหนือ-ใต้/ตะวันออก- ชายแดนยงั มี กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ท่ีเข้มงวด

ตะวันตก ของประเทศเพื่อนบ้าน

S3 - ฐานการผลติ สนิ ค้าเกษตรสามารถเชื่อมโยง T3 - ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน/ราคาสินค้า

กับผู้ประกอบการในท้องถิ่นซึ่งมีจำนวนมาก เกษตรไมแ่ น่นอน

ทั้งอุตสาหกรรม แปรรูป/บริการด้าน

การเกษตรภายในกลมุ่ จังหวดั

S4 - มีพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษท่ี T4 - สนิ คา้ ชายแดนทล่ี กั ลอบนำเขา้ มาในประเทศ

อ.แม่สอด จ.ตาก และมีช่องทางการค้า สง่ ผลกระทบตอ่ ราคาผลผลิตในกลมุ่ จังหวดั

ชายแดน 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดน

แมส่ อด และ ดา่ นภูดู่

S5 - มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถ T5 - สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส

พฒั นาเปน็ แหล่งท่องเทีย่ วเชิงเกษตรได้ โคโรนา-2019 ส่งผลกระทบต่อภาวะ

S6 - มีหน่วยงานที่มีศักยภาพในการวิจัยและ การผลติ การตลาดและแรงงาน

พัฒนาการเกษตร ทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ T6 - ปัจจุบันกระแสความนิยมการบริโภคสินค้า

ประมง ด้านดินและน้ำ ตลอดจนศูนย์ เกษตรปลอดภยั มีมากขน้ึ แตก่ ารตรวจรับรอง

จักรกลการเกษตรที่สามารถถ่ายทอดองค์ มาตรฐานของสินค้ายังไม่ครอบคลุมทุกชนิด

ความรู้ให้แกเ่ กษตรกร ทำให้ผู้บริโภคขาดความมนั่ ใจในสนิ ค้า

S7 - มสี ถาบันเกษตรกรที่เขม็ แขง็ สามารถเป็น T7 - มีการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรอย่าง

ตน้ แบบได้ ตอ่ เนอื่ ง

32

S8 - บุคลากรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง T8 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่สามารถนำ

เกษตรและสหกรณ์มีศักยภาพในการ เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการ

ปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการเกษตรใน ลดต้นทุน/การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้

ระดบั พื้นทไี่ ดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ เท่าทค่ี วร

S9 - หน่วยงานภาครัฐมีการบริหารจัดการ T9 - การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่ง

ร่วมกัน โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ผลกระทบให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย

ต่างๆ ได้แก่ คณะกรรมการอำนวยการ และเกดิ การแพร่ระบาดโรคแมลงมากข้นึ

ขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไข

ปัญหาการเกษตรระดับจังหวัด (SCP) และ

คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและ

สหกรณ์ของจังหวัด (อ.พ.ก) เพื่อให้การ

บริหารจดั การแก้ไขปญั หาการเกษตรเป็นไป

อย่างตอ่ เนื่องและมปี ระสิทธภิ าพมากขึ้น

S10 - การมีการกำหนดเป้าหมายร่วมกันใน T10 - หน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้ระเบียบ/

การพัฒนา คือ การยกระดับคุณภาพชีวิต ก ฎ ห ม า ย ย ั ง ข า ด ก า ร บ ั ง ค ั บ ใ ช ้ ก ฎ ห ม า ย ที่

และความเปน็ อย่ขู องเกษตรกรใหด้ ีขน้ึ เกย่ี วกับการผลติ สนิ คา้ เกษตรอย่างจรงิ จงั

การกำหนดกลยทุ ธ์เชิงป้องกัน
2.1 เพิม่ ประสิทธิภาพการผลติ สินคา้ เกษตรส่คู ุณภาพมาตรฐานสากลในเขตพ้ืนทท่ี ่ีมี

ความเหมาะสม (S3,S4,T2,T6,T7)
2.2 เพ่มิ นวัตกรรม เทคโนโลยี เข้ามาใช้ในภาคการเกษตรเพอื่ ลดต้นทนุ การผลิตและ

ปรับตวั ให้เขา้ กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง (S6,T8,T9)

3) ทิศทางเชงิ แกไ้ ข (W-O Strategy) โอกาส (O)
จุดอ่อน (W)

W1 - กลุ่มเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรบางส่วน O1 - นโยบายภาครัฐสนับสนุนการพัฒนากลุ่ม

ขาดการกำหนดโครงสร้างองค์กร ส่วนใหญ่ จังหวัดในพื้นที่สี่แยกอินโดจีน เส้นทาง

ยังมีการดำเนินการไม่เข็มแข็งและการ เศรษฐกจิ เหนือ – ใต/้ ตะวันออก-ตะวนั ตก

บรหิ ารงานขาดความต่อเน่อื ง

W28. - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่สามารถขาย O2 - นโยบายภาครัฐให้ความสำคัญกับ Food

ผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปสินค้า Safety, Zoning และ Smart Farmer และ

เ ก ษ ต ร ไ ด ้ โ ด ย ต ร ง ต ้ อ ง ข า ย ผ ่ า น พ ่ อ ค้ า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วย BCG

ท้องถนิ่ /คนกลาง ทำให้ขายไดใ้ นราคาถกู Model

9.

33

จดุ อ่อน (W) โอกาส (O)

W3 - ไม่มีตลาดรองรับสินค้าเกษตรปลอดภัยที่ O3 - นโยบายภาครัฐสนับสนุนภาคเกษตรในการ

ชัดเจนทำให้เกษตรกรทีผ่ ลิตสินค้าปลอดภยั เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการรวมกลุ่มใน

ต้องจำหน่ายให้แก่ผู้รับซื้อในราคาตลาด รูปแบบวิสาหกจิ ชุมขน/แปลงใหญ่

ทวั่ ไป

W4 - พื้นที่การเกษตรบางส่วนยังประสบปัญหา O4 - ระบบเศรษฐกิจโลกและอาเซียนที่เพ่ิม

ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมซ้ำซาก แล้ง โอกาสทางการค้าสินค้าเกษตรได้มากขึ้น เช่น

ซำ้ ซาก ขาดแคลนนำ้ ในฤดูแล้ง การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

การเปดิ เขตการคา้ เสรี (FTA)

W5 - แรงงานภาคการเกษตรส่วนใหญ่เป็นผู้สูง O5 - รัฐบาลมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้ง

วัย เยาวชนรุ่นใหม่สนใจทำการเกษตร กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีเส้นทาง

น้อยลง เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งที่หลากหลาย ทำ

ให้สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวด้าน

การเกษตรได้

W6 - แรงงานภาคการเกษตรส่วนใหญ่เป็นผู้สูง O6 - กระแสการบรโิ ภคสนิ ค้าเพื่อสขุ ภาพและการ

วัย เยาวชนรุ่นใหม่สนใจทำการเกษตร อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตเิ พ่ิมข้ึน

น้อยลง

W7 - เกษตรกรยังขาดองค์ความรู้ด้านการ O7 - การพัฒนาพันธุ์พืช พันธ์ุสัตว์ คุณภาพสินค้า

บริหารจัดการสินค้าครบวงจร เช่น การ และเทคโนโลยีการผลิต เป็นการส่งเสริมให้

วางแผนการผลิตการตลาด การเพิ่ม สินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานสากล

ประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มมูลค่าสินค้า สามารถแข่งขนั ไดใ้ นเชิงคุณภาพ

การแปรรูปและบรรจุภณั ฑ์

W8 - การบริหารจัดการกลุ่ม/สถาบันเกษตรกร O8 - ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีและ

ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การแบ่ง นวัตกรรม ทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

หน้าที่การบริหารงานด้านต่างๆ ยังขาด ต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เช่น

ความชัดเจนและการขับเคลื่อนงานใน Line/Facebook

รปู แบบองคก์ รอย่างต่อเนื่อง

W9 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ปรับเปลี่ยน O9 - มีการฟื้นฟูระบบนิเวศและการพัฒนาการ

ทัศนคติในการปลูกพืชที่ปลอดภัยและ เกษตรอยา่ งยงั่ ยนื (SDGs)

หลากหลาย ยังคงมุ่งเน้นการปลูกพืช

เชงิ เดี่ยวและการใช้สารเคมีอยา่ งต่อเน่อื ง O10 - มีระเบียบข้อกฎหมายในการอำนวยความ

W10 - การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสินค้า สะดวกในการส่งออกสินค้าการเกษตร มีการ

เกษตรในระดับพื้นที่ระหว่างหน่วยงาน จัดทำสัญญาข้อตกลงในการซื้อขายสินค้า

ภาครัฐกบั ภาคเอกชนยงั มไี ม่มาก เกษตร (Contract Farming) เพื่อทำให้

เกษตรมีความมั่นคงในการผลิตและสร้าง

รายไดท้ ่แี นน่ อน

34

การกำหนดกลยุทธแ์ ก้ไขจุดอ่อน
3.1 สร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร/สถาบันเกษตรกร อย่างเป็นระบบและยั่งยืน

รวมทง้ั เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบริหารจัดการธรุ กจิ ใหเ้ ชอ่ื มโยงครบวงจร (W1,W7,W8,O1,O5)

4) ทศิ ทางเชิงรับ (W-T Strategy) อปุ สรรค (T)
จดุ ออ่ น (W)

W1 - กลุ่มเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรบางส่วน T1 - การเปลีย่ นแปลงทางการเมืองท้ังภายในและ

ขาดการกำหนดโครงสร้างองค์กร ส่วนใหญ่ ภายนอกประเทศส่งผลกระทบต่อนโยบาย

ยังมีการดำเนินการไม่เข็มแข็งและการ ดา้ นการเกษตร

บรหิ ารงานขาดความต่อเนอ่ื ง

W2 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่สามารถขาย T2 - มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีของ

ผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปสินค้า ประเทศคู่ค้า เช่น มาตรฐานสินค้า มาตรฐาน

เ ก ษ ต ร ไ ด ้ โ ด ย ต ร ง ต ้ อ ง ข า ย ผ ่ า น พ ่ อ ค้ า ด้านสุขอนามัย ฯลฯ และการค้าสินค้า

ทอ้ งถิ่น/คนกลาง ทำใหข้ ายไดใ้ นราคาถูก ชายแดน ยังมี กฎ ระเบียบ ข้อบังคับท่ี

เข้มงวดของประเทศเพ่ือนบ้าน

W3 - ไม่มีตลาดรองรับสินค้าเกษตรปลอดภัยที่ T3 - ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน/ราคาสินค้า

ชัดเจนทำให้เกษตรกรที่ผลิตสินค้าปลอดภยั เกษตรไมแ่ นน่ อน

ต้องจำหน่ายให้แก่ผู้รับซื้อในราคาตลาด

ทวั่ ไป

W4 - พื้นที่การเกษตรบางส่วนยังประสบปัญหา T4 - สนิ ค้าชายแดนทลี่ ักลอบนำเข้ามาในประเทศ

ภยั ธรรมชาติ เชน่ น้ำทว่ มซ้ำซาก ขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตในกลุ่มจังหวัด

น้ำในฤดแู ล้ง /ประเทศ

W5 - แรงงานภาคการเกษตรส่วนใหญ่เป็นผู้สูง T5 - สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส

วัย เยาวชนรุ่นใหม่สนใจทำการเกษตร โคโรนา-2019 ส่งผลกระทบต่อภาวะ

นอ้ ยลง การผลิตการตลาดและแรงงาน

W6 - แรงงานภาคการเกษตรส่วนใหญ่เป็นผู้สูง T6 - ปัจจุบันกระแสความนิยมการบริโภคสินค้า

วัย เยาวชนรุ่นใหม่สนใจทำการเกษตร เกษตรปลอดภยั มีมากขึ้น แต่การตรวจรับรอง

น้อยลง มาตรฐานของสินค้ายังไม่ครอบคลุมทุกชนิด

ทำให้ผูบ้ ริโภคขาดความมัน่ ใจในสนิ ค้า

W7 - เกษตรกรยังขาดองค์ความรู้ด้านการ T7 - มีการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรอย่าง

บริหารจัดการสินค้าครบวงจร เช่น การ ตอ่ เนอื่ ง

วางแผนการผลิตการตลาด การเพ่ิม

ประสิทธิภาพการผลิตการเพิ่มมูลค่าสินค้า

การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์

35

จดุ อ่อน (W) อปุ สรรค (T)

W8 - การบริหารจัดการกลุ่ม/สถาบันเกษตรกร T8 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่สามารถนำ

ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การแบ่ง เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการ

หน้าที่การบริหารงานด้านต่างๆ ยังขาด ลดต้นทุน/การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้

ความชัดเจนและการขับเคลื่อนงานใน เทา่ ทค่ี วร

รูปแบบองคก์ รอยา่ งต่อเนือ่ ง

W9 - เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ปรับเปลี่ยน T9 - การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่ง

ทัศนคติในการปลูกพืชที่ปลอดภัยและ ผลกระทบให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย

หลากหลาย ยังคงมุ่งเน้นการปลูกพืช และเกดิ การแพร่ระบาดโรคแมลงมากข้นึ

เชงิ เดย่ี วและการใชส้ ารเคมอี ย่างต่อเนอื่ ง

W10 - การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสินค้า T10 - หน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้ระเบียบ/

เกษตรในระดับพื้นที่ระหว่างหน่วยงาน ก ฎ ห ม า ย ย ั ง ข า ด ก า ร บ ั ง ค ั บ ใ ช ้ ก ฎ ห ม า ย ท่ี

ภาครฐั กบั ภาคเอกชนยังมไี ม่มาก เก่ยี วกบั การผลติ สนิ คา้ เกษตรอยา่ งจรงิ จัง

การกำหนดกลยทุ ธ์เชิงรบั
4.1 การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้านระบบนิเวศและการเกษตรอย่างสมดุลโดย
การมสี ่วนร่วมของชมุ ชน รวมท้ังพฒั นาระบบสารสนเทศการเกษตรอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

36

สว่ นท่ี 3

วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกิจ เปา้ หมาย และประเด็นการพฒั นาการเกษตรและสหกรณ์

3.๑ วิสัยทัศน์ และพนั ธกิจ
วิสยั ทัศน์ (Vision)
“เกษตรสร้างมูลค่า ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางระเบียงเศรษฐกิจ

ภายใตก้ ารบรหิ ารจัดการทรัพยากรทางการเกษตรอย่างยั่งยนื ”

พนั ธกจิ (Mission)
1. ส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ โดยเชื่อมโยงโครงข่าย
คมนาคมและสิง่ อำนวยความสะดวก
2. พัฒนาและเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิต และการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงตลอดโซ่
อปุ ทาน ด้วยเทคโนโลยี และนวตั กรรมสมยั ใหม่
3. บรหิ ารจดั การทรพั ยากรทางการเกษตรอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและยัง่ ยนื

3.2 เป้าหมายการพัฒนาของกล่มุ จังหวดั

“ภาคการเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีความเข้มแข็ง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม
อยา่ งสมดลุ และยัง่ ยืน”

3.3 ตัวชว้ี ดั ความสำเร็จตามเปา้ หมายของกลุ่มจังหวดั

ท่ี ตวั ชว้ี ดั 2566 2567 2568 2569 2570 รวม 5 ปี
1 ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของมูลค่าผลิตภัณฑ์ 2 2 2 2 2 10

ม ว ล ร ว ม ภ า ค เ ก ษ ต ร ก ล ุ ่ ม จ ั ง ห วั ด
ภาคเหนือตอนล่าง 1
2 ร้อยละทเ่ี พ่มิ ขน้ึ ของมลู ค่าผลิตภณั ฑ์ 2 2 2 2 2 10
มวลรวมภาคเกษตรเฉล่ียต่อหัวตอ่ ปี
กล่มุ จงั หวดั ภาคเหนือตอนล่าง 1
3.4 ประเด็นการพฒั นาการเกษตร (Strategy) ประกอบด้วย

ประเด็นการพฒั นาท่ี ๑ การพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเข้มแข็งใหก้ ับเกษตรกรและ
สถาบันเกษตรกร

ประเดน็ การพฒั นาที่ ๒ การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพระบบการบรหิ ารจดั การสินคา้ เกษตรทม่ี ี
มูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่อปุ ทาน สร้างความสามารถในการแขง่ ขนั
ด้วยงานวจิ ัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม

ประเดน็ การพัฒนาที่ ๓ การบรหิ ารจัดการทรัพยากรการผลติ ทางการเกษตรและ
ส่งิ แวดล้อมให้มีประสทิ ธิภาพอย่างยั่งยืน

37

รายละเอียดของประเด็นการพัฒนา :

ประเด็นการพฒั นาท่ี ๑ : การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ สรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั เกษตรกรและสถาบัน
เกษตรกร
เปา้ ประสงค์

1. เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคง พึ่งพาตนเองได้ และภาคภูมิใจในการ
ประกอบอาชพี

2. สนับสนุนให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรแบบมือ
อาชพี (Smart Farmer)

3. เพ่ือพัฒนาและเชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ยในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ตัวชี้วดั

1. ร้อยละท่เี พ่ิมขน้ึ ของรายได้เงนิ สดสทุ ธทิ างการเกษตรต่อครัวเรอื น
2. รอ้ ยละของจำนวนเกษตรกรท่เี ปน็ Smart Farmer และ Young Smart Farmer เพมิ่ ข้ึน
3. รอ้ ยละทเ่ี พ่ิมขึ้นของจำนวนสถาบันเกษตรกรท่ีมีการจดั ระดับความเขม็ แข็งระดับช้ัน 1
แนวทางการพฒั นา
1. สนบั สนนุ การทำการเกษตรตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สร้างความภาคภูมใิ จและ

ความม่นั คงในการประกอบอาชพี เกษตรกรรม
2. สง่ เสรมิ การทำเกษตรกรรมแบบปลอดภยั และย่งั ยนื
3. ส่งเสรมิ และพัฒนาองคค์ วามรเู้ กษตรกรไปสเู่ กษตรกรมืออาชีพ
4. สร้างและเชื่อมโยงเครือขา่ ยของเกษตรกรและสถาบนั เกษตรกร

ประเด็นการพัฒนาที่ 2 : การเพิ่มประสิทธภิ าพระบบการผลิตและการบริหารจัดการสินค้าเกษตร
ที่มีมูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่อุปทานสร้างความสามารถในการแข่งขันด้วยงานวิจัย เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม
เป้าประสงค์

1. เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การแปรรูปสินค้าเกษตรสำคัญของสี่แยกเศรษฐกิจ
อินโดจนี

2. เพือ่ เพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิต และการบรหิ ารจัดการห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตร
3. เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรตามเขตความเหมาะสมให้ได้คุณภาพ และ

มาตรฐานปลอดภัยอย่างยง่ั ยนื
4. สนับสนุนและผลักดันการนำผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการเกษตรไป

ประยุกต์ใช้ในระดับพ้นื ที่
5. พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศการเกษตรและเผยแพร่สู่ภาคเกษตรให้สามารถนำไปใช้

ประโยชนไ์ ด้อย่างทว่ั ถึง
ตัวชี้วัด

1. รอ้ ยละทเ่ี พ่ิมขน้ึ ของมลู คา่ สนิ ค้าเกษตรท่ีมคี ุณภาพมาตรฐาน (พืช ปศุสัตว์ ประมง)
2. ร้อยละของฟารม์ /โรงงานท่ีไดก้ ารรบั รองผลผลติ คุณภาพมาตรฐาน GAP เพ่มิ ข้ึน

38

3. ร้อยละทีล่ ดลงของตน้ ทนุ การผลิตเกษตรสินคา้ ท่สี ำคญั
4. ร้อยละทเี่ พิม่ ขน้ึ ของการปรบั เปลีย่ นพืน้ ที่ตามเขตความเหมาะสม
5. รอ้ ยละทเี่ พ่ิมข้ึนของการนำผลงานการศึกษาวจิ ัย การถา่ ยทอดเทคโนโลยี/นวัตกรรมไปใช้

ประโยชน์ในระดับพ้ืนท่ี
6. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร/ผู้รับบริการ ที่เข้าถึงข้อมูลผ่านช่องทางของระบบ

สารสนเทศการเกษตร
แนวทางการพัฒนา

1. ส่งเสรมิ การสร้างมูลค่าเพิ่มสนิ ค้าเกษตรให้สามารถแข่งขนั และสรา้ งความรว่ มมือ
เชื่อมโยงเศรษฐกิจระดบั ภมู ภิ าค

2. จัดตัง้ ศนู ยก์ ลางและพฒั นาระบบตลาดสนิ คา้ เกษตร
3. พัฒนาประสิทธิภาพระบบการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และ

สร้างความม่ันคงทางอาหาร
4. สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การบรหิ ารจัดการหว่ งโซ่อุปทานสินคา้ เกษตรส่อู ุตสาหกรรมแปรรปู

ผลิตภัณฑ์
5. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การปรบั เปล่ยี นการผลิตตามเขตความเหมาะสมของพ้ืนที่
6. สนบั สนุนให้มีการนำผลงานวิจัย เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมไปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งจรงิ จงั
7. พัฒนาเทคโนโลยสี ารสนเทศการเกษตรและเชอื่ มโยงขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ

ประเดน็ การพัฒนาท่ี 3 : การบรหิ ารจดั การทรัพยากรการผลติ ทางการเกษตรและสิ่งแวดลอ้ ม
ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพอย่างยั่งยืน
เปา้ ประสงค์

1. เพื่อสร้างสมดลุ ระหวา่ งการใช้และการอนุรกั ษท์ รัพยากรทางธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
2. เพื่อใหเ้ กดิ การบรหิ ารจัดการทรพั ยากรทางการเกษตรอยา่ งยง่ั ยืนและมปี ระสทิ ธภิ าพ

เพ่มิ ขึ้น
3. เพ่อื พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร
ตัวชวี้ ัด
1. จำนวนพื้นที่การเกษตรทไ่ี ดร้ ับการอนุรักษ์ ปรับปรงุ และฟน้ื ฟู
2. จำนวนพื้นท่ชี ลประทานหรอื พืน้ ที่รบั ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั การพฒั นาที่เพิม่ ขนึ้
3. ร้อยละของพ้ืนที่เกษตรกรรมย่งั ยืนทีเ่ พิ่มข้ึน
4. รอ้ ยละของจดุ ความร้อนสะสมลดลง
แนวทางการพฒั นา
1. ฟืน้ ฟแู ละอนุรกั ษ์ทรัพยากรการผลติ ทางการเกษตร
2. สง่ เสรมิ การเกษตรท่เี ปน็ มิตรตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม
3. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและยัง่ ยืน
4. การบรหิ ารจัดการพืน้ ท่ีทำกนิ ทางการเกษตร
5. สร้างภมู คิ มุ้ กนั ทางการเกษตรพรอ้ มรับ ตอ่ การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ

3.5 คา่ เปา้ หมายตวั ชี้วัดของแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์กลมุ่ จังหว

ประเด็นการพัฒนา เป้าประสงค์ ตวั ชี้วัด

ประเดน็ การพัฒนาที่ 1 1.1 เพ่อื ใหเ้ กษตรกรมี 1.1 รอ้ ยละทีเ่ พ่มิ ข
การพัฒนาคุณภาพชวี ติ คุณภาพชีวิตทดี่ ี มคี วามม่ันคง รายได้เงินสดสุทธิท
สรา้ งความเข้มแขง็ ใหก้ บั เกษตรกร พึ่งพาตนเองได้ และภาคภมู ิใจ การเกษตรตอ่ ครัวเ
สถาบนั เกษตรกร และภาคการเกษตร ในการประกอบอาชีพ
1.2 สนบั สนนุ ใหเ้ กษตรกร 1.2 ร้อยละของจำ
และสถาบนั เกษตรกรใหเ้ ป็น เกษตรกรทเ่ี ปน็ Sm
ผ้ปู ระกอบการธุรกจิ เกษตร Farmer และ You
แบบมอื อาชพี Smart Farmer เพ
(Smart Farmer)
1.3 เพื่อพัฒนาและเชอื่ มโยง 1.3 ร้อยละทเ่ี พ่มิ ข
เครอื ขา่ ยในการประกอบ จำนวนสถาบนั เกษ
อาชพี เกษตรกรรม มกี ารจัดระดับความ
แขง็ ระดบั ชัน้ 1

ประเดน็ การพัฒนาท่ี 2 2.1 เพอื่ เป็นศนู ยก์ ลาง 2.1 ร้อยละทเ่ี พ่มิ ข
การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพระบบการผลิต การผลิต การคา้ การแปรรูป มลู ค่าสนิ ค้าเกษตรท
และการบริหารจัดการสินค้าเกษตร สินคา้ เกษตรสำคัญของสี่แยก คณุ ภาพมาตรฐาน
ตลอดห่วงโซ่อุปทาน สร้างความ เศรษฐกจิ อนิ โดจนี ปศสุ ตั ว์ ประมง)
สามารถในการแข่งขนั ด้วยงานวิจัย
เทคโนโลยี และนวัตกรรม

39

วดั ภาคเหนือตอนลา่ ง 1 (พ.ศ. ๒๕66 – พ.ศ. ๒๕70)

ค่าเปา้ หมาย

พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. กลยุทธ์

2566 2567 2568 2569 2570 รวม 5 ปี

ขึ้นของ 3 3 3 3 3 15 1.1 สนบั สนนุ การทำการเกษตร

ทาง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ

เรอื น พอเพียง สร้างความภาคภมู ใิ จ

ำนวน 5 5 5 5 5 25 และความมนั่ คงในการประกอบ
mart อาชพี เกษตรกรรม
ung 1.2 ส่งเสรมิ การทำเกษตรกรรม
พิม่ ขนึ้ แบบปลอดภยั และยั่งยืน
ขน้ึ ของ 2 2 2 2 2 10 1.3 สง่ เสริมและพฒั นาองค์
ความร้เู กษตรกรไปส่เู กษตรกรมอื
ษตรกรที่
มเขม็ อาชีพ
1.4 สรา้ งและเชื่อมโยงเครอื ข่าย

ของเกษตรกรและสถาบัน

เกษตรกร

ข้ึนของ 2 2 2 2 2 10 2.1 ส่งเสริมการสรา้ งมลู ค่าเพม่ิ

ทีม่ ี สินคา้ เกษตรใหส้ ามารถแข่งขนั

(พชื และสร้างความรว่ มมือเช่อื มโยง

เศรษฐกจิ ระดับภูมภิ าค

39

ประเดน็ การพฒั นา เปา้ ประสงค์ ตวั ชี้วัด

2.2 เพ่ือเพม่ิ ประสิทธภิ าพการ 2.2 รอ้ ยละของฟา

ผลิตและการบรหิ ารจดั การ โรงงานทไี่ ด้การรบั ร

ห่วงโซอ่ ุปทานสินคา้ เกษตร ผลผลติ คณุ ภาพมาต

GAP เพม่ิ ข้ึน

2.3 เพื่อปรบั เปลยี่ น 2.3 ร้อยละทล่ี ดลง

กระบวนการผลติ สินคา้ เกษตร ตน้ ทุนการผลิตเกษ

ตามเขตความเหมาะสมใหไ้ ด้ สนิ คา้ ทสี่ ำคญั

คุณภาพ และมาตรฐาน

ปลอดภัยอย่างยั่งยนื

2.4 สนบั สนุนและผลักดนั การ 2.4 ร้อยละทเ่ี พมิ่ ข

นำผลงานวจิ ยั เทคโนโลยี การปรบั เปล่ยี นพื้น

นวัตกรรมดา้ นการเกษตรไป เขตความเหมาะสม

ประยกุ ต์ใชใ้ นระดับพ้นื ท่ี

2.5 พฒั นาระบบข้อมลู 2.5 จำนวนผลงาน

สารสนเทศการเกษตรและ การถ่ายทอดเทคโน

เผยแพรส่ ภู่ าคเกษตรให้ นวัตกรรมไปใชป้ ระ

สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ ในระดับพนื้ ที่

อย่างทั่วถึง

40

าร์ม/ ค่าเป้าหมาย รวม 5 ปี กลยุทธ์
รอง พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 10
ตรฐาน 2566 2567 2568 2569 2570 15 2.2 จัดตง้ั ศูนยก์ ลางและพัฒนา
22222 ระบบตลาดสินคา้ เกษตร
งของ 15 2.3 พัฒนาประสิทธภิ าพระบบ
ษตร 33333 5 การผลิตสนิ ค้าเกษตรปลอดภัย
ทีม่ คี ณุ ภาพมาตรฐาน
ขนึ้ ของ 33333 และสร้างความ มนั่ คงทางอาหาร
นทตี่ าม 2.4 ส่งเสริมและสนบั สนนุ
ม 11111 การบรหิ ารจัดการหว่ งโซอ่ ปุ ทาน
สนิ คา้ เกษตรสู่อตุ สาหกรรม
นวจิ ยั แปรรปู ผลติ ภณั ฑ์
นโลยี/ 2.5 สง่ เสริมและสนบั สนุน
ะโยชน์ การปรับเปล่ยี นการผลิต
ตามเขตความเหมาะสมของพ้นื ที่
2.6 สนับสนนุ ใหม้ ีการนำ
ผลงานวจิ ัย เทคโนโลยแี ละ
นวัตกรรมไปใช้ประโยชนอ์ ยา่ ง
จรงิ จัง

40


Click to View FlipBook Version