The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรื่องศาสนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aj.PHawa, 2020-06-29 10:34:10

หน่วยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรื่องศาสนา

หน่วยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรื่องศาสนา

หนว่ ยท่ี 1
บอกกลา่ วเล่าเรอ่ื งศาสนา

1. ความสาคญั ของศาสนา

4. ชาดก

2. พระพุทธประวตั ิ 3.ศาสนิกชนตัวอย่าง

หนว่ ยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เรือ่ งศาสนา 2

1. ความสาคัญของศาสนา

คาถามนาก่อนเรยี น

นักเรียนคดิ ว่าศาสนามคี วามสาคัญตอ่ บุคคลและ
สังคมอยา่ งไรบ้าง

มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสาคญั
ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี น
นับถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่ันและปฏิบัติ
ตามหลักธรรม เพอ่ื อย่รู ว่ มกันอย่างสนั ตสิ ุข

ตัวช้วี ัด ส 1.1 ป 4/1อธบิ ายความสาคัญของ
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือในฐานะเป็นศูนย์รวม
จิตใจของศาสนิกชน

ความคดิ รวบยอด

ศาสนาทุกศาสนามีจุดหมายสาคัญร่วมกัน คือ ต้องการสอน
ให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกันอย่างสงบ เปรียบได้กับกฎหมาย
ที่ใช้ควบคุมสังคม แต่กฎหมายหากสมาชิกไม่ปฏิบัติตามก็จะได้รับโทษ
ตามข้อกาหนด ส่วนในทางศาสนาหากไม่ปฏิบัติตามหลักคาสอนก็
จะเกิดความเส่ือมแห่งชีวิต ได้รับความทุกข์ตามเหตุแห่งการ
ละเมิดคาสอนนัน้ ๆ ศาสนาจึงมีความสาคัญทั้งต่อบุคคลและสังคม

โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร์)

3 หนว่ ยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรือ่ งศาสนา

1. ความสาคัญของศาสนา

ศาสนาทุกศาสนามีจุดหมายสาคัญร่วมกัน คือ ต้องการสอนให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนดี อยู่ร่วมกัน
อยา่ งสงบ เปรียบไดก้ ับกฎหมายทีใ่ ชค้ วบคมุ สังคม แตก่ ฎหมายหากสมาชิกไม่ปฏบิ ัติตามก็จะได้รับโทษตาม
ข้อกาหนด ส่วนในทางศาสนาหากไม่ปฏิบัติตามหลักคาสอนก็จะเกิดความเสื่อมแห่งชีวิต ได้รับความ
ทุกขต์ ามเหตุแหง่ การละเมดิ คาสอนนน้ั ๆ ศาสนาจงึ มคี วามสาคัญท้งั ต่อบุคคลและสังคม ดงั นี้

1. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพ่ือนาไปสู่เป้าหมายในการกระทาต่าง ๆ ท่ีมนุษย์นามาเป็นที่พ่ึง
และสรา้ งความม่นั ใจในการดาเนนิ ชวี ติ

2. เป็นบ่อเกิดแห่งความสามัคคีของสมาชิก รวมไปถึงความสามัคคีของมวลมนุษยชาติ และ
ชว่ ยลดความขัดแย้ง ทาใหเ้ กดิ ความสันติ

3. เป็นเครื่องมือในการอบรมส่ังสอน ขัดเกลาสมาชิกของสังคม เพราะศาสนาสร้างความเคารพ
ศรัทธาขึ้นในจิตใจของมนุษย์ให้ยึดม่ันและปฏิบัติตามคาส่ังสอน ให้รู้จักเกรงกลัวต่อบาป ปลูกฝังให้รู้จัก
กระทาความดที เ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม

4. ทาให้การปฏิบัติตนของสมาชิกในสังคมเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน บุคคลใดยึดมั่นใน
หลักคาสอน ก็จะทาให้ตัวเองมีความสุข ความเจริญ ได้รับความเล่ือมใสศรัทธาจากผู้อ่ืนมากยิ่งๆข้ึน

5. เปน็ บอ่ เกิดแหง่ ขนบธรรมเนยี มประเพณี หลกั คาสอนต่าง ๆ ของศาสนาที่ประพฤติปฏบิ ัติ
สืบทอดกันมายาวนานกลายเป็นบ่อเกิดแห่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ที่หลายคนต้องยึดถือ
ปฏิบัติ เช่น การไปวัด การไหว้พระ การถือศลี อด การไปโบสถ์

6. เป็นสัญลักษณ์ของสังคม เพราะศาสนาเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหน่ึง
อันเดยี วกัน เช่น วันพระชาวพทุ ธไปวัด วนั ศุกร์ชาวมุสลมิ ไปสเุ หร่า วนั อาทติ ยช์ าวคริสตไ์ ปโบสถ์ เป็นต้น

7. เป็นเคร่ืองดับความเร่าร้อนทางใจ ทาให้ใจสงบเย็นและสามารถจูงใจและผูกใจคนไว้ได้
อย่างแนน่ แฟ้น ในการยึดมนั่ ต่อคาสงั่ สอนซง่ึ จะบันดาลใหม้ นษุ ย์สขุ ทุกข์ได้

8. เป็นมรดกของสงั คม ศาสนาเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมที่สาคัญยิ่งของสงั คมโลก เพราะทุกศาสนา
มีศาสนวัตถุ ศาสนิกชน หลักธรรมคาสอนและศาสนพิธีต่าง ๆ มากมายท่ีเป็นเครื่องชี้นาความก้าวหน้า
หรอื ความเสื่อมถอยของสังคมไดอ้ ย่างดี

9. เป็นบ่อเกิดแห่งจริยธรรม ศีลธรรมและคุณธรรม โดยเฉพาะการศึกษาท้ังในด้านพุทธศึกษา
จรยิ ศกึ ษาและพลศกึ ษา

10. เปน็ สงิ่ ท่ีแยกมนษุ ยอ์ อกจากสตั ว์ เพราะสตั ว์ไมม่ ศี าสนา

โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ฝา่ ยประถมศึกษา (ศกึ ษาศาสตร)์

หนว่ ยท่ี 1 บอกกลา่ วเล่าเรื่องศาสนา 4

กจิ กรรมท่ี 1 ใหน้ กั เรียนเขยี นความสาคญั ของศาสนา

................................................................. .................................................................
................................................................. .................................................................
.................................................................

ความสาคญั ของศาสนา
ตอ่ ชวี ติ คนไทย

................................................................. .................................................................
................................................................. .................................................................
.................................................................

https://www.oocities.org/tumniumthai/m_wisaka.html
สบื ค้นวนั ท่ี 24 เมษายน 2561

โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั ขอนแก่น ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร์)

5 หนว่ ยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเร่ืองศาสนา

2. พระพทุ ธประวัติ

คาถามนากอ่ นเรยี น
นกั เรียนคิดวา่ พระพุทธเจ้าสละความสขุ ทางโลก
แลว้ ออกผนวชเพราะเหตใุ ด

มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสาคญั
ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตน
นับถอื และศาสนาอน่ื มีศรัทธาท่ีถกู ต้อง ยดึ มั่นและ
ปฏบิ ัติตามหลกั ธรรม เพือ่ อยรู่ ว่ มกันอย่างสนั ติสุข

ตวั ชวี้ ัด ส 1.1 ป 4/2 สรปุ พุทธประวัติตั้งแตบ่ รรลุ
ธรรมจนถึงประกาศธรรมหรือประวตั ิศาสดาทต่ี นนับถือ
ตามที่กาหนด

ความคดิ รวบยอด

การประสูติของเจ้าชายสทิ ธัตถะ พระราชโอรสของกษัตริย์
แห่งกรุงกบิลพัสดุ์น้ัน เป็นจุดเร่ิมต้นของพุทธศาสนาทั่วโลก
เจ้าชายสิทธัตถะได้ทาการทดลองหาหนทางดับทุกข์ด้วยการ
สละราชสมบัตแิ ละครอบครัว เพือ่ ไปศึกษาวทิ ยาการจากสานัก
ตา่ งๆ และบาเพ็ญทุกรกิริยาอย่างหนักแตก่ ็ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้
พระองค์จงึ จงึ ทรงหันมาบาเพ็ญเพียรทางจิตและได้ตรัสรู้สมั มา
สัมโพธญิ าณในที่สดุ

โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ฝ่ายประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร์)

หน่วยที่ 1 บอกกล่าวเลา่ เรือ่ งศาสนา 6

2. พระพุทธประวัติ

พระพุทธเจ้าทรงมีพระนามเดิมว่า "สิทธัตถะ" หมายถึง ผู้ที่สาเร็จความมุ่งหมายแล้ว หรือผู้ปรารถนา
สิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสด์ุ แคว้นสักกะ
และ "พระนางสิริมหามายา" พระราชธิดาของกษัตริย์ราชสกุลโกลิยวงศ์แห่งกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ
ในคืนท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จปฏิสนธิในครรภ์พระนางสิริมหามายา พระนางทรงพระสุบินนิมิตว่า มีช้างเผือก
มีงาสามคูไ่ ด้เข้ามาสู่พระครรภ์ ณ ที่บรรทม ก่อนทพ่ี ระนางจะมีพระประสตู ิกาลที่ ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน
เม่ือวนั ศกุ ร์ ขึ้นสิบหา้ คา่ เดือนวสิ าขะ ปีจอ 80 ปีกอ่ นพุทธศกั ราช (ปัจจุบันคือ สวนลุมพินีวัน อยู่ในประเทศ
เนปาล)

ทันทีท่ีประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงดาเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว และมีดอกบัวผุดข้ึนมารองรับ
พระบาท พร้อมเปล่งพระวาจาว่า “เราเป็นเลิศท่ีสุดในโลก ประเสริฐท่ีสุดในโลก การเกิดครั้งน้ี เป็นคร้ังสุดท้าย
ของเรา” แต่หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติกาลได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายาก็เสด็จสวรรคาลัย เจ้าชาย
สิทธัตถะจงึ อยูใ่ นความดแู ลของพระนางประชาบดีโคตมี ซึ่งเปน็ พระกนษิ ฐาของพระนางสริ ิมหามายา

พราหมณ์ 8 คน มีนามว่า รามพราหมณ์ ลักษณะพราหมณ์ ยัญญพราหมณ์ ธุชพราหมณ์
โภชพราหมณ์ สุทัตตพราหมณ์ สุยามพราหมณ์ และโกณทัญญพราหมณ์ พราหมณ์ 7 คนได้ทานายว่า
เจ้าชายสิทธัตถะ มีลักษณะเป็นมหาบุรุษ คือ หากดารงตนในฆราวาสจะได้เป็นจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะ
ได้เป็นศาสดาเอกของโลก แตโ่ กณฑญั ญะ พราหมณผ์ อู้ ายนุ อ้ ยทสี่ ุด ยนื ยันหนกั แนน่ ว่าพระราชกุมารสทิ ธัตถะ
จะเสดจ็ ออกบวชและจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน

ประสูติ http://www.brpoly.ac.th/computer/business/2559/1/savayjek6/supapornj/picture.html
สบื คน้ วันที่ 24 เมษายน 2561

โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร)์

7 หน่วยท่ี 1 บอกกล่าวเล่าเรือ่ งศาสนา

ชวี ติ ในวัยเดก็
เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาเล่าเรียนจนจบศิลปศาสตร์ท้ัง 18 ศาสตร์ ในสานักครูวิศวามิตร

และเน่ืองจากพระบิดาไม่ประสงค์ให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นศาสดาเอกของโลก จึงพยายามทาให้เจ้าชาย
สิทธัตถะพบเห็นแต่ความสุข โดยการสร้างปราสาท 3 ฤดู ให้ประทับ และจัดเตรียมความพร้อม
สาหรับการราชาภเิ ษกให้เจ้าชายขึ้นครองราชย์

เม่ือมีพระชนมายุ 16 พรรษา ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพาหรือยโสธรา พระธิดาของ
พระเจ้ากรุงเทวทหะซ่ึงเป็นพระญาติฝ่ายพระมารดา จนเม่ือมีพระชนมายุ 29 พรรษา พระนางพิมพา
ไดใ้ ห้ประสูตพิ ระราชโอรส มีพระนามวา่ "ราหลุ " ซึ่งหมายถึง "บ่วง"

เสดจ็ ออกผน วันหน่ึงเจ้าชายสิทธัตถะทรงเบ่ือความจาเจ
ในปราสาท 3 ฤดู จึงชวนสารถีทรงรถม้าประพาสอุทยาน
เสดจ็ ประพาสสวน ครั้งน้ันได้ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ
https://hilight.kapook.com/view/37629 นักบวช (โดยเทวทูตที่แปลงกายมา) พระองค์จึงทรงคิด
ได้ว่า นี่เป็นธรรมดาของโลก ชีวิตของทุกคนต้องตกอยู่
สบื คน้ วันท่ี 24 เมษายน 2561 ในสภาพเช่นน้ัน ไม่มีใครสามารถหลีกเล่ียงการเกิด แก่
เจ็บ ตายได้ จึงทรงเหน็ วา่ ความสุขทางโลกเป็นเพียงภาพ
มายาเท่าน้ัน และวิถีทางท่ีจะพ้นจากความทุกข์ คือต้อง
ครองเรือนเป็นสมณะ ดังนั้นพระองค์จึงใคร่จะเสด็จ
ออกผนวช เมอ่ื พระชนม์ 29 พรรษา

ครานั้นพระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับนายฉันทะ สารถี
ซึ่งเตรียมม้าพระที่น่ังนามว่ากัณฐกะ มุ่งตรงไปยังแม่น้าอโนมา
กอ่ นจะประทับน่ังบนกองทราย ทรงตัดพระเมาลีด้วยพระขรรค์
และเปลี่ยนชุดผ้ากาสาวพัตร์และให้นายฉันทะนาเคร่ืองทรง
กลับพระนคร ก่อนที่พระองค์จะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์
ไปโดยลาพงั เพอ่ื มงุ่ พระพักตรไ์ ปยังแควน้ มคธ

ทรงตดั พระเมาลีhttps://dumrongth.wordpress.com/สบื คน้ วันที่ 24 เมษายน 2561

โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร)์

หน่วยท่ี 1 บอกกล่าวเล่าเร่อื งศาสนา 8

บาเพญ็ ทกุ รกริ ิยา
หลังจากทรงผนวชแล้ว พระองค์มุ่งไปที่แม่น้าคยา แคว้นมคธ ได้พยายามเสาะแสวงหา

ทางพ้นทุกข์ ด้วยการศึกษาค้นควา้ ทดลองในสานกั อาฬารดาบส กาลามโคตรและอุทกดาบส รามบุตร
แต่เมื่อเรียนจบท้ัง 2 สานักแล้ว ทรงเห็นวา่ น่ยี ังไม่ใชท่ างพน้ ทกุ ข์

จากนนั้ พระองค์ได้เสดจ็ ไปทีแ่ มน่ ้าเนรญั ชรา ในตาบลอุรุเวลาเสนานิคม และทรงบาเพ็ญทุกรกริ ยิ า
ด้วยการขบฟันด้วยฟัน กลั้นหายใจและอดอาหาร จนร่างกายซูบผอม แต่หลังจากทดลองได้ 6 ปี ทรงเห็นว่า
ยังไม่ใช่ทางพน้ ทุกข์ จงึ ทรงเลกิ บาเพ็ญทุกรกิริยา และหนั มาฉันอาหารตามเดมิ

หลังจากพระองค์เลิกบาเพ็ญทุกรกิริยา ทาให้พระปัญจวัคคีย์ท้ัง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ
ภทั ทิยา มหานามะ อัสสชิ ที่มาคอยรับใช้พระองคด์ ้วยความคาดหวงั ว่าเม่อื พระองคค์ น้ พบทางพ้นทุกข์
จะได้สอนพวกตนใหบ้ รรลุด้วย เกิดเส่อื มศรัทธาท่พี ระองคล์ ้มเลกิ ความตัง้ ใจ จึงเดินทางกลบั ไปที่ปา่
อสิ ิปตนมฤคทายวัน ตาบลสารนาถ เมอื งพาราณสี

ตรัสรู้

พระองค์ทรงประทับน่งั ขัดสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ

ณ อุรุเวลาเสนานิคม เมืองพาราณสี หันพระพักตร์ไปทาง

ทิศตะวันออกและตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ว่า ตราบใด

ทีย่ ังไม่บรรลสุ ัมมาสัมโพธญิ าณก็จะไม่ลุกขึน้ แม้จะมีหมู่มาร

เข้ามาขัดขวาง แต่ก็พ่ายแพ้พระบารมีของพระองค์ จนเวลา

ผา่ นไปในทสี่ ุดพระองคท์ รงบรรลรุ ูปฌาณ คือ

ยามต้น หรือปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ

คือ สามารถระลึกชาติได้ ตรัสรู้ https://hilight.kapook.com/view/37629
สืบค้นวันท่ี 24 เมษายน 2561
ยามสอง ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ (ทิพยจักษุญาณ)
คือ รู้เรื่องการเกิด การตายของสัตว์ท้ังหลายว่าเป็นไปตาม

กรรมที่กาหนดไว้

ยามสาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ คือ ความรู้ท่ีทาให้สน้ิ กิเลส ด้วยอรยิ สัจ 4 ไดแ้ ก่ ทกุ ข์ สมุทัย

นิโรธ และมรรค และได้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นศาสดาเอกของโลก

ซ่ึงวันท่พี ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั รู้ ตรงกับวนั เพญ็ เดือน 6 ขณะท่ีมพี ระชนม์ 35 พรรษา

โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร)์

9 หน่วยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเร่อื งศาสนา

แสดงปฐมเทศนา
หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้และทรงเห็นว่า

พระธรรมนั้นยากต่อบุคคลทั่วไปท่ีจะเข้าใจและปฏิบัติได้ พระองค์จึงทรงพิจารณาว่าบุคคลในโลกน้ี
มีหลายจาพวก อย่างบัว 4 เหล่า ท่ีมีทั้งผู้ท่ีสอนได้ง่ายและผู้ที่สอนได้ยาก พระองค์จึงทรงระลึกถึงอาฬารดาบส
และอุทกดาบส ผู้เป็นพระอาจารย์ จึงหวังเสด็จไปโปรด แต่ทั้งสองท่านเสียชีวิตแล้ว พระองค์จึงทรงระลึกถึง
ปัญจวัคคีย์ท้ัง 5 ท่ีเคยมาเฝ้ารับใช้ จึงได้เสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ธรรมเทศนา
กัณฑ์แรกท่ีพระองค์ทรงแสดงธรรมคือ "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" ซ่ึงถือเป็นการแสดงพระธรรมเทศนา
ครั้งแรกในวันเพ็ญ ข้ึน 15 ค่า เดือน 8 ซ่ึงตรงกับวันอาสาฬหบูชา ในการนี้โกณฑัญญะได้บรรลุธรรมเป็นคนแรก
พระพุทธองค์จึงทรงเปล่งวาจาว่า "อัญญาสิวตโกณฑัญโญ" แปลว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้ว โกณฑัญญะจึง
ได้สมญาว่าอัญญาโกณฑัญญะและได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา โดยเรียกการบวช
ท่ี พระพุทธเจ้าบวชให้วา่ "เอหิภิกขอุ ุปสมั ปทา"

หลงั จากปัญจวัคคยี อ์ ปุ สมบททง้ั หมดแล้ว พระพทุ ธองค์จึงทรงเทศน์อนัตตลักขณสตู ร ปญั จวคั คยี ์
จึงสาเร็จเปน็ อรหนั ต์ในเวลาต่อมา

การแสดงปฐมเทศนา สืบคน้ วนั ที่ 10 พฤษภาคม 2561 จาก www.komchadluek.net/news/lifestyle/163765

การประกาศหลกั ธรรม
หลังจากพระองค์ทรงตรสั รู้แลว้ ทรงต้องการใหผ้ ู้อืน่ รู้ตาม จึงเสด็จออกประกาศธรรม โดยทรงโปรด

ปัญจวัคคีย์เป็นกลุ่มแรก และมีผู้เล่ือมใสเข้ามาขอบวชเป็นจานวน 60 รูป พระองค์จึงทรงส่งพระสาวกเหล่าน้ัน
ไปประกาศธรรมตามตาบลต่าง ๆ สว่ นพระองคแ์ สดงธรรมโปรดชฎิล 3 พน่ี ้อง ณ ตาบลอุรุเวลาเสนานิคม
โปรดชฎลิ

ชฎิลเป็นนักบวชลัทธิหนึ่งที่บูชาไฟ และจัดเป็นลัทธิใหญ่ท่ีมีประชาชนนับถือมาก ในแคว้นมคธ
พ่ีชายคนโตชื่ออุรุเวลกัสสปะ มีบริวาร 500 คน คนท่ีสองช่ือ นทีกัสสปะ มีบริวาร 300 คน และคน
สุดท้ายชื่อคยากัสสปะ มีบริวาร 200 คน ต้ังอาศรมอยู่ริมฝั่งแม่น้าเนรัญชรา พระพุทธเจ้าทรงพิจารณา
เห็นว่า ถ้าจะประกาศศาสนา ให้รวดเร็ว จะต้องทาให้ชฎิล 3 พ่ีน้องนับถือเสียก่อน เพราะท้ังสามเป็นผู้ที่มี

โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)

หนว่ ยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เรื่องศาสนา 10

หมู่ชนนับถือมาก พระองค์จึงได้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพี่ชายคนโตก่อนและแสดงธรรมแก่คนท่ีสองและ
คนที่สามตามลาดับ ด้วยพระเทศนาช่ือว่า อาทิตตปริยายสูตร จนชฎิล 3 พี่น้องเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
และขอบวชในพระพุทธศาสนา และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อมา ส่วนนักบวชท่ีเป็นสาวก จานวน
1,000 คน ไดข้ อบวชเปน็ สาวกของพระพทุ ธเจ้าและได้บรรลุเปน็ พระอรหันตด์ ว้ ย

การโปรดชฎิล สบื ค้นวันที่ 11พฤษภาคม 2561 จาก http://dekdeemedia.com/mcu/page07-12.html
โปรดพระเจา้ พิมพิสาร

เมื่อพระพุทธเจ้าโปรดชฎิล 3 พ่ีน้อง จึงพร้อมด้วยพระอรหันต์สาวกจานวน 1,003 องค์ ได้เสด็จ
ไปสู่กรุงราชคฤห์ เพ่ือแสดงธรรมแก่พระเจ้าพิมพิสาร เม่ือพระพุทธเจ้าเสด็จถึงกรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสาร
พร้อมด้วยข้าราชบริพารเสด็จเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงโปรดให้พระอุรุเวลกัสสปะช้ีแจง
แก่คนท้ังหลายถึงสาเหตุทไ่ี ด้เปล่ียนมานับถือพระพุทธศาสนา พระอุรเุ วลกัสสปะประกาศว่า พระพุทธเจ้า
เป็นพระศาสดาและตัวท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาโปรด
พระเจ้าพิมพิสาร พร้อมทั้งข้าราชบริพาร จนเกิดความเล่ือมใสในพระพุทธศาสนาพร้อมกับได้ประกาศ
เป็นสาวกของพระองค์ พระเจา้ พมิ พิสารได้แสดงความเคารพนบั ถือพระรตั นตรัย โดยทรงถวายพระราชอทุ ยาน
เวฬวุ ัน สวนไผ่ เพ่ือให้เป็นทปี่ ระทับของพระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระสาวก เวฬุวนั นับว่าเป็นวดั แห่งแรกใน
พระพทุ ธศาสนา

ภาพการโปรดพระเจ้าพมิ พสิ าร
สบื คน้ วันที่ 11 พฤษภาคม 2561 จาก
http://dhammaforlearner.blogspot.com /2015/09/BuhhdaHistoryEp10.html

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ฝ่ายประถมศึกษา (ศกึ ษาศาสตร)์

11 หน่วยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรอื่ งศาสนา
แตง่ ต้งั พระอัครสาวก

พระสารบี ุตรและพระโมคคัลลานะ เป็นพุทธสาวกทีส่ าคัญ ท่ีถือเป็นแบบอย่างในความพากเพียร
พยายาม ท่ีจะทาตนให้สาเร็จ ถือเป็นกาลังสาคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า
พระสารบี ตุ รไดร้ ับการแต่งต้งั เปน็ พระอัครสาวกเบอ้ื งขวาของพระพุทธเจา้ และพระโมคคัลลานะได้เป็น
พระอคั รสาวกเบื้องซา้ ยของพระพุทธเจา้
เสดจ็ ดับขันธ์ปรินพิ พาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์และแสดงพระธรรมเทศนา ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา
ทรงสดับว่า อีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรินิพพาน จึงได้ทรงปลงอายุสังขาร ขณะนั้นพระองค์ได้ประทับ
จาพรรษา ณ เวฬุคาม ใกลเ้ มืองเวสาสี แคว้นวัชชี โดยก่อนเสด็จดบั ขันธ์ปรินิพพาน 1 วัน พระองค์ได้เสวย
สุกรมัททวะท่ีนายจุนทะทาถวาย แต่เกิดอาพาธลง ทาให้พระอานนท์โกรธ แต่พระองค์ตรัสว่า “บิณฑบาตท่ีมี
อานสิ งสท์ ีส่ ุด มี 2 ประการ คือ เมือ่ ตถาคต (พุทธองค์) เสวยบิณฑบาตแล้ว

เสด็จดับขนั ธ์ปรนิ ิพพาน https://dumrongth.wordpress.com/สบื คน้ วนั ท่ี 24 เมษายน 2561

ตรัสรู้และปรินิพพาน” และมีพระดารัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้วบัญญัติ
แล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอท้ังหลาย เม่ือเราล่วงลับไปแล้ว” พระพุทธเจ้าทรง
ประชวรหนัก แต่ทรงอดกลั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
โดยก่อนท่ีจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานน้ัน พระองค์ได้อุปสมบทแก่พระสุภัททะปริพาชก ซึ่งถือได้ว่า
“พระสุภัททะ” คือสาวกองค์สุดท้ายท่ีพระพุทธองค์ทรงบวชให้ ในคราน้ันพระองค์ทรงมีปัจฉิมโอวาทว่า
“ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย เราขอบอกเธอท้ังหลาย สังขารทั้งปวงมีความเส่ือมสลายไปเป็นธรรมดา พวกเธอจึง
ทาประโยชน์ตนเอง และประโยชน์ของผู้อ่ืนให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด” (อปปมาเทน สมปาเทต) จากน้ัน
ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยานของเหล่ามัลลกษัตริย์ เมืองกุสนิ ารา แคว้นมัลละ
ในวันข้ึน 15 ค่า เดอื น 6 รวมพระชนม์ 80 พรรษา และวันน้ถี อื เปน็ การเรมิ่ ต้นของพทุ ธศกั ราช

โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ฝ่ายประถมศึกษา (ศกึ ษาศาสตร)์

หนว่ ยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเร่อื งศาสนา 12

กิจกรรมท่ี 2 ใหน้ กั เรยี นเรยี งลาดับเหตกุ ารณพ์ ทุ ธประวัติต่อไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง

1. พระนางสิรมิ หามายา พระราชมารดาสวรรคต
2. พระเจา้ สุทโทธนะโปรดให้สร้างปราสาท 3 ฤดู ให้เป็นที่ประทับแก่เจา้ ชายสิทธัตถะ
3. เจ้าชายสิทธตั ถะทรงเขา้ รบั การศึกษาในสานักครูวิศวามิตร และทรงสาเร็จการศกึ ษาใน

เวลาตอ่ มา
4. เจ้าชายสิทธตั ถะทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญงิ ยโสธราหรือพมิ พา
5. เจ้าชายสทิ ธตั ถะเสดจ็ ออกบวชโดยทรงม้ากณั ฐกะ มนี ายฉนั นะทหารมหาดเล็กตามเสด็จ
6. เจา้ ชายสิทธัตถะทรงเห็นเทวทูตทงั้ 4 ในขณะเสด็จประพาสนอกพระราชวัง
7. พระนางยโสธราประสูตพิ ระโอรส ต่อมามีพระนามว่า ราหุล
8. เม่อื ถงึ รมิ ฝง่ั แม่น้าอโนมา เจ้าชายสิทธัตถะทรงปลงผม โกนหนวดและครองเพศเป็นนกั บวช

เรยี งลาดบั เหตกุ ารณ์

……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ……….. ………..

กิจกรรมท่ี 3 ให้นกั เรยี นเขียนเครอื่ งหมาย หน้าข้อความทก่ี ล่าวถกู ตอ้ ง หรอื
เครอื่ งหมาย  หน้าขอ้ ความทก่ี ลา่ วผดิ

………….. 1. พระพทุ ธเจ้ามพี ระนามเดมิ ว่า สิทธัตถะ
………….. 2. พระพทุ ธเจ้าตรัสร้เู มอ่ื พระชนมายุ 29 พรรษา
………….. 3. การอดอาหารถือเปน็ การบาเพ็ญทุกรกิริยาอย่างหนง่ึ
………….. 4. พระพุทธเจ้าตรัสรอู้ ริยสจั 4
………….. 5. พระพุทธเจ้าทรงม้าฉันนะออกจากพระราชวัง
………….. 6. หลงั จากพระพทุ ธเจ้าทรงตรัสร้แู ล้ว ได้เสด็จออกประกาศธรรม โดยทรงโปรดปัญจวคั คยี ์เป็น

กลุ่มแรก
………….. 7. พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดชฎลิ เป็นคณะแรก
………….. 8. เวฬุวันเป็นวัดแหง่ แรกในพระพุทธศาสนา
………….. 9. พระสภุ ัททะ คือสาวกองคส์ ุดท้ายท่ีพระพทุ ธองค์ทรงบวชให้
………….. 10. ปญั จวัคคีย์ประกอบด้วยโกณฑญั ญะ วัปปะ มหานามะ โมคคัลลานะและสารบี ุตร

โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ฝ่ายประถมศึกษา (ศกึ ษาศาสตร)์

13 หนว่ ยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเร่อื งศาสนา

กจิ กรรมท่ี 4 ใหน้ ักเรยี นจับคูข่ ้อความทม่ี ีความสัมพนั ธ์กนั

………….. 1. เวฬุวนั มหาวิหาร ก. ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหา
………….. 2. พระเจา้ พิมพิสาร ข. ความอดทน
………….. 3. ตรัสรู้ ค. วัดแหง่ แรกในพระพทุ ธศาสนา
………….. 4. กณั ฐกะ ง. กษัตริยค์ รองแคว้นมคธ
………….. 5. บัว 4 เหล่า จ. พระภิกษุองค์แรกในพระพทุ ธศาสนา
………….. 6. อัญญาโกณฑญั ญะ ฉ. พระอัครสาวกเบื้องซ้าย
………….. 7. พระสารบี ุตร ช. วนั ขนึ้ 15 คา่ เดอื น 6
………….. 8. พระโมคคลั ลานะ ซ. ม้าทรงทใี่ ช้เสดจ็ หนอี อกจากพระราชวัง
ฌ. พระอคั รสาวกเบือ้ งขวา
ญ. ระดับสติปญั ญา
ฎ. ข้นึ 15 คา่ เดือน 6

การประสูติ ตรัสรู้ ปรินพิ พานของพระพุทธเจ้า
http://academic.udru.ac.th/~culture/wp-content/uploads/2016/04/

สบื คน้ วนั ท่ี 13 เมษายน 2563

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแกน่ ฝ่ายประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)

หนว่ ยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเรื่องศาสนา 14

3. ศาสนิกชนตัวอย่าง

คาถามนากอ่ นเรียน

นักเรยี นจะนาข้อคดิ ทีไ่ ด้จากศาสนิกชนตัวอยา่ ง
ไปเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิตนในชีวิตประจาวัน
อย่างไรบ้าง

มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวัติ ความสาคญั
ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ตี น
นับถือและศาสนาอ่นื มีศรัทธาทีถ่ กู ตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏบิ ตั ิตาม
หลกั ธรรม เพือ่ อยรู่ ่วมกนั อย่างสันติสขุ

ตวั ช้วี ัด ส 1.1 ป 4/3 เหน็ คณุ ค่า และปฏบิ ตั ิตนตาม
แบบอย่างการดาเนนิ ชวี ติ และขอ้ คดิ จากประวัตสิ าวก ชาดก/
เร่อื งเล่าและศาสนกิ ชนตวั อย่างตามทกี่ าหนด

ความคิดรวบยอด

พทุ ธศาสนิกชน หมายถึง คนที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็น
ศาสนาประจาตัว ยินดีท่ีจะปฏิบัติตามคาสอนของพระพุทธศาสนา
คือ เวน้ จากการทาความช่ัว ทาแต่ความดี และทาจติ ใจใหบ้ ริสุทธิ์

โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร)์

15 หน่วยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเรอ่ื งศาสนา

3. ศาสนิกชนตวั อย่าง

สมเดจ็ พระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก
สมเด็จพระมหิตลาธิเศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงพระราชสมภพ เม่ือวันท่ี

1 มกราคม พ.ศ. 2434 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 69 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเดจ็ พระศรีสวรนิ ทราบรมราชเทวี

สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ทรงบรรพชาสามเณร เมื่อวันท่ี 20 สิงหาคม ถึงวันที่ 13 ธันวาคม
พ.ศ. 2447 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์ทรงสนพระทัยศึกษาและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างดี ภายหลัง
ทรงลาผนวชแล้ว เสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ทรงเข้าเรียนแฮโรว์ในปี พ.ศ. 2448 เพ่ือทรงศึกษา
วิชาเบ้ืองต้น ต่อมาทรงศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมนายร้อย
ท่ีประเทศเยอรมนี และทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อย
ทหารบกจนสาเร็จ และหลังจากนั้นได้ทรงศึกษาด้านทหารเรือ
และทรงสาเร็จการศึกษาเป็นนายทหารเรือ ในปี พ.ศ. 2454
และทรงรบั ราชการอยใู่ นกองทัพเรอื เยอรมนี

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ที่ 6 เกิดสงครามโลกครั้งท่ี 1 สมเด็จฯ พระบรมราชชนก จึง
เสด็จจากประเทศเยอรมนีกลับประเทศสยาม (ประเทศไทย) และ
ทรงเขา้ รับราชการในกระทรวงทหารเรืออยรู่ ะยะหนึ่ง

ภาพสมเดจ็ พระมหิตลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก สบื คน้ วนั ท่ี 11 พฤษภาคม 2561
จาก http://www.princemahidolfoundation.com/profiles/muniti.html

ทรงสนพระทยั ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ

เมื่อคร้ังเสด็จโรงพยาบาลศิริราช ทอดพระเนตรเห็นความขาดแคลนของโรงพยาบาลศิริราช
ความทุกข์ยากของราษฎรเมื่อป่วยไข้ สถานที่ในโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล และเครื่องมือ
ไม่เพียงพอ ทรงสลดพระทัยเมื่อเห็นภาพเหล่าน้ัน พระองค์จึงตัดสินพระทัยลาออกจากกองทัพเรือ
เสด็จประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขจนสาเร็จแพทยศาสตร์บัณฑิต
เกยี รตนิ ิยมเหรยี ญทอง และได้เสด็จนิวตั ิเมืองไทย

ทรงอภเิ ษกสมรส
สมเด็จ ฯ พระบรมราชชนก ได้อภิเษกสมรสกับสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี

โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร)์

หนว่ ยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เร่ืองศาสนา 16

(พระนามเดิม สังวาล ตะละภัฏ) ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยรับพระบรมราชานุญาตจาก
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั ท้ังสองพระองค์ทรงมพี ระธิดาและพระโอรสท้ังสนิ้ 3 พระองค์ คอื

1. สมเด็จพระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์
2. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั อานันทมหิดล
3. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดลุ ยเดช
พระกรณียกิจ
ด้านการแพทย์ ทรงสนพระทัยในการปรับปรุงการศึกษาแพทย์ การศึกษาพยาบาล การปรับปรุง
โรงพยาบาลศริ ิราช การสาธารณสขุ และทรงพฒั นารากฐานระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทย
ด้านการทหาร ทรงพัฒนากองทัพเรือ เช่น เรือตอร์ปิโด เรือดาน้า เป็นต้น นอกจากนี้พระองค์
ยงั ทรงมีบทบาทสาคัญในการพฒั นาดา้ นการศึกษาด้านการประมง และด้านอน่ื ๆ อีกมาก
สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่างที่ดี สมควรถือเปน็ แบบอยา่ ง คือ ในขณะ
ที่ทรงพระเยาว์ ทรงมีพระราชจริยวัตรที่งดงาม ทรงนาหลักธรรมมงคลชีวิต 38 ประการ มาปฏิบัติ
พระองค์ได้อย่างเหมาะสม เช่น ทรงเคารพเชื่อฟงั พระบรมราชชนก (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว) และพระบรมราชชนนี (สมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี) ทรงบรรพชาเป็นสามเณร
เม่ือทรงพระเยาว์ ทรงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนด้วยความอ่อนน้อมเคารพครูอาจารย์โดยไม่ถือพระองค์
ทรงมีพระราชจริยวัตรอันงดงามในฐานะแพทย์ท่ีมีน้าพระทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาต่อประชาชน
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของราษฎรที่เจ็บป่วย จึงตัดสินพระทัยลาออกจากการเป็น
ทหารเรือและเสด็จกลับไปศึกษาท่ีสหรัฐอเมริกา โดยศึกษาวิชาแพทย์ และสาธารณสุขจนสาเรจ็ ทรง
เสด็จกลับมาปฏิบัติหน้าที่แพทย์รักษาประชาชนผู้เจ็บป่วยและทรงแก้ไขพัฒนาโรงพยาบาลศิริราช
ให้เป็นโรงพยาบาลท่ีทันสมัยและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไม่เห็นแก่พระองค์เอง พระเมตตา
ของสมเดจ็ ฯ พระบรมราชชนก สอดคลอ้ งกบั พุทธศาสนสุภาษิตทว่ี ่า เมตตาธรรมค้าจนุ โลก

ภาพสมเด็จพระมหติ ลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก สืบค้นวันที่ 8 เมษายน 2563
จาก https://www.psu.ac.th/th/mahidol-history

โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ฝ่ายประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร์)

17 หนว่ ยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเร่ืองศาสนา

สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี
พระราชประวตั ิ

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีศักด์ิกาเนิด
เป็น “สามัญ ชน” ทรงมีพระนามเดิมว่า นางสาวสังวาลย์
ตะละภัฏ พระราชสมภพในวันอาทิตย์ท่ี 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443
ท่ีจังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรีองค์ท่ี 3 ในพระชนกชูและพระชนนีคา
ตอ่ มาครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ในละแวกวัดอนงคาราม แขวงสมเด็จ
เจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร (เดิมคือจังหวัดธนบุรี)
หลังจากทรงกาพร้าพระชนกตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และกาพร้าพระชนนี
เมื่อ 9 พรรษา พระญาติได้นาขึ้นถวายตัวเป็นข้าหลวงรุ่นเด็กของสมเด็จ
เจา้ ฟ้าวลัยอลงกรณ์ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ ัวตลอดมา

ภาพสมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี สืบค้นวันที่ 11 พฤษภาคม 2561
จาก http://www.partiharn.com/contents/257

เม่ือทรงพระเยาว์ ได้ทรงศึกษาที่โรงเรียนวัดอนงคาราม ในแผนกเด็กนักเรียนหญิง ต่อมาทรง
ไดย้ า้ ยไปศึกษาที่โรงเรยี นศึกษานารแี ละโรงเรียนสตรวี ทิ ยาตามลาดับ และทรงเขา้ ศึกษาต่อในโรงเรยี น
แพทย์ผดุงครรภแ์ ละหญงิ พยาบาลแหง่ ศิริราช จนครบหลกั สตู ร 3 ปี สามารถประกอบอาชพี ได้

ต่อมาสมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี ได้พระราชทานทุนเล่าเรียนเพ่ือคัดเลือกพยาบาล
สง่ ไปศึกษาต่อท่ีประเทศสหรฐั อเมริกา ในการน้ีอธิบดีกรมสารธารณสขุ ไดค้ ัดเลอื กนางสาวสงั วาลยเ์ ป็น
นักเรียนทุนของสมเด็จพระศรสี วรนิ ทรา บรมราชเทวี โดยสมเดจ็ เจ้าฟ้ามหดิ ลอดุลยเดชกรมขุนสงขลา
นครินทร์ ทรงเป็นผู้ดูแลนักเรียนทุนไปโดยปริยาย ประกอบกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ทรงมีพระสิริโฉมและพระจริยวัตรอันงดงามจนกลายเป็นที่สนิทเสน่หาในเวลาต่อมา และได้รับ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตอภิเษกสมรส ตามกฎมณเฑียรบาลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจา้ อยู่หวั และเข้าสู่พิธอี ภิเษกสมรสทว่ี ังสระประทุม เมื่อวันท่ี 10 กันยายน พ.ศ. 2463 พระนาม
ท่ีเรียกขานในเวลานั้น คือ “หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา” เมื่ออภิเษกสมรสแล้ว ท้ังสองพระองค์
ไดเ้ สดจ็ กลับไปทรงศกึ ษาตอ่ ที่ประเทศสหรัฐอเมรกิ า

เมื่อทรงศึกษาต่อจนสาเร็จแล้ว ทั้งสองพระองค์เสด็จนิวัติพระนครเพื่อนาความรู้ที่ได้รับมาใช้
ในการทรงงานทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข สมเด็จฯ พระบรมราชชนก ทรงเปน็ นายแพทย์
ท่ีสมบูรณ์และพร้อมที่จะทรงงานด้านการแพทย์ พระองค์จึงทรงงานด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และทรง
เสียสละเพ่ือช่วยเหลือประชาชนผู้ทนทุกขเวทนาด้วยโรคภัยไข้เจ็บ จนกระท่ังพระสุขภาพพลานามัย
ทรดุ โทรมลง และทรงประชวรหนักจนส้นิ พระชนม์ เมือ่ วนั ที่ 24 กนั ยายน พ.ศ. 2472

โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร์)

หน่วยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เรื่องศาสนา 18

พระราชภาระเพ่อื ประเทศชาติ

เม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 7 ทรงสละราชสมบัติ รัฐสภาจึงมีมติอัญเชิญ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 8 ซ่ึงต่อมา
คณะผู้สาเร็จราชการแผ่นดินได้สถาปนาหม่อมศรีสังวาลย์ เป็น “สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์” ใน
พ.ศ. 2488 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จนิวัติพระนครอีกคร้ัง พร้อมด้วยสมเด็จ
พระอนุชาและพระราชชนนี ด้วยพระชนมายุ 20 พรรษา ทรงบรรลุนิติภาวะท่ีจะบริหารราชการ
แผ่นดนิ ดว้ ยพระองคเ์ อง

แตใ่ นวันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เรอื่ งรา้ ยแรงที่สุดเกดิ ข้นึ เมือ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว
อานนั ทมหิดลต้องพระแสง (ปืน) สวรรคต ซึ่งไดน้ าความเศรา้ โศกมาสู่ชาวไทยอย่างใหญ่หลวง และใน
วันเดียวกันน้ันสภาผู้แทนราษฎรได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช
ขึ้นครองราชย์เม่ือชนมายุเพียง 18 พรรษาเท่านั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงต้องรับ
พระราชภารกิจและถวายอภิบาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่เป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจที่ดีงามเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน
ทรงเป็นที่รักและเทิดทนู บชู าของเหลา่ พสกนิกรชาวไทยตลอดมา

พระราชภาระเพื่อประชาชน
ตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระองค์ได้ทรงเสด็จพระราชดาเนิน

เยี่ยมราษฎรต่างจังหวัดในหมู่บ้านถิ่นทุรกันดาร ทรงพบเห็นความทุกข์ยากของราษฎร ปัญหาการขาดแคลน
โรงเรียน ปัญหาดา้ นการอนามยั ปัญหาการขาดแคลนแพทย์และพยาบาล

สมเด็จย่ากบั งานด้านการแพทย์และสาธารณสขุ
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000105131

สืบคน้ วนั ท่ี 13 เมษายน 2563

โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ฝ่ายประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร์)

19 หน่วยท่ี 1 บอกกล่าวเล่าเร่ืองศาสนา

พระองค์โปรดให้คณะแพทย์ในขบวนเสด็จออกรักษาประชาชนที่เจ็บไข้ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของ
“มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” หรือมูลนิธิ พอ.สว. ด้วยพระองค์ทรง
ตระหนักว่าราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารไม่มีโอกาสได้รับการ
รักษาพยาบาลตามแผนปจั จบุ ันท่ถี ูกตอ้ ง

พระองค์ทรงอนุรักษ์สภาพป่าเล่ือมโทรมโดยทรง
จัดต้ัง “โครงการพัฒนาดอยตุง” เพื่อพัฒนาพื้นที่ดอยตุงใน
เขตอาเภอแม่จัน อาเภอแม่ฟ้าหลวงและ อาเภอแม่สาย
จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีป่าให้กลับ
สมบรู ณ์ ใชท้ รัพยากร อย่างเหมาะสม ยกระดบั คุณภาพชีวิต
ของชาวไทยภเู ขาและชาวพื้นทีร่ าบทยี่ งั ยากจน

สมเดจ็ ย่ากับงานด้านการแพทย์และสาธารณสขุ
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000105131

สบื ค้นวนั ท่ี 13 เมษายน 2563

สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี

http://oknation.nationtv.tv/blog/chai/2007/07/
31/entry-1/comment สืบค้นวันท่ี 13 เมษายน 2563

นอกจากน้ี พระองค์พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างโรงเรียนถึง 99 แห่ง และได้รับเงิน
จากพระสหายชาวต่างชาตจิ ัดสร้างโรงเรยี นเพิ่มข้นึ และทรงเสดจ็ เปิดโรงเรียนดว้ ยพระองค์เอง

พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายให้กับวงการแพทย์ การศึกษาของประชาชนตามชนบทที่อยู่ตาม
ถิน่ ทรุ กันดารจนเปน็ ท่รี ักเคารพบูชาของประชาชนท้ังประเทศ จนกระท่ังเรียกพระองค์ว่า “แมฟ่ า้ หลวง”

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระจริยวัตรท่ีงดงามมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
ทรงเป็นชาวพุทธตัวอย่าง ทรงปฏิบัติพระองค์ได้อย่างเหมาะสม พระองค์ทรงเคารพและอ่อนน้อม
ต่อบรรดาครูอาจารย์ทุกคน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสาเร็จการศึกษา ด้วยน้าพระทัยท่ีทรงเมตตา
ต่อบุคคลท่ัวไป พระองค์จึงทรงเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช

โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร)์

หนว่ ยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เร่อื งศาสนา 20

ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนตลอดพระชนม์ชีพได้ปฏิบัติพระราชภาระในทุกด้านเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้
ยากไร้ทั้งทุรกันดาร จนเป็นที่รักเคารพบูชาของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ซงึ่ เป็นพระเมตตาของพระองค์ท่ี
มตี อ่ บุคคลทัว่ ไป ซ่ึงตรงกับพุทธศาสนสภุ าษติ ว่า “เมตตาธรรมคา้ จุนโลก” น่นั เอง

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงดาริพระองค์และอภิบาลรักษาพระธิดาและ
พระโอรสตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และทรงเป็นชาวพุทธตวั อยา่ งที่ได้รับความรกั ความเคารพบชู า
จากประชาชนยากจะหาผูใ้ ดเสมอเหมือน

กิจกรรมท่ี 5 ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิดเกี่ยวกับสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดช
วิกรม พระบรมราชชนก

สมเดจ็ พระมหิตลาธิเบศร อดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

โรงเรยี นสาธิตมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร์)

21 หนว่ ยที่ 1 บอกกลา่ วเล่าเรอ่ื งศาสนา

กจิ กรรมท่ี 6 ให้นกั เรียนเขียนแผนผงั ความคิดเกีย่ วกบั สมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราชชนนี
สมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี

โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร)์

หนว่ ยท่ี 1 บอกกล่าวเลา่ เร่ืองศาสนา 22

4. ชาดก

คาถามนากอ่ นเรียน

นกั เรียนจะนาข้อคิดที่ไดจ้ ากชาดกไปปรบั ใช้
ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไรบ้าง

มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสาคัญ
ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนบั ถอื
และศาสนาอื่น มศี รัทธาทถ่ี ูกต้อง ยึดม่นั และปฏบิ ตั ติ าม
หลกั ธรรมเพอื่ อยรู่ ่วมกันอยา่ งสันติสขุ

ตัวช้ีวัด ส 1.1 ป 4/3 เห็นคุณค่า และปฏบิ ตั ิตนตาม
แบบอย่างการดาเนนิ ชีวิตและข้อคดิ จากประวัตสิ าวก ชาดก/
เรื่องเลา่ และศาสนิกชนตัวอยา่ งตามที่กาหนด

ความคดิ รวบยอด

ชาดก เป็นเร่ืองราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของ
พระพุทธเจ้า ในสมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บาเพ็ญบารมี
พระองค์ทรงนามาเล่าเพื่อเตือนสติ สอนใจ หรือให้ความรู้แก่
พระสงฆ์ในโอกาสต่าง ๆ ชาดกเป็นเร่ืองเล่าคล้ายนิทาน บางครั้ง
จึงเรียกวา่ นิทานชาดก

โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝา่ ยประถมศึกษา (ศึกษาศาสตร์)

23 หน่วยท่ี 1 บอกกล่าวเล่าเรอ่ื งศาสนา

4. ชาดก

กุฏิทสู กชาดก : นกขม้ินสอนลิงพาล

คร้ังหน่ึงนานมาแล้ว ในเมืองพาราณสี มีนกขมิ้นตัวหน่ึง อาศัยอยู่ในรังที่ทาข้ึนเองอย่างประณีต
แข็งแรง แม้น้าฝนก็ไม่อาจรั่วเข้าไปให้เปียกได้ คร้ังหนึ่งในฤดูฝน มีฝนตกชุกติดต่อกัน จนพื้นดินชุ่มฉ่า

ไปด้วยน้าฝน มีลิงตัวหน่ึงวิ่งหลบฝนมาน่ังอยู่ใกล้ ๆ รังของนกขม้ิน
นกขมนิ้ เห็นลงิ น่ังกอดเข่า ตัวสั่น เปียกปอนด้วยความหนาวเหน็บ
จงึ รอ้ งถามออกไปดว้ ยความสงสารและความแปลกใจว่า “ ท่ า น ลิ ง
เราเห็นว่าท่านก็มีหัว มีมือ มีเท้าคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่เหตุใด
ท่านจึงไม่สร้างบ้านอยู่เองเล่า ทาไมต้องมานั่งหลบฝนเปียกปอน
อยู่เช่นน้ี” ลิงได้ฟังดังนั้น ก็ตอบกลับไปด้วยความขุ่นเคืองว่า “เจ้า
นกขม้ิน แม้ว่าเราจะมีหัว มีมือ มีเท้าคล้ายกับมนุษย์ก็จริง แต่เรา
ไม่ได้มีสมองดีเท่าเทียมกับปัญญาของมนุษย์ เราจึงไม่สามารถ
สร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยเองได้” นกขม้ินจึงแนะนาวา่ “น!่ี ทา่ นลิง
หากท่านต้องการจะให้ปัญญาเกิดข้ึนในหัวของท่าน ท่านจงต้ังใจละทิ้งความไม่ดี ความคดโกงที่ท่านเคยเป็น
แล้วทาความดี รักษาศีล ทาจิตใจให้ม่ันคงเป็นสมาธิ แล้วปัญญาก็จะเกิดใน
ตัวท่าน จะช่วยให้ท่านสร้างบ้านได้” เมื่อลิงได้ฟังคาแนะนาสั่งสอนของนก
ขม้ินก็เกิดโมโหและ นึกในใจว่า “เจ้านกขมิ้นหลบอยู่ในรังที่กันฝนกันลม
ได้ จึงปากดีอวดตนมาสั่งสอน” นึกดังนั้นแล้วก็ตรงเข้าไปคว้าตัวนก
ขม้ินจากในรงั นกขมิ้นรู้ทนั จึงบินหนีไปเสยี ก่อน ลิงจงึ ได้แต่ทุบทาลายรัง
ของนกขม้นิ จนพงั หมดแลว้ ก็วิง่ หนีไปทีอ่ ่นื

มหาอุกกสุ ชาดก : สัตว์ 4 สหาย

กาลครัง้ หนึ่ง นานมาแล้ว มีชาวบ้านกลุ่มหน่ึงประกอบอาชีพล่าสัตว์ พอทราบว่าป่าใดมีสัตว์มาก ก็
จะพากันตั้งค่ายพักอย่ใู กล้ป่านั้นล่าสัตว์ อยู่ต่อมาได้พากันไปลา่ สตั ว์ในปา่ แห่งหนึ่ง ในป่าน้ันมีสระน้า ซึ่ง
มีสตั ว์ 4 ชนดิ อาศัยอย่รู อบสระ

วันหน่ึงเหยี่ยวสามีได้ปรึกษาภรรยาว่า “น่ีน้อง..เราควรจะมีลูกน้อยได้แล้วล่ะ” ภรรยากล่าวว่า
“พ่ี เรายังไม่มีมติ รเลย ถา้ เกิดภัยอนั ตรายขึ้นมา เราจะไปพ่ึงใคร ก่อนจะมลี กู น้องวา่ เราควรจะเขา้ ไป
ผูกมิตรกับสัตว์อีก 3 ตัวก่อน” สามีเห็นดีด้วย เม่ือผูกมิตรกับสัตว์ทั้ง 3 ตัวแล้ว จึงไปทารังอยู่ที่ต้นกระทุ่ม

โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ฝา่ ยประถมศกึ ษา (ศกึ ษาศาสตร)์

หนว่ ยท่ี 1 บอกกลา่ วเล่าเร่อื งศาสนา 24

ข้างสระน้านั้น ไม่นานก็มีลูกน้อย 2 ตัว อยู่มาวันหนึ่ง พวกชาวบ้านกลุ่มน้ันพากันตระเวนล่าสัตว์ป่า
ตลอดวันไม่ได้สัตว์สักตัว จึงปรึกษากันว่า “เม่ือไม่ได้อะไรพวกเราก็พักอยู่ในป่านี่แหละ ได้อะไรแล้วค่อย
กลับบ้าน” จึงพักค้างคืนใต้ต้นกระทุ่มต้นนั้น เมื่อมียุงมารุมกัด พวกเขาจึงก่อกองไฟข้ึน ควันไฟได้รม
ลูกนกเหย่ียว มันจึงพากันร้อง พวกเขาจึงพูดกันว่า “เสียงลูกนกน่ี หาอะไรไม่ได้ทั้งวัน หิวจนตาลาย
อยู่แล้ว มัดคบเพลิงเร็ว จะข้ึนไปนามันลงมาปิ้งกิน” แม่เหยี่ยวพอลูกส่งเสียงร้องก็ทราบว่ามีภัย จึงรีบ
บอกสามีให้ไปขอความช่วยเหลือจากพญานกออก พญานกออกยินดีช่วยเหลือ โดยบินไปจับอยู่ท่ีต้นไม้
ตน้ หน่ึงทอี่ ยู่ข้างเคียง พอชาวบ้านคนหนึ่งถอื คบเพลิงปีนขนึ้ ต้นไม้ใกล้จะถึงรงั นกเหยย่ี ว มันก็รีบบินลงในสระน้า
นามาดับคบเพลิง คนน้ันก็จะลงมาจุดคบเพลิงและปีนข้ึนไปใหม่ ใกล้จะถึงรังนกเหยี่ยวก็ถูกพญานกออก
ดับคบเพลิงอีก เป็นอยู่ลักษณะน้ีจนถึงเที่ยงคืน พญานกออกเหน็ดเหนื่อยจนตาแดงก่า เหย่ียวเห็นพญานกออก
เหน็ดเหนื่อยมากแล้วจึงขอบคุณและให้กลบั ไปพักผ่อน ส่วนตนรีบขอความช่วยเหลือจากเตา่ เตา่ ใหญ่ข้ึนมา
จากสระน้า นาเปลือกตมและสาหร่ายข้ึนไปดับกองไฟ พวกชาวบา้ นเห็นเตา่ ใหญข่ ้ึนมาจากสระน้ามาดับไฟ
กพ็ ากันหันมาจับเต่าแทน ช่วยกันดงึ เถาวัลย์และผูกเต่าดงึ ไว้ กลับถูกเตา่ ใหญ่ลากลงสระน้าไป พอข้นึ จากสระน้า
แล้วพากันบ่นพึมพาว่า “นกออกคอยดับคบเพลิงเราต้ังครึ่งคืน คราวนี้โดนเต่าใหญ่ลากลงน้า ก่อไฟ
ขน้ึ ใหมเ่ ถอะเรา เม่ืออรุณขน้ึ แล้วค่อยกนิ ลูกเหย่ียวก็ได้” ว่าแล้วพากันเก็บฟืนมาก่อไฟขึ้นใหม่ ส่วนเหย่ียว
สองผัวเมียหารือกันว่า “คงจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านราชสีห์แล้วล่ะ” เหยี่ยวสามีจึงไปขอ
ความช่วยเหลือจากท่านราชสีห์ ราชสีห์รับคาแล้วเดินไปท่ีกองไฟของพวกชาวบ้าน พอเห็นราชสีห์เดินมา
ต่างก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไป ราชสีห์เดินไปใต้ต้นกระทุ่มไม่เห็น มีใครหลงเหลืออยู่เลย ไม่นานเหยี่ยว
พญานกออกและเต่าก็เข้ามาหา ราชสีห์จึงให้โอวาทว่า “ต่อแต่น้ีไป เจ้าท้ังหลายอย่าทาลายมิตรธรรม อยู่อย่าง
ไม่ประมาทเถิด” แล้วก็กลับที่อยู่ของตน สัตว์ต่าง ๆ ก็แยกย้ายกลับที่อยู่ของตนไป แม่เหยี่ยวมองดูลูกน้อย
ของตนแล้วพูดขึ้นว่า “เพราะอาศัยมิตรแท้ ๆ เราจึงรักษาลูก ๆ ไว้ได้” แล้วจึงกล่าวเป็นคาถาว่า
“บุคคลพึงคบมิตรสหายและเจ้านายไว้ เพื่อได้รับความสุข เรากาจัดศัตรูได้ด้วยกาลังแห่งมิตร เป็นผู้
พรอ้ มเพรียงด้วยบุตรท้งั หลาย บนั เทงิ อยู่ เหมอื นเกราะท่ีบุคคลสวมแลว้ ป้องกนั ลูกศรทัง้ หลายไดฉ้ ะนนั้ ”

นิทาน 4 สหาย https://sites.google.com/a/nonedu2.go.th/sutatip/sara-thi-1-sasna-sil-thrrm-
criythrrm/hnwy-thi-2-phuthth-sawk-chadk-phuththsasnikchn-tawxyang/mha-xu-kkus-chadk-satw-

4-shay สืบค้นวนั ท่ี 24 เมษายน 2560

โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ฝ่ายประถมศึกษา (ศกึ ษาศาสตร)์

25 หนว่ ยที่ 1 บอกกล่าวเล่าเรอ่ื งศาสนา

กจิ กรรมท่ี 7 ใหน้ ักเรยี นเติมคาตอบใหถ้ กู ตอ้ ง

1. ขอ้ คดิ ทไ่ี ด้จากเรอ่ื งกุฏิทูสกชาดกคืออะไร
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
2. นกั เรยี นคดิ ว่าจะนาแนวคิดท่ไี ด้จากเร่อื งกฏุ ิทสู กชาดกไปใชใ้ นชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
3. ขอ้ คดิ ท่ไี ดจ้ ากเรือ่ งมหาอุกกสุ ชาดกคอื อะไร
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
4. นกั เรียนคิดว่าจะนาแนวคดิ ทไี่ ด้จากเรื่องมหาอุกกุสชาดกไปใช้ในชวี ติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................

โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ฝ่ายประถมศกึ ษา (ศึกษาศาสตร)์


Click to View FlipBook Version