The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ท้าวมหาพรหม มี ๔ หน้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2020-12-23 22:22:04

ท้าวมหาพรหม มี ๔ หน้า

ท้าวมหาพรหม มี ๔ หน้า

มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง
สพั พัง อะปะราธงั ขะมะถะเม ภันเต

ทา้ วมหาพรหม
มี ๔ หน้า

จัดพมิ พเ์ ป็นอนสุ รณ์

เพ่ือน้อมถวายเปน็ อาจารยิ บชู า

หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปนั โน
(พระธรรมวิสทุ ธิมงคล)

ในวาระนิพพานครบรอบ ๑๐ ปี
วนั ท่ี ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔

ท้าวมหาพรหมมี ๔ หน้า
ISBN : 978-611-7174-10-0
พิมพ์ครง้ั ที่ ๓ : มกราคม ๒๕๖๔
จำ� นวนพิมพ ์ : ๒,๐๐๐ เล่ม
คณะผูจ้ ัดพมิ พ์ : มูลนธิ ิ “สายธาร-สายธรรม”
โดยคณะเรือบุญปากน�ำ้ ศษิ ย์ทา่ นพ่อลี ธมั มธโร
สถานทตี่ ิดต่อ :

๑) สำ� นักงานใหญ่: ๒๕๐/๖๕๑ หมบู่ ้านกฤษดานคร ๓๐ ถ.เทพารักษ์ ต.บางปลา

อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประเทศไทย ๑๐๕๔๐ โทรศพั ท์ :๐๘๑-๗๕๒๔๘๗๖

๒) สวนปฏบิ ัตธิ รรม สายธาร-สายธรรม : ๓๓/๓ บา้ นนำ�้ พุ ต.พุทธบาท อ.ชนแดน

จ.เพชรบรู ณ์ ประเทศไทย ๖๗๑๕๐ โทรศพั ท์ : ๐๘๑-๙๖๔๕๘๗๗

www.saitarn-saidham.com, e-mail : [email protected],

facebook.com/.saitarn-saidham, facebook.com/

สวนปฏิบตั ธิ รรม สายธาร-สายธรรม
ประธานมูลนิธิ : คุณเรวดี ผลวัฒนสุข
รองประธานมลู นธิ ิ : พ.ต.อ.หญิงศรีสมร ธรรมเช้อื
เหรัญญิกและกรรมการ : คุณเจียมจิต กลุ มาลา
ประธานอปุ ถมั ภ ์ : คณุ สมพงษ์ ผลวฒั นสขุ

: รศ.ดร.ธนโชติ - คุณกนกวรรณ บุญวรโชติ

: คุณพลศิลป์ - คุณวรญั ญาสิริ ปัญญาภิวฒั น์ภสั ร

: คณุ ทศพล ชา้ งพงษ์ - คณุ ณิชชา สจุ ริตธรรม

ข้อมูลอา้ งอิงจาก
๑) www.luangta.com
๒) หนังสอื “ภพภมู ิ” โดยทา่ นอาจารย์อทุ ยั สิริธโร วดั เขาใหญ่เจรญิ ธรรม
ญาณสัมปนั โน ต.โปง่ ตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสมี า

พมิ พ์ที่ บริษทั ศิลป์สยามบรรจภุ ัณฑ์และการพมิ พ์ จำ�กดั

๖๑ ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝ่ังเหนอื (เพชรเกษม ๖๙) แขวง/เขตหนองแขม
กรงุ เทพฯ ๑๐๑๖๐ โทรศพั ท์ ๐๒-๔๔๔-๓๓๕๑-๒ โทรสาร ๐๒-๔๔๔-๐๐๗๘
e-mail: [email protected]

ค�ำน�ำ

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระบรมครูของเทวดาและมนษุ ยท์ ้ังหลาย

ขอนอบน้อมแด่พระสัทธรรม อันเป็นธรรมน�ำหมู่สัตว์
ให้ข้ามพ้นจากวฏั สงสาร

ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผ้เู ป็นเนื้อนาบุญอันยงิ่ ใหญ่

ขอนอบน้อมแด่ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ผู้สืบพระศาสนา
จำ� เดิมแตพ่ ุทธกาลเปน็ ลำ� ดับมา
คณะเรอื บุญปากน�ำ้ ศษิ ย์ท่านพอ่ ลี ธมั มธโร และ คณะ
ศรทั ธาศษิ ยานุศษิ ย์ ได้นำ� พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบวั
ญาณสมั ปันโน (พระธรรมวิสทุ ธมิ งคล) มาจัดพมิ พเ์ ป็นหนงั สือ
ชอ่ื “ท้าวมหาพรหม มี ๔ หน้า” เพือ่ น้อมถวายเปน็ อาจาริยบชู า
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในวาระนพิ พานครบรอบ ๑๐ ปี
วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นี้

ในการทำ� หนงั สือเลม่ นม้ี วี ัตถปุ ระสงค์ เพ่ือใหส้ าธุชนผใู้ ฝ่ใจ
ในธรรมะ จะได้ค้นคว้าศกึ ษาปฏิบตั สิ บื ต่อไป ผู้ท่ียงั ไมร่ ู้ ก็จะไดร้ ู้
ผู้ท่ีรู้แล้ว ก็จะได้รู้เพ่ิมขึ้น ผู้ท่ียังสงสัย จะได้คลายความสงสัย
กลายเป็นสัมมาทิฐิได้ เมื่ออ่านให้ถึงใจ จะเกิดความสว่างไสว
แจม่ ใสเบิกบานสำ� ราญใจ ประดจุ ไดด้ มื่ โอชารสแห่งธรรม อนั เปน็
รสประเสรฐิ เลศิ ย่งิ กว่ารสอื่นใด

ด้วยมีเวลาอันกระช้ันชิด ในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ อาจจะมี
ความบกพรอ่ งอยู่บ้าง จึงขออภัยจากท่านผู้ร้ใู นทน่ี ้ีด้วย พรอ้ มท้ัง
ขอขอบคุณในการขวนขวายประสานงานจากคณะศิษยานุศิษย์
รวมท้ังผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์ จนหนังสือส�ำเร็จลุล่วงด้วยดี
หากแม้มขี อ้ ผดิ พลาดใดๆ ขอพระรัตนตรัย โปรดงดโทษล่วงเกนิ
อนั น้ัน เพ่อื ความส�ำรวมระมัดระวงั ในกาลต่อไป

โดยเจตนาอันเป็นกุศลน้ี ขอผลานิสงส์ผลบุญท่ีคณะ
ศษิ ยานศุ ษิ ยไ์ ดก้ ระทำ� จงดลบนั ดาลอดุ หนนุ คำ้� จนุ ใหเ้ จรญิ ดว้ ย อายุ
วรรณะ สขุ ะ พละ ธนสารสมบตั ิ สวรรคส์ มบตั ิ และนพิ พานสมบตั ิ
สมปรารถนาในสิ่งที่พึงประสงค์ทุกประการ

ขออทุ ศิ บญุ กศุ ลนใ้ี หแ้ ก่ บรรพบรุ ษุ บดิ ามารดา ครอู ปุ ชั ฌาย์
อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติสนิทมิตรสหาย ท่านท้าวมหาพรหม
ท่านท้าวสักกเทวราช ตลอดจนทวยเทพเทวาท่ีคอยปกปักรักษา
ทวั่ ไตรโลกธาตุ เจา้ บุญนายคุณ เจ้ากรรมนายเวร เจา้ ท่เี จ้าทาง
สัมภเวสีท้ังหลาย ตลอดสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ทั้งหลายท้ังปวง
ทา่ นใดมที กุ ขข์ อใหพ้ น้ ทกุ ข์ ทา่ นใดมสี ขุ ขอใหม้ สี ขุ ยง่ิ ๆ ขนึ้ ไป ขอให้
ท่านทง้ั หลายจงได้รบั ในบุญกศุ ลน้ีโดยถ้วนหน้ากันเทอญ


คณะเรอื บุญปากนำ้�
ศิษยท์ า่ นพอ่ ลี ธัมมธโร

สารบญั

ทา้ วมหาพรหมมี ๔ หน้า .......................................................................... ๑

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดปา่ บา้ นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๙ พฤศจกิ ายน พุทธศกั ราช ๒๕๕๐

พรหมโลกมี นิพพานมี .............................................................................. ๑๐

(จากกัณฑ์ “จติ ขัน้ เห็นภัยเต็มท”่ี )
เทศนอ์ บรมฆราวาส ณ วัดป่าบา้ นตาด
เมือ่ วนั ที่ ๑๒ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๕๔๘

ค�ำปรารภทา้ ยเล่ม ........................................................................................ ๓๖

พรหมโลก

พรหมโลก คือโลกเบ้ืองสูงอันเป็นที่อยู่ของ รูปพรหม
(พรหมที่มีรูป) ๑๖ ช้ัน และ อรูปพรหม (พรหมท่ีไม่มีรูป)
๔ ชน้ั รวมเป็นทง้ั หมด ๒๐ ชั้น เกดิ จากผนู้ ่ังสมาธเิ ข้าฌาน
คอื ปฐมฌานภูมิ ๓ ทตุ ิยฌานภมู ิ ๓ ตติยฌานภมู ิ ๓ (ภูมิมี
๓ อย่าง คือ สามัญ ปานกลาง และประณีต) พรหมภูมิ
ตง้ั แต่ชน้ั ที่ ๑๐ จนถงึ ๒๐ แต่ละชั้นหา่ งกันประมาณหา้ ลา้ น
ห้าแสนสพ่ี นั โยชน์

พรหมชัน้ ท่ี ๑ พรหมปารสิ ัชชาภูมิ ภมู อิ ันเปน็ ที่อยูแ่ ห่ง
พระพรหม ผู้เป็นบริษัทท้าวมหาพรหม พระพรหมอายุ ๒๑
อันตรกัป บุพกรรมอันน้ี คือ อานิสงส์ผู้เจริญสมถะภาวนา
จนส�ำเร็จเป็นปฐมฌานได้อยา่ งสามญั

พรหมชน้ั ที่ ๒ พรหมปุโรหติ าภูมิ ภูมอิ ันเป็นที่อยูแ่ ห่ง
พระพรหมทั้งหลายผู้ทรงฐานะอันประเสริฐ คือ เป็นปุโรหิต
ของทา่ นมหาพรหม อายุ ๓๒ อนั ตรกปั ผลบญุ เกดิ จากผเู้ จรญิ
สมถะภาวนาส�ำเรจ็ ได้ปฐมฌานอย่างปานกลาง

พรหมช้ันท่ี ๓ มหาพรหมาภูมิ ภูมิอันเป็นท่ีอยู่แห่ง
พระพรหมทย่ี งิ่ ใหญท่ งั้ หลาย อายุของพระพรหมนัน้ ๑ มหากปั
ผลมาจากผู้เจริญสมถะภาวนาจนส�ำเร็จปฐมฌานได้อย่าง
ประณตี

พรหมชัน้ ท่ี ๔ ปรติ ตาภาภมู ิ ภมู อิ ันเปน็ ที่อย่แู ห่งทา่ น
พระพรหมท้งั หลาย ผูม้ รี ัศมนี ้อยกวา่ พระพรหมท่มี ีศกั ดิด์ าสงู
กว่าตน พระพรหมชั้นน้ีอายุ ๒ มหากัป ผลท่ีเป็นผู้มาอุบัติ
บงั เกิดในช้นั นไ้ี ดต้ ้องสำ� เร็จทตุ ยิ ฌานไดอ้ ยา่ งสามัญ

พรหมช้ันท่ี ๕ อัปปมาณาภาภูมิ ภูมิชั้นอันเป็นท่ีอยู่
แห่งพระพรหมท้ังหลาย ผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายมหาศาลหา
ประมาณไม่ได้ อายพุ ระพรหมชัน้ น้ี ๔ มหากปั ผลอานิสงส์
เจรญิ สมถะภาวนาสำ� เรจ็ ทตุ ยิ ฌานไดอ้ ยา่ งปานกลาง

พรหมช้ันท่ี ๖ อาภัสสราภูมิ ภูมิอันเป็นท่ีอยู่แห่ง
พระพรหมทง้ั หลาย ผมู้ พี ระกายรงุ่ เรอื งแหง่ รศั มนี านาประการ
พระพรหมชั้นนี้อายุ ๘ มหากัป ผลก็มาจากน่ังสมาธิภาวนา
เจรญิ สมถะภาวนาสำ� เร็จทุติยฌานได้อย่างประณีต

พรหมช้ันท่ี ๗ ปริตตสุภาภูมิ ภูมิอันเป็นท่ีอยู่แห่ง
พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสดสวยด้วยรัศมีเป็น
อย่างน้อย อายุพรหมช้ันน้ี ๑๖ มหากัป ผลแห่งการเจริญ
สมถะภาวนาส�ำเร็จในตตยิ ฌานอย่างสามัญ ฉะนนั้ ผลานสิ งส์
การฝึกสมาธิ จึงมอี านสิ งสม์ ากมายมหาศาล

พรหมชั้นที่ ๘ อัปปมาณสุภาภูมิ เป็นที่อยู่ของ
พระมหาพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสวยงามแห่งรัศมีมากมาย
ไมม่ ีประมาณ ไม่มีส้ินสดุ พระพรหมชน้ั นีม้ ีอายุ ๓๒ มหากปั
ผลานิสงส์ คือ เป็นผู้ได้ส�ำเร็จตติยฌานอย่างปานกลาง
ฉะนัน้ อานิสงส์การนง่ั สมาธิจึงเปน็ ท่เี ลอเสศิ ประเสริฐ

พรหมชั้นท่ี ๙ สุภกิณหาภูมิ เป็นภูมิอันเป็นท่ีอยู่แห่ง
พระพรหมท้ังหลาย ผู้มีความสง่างามแห่งรัศมีที่ออกสลับ
ปะปนอยู่ในรัศมีทั้งหลายท้ังปวง รัศมีเหล่านี้มีอยู่ตลอดรอบ
ศรี ษะ รปู ผม ทงั้ หลาย อายขุ องพระพรหมชน้ั นี้ ๖๔ มหากัป
ฉะนั้นรัศมีท่ีเลอเลิศอันนี้เกิดจากผลานิงส์การส�ำเร็จตติยฌาน
ได้อยา่ งประณตี

พรหมชั้นที่ ๑๐ เวหัปผลาภูมิ ภูมิอันเป็นที่อยู่แห่ง
พระพรหมท้ังหลาย ผู้ได้รับผลแห่งฌานกุศลอย่างไพบูลย์
พรหมช้ันน้ีมีอายุกาล ๕๐๐ มหากัป เป็นผู้เจริญฌาน
ส�ำเร็จการเจรญิ สมถะภาวนาขัน้ จตุตถฌาน

พรหมชัน้ ที่ ๑๑ อสัญญสตั ตาภูมิ ภูมิอนั เปน็ ทอี่ ย่แู หง่
พระพรหมท้งั หลายผไู้ ม่มีสญั ญา เรยี กวา่ พรหมลกู ฟกั อายุ
แห่งพรหมช้ันนี้ ๕๐๐ มหากัป ผลานิสงส์จากการเจริญ
ภาวนาสำ� เร็จจตตุ ถฌานและเปน็ ผมู้ สี ญั ญาวิราคะภาวนา

พรหมช้ันที่ ๑๒ อวิหาสุทธาวาสภูมิ ภูมิเป็นท่ีอยู่อัน
บริสุทธ์ิแห่งพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่เสื่อม
คลายในสมบัติของตน พระพรหมอนาคามี มีอายุ ๑,๐๐๐
มหากัป ผลการเจริญสมถะภาวนาได้จตุตถฌาน และเจริญ
วิปัสสนาภาวนาจนส�ำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมี
สัทธินทรีย์แก่กล้า ฉะนั้นผู้เจริญสมถะภาวนา วิปัสสนา
ภาวนา จึงเปน็ การชำ� ระยกฐานะจติ ใจใหเ้ จรญิ มากข้ึนๆ

พรหมช้ันท่ี ๑๓ อตัปปาสุทธวาสภูมิ ภูมิอันเป็นที่อยู่
อันบริสุทธ์ิแห่งพระอนาคามีอริยบุคคลท้ังหลาย ผู้ไม่มีความ
เดือดร้อน พระพรหมอนาคามี มีอายุกาลของอายุ ๒,๐๐๐
มหากัป ผู้เจริญสมถะภาวนาไดจ้ ตตุ ถฌานและเจรญิ วิปสั สนา
ภาวนาจนส�ำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยอาศัย
วิริยินทรีย์แก่กล้า

พรหมชั้นที่ ๑๔ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ ภูมิที่เป็นท่ีอยู่
อันบริสุทธิ์แห่งพระอนาคามีอริยบุคคลท้ังหลาย ผู้มีความ
เห็นอย่างแจ่มแจ้ง พระพรหมอนาคามี มีอายุยืนยาวนาน
๔,๐๐๐ มหากัป ฉะนั้นผลการส�ำเร็จจากสมถะภาวนาได้
จตุตถฌาน และเจริญวิปัสสนาภาวนาจนส�ำเร็จเป็นพระ
อนาคามีอริยบคุ คลโดยมสี ตินทรยี แ์ กก่ ล้า

พรหมช้ันท่ี ๑๕ สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ ภูมิเป็นที่อยู่
อันบริสุทธ์ิแห่งพระอนาคามีอริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความ
เห็นอย่างแจ่มแจ้งแจ่มใสมากกว่าพระพรหมอนาคามี มีอายุ
กาลถึง ๘,๐๐๐ มหากัป ผลานิสงส์ผู้เจริญสมถะภาวนาได้
จตตุ ถฌาน และเจริญวปิ ัสสนาภาวนาสำ� เรจ็ เปน็ พระอนาคามี
อริยบุคคลโดยมสี มาธนิ ทรยี แ์ กก่ ลา้

พรหมชน้ั ท่ี ๑๖ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ พรหมช้ันน้ีเป็น
ภูมิที่อยู่อันบริสุทธ์ิแห่งพระอนาคามีอริยบุคคลท้ังหลาย
ผู้ทรงคุณวิเศษโดยไม่มีความเป็นรองกัน พระพรหม
พระอนาคามชี นั้ นมี้ อี ายุ ๑๖,๐๐๐ มหากปั ผเู้ จรญิ สมถะภาวนา
ได้จตุตถฌาน และเจริญวิปัสสนาภาวนาจนส�ำเร็จเป็น
พระอนาคามอี รยิ บคุ คล โดยมปี ญั ญนิ ทรยี แ์ กก่ ลา้ ฉะนนั้ ภพภมู ิ
ทเ่ี จริญสมถะภาวนาจงึ เป็นที่นา่ อศั จรรย์

พรหมชั้นที่ ๑๗ อากาสานัญจายตนภูมิ ภูมิเป็นท่ีอยู่
แห่งพระพรหมผู้วิเศษ เกิดจากฌานท่ีอาศัยอากาศบัญญัติ

ซึ่งไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหมอายุ ๒๐,๐๐๐ มหากัป
โยคี ฤาษี ส�ำเร็จอากาสานัญจายตนฌาน จึงได้มาอุบัติขึ้น
ในพรหมชน้ั ที่ ๑๗ นี้

พรหมช้ันที่ ๑๘ วิญญานัญจายตนภูมิ เป็นภูมิที่อยู่
แห่งพระพรหมผู้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานท่ีอาศัยวิญญานอันไม่มี
ท่สี นิ้ สดุ เปน็ อารมณ์ อรปู พรหมอายุ ๔๐,๐๐๐ มหากัป ผลก็
คือเจ้าพวกโยคี ฤาษีผู้ภาวนา อากาสานัญจายตนฌาน
สำ� เร็จวญิ ญานัญจายตนฌานด้วยความบริสทุ ธ์ิ

พรหมชั้นท่ี ๑๙ อากิญจัญญายตนภูมิ ภูมิเป็น
ทอี่ ยแู่ หง่ พระพรหมทว่ี เิ ศษ ผเู้ กดิ จากฌานทอ่ี าศยั “นตั ถภิ าวนา
บัญญัติ” เป็นอารมณ์ อรูปพรหมอายุ ๖๐,๐๐๐ มหากัป
ผลการฝึกภาวนาของพวกฤาษีชีไพรได้วิญญานัญจายตนฌาน
และส�ำเร็จอากญิ จญั ญายตนฌาน

พรหมช้นั ที่ ๒๐ เนวสัญญานาสญั ญายตนภูมิ ภมู เิ ปน็
ท่ีอยู่แห่งพระพรหมผู้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยความ
ประณีตเป็นอย่างย่ิง มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็
ไม่ใช่อายุอรูปพรหมช้ันนี้มีมากถึง ๘๔,๐๐๐ มหากัป โยคี
ฤาษี ผู้ได้อากิญจัญญายตนฌาน และส�ำเร็จเนวสัญญานา
สญั ญายตนฌานจงึ ไดม้ าอบุ ตั ิขนึ้ ในพรหมชั้นที่ ๒๐ น้ี

ข้อมลู จากหนงั สอื “ภพภูมิ”
โดยท่านอาจารย์ อุทัย สิริธโร

ทา้ วมหาพรหมมี ๔ หน้า

กฏุ ทิ า่ นพระอาจารยม์ ั่น ภูริทตั โต สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๘๙
ทว่ี ัดหนองผือนาใน อา� เภอพรรณานคิ ม จงั หวัดสกลนคร

(¾Ã‹Ø§¹éÕหลวงตาไปวัดหนองผือนาใน แล้วค้างคืนหน่ึง)

เอ เหตุผลกลไกอะไรก็ไม่รู้นะ แต่เราเชื่อท่ีว่าเรารับแล้ว
ถึงจ�าเหตุผลกลไกอะไรๆ ไม่ได้ก็ตาม ถ้าว่าเรารับแล้วก็เชื่อ
ตรงนน้ั คือไม่ได้ทา� อะไรสมุ่ สส่ี ุ่มห้านะ พจิ ารณาเรยี บรอ้ ยแล้ว
ลงปับ ทีน้ีจ�าได้ไม่ได้ก็ตามลงจุดนี้แน่นอนตายตัว คือรับก็ดี
ไม่รับก็ดีเรามีเหตุผลทุกอย่าง เราไม่ได้ท�าสุ่มส่ีสุ่มห้านะ
เราเชื่อในค�าวา่ รับหรอื ไม่รับ ไมร่ ับกม็ ีเหตผุ ลอย่างหนึง่ ถ้ารับ
ก็มเี หตผุ ลอยา่ งหนงึ่ น่วี ดั หนองผือว่ารบั แล้วเราก็เชอื่ จา� ไม่ได้
ก็ตาม เชอ่ื ดวู ่าจะคา้ งคืนเหรอ (เจา้ คะ่ ) อยา่ งว่านีล่ ะท่วี า่

ÁÕ ô ˹ŒÒ

ค้างคืนหน่ึง ไม่ได้วินิจ©ัยอะไรมาก ลงเลยส�าเรçจรูปแล้วว่า
ค้างคืน ลงใจแล้วว่าค้างคืนกçบอกว่าค้างคืน มีเหตุผลลง
ในน้ันหมดแล้ว ถ้าว่าไม่ค้างกçมีเหตุผลแล้ว เราไม่ได้ท�าสุ่มส่ี
สุม่ หา้ นะ

พี่น้องชาวหนองผือเรามีคุณ เราไม่ได้ลืมบุญลืมคุณนะ
ท่านเหล่านี้ละบ้านหนองผือ มีคุณมากต่อพระท้ังหลาย
เ©พาะอย่างย่ิงคือวงกรรม°าน นั้นเป็นจุดใหญ่ คือพ่อแม่
ครูจารย์ม่ันท่านพักอยู่ที่น่ันหลายป‚ พระหลั่งไหลเข้าไปæ
หนองผือจึงเป็นจุดส�าคัญ ส�าคัญอยู่นะ เล้ียงพระได้หมด
น่ีละเราเหçนคุณตรงนั้นนะ ไม่มีตลาดตเลพอจะไปหาจับจ่าย
ซ้ือน้ันซ้ือนี้มาเล้ียงพระ ขวนขวายหาด้วยก�าลังตัวเองมา
มอี ะไรæ กขç วนขวายเตมç ก�าลังมาเล้ียงพระ เปน็ จดุ ส�าคญั อยู่
พระหล่ังไหลเข้าæ ตลอด น่ีละบ้านหนองผือมีคุณมาก
ต่อพระทั้งหลาย วงกรรม°าน เพราะ©ะนั้นเราจึงได้ย้อน
กลับมาจา� พรรษาทีห่ นองผืออีก

ป‚พ่อแม่ครูจารย์ม่ันมรณภาพแล้ว เรากçไปเที่ยวทาง
อ�าเภอวาริชภูมิ ตัดสินใจลงจากวัดดอยธรรมเจดีย์มาพักที่
วัดสุทธาวาสสองคืน ออกจากน้ันจะไปจ�าพรรษาที่ถ�้าอะไร
ลมื แลว้ แหละ เราเคยไปพกั ถ�้าน้ีนะ คือทราบไว้แลว้ ทกุ อย่าง
ตัดสินใจจะไปจ�าพรรษาท่ีน่ัน ท่ถี ้า� อะไรอา� เภอวารชิ ภูมิ เราไป
อยูไ่ ด้ ò-ó คืน กçมีโยมคนหน่ึงอยู่บ้านหนองกุง ดา้ นวารชิ ภมู ิ



·ŒÒÇÁËÒ¾ÃËÁ

ไปหาบ้านตาดภูวง อยู่ย่าน พระอาจารย์มน่ั ภรู ทิ ตั โต
กลาง เขาไปวัดหนองผือ
บ่อยæ โยมคนน้ี ไปมาเสมอ
ทีน้ีพอเขาทราบว่าเราไปอยู่
ที่ถ้�าท่ีว่าน่ีละ ท่ีจะจ�าพรรษา
เขาข้ึนไปหา เขาไปเล่าสภาพ
ของบ้านหนองผือให้¿ัง เรา
เ ล ย ไ ม ่ พู ด สั ก ค� า เ ดี ย ว น ะ
แปลกอยู่ ¿ังแกพูดตลอด
ไม่เคยตอบ ไม่เคยถาม มัน
ถึงใจ

เขาว่าดูสภาพหนองผือเหมือนบ้านร้างวัดร้าง แต่ก่อน
พระเหลืองอรา่ มæ ประชาชนญาติโยมย้ิมแย้มแจ่มใส ทา� บุญ
ใส่บาตร เหมือนแดนสวรรค์อยู่ในบ้านหนองผือ แต่เวลานี้
วัดหนองผือมันจะกลายเป็นวัดร้าง บ้านหนองผือกçกลายเป็น
บ้านร้างไป ซบเซาหมดเลยว่าง้ัน เรา¿ัง พูดไม่ออกเลยนะ
ไม่ตอบแกสักค�าเดียว แกเป็นคนเล่า แกกçเล่าตามประสา
ของแก แกหารู้ไม่ว่าเราคิดยังไงกับค�าพูดของแกนะ พูดอยู่
บนถ้�าน้ันละ เราตัดสินใจจะจ�าพรรษาที่วาริชภูมิ ถ้�านั่นละ
แล้วกçลงมาได้นะ ต่ืนเช้ามาเรา ท่านเพçงกçไปด้วย ลงจาก
วัดดอยธรรมเจดีย์มาพักวัดสุทธาวาสสองคืน กçไปวาริชภูมิ



ÁÕ ô ˹ŒÒ

กçไปแวะอยู่ ò-ó คืน จากน้ันกçโดดลงจากวาริชภูมิเข้ามา
หนองผือ

เพราะเหçนบุญเหçนคุณพี่น้องชาวหนองผือเราเลี้ยงพระ
ไม่มีตลาดลาดเลที่ไหน อุตส่าห์พยายามหาด้วยก�าลังปลีแข้ง
ของตัวเอง เลี้ยงพระได้หมด ทีนี้เวลาพ่อแม่ครูจารย์จากไป
แล้วเหมือนหนึ่งว่าวัดร้างไม่มีพระเลย โยมคนน้ันแกมาเล่า
ให้¿งั เรากนç ง่ิ ไม่ตอบคา� ไหนเลย พอต่ืนเชา้ มากçพาท่านเพงç ละ
ไป เพçงเตรียมตัว ไปไหนท่านว่างั้น ไปจ�าพรรษาหนองผือ
เราเลยเล่าเหตุการณ์ให้¿ัง เม่ือวานน้ีโยมคนนี้แกมาพูดให้
¿ังได้ยินไหมล่ะ ได้ยิน กçน่ันแหละเร่ืองราวมันละ กçเลยไป
จ�าพรรษา ไปถึงบ้านหนองผือขึ้น ø ค่�า ñõ ค่�ากçรวมเข้า
พรรษาแหละ เราไปถงึ ข้นึ ø ค�่า เทา่ น้นั ละ

ไปถึงทแี รกไม่มีพระ มหี ลวงตาอยู่ ò องค์ อยหู่ นองผือ
พอเราไปถงึ หนองผือเท่านัน้ ละ วนั ขึ้น ø ค�า่ ถึง ñô-ñõ ค่า�
พระเตçมหมดเลย หล่ังไหลเขา้ ไป พระตง้ั òö องค์ เรียกวา่
หนาหน้าหนาตา พอæ กันกับพ่อแม่ครูจารย์ยังอยู่ ท่านไม่
รบั มาก รับขนาดนั้น แต่อยู่รอบæ มเี ยอะ สา� หรบั หนองผอื รบั
แค่นัน้ พอดเี ราไปป‚นัน้ กç òö องค์ ไปถงึ วันขน้ึ ø ค่า� เดือน ø
จะเข้าพรรษา วนั ñõ ค�า่ ประชมุ เขา้ พรรษา มันกรç วดเรวç นะ
ออกไปทางพรรณา มาหนองผอื หลง่ั ไหลเขา้ ไป พระอยนู่ นั่ ตงั้
òö องค์ ของงา่ ยเมอ่ื ไร กçอ่นุ หนาฝาค่ัง



·ŒÒÇÁËÒ¾ÃËÁ

พอพดู เรอ่ื งนีก้ ç เอา มันเปน็ ส่งิ ท่ีจะพูดได้ แกกçพูดออก
มาจากความจริงของแก แกกçพูดได้ ผู้¿ังกç¿ังได้ ท�าไมเรา
¿ังมา พูดไม่ได้มีอย่างเหรอ ท่ีว่ายาย เขาเรียกว่ายายกั้ง
แกอยู่หนองผือ แกรู้เร่ืองใจของพระ ของใครæ แกรู้หมด
ไม่ใช่เล่นนะ อาจหาญมากทีเดียว พวกเทวบุตรเทวดาแกรู้
แกเหçน แกไปถามพ่อแม่ครูจารย์ม่ันเรา อยู่ท่ีโรง©ัน คือแก
จะไปตอนเชา้ พอพระเรม่ิ ©นั จงั หนั แกกçไปละ พอพระ©นั เสรçจ
แกไปนงั่ อยู่ข้างลา่ ง พอพระ©นั เสรจç แล้ว แกกขç ึน้ ไปทีโ่ รง©ัน
น่ันแหละ ข้ึนไปคุยธรรมะกับพ่อแม่ครูจารย์ม่ัน พระน่ี โหย
รีบล้างบาตรæ คอย¿ังค�าพูดของแก เพราะแกพูดอาจหาญ
ตามหลักความจรงิ เลย แกไม่สะทกสะทา้ น

พÙ ´ ¶Ö ง à ร×è อ ง พ ว ¡ · ว Â à · พ ·éั ง ห ล า  ·Õè ห ลèั ง ä ห ล ม า
หนอง¼×อ นัèน¿ัง«Ôน่ะ ประàÀ·นéันæ àปšนÂังäง ¶าม·่าน
·่าน¡ตç อบÂอ่ æ äมต่ อบมา¡ áต่·า่ นäมป่ ¯àÔ ส¸นะ

“·Œาวมหาพรหม¡ลç งมาม¶Õ Öง ô หนาŒ นะ มองäป·างนéÕ
¡çàปนš หนŒา ·างนÕ¡é àç ปนš หนŒา àหล×องอร่ามàลÂว่างันé ” á¡àหçน
พอ‹ áมค‹ รจู ารยท์ า‹ นäมเ‹ คยพดู á¡¶าม “นนéั เปนš ãคร” ทา‹ นบอ¡วา‹
“·าŒ วมหาพรหม” ·า่ นตอบÂอ่ æ à·า่ นนัé äมต่ อบมา¡ áต·่ า่ น
äมป่ ¯àÔ ส¸ นÕèละá¡รÙŒ

เวลาพวกทวยเทพทั้งหลายมากราบพ่อแม่ครูจารย์เรา
หนองผอื หลงั่ ไหลมา เขามาทิศทางพระไมอ่ ยู่นะ พวกทวยเทพ



ÁÕ ô ˹ŒÒ

ทง้ั หลาย เขาเคารพพระมากอยู่ คอื เขาจะมาทางดา้ นไมม่ พี ระ
ถ้าพระมากทางด้านไหน เขาจะไม่มาทางด้านนั้น เขาไม่มา
สุ่มส่ีสุ่มห้านะ พ่อแม่ครูจารย์เล่ากับโยมพูดมันเข้ากันได้
ท่านบอกว่าทางด้านนี้พวกเทพมา ท่านพูดก่อนแล้วแหละ
พ่อแม่ครูจารย์มั่นท่านพูดก่อนแล้ว พวกเทพเคารพพระนะ
ไม่ได้มาสุ่มส่ีสุ่มห้า ทางด้านน้ีว่างæ ทางพระด้านนี้ว่าง
พวกเทพทงั้ หลายมาดา้ นนวี้ า่ งนั้ ทา่ นบอกอยา่ งนนั้ ใครอยา่ ไป
ท�าสมุ่ สีส่ ุ่มห้าแถวน้นั นะ นอนกçเหมอื นกันหลบั ครอกæ แครกæ
ใหพ้ วกเทพเขามาปลงธรรมสังเวชไม่ได้นะท่านว่างี้นะ

พ่อแม่ครูจารย์ม่ันเราท่านพูด พูดก่อนโยมแล้วแหละ
พวกเทพเขามา เขามาทางดา้ นน้ี พระไปหลับครอกæ แครกæ
ให้เขาปลงธรรมสังเวชไม่ได้นะ ให้รักษามารยาท การหลับ
การนอนของพระให้มรี ะเบยี บ แถวนี้ ทา่ นสงั่ ไว้นะ ทางแถว
ของเทพมา อยา่ ให้พวกเทพ ท้ังหลายเขาปลงธรรมสงั เวชพระ
ความเป็นอย่หู ลับนอน ไมเ่ ป็นท่าเปน็ ทางเขาปลงธรรมสงั เวช
นะท่านว่าง้ี แล้วโยมคนนี้แกมาพูดกçแบบเดียวกัน มาทางน้ี
แน่ะ เหนç ไหม

แกรูจ้ ติ คนอื่น แกเหçนจริงæ ร้จู รงิ æ ใครสะอาดผ่องใส
ขนาดไหนแกเหçน เวลาแกมาเล่านี้ คือแกนิสัยตรงไปตรงมา
พูดไม่กลัวใคร เหมือนขวานผ่าซาก แกพูดอย่างน้ันละนิสัย
ของแก รูย้ งั ไงพูดอยา่ งนน้ั เลย เวลาแกพดู นา่ ¿ัง พระน้รี ีบ



·ŒÒÇÁËÒ¾ÃËÁ

ล้างบาตรล้างอะไรค่อย

มาแอบæ ¿ังอยู่ข้างหลัง

หอ©ัน อยู่ข้างหลัง แกกç

ขึ้นไปนั้น เล่ากับพ่อแม่

ครูจารย์ พูดธรรมะท่ีแกรู้

แกเหçนอะไรต่ออะไรแกพูด

อย่างเปดเผยน่ีนะ แกเป็น

คนตรงไปตรงมา พระกç

สนุก¿ัง ทีน้ีพอพูดมาæ

ทา้ วมหาพรหมมี ô หน้า พ อ พ ่ อ แ ม ่ ค รู จ า ร ย ์ ม่ั น

มรณภาพแล้วกç วัดน้ีเป็นเหมือนวัดร้างนั่นละ นี่ละเราเลย

กลับมาจากวาริชภูมิ ว่าจะไปจ�าพรรษาแล้วนะ กับท่านเพçง

สององค์ ถ้�าเราเคยไปอยู่แล้ว

พอไปถึงนั้นโยมนั้นแกมาเล่าให้¿ังเรื่องหนองผือ
วัดหนองผือ บ้านหนองผือ เหมือนวัดร้างบ้านร้าง แกเล่า
เรา¿งั เราไม่พดู สักคา� เดยี วนะมนั สะเทอื นใจมาก บา้ นหนองผอื
มีคุณมากทีเดียวต่อพระท้ังหลายท่ีมาท่ีน่ัน แต่แล้วกçท�าให้
ซบเซากันไปหมดท้ังบ้าน พระกçไม่ค่อยมี มีหลวงตาอยู่
สององค์ว่าง้ัน กçเป็นคนบ้านน้ันละมาบวช กçมีเท่านั้นแหละ
ส่วนประชาชนน้ีซบเซามาก เหมือนบ้านร้าง เราสลดสังเวช
น่ันละต้ังใจจะไปจ�าพรรษาท่ีถ้�าแล้วนะ กลับมาลงมาจ�าพรรษา
หนองผอื



ÁÕ ô ˹ŒÒ

นีแ่ ปลกæ อันหน่ึง

ใครจะว่าคุยหรือไม่คุย

กçตาม เราเอาความจริง

มาพูดตามท่ีแกเล่า เล่า

อย่างอาจหาญเสียด้วย

พอเรากลับมาอยู่ท่ีน่ัน

ด้วยความเหçนบุญเหçน

คุณของชาวหนองผือ

กลับมาจ�าพรรษาที่น่ัน

ยายก้ังคนน้ีพูดแปลกæ หลวงตามหาบัว ญาณสมั ปันโน
อยนู่ ะ หลานชายของแก
ชื่อพุ²เป็นผู้ส่งบาตรท่านตลอด ส่งบาตรพ่อแม่ครูจารย์

พอรับบาตรเสรçจแล้วแกกçรับบาตรท่าน จากมือท่านแล้วกçแก

กçไปส่งบาตร แล้วแกกลับบ้าน อย่างน้ีเป็นประจ�า ทีน้ีเวลา

เรากลับมาแล้ว แกกระซิบนะ พูดให้¿ังชัดเจน ธรรมะพูด

ไม่ไดม้ เี หรอ พูดตามหลกั ความจริงจะเสียไปไหน

พอเรากลับมาทีน่ นั่ มนั จวนเข้าพรรษา ขนึ้ ø คา่� แล้ว
ñõ ค�่ากปç ระชมุ เข้าพรรษา เพราะเหçนพระไมม่ เี ราสงสารชาว
หนองผือเลยกลบั มา กลบั มาจากวาริชภมู ิ พอไปแล้วแกกçเอา
หลานชายแกไปพดู ไอ้พุ²กจู ะพดู ใหม้ ึง¿ัง มงึ ¿งั ให้ดี กูพูดนี้
มึง¿ังนะ “นี่วาสนาบ้านหนองผือของเรายังมีสืบต่อกันอยู่
ทา่ นมหาบัวกมç าจ�าพรรษาทน่ี ี่ มงึ ใหร้ ู้เสยี นะ ญาทา่ นกบั ทา่ น



·ŒÒÇÁËÒ¾ÃËÁ

มหาบัวนี้อันเดยี วกนั พ่อตายพอ่ ยงั ” กระซบิ ไอ้หลานกมç าเล่า
ใหเ้ รา¿งั อกี แหละ เออ้ บ้าตัวนี้ ทางนน้ั เขากระซิบหลานเขา
หลานเขากมç ากระซบิ เราอกี วา่ พอ่ ตายพอ่ ยงั นะ อนั เดยี วกนั ละ
ญาท่านกับท่านมหาบัวอันเดียวกัน ไม่มีอะไรผิด แปลกกัน
พ่อตายพ่อยัง แล้วกระซิบทางน้ัน ทางน้ันกçมากระซิบเรา
ขบขันจะตายไป

ป‚น้ันจ�าพรรษาดูพระ òö องค์ เยอะนะวัดหนองผือ
ตอนนนั้ ไปมีพระหลวงตาสององค์ เราไปขน้ึ ø คา่� พอ ñô-
ñõ ค�่ากçเตçมหมดแล้วพระ ไปจากพรรณาเพราะทราบว่าเรา
ไปจ�าพรรษาหนองผือหลั่งไหลเข้ามาเตçมหมดนะ òö องค์
ธรรมดากçเหมือนกับพ่อแม่ครูจารย์ยังมีชีวิตอยู่ น่ีเราพูดถึง
บา้ นหนองผอื ท่ยี ายคนนีแ้ กรู้พวกเทพพวกอะไรมารู้ เร่อื งใจ
ใครแกกçรู้ แกว่าบ้านหนองผือนี้ ในวงบ้านหนองผือนี้
สว่างจ้าว่าง้ันนะ แกว่า มองเข้าไปข้างในนี่สว่างจ้า คือจิต
นักภาวนา จติ ท่านผอ่ งใสน่ี เหลอ่ื มล�้าต�่าสงู ต่างกัน สวา่ งจา้
หมดละหนองผอื พระกรรม°าน

เหçนไหมการช�าระจิต ท่านอยู่ในวัดหนองผือ เขามอง
ออกจากบ้านเขาไป ไปเหçนวัดหนองผือนี้สว่างจ้าไปหมดเลย
น่ันเหçนไหม คือพระภาวนา จิตใจของท่านสว่างไสตามข้ัน
ตามภูมิของจิต แกกçเล่าได้ถูกต้องดีนะ นี่ละที่บ้านหนองผือ
เรากไç ปจ�าพรรษาทน่ี ัน่ ใหเ้ ขา เขากพç อใจ เพราะพระเณรมาก



ÁÕ ô ˹ŒÒ

พอหลังจากน้ันเรากçไปละท่นี ี่ ออกไปเลยละ พอใหเ้ ขาอบอนุ่
พอสมควรแล้วเรากอç อกเดนิ ทางไป ทางนู้น ทางไหนลมื แล้ว

ออกจากหนองผือแล้วไม่ทราบไปทางไหน กçเลยไม่ได้
กลบั มาอีกนะหนองผือ จนกระทง่ั óð ป‚จึงไดย้ อ้ นกลบั ไปอีก
บ้านหนองผือกçเป็นดงเป็นป่าธรรมชาติไปหมดไม่ใช่ดงป่าของ
พระกรรม°าน รกรุงรังเพราะไม่มีใครดูแลรักษา แต่ก่อนน้ี
โห สวยงามมากวดั หนองผือ พดู เรอ่ื งอะไรมนั มาวัดหนองผอื
กçไมร่ ู้นะ (วันท่ี ñð หลวงตาตอ้ งไปค้างทวี่ ดั หนองผือนาใน)
นั่นซิค้างเพราะเหตุไรกçไม่ทราบ วัดหนองผือนี้กçไปได้ความ
อศั จรรย์อยูท่ ี่นนั่ โอŽ พ่อแม่ครจู ารย์ท่านร้สู ึกท่านเมตตามาก
นะต่ืนเต้น เพราะจิตมันเป็นแบบเดียวกัน พอจิตไปอยู่ท่ีน่ัน
เวลามันลงมันสว่างน้ีครอบไปหมดเลย กçไปเล่าให้ท่าน¿ัง
ท่านรู้สึกท่านต่ืนเต้นมาก ท่านตื่นเต้นเมตตามาก ท่านกçเลย
เล่าเร่ืองท่ีถ�้าสาริกาให้¿ัง จิตเป็นอย่างน้ันละ โห เป็นแบบ
เดยี วกนั ท่านวา่ ทา่ นไม่ไดบ้ อกวา่ ผดิ กันนะ เปน็ แบบเดียวกนั
เรากçเป็นได้หนเดียวเท่านั้นไม่ได้เป็นอีกละ อยู่ที่วัดหนองผือ
วัดหนองผือน้ีไปอยู่หลายป‚อยู่เรากçดี กçเพราะพ่อแม่ครูจารย์
อย่ทู ีน่ ่นั เราจึงอยูท่ ีน่ ่ัน



¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

พรหมโล¡มÕ นÔพพานมÕ

ÇѹàÊÒÏ วันอาทติ ย์ วันพระ วันโกนอย่างนี้ เหçนพวก

ชาวพุทธเราเข้าวัดเข้าวา¿ังธรรมจ�าศีล เรารู้สึกปลื้มป‚ติเป็น
อย่างมาก มากยิ่งกว่าท่านทั้งหลายจะเอาเงินมาให้เราเป็น
ล้านæ เงินกçเป็นกระดาษเ©ยæ มันเป็นบ้ากับไอ้หลังลาย
ทกุ วนั น้ี พอสมมตุ ิขนึ้ ว่าใบเทา่ นั้นบาทเทา่ นบี้ าท ¿ังเสียง โถ
ท้งั ร้องทั้งครางกลัวไมไ่ ด้ มันเปน็ บ้า เรื่องศีลธรรมที่เปน็ ของ
เลิศเลอกว่าสิ่งเหล่านี้ เลิศเลอขนาดไหนมันไม่ได้เหçนมัน
ไมไ่ ด้สนใจ ชวนเขา้ วัดเขา้ วาเหมือนจะเอาไปฆ่านะ ชวนเขา้ วัด
¿งั ซิ เหมือนจะเอาไปฆา่ หาท่หี ลบท่ีซอ่ นหลีกภยั ใหญ่ คอื ภัย
เข้าวัด ถ้าเข้าโรงลิเก สุรายาเมาเป็นบ้ากันแล้ว ไหลกันไป

๑๐

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ท้ังลูกท้ังแม่ทั้งพ่อ หมูหมาเป็ดไก่ไล่เข้าไปด้วยกันหมดเลย
ให้ไปหมดคร้ันไปสถานท่ีเช่นนั้น ถ้าจะไปวัดไปวาน้ี โหย
เหมอื นจะจงู ไปฆา่ นน่ั ละ หรอื เหมอื นจงู หมาใสฝ่ น เคยเหนç ไหม
จูงหมาใส่ฝน มันร้องแงกç æ ไมอ่ ยากตากฝน

ให้พากนั คิดใหม้ ากนะ เรอื่ งศลี เรอื่ งธรรม บญุ กุศลนี้
เลิศเลอสุดยอด ให้กิเลสตัวตระหน่ีถ่ีเหนียว ตัวเหçนแก่ตัว
เหçนแก่ความโลภโลเลนี้เหยียบเอาæ มันออกหน้าออกตา
มูตรคูถออกหน้าออกตาแทนทองค�าทั้งแท่งคือธรรมเวลานี้
เราจวนจะตายแล้วรีบเร่งสอนพ่ีน้องท้ังหลาย มันจะตาย
ท้ิงเปล่าæ พวกนี้กçจะตายท้ิงเปล่าæ เรากçจะตายทิ้งเปล่าæ
ไม่ได้สอนเท่าที่ควร นี่อายุกçจวนแล้ว มารวมอยู่ที่ลมหายใจ
ลมหายใจเป็นผู้พิพากษาตัดสินชีวิตของคนทุกคนæ ใครจะ
ใหญ่โตขนาดไหนกçโตเถอะ ไม่เหนือลมหายใจไปได้ พอลม
หายใจขาดขาดสะบัน้ ไปตามæ กนั หมด

อย่าพากันเป็นบ้ากับโลกกับสงสารจนเกินไป เราพูด
ให้มันเดçดæ นี่น่ะ เพราะกิเลสมันเดçดหัวสัตว์โลกน้ีเดçดมา
นานแล้ว มันคัน¿ันเหลือเกิน มองไปท่ีไหนæ มันขวาง
ไปหมดæ แม้ที่สุดคนเข้ามาในวัดน่ีกçเหมือนกัน มาเก้งæ
ก้างæ เถ่อæ ดูนั้นดูน้ี ชมน้ันชมนี้ ท่ีจะเข้าไปเพ่ือศีล
เพอ่ื ธรรม เพอื่ คติเคร่อื งเตอื นใจในเวลามาวดั ไม่คอ่ ยมี มันมกั
จะเลอะเทอะไปอย่างน้ี ใหพ้ ากนั จ�าเอานะ

๑๑

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

เราเกดิ มาเจอพระพทุ ธศาสนาน้นี บั วา่ วาสนาล้นพน้ แลว้
อย่าให้ผ่านไปเปล่าæ เอาแต่กิเลสตัณหามาพอกหัว ตายไป
กçจมลงในนรกæ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ท่าน
ท้ังหลายเหçนวา่ ยังไง ไอ้พวกตาบอดปฏเิ สธกันทั้งน้ันว่า บาป
บุญ นรก สวรรค์ ไม่มี จอมปราชญ์ท้ังหลายพระพุทธเจ้า
ทุกพระองค์และสาวกทุกองค์ ท่านยอมรับเทิดทูนสุดยอด
เลยวา่ เปน็ ความจรงิ ล้วนæ จงึ เรยี กว่าสวากขาตธรรม ตรสั ไว้
ชอบแล้ว วา่ บาปมี มีจรงิ æ บญุ มี มีจรงิ æ มีมาตัง้ กปั ตงั้ กัลปŠ
พร้อมพระพุทธเจ้าองค์ไหนæ และก่อนหน้า พระพุทธเจ้ามา
ตรัสรูก้ มç าเหçนสิ่งเหล่าน้ีแหละ ส่ิงเหล่านมี้ ีอยู่กอ่ นแลว้

บาปมี บุญมี นรกมี สวรรคม์ ี พรหมโลกมี นพิ พานมี
¿ังให้ดีนะ น้ีมีแต่จอมปราชญ์สอนมา ไอ้ผู้ที่มาลบล้าง
จอมปราชญ์กคç ือตัวพวกเราæ ท่านæ นลี้ ะ ตาบอดæ หูหนวกæ
นล้ี ะ วา่ บาปไม่มี บุญไมม่ ี นรกไมม่ ี สวรรคไ์ ม่มี นิพพานไม่มี
มีแต่พวกสุรายาเมาระบ�าร�าโปˆ ออกหนังสือพิมพ์หน้าไหนæ
มันสลดสังเวช ดังที่เขาเขียนการ์ตูน วันหนึ่งæ เขาเขียน

๑๒

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

การ์ตูนออกมาน่ี ได้ท้ังคติ ให้มีความขบขันด้วย น่ันละเขา
สอนโลก เข้าใจไหม เอาการ์ตูนมาเขียน เราอย่าไปต�าหนิ
การ์ตูนถือว่าเป็นความสนุกเ©ยæ การ์ตูนเป็นของส�าคัญนะ
เป็นคติเครื่องเตือนใจ เอาเร่ืองความเคล่ือนไหวของโลก
ออกมาเป็นการต์ นู ใหพ้ วกเราอ่านæ

น่ีมันอ่านสนุกไปเ©ยæ ไม่ได้อ่านเป็นคติ นี้¿ังด้วย
ความเป็นธรรมทุกอย่าง การ์ตูนไม่ใช่เรื่องเลçกน้อย เขาเอา
เร่ืองความเคล่ือนไหวของโลกสกปรกน้ีออกมา ส่วนความดี
ไมค่ ่อยเหçนมใี นการต์ นู เพราะเหตุไร เพราะไม่ค่อยมีคนทา� ดี
พอที่การ์ตูนเขาจะได้ลงบ้าง มีต้ังแต่เลอะæ เทอะæ ให้ลง
ทุกวันæ พวกเรามีแต่พวกการ์ตูน ให้เขาเอาการ์ตูนไปลงæ
จะท�าดิบท�าดีให้การ์ตูนได้นอนหลับหูหลับตา หรือได้เอา
สิ่งไพเราะเพราะพร้ิงมาให้โลกทั้งหลายได้เหçนเร่ืองศีล
เร่ืองธรรม เรื่องคนปฏิบัติความดีงามทั้งหลาย ไม่เหçนมีวะ
ในการต์ ูน เหçนแต่เร่ืองเลอะæ เทอะæ

กçเขาไปจดเอามาจากเร่ืองความเลอะæ เทอะæ ของ
มนุษย์เรานี้แหละ เตçมบ้านเตçมเมืองเตçมโลกเตçมสงสาร
มารวมในการ์ตูน อา่ นแลว้ แÎะæ ดีนะæ น่ีเขาหกั มุมæ วา่ ไป
อย่างน้ันนะ เป็นแต่อย่างนั้น อ่านดูซิน่ะการ์ตูน มันไม่ค่อย
จะมีใครอ่านจะพิจารณานะ มีแต่อ่านแบบเพลิดแบบเพลินไป
พวกเราท้ังหลายน้ีพวกแผ่นกระดานของการ์ตูน การ์ตูนเขา

๑๓

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

ไปเอาตามน้ีแหละมา ให้ลบการ์ตูนเสียบ้างให้เขียนเรื่องใหม่
คอื ทา� ตวั เป็นคนดี แล้วการต์ ูนจะได้ออกดี

ถา้ เราท�าดีทกุ ถว้ นหนา้ กนั แล้ว แตก่ ารต์ ูนเอาความเลวæ
มาลงอย่างเดียว เราจะพาพี่น้องทั้งหลายไปโจมตีการ์ตูน
ใหม้ ันแหลกหมด ตีทงั้ โรงพิมพ์การ์ตนู คนทา� ดที ั้งโลก มนั ไป
ไหนการ์ตูน แต่เวลาเขาท�าเลอะæ เทอะæ ตลกขบขันน้ัน
มันเอามาจากไหน มันท�าไมหูดีตาดีนักการ์ตูนน่ี เราจะเป็น
หัวหน้าน�าไปตีการ์ตูน ลบการ์ตูน อันนี้เขาเขียนอย่างน้ัน
จะไปลบเขายังไงเขาเขียนตามความจริง พวกเรามันพวก
เลอะæ เทอะæ อย่าให้เป็นพวกการ์ตูนได้เขียน เขาจะตาย
แล้วนะ วันน้ีพูดเพียงการ์ตูนเสียก่อน พวกเรานี่พวกการ์ตูน
การ์ตูนจะไม่ได้หลบั ไดน้ อน

เอาเรือ่ งศลี เรือ่ งธรรมลงบา้ งซิ ให้การ์ตนู ได้เขยี นบา้ ง
นี่เขียนอะไรกçตามหนังสือพิมพ์ ข่าวสารต่างæ มีแต่เรื่อง
สกปรกโสมม เพราะอะไรถึงเป็นอยา่ งนัน้ กçมนั มีแต่อยา่ งนน้ั
ในโลกอันน้ี ความสะอาดสะอ้านไม่เหçนมี มีแต่ความสกปรก
โสมม ให้พากันอ่านแล้วเอาไปคิดอ่านไตร่ตรอง ¿ังแล้วเอา
ไปคิดอ่านไตร่ตรองเพ่ือแก้ตัวเองนะ เรื่องศีลเร่ืองธรรม
แก้ไขมนุษย์ไม่ได้แล้วหมดนะมนุษย์เรา ยิ่งมนุษย์ชาวพุทธ
ศาสนาพุทธ พระศาสดาองค์เอกดว้ ยซ้�า แลว้ ลกู ศิษย์ตถาคต
มีแตค่ นเลวæ มนั เขา้ กันไมไ่ ด้นะ ¿ังใหด้ ี เอาละใหพ้ ร

๑๔

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

บรขิ ารยามอาพาธของหลวงปมู่ นั่

หลงั จงั หัน

แต่ก่อนเขาถือพวกวัณโรคนะ ถือกันมาก กลัวกันมาก
พอได้ยินว่าเป็นวัณโรคเท่านั้น โอŽย เพ่ือนสนิทสนมกันกçตีตัว
ห่างออกไป เขากลัวตาย กลัวโรคของเพื่อนติด พอพูดถึง
เรื่องนี้กçมาเกี่ยวโยงกับเร่ืองพ่อแม่ครูจารย์ม่ันของเรา ท่านกç
เป็นวัณโรคเหมือนกัน จะว่าบุญกรรมหรือว่าอะไรกçแล้วแต่
ใครจะพิจารณา หลวงปู่ม่ันน้ีตอนท่านเป็นหนักæ น่ันละ
วัณโรคก�าเริบรุนแรง ไอ กลางคืนไอ เสมหะติด ต้องมี
กะละมังเอาส�าลีมาวางนี้เตçม เอาไว้ในมุ้ง เราเป็นคนอยู่ใน
มุ้งกับท่าน กะละมัง-ส�าลีเอาไว้ข้างในมุ้งด้วย เป็นวัณโรค
ถ้าธรรมดาไม่มีใครเข้าใกล้แหละ เพราะเขากลัวกันมาก
สมัยน้ันกลัวมากจริงæ กลัววัณโรค บางคืนไม่ได้นอนตลอด

๑๕

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

รุ่งกçมี ไอ คือเวลาหนาวจัดแล้วไอกçเร่ง ขากเสลดไม่ออก
นีซ่ ิส�าคญั เราต้องเป็นผู้ปฏิบัตติ อ่ เสมหะของทา่ น เอาส�าลนี ี่
ห่อกว้านææ

เราสงสารท่าน ท่านไม่พูดไม่อะไรเลยนะ เ©ย เราน้ี
เรียกว่าคลอเคลียอยู่กับท่านตลอดเลย เรื่องวัณโรคนะเรก
เราไม่เคยสนใจ ธรรมดาแล้วกçเรียกว่าร้อยทั้งร้อยเราน้ี
ติดเลย เพราะคลอเคลียกับท่านตลอดเวลา ย่ิงวันไหนท่ี
โรคท่านก�าเริบ ไอ หนาวมากแล้วกçไอ วันน้ันจะไอท้ังคืน
ขากเสลด โถ เตมç หมดนะส�าลี เอามาหอ่ æ ปลายนว้ิ มือเรา
กว้านæ ออก กçมแี ตเ่ รา มนั หากเป็นโดยหลกั ธรรมชาติ ไม่มี
ใครบังคับใคร โรคเวลาจ�าเป็นจริงæ แล้วกçมีแต่ท่านกับเรา
ทา่ นกบั เราอยนู่ นั้ เลย องคไ์ หนเรากไç มไ่ วใ้ จ แนะ่ เปน็ อยา่ งนน้ั นะ
แต่เราไม่ได้บอกว่าไม่ไว้ใจ มันเปน็ อยูใ่ นจิต แล้วท่านเหลา่ นั้น
ท่านกçไม่กล้าท่ีจะเข้ามา เพราะท่านเหçนเราท�าหน้าท่ี
อยู่แล้วด้วยความสนอกสนใจ เจตนาเทิดทูนพ่อแม่ครูจารย์
องค์ไหนท่ีจะมามันกçรู้ด้วยกันทุกคนน่ันแหละ สมควรไม่
สมควร เพราะ©ะนั้นพระจึงอยู่นอกมุ้งท้ังหมด เราอยู่ในมุ้ง
องคเ์ ดยี ว

กมç ีแปลกอนั หนง่ึ เวลากลางคืนไมไ่ ด้นอนทั้งคืนนี้ ท่าน
จะพูดว่า เออ้ ท่านมหาไม่ได้พกั ทั้งคนื กลางว่กี ลางวันบางวัน
กçไม่มีเวลาเลยท่ีจะพักผ่อน ให้ไปพักเสียบ้าง ให้คนอื่น
มาเปลี่ยน ท่านไม่เคยพูด เรากçไม่เคยสนใจจะเอาใครมา

๑๖

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

เปล่ียนว่างั้นเถอะ เป็น
อย่างน้ีละ เพราะ©ะนั้น
ค�าว่าวัณโรคกับเรานี้เรียกว่า
ติดกันร้อยเปอร์เซçนต์เลย
ธรรมดานะ ไมส่ นใจ แล้วไม่
ติดเลยนะ แปลกอยู่ วณั โรค
เขาถือกันมากแต่ก่อน แก้
ไม่ตก ถ้าใครเป็นแล้วมีหวัง
ตายท่าเดียว วัณโรคของ
ท่านกçแบบเดียวกัน แต่ พระอาจารย์มนั่ ภูรทิ ตั โต
ส�าหรับท่านเองกçครูบาอาจารย์ถึงขนาดนั้น องค์ไหนท่าน
กçไม่สนใจเรื่องเป็นเรื่องตาย แต่ความเหมาะสมกçมาเกยี่ วขอ้ ง
กบั เราโดยเ©พาะ

เราเองกดç ้วยความเคารพเลอื่ มใส ความรกั ความเทิดทนู
ท�าอะไรæ น้ีจะให้คนอื่นท�ามันไม่สนิทใจ โง่กับ©ลาดเรา
มอบตัวถวายแล้ว เป็นตายมอบท่านแล้ว เพราะ©ะนั้นเวลา
จ�าเป็นจึงพันกันอยู่ตลอดเวลา พระท่านจะอยู่นอกมุ้งæ เรา
ไปน้ีท่านจะหลกี ใหเ้ ลย เพราะทา่ นรออย่แู ล้ว ความเหมาะสม
พระกçรู้เองท่ีให้เราอยู่ข้างในโดยเ©พาะ พระทั้งหลายท่านกçรู้
เอง เพราะท่านรเู้ รากับท่านเกี่ยวขอ้ งกนั มาต้งั แต่เดิม ต้งั แต่
ไม่เจçบไข้ได้ป่วยอยู่แล้ว อันน้ีเวลาจ�าเป็นæ มันยิ่งติดพัน
ตลอดเวลาแหละ วันไหนทา่ นไมไ่ ดน้ อนเรากçไม่นอน

๑๗

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

ไม่เป็นนะ คือธรรมดาเรียกว่าร้อยทั้งร้อยผ่านไปไม่ได้
ต้องติดวัณโรค เ©พาะอย่างยิ่งปากเรากับปากท่านมัน
คลอเคลยี กันอยู่ กวาดนี้ อยู่อย่างนนั้ ตลอด ไม่มีนะ พอทา่ น
ลว่ งไปแลว้ อันน้ีกไç มป่ รากฏ หายเงียบเลยไม่ปรากฏ ไมม่ ีใคร
กลา้ ถาม ทง้ั æ ทใ่ี ครæ กçกลวั ฆราวาสหรือพระกลัวกันท้งั นนั้
กลวั อนั น้ี แตไ่ มม่ ใี ครกลา้ ถามเกยี่ วกบั เรากบั พอ่ แมค่ รจู ารยม์ น่ั
ไมม่ ใี ครถาม เรากไç มเ่ คยถามถงึ ไมเ่ คยสนใจกบั วณั โรคนะแรก
อะไร เพราะความรกั ความเคารพความเทดิ ทนู มนั สดุ หวั ใจแลว้
ไอ้วัณโรคนะเรกมันยกโคตรมากçมาเถอะน่ะ ว่างั้นเลย ไม่ได้
สนใจจะไปกลวั มนั

จากนั้นมาเดีëยวนี้กçมาอยู่มะเรçงนะ แก้ไม่ตกมะเรçง
ตอนน้ันเป็นวัณโรคแก้ตกไปแล้ว ทีน้ีเป็นมะเรçง พูดถึงเรื่อง
วัณโรค สมัยนั้นคนกลัวกันมากเช่นเดียวกับกลัวโรคมะเรçง
ไมผ่ ดิ กนั เลย นก่ี çแก้ตกไป อนั นกี้ çมาเป็นเรือ่ งมะเรçงนะ เดëียวน้ี
ดวู ่าแกย้ งั ไมต่ กมัง แก้ตกรอ้ ยเปอรเ์ ซนç ตด์ ไู มม่ นี ะ

พูดถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นน่ีท่านพิจารณาไว้เรียบร้อย
หมดแล้ว ทา่ นส่ังเสยี ไว้หมดเลย ไมค่ ลาดไม่เคลือ่ น ถูกตอ้ ง
ตามที่สั่งไว้æ ทุกอย่างเลย น่ันเหçนไหมล่ะความรู้ภายในจิต
ถา้ ได้ลงทะลถุ งึ ไหนแลว้ แม่นย�าæ เลย เรายังมสี งสัยอยหู่ น่อย
คือค้นหาตอนท่านป่วยหนัก ท่านพูดเองนะ “ระยะเราตาย”
ท่านว่างั้นนะ “ในระยะที่เราตายแล้ว ไม่ห่างไกลกันแหละ”
โอย ¿ังอยา่ งน้นั มัน¿ังถึงหวั ตับนู่นน่ะ กçทา่ นพอ่ แม่ครูจารย์ม่นั

๑๘

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

แถวหนา้ หลวงตามหาบวั ญาณสมั ปันโน, พระธรรมบณั ±ิต,
พระธรรมไตรโลกาจารย์, สมเดจç พระญาณสังวร

ทา่ นพดู เอง ทา่ นไมไ่ ดพ้ ดู สมุ่ สส่ี มุ่ หา้ นะ พดู อะไรแมน่ ยา� æ นล่ี ะ
คา� พดู น้ที ตี่ ิดในหัวใจเรา

“เอ้อ เวลาเราจะตายคราวนี้กçไม่เสียประโยชน์มากนัก
ยังจะมีพระหนุ่มรู้ธรรมเหçนธรรมตามเราอยู่สององค์
ไล่เล่ียกันไปน้ีละ” ท่านว่า โอย จับติดเลยเชียว จนกระทั่ง
ป่านนี้ยังหาพระหนุ่มพระแก่ไม่เจอเลยสององค์ ในช่วงท่ี
ท่านมรณภาพ ท่านบอก “ตายคราวน้ีกçไม่ขาดทุนไปอย่าง
มากมายนัก ยังจะมีพระหนุ่มรู้ธรรมเหçนธรรมตามเราอยู่อีก
สององค์ใกล้ชิดกันน้ี” ท่านว่า โอย นี่ย่ิงฝังลึก ฝังลึกมาก
ทีเดียว เราไม่ลืมนะ ถ้าลงพ่อแม่ครูจารย์พูดค�าไหนน้ีจะจับ
ตดิ æ เลย ทา่ นพูดคา� ไหนแม่นยา� มาก เพราะท่านพดู ออกด้วย

๑๙

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

ความรขู้ องทา่ นจรงิ æ อนั นเ้ี รากไç มล่ มื แตย่ งั หาพระหนมุ่ ยงั ไมไ่ ด้
จนกระท่ังป่านนพ้ี ระหนุม่ ในระยะนั้น

เวลาได้เข้าไปหาท่านแล้วอ�านาจของธรรมไม่ใช่เรื่อง
เลçกน้อยนะ และต่างองค์กçต่างมุ่งอรรถมุ่งธรรมอยู่แล้ว
คอยท่ีจะ¿ังโอวาทค�าส่ังสอน ค�าพูดของท่านพูดออกมา
ค�าใดæ น้ีเหมือนว่าเ©ียบขาดæ ไปเลย ไม่มีคลาดเคล่ือน
แมน่ ยา� æ ตลอด อยา่ งทท่ี า่ นวา่ มพี ระหนมุ่ รตู้ ามเราอยสู่ ององค์
ไล่เล่ียกันนี่ละ ท่านว่า เรากçไม่ลืมเป็นแต่เพียงว่าหายัง
ไม่เจอ หาไปที่ไหนคนไหนกçมีแต่แก่เข้าไปæ หาพระหนุ่มเลย
ไม่ได้ เข้าใจไหม มนั แก่ลงไปทกุ วันæ เลยไมท่ ราบวา่ องคไ์ หน
เป็นพระหนุ่ม

ความรู้ของท่านละเอียดลออมาก คือค�าพูดท้ังหลายนี่
ท่านไม่ได้พูดสุ่มส่ีสุ่มห้านะ จะรู้เร่ืองของท่าน ใกล้ชิดติดพัน
เ©พาะองค์สององค์อยู่กับท่านเท่าน้ันละ ทีนี้หาอุบายวิธีการ
ซอกแซกซิกแซçก เรียนถามเรื่อยแง่นี้ ท่านจะแยçบออกมา
เร่ือยæ ที่จะให้ท่านพูดธรรมดาไม่พูด ไม่พูดเลย อย่างพวก
เทวบุตรเทวดาที่เข้ามาหาท่านนี่ นี่จะได้ทราบเวลาเ©พาะนะ
ถ้าธรรมดาท่านไม่เคยพูด มแี ต่ยายแกค่ นนัน้ ยายก้งั คนนั้นละ
แกปากเปราะปากโป‡ง เวลาแกมาทีไรพระเณรนี้รีบล้างบาตร
เชçดบาตรปุบปับæ พอท่านเสรçจแล้ว แกน่ังข้างล่าง พอแก
ขึ้นพระเณรกçรุมมาข้างหลังศาลา ศาลาโรง©ันเตçมไปหมดนะ
เตมç หมดเลย

๒๐

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

แกกçขึ้นไป แกเป็นนิสัยตรงไปตรงมา ช่ือยายกั้ง
อาจหาญมาก ความรู้ภายในน่ีส�าคญั มาก ส�าคัญที่ไมเ่ คยเหนç
พอ่ แม่ครจู ารย์ม่นั ค้านเลย ไมม่ ีค้าน แกพดู ตามความรู้ของแก
เวลาเทวดาเข้ามาเฝ‡า¿ังธรรมท่าน อยู่หนองผือนะ แกอยู่
ในบ้านนนู่ แกออกมาแกถามผางæ เลยนะ เหมอื นเราไปเจอ
ใครตอ่ ใครเขาผา่ นไปยังไงแกกพç ดู อย่างนัน้ เหมือนกัน พอออก
มาแลว้ แกบอกวา่ “โอย เปน็ อะไรมนุษย์หรือเทวดาประเภทใด
กçไม่รู้ละท่านพ่อ” เวลาเกิดอัศจรรย์ตอนกลางคืน ตอนเช้า
แกจะมาหาพอ่ แมค่ รจู ารยม์ นั่ เรา

“เมื่อคืนนี้ โถ พวกอะไรมาทางอากาศ” ว่าง้ันนะ
แกไม่รู้เรื่องน่ี แกหากรู้เหçนในจิตของแก “น่ังก�าหนดดูอยู่
ชมพวกอะไรสัตว์ มนุษย์อะไร เทวดาหรืออะไรกçไม่รู้ละ”
แกว่าง้ันนะ “เหาะลอยมาบนอากาศ การแต่งเนื้อแต่งตัว
ลา� ดบั ล�าดาละเอยี ดæ ต่างกัน มาเป็นคณะææ เหาะลอยมา
ลงหนองผือ ลงวัดหนองผือ พวกน้ีแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างน้ี
ความหยาบความละเอียดอย่างนี้ พวกที่สองการแต่งเนื้อ
แตง่ ตัว” แกบรรยายไดห้ มดนะ เพราะแกดูอยู่ “การแตง่ เน้ือ
แต่งตัวไม่ได้เหมือนกัน ละเอียดลออทั้งรูปทั้งร่าง ท้ังการ
แต่งเน้ือแต่งตัวต่างกันโดยล�าดับ เข้ามาหาหลวงพ่อ” ว่าง้ัน
“เข้ามาแลว้ กçดู มาลงนน้ั หมดเลย”

ทีนี้ตอนสุดท้ายที่แกพูด “ท่ีน่าอัศจรรย์ตอนสุดท้ายนี้
คณะใหญ่อีกคณะหน่ึง สุดท้ายมาเหลืองอร่ามไปหมดเลย

๒๑

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

พูดไม่ได้ แปลกประหลาดอัศจรรย์ยิ่งกว่าบรรดาท่ีมา”
แกไม่รู้ว่าเป็นเทวบุตรเทวดาอะไร บรรดาพวกท่ีมา “พวก
สุดทา้ ยมานเ้ี หลืองอรา่ มหมดทง้ั ตัว อนั น้ี อยู นา่ อัศจรรยม์ าก
ย่ิงกว่าทุกพวก” มาถามเอาจุดน้ีละ “แล้วพวกน้ีมันพวกไหน
ล่ะท่านพ่อ” ท่านไม่ตอบมากนะ ท่านบอก “พวกพรหม”
ท่านพูดเท่าน้ันละ ท่านไม่พูดมาก พวกเทวดาท้ังหลายถ้าแก
ถามมาท่านตอบเลย ท่านไม่ปฏิเสธนะว่า ไม่ใช่ พวกนั้นæ
กทç ่านเปน็ ผรู้ บั แขกเหล่านัน้ เอง แกมาเลา่ ให¿้ ัง

“มาถึงท้าวมหาพรหมเหลืองอร่าม โอย อัศจรรย์
เหลอื เกนิ เหลอื งอรา่ มหมดทงั้ ตวั เลย นมี่ นั พวกไหนละ่ ทา่ นพอ่ ”
แกไม่รู้ “ท�าไมถึงอัศจรรย์เอานักเหลืองอร่าม สุดท้ายนี่น่ะ”
“พวกพรหม” ท่านพดู เทา่ นัน้ ไมม่ าก

พระนีจ่ ่อ แกกพç ูดเรื่องภาวนาของแก เปน็ ยงั ไงæ แกกç
เล่าละ ตรงไหนที่ควรแก้ ท่านกçอธิบายปับæ แก้อย่างน้ัน
ยายแก่คนน้ีเรื่องความรู้ภายนอกเก่งมากนะ แกบอกว่า
แกมองไปวัดหนองผือ มองเข้ามาในวัดหนองผือน่ี โอ้โหย
เป็นของอัศจรรย์ในวัดหนองผือนี่ เหมือนเดือนเหมือนดาว
อยูใ่ นวดั หนองผอื ดาวดวงใหญจ่ ้าครอบหมด คอื หลวงพอ่ เอง
แกพูดอย่างน้ีนะ แกไม่ได้ขยาดคร่ันคร้าม ดาวดวงใหญ่คือ
หลวงพ่อเองครอบหมดเลย แล้วดาวดวงเลçกสว่างไสวครอบ
วัดหนองผือ กçวัดกรรม°าน ท่านน่ิงท่านไม่ค้านนะ ว่าดาว
ดวงใหญ่คือหลวงพ่อเอง แกบอกงั้นเลย นอกน้ันกçครอบ

๒๒

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ไปหมด ดาวดวงเลกç ดวงนอ้ ยสว่างไสวทัง้ น้นั ในวดั หนองผอื นี้
สว่างจ้าไปหมดเลย แกพูดอย่างอาจหาญ ไม่ได้พูดด้วย
ความสะทกสะทา้ น เพราะแกนิสัยอยา่ งนน้ั ตรงไปตรงมา

ตอนพ่อแม่ครูจารย์ม่ันมรณภาพไป เราย้อนกลับมา
จา� พรรษาวดั หนองผอื แกกอç อกไปหาอยนู่ ะ แตแ่ กไมไ่ ดพ้ ดู แบบ
พดู กบั หลวงปมู่ น่ั เพราะภมู ธิ รรมมนั ตา่ งกนั เขา้ ใจไหม แกกพç ดู
ธรรมดา “ทา� ไมจงึ มาได”้ เราถาม “กมç นั อยากมา” “แลว้ จากบา้ น
มาน้ีพกั กห่ี น” “õ หน” แกวา่ แกมีไมเ้ ทา้ มา พอไปนิดหนอ่ ย
เหน่ือยแกพัก บา้ นแกไมไ่ ดไ้ กลนะ แกมาอยู่เร่ือยæ มาหาเรา
แต่ไม่ได้พูดธรรมะอย่างพูดกับหลวงปู่ม่ันนะ มาหาธรรมดา
“มนั คดิ ถงึ ” แกวา่ งนั้ “คดิ ถงึ กมç าละซ”ิ นกี่ คç นหนงึ่ แกเสยี แลว้
¿งั ว่าอ°ั ิของแกกลายเปน็ พระธาตุ ยอมรับทันทีเรา เพราะจติ
แกเก่งอยู่แล้วต้ังแต่หลวงปู่มั่นยังอยู่ แกเดินจงกรมเ²่าแก่
ขนาดนนั้ ได้เอาไมเ้ ทา้ นะ ลูกหลานมาเลา่ ให้¿งั อยู ท�าไมแก
แกข่ นาดนั้นนา่ จะนง่ั จะอะไรอยู่ ไม่ยอมน่งั นะ กลางวก่ี ลางวัน
กçตาม กลางคืนกçตาม แกจะมีไม้เท้าเดินสักเท้าเดินจงกรม
บนกฏุ ิแก แกไมส่ นใจกบั ใคร ทั้งวันท้ังคืนแกจะทา� ของแกอยู่
อยา่ งนน้ั

น่ันหมายถึงว่าจิตแกเป็นอัตโนมัติ มันหมุนติ้วæ ท่ีจะ
พุ่งแล้วนะ มนั จะพงุ่ แลว้ เพราะ©ะนน้ั ความเพียรจึงรอไมไ่ ด้
ความเพียรมีทุกอิริยาบถ แม้นอนอยู่กçมี เว้นแต่ขณะหลับ

๒๓

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

นี่เรียกว่าความเพียรเป็นอัตโนมัติ หมุนตัวไปเอง หมุนไป
เองเรื่อย ความเพียรประเภทนี้จะเป็นตั้งแต่ขั้นอนาคามีไป
ขั้นพระอนาคามีเริ่มความเพียรเป็นอัตโนมัติ แล้วเรçวเข้าæ
ละเอียดเข้าเร่ือยæ จนพุ่งถึงนิพพาน

น่ีละธรรมะพระพุทธเจ้าท่ีสอนว่ายังไง ให้เป็นกับ
ผู้ข้ึนเวทีซิจะค้านท่านได้ยังไง จึงว่าธรรมะสดæ ร้อนæ
สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว พระองค์ตรัสไว้ยังไง
พอขึ้นเวทีรับกันปับมันเข้ากันได้ทันทีæ ยอมรับæ ของอัน
เดียวกัน ดังท่ีเราพูดเมื่อวานนี้ว่าพระโสณะ เดินจงกรม
จนฝ่าเท้าแตก จะเอาอะไรไปวัด ใครจะไปคาด อย่างเราน้ี
เรากçบอกเราไม่เช่ือ อยู่æ บังคับบัญชาตัวเองให้เดินจงกรม
จนฝา่ เท้าแตกนเ้ี ปน็ ไปไม่ได้ ลงแคน่ น้ั ละนะ ตอนเวลามาเป็น
ในตวั ของเราเองน่ี เดนิ จงกรมจนฝา่ เท้าแตกเป็นยงั ไง กเç คย
เลา่ ให้¿งั แล้วน่นั ละ คอื มันหมนุ ตลอด ถา้ ลงได้ลงทางจงกรม
ลืมวันลืมคืนป‚เดือน มีแต่กิเลสกับธรรม¿ัดกันอยู่เป็นวงใน
ตลอด ความเพียรตลอด นี่เรียกว่าความเพยี รอตั โนมตั ิ

ขน้ั อนาคามคี วามเพียรเปน็ อตั โนมัติ ทา่ นเหลา่ นีจ้ ะไมล่ ง
ข้ึนเรื่อย ทีน้ีธรรมะท่ีพระพุทธเจ้าสอนไว้ พวกอนาคามีน้ี
จะไปอย่ชู ั้นสทุ ธาวาส ช้นั สทุ ธาวาสมี õ ช้ัน อวิหา อตัปปา
สทุ สั สา สุทัสสี อกนิฏ°า นเี่ ปน็ พรหมโลก õ ชนั้ เป็นท่ีอยู่
ของพระอนาคามี õ ชั้นนี้ นอกนนั้ ยงั กลบั มาเกิดนะ สว่ น õ

๒๔

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ชั้นนี้ไม่เกิด พุ่งเลย เคลื่อนจากอวิหากçอตัปปา สุทัสสา
เคล่ือนเข้าสุทัสสี ถึงอกนิฏ°าผ่านนิพพานเลย เวลาขึ้นเวที
แล้วมันสดæ ร้อนæ นะท่ีท่านแสดงไว้น้ี มันจืดมันชืดตั้งแต่
ที่เรามีแต่เรียนเป็นหนอนแทะกระดาษ ไม่ได้สนใจมาปฏิบัติ
ผลกçไม่เกิดข้ึน เมื่อผลไม่เกิดแล้วจะเอาอะไรเป็นเคร่ือง
เทยี บเคียงกัน

พระพุทธเจา้ ท่านทรงปฏบิ ตั ิรู้ ผลมนั กรç บั กันทันทีæ น่ลี ะ
ขั้นอนาคามีเป็นขั้นที่ไม่กลับมา หากเป็นเองอยู่ในนั้น สดæ
รอ้ นæ นะพอเข้าน้ปี บั มันเข้ากนั ได้เลย นี่พระพุทธเจา้ แสดงไว้
แล้วทั้งนนั้ แนะ่ เหนç ไหมล่ะ เราไมร่ ูแ้ ต่ก่อน เวลามนั ร้เู ข้าไป
ปับยอมรบั æ เรอื่ ยไปเลย อนาคามเี ป็นความเพยี รทอี่ ตั โนมตั ิ
มีแต่หมุนข้ึนเร่ือยæ หมุนเข้าไป ละเอียดเข้าไปæ เร่ือยæ
ถา้ หากวา่ ภมู ยิ งั อยนู่ ต้ี ายเสยี กอç ยภู่ มู นิ ี้ แลว้ กเç ลอ่ื นขน้ึ สภู่ มู นิ นั้ æ
แต่อยู่ในภูมิจิตของพระอนาคามีนั้นแหละ จะไม่อยู่เหมือน
อัตภาพเราตายแล้วไปเกิดที่น่ันอยู่ท่ีน่ันเสียก่อนเท่าน้ันป‚แล้ว
คอ่ ยกลบั มาอกี ไม่เปน็

ภูมิจิตน้ีไปอยู่ในอัตภาพนี้แตกลงไปแล้ว จิตนี้จะอยู่
ในอันน้ี อยู่ในนั้นกçตามจิตนี้จะหมุนตัวเองตลอดเวลาแล้ว
เคล่อื นเรื่อยขนึ้ ไป อัตภาพร่างกายที่เปน็ ส่วนหยาบท้ิงมันเสยี
ว่าไปเกิดสุทธาวาส õ ชั้น ชั้นใดช้ันหนึ่งไม่พูด บอกว่า
สุทธาวาส แต่เวลาความจริงแล้วผู้ได้อนาคามีช้ันท่ีหน่ึง

๒๕

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

เรยี กว่าอันดับแรกกอ่ น เช่นสอบได้ õð% พอได้ õð% ตาย
แล้วไปอยู่สุทธาวาส õð% นี้เสียก่อน แล้วจากสุทธาวาส
จิตนี้จะไม่อยู่ในอัตภาพนะ จิตนี้จะเลื่อนเจ้าของเร่ือย หมุน
ข้ึนเรื่อยæ สุทธาวาสกçมี อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี
หมุนเรื่อยæ เป็นอัตโนมัติจนกระทั่งถึงอกนิฏ°าสุดท้าย
แล้วกา้ วเขา้ สูน่ พิ พานสดæ ร้อนæ ธรรมะพระพทุ ธเจ้า

เราพูดตามต�ารับต�ารา ท่านพูดจริงขนาดไหนกçตาม
เถอะ หวั ใจปลอมเสยี อยา่ งเดยี วทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งไมม่ คี วามหมาย
ในหัวใจนี้ เพราะใจดวงน้ีไม่มีความหมาย พอจิตรับกัน
เ©พาะอย่างย่ิงภาคปฏิบัตินี้รับกันได้ทันทีæ สดæ ร้อนæ
อยา่ งที่วา่ อนาคามี เป็นไปอย่างนั้นไมเ่ ป็นอย่างอืน่ หมนุ เร่ือย
น่ีจิตขั้นพระอนาคามี อย่างยายก้ังที่ว่าแกเดินจงกรมท้ังวัน
ทง้ั คืน นั่นละข้นั จิตแกหมุนทา� งานเองอยอู่ ย่างนั้น น่ีกçได้ยินวา่
แกตายไปแล้ว อั°แิ กกลายเปน็ พระธาตุแล้ว เรายอมรับทนั ที
เพราะก้าวแรกต้ังแต่นู้นกçบอกอยู่แล้วว่าความเพียรเป็น
อตั โนมตั แิ ล้ว อัตโนมัตนิ ีต้ อ้ งเปน็ ขนั้ อนาคามี จากอนาคามีกç
อรหนั ตเ์ ทา่ นน้ั เอง ให้ลงไมม่ ี

ธรรมเหล่านี้ใครมาพูดท่ีไหน กçมีแต่เรียนแบกคัมภีร์
หลังหัก มันไม่ได้สนใจปฏิบัติ คัมภีร์กçเป็นคัมภีร์ หนังสือ
เปน็ หนงั สอื คมั ภรี อ์ ะไรกตç าม สตุ ตนั ตป® ก พระวนิ ยั ป® ก พระ
อภิธรรมป® ก กใç ห้ชอ่ื ป®กæ แปลวา่ ภาชนะ สุตตนั ตป®ก

๒๖

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ภาชนะส�าหรับรับรองพระสูตร วินัยป®ก ภาชนะส�าหรับ
รับรองพระวินัย อภิธรรมป®ก ภาชนะส�าหรับรับรอง
พระอภธิ รรมซึง่ เปน็ ธรรมสูงสดุ ท่านว่าป®ก ó พระไตรป®ก
สุตตันตป®ก วินัยป®ก พระอภิธรรมป®ก รับอันนี้ไว้
รับอันไหนไว้กเç ปน็ กระดาษเหมือนกนั หมด ถ้าเจ้าของไมส่ นใจ
มาปฏิบัติ จะเป็นธรรมข้ันใดæ กçไม่เกิดประโยชน์ แต่เม่ือได้
ดึงธรรมที่จ�าได้แล้วออกมาปฏิบัติ เริ่มละที่น่ีผล ข้ันใดภูมิใด
จะปรากฏข้นึ จากการปฏบิ ัตขิ องตวั เอง ผลงานจะขนึ้ ท่ีน่ี

ท่านว่าปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปฏิเวธคือความรู้แจ้ง
ในผลงานของตนเปน็ ลา� ดับลา� ดาไป ถ้าปฏิบตั ิแล้วสดæ ร้อนæ
อย่างน้ี ถ้าไม่ปฏิบัติกçเป็นหนอนแทะกระดาษ ไม่ว่าท่านว่า

๒๗

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

เราเป็นแบบเดียวกันหมด ¿ังซิอย่างท่ีว่าพระโสณะท่าน
ประกอบความเพียร เดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก เรา¿ังแล้ว
เราเ©ยæ นะ ใจดวงนลี้ ะมนั เ©ยæ จะวา่ เชอื่ หรอื ไมเ่ ชอ่ื กไç มเ่ หนç
มนั หนกั ไปทางไหน แตเ่ วลาปฏบิ ตั มิ นั เขา้ ถงึ นป่ี บั ยอมหมอบเลย
เหนç ไหมละ่ นค่ี วามจรงิ เขา้ ถงึ กนั แลว้ ฝา่ เทา้ แตกคอื เดนิ จงกรม
ไม่มีเวล่�าเวลา น่ังกçดีอะไรกçดี จิตหมุนอยู่น้ี กิเลสกับธรรม
¿ดั กนั ¿ดั กนั บนหวั ใจ กลางคนื นอนไมห่ ลบั นอนก¿ç ดั กนั อยนู่ น้ั
มาเดินจงกรมกç¿ัดกัน นั่งก¿ç ดั กัน นอนก¿ç ดั กัน สุดทา้ ยแจง้
ไม่หลับเลย คืองานของจติ กิเลสกับธรรม¿ดั กนั เปน็ อตั โนมัติ
จึงตอ้ งได้ร้งั เอาไว้

ค�าว่ารง้ั เอาไวม้ ใี ครบอกล่ะ กçพ่อแมค่ รจู ารย์มัน่ เราเคย
ได้ยินเมื่อไรร้ังเอาไว้ พัก ท่านว่าง้ันนะ นี่ท่านกç¿าดเรา
นั่นเองไม่ใช่อะไร คือเวลาไปเล่าให้ท่าน¿ังถึงการไม่หลับ
ไม่นอน กลางคืนกไç ม่หลับ กลางวนั มันยังไมห่ ลับอีก มันหมุน
ตวิ้ æ อยู่ข้างใน ท่านกçใส่ปัวะเขา้ ไปเลย ใหพ้ กั ให้ร้งั บา� เพçญ
ตามเวลา พักตามเวลา ท่านว่าง้ันนะ งานการจะได้กçจริง
แต่ท�าไม่หยุดไม่ถอยมันตายได้ ต้องมีการพักการท�างาน
พกั ผอ่ นหย่อนตวั นอนหลับรับประทานอาหาร แลว้ ไปประกอบ
หน้าทกี่ ารงานได้ตอ่ ไปอกี ผลกไç ด้ถึงจดุ สดุ ท้าย ถา้ มีแต่จะทา�
อย่างเดียว เหçนแต่ว่ารายได้เป็นของดีæ พักงานรายได้ไม่มี
มันตายได้ท่านวา่ น่ีละท่วี า่ ให้พัก ใครพดู ได้อยา่ งนีน้ ะ่ ใหพ้ ัก

๒๘

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ให้รงั้ เอาไว้ ทา่ นผา่ นมาหมดแลว้ น่ีกçปฏิบัติ ตามทา่ น มนั กç
เปน็ อย่างน้นั

คือจิตขั้นท่ีจะหมุนออกจากโลกที่มันเหçนภัยเตçมท่ีแล้ว
คือข้ันของพระอนาคามี ข้ันพระอนาคามนี ้มี ีแต่จะไปถา่ ยเดยี ว
ใหล้ งไมม่ ี หมนุ ตว้ิ æ แลว้ หมนุ ละเอยี ดดว้ ย ละเอยี ดเขา้ ไปæ พงุ่
ที่จะให้ถอยไม่มีพระอนาคามี น่ีเราพูดทางภาคปฏิบัติสดæ
ร้อนæ อยู่อย่างน้ี เอาซิปฏิบัติซิ พระพุทธเจ้าเป็นกระดาษ
เศษเหรอ เป็นตุกตาเหรอ พระไตรป®กที่จดจารึกมาจาก
พระทยั คอื ใจพระพทุ ธเจา้ ออกมาเปน็ คมั ภรี æ์ นเี้ ปน็ ตกุ ตาเหรอ
คนผู้ไปศึกษาเล่าเรียนมาไม่สนใจในธรรมต่างหากพวกเป็น
ตุก ตา พวกเปน็ หนอนแทะกระดาษ

ถ้าน�ามาปฏิบัติอันไหนกçเถอะน่ะ ลงว่าสวากขาตธรรม
ตรสั ไวช้ อบแลว้ ไมม่ บี กพรอ่ งเลย สมบรู ณท์ กุ แบบæ ตงั้ แตบ่ าป
บญุ นรกสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ละเอียดลออ สุดยอด
อยใู่ นสวากขาตธรรมหมด เพราะทรงทราบครอบไปหมดแล้ว
แตเ่ รามนั ไมร่ ู้ หูหนวกตาบอด แลว้ ไมย่ อมรับว่า ตัวตาบอด
ไปว่าแต่ส่ิงน้ันไม่มีæ หัวชนต้นไม้จนแตกยังอวดดีอยู่นะ
คนตาบอด ถ้าคนตาดีเขาไม่ชน เขาหลกี ไปเสีย แตค่ นตาบอด
มักโดน อันน้ีคนที่กิเลสเตçมหัวใจชอบอวดชอบโอ้ มีแต่ความ
โอ้ความอวด อยากให้เขาว่าดิบว่าดี กçตัวมันไม่ดี โอ้อวด

๒๙

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

ขนาดไหนกçเหมือนอวดกองขี้นั่นแหละ กçข้ีจะเอาไปอวดแข่ง
ทองค�าไดย้ ังไง

ทองค�าเป็นทองค�า ขี้เป็นขี้ ไปอวดกันได้ยังไง
ต้องยอมรับว่าขี้เป็นข้ี ทองค�าเป็นทองค�า ธรรมเป็นธรรม
โลกเปน็ โลก กิเลสเป็นกิเลส ถูกตอ้ ง เร่ืองกเิ ลสแลว้ ต้องตา�่
ต้องสกปรกเสมอ ธรรมน้ีสะอาดæ สะอาดสุดยอดเสมอ
ต่างกันอย่างนั้น อันน้ีต้องเข้าภาคปฏิบัติซิ ดูจิตใจเจ้าของ
ตัง้ แตเ่ วลามันมดื ตื้อæ อยู่นี้ ตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกคลาน
สกู้ ิเลสไมไ่ ดæ้ สไู้ ม่หยดุ ไมถ่ อยกçก้าวขึ้นได้æ สดุ ท้ายเหยียบหวั
กิเลสไปได้ น่ันเหçนไหมล่ะความอุตส่าห์พยายามความบึก
ความบึน

ให้¿ังเสียงพระพุทธเจ้านะ เสียงพระพุทธเจ้าเป็นเสียง
ผู้สิ้นกิเลสแล้ว เสียงไตรภพอันนี้ โลกธาตุอันน้ีเสียงคลัง
กเิ ลสทงั้ นนั้ จะเอาอะไรมาเปน็ นา�้ หนกั พอเชอ่ื ถอื ได้ พระพทุ ธเจา้
เพียงพระองค์เดียวเป็นน�้าหนักเตçมตัวแล้ว ครอบโลกธาตุ
เป็นองคศ์ าสดาสอนไดท้ ั้งสามโลกธาตุ คือเปน็ จิต ผู้ส้นิ กเิ ลส
โล¡วÔ·Ù ร้แู จง้ โลกหมดเรยี บรอ้ ย อาโลโ¡ อØ·ปา·Ô สว่างจา้
ตลอดเวลา เอาธรรมนมี้ าสอนโลก ไมใ่ ชห่ หู นวกตาบอดมาสอน
โลกนะ โดนนั้นชนนี้ สอนให้เขาไปสวรรค์แล้วพาเขาท�าบาป
กçลงแต่นรกน่ะซิ คนตาบอดหูหนวกเป็นอย่างน้ันละ ถ้าคน
ตาดæี สอนตรงแนว่ ไปเลยใหพ้ ากนั จา� เอานะธรรมพระพทุ ธเจา้

๓๐

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

เรายิ่งจวนตายเท่าไรย่ิงเผçดยิ่งร้อน เป็นห่วงนะไม่ใช่
อะไร กิริยาท่าทางที่แสดงออกมาเหล่าน้ีนั้น โลกทั้งหลาย
เขาถือว่าดุด่าว่ากล่าว เดçด เผçดร้อน เหมือนเป็น¿„นเป็นไ¿
จะกัดจะ©ีก แต่กิริยานี้เข้มข้นออกมาจากธรรม ท�าด้วย
ความเมตตาสงสารมกี า� ลงั มากเท่าไรกิริยานี้ยิง่ เข้มข้นæ และ
เปน็ ธรรมไปลว้ นæ ไมไ่ ดเ้ ปน็ กเิ ลสแบบแสดงมากæ แลว้ เผากนั
เป็นเถ้าเป็นถ่านไปได้ อันนี้ไม่มี เผากิเลสเป็นเถ้าเป็นถ่าน
ต่างหาก เขา้ ใจเหรอ น่ีละธรรมเมอ่ื ถงึ ขน้ั แล้วจะเปน็ อยา่ งนน้ั
ถึงข้ันอ่อนเป‚ยกอ่อนเป‚ยก เม่ือได้รับการบ�ารุงรักษาอยู่เสมอ
คือใจดวงน้พี รอ้ มท่จี ะเจริญ พรอ้ มท่จี ะเส่อื ม แตก©ิบหายไม่มี
คอื จิต©บิ หายไมม่ ี พร้อมท่จี ะเสอื่ ม พรอ้ มท่ีจะเจริญ

๓๑

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

เอา พยุงเข้า ปัดออกอะไรที่จะท�าให้จิตเส่ือมให้เสีย
บ�ารงุ เข้าอะไรท่เี ป็นความดงี าม ศีลธรรมความดงี ามท้ังหลาย
ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา น่ีละเป็นเครื่องพยุงจิตใจที่ไม่เคย
ตายใหข้ ้นึ กเิ ลสความช่ัวชา้ ลามกกดจติ ลง ความกดจติ ลงกบั
ทรมานจิตมนั เข้ากนั ไดส้ นิทæ ให้พากนั พจิ ารณานะ ไม่มคี า� ใด
แล้วท่ีจะเป็นสอง ชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสแล้ว ให้จ�าค�านี้
ไวน้ ะ ทว่ั โลกทวั่ สงสารใครพดู มากเç ชอื่ ไปหมด กมç แี ตป่ ากกเิ ลส
หัวใจกิเลส คลังกิเลส พูดออกมามันกçหลอกกันวันยังค่�า
ตนื่ บ้ากนั วันยงั คา�่

ค�าพูดพระพุทธเจ้าน้ีผางมาค�าเดียวแม่นย�า ไม่มี
เคลื่อนคลาด

àอ¡นาม¡Ö หน่ึงไม่มีสอง คือพระพุทธเจ้าอุบัติข้ึน
เพียงพระองคเ์ ดยี วเทา่ นัน้ แตล่ ะครงั้ æ ไม่มีสองเปน็ คแู่ ข่งเลย
นีข่ อ้ หน่งึ

àอ¡นาม¡Ö พระญาณหยั่งทราบของพระพุทธเจ้านี้
ไมม่ ีสอง ทรงท�านายว่าอะไรแล้วเป็นอยา่ งนัน้ โดยถา่ ยเดียว

สาม สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกแง่ทุกมุม
ไม่มีผดิ เพี้ยนไปเลย น่ีพระพุทธเจา้ ท่านทรงธรรม àอ¡นาม¡Ö
ไว้อยา่ งน้ี

รอ้ ยสนั พนั คมคือกเิ ลส พระพุทธเจา้ ใส่เปรี้ยงเดียวหมอบ
พากนั จา� เอานะ เอาละพอ พูดไปพูดมากçสายแลว้ ใหพ้ ร

๓๒

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

ห ล ว ง ปู่ ลี วั ด ถ้� า

ผาแดง ถวายทองค�า

น�้าหนกั ó บาท เงนิ สด

òó,ñòð บาท เชçค

ñ,õðð บาท สาธุนะ

ธรรมลี เราเรียกแต่

ธรรมลี นี่เศรษ°ีธรรม

องค์นี้องค์หน่ึง เราไม่

ค่อยพูดละ ออกมากçมี

ธรรมลีน้ีออก ออกปาก

มาหลายปแ‚ ลว้ นะ ธรรมลี หลวงปู่ลี กุสลธโร

นเี่ ศรษ°ธี รรมองคห์ นง่ึ ใครไมท่ ราบ ใหท้ ราบเสยี เศรษ°ธี รรม

ครองสมบตั อิ ยเู่ งยี บæ ไมม่ กี ระโตกกระตาก เศรษ°ธี รรมองคน์ ี้

ผา่ นไปนานแลว้ อยู่กบั เราหว้ ยทราย จติ แกหมุนตว้ิ æ ตงั้ แต่

นนู้ แลว้ จากนน้ั มากเç ปน็ เศรษ°ธี รรม องคน์ ี้ องคห์ นงึ่ ลกู ศษิ ย์

ท่ีบวชวันเผาศพพ่อแม่ครูจารย์ม่ัน วันน้ันละบวชธรรมลี

พอบวชแล้วกçติดตามเราเลยตลอด อย่างที่ว่าไปอยู่ในป่าช้า

ถา้ ทราบวา่ ธรรมลกี ลวั ผเี ราจะไลเ่ ขา้ ไป อยกู่ ลางปา่ ชา้ เราเปด

หนเี ลย อนั นเี้ ราไมร่ ู้ ใหแ้ กอยขู่ า้ งนอก เราไปอยกู่ ลางปา่ ชา้ เสยี

ออกมา “โอย บญุ ช่วยæ เหลือเกนิ ”

(ถวายชว่ ยโรงพยาบาลเครอ่ื งมอื ตา õ,ððð บาทเจา้ คะ่ )
เออ เมอ่ื เรçวæ นที้ างโรงพยาบาลเขากมç าขอเครอื่ งมอื ตา คอื

๓๓

¾ÃËÁâÅ¡ÁÕ

เราปวารณาไว้แล้วเคร่ืองมือตานี้เราจะช่วยให้เตçมเมçด
เตมç หนว่ ยเลย ไม่ใหบ้ กพรอ่ ง อะไรขาดเทา่ ไรให้เอามาให้หมด
เราวา่ งนั้ ตัง้ แตต่ ้นเลย เรากçชว่ ยเหลือโรงพยาบาลนีเ้ ตมç เมçด
เตçมหน่วย เรียกว่าร้อยเปอร์เซçนต์เครื่องมือ ไม่ให้บกพร่อง
ตลอดมา เมอ่ื สกั อาทิตยห์ น่ึงม้งั ทางโรงพยาบาลเขากçมาแจง้
ใหท้ ราบ เขาไมไ่ ดม้ าขอแหละ เขามาแจง้ ใหเ้ ราทราบวา่ เครอ่ื งไม้
เครอื่ งมอื มนั หลายชนดิ นะ รวมแลว้ เปน็ เงนิ ÷,òðð,ððð บาท
เครอื่ งมอื ตาทเ่ี ขามาบอกเรา เขาไมไ่ ดม้ าขอ เพราะเราปวารณา
ไว้แลว้

เขามาบอกเครื่องมือตาท่ีจ�าเป็นมีเครื่องนั้นæ รวมแล้ว
เปน็ เงนิ ÷,òðð,ððð บาท เขาบอกมาหาเรา เรากตç อบรบั เลย
เอาให้เลยสั่งได้เลย คนท้ังหลายคงจะตื่นตกใจละนะ
ท�าไมเงินต้ังเจçดล้านแปดล้านยังให้เลยทันที กçเพราะว่า
ค�าตกลงแล้ว เราบอกเราให้เลย ความจริงเราไม่มีเงินก้อน
อะไรมาใหแ้ หละ แตเ่ ราเคยผา่ นสนามอนั นมี้ าแลว้ อนั นนั้ ไดแ้ ลว้
ทีน้ีเวลาได้แล้วเกçบหอมรอมริบæ รวมกันทยอย ทางนั้นมา
ทางนท้ี ยอยให้ ทางนน้ั มาทยอยให้ แลว้ ผา่ นได้ เขา้ ใจไหม อนั นี้
เจดç ลา้ นนก่ี แç บบเดยี วกนั เราไมม่ เี งนิ กอ้ น อนั นตี้ กมา ระยะนนั้
อันนั้นตกมาระยะนั้น จากน้ีถึงวาระสุดท้ายมันกçต้องเป็น
เวลานาน เรากçพยายามหาเงินมาได้ เขา้ ใจไหม นี่ต่างหากนะ

ไม่ได้มีเงินก้อนตูมให้นะ คนส่วนมากจะเข้าใจอย่างน้ัน
เรามันเคยผ่านเวทีน้ีมาแล้ว เวทีที่ว่าเอาæ ให้เลย แล้วค่อย

๓๔

¹Ô¾¾Ò¹ÁÕ

หลวงป่เู หรียญ วรลาโภ

ทยอยให้อยา่ งนีเ้ รอื่ ย ÷,òðð,ððð ใหไ้ ปแลว้ ตกมาเมอ่ื ไรæ
กçจ่ายตามวาระของของท่ีตกมาเป็นระยะææ มันไม่ได้ตูม
ทีเดียวนะ คือเรามันเคยผ่านเวทีมาแล้ว มันรู้ เท่าน้ันเอ้า
ใหเ้ ลย อันใหญ่กบç อกให้ ทนี คี้ ่อยตกมาæ กทç ยอยจ่ายæ เรื่อย
อยา่ งนเ้ี รื่อยมา ไมใ่ ช่น้อยæ

ศพอาจารย์เหรยี ญจะมาจากกรุงเทพÏ วนั ท่ี ñó แตจ่ ะ
มาเวลาใดแล้วแต่ทางนนู้ สะดวกเมอื่ ไรเขากอç อกเองวนั ที่ ñó
เขาเขียนจดหมายมานิมนต์เราเป็นประธาน เรากçบอกว่า
ประธานนี้ประธานยังไง เพราะเร่ืองเหล่าน้ีจะมาเม่ือไรจะ
รวมกันเม่ือไร มีงานเม่ือไรทางนู้นจะมาบอกอีก นมิ นต์ มาขอ
ใหเ้ ปน็ ประธาน เรากçทราบเอาไว้ เวลามาแลว้ เขากจç ะมาบอก
อกี ทีหนงึ่ เท่านน้ั ละ

๓๕

¤íÒ»ÃÒÃÀ

คาí ปรารÀทา้ ยเลม‹

นร¡ สวรรค ์ พรหม นิพพาน มจี ริง

ตง้ั แต่ท่ีขา้ พเจา้ ได้เกดิ เป็นตัวตนขึ้นมา ไม่คาดคิดเลยว่า
จะได้พบได้เหçนเรื่องอัศจรรย์พันลึกยิ่งกว่าเรื่องใดæ ที่ใครæ
จะคาดเดาได้ โดยในตอนท่ีข้าพเจ้าได้อ่าน หนังสือประวัติ
ท่านพระอาจารย์ม่ัน ภูริทัตตเถระ โดย ท‹านอาจารย์
พระมหาบัว ญาณสมั ปันโน วัดปา่ บ้านตาด จังหวดั อดุ รธานี
จบแล้ว เกิดความเชื่อม่ันขึ้นมาอย่างแรงว่า นรก สวรรค์
พรหม นพิ พาน มจี รงิ จติ ยอมรบั ในเรอ่ื งบาปบญุ คณุ โทษอยา่ ง
ไมส่ งสัย ไดแ้ ตเ่ สียดายวา่ เกิดไม่ทนั พระหลวงปูม่ ่ัน แตก่ çยงั
นับว่ามีบุญใหญ่ท่ีได้มีโอกาสมา¿ังธรรมจาก หลวงตามหาบัว
เทศน์ถึงองคห์ ลวงปู่ม่นั อยเู่ สมอ จนราวกบั ว่า ได้เข้าไปอยูใ่ น
เหตุการณน์ ั้นด้วยจริงæ

๓๖


Click to View FlipBook Version