The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wonchai890, 2020-08-13 21:10:06

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 6

BOOK ธรรมะหน้ากุฏิ เล่ม 6

Keywords: พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

แต่ก็หนีไม่พ้นความแก่ ไม่มีใครอยากจะเจอความเจ็บไข้
ไดป้ ว่ ย กห็ นคี วามเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยไปไมไ่ ด้ และกห็ นคี วามตาย
ไปไมไ่ ด้ เพราะนมี่ นั เปน็ ธรรมชาติ รา่ งกายมนั เปน็ ธรรมชาติ
เปน็ ของธรรมชาติ ธรรมชาตสิ รา้ งรา่ งกายใหม้ าเปน็ อยา่ งนี้
สรา้ งใหม้ าเกดิ แลว้ กส็ รา้ งใหม้ าเจรญิ เตบิ โต แลว้ กส็ รา้ งให้
มาแก่ สร้างให้มาเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วในท่ีสุดก็สร้างให้มา
ตายกนั อนั นเี้ ปน็ กฎของธรรมชาติ รา่ งกายนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ
ของธรรมชาติ เหมือนกับสง่ิ อน่ื ๆ ทม่ี ีอยู่ในโลกนี้ เป็นของ
ธรรมชาติท้ังน้ัน ถึงแม้ว่ามนุษย์เราเป็นผู้ผลิตมันขึ้นมา
เรากเ็ อามาจากธรรมชาติ สิ่งของตา่ งๆ นเ้ี รากผ็ ลิตมาจาก
ธรรมชาติ ผลติ มาจากธาตุทง้ั ๔ คือ ดนิ น�้ำ ลม ไฟ นเ่ี อง
น่ีคือความหมายของค�ำว่าอนัตตา ทุกส่ิงทุกอย่างที่มีอยู่
ในโลกนไี้ มม่ ตี วั ตน ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ ใจทมี่ าครอบครอง
ร่างกายน้ีก็เป็นเจ้าของได้เพียงช่ัวคราวช่ัวขณะท่ีร่างกาย
ยังไม่ตาย แต่พอร่างกายตายไปแล้ว ใจก็ไม่สามารถท่ี
จะยึดครองได้อีกต่อไป ถึงเวลานั้นใจก็ต้องไปหาร่างกาย
อันใหม่ตอ่ ถา้ ใจยังไม่มีปัญญา ไม่มีวิปัสสนา ยงั ไมเ่ ห็นวา่
การมีร่างกายเป็นทุกข์ ยังไม่เห็นว่าร่างกายน้ีเป็นอนิจจัง
ทกุ ขงั อนตั ตา ใจกจ็ ะไปหารา่ งกายอนั ใหมเ่ พอื่ มาเกดิ ใหม่
อีกคร้ังหน่ึง เพราะใจต้องอาศัยร่างกายเป็นเครื่องมือใน

50

การหาความสุขน่ันเอง ใจต้องการความสุขจากรูป เสียง
กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ กจ็ ำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมตี า มหี ู มจี มกู มลี นิ้
มกี าย กจ็ ำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งมรี า่ งกายกนั พอมรี า่ งกายแลว้ กต็ อ้ ง
มคี วามแก่ มคี วามเจบ็ มคี วามตายตามมา ตราบใดทใ่ี จยงั
ปรารถนาความสขุ จากรปู เสียง กลิน่ รส โผฏฐัพพะชนดิ
ต่างๆ อยู่ ใจกย็ งั จะตอ้ งกลบั มาหาตา หู จมกู ล้ิน กายอยู่
เรอ่ื ยๆ เมื่อมาหาตา หู จมกู ลน้ิ กาย ได้ร่างกายท่มี ตี า หู
จมกู ลิน้ กาย กต็ ้องเจอกบั ความแก่ ความเจ็บ ความตาย
ทุกคร้ังไป
นี่เป็นส่ิงที่พระพุทธศาสนามาแก้ปัญหาของพวกเราท่ีเป็น
เหมือนแผน่ เสยี งตกร่อง คอื ตกรอ่ งของความเกิด แก่ เจบ็
ตาย ดว้ ยการสอนใหเ้ ราเหน็ วา่ ความสขุ ตา่ งๆ ทเ่ี ราหาผา่ น
ทางรา่ งกายน้ี เปน็ ความสขุ ปลอม เปน็ ความสขุ เทยี ม เปน็
ความสขุ ชว่ั คราว ทจ่ี ะกลายเปน็ ความทกุ ขต์ อ่ ไป เวลาทม่ี นั
เส่อื มหรือวา่ มนั หมดไป มันสิ้นสดุ ลง ก็ใหเ้ ราเปลย่ี นวธิ หี า
ความสขุ คอื อยา่ มาพ่ึงรา่ งกาย ใหม้ าหาความสขุ จากการ
มาทำ� ใจใหส้ งบ ท�ำใจใหเ้ ป็นสมาธิ ใหเ้ ปน็ รูปฌาน ใหเ้ ปน็
อรปู ฌาน ถา้ เราฝึกสมาธิจนท�ำใจของเราใหส้ งบได้ เราจะ
เปลี่ยนวิธีหาความสุขจากการใช้ร่างกายพาเราไปหารูป
เสียง กลิน่ รส โผฏฐพั พะชนิดต่างๆ ให้เรามาหาความสุข

51

จากการทำ� ใจใหส้ งบจากรปู ฌานและจากอรปู ฌาน พอเรา
สามารถหาความสขุ จากรปู ฌาน อรูปฌานได้ เรากไ็ ม่ต้อง
พงึ่ รา่ งกายอกี ตอ่ ไป ไมต่ อ้ งมรี า่ งกายกไ็ ด้ ถา้ รา่ งกายจะแก่
กไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ น เพราะไมต่ อ้ งใชร้ า่ งกายพาไปไหนมาไหนแลว้
ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่เดือดร้อน เพราะการเข้าสมาธิ
เข้าฌานนี้ ไมต่ ้องใชร้ ่างกาย เราใชส้ ติ ถา้ มสี ตคิ วบคุมใจ
ไม่ให้คิดปรุงแต่งได้ ใจก็เข้าสู่ความสงบ เข้าสู่ความสุขที่
เหนือกว่าความสุขท้ังปวง ท่ีพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า
นัตถิ สันติ ปรงั สขุ งั สขุ อน่ื ที่เหนือกว่าความสงบไมม่ ี

52

ความสุขสูงสุดท่ีพวกเราจะหากันได้คือความสุขจาก
ความสงบ ซง่ึ ความสขุ จากความสงบนก้ี ม็ ี ๒ ระดบั ดว้ ยกนั
ความสุขท่ีเกิดจากความสงบแบบชั่วคราว และความสุข
ท่ีเกิดจากความสงบแบบถาวร เบ้ืองต้นเราจะได้ความสุข
แบบชว่ั คราวกอ่ น กอ่ นทเ่ี ราจะเขา้ ไปหาความสขุ แบบถาวร
เราต้องอาศัยความสุขแบบชั่วคราวเป็นขั้นบันไดพาเรา
ขนึ้ ไป เบือ้ งต้นเราตอ้ งมาหาความสุขจากสมาธิ เพ่ือทีเ่ รา
จะไดไ้ มต่ อ้ งไปหาความสขุ ผา่ นทางตา หู จมกู ลนิ้ กาย แลว้
พอเราเลิกหาความสขุ จากตา หู จมกู ล้นิ กายได้ เราก็จะ
ไดไ้ มต่ อ้ งกลบั มาเกดิ ในภพของมนษุ ยแ์ ละเทวดาหรอื สตั ว์
เดรจั ฉานอกี ตอ่ ไป แตเ่ รายงั จะไปตดิ อยใู่ นรปู ภพกบั อรปู ภพ
ถา้ เราหาความสุขจากรูปฌาน เราก็ยังจะตดิ อยกู่ ับการไป
เกดิ ในรปู ภพ ยงั ตอ้ งไปเกดิ เปน็ รปู พรหมอยู่ ถา้ เราตดิ อยใู่ น
อรปู ฌาน เราสามารถเขา้ อรปู ฌานได้ ถา้ เราอาศยั อรปู ฌาน
ใหค้ วามสขุ กบั เรา เรากต็ อ้ งเขา้ อรปู ฌานอยเู่ รอ่ื ยๆ กเ็ หมอื น
กับติดอรูปฌาน ถ้ายังติดอรูปฌานอยู่ ก็ต้องติดอยู่ใน
อรูปภพต่อไป พอตายไปก็จะไปเกิดในรูปภพบ้างหรือ
อรูปภพบ้าง แต่จะไมม่ าเกิดในกามภพ ถา้ เราเลกิ หาความ
สุขทางกาม ทางรปู เสียง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ เพราะเรา
เห็นด้วยปัญญาว่าเป็นไตรลักษณ์น่ันเอง ความสุขจาก
กามคณุ ๕ คอื รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ เปน็ ความสขุ ท่ี

53

ไมเ่ ทย่ี งแทแ้ นน่ อน เปน็ ความสขุ ทช่ี วั่ คราว ไดม้ าแลว้ เดย๋ี ว
กห็ มดไป เชน่ เราไปเทยี่ ว ไปดหู นงั ฟงั เพลง ไปกนิ ไปดม่ื กนั
เรากไ็ ดค้ วามสขุ จากการไปเทยี่ วไปกนิ ไปดมื่ แตพ่ อเรากลบั
มาบ้าน ความสขุ น้นั กจ็ างหายไป กจ็ ะทำ� ใหเ้ รารเู้ หงารู้สึก
ว้าเหว่ รู้สึกหิวกับการไปเที่ยวไปกินไปดื่มกันอีก เวลาถ้า
ไมไ่ ดไ้ ปเทย่ี วไปกินไปดม่ื ก็จะรสู้ ึกอดึ อดั ตอนทเ่ี ราตอ้ งอยู่
บ้านในช่วงที่เขาบังคับไม่ให้ออกนอกบ้าน ช่วงนั้นเราจะ
เหน็ ชัดเลยว่าจิตใจของเราไม่ค่อยมีความสุขกัน เพราะเรา
ไม่สามารถไปเสพกามได้ ไมส่ ามารถไปเสพรปู เสียง กล่นิ
รส โผฏฐัพพะ ภายนอกบา้ นได้
นี่คือความทุกข์จากการเสพกาม เสพรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐพั พะ พอเราปฏบิ ตั ถิ งึ ขน้ั สมาธแิ ลว้ จะเหน็ ดว้ ยปญั ญา
ว่า ความสุขทางกามคุณ ๕ นเ้ี ปน็ อนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตา
ถ้าเราไมอ่ ยากจะทุกข์ เราก็เลิกเสพมนั เทา่ น้นั เอง พอเรา
เลิกเสพมัน เราก็จะไม่ทกุ ข์ เวลาอยูบ่ า้ นก็จะไมเ่ ดอื ดร้อน
ถา้ ไมม่ คี วามอยากทจี่ ะไปเสพ รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ
นอกบา้ น อยใู่ นบา้ นเรากส็ ามารถหาความสขุ จากการเขา้ ไป
ในสมาธิแทนได้ เป็นความสุขท่ีดีกว่าด้วย ถ้าใครได้พบ
กบั ความสขุ ทเี่ กดิ จากความสงบของสมาธแิ ลว้ น้ี จะเลกิ หา
ความสขุ ทางตา หู จมกู ลน้ิ กาย เหมอื นกบั คนทไี่ ดร้ ถเกง๋ ที่

54

มรี าคาดกี วา่ รถเกา่ ถา้ ขบั รถปกิ อพั อยแู่ ลว้ ไดร้ ถเบนซม์ าน่ี
รบั ประกนั ไดว้ า่ รถปกิ อพั ทเ่ี คยขบั อยนู่ จี้ ะยกใหค้ นอนื่ ไปเลย
สขู้ บั รถเบนซด์ กี วา่ สบายกวา่ มคี วามสขุ กวา่ การขบั รถปกิ อพั
อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราได้เข้าสู่ความสุขของสมาธิแล้ว
เรากจ็ ะเลกิ หาความสขุ จากรปู เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐพั พะ
โดยเฉพาะถา้ เราเหน็ วา่ มนั เปน็ ไตรลกั ษณ์ แตถ่ า้ ยงั ไมเ่ หน็
เปน็ ไตรลกั ษณ์ เรากอ็ าจจะเปน็ แบบรกั พเี่ สยี ดายนอ้ ง สมาธิ
กอ็ ยากจะเขา้ พอออกจากสมาธกิ อ็ ยากจะกนิ ขนม อยากจะ
ดมื่ กาแฟ อยากจะดหู นงั ฟงั เพลง ยงั อยากจะทำ� ทง้ั ๒ สง่ิ อยู่
มนั กจ็ ะทำ� ใหเ้ ราสลบั ไปสลบั มา บางทกี ห็ าความสขุ จากรปู
เสยี งกลน่ิ รสโผฏฐพั พะบางทกี ห็ าความสขุ จากสมาธิเวลาท่ี
ไมส่ ามารถหาความสขุ จากรปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะได้
กจ็ ะเกิดความทุกข์ พอเกดิ ความทกุ ข์กจ็ ะกลบั มาหาความ
สขุ จากสมาธิ บางทมี นั กก็ ลบั ไมไ่ ดเ้ สยี แลว้ เพราะวา่ ถา้ ออก
มาหาความสขุ จากรูป เสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะอยู่เรอ่ื ยๆ
มันก็จะกลับเข้าไปหาความสุขจากสมาธิไม่ได้ ท�ำได้ยาก
กว่าจะกลบั เขา้ ไปได้ก็หืดขึน้ คอ
อยา่ งหลวงตามหาบวั ทา่ นบอกวา่ เวลาจติ ทา่ นเสอื่ มสมาธิ
เวลาเสอ่ื มน้ี ทา่ นบอกวา่ กวา่ จะกลบั เขา้ ไปไดน้ ้ี แหม มนั แทบ
เปน็ แทบตาย ชว่ งนนั้ ท่านรู้สึกทุกข์ทรมานใจมาก ทา่ นวา่

55

คนท่ีเป็นเศรษฐีแล้วสิ้นเนื้อประดาตัว มันยังไม่รุนแรง
เทา่ กบั เวลาทเ่ี สยี สมาธไิ ป เวลาทไี่ มส่ ามารถกลบั เขา้ ไปหา
สมาธิได้ ดังนั้นถ้าใครได้สมาธิแล้วมักจะไม่ประมาทกัน
จะพยายามเขา้ หาสมาธิอยู่เร่ือยๆ ถงึ แมว้ า่ เวลาออกจาก
สมาธิมา ถา้ ยงั มีความอยากทีจ่ ะไปหารปู เสียง กลิน่ รส
โผฏฐัพพะอยู่ ก็จะพยายามใช้ไตรลักษณ์เตือนใจสอนใจ
ถา้ ไมม่ ไี ตรลกั ษณน์ ก้ี อ็ าจจะหลงกลบั ไปหาความสขุ จากรปู
เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะได้ แตถ่ า้ มไี ตรลกั ษณค์ อยเตอื นใจ
อยู่เรื่อยๆ ว่า ถ้าไปหาความสุขจากรูป เสียง กล่ิน รส
โผฏฐัพพะแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเด๋ียวก็จะต้องร้องห่มร้องไห้อีก

56

พวกที่ไปบวชน่ังสมาธิได้ พอสึกกลับบ้านไปเจอแฟนเข้า
เดี๋ยวลืมสมาธิ ไปอยู่กับแฟนไม่นานเดี๋ยวแฟนทิ้งหรือ
ทะเลาะกัน ก็เสยี อกเสียใจ ทนี ้ีจะกลบั ไปหาสมาธกิ ็จะหา
ทางเข้าไม่ถูกแล้ว ถ้าไม่กลับเข้าไปบ่อยๆ กลับเข้าไปอยู่
เรอ่ื ยๆ สมาธนิ จี่ ะหลงทางได้ จะหาทางเขา้ ไมไ่ ด้ กวา่ จะหาได้
กอ็ าจจะต้องเหน็ดเหน่อื ยพอสมควร
ดังนั้นผู้ที่ได้ยินได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว จะไม่
ประมาทนอนใจ ถา้ ไดค้ วามสขุ จากสมาธแิ ลว้ นี้ จะพยายาม
รกั ษาไว้ จะพยายามฝนื ความอยากทจ่ี ะมาหลอกมาดงึ ให้

57

ชวนไปหาความสขุ ทางรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ ดว้ ยการ
พิจารณาให้เห็นว่ามันเป็นความสุขชั่วคราว เพราะช่วงท่ี
ไมไ่ ด้อยใู่ นสมาธิ มันอาจจะเกิดความรูส้ กึ เหงารสู้ กึ ว้าเหว่
ขึน้ มาได้ ถา้ ไม่กลับเข้าไปในสมาธิ เด๋ยี วกอ็ าจจะถกู ความ
หลงความอยากหลอกใหไ้ ปเทยี่ วกไ็ ด้ หลอกใหไ้ ปหาความ
สขุ จากรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะได้ เพราะเวลาไปกร็ สู้ กึ
เพลิดเพลินมีความสุข ความเหงา ความว้าเหว่ก็หายไป
ชว่ั คราว แตไ่ มช่ า้ กเ็ รว็ กต็ อ้ งกลบั ไมม่ ใี ครเทย่ี วไดท้ งั้ คนื ทง้ั
วนั หรอก เดยี๋ วเหนอื่ ยกต็ อ้ งกลบั บา้ นพกั ผอ่ นหลบั นอนกนั
พอกลับมาบ้านแล้ว เดี๋ยวความสุขที่ได้จากการไปเที่ยวก็
หายไปอกี แลว้ พอเกดิ มคี วามอยากจะไปเท่ยี วใหม่ ความ
รสู้ กึ เหงา ความรสู้ กึ วา้ เหว่ กเ็ กดิ ขนึ้ มาอกี ทนี กี้ ต็ อ้ งไปเทยี่ ว
อกี แลว้ เพราะวา่ ถา้ ไมไ่ ปมนั กย็ ง่ิ เหงายงิ่ วา้ เหว่ ดงั นนั้ ถา้ เปน็
คนฉลาดก็ต้องพยายามสู้กับความเหงาสู้กับความว้าเหว่
ด้วยการบังคับให้มันกลับเข้าไปในสมาธิ ถ้ามันอยากจะ
ออกไปเทยี่ ว อยากจะออกไปหาเพอื่ น อยากไปเฮฮาปารต์ ้ี
กับเพ่อื น ก็ต้องเปลยี่ นใจ ไมเ่ อาโว้ย นง่ั สมาธพิ ทุ โธๆ ไป
ดีกว่า ตอนที่นั่งใหม่ๆ มันก็จะรู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่สุขไม่
สบายใจ แต่ก็ต้องใช้ความเพียรพยายาม พยายามใช้สติ
พทุ โธๆ เดนิ จงกรม นงั่ สมาธไิ ป อาจจะใชเ้ วลาหลายชวั่ โมง
กว่าจะเอาจิตเข้าสู่ความสงบได้ แต่พอเข้าได้แล้วมันคุ้ม

58

ความเหนื่อยต่างๆ นหี้ ายไปหมด ความเหงาความวา้ เหว่
ความทุกข์ทรมานใจ ความหงุดหงิดใจจะหายไปหมด
แล้วทนี ้ีจะเห็นโทษของการเผลอสติ ของการไม่คอยรกั ษา
ใจท่ที �ำให้เกิดความอยากตา่ งๆ ขนึ้ มา ตอ่ ไปพอออกจาก
สมาธิมาน้ี จะรักษาใจด้วยสติ และจะสอนใจให้พิจารณา
ไตรลกั ษณอ์ ยเู่ รอ่ื ยๆ พจิ ารณารปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ
ว่าเป็น อนจิ จัง ทุกขงั อนัตตา ไมใ่ ชเ่ ป็น นจิ จงั สขุ ัง อตั ตา
ถ้าเราหมั่นคอยพิจารณาคอยเตือนใจสอนใจอยู่เร่ือยๆ
เวลาจะเกดิ ความอยากขน้ึ มากจ็ ะระงบั มนั ไดเ้ ลย ถา้ มนั ดอื้
ก็บังคับให้มันเข้าสมาธิไป ถ้าระงับความอยากไม่ได้ด้วย
ปญั ญากด็ งึ จติ ใหเ้ ขา้ สมาธิ ใหพ้ ทุ โธๆ ไป ดลู มหายใจเขา้ ออก
เดย๋ี วไมน่ านความสงบกก็ ลบั คนื มาใหม่ ทำ� อยา่ งนไี้ ปเรอื่ ยๆ
ไปหลายๆ รอบ ตอ่ ไปความอยากมนั จะนอ้ ยลงไปๆ ความ
อยากหาความสขุ จากรปู เสียง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ ก็จะ
หมดไป กจ็ ะมาหาความสขุ จากการเขา้ สมาธิ แลว้ กจ็ ะไปตดิ
สมาธิ แตจ่ ะตดิ กบั สมาธใิ นระดบั รปู ฌานหรอื อรปู ฌานนนั้
กจ็ ะขนึ้ อยกู่ บั ความสามารถวา่ เราจะเขา้ สมาธริ ะดบั ไหนได้
ตอนน้ันเราก็ใช้ปัญญาพิจารณารูปฌานกับอรูปฌาน
เหมอื นกบั เราพจิ ารณารปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ วา่ มนั
กย็ งั เปน็ ไตรลกั ษณอ์ ยเู่ หมอื นกนั รปู ฌานกเ็ ปน็ ไตรลกั ษณ์

59

อรูปฌานก็เป็นไตรลักษณ์ คือไม่เที่ยง เข้าได้ก็ออกได้
มีรปู ฌานได้เด๋ียวก็เสื่อมได้ เพราะเราจะไม่สามารถอยใู่ น
สมาธิได้ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง เดย๋ี วไม่ช้าก็เรว็ เรากต็ อ้ ง
ออกจากสมาธิ ออกจากรปู ฌาน ออกจากอรปู ฌานมา เราก็
กลบั เข้าไปหารปู ฌาน อรปู ฌานใหมก่ ็ได้ แต่ถา้ เราตดิ ท่ีจะ
ตอ้ งกลบั ไปหามนั อยเู่ รอ่ื ยๆ เหมอื นกบั เมอ่ื กอ่ นนท้ี เี่ ราตอ้ ง
ไปหารปู เสยี ง กลนิ่ รส กนั อยเู่ รอ่ื ยๆ เพราะวา่ เรายงั ตดิ มนั
อยนู่ ่ันเอง เพราะเรายังไมเ่ ห็นวา่ มนั เปน็ ไตรลกั ษณ์ เราก็
ต้องพิจารณารูปฌานกับอรูปฌานน้ีว่าเหมือนกับท่ีเรา
พิจารณารปู เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐพั พะ พจิ ารณาวา่ เปน็
ไตรลักษณ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสิ่งท่ีไม่เที่ยง
มีเกิดมดี บั เป็นสิง่ ท่ีเราควบคมุ บงั คับไม่ได้ เปน็ ธรรมชาติ
ของมนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ของเราอยา่ งแทจ้ รงิ ถา้ เราตอ้ งการเลกิ ท่ี
จะไมใ่ หต้ ดิ กบั รปู ฌานกบั อรปู ฌาน พอชว่ งไหนทเ่ี ราอยาก
จะกลบั เขา้ ไปในรูปฌานหรอื อรูปฌาน เรากต็ อ้ งพิจารณา
ดว้ ยปญั ญาใหเ้ ห็นว่า มนั เป็นอนจิ จัง ทกุ ขงั อนัตตา ขนั้ น้ี
ส�ำหรับผู้ที่ได้ปล่อยวางกามตัณหาแล้ว คือความอยาก
เสพรปู เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐัพพะ นไี้ ม่มีแลว้ ผู้นั้นกค็ อื
พระอนาคามี เปน็ ผทู้ ต่ี ดั ความอยากเสพรปู เสยี ง กลนิ่ รส
ในทกุ รปู แบบได้ ไมว่ า่ จะไปดหู นงั ฟงั เพลง ไมว่ า่ จะไปเทย่ี ว
ไปกนิ ไปดม่ื หรอื ไปรว่ มหลบั นอนกบั ใครกต็ าม พระอนาคามี

60

นี้ไมส่ นแลว้ เรื่องของกามคุณท้งั ๕ เพราะท่านมีของดกี วา่
ทา่ นมรี ปู ฌานกบั อรปู ฌานใหท้ า่ นเสพ แตท่ า่ นไมร่ วู้ า่ ถา้ ยงั
ตดิ อยู่กบั รปู ฌานหรอื อรูปฌาน ท่านกย็ งั จะต้องตดิ อยใู่ น
ไตรภพต่อไป คือจะต้องไปเกดิ ในรูปภพหรอื อรูปภพ
ถ้าท่านไม่ต้องการไปติดในรูปภพหรืออรูปภพ ท่านก็ต้อง
เลิกตดิ รูปฌาน อรูปฌาน แลว้ กไ็ ม่ต้องกลัว พระพทุ ธเจา้
ทรงบอกวา่ ถา้ เลกิ รปู ฌานได้ เลกิ อรปู ฌานได้ จะมขี อง
ดกี วา่ รอเราอยู่ เหมอื นตอนทเ่ี ราเลกิ เสพรปู เสยี ง กลนิ่
รส โผฏฐัพพะ เราได้ของดกี วา่ มาทดแทน เราได้สมาธิ
เราไดร้ ปู ฌานอรปู ฌานมาทดแทนถา้ เราเลกิ เสพรปู ฌาน
อรปู ฌานได้ เราจะไดข้ องดกี วา่ เราจะไดน้ พิ พานมาเปน็
ตัวให้ความสุขกับเราแทนรูปฌาน อรูปฌาน แล้วเรา
จะไดค้ วามสขุ ถาวร นพิ พานนแี่ หละคอื ความสขุ ทถ่ี าวร
ความสงบที่ถาวร เป็นความสุขท่ีไม่ข้ึนไม่ลง ไม่เกิด
ไมด่ บั เปน็ ความสขุ ทเี่ สถยี ร เปน็ ยงั ไงเปน็ อยา่ งงนั้ ตลอด
๒๔ ชั่วโมง ตลอด ๗ วัน ตลอด ๓๖๕ วนั ตลอดกปั
ตลอดกลั ป์ นพิ พานนจ้ี ะเปน็ ความสขุ แบบอกาลโิ ก ไมม่ ี
การเสื่อมไปกับกาลเวลา แต่จะเขา้ ถึงความสขุ อนั นไ้ี ด้
ต้องเลกิ เสพรปู ฌานกับอรปู ฌาน เลิกหาความสขุ จาก
รปู ฌานกับอรปู ฌาน นีค่ อื งานของพระอนาคามี

61

พอทา่ นเลกิ เสพกามได้ ทา่ นกจ็ ะมาตดิ กบั การเสพรปู ฌาน
กบั อรปู ฌาน และทา่ นอาจจะคดิ วา่ เปน็ นพิ พานกไ็ ด้ ผทู้ เี่ ลกิ
เสพกามไดแ้ ลว้ มาเจอความสขุ ของความสงบกอ็ าจจะหลง
คดิ วา่ เปน็ นพิ พาน ทที่ า่ นบอกวา่ เปน็ “วปิ สั สน”ู เพราะวา่
มันเป็นความสุขที่มหัศจรรย์ใจท่ีสุดเท่าที่เคยพบมา คือ
ก่อนหน้าน้ันความสุขท่ีพบมาคือความสุขทางตา หู จมูก
ลิน้ กาย เช่น เวลาไปเหน็ สิง่ มหศั จรรยข์ องโลก เราก็ร้สู ึก
มหศั จรรยใ์ จกนั จนกระทง่ั เราตง้ั ชอ่ื วา่ เปน็ สง่ิ มหศั จรรยข์ อง
โลก เชน่ ก�ำแพงเมอื งจีน ปีรามดิ หอไอเฟลิ อะไรต่างๆ
เหลา่ น้ี เพราะเปน็ ของทแ่ี ปลกประหลาดมหศั จรรย์ เหน็ แลว้
ก็อดที่จะมหัศจรรย์ใจไม่ได้ แต่พอมาพบกับความสุขของ
สมาธิ ของความสงบ มนั มหศั จรรยใ์ จยงิ่ กวา่ ความมหศั จรรย์
ใจของรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะชนดิ ตา่ งๆ มนั กเ็ ลยทำ�
ใหเ้ ปลยี่ นการหาความสขุ จากการหาความสขุ จากกามคณุ ๕
จากรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ กม็ าหาความสขุ จากความ
สงบดกี ว่า มาหาความสขุ จากรปู ฌานหรอื อรปู ฌาน แต่ก็
ไมร่ วู้ า่ ยงั เปน็ ความสขุ แบบชว่ั คราวอยู่ เวลาทมี่ นั เสอ่ื มกจ็ ะ
รสู้ กึ ขาดอะไรไป เหมือนขาดลมหายใจ เพราะรปู ฌานกบั
อรปู ฌานมนั กย็ งั เปน็ อนจิ จงั อยู่ เพราะเราไมส่ ามารถเขา้ ไป
อยใู่ นรปู ฌานได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เรายังต้องออกมาจาก
สมาธิ เพราะเรายังต้องมภี ารกิจทจี่ ะตอ้ งดแู ลรา่ งกายของ

62

63

เราอยู่เรายงั ตอ้ งมาพารา่ งกายขบั ถา่ ย พารา่ งกายไปอาบนำ�้
อาบท่า พารา่ งกายไปพกั ผ่อนหลับนอน พาร่างกายไปรบั
ประทานอาหาร พารา่ งกายไปทำ� ความสะอาดสถานทที่ เี่ รา
อยอู่ าศยั เปน็ ตน้ พอออกมาจากฌานความสขุ ทไี่ ดจ้ ากฌาน
กจ็ ะหายไป มนั กจ็ ะเกดิ ความอยากไดค้ วามสขุ แบบนน้ั อกี
มนั กต็ อ้ งกลบั เขา้ ไปในฌานใหม่ ถา้ ชว่ งไหนกลบั เขา้ ไปไมไ่ ด้
หรอื ไมส่ ามารถทำ� ใหม้ นั สงบได้ ไมม่ เี วลาวา่ งทจ่ี ะทำ� ใหม้ นั
สงบได้ ชว่ งนน้ั ก็จะรู้สกึ ไม่มีความสุขเทา่ ไร
นี่คือความสขุ ของรูปฌานกบั อรปู ฌาน ซึ่งยงั เปน็ ความสุข
ทไี่ มถ่ าวร ไมต่ อ่ เนอื่ งตลอดเวลา มเี กดิ ๆ ดบั ๆ เหมอื นแสง
ห่งิ ห้อย มเี กดิ แลว้ กม็ ดี บั คอื ไม่เหมือนกับแสงไฟฟ้าที่เรา
เปดิ ในตอนกลางคนื เปดิ แลว้ มนั กเ็ ปดิ ยาวไปเลย ความสขุ
แบบที่มันต่อเน่ืองแบบยาวไปเลยคือพระนิพพานนี้
จะเกิดข้ึนได้ต่อเม่ือเราเลิกใช้รูปฌานกับอรูปฌานเป็น
เครอื่ งมอื ใหค้ วามสขุ กบั เรา ทกุ ครง้ั ทเี่ ราอยากจะเขา้ ไปหา
ความสขุ จากรปู ฌาน อรปู ฌาน เรากต็ อ้ งพจิ ารณาใหเ้ หน็ วา่
มันเป็นไตรลักษณ์ เห็นว่าเดี๋ยวมันสุขแล้วมันก็หมดไป
พอหมดไปแลว้ มนั กจ็ ะเปน็ ทกุ ขงั ขน้ึ มาอกี แลว้ มนั กต็ อ้ งหา
ใหม่อีก ต้องกลบั เข้าไปใหม่อีก เขา้ ๆ ออกๆ อย่อู ยา่ งน้ี
ไปเร่ือยๆ ก็สู้ไม่ไปเสพมันดกี วา่ เหมอื นกบั ตอนท่ีเราเสพ

64

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เราก็ต้องคอยเสพมันอยู่
เรอื่ ยๆ เวลาทเี่ ราไมไ่ ดเ้ สพ เรากจ็ ะรสู้ กึ หงดุ หงดิ รสู้ กึ อดึ อดั
ร�ำคาญใจ ฝร่ังเขาเรียกว่าเป็นเคบินฟีเวอร์ (cabin fever)
ถกู กกั ขงั อยู่ในหอ้ งอยา่ งน้ี ไม่ไดอ้ อกไปเสพรูป เสยี ง กลิน่
รส โผฏฐัพพะ อย่างท่ีวัดปฏิบัติเขาให้ไปอยู่ห้องคนเดียว
ขงั ตวั เอง เขาเรยี กวา่ ไปสำ� รวมอนิ ทรยี ์ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย
มันจะมีการรู้สึกด้ินในใจ จะอึดอัด มันจะไม่มีความสุข
เพราะไปติดในรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ แตพ่ อเลิกติด
ไดป้ บ๊ั น้ี มนั ไมด่ น้ิ แลว้ อยใู่ นหอ้ งคนเดยี ว สำ� รวมตา หู จมกู
ล้นิ กาย ไมไ่ ด้ไปเหน็ รูป เสยี ง กล่ิน รส โผฏฐพั พะนี้ จะไม่
รสู้ กึ อดึ อดั เพราะความอยากเสพรปู เสยี งกลนิ่ รสโผฏฐพั พะ
มันหายไป ฉันใด เรื่องของการเสพรูปฌานกับอรูปฌาน
ก็อย่างนั้น มันก็จะมีอาการอึดอัดเหมือนกับเวลาท่ีเสพ
กามคณุ ๕ แตพ่ อไดพ้ จิ ารณาดว้ ยปญั ญาแลว้ เหน็ วา่ การไป
ติดรูปฌานหรืออรูปฌาน มันก็จะตอ้ งทุกข์ พอเหน็ ว่ามัน
เป็นทุกข์ เห็นว่ามันไม่เท่ียง เห็นว่ามันไม่ใช่เป็นของเรา
มนั ไมอ่ ยู่กบั เราไปตลอด มันไปๆ มาๆ มนั ใหค้ วามสุขเรา
แบบชั่วคร้ังช่ัวคราว สู้อย่าไปเสพมันดีกว่า พออยากจะ
เข้าฌานกไ็ มเ่ ขา้ หยดุ มนั ไม่ใหเ้ ข้า พอหยดุ ความอยากเข้า
ฌานได้ พอความอยากหายไป ทนี ไี้ มเ่ ขา้ ฌานกม็ คี วามสขุ ได้
เหมือนกับคนท่ีเลิกเสพรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้

65

ไม่เสพรูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐัพพะ ก็มีความสุขได้
อยู่เฉยๆ ได้ ไม่ตอ้ งเขา้ สมาธกิ ็ได้ อันนกี้ เ็ ปน็ ขัน้ ของพระ
อนาคามี
ส่วนพระโสดาบนั พระสกทิ าคามี ยังเสพรูป เสียง กลน่ิ รส
โผฏฐัพพะอยู่ แต่พอได้เป็นพระอนาคามีแล้ว ก็แสดงว่า
ส�ำเร็จในการหยุดความอยากที่จะเสพรูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐพั พะได้ แตก่ ไ็ ปคิดกับความอยากจะเสพรูปฌานกบั
อรปู ฌานเพราะการทจี่ ะเลกิ เสพรปู เสยี งกลน่ิ รสโผฏฐพั พะน้ี
ก็ต้องใช้ความสุขจากรูปฌานและอรูปฌานน้ีมาทดแทน
นน่ั เอง เหมอื นคนทไ่ี ดร้ ถเบนซม์ าแลว้ กส็ ละรถกระบะไปได้
แตก่ ย็ งั มาตดิ รถเบนซอ์ ยู่ เพราะยงั ตอ้ งการหาความสขุ ดว้ ย
การนั่งรถเบนซ์ไปไหนมาไหนนั่นเอง แต่ถ้าเกิดรถเบนซ์
มนั มปี ญั หา มนั เสยี หรอื ถา้ เกดิ ไมม่ เี งนิ เตมิ นำ้� มนั กไ็ ปไหน
ไม่ได้ หรือถ้ารถมนั เสียแลว้ ไม่มีเงินเอารถเขา้ อูซ่ อ่ ม มนั ก็
ไปไหนไมไ่ ดเ้ หมอื นกนั ตอนนนั้ รถกจ็ ะเปน็ เหมอื นเศษเหลก็
กจ็ ะทำ� ใหม้ คี วามทกุ ขต์ ามมาถงึ แมว้ า่ จะขบั รถเบนซก์ ต็ าม
วธิ ดี ที สี่ ดุ กค็ อื อยา่ ไปขบั รถเบนซด์ กี วา่ ใชเ้ ดนิ ดกี วา่ หรอื ขน้ึ
รถ ๒ แถว ขึน้ แท็กซ่ีดีกว่า มรี ถเยอะแยะ เด๋ียวนีม้ ีอูเบอร์
กเ็ รยี กมา เรยี กปบุ๊ กม็ าปบ๊ั เลย อนั นกี้ เ็ หมอื นกนั เมอ่ื เลกิ เสพ
รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ ไดแ้ ลว้ แตก่ ลบั มาตดิ รปู ฌาน

66

และอรปู ฌาน เรากเ็ ลกิ เสพมนั เพราะมนั ยงั ทำ� ใหเ้ ราทกุ ขอ์ ยู่
เวลาทเี่ ราอยากแลว้ ไมไ่ ดเ้ สพ มันจะทำ� ให้เราทุกข์ ดงั นนั้
เลกิ มันดกี ว่า อยา่ ไปเสพมนั ดกี ว่า
พอเลกิ ได้ปบ๊ั ทีน้คี วามสุขทีม่ ันถูกความอยากปิดกน้ั ไว้มนั
จะโผลข่ น้ึ มาเอง ความสขุ ของพระนพิ พานมนั จะโผลข่ นึ้ มา
เปน็ ความสขุ ทสี่ งู สดุ ทถี่ าวร เปน็ ความสขุ ทตี่ อ่ เนอ่ื ง ไมม่ วี นั
ขาดตอน เป็นความสุขท่ีไม่มีขึ้นไม่มีลง ไม่มีเกิดไม่มีดับ
ทา่ นถงึ เรยี กวา่ เป็น “ปรมัง สุขัง” เปน็ บรมสขุ อนั น้ีเปน็
ความสุขข้ันสูงสุด สามารถจะเข้าถึงได้ด้วยกันทุกคน
ถ้าปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงส่ังสอน คือให้เราท�ำเป็น
ข้นั เปน็ ตอนไป ขนั้ ตอนแรกกใ็ หเ้ ลกิ หาความสุขจากการใช้
เงนิ ทอง ไปซอ้ื รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะต่างๆ มาเสพ
ให้เปลี่ยนเป็นการไปซ้ือบุญมาเสพกัน เอาเงินทองน้ีไป
ท�ำบุญท�ำทาน จะได้ความสุขท่ีดีกว่าความสุขที่ได้จากรูป
เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ พอเรามคี วามสุขจากการทำ� บุญ
ทำ� ทาน เรากไ็ มต่ ้องไปหาความสขุ จากรปู เสียง กลิ่น รส
โผฏฐพั พะ ดว้ ยการใชเ้ งนิ เรากไ็ มต่ อ้ งหาเงนิ มาก เมอื่ ไมใ่ ช้
เงินมากก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ใช้เงินมาก ไม่ต้องหา
เงนิ มาก กม็ เี วลามากขนึ้ กจ็ ะมเี วลาทจ่ี ะมาหาความสขุ จาก
สมาธไิ ด้ถา้ เรายงั หาความสขุ จากรปู เสยี งกลน่ิ รสโผฏฐพั พะ

67

ด้วยการใช้เงินทองอยู่ เราก็ต้องคอยไปหาเงินทองมา
อยเู่ รอื่ ยๆ เม่อื เราตอ้ งหาเงินทองอยูเ่ รือ่ ยๆ เรากจ็ ะไม่มี
เวลาไปหัดน่ังสมาธิ ไม่มีเวลาไปปลีกวิเวก ไปถือศีล ๘
ไปบวชกนั ก็เพราะมัวแตไ่ ปหาเงินกนั เพราะเราอยากจะ
เอาเงนิ มาซอ้ื รถเบนซ์ ซอ้ื คอนโด ซอ้ื ของอะไรตา่ งๆ เพราะ
เราคิดว่ามันให้ความสุขกับเรา แต่มันเป็นความสุขปลอม
มนั เปน็ ความสขุ ทไ่ี มถ่ าวร เวลาทเ่ี ราสญู เสยี มนั ไป มนั กจ็ ะ
ทำ� ให้เราทุกข์ ท�ำให้เราเศร้าโศกเสยี ใจ
อยา่ งคนทเี่ คยรำ�่ เคยรวยนี่ พอมาตกอบั สน้ิ เนอื้ ประดาตวั นี้
กไ็ มอ่ ยากจะอยอู่ กี ตอ่ ไปแลว้ คนทฆี่ า่ ตวั ตาย สว่ นหนง่ึ กเ็ กดิ
จากการสญู เสยี ทรพั ย์สมบัติขา้ วของเงนิ ทองไป น่เี ป็นภัย
ที่เราตอ้ งเปล่ยี นวธิ หี าความสขุ กัน ถา้ มีเงินแล้วจะเอาเงิน
ไปเทยี่ ว กใ็ หเ้ อาเงนิ ไปอยวู่ ดั ดกี วา่ ไปอยวู่ ดั ไปปฏบิ ตั ธิ รรม
ไปจา่ ยคา่ นำ�้ คา่ ไฟทวี่ ดั ทเี่ หลอื กท็ ำ� บญุ ทำ� ทานไป เวลาวดั
ขาดแคลนอะไรก็ช่วยซ่อมแซมไป จะได้ความสุขมากกว่า
การไปเทย่ี ว ความสขุ จะผิดกนั ความสขุ จากการทำ� บุญน้ี
มนั จะเปน็ ความสขุ ทอี่ มิ่ ทพี่ อ แตค่ วามสขุ ทเ่ี กดิ จากการไป
เทย่ี วนเ้ี ปน็ ความสขุ ทไี่ มอ่ ม่ิ ไมพ่ อนนั่ เอง เดยี๋ วกลบั มาจาก
เที่ยวแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็อยากจะไปเที่ยวอีก แต่ท�ำ
บญุ มาแลว้ ถา้ อาทติ ยห์ นา้ ไมไ่ ดไ้ ปวดั กไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ น อยบู่ า้ น

68

แทนกไ็ ด้ นใี่ ห้เราเปลี่ยนวิธีหาความสขุ จากการใช้เงนิ ทอง
ไปซอื้ รปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ กใ็ หไ้ ปซอื้ บญุ แทน แลว้ ทำ�
ให้เราจะได้ลดการใช้เงินใช้ทองลง เพราะการท�ำบุญน้ีเรา
ท�ำเทา่ ทเ่ี รามกี ็พอ ถ้าเราไมม่ เี รากไ็ ม่ต้องท�ำก็ได้ เวลาท�ำ
บญุ แลว้ มนั ไมต่ ดิ เหมอื นกบั เวลาไปเทยี่ ว พอเราเลกิ เทย่ี วไดน้ ี่
เรากส็ บายไปเยอะ เลกิ ใชเ้ งนิ ไดน้ ี้ เรากไ็ มต่ อ้ งไปทำ� งานมาก
จนเกินไป เรากจ็ ะมีเวลาว่างที่จะไปหดั นัง่ สมาธกิ นั มาฟงั
เทศนฟ์ ังธรรมกัน
อยา่ งวนั นมี้ านง่ั ฟงั เทศนไ์ ป นงั่ หดั ทำ� สมาธิ เพราะโดยปกตนิ ี้
ถ้าให้เรานั่งเฉยๆ น่ังไม่ได้หรอก ๑ ชั่วโมง เด๋ียวก็คิดถึง
เร่ืองนั้นคิดถึงเรอื่ งน้ี คิดแลว้ ก็อดที่จะอยากไม่ได้ กท็ นน่ัง
ต่อไปไม่ได้ เด๋ียวก็ต้องลุกไป คิดถึงขนมในตู้เย็น คิดถึง
เครอื่ งดม่ื ในตเู้ ยน็ เดย๋ี วกอ็ ดทจ่ี ะไปเปดิ มนั ไมไ่ ด้ แตพ่ อมา
น่ังฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่อย่างน้ี มันก็ไม่ได้ไปคิดถึงอะไร
มนั กน็ งั่ เฉยๆ นงั่ ฟงั ไปได้ กไ็ ดส้ มาธใิ นระดบั หนงึ่ คอื สมาธิ
ในระดับการฟงั ธรรม แลว้ ตอ่ ไปถา้ เราไม่ฟังธรรม เรากน็ ง่ั
เฉยๆ ได้ น่ังแล้วก็สวดมนต์ไปก็ได้ ท่องพุทโธๆ ไปก็ได้
ดูลมหายใจไปก็ได้ หรือว่าถ้าอยากจะฟังธรรมก็ฟังได้
เพราะเดี๋ยวนี้เราไม่ต้องมาท่ีวัดมาฟังธรรมก็ได้ ในมือถือ
เราก็เปิดฟังได้ ฟังได้ทุกเวลาด้วยไม่ใช่แต่เฉพาะเวลานี้

69

70

71

เวลาเดียว เพราะมีบันทึกเก็บไว้ในเคร่ือง สามารถดูได้
ทกุ เวลา ฟงั ไดท้ ุกเวลา เราจะไดม้ ีเวลา เราจะได้มโี อกาส
มาเปล่ียนวธิ ีหาความสขุ กนั เปลี่ยนวิธีหาความสขุ จากรูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐพั พะ มาหาความสขุ จากการท�ำใจให้
สงบดว้ ยการหดั เจรญิ สติ ทอ่ งพทุ โธๆ ไป ขณะทเี่ รายงั ไมไ่ ด้
น่ังสมาธิ ต้ังแต่ลืมตาข้ึนมานี้คอยควบคุมความคิดด้วย
พทุ โธไว้ อยา่ ปลอ่ ยใหม้ นั คดิ เพราะถา้ คดิ แลว้ เดยี๋ วเวลานง่ั
สมาธิมันจะคดิ ตอ่ มนั จะไม่หยดุ คดิ แตถ่ า้ เราคอยควบคุม
ไมใ่ หม้ นั คดิ ตง้ั แตท่ เี่ รายงั ไมไ่ ดม้ านง่ั สมาธิ แลว้ พอเรามานง่ั
สมาธิ มนั ก็จะหยุดคิดไดง้ ่ายไดเ้ ร็ว แลว้ เรากจ็ ะเขา้ สู่ความ
สงบไดง้ า่ ยไดเ้ รว็ แลว้ เรากจ็ ะไดพ้ บกบั ความสขุ ทเี่ หนอื กวา่
ความสขุ ของรปู เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นนั่ เอง
พอเราไดพ้ บกบั ความสขุ อนั น้ี เรากจ็ ะยนิ ดกี บั ความสขุ อนั นี้
ซง่ึ มนั ดกี วา่ เหมอื นกบั ตอนทเ่ี ราไดร้ ถใหม่ เรากจ็ ะยนิ ดกี วา่
รถเกา่ ท่ีเราขบั อยู่ รถเก่ามันโกโรโกโส เสียบ้างไมเ่ สียบ้าง
รถใหม่นีไ่ มเ่ สียเลย สวยด้วย สบายกวา่ ด้วย มีรถเกา่ กไ็ มร่ ู้
จะเก็บไวท้ �ำไม ยกให้คนอ่ืนไปกไ็ ด้ ไม่เสยี ดายถา้ มีรถใหม่
มาขบั แตถ่ า้ ยงั ไมม่ รี ถใหมม่ าขบั กต็ อ้ งทนใชร้ ถเกา่ ไปกอ่ น
เวลาเสียก็ต้องซ่อม ยางแตกก็ต้องปะไป เพราะมันไม่มี
ทางเลอื กถา้ เรายงั ไมม่ สี มาธนิ ี้เรากย็ งั ตดิ อาศยั รปู เสยี งกลน่ิ

72

รส โผฏฐัพพะไปอยู่เรื่อยๆ ก่อน แต่พอเราได้สมาธิแล้ว
ตอ่ ไปเราเลกิ หาความสขุ จากรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะได้
ไม่ตอ้ งไปพง่ึ รปู เสียง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ ไมต่ ้องไปพึง่
รา่ งกายได้ แตม่ าพงึ่ ความสงบของสมาธแิ ทน แตเ่ รากไ็ มร่ วู้ า่
ความสุขของสมาธิมันก็เป็นความสุขแบบความสุขของรูป
เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ เหมอื นกนั กค็ อื มนั กย็ งั ไมเ่ ทย่ี งแท้
แนน่ อนยงั เปน็ อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตาแตม่ นั กย็ งั ดกี วา่ อนจิ จงั
ทุกขงั ของรูป เสยี ง กลนิ่ รส โผฏฐพั พะ เพราะวา่ มนั จะ
ไม่ทรมานมาก ถ้าเรารูจ้ กั วิธเี ข้าสมาธไิ ด้แล้ว เราจะเขา้ ได้
อยเู่ รอ่ื ยๆ เขา้ ไดอ้ ยทู่ กุ ครงั้ ทเ่ี ราตอ้ งการ เพยี งแตว่ า่ มนั จะ
ต้องคอยเข้าอยู่เรอื่ ยๆ เวลาทไ่ี มเ่ ข้ามนั ก็จะเสอ่ื ม เรากจ็ ะ
ตอ้ งคอยเขา้ มนั กเ็ ลยทำ� ใหเ้ ราตอ้ งคอยเขา้ มนั จะทำ� ใหเ้ รา
ตดิ สมาธิ เวลาตายไปเราก็จะไปเกดิ ในสวรรคช์ ้ันพรหมกัน
แล้วพอสมาธิท่ีส่งเราไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมหมดก�ำลัง
ลงมา เราก็จะตอ้ งกลบั มาเกิดเปน็ มนษุ ยใ์ หม่ แล้วกม็ าเข้า
ฌานกนั ใหม่ นงั่ สมาธิกนั ใหม่
น่ีคือทำ� ไมคนท่มี าเกิดจงึ ไมเ่ หมือนกนั บางคนมาเกิดแลว้
กไ็ ปบวชกนั ได้ ไปบวชชไี ปบวชพระไปบวชเณรกนั ได้ ไมต่ อ้ ง
ไปหาความสุขจากรูป เสียง กลนิ่ รส โผฏฐัพพะ กเ็ พราะ
ชาติก่อนเขาเป็นอย่างน้ีมาก่อนนั่นเอง ชาติก่อนเขาหา

73

ความสขุ จากรปู ฌาน จากอรปู ฌานกนั จากการเปน็ นกั บวช
พอเขามาเกดิ ชาตนิ เี้ ขากไ็ ปเปน็ นกั บวชตอ่ แตพ่ วกทไ่ี มเ่ คย
เปน็ นกั บวช ไมเ่ คยหาความสขุ จากสมาธิ แตห่ าความสขุ จาก
รปู เสียง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ พอมาเกดิ ชาตนิ ก้ี ็จะไปหา
ความสุขจากรูป เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐัพพะ ดงั น้นั จงึ มีคน
หลายแบบดว้ ยกนั คนทชี่ อบหาความสขุ จากรปู เสยี ง กลนิ่
รส โผฏฐพั พะ กม็ ี คนทชี่ อบหาความสขุ จากสมาธกิ ม็ ี คนที่
ชอบหาความสขุ จากการทำ� บาปกม็ ี เพราะรสู้ กึ ทำ� บาปแลว้
มีความสุข เวลาท�ำให้คนอ่ืนเขาเดือดร้อนเสียหายแล้วน้ี
มนั สนกุ ดงั นน้ั ถา้ เคยทำ� อะไรมามนั จะตดิ เปน็ สนั ดานคนเรา
จึงมีนิสัยสันดานต่างกัน บางคนชอบหาความสุขจากรูป
เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ บางคนชอบหาความสุขจากการ
กลั่นแกล้งผู้อื่น จากการท�ำให้ผู้อ่ืนเสียหายเดือดร้อน
บางคนมคี วามสขุ จากการทำ� บญุ ทำ� ทาน บางคนมคี วามสขุ
จากการไปบวช ไปน่ังสมาธกิ ัน นีค่ อื นิสยั ทเ่ี ราทำ� กันมาท่ี
เราเรยี กวา่ บญุ หรอื บาป นสิ ยั ดกี เ็ รยี กวา่ บญุ นสิ ยั ไมด่ เี ราก็
เรยี กว่าบาป
นี่แหละเป็นเร่ืองราวจิตใจของพวกเราทุกคนที่พวกเราน้ี
สามารถมาแก้ได้มาเปล่ียนได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นนิสัย
จากไหนก็ตาม มันก็ยังพาให้เราติดอยู่กับการเวียนว่าย

74

ตายเกดิ นสิ ยั ชอบทำ� บาป มนั กย็ งั พาใหเ้ รากลบั มาทำ� บาป
อยู่เรื่อยๆ นิสัยชอบท�ำบุญ มันก็จะพาให้เรากลับมา
ทำ� บญุ อยเู่ รอ่ื ยๆ นิสยั ชอบหาความสขุ จากรปู เสยี ง กล่ิน
รส โผฏฐพั พะ มันกจ็ ะดงึ ให้เรากลบั มาหาความสุขจากรปู
เสียง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ อยู่เรื่อยๆ นิสยั ชอบเข้าสมาธิ
ชอบเปน็ นกั บวช มนั กจ็ ะดงึ ใหเ้ รากลบั มาเปน็ นกั บวชกนั อยู่
เรอ่ื ยๆ ดงั นน้ั พวกเราตอ้ งเปลยี่ นนสิ ยั ใหม่ คอื ตอ้ งเอานสิ ยั
ของพระอรหนั ตเ์ ทา่ นนั้ คอื พระอรหนั ตน์ ไ้ี มม่ คี วามยนิ ดี
กบั ความสขุ ของไตรภพเลย ไมม่ คี วามยนิ ดกี บั กามภพ
ไม่มีความยินดีกับรูปภพ ไม่มีความยินดีกับอรูปภพ
เพราะเหน็ วา่ มนั เปน็ ไตรลักษณ์ เหน็ ว่ามนั เปน็ อนจิ จงั
ทกุ ขงั อนตั ตา พอเหน็ ดว้ ยปญั ญาวา่ เปน็ อนจิ จงั ทกุ ขงั
อนตั ตา กเ็ ลกิ เสพรปู เสยี ง กลน่ิ รส โผฏฐพั พะ เลกิ เสพ
รปู ฌาน เลกิ เสพอรปู ฌาน ไมม่ คี วามอยากในกาม ไมม่ ี
ความอยากในรูปฌาน ไม่มีความอยากในอรูปฌาน
พอไม่มีความอยากเหล่าน้ีอยู่ในใจ ใจก็จะไม่กลับมา
เกดิ อกี ตอ่ ไป ใจก็อยทู่ ีน่ พิ พาน
น่ีแหละเป็นผลสุดท้ายที่เราจะได้จากการที่เราปฏิบัติตาม
ค�ำสั่งค�ำสอนของพระพุทธเจ้า คือได้ยุติการเวียนว่าย
ตายเกิดในกองทุกข์ของสังสารวัฏน่ีเอง ไม่ว่าจะไปเกิดใน

75

ภพไหน จะสงู จะตำ�่ เดีย๋ วมันก็ต้องจบ เดย๋ี วจะต้องเสือ่ ม
เดยี๋ วจะตอ้ งตายกนั หมด เปน็ เทวดากต็ อ้ งตาย เปน็ พรหม
ก็ต้องตาย เปน็ สุนัขกต็ อ้ งตาย เปน็ เปรตกต็ อ้ งตาย แลว้ ก็
กลับมาเกดิ เปน็ มนษุ ย์ แลว้ ก็ตอ้ งมาตายอีก เรากจ็ ะเวยี น
วา่ ยตายเกดิ อยา่ งนไ้ี ปไมม่ วี นั สน้ิ สดุ จนกวา่ เราจะไดม้ าพบ
กบั พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
อย่างภพนี้ชาติน้ีเรามาได้ยินได้ฟังเร่ืองอนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา เรอ่ื งวปิ สั สนา เรอ่ื งปัญญา เรอื่ งอรยิ สจั ๔ พอเรา
ได้ยินได้ฟังเร่ืองเหล่านี้แล้ว ถ้าเราเข้าใจและน้อมน�ำเอา
มากำ� จดั ความอยากตา่ งๆ ทมี่ อี ยภู่ ายในใจของเราใหห้ มด
ไปได้ เรากจ็ ะไดไ้ ปท่พี ระนพิ พานกนั เราจะได้ไม่ต้องกลบั
มาเกดิ แก่ เจบ็ ตาย กันอกี ตอ่ ไป 

76

77

78

สนทนาธรรมหน้ากุฏิ
ตอบปัญหาธรรมะ
โดยพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

79

โยม: บางครั้งเวลาสวดมนต์มีมโนกรรมไม่ดีโดยที่ไม่ได้
ตง้ั ใจ มอี คตกิ บั พระบางองค์ มนั แวบคดิ ขน้ึ มาเอง แต่
รบี ตดั ความคดิ นน้ั ทง้ิ ไมส่ านตอ่ ความคดิ นน้ั บาปไหม
เจา้ คะ ถ้าบาป อย่างนี้จะแก้ไขอย่างไรเจ้าคะ

พระอาจารย:์ ออ๋ เพยี งแตค่ ดิ นยี้ งั ไมบ่ าป ตอ้ งมกี ารพดู การ
กระท�ำถงึ จะบาป การคดิ น่เี รยี กวา่ เป็นอกุศล อกศุ ลกเ็ ป็น
อยา่ งมากก็ทำ� ใหใ้ จเราไม่สบาย ฉะน้ันเราก็พยายามใช้สติ
ควบคมุ มนั อยา่ ไปสนใจมนั เวลาเราสวดมนตก์ ต็ งั้ ใจสวดไป
สว่ นความคดิ อะไรมนั จะแทรกเขา้ มากถ็ อื วา่ มนั เปน็ เหมอื น
เรอ่ื งของธรรมชาติ มันเหมือนฝนตกแดดออก แตถ่ ้าไม่ไป
ยงุ่ กบั มนั เดย๋ี วมนั กห็ ายไปเอง ถา้ เราอยกู่ บั บทสวดมนตไ์ ป
เดย๋ี วจติ ของเรากจ็ ะนงิ่ มากขนึ้ ๆ สงิ่ ตา่ งๆ ทแี่ ทรกซอ้ นเขา้
มาก็จะน้อยลงไป แล้วก็หายไป 

(สนทนาธรรมหนา้ กุฏิ ๒๖ ก.ค. ๖๓)

80

โยม: คณุ แมไ่ ดม้ โี อกาสอปุ ฏั ฐากพระอาจารยร์ ปู หนง่ึ มคี น
พดู วา่ บญุ ทแี่ มท่ ำ� มนั จะสง่ ผลถงึ ลกู ไดด้ ว้ ยจรงิ ไหมคะ

พระอาจารย์: บุญของใครบุญของมัน ส่งไม่ได้หรอก
นอกจากถ้าเป็นธรรมะก็เอามาแจกมาแบ่งกันได้ มาสอน
กันได้ แต่ถ้าคนรับไม่สนใจฟังก็รับไม่ได้อยู่ดี ถ้าอยากจะ
รับบุญจากแม่ คือธรรมะ ก็ให้แม่สอนธรรมะให้กับเรา
แล้วพอเราฟังธรรมะจากแม่ เราก็จะได้บุญคือธรรมะจาก
แม่อีกทีหนึ่ง แต่อยู่ดีๆ มันจะให้มาแบบอัตโนมัติไม่ได้
บอกวา่ แมไ่ ดธ้ รรม แลว้ ลกู กจ็ ะไดธ้ รรมตอ่ นี้ มนั เปน็ ไปไมไ่ ด้
อย่างนั้นก็ปฏิบัติคนเดียว แล้วก็ส่งต่อไปท้ังครอบครัว
ทง้ั เพื่อนพีน่ อ้ ง อะไรต่างๆ ตอ่ กันไปเรอื่ ยๆ เหมอื นไวรัส
อยา่ งน้ี เหมือนโควดิ -๑๙ นี่ มันส่งต่อกันได้ แต่ธรรมะมัน
สง่ ตอ่ กนั แบบไวรัสไม่ได้ 

(สนทนาธรรมหน้ากฏุ ิ ๔ ส.ค. ๖๓)

โยม: กราบเรียนถามพระอาจารย์ค่ะ การเปล่ียนศาสนา
พุทธไปศาสนาอืน่ ท�ำให้กรรมท่ีท�ำมาในอดีตหมดไป
หรือเปล่าคะ และถ้าเปลี่ยนแล้ว บางศาสนามีการ
ลา้ งบาป เทา่ กบั วา่ ทำ� ผดิ แลว้ ลา้ งบาปเพอ่ื ไมใ่ หม้ บี าป
ติดตวั อย่างน้ถี ูกตอ้ งหรือไมค่ ะ

81

พระอาจารย:์ ตามกฎแหง่ กรรมนล้ี า้ งไม่ได้นะ บาปท�ำไว้
ต้องชดใช้กรรม จะไปเปลี่ยนช่อื เปลยี่ นนามสกุล เปล่ียน
ศาสนา ตดั ผมสน้ั ตดั ผมยาว ไปบวชเปน็ พระอยา่ งนี้ มนั ไม่
เปลยี่ น กรรมเกา่ ทท่ี ำ� ไวไ้ มว่ า่ จะเปน็ บญุ หรอื บาปนจี้ ะตอ้ ง
ส่งผลต่อไป ฉะนั้นไม่มีใครสามารถลบลา้ งบญุ หรือบาปได้
นอกจากไม่ไปกระท�ำมันเท่าน้ัน ถ้าไม่อยากจะมีผลบาป
ก็อย่าไปทำ� บาป แต่บาปเก่าท่ีท�ำแล้ว เราไปล้างมันไม่ได้
มันต้องสง่ ผลในวันใดวันหนง่ึ ไม่ช้าหรือเร็วเทา่ นั้น 

(สนทนาธรรมหนา้ กฏุ ิ ๒๗ ก.ค. ๖๓)

โยม: มีค�ำกล่าวว่าให้ธรรมทาน ๑๐๐ คร้ัง ยังมีอานิสงส์
นอ้ ยกวา่ การรกั ษาศลี ๕ เพยี งครง้ั เดยี ว จรงิ หรอื เทจ็
ประการใดเจ้าคะ

พระอาจารย:์ กม็ นั ตา่ งระดบั กนั ไง ทำ� ทาน ๑๐๐ ครงั้ กย็ งั
ไปเกดิ ในอบายได้ เพราะทานนไี้ มส่ ามารถปอ้ งกนั จติ ไมใ่ ห้
ตกไปในอบาย แต่ถ้ารักษาศีลได้ จะไม่ไปเกิดในอบายได้
อานสิ งสม์ นั ตา่ งกนั การทำ� ทานกเ็ พยี งแตท่ ำ� ใหเ้ รามที รพั ย์
สมบัติ ข้าวของเงินทอง มีทรพั ยภ์ ายใน แตถ่ ้าไปเกิดเปน็
สุนัขก็เป็นสุนัขที่น่ารัก มีคนเอาไปเลี้ยงเหมือนเล้ียงลูก
เหน็ ไหม นน่ั แหละ คอื พวกทที่ ำ� ทานแตไ่ มร่ กั ษาศลี ชอบทำ�

82

ทานแตย่ งั โกหกหลอกลวง ยงั ลกั เลก็ ขโมยนอ้ ยอยู่ เหมอื น
เดรจั ฉาน พอตายไปกเ็ ลยไปเกดิ เปน็ หมาทน่ี า่ รกั เปน็ แมว
ทนี่ า่ รัก เลี้ยงดูดยี งิ่ กวา่ คน บางคนเกดิ มาเปน็ คนยงั อจิ ฉา
หมาเลย รู้อย่างนี้กูเกิดมาเป็นหมาดีกว่า อยากเกิดมา
เปน็ หมานา่ รกั กต็ อ้ งทำ� บญุ ทำ� ทานเยอะๆ แตไ่ มต่ อ้ งรกั ษา
ศลี 

(สนทนาธรรมหน้ากฏุ ิ ๒๖ ก.ค. ๖๓)

โยม: ท�ำไมจิตเราถึงกลัว หวาดระแวง ท้ังๆ ที่จิตเราไม่ได้
ปรุงแตง่ คะ

พระอาจารย:์ ออ๋ มนั เปน็ อวชิ ชาฝงั อยใู่ นใจเรา ฝงั วา่ เรามี
ตวั มตี น พอเรามตี วั มตี น เรากห็ วาดระแวง กลวั สงิ่ ตา่ งๆ จะ
มากระทบกบั ตวั ของเรา ถา้ ไมอ่ ยากจะหวาดระแวง เราตอ้ ง
พิจารณาวา่ เราไมม่ ตี ัวตน ร่างกายก็ไม่ใชต่ ัวเรา จติ ก็ไมใ่ ช่
ของเรา รา่ งกายกเ็ ป็นเพยี งดนิ นำ�้ ลม ไฟ เป็นธรรมชาติ
จติ กเ็ ปน็ ธาตรุ ู้ ผรู้ เู้ ฉยๆ แลว้ กไ็ มม่ ใี ครมาทำ� ลายสง่ิ เหลา่ นไี้ ด้
ดนิ นำ้� ลม ไฟ กท็ ำ� ลายไมไ่ ด้ ธาตรุ กู้ ท็ ำ� ลายไมไ่ ด้ ถา้ รคู้ วาม
จรงิ แล้ว ต่อไปจะไมม่ คี วามหวาดกลวั 

(สนทนาธรรมหนา้ กุฏิ ๒๗ ก.ค. ๖๓)

83

โยม: ช่วยสอนหลกั การภาวนาแบบงา่ ยๆ หนอ่ ยครับ
พระอาจารย:์ พทุ โธไง ทอ่ งพทุ โธไป กอ่ นจะมานง่ั กพ็ ทุ โธไป
ตง้ั แตล่ มื ตาขนึ้ มา ตน่ื นอนขน้ึ มากพ็ ทุ โธไป พอถงึ เวลามานงั่
ก็พทุ โธตอ่ ไปเท่านั้นเอง พุทโธค�ำเดยี วน่ีแหละ ของวิเศษ
ทสี่ ดุ ในโลก การภาวนานง้ี า่ ยจะตายไป เพยี งแตท่ อ่ งพทุ โธนี่
กถ็ อื วา่ ไดเ้ รม่ิ ภาวนาแลว้ ทอ่ งพทุ โธๆ ไป จะยนื เดนิ นง่ั นอน
กพ็ ทุ โธไป ถา้ อยากใหส้ งบกต็ อ้ งอยใู่ นทา่ นง่ั แลว้ กพ็ ทุ โธไป
พทุ โธๆ ในทา่ นงั่ เดย๋ี วจติ มนั กจ็ ะรวมเปน็ สมาธขิ น้ึ มา ถา้ อยู่
ในทา่ อนื่ มนั จะรวมยาก ถา้ เดนิ นมี้ นั จะไมร่ วม ถา้ นอนมนั ก็
จะหลบั ถา้ ยนื เดยี๋ วมนั กเ็ มอื่ ย สว่ นใหญจ่ งึ เอาทา่ นงั่ เปน็ ทา่
ทำ� สมาธิ สว่ นทา่ อน่ื ใชเ้ ปน็ ทา่ เจรญิ สตไิ ป เวลากำ� ลงั ทำ� อะไร
กำ� ลงั เดนิ กำ� ลงั ทำ� งานอะไร กพ็ ทุ โธๆ ไป แลว้ พอเวลาวา่ ง
ไมต่ อ้ งทำ� อะไร กใ็ หม้ านงั่ หลบั ตา ตงั้ ตวั ใหต้ รง นงั่ ขดั สมาธิ
ถา้ นงั่ ขดั สมาธไิ มไ่ ดก้ น็ ง่ั หอ้ ยเทา้ อยา่ งน้ี นง่ั บนเกา้ อ้ี หลบั ตา
แลว้ ก็ทอ่ งพทุ โธๆ ไป เดยี๋ วใจกเ็ ข้าส่คู วามสงบเอง
ดงั นน้ั ไมต่ อ้ งไปรอู้ ะไรมาก ไมต่ อ้ งคดิ วา่ สมาธมิ กี ข่ี น้ั กต่ี อน
มแี บบไหนบา้ ง ยงิ่ คดิ มากยง่ิ สงบยาก เพราะแทนทจ่ี ะไปนง่ั
ให้สงบ แต่กลบั ไปนัง่ คดิ ว่า “โอ๊ย ตอนน้ีกูอยขู่ ้นั ไหนแล้ว”
ดงั นนั้ อยา่ ไปรอู้ ะไรเลย การปฏบิ ตั สิ มาธนิ ใ้ี หร้ คู้ ำ� เดยี ว รพู้ ทุ โธ
ตวั เดยี วพอดกี วา่ อยา่ งหลวงป่มู ่ันท่านถึงสอนชาวเขาให้รู้

84

แค่พุทโธค�ำเดียว ไปอธิบายมากก็ยุ่งยากเปล่าๆ เพราะ
อธิบายไปมันก็ไม่เจออยู่ดี ของอย่างน้ีมันไม่ใช่เกิดง่ายๆ
เดยี๋ วมนั กไ็ ปนง่ั จนิ ตนาการ“โอย๊ กถู งึ ขนั้ ท่ี๑แลว้ ขนั้ ท่ี๒แลว้
ข้นั ท่ี ๓ แลว้ ” มนั ไม่ใชเ่ ป็นของจริง มันเป็นจินตนาการไป
ดังนนั้ ไมต่ อ้ งไปร้อู ะไร รูค้ �ำเดยี ว พทุ โธๆ พอ 

(สนทนาธรรมหน้ากฏุ ิ ๔ ส.ค. ๖๓)

โยม: การถือศลี ๘ เราสามารถนอนเตียงต�่ำได้ไหมคะ เอา
ที่นอนออกแล้วเอาที่นอนแค้มปิ้งบางๆ ปูบนเตียง
แทน อย่ตู า่ งประเทศพื้นมันเยน็ มชี ่องลม พื้นมันทำ�
ให้นอนแล้วเป็นหวัด ครั้งแรกก็ปูผ้าห่มหลายช้ันกับ
พื้นค่ะ แต่พ้ืนมันเย็น ประตูห้องมีช่องลม ก็เลยถูก
อากาศเยน็ ทงั้ คนื เมอื่ คนื กเ็ ลยเปลย่ี นเอาทนี่ อนใหญ่
ออก เอาผา้ หม่ กบั ทนี่ อนแคม้ ปง้ิ มาวางไว้ แบบนใี้ ชไ้ ด้
ไหมเจ้าคะ

พระอาจารย:์ เปา้ หมายของการถอื ศลี ขอ้ นกี้ ค็ อื ไมใ่ หน้ อน
สบายเกินไป แต่นอนเพื่อพักผ่อนร่างกาย แล้วก็ป้องกัน
โรคภัยไข้เจ็บที่จะเกิดข้ึนกับร่างกาย ถ้านอนแล้วมันเกิด
โรคภัยไข้เจ็บก็ต้องแก้ไข ถ้ามันหนาวเกินไปก็ต้องมีอะไร
มาห่มมากันความหนาว แต่ไม่ต้องไปนอนบนฟูกหนาๆ

85

เตียงใหญ่ๆ เพราะเวลานอนจะได้ดิ้นสบายไม่ตกเตียง
นอนแบบไมม่ ีสติ หรือนอนเหมือนคนเมาเหลา้ ก็ใหน้ อน
แบบเตยี งเลก็ ๆ มนั จะไดม้ สี ติ ถา้ กลงิ้ มากๆ เดย๋ี วจะไดต้ ก
ขอบเตยี ง มนั จะไดร้ สู้ กึ ตวั แลว้ กใ็ หน้ อนบนพน้ื แขง็ ๆ เพอื่ ที่
จะไดน้ อนไมม่ าก เวลารา่ งกายมนั เหนอ่ื ยมนั หลบั ไดท้ งั้ นนั้
พน้ื แขง็ หรอื ฟกู แตพ่ อตน่ื ขนึ้ มานถ่ี า้ เปน็ ฟกู หนาๆ มนั อยาก
จะนอนตอ่ มนั สบายแตถ่ า้ เปน็ พน้ื แขง็ ๆไมอ่ ยากจะนอนตอ่
อยากจะลกุ ขน้ึ มา นนั่ คอื เจตนารมณ์ คอื ไมใ่ หพ้ กั ผอ่ นหลบั
นอนมากเกินไป พอให้ร่างกายได้พักผ่อนก็พอ แต่ไม่ให้
กิเลสมันอาศัยช่องว่างมาหาความสุขจากการหลับนอน
เพ่ือท่ีจะได้เอาเวลามาภาวนาได้ 

(สนทนาธรรมหนา้ กฏุ ิ ๒๖ ก.ค. ๖๓)

โยม: ดิฉันท�ำสมาธิจิตสงบได้สักพักแล้ว แต่ไม่มีครูบา-
อาจารยส์ อนโดยตรงทำ� ตามหลวงปสู่ อนในยทู ปู เรยี น
ถามพระอาจารย์ว่า มีคนพูดว่าเดี๋ยวก็เป็นบ้า ไม่มี
คนสอนโดยตรง จรงิ เทจ็ ประการใดคะ ขอพระอาจารย์
เมตตาคะ่

86

พระอาจารย์: อ๋อ ไม่หรอก ถ้าเรามีครูบาอาจารย์ใน
รูปแบบไหนก็ได้ อย่างพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ต่อให้อยู่
ใกลเ้ รา เกาะชายผา้ เหลอื งของเรา แตถ่ า้ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามทเี่ รา
สอน เธอกไ็ มไ่ ดอ้ ยใู่ กลเ้ รา เธอจะเปน็ บา้ ได้ แตถ่ า้ ถงึ แมเ้ ธอ
อยหู่ า่ งไกลจากเราเปน็ โยชน์ แตถ่ า้ เธอนำ� คำ� สอนของเราไป
ปฏิบตั ิ กถ็ ือว่าเธออยู่ใกล้เรา ดังน้ันการศึกษาไม่จำ� เป็นท่ี
จะต้องมานั่งข้างหน้ากัน แล้วก็คอยจับมือกันเกาะกันไป
การศึกษาก็เพื่อใหร้ วู้ ่าวธิ ปี ฏิบตั ิทถ่ี กู ต้องเปน็ อยา่ งไร แลว้
เราก็แยกไปปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติต้องแยก ต้องไปอยู่
คนเดยี วแลว้ ถา้ เกดิ มคี ำ� ถามมคี วามสงสยั กม็ าถามอยา่ งวนั นี้
ไดย้ นิ ขา่ ววา่ ถา้ ไมม่ คี รบู าอาจารยใ์ กลช้ ดิ จะเปน็ บา้ น่ี ถามได้
ถามผ่านทางยูทูปก็ได้เหมือนกัน สมัยนี้เรามีเทคโนโลยี
ทำ� ใหเ้ ราไมต่ อ้ งไปอยตู่ อ่ หนา้ กนั อนั นสี้ ามารถอยกู่ นั คนละ
ซกี โลก กย็ งั คยุ ธรรมะกนั ได้ นที่ กุ คนื เราไปคยุ ธรรมะกบั คน
ทอ่ี ยอู่ กี ซกี โลกหนง่ึ เดย๋ี วนม้ี ซี มู (Zoom) พอใชซ้ มู ไปสกั พกั
เดย๋ี วนคี้ นเมตตาซอ้ื ซมู แบบเสยี เงนิ ให้ เมอ่ื กอ่ นนใ้ี ชแ้ บบฟรี
ใชไ้ ดท้ ลี ะ ๔๐ นาที เดย๋ี วเขาจะตดั ทนี คี้ นทเี่ ขาสนใจเขารสู้ กึ
วา่ เสยี รสเสยี ชาติ เขาเลยซอื้ แบบไมต่ อ้ งถกู ตดั ถวายทงั้ ปเี ลย
ทีนีก้ ็คยุ ได้เป็นชั่วโมงไม่มกี ารตัด 

(สนทนาธรรมหน้ากฏุ ิ ๒๖ ก.ค. ๖๓)

87

โยม: ท�ำอย่างไรธรรมะท่ีเรามีความรู้ในชาตินี้จะติดตาม
ตอ่ ไปในชาติหน้าและชาติต่อๆ ไปเจ้าคะ

พระอาจารย์: ก็ต้องเป็นขั้นโสดาบันขึ้นไป ถ้าเป็นพระ
โสดาบันแล้ว อริยสัจ ๔ น้ีจะอยู่ในใจ จะรู้ว่าทุกข์เกิด
จากอะไร จะไมไ่ ปโทษแฟน ไม่โทษสามี ไม่ไปโทษคนนั้น
โทษคนนี้ จะโทษความอยากของตัวเอง โทษกามตัณหา
ภวตัณหา วิภวตัณหา และวิธีแก้ก็คือต้องเห็นไตรลักษณ์
ในสงิ่ ทที่ ำ� ใหเ้ ราทกุ ข์ เมอ่ื เหน็ วา่ สง่ิ นมี้ นั ไมเ่ ทย่ี ง ไมแ่ นน่ อน
กอ็ ย่าไปยุ่งกับมันดกี ว่า ตอ่ ไปก็จะไม่ทกุ ข์กับอะไร ดงั นั้น
ขอใหป้ ฏบิ ัติให้เหน็ อริยสัจ ๔ ใหเ้ หน็ ไตรลกั ษณ์ จะเห็นได้
กต็ ้องมสี มาธกิ อ่ น ฝกึ สมาธใิ หม้ าก เจรญิ สตใิ หม้ าก ทำ� จิต
ให้สงบ จติ สงบแล้วจิตจะสดใสจะสวา่ ง ทนี ้ีจะเห็นอริยสัจ
จะเห็นไตรลักษณ์เวลามันโผลข่ ้ึนมา 

(สนทนาธรรมหนา้ กฏุ ิ ๒๗ ก.ค. ๖๓)

โยม: กราบนมสั การพระอาจารยค์ รบั ขอกราบเรยี นถามวา่
เมื่อนัง่ สมาธไิ ปแล้วลมหายใจเบา จนบางครง้ั หายไป
รู้ตัวอยู่ตลอด ร่างกายน่ิงสนิท แขนขาเหมือนกับ
หายไปไม่รู้สึก แล้วเกิดความสงัดเงียบขึ้น ไม่ได้ยิน
เสยี งภายนอก จติ เบาสงบ ไมม่ คี วามคดิ บางครง้ั เกดิ

88

ขนลกุ เหมอื นคลน่ื วงิ่ แปลบ๊ ไปตามสว่ นตา่ งๆ อาการ
แบบนี้เป็นสมาธิหรือไม่ครับ เป็นหลายครั้งแล้ว แต่
ออกมาแล้วก็ยังมีความพอใจไม่พอใจในรูป เสียง
กล่ิน รส เหมือนเดิมทุกครั้ง คล้ายกับไม่ก้าวหน้า
ควรท�ำอยา่ งไรตอ่ ไปครับ

พระอาจารย์: ถ้าออกจากสมาธิมาแล้วอยากจะให้
กา้ วหนา้ เวลาไดส้ มั ผสั กบั รปู เสยี ง กลนิ่ รส กต็ อ้ งพจิ ารณา
ว่าเป็นไตรลักษณ์ ให้เห็นว่าเป็นทุกข์ เห็นว่ามันไม่เที่ยง
แล้วจะได้ไม่ไปอยากได้ ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว พอจิตไม่ไป
ยงุ่ เกย่ี ว จติ กส็ บายขนึ้ ไมห่ วิ กบั รปู เสยี ง กลน่ิ รส จติ ปลอ่ ย
วางรปู เสียง กลิ่น รสได้ เช่น เลิกกาแฟไดน้ ี่ สบายกวา่
คนตดิ กาแฟ เลกิ บหุ รไ่ี ดด้ กี วา่ คนทต่ี ดิ บหุ รี่ รปู เสยี ง กลน่ิ รส
กเ็ หมอื นกาแฟ เหมอื นบหุ รน่ี เี่ อง ดงั นน้ั เวลาเรามาสมั ผสั กบั
รปู เสยี ง กลน่ิ รส แลว้ เราเกดิ ความอยาก เราตอ้ งพจิ ารณา
ว่าก�ำลังไปหาความทุกข์นะ ไม่ได้ไปหาความสุข สุขที่ได้
เป็นสุขปลอม เป็นสขุ เหมือนแบบเหยือ่ ทต่ี ดิ อย่ปู ลายเบ็ด
ปลาทโ่ี งพ่ อเหน็ เหยอื่ กค็ ดิ วา่ เปน็ อาหารอนั โอชะ พอไปฮบุ
เหย่ือเข้าก็ไปถูกตะขอเบ็ดเก่ียวคอ คนที่โง่ไปติดบุหร่ีติด
กาแฟกแ็ บบนน้ั พอตดิ แลว้ กต็ อ้ งหากาแฟหาบหุ รมี่ าสบู มา
ดมื่ อยเู่ รอ่ื ยๆ เวลาทไี่ มไ่ ดเ้ สพไมไ่ ดด้ มื่ กท็ กุ ขข์ นึ้ มาทนั ทเี ลย

89

ฉะนั้นเวลาออกมาแล้วเกิดความอยาก เวลาสัมผัสกับรูป
เสยี ง กลิน่ รส ก็บอกเป็นไตรลกั ษณ์ไปกอ่ น มนั เปน็ ทุกข์
ตดิ ปา้ ยเตอื นใจไว้ เหมอื นกบั ยาพษิ นี้ เขาจะมภี าพกะโหลก
ศรี ษะกบั กระดกู ไขวไ้ ว้ บอกวา่ สงิ่ นเี้ ปน็ อนั ตราย ไตรลกั ษณ์
ก็เปน็ เหมือนป้าย พอเห็นรปู เสียง กลน่ิ รสนี้ ก็ให้บอกว่า
เปน็ ไตรลกั ษณน์ ะ อยา่ ไปรำ่� อยา่ ไปหลง อยา่ ไปชอบ ถา้ เรมิ่
แลว้ เดีย๋ วจะอกหกั ไม่ใชอ่ ะไร เดีย๋ วจะเสียใจ 

(สนทนาธรรมหน้ากุฏิ ๒๗ ก.ค. ๖๓)

โยม: เรียนถามพระอาจารย์ว่า ในการปฏิบัติหากสมาธิ
มากกวา่ สตจิ ะมผี ลอยา่ งไรเจา้ คะ แลว้ จะปรบั อยา่ งไร
ใหส้ มาธิกับสตมิ คี วามสมดุลกนั เจา้ คะ่

พระอาจารย์: สมาธิมันมากกวา่ สติไมไ่ ด้หรอก เพราะสติ
เป็นตัวสร้างสมาธิ ไปอ่านที่ไหนมาไม่รู้ มันต้องสมาธิกับ
ปญั ญา นถี่ งึ จะตอ้ งมคี วามสมดลุ กนั แตส่ ตนิ มี้ นั ตอ้ งมมี าก
ถงึ จะทำ� ใหม้ สี มาธมิ าก สตเิ ปน็ ตวั สรา้ งสมาธิ สว่ นปญั ญานี้
เปน็ ตวั ทจ่ี ะใหค้ วามรู้ การปฏบิ ตั ริ ะหวา่ งสมาธกิ บั ปญั ญาก็
ตอ้ งสลบั กนั ปฏบิ ตั ิ เพราะสมาธเิ ปน็ เหมอื นทพี่ กั หลบั นอน
สว่ นวปิ สั สนาหรอื ปญั ญานเี้ ปน็ ทที่ ำ� งาน เชน่ พวกเราเวลา
ไปท�ำงาน เราไม่ได้ท�ำตลอด ๒๔ ช่ัวโมง ใช่ไหม เราท�ำถึง

90

เวลาเลิก เราก็กลับบ้าน กลับบ้านไปพักผ่อนหลับนอน
กินข้าว อาบนำ้� อาบทา่ แลว้ พอเชา้ ตนื่ ขน้ึ มามกี ำ� ลัง เราก็
กลบั ไปทำ� งานใหม่
สมาธิกเ็ ป็นเหมือนบา้ นของจติ ใจ เป็นที่พักผอ่ นหลับนอน
เป็นท่ีกินอาหาร เวลาเราพิจารณาปัญญาจนเหนื่อยแล้ว
กห็ ยดุ พจิ ารณา จนเรมิ่ ฟุ้งขึ้นมากห็ ยดุ หยดุ แล้วเราก็กลบั
เข้าไปในสมาธิ ท�ำใจให้นิ่งให้สงบ มีความสุข พอออกจาก
สมาธิมา เราก็พิจารณาต่อ ตอนพิจารณาน้ีมันเป็นการ
ทำ� การบา้ น เปน็ การสอนใจเตอื นใจไมใ่ หล้ มื เชน่ วา่ เราเกดิ
มาแลว้ ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องพลดั พรากจากกันน่ี
ตอ้ งสอนมนั จนมนั ไมล่ มื พอมนั ไมล่ มื แลว้ มนั กจ็ ะปลอ่ ยได้
ถา้ มนั ลมื ตอนไหน มันกจ็ ะยึดทันที ดังน้นั ต้องสอนมันอยู่
เรื่อยๆ ให้มันปล่อยอยู่เร่ือยๆ แล้วเดี๋ยวไปเจอข้อสอบ
มันจะได้ปล่อยได้ทัน ถ้าไม่ท�ำการบ้านไว้ก่อน มันจะลืม
พอไปเจอขอ้ สอบกย็ ดึ ตดิ ทนั ที พอไปเจอมะเรง็ ปบ๊ั กท็ กุ ขข์ น้ึ
มาทนั ที แต่ถ้ามปี ัญญาคอยสอนใจอยู่เรือ่ ยๆ เตือนใจอยู่
เรอื่ ยๆ เดย๋ี วโรคมะเรง็ ตอ้ งมาแลว้ ไมต่ รงนนั้ กต็ รงนแ้ี หละ
ในร่างกายมันมจี ดุ ทีม่ ะเรง็ มนั ชอบเกาะ กเ็ ตรียมตัวรบั มนั
พอมันมาก็จะไดไ้ ม่ทุกข์กับมัน อย่างน้ีคือปญั ญา สลบั ท�ำ
กนั ไปกบั สมาธิ แตถ่ า้ เรม่ิ กลวั แลว้ เรมิ่ ทกุ ขแ์ ลว้ แสดงวา่ ไม่

91

เปน็ ปญั ญาแลว้ แสดงวา่ หมดแรงแลว้ อเุ บกขาหมดแรงแลว้
ก็ต้องกลับไปพักในสมาธิให้มีอุเบกขาก่อน เพราะการ
พจิ ารณาความจรงิ นี้ ถา้ ไมม่ สี มาธิ ไมม่ อี เุ บกขา มนั จะทกุ ข์
มนั จะไมก่ ลา้ ปฏบิ ตั ิ ไมก่ ลา้ คดิ พอคดิ ถงึ ความตายกท็ กุ ขแ์ ลว้
กแ็ สดงว่าใช้ไม่ได้ พิจารณาไม่ได้ ตอ้ งไปนง่ั สมาธทิ ำ� ใจให้
มนั เป็นอุเบกขากอ่ น พอเป็นอเุ บกขาแลว้ เวลาออกมาน้ี
เวลาพจิ ารณามนั จะไม่ทกุ ข์ มนั จะเฉย 

(สนทนาธรรมหนา้ กฏุ ิ ๒๘ ก.ค. ๖๓)

92

93

94

ขอให้ท่านจงมีความแน่วแน่ม่ันคง
ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ขอให้มีศรัทธาเช่ือมั่นเต็ม ๑๐๐
แล้วนำ� เอาไปปฏิบตั อิ ยา่ งเตม็ ๑๐๐
แล้วรับประกันได้ว่าผลอันเลิศอัน
ป ร ะ เ ส ริ ฐ ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
จะปรากฏขึ้นมาในใจของพวกท่าน
ตอ่ ไปอยา่ งแนน่ อน

95

รับชมการแสดงธรรมโดย พระอาจารย์สุชาติ อภชิ าโต ได้ทุกวนั
เวลา ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รบั ชมได้ทาง

Youtube: Phrasuchart Live
Facebook: พระอาจารยส์ ชุ าติ อภชิ าโต

สามารถรบั ฟังผา่ นวทิ ยุธรรมะออนไลนท์ ี่
Phrasuchart.com

และสามารถถามปญั หาธรรมะได้ทาง
Facebook และ Youtube

96


Click to View FlipBook Version