กรณีศกึ ษา : ครูบาศรีวชิ ยั
เสนอ
อาจารย์ ดร.สายน้ำผ้งึ รตั นงาม
จดั ทำโดย
นายวีรพงษ์ คำภิระยศ
นิสติ ปรญิ ญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑติ
สาขาวิชา การพัฒนาสงั คม
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั
วิทยาลยั สงฆ์พุทธปัญญาศรที วารวดี
ครู
บาศรีวชิ ัย
ประวตั ิ
ครบู าศรวี ชิ ยั เปน็ พระทีส่ ร้างคณุ ูปการณ์มากมายไว้ในใตร้ ่มเงาพระพุทธศาสนาและแผ่นดนิ
ล้านนา ครูบาศรวี ชิ ัยถอื ได้ว่าเปน็ แบบอยา่ งของพระปฏิบตั ดิ ปี ฏบิ ัตชิ อบทเี่ กจิรุ่นหลงั เดินตามรอยพระ
ศาสนา จนเปน็ แบบอยา่ งของพระนักพฒั นาในเวลาต่อมา ทา่ นเกิดเมอื่ วนั องั คารขน้ึ 11 ค่ำปขี าล ตรงกบั
วันท่ี 11 มถิ ุนายน 2420 เวลาพลบค่ำ เมอื่ อายไุ ด้ 18 ปี ทา่ นไปอยู่วัดบา้ นปางเพอื่ ศกึ ษาเลา่ เรียนและบวช
เปน็ สามเณรกับพระอาจารย์ขัติยะ หรือ ครบู าแข้งแขะ จนเม่อื อายุได้ 21 ปจี งึ ไดอ้ ุปสมบทที่วัดบา้ นโฮง่
หลวง จังหวัดลำพูน โดยมคี รูบาสม สมโฺ ณ เปน็ พระอุปชั ฌาย์ ท่านได้รบั ฉายาว่า “สิรวิ ชิ โย ภกิ ขุ” แต่
ชาวบ้านจะเรียกทา่ นว่า “พระศรีวชิ ัย”
ครบู าศรวี ิชยั ได้ชือ่ ว่าเป็นพระนกั พัฒนาโดยแท้ ทา่ นเปน็ ผนู้ ำพัฒนาวัดบ้านปางเป็นแหง่ แรก
กอ่ สรา้ งปฏิสังขรณ์กฏุ ิ วิหาร โบสถ์ และใหช้ ่อื อารามใหมน่ ีว้ า่ “วัดจอมศะหรที รายมลู บุญเรือง” แต่
ชาวบา้ นสว่ นใหญ่ยงั คงเรยี กวา่ “วัดบ้านปาง” นอกจากนน้ั ทา่ นยงั ได้ปลกู สรา้ งปฏสิ ังขรณว์ ดั วาอาราม
และถาวรวตั ถทุ างศาสนาอีกหลายสิบวดั ในแผ่นดินล้านนา เชน่ วดั พระธาตุหริภุญชยั ลำพนู , วัดเชยี งยนื ,
วัดพระพทุ ธบาทตากผ้า, วดั จามเทวี, วัดพระสงิ ห์, วดั สวนดอก, วัดศรโี สดา,วัดพระแกว้ ดอนเต้าลำปาง
เปน็ ต้น
คำสั่งสอนสุดท้ายของครูบำศรีวชิ ัย
คำส่ังสอนของทา่ นพระครูบาศรวี ิชยั
เคร่อื งประดบั ขตั ติยะนารีทัง้ หลาย มแี กว้ แหวนเงินทอง เปน็ ตัณหากามคุณ เหมอื นดงั่ นำ้ ผงึ้ แช่ยาพษิ สําหรบั
นําความทุกข์มาใสต่ วั บ่มปี ระโยชน์สิ่งใดเลย
แม่น้ำคงคา ยมนา อิรวดี มหิ มหาสรพู ซึง่ เป็นแมน่ ำ้ ใหญ่ท้ัง 5 แม่นำ้ นแ้ี มน้ จัก เอามาอาบใหห้ มดทงั้ 5 แมน่ ้ี กบ็ ่
อาจจะลา้ งบาป คอื ความเดอื ดร้อนภายในใหห้ ายได้ ลมฝนลูกเหบ็ แมน้ จะตกลงมาหลายหา่ เย็นและหนาวสักปาน
ใด กบ็ ่อาจเยน็ เข้าไปถงึ ภายในใหห้ ายจากความทกุ ขเวทนาได้
ผลงาน
ผลงานการกอ่ สรา้ งศาสนาสถาน และสาธารณสมบตั ิ
- บูรณะซอ่ มแซมบริเวณหน้าวหิ ารหลวงและพระบรมธาตุ วัดพระธาตุหรภิ ุญชัย (พ.ศ.๒๔๖๓) หลงั จากกลับจากกรุงเทพฯ
- บูรณะพระเจดีย์ พระธาตดุ อยเกิง้ อำเภอฮอด (พ.ศ.๒๔๖๔)
- สร้างวหิ าร วัดพระเจ้าตนหลวง จงั หวัดพะเยา (พ.ศ.๒๔๖๕)
- บรู ณะพระธาตชุ อ่ แฮ จงั หวัดแพร่ (พ.ศ.๒๔๖๖)
- วัดพระสิงห์ จังหวดั เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๖๗)
- สรา้ งธาตแุ ละบนั ไดนาค วดั บา้ นปาง-
- พระธาตุเกตุสรอ้ ยแกง่ นำ้ ปิง (พ.ศ. ๒๔๖๘)
- รวบรวมพระไตรปิฏกฉบับอกั ษรล้านนาจำนวน ๕,๔๐๘ ผูก (พ.ศ.๒๔๖๙-๒๔๗๑
- บูรณะวดั สวนดอก จงั หวดั เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๗๔) และผลงานชนิ้ อมตะคอื การสร้างทางขน้ึ ดอยสุเทพจงั หวัดเชียงใหม่ ท่ศี รทั ธาสานชุ นมาร่วมกัน
สรา้ งถนนวันละไม่ต่ำกวา่ ๕,๐๐๐ คน แลว้ เสร็จภายใน ๖ เดือน ตามสจั จะวาจา (พ.ศ.๒๔๗๘)
- สรา้ งวหิ ารวดั บา้ นปาง(พ.ศ.๒๔๗๘ เสร็จปี พ.ศ.๒๔๘๒)
- วดั จามเทวี (พ.ศ.๒๔๗๙) สดุ ทา้ ย คือ สะพานศรีวชิ ัย เช่ือมระหว่างลำพนู (รมิ ปิง) - เชียงใหม(่ พ.ศ.๒๔๘๑)
จากผลงานทัง้ หมดแล้ว ท่ีมาสรา้ งเสร็จภายหลังจากที่ครูบาศรวี ชิ ัยมรณภาพ (รวมวดั ตา่ งๆทีท่ า่ นครูบาเจ้าศรวี ชิ ัยไปบูรณะปฏสิ ังขรณ์รวม
๑๐๘วดั )
พธิ ลี งจอบปฐมฤกษ์สร้างถนนข้นึ ดอยสุเทพ เมือ่ 9
พฤศจิกายน 2477 โดยเจ้าแก้วนวรฐั เปน็ ผ้ลู งจอบ
ปฐมฤกษ์
เริม่ สรา้ งทางขึ้นดอยสเุ ทพ
เมื่อ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๔๗๗
สถานท่ีสำคัญอันเกี่ยวเน่อื งกับครบู าศรวี ชิ ยั
อนุสาวรียค์ รบู าศรวี ิชัย บริเวณทางขน้ึ ดอยสเุ ทพ อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ อนุสาวรยี ์ครูบาศรวี ชิ ยั ภายในวดั ดอยติ อำเภอเมือง
จังหวดั เชียงใหม่ ลำพูน จงั หวดั ลำพนู
ถนนศรีวชิ ยั อำเภอเมืองเชยี งใหม่ จังหวดั เชยี งใหม่ อนสุ าวรยี ค์ รบู าศรีวชิ ยั โรงเรยี นบดนิ ทรเดชา (สิงห์ สงิ หเสน)ี ๔
การพฒั นาสงั คมครบู าศรวี ชิ ยั
การพัฒนาสงั คมครบู าศรวี ิชัย
ครบู าศรีวิชยั นบั ได้วา่ เป็นผู้ปฏบิ ตั ิของครบู าศรวี ชิ ัยมงุ่ เนน้ ในเรือ่ งของการบำเพญ็ สมาธภิ าวนาและการเป็น “ต๋น
บุญ” คอื การสาธารณสงเคราะห์ ครูบาศรวี ชิ ยั ได้เปน็ ประธานในการกอ่ สรา้ ง รวมถึงบรู ณปฏสิ งั ขรณ์วดั วา
อารามเกอื บทวั่ ท้งั ภาคเหนือ ตามที่ได้รบั การบนั ทกึ ไวใ้ นหนงั สอื อัตชีวประวตั ิครบู าศรวี ิชยั หลายๆ เลม่ จำนวนถึง
ร้อยกวา่ วัด นบั ไดว้ ่าครูบาศรีวชิ ัย มีบทบาทสำคญั ในการพัฒนาวัดวาอารามต่างๆ ให้เป็นศูนย์รวมทางดา้ นจิตใจ
ของพทุ ธศาสนิกชนเปน็ อยา่ งมาก การสรา้ งและบรู ณปฏิสังขรณว์ ดั วาอาราม ถอื เป็นกิจกรรมหลกั ที่สำคญั ทสี่ ดุ ใน
กระบวนการของครูบาเจา้ ศรวี ชิ ยั โดยพุทธสถาปตั ยกรรมท้งั หมด ประกอบด้วย พระธาตุเจดยี ์ วหิ าร โบสถ์ หอ
ธรรม มณฑปรอยพระบาทและเสนาสนะอื่นๆ รวมถึงสาธารณะประโยชน์ เช่น ถนน สะพาน โรงพยาบาล
โรงเรยี น เปรยี บเสมอื นการสรา้ งทานให้ผู้คนมากราบไหวบ้ ชู า ไดม้ าใชส้ อย ถือเปน็ ตวั แทนของผลบุญทใี่ ช้ในการ
บาเพญ็ เพียรบารมีอยา่ งหนึ่งของครบู าเจา้ ศรวี ชิ ัย
ด้านการปฏสิ ังขรณ์วดั และปูชนยี วัตถุทางพุทธศาสนา
กับการสร้างส่งิ สาธารณประโยชน์
ครูบาศรีวชิ ัยไดช้ อ่ื ว่าเป็นผู้ถือปฏิบตั ิเครง่ มาตัง้ แตเ่ ป็นสามเณร ดงั เหน็ ว่าทา่ นเปน็ ผู้ที่มักน้อย ถือ
สนั โดษ และเวน้ อาหารที่มเี น้อื สตั วเ์ จอื ปน ตลอดจนงดกระทงั่ หมาก เม่ียง และบหุ รี่ ทำให้คนทัว่ ไปเหน็ ว่า
ครบู าเป็นผบู้ ริสทุ ธิ์ทีม่ ลี ักษณะเป็น "ตนบุญ" คนทั้งปวงตา่ งก็ประสงค์จะทำบุญกบั ครบู าเพราะเช่อื วา่ การ
ถวายทานกบั ภิกษุผู้บริสทุ ธิเ์ ช่นนั้นจะทำใหผ้ ู้ถวายทานได้รับอานิสงส์มาก เงนิ ท่ีประชาชนนำมาทำบญุ ก็
นำไปใชใ้ นการก่อสร้างสาธารณประโยชน์และบูรณะศาสนสถานและศาสนวัตถุ
งานกอ่ สรา้ งดังกล่าวเร่มิ ขึน้ เมื่อปี ฉลู พ.ศ.๒๔๔๒ เดือน ๓ แรม ๑ ค่ำ ครบู าได้แจง้ ขา่ วสารไปยังศรัทธา
ทั้งหลายรวมท้งั ชาวเขาเผา่ ต่าง ๆ วา่ จะสร้างวัดบ้านปางขึ้นใหม่ ซ่ึงกส็ ร้างเสรจ็ ภายในเวลาไมน่ านนัก ให้
ชื่อวัดใหมน่ น้ั วา่ "วดั ศรดี อยไชยทรายมลู " ซงึ่ คนทั่วไปนยิ มเรียกว่า "วัดบา้ นปาง"
กระบวนการพัฒนาสงั คมมจี ดุ เรม่ิ ตน้ จากกระบวนการสรา้ งการเรยี นรู้
และการสร้างการมีสว่ นร่วม และนำไปสู่กระบวนการพัฒนาสงั คม
การสร้างกระบวนการเรียนรู้และการมีสว่ นร่วม
เปน็ กระบวนการทเ่ี กดิ ขึ้นจากการปฏิบตั ขิ องครูบาศรีวชิ ยั
ในการปฏิบตั ติ นซึ่งการเรียนรู้เกดิ ขึน้ จากการสังเกตการปฏบิ ตั ิตามและการทำความเข้าใจเพอื่ ใหเ้ รา
สามารถปฏิบัติตาม รวมทัง้ ยังเกิดพลงั ศรัทธาอนั นามาส่กู ารร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบตั งิ านตา่ งๆ
มีความเชื่อความศรัทธาในตัวของครบู าศรีวชิ ัยเอง
จนเกิดเป็นการเรียนร้แู ละมีการปฏิบัตเิ ลียนแบบเรื่อยมาจนปจั จุบนั ประการสำคัญคอื
“ความสามัคคี” ที่นับได้ว่าเปน็ ส่วนหนง่ึ ท่ีมกี ารเรียนร้จู ากวิถปี ฏบิ ัติและกศุ โลบายของครบู าศรวี ชิ ยั
ซ่ึงนบั ไดว้ ่าเปน็ อารยธรรมวถิ ีทีเ่ กิดขึน้ มาถึงปัจจบุ นั
กลไกลการพฒั นาสังคมแบบมสี ่วนร่วม
แนวคิดจากการปฏบิ ตั ติ นของครบู าศรวี ชิ ัยมาเป็นแนวคิดและกลไกการพฒั นาสังคมแบบมี
สว่ นรว่ ม ครบู าศรวี ชิ ยั จะใชก้ ระบวนการมีส่วนรว่ มแทบทัง้ ส้ิน เปน็ การมสี ่วนรว่ มที่เกิดขน้ึ จาก
จติ สำนึกแหง่ ความศรัทธาทมี่ ตี อ่ ตวั ครบู าศรีวชิ ยั และผู้คนกพ็ ร้อมทีจ่ ะสละทงั้ กาลังกาย กำลัง
ทรพั ย์ในการท่ีจะรว่ มเป็นสว่ นหนึ่งในการพัฒนาสังคม และถูกยดึ ถือปฏิบัติสืบต่อกนั มาจนถงึ
ปัจจุบนั
ความเป็นครบู าศรวี ิชัยถูกนำมาเปน็ แบบแบบอย่าง จะมีหลักๆ ดว้ ยกนั 4 ประการ คือ
- การให้ภาพลักษณ์ของการเป็นตนบญุ ผู้วเิ ศษ
- การใหภ้ าพลกั ษณก์ ารเป็นพระนักพัฒนา
- การให้ภาพลกั ษณข์ องการเป็นพระผ้ธู ำรงรกั ษาความเปน็ จารตี ล้านนา
- การให้ภาพลักษณ์ในการแตง่ กาย
การวิเคราะห์
จากการทีไ่ ดศ้ กึ ษากรณีตวั อยา่ งจากครบู าศรีวชิ ยั จะเห็นไดว้ ่าสังคมไทย เปน็ สังคมทม่ี พี ระพทุ ธศาสนา
เปน็ รากฐานมายาวนาน ศลิ ปะวฒั นธรรม ประเพณีวถิ ชิ วี ิต ต่างๆ ล้วนได้รับอทิ ธพิ ลมาจาก
พระพุทธศาสนาทงั้ สน้ิ แบบแผนทางการปฏบิ ัตติ นโดยสว่ นใหญ่ของ พุทธศาสนกิ ชนกล็ ว้ นได้รับแบบแผน
มาจากผู้ปฏบิ ัติดีปฏิบัติชอบท่ีเรียก พระสงฆ์พระพทุ ธศาสนาจึงเปน็ สถานบันท่มี คี วามสำคัญ ในการให้
การศึกษา เพราะการศึกษาของเราเริ่มตน้ มาจากวดั และยังเป็นสถาบนั ท่ใี หก้ ารช่วยเหลอื ตอ่ สังคมไทย
ตลอดมา โดยมีส่วนชว่ ยในการกล่อมเกลาจติ ใจและลกั ษณะนสิ ยั ของคนไทย พระสงฆ์และวัดกย็ ังตอ้ ง
รับภาระหน้าท่ีในการชว่ ยเหลือสงั คมและประเทศชาตอิ ยตู่ ลอดไป
จะเห็นไดว้ ่าครูบาศรีวิชยั ได้มกี ารพัฒนาสังคมในรูปแบบต่างๆ มากมาย ผลงานของครบู าศรีวิชยั นน้ั ไดร้ บั การ
ยอมรบั และการยกยอ่ งเปน็ อยา่ งมาก กล่าวกันว่า ทัว่ ทัง้ ภาคเหนือของประเทศไทย และรวมไปถึงต่างประเทศ
ครบู าศรวี ิชยั ไดฝ้ ากผลงานไวม้ ากมาย ทงั้ วดั วาอาราม สาธารณประโยชนต์ า่ งๆ ซ่งึ
สง่ิ เหลา่ นเ้ี ป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมีบารมขี องครูบาศรีวชิ ยั นัน่ ได้เป็นผูพ้ ัฒนาทางด้านสงั คมทแี่ ท้จรงิ
จบการนาเสนอ
ขอบคุณครับ