38 2.22 ขั้นตอนการดําเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษา ในแผนการบํารุงรักษาสามารถแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนแรกเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนตาม คาบเวลาที่กําหนด ถึงแม้ว่าบริภัณฑ์หรืออุปกรณ์จะยังสามารถใช้งานได้ก็ตาม เป็นการป้องกันบริภัณฑ์ชํารุด ระหว่างการใช้งานที่อาจเกิดผลกระทบสูง และอีกส่วนหนึ่งคือการตรวจสอบเพื่อการบํารุงรักษา เป็นการ ดําเนินการตรวจสอบและตรวจวัดก่อน เมื่อพบข้อบกพร่องก็ค่อยทําการบํารุงรักษา โดยอาจ ดําเนินการ บํารุงรักษาในเวลานั้นเลยหรือภายหลังก็ได้ตามความจําเป็น ในการตรวจสอบและบํารุงรักษาจะ แบ่งเป็น ขั้นตอนต่าง ๆ 9 ขั้นตอน ดังนี้ 2.22.1. สํารวจและจัดทํารายชื่อบริภัณฑ์ไฟฟ้าทั้งหมด เป็นการจัดทําประวัติเพื่อให้ทราบว่าใน สถานประกอบการนั้น มีบริภัณฑ์ไฟฟ้าอะไรบ้างที่ต้องทําการตรวจสอบและบํารุงรักษา 2.22.2. แบ่งกลุ่มและเรียงลําดับความสําคัญของบริภัณฑ์ นํารายการบริภัณฑ์ไฟฟ้าทั้งหมดที่มีมา เรียงลําดับความสําคัญ โดยเรียงลําดับจากบริภัณฑ์ที่มีผลกระทบสูงต่อผลผลิต ความปลอดภัย และการจัดหา อะไหล่สาเหตุที่ต้องเรียงลําดับความสําคัญนั้นเนื่องจากทรัพยากรในการตรวจสอบและบํารุงรักษามีจํากัด รวมท้ังจะต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายด้ายเศรษฐศาสตร์ประกอบด้วย โดยพิจารณาองค์ประกอบเพิ่มเติม ดังนี้ ก. ถ้ามีอุปกรณ์สํารอง ความจําเป็นในการทําการตรวจสอบและบํารุงรักษาอาจลดลง แต่ถ้า เมื่อเกิดbreakdown แล้วค่าใช้จ่ายในการซ่อมบํารุงสูงก็อาจต้องทําการตรวจสอบและบํารุงรักษา ข. ถ้าค่าใช้จ่ายในการซ่อมบํารุงสูงจนไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์หรือไม่สามารถลดปัญหา การ สึกหรอและการชํารุดได้ก็ไม่จําเป็นต้องทําการตรวจสอบและบํารุงรักษา ค. ถ้าอุปกรณ์จะล้าสมัยก่อนเวลาชํารุด ก็อาจไม่ต้องทําการตรวจสอบและบํารุงรักษา 2.22.3. จัดทํารายที่ต้องตรวจสอบและวิธีการตรวจสอบและบํารุงรักษา วิธีที่ดีคือจัดทําในลักษณะ ของ Checklists แสดงรายการที่ต้องตรวจสอบทั้งหมดของแต่ละบริภัณฑ์รวมทั้งวิธีการตรวจสอบโดยย่อเพื่อผู้ ที่ จะทําการตรวจสอบจะได้ดําเนินการได้โดยไม่หลงลืมตัวอย่างส่วนหนึ่งของ Checklists การตรวจสอบและ บํารุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดฉนวนนํ้ามันเป็นไปตามตารางที่ 2.17 รายการ การดําเนินการ (วิธีการตรวจสอบ) อุณหภูมิ จดอุณหภูมิอากาศ น้ำมันหม้อ แปลงและขดลวด ระดับน้ำามันหม้อแปลง อ่านค่าจากเครื่องวัดระดับนํ้ามัน (สังเกตรอยแตกร้าวหรือมีไอนํ้าเกาะใน) กระจกหรือไม่ นํ้ามันรั่วซึม ตรวจตามครีบระบายความร้อน ข้อต่อวาล์ว และชิ้นส่วนอื่น ๆ
39 เสียงดังผิดปกติขณะ ทำงาน ตรวจสอบโดยการฟังเสียง ถ้าเกิดจากการสั่นสะเทือนผิดปกติจะทราบได้จาก การใช้มือสัมผัสตัวถังหม้อแปลง บุชชิ่ง ตรวจรอยรั่วซึมของน้ำมัน รอยแตก บิ่น และสิ่งสกปรก สภาพภายนอกทั่วไป สังเกตสิ่งสกปรก สนิม หยดน้ำ การเปลี่ยนสีของจุดต่าง ๆสังเกตเสียงและแสง ที่เกิดจาก Partial discharge สังเกตกลิ่นที่ผิดปกติ จุดต่อสาย (บุชชิ่ง) ตรวจวัดความร้อนจุดต่อสายทั้งด้านแรงสูงและแรงตํ่า น้ำมันหม้อแปลง วัดค่าความเป็นฉนวนของน้ำมันหม้อแปลงวัดค่าความเป็นกรดและแก๊ส วัด ปริมาณ Water content (สำหรับหม้อแปลงขนาดใหญ่) สายดินและหลักดิน ตรวจจุดต่อสายดินและสภาพสายดิน ว่าหลุดหลวมหรือสึกกร่อนหรือไม่ วัดค่า ความต้านทานการต่อลงดินของหลักดิน ตารางที่2.11 ตัวอย่าง “ตารางการตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อแปลงน้ำมัน” 2.22.4. จัดทําใบรายการบํารุงรักษาและตารางเวลาการบํารุงรักษา เนื่องจากรายการตรวจสอบ และบํารุงรักษาบริภัณฑ์ไฟฟ้า เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าตามที่แสดงข้างบนนั้น บางรายการไม่ได้ทําในคาบเวลา เดียวกัน โดยบางการทําทุกวันเช่น การจดค่าอุณหภูมิน้ำมัน แต่บางรายการปีละครั้ง เช่น การวัดค่าความเป็น ฉนวนของ นํ้ามันหม้อแปลง หรือบางรายการจะทําหลังเกิดเหตุ เช่น กับดักฟ้าผ่าจะทําหลังจากเกิดเหตุฝนฟ้า คะนอง หรือ เซอร์กิตเบรกเกอร์จะทําหลังเกิดการลัดวงจรที่รุนแรง เป็นต้น ดังนั้น จากตารางการตรวจอบและ บํารุงรักษา หม้อแปลงดังกล่าว จึงสามารถแยกออกเป็นหลายใบตามคาบเวลา เพื่อให้สามารถจ่ายงานได้ สะดวกขึ้น 2.22.5. เตรียมความรู้ให้พนักงาน ผู้ที่จะทําการตรวจสอบและบํารุงรักษาจําเป็นต้องมีความรู้อย่าง เพียง พอที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผล และมีความปลอดภัย ความรู้พื้นฐานที่ต้องทราบเป็นอย่างน้อย มี ดังนี้ ก. โครงสร้างและการทํางานของอุปกรณ์ ข. วิธีเฉพาะสําหรับการทํางาน (ถ้ามี) ค. อันตรายจากไฟฟ้าท่ีอาจเกิดได้จากตัวอุปกรณ์หรือจากการทํางาน ง. การระมัดระวังเป็นพิเศษการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล(PPE)การใช้ อุปกรณ์และเครื่องมือฉนวน และการใช้เคร่ืองมือทดสอบ จ. เทคนิคและความชํานาญที่จําเป็นในการแยกแยะส่วนที่มีไฟฟ้าเปิดโล่ง ฉ. เทคนิคและความชํานาญท่ีจําเป็น ที่จะทราบถึงระดับแรงดนั ของส่วนท่ีมีไฟฟ้าเปิดโล่ง ช. กระบวนการที่จำเป็นในการหาระดับอันตรายและการขยายตัวของอันตราย ซ. การวางแผนการทํางานท่ีจําเป็นเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
40 2.22.6. จัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือ จากใบรายการบํารุงรักษานํามากําหนดตามแผนการใช้ ทรัพยากรได้ดังรายการต่อไปนี้ ก. แรงงานที่ต้องการใช้ ข. เครื่องมือที่ต้องใช้ ค. อะไหล่และอุปกรณ์อื่นๆ เช่นเครื่องป้องกันภัยส่วนบุคคล ง. กำหนดเป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายได้ 2.22.7. ทําการตรวจสอบและบํารุงรักษา โดยใช้Checklists 2.22.8. สรุปผล วิเคราะห์และรายงานรวมทั้งแก้ไขปรับปรุง เมื่อทําการตรวจสอบแล้ว สิ่งสําคัญคือ ต้องสามารถวิเคราะห์ผลที่ได้จากการตรวจสอบได้ ว่ายังสามารถใช้งานต่อได้หรือไม่อย่างไร และบางรายการ สามารถประมาณอายุการใช้งานได้ เช่น ฉนวนไฟฟ้า เพื่อจะได้นํามาประกอบการวางแผนการบํารุงรักษาต่อไป และบันทึกรายการอุปกรณ์ท่ีทําการเปล่ียนไปแล้วด้วย ( ตามคาบเวลาที่ผู้ผลิตแนะนําหรือจากการตรวจพบ ) 2.22.9. บํารุงรักษาตามความจําเป็น การบํารุงรักษาอาจทําไปพร้อมกันกับการตรวจสอบหรือ ภายหลัง ก็ได้ โดยพิจารณาถึงความจําเป็น ความรุนแรง และทรัพยากรที่มีประกอบด้วย 2.23 การจัดการหลังการตรวจสอบ การวิเคราะห์ผลท่ีได้จากการตรวสสอบและการตรวจวัดนั้นมีความสําคัญมาก อุปกรณ์บางอย่างอาจ จําเป็นต้องตรวจวัดในรายละเอียดเพ่ิมเติมอีกเพื่อความชัดเจนและเพ่ิมความม่ันใจ รายละเอียดการวิเคราะห์ ผลนั้นจะไม่กล่าวในที่นี้ ผู้อ่านจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมต่างหาก หลังการตรวจสอบและตรวจวัดค่าต่าง ๆ และนํามาวิเคราะห์แล้วพบว่าจําเป็นต้องทําการซ่อมบํารุง หรือเปลี่ยนใหม่ จะต้องวางแผนการซ่อมบํารุงตามความจําเป็นเร่งด่วน โดยจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับ กระบวนการผลิต ความพร้อมของบุคลากรและอะไหล่
41 ประโยชน์ของการบำรุงรักษา บทที่3 วิธีการดำเนินการ 3.1 การบำรุงรักษาทางไฟฟ้า การบำรุงรักษาทางไฟฟ้า คือการพยายามรักษาสภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ให้มี ความพร้อมใช้งานตลอดเวลาทั้งนี้การบำรุงรักษายังผสมผสานกัน ทั้งทางด้านเทคนิค และการจัดการ ใน อันที่จะคงไว้ซึ่งสภาพของอุปกรณ์หรือฟื้นฟูสภาพของอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่จะทำงานได้ตามที่ต้องการ หลักการสำคัญการบำรุงรักษา -Keep it dry - Keep it cool - Keep it clean - Keep it tight Production (ได้ปริมาณตามต้องการ) Safety (มีความปลอดภัยระหว่าง ทำงาน) Morale (พนักงานมีขวัญและกำลังใจ) Quality (ได้คุณภาพตามต้องการ) Delivery (ผลผลิตได้ตามเวลาที่กำหนด) Cost (ค่าใช้จ่ายเหมาะสม) Environment (ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม)
42 3.2 ลักษณะการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ทางไฟฟ้า 3.2.1 ลักษณะการเสื่อมสภาพ แสดงอัตราการชำรุดของอุปกรณ์ รูปที่3.1 แสดงลักษณะการเสื่อมสภาพและอัตราการชำรุดของอุปกรณ์ 3.2.2 สาเหตุการชำรุดของอุปกรณ์ รูปที่ 3.2 แสดงสาเหตุการชำรุด รูปที่ 3.3 แสดงสภาพการใช้งานและการบำรุงรักษา ลักษณะการเสื่อมสภาพ เสื่อมตามอายุการใช้งาน ทันทีทันใด อัตราการชำรุด การบำรุงรักษา เชิงป้องกัน การป้องกันเพื่อไม่ ต้องบำรุงรักษา การบำรุงรักษา เชิง แก้ไขปรับปรุง การเลือกอุปกรณ์ ตามสภาพ(อายุ) การใช้งาน การบำรุงรักษา การติดตั้ง สาเหตุการชำรุด ฝุ่น ความสกปรก การสั่นสะเทือน ความร้อน การเพิ่มขึ้นของโหลด สภาพการใช้งานและการบำรุงรักษา
43 3.3 การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance, PM) - ใช้การตรวจสภาพอุปกรณ์เพื่อสามารถทำการบำรุงรักษาได้ก่อนที่จะชำรุดมากขึ้น - สามารถวางแผนการบำรุงรักษาตามแผนสามารถเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด (กรณีพบข้อบกพร่อง) เมื่อเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เป็นส่วนที่สำคัญในการผลิต - จุดมุ่งหมายของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันก็เพื่อให้ รูปที่ 3.4 จุดมุ่งหมายของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน สภาพความพร้อม และความมั่นใจในการ ทำงาน - ลดเวลาการหยุดเดินเครื่องจักรในสภาวะฉุกเฉิน - รู้สภาพการเสื่อมของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่าย - ลดค่าล้วงเวลาการซ่อมบำรุง - ค่าใช้จ่ายในการทำ PM ต่ำกว่าค่าสูญเสียการผลิต และการซ่อมบำรุงฉุกเฉิน - ไม่ต้องเตรียมอะไหล่มากนัก ทรัพยากร - ซ่อมฉุกเฉินลดลง ทำให้ไม่ต้องใช้บุคลากรมาก -ควบคุมและวางแผนการจัดหาชิ้นส่วนได้ ความปลอดภัย - ลดอันตรายจากการทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์ ค่าใช้จ่าย - สามารถตั้งงบประมาณและวางแผนค่าใช้จ่ายได้ - เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำงานประสิทธิภาพสูงขึ้น -ลดค่าสูญเสียโอกาส
44 3.4 การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (preventive Maintenance) มีข้อเสีย ดังนี้ - ยังไม่สามารถขจัดการชำรุดที่ไม่อาจคาดคิดได้ - อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น - เป็นการรบกวนชิ้นส่วนระบบอื่นโดยไม่จำเป็น - อาจเกิดผิดพลาดจาการใส่ชิ้นส่วนกลับเข้าที่ได้ - สำหรับแนวทางการทำการป้องกันการบำรุงรักษา (Maintenance Prevention) รูปที่ 3.5 การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบ การติดตั้ง การเลือกใช้อุปกรณ์ การตรวจรับ การใช้งาน PM @ CM
45 3.5 แนวทางของ TPM • ปรับปรุงเฉพาะเรื่อง (Focus improvement) • บำรุงรักษาด้วยตนเอง (Autonomous maintenance) • บำรุงรักษาตามแผน (Planned maintenance) • พัฒนาทักษะ (Education & Training) • เริ่มตั้งแต่การออกแบบ (Early Management) • บำรุงรักษาเชิงคุณภาพ (Quality Maintenance) • การปรับปรุงหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง (officeimprovement) • อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(Safety,health & environment) 3.6 การเตรียมการและวิธีตรวจสอบ 3.6.1 ช่วงการตรวจสอบ รูปที่ 3.6 ช่วงการตรวจสอบ 3.6.2 การเตรียมการและวิธีตรวจสอบ รูปที่ 3.7 การเตรียมการและวิธีตรวจสอบ การตรวจสอบก่อนการติดตั้ง การตรวจสอบเมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ การตรวจสอบระหว่างติดตั้ง การตรวจสอบเพื่อการบำรุงรักษา เตรียมการ ทำตารางตรวจสอบ - หาข้อมูล -วางแผนการตรวจสอบ วิธีตรวจสอบ Visual ตรวจสอบตามตาราง inspection measurement
46 3.6.3 การเตรียมการข้อมูลที่จำเป็น 1) ข้อมูลที่ต้องมีเก็บไว้ที่หน่วยตรวจสอบ -วิธีตรวจสอบและทดสอบอุปกรณ์ทั้งหมด - สำเนารายงานการตรวจสอบครั้งก่อน - ElectricalSingleLine Diagram - Traction System - บันทึก Name Plate ที่สมบูรณ์ทั้งหมด - catalogของผู้ขาย - แบบการทำรายงาน - คู่มือการบำรุงรักษา 2) ประวัติเครื่องจักรซึ่งควรประกอบด้วย -ชื่อ หมายเลขสถานที่ตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า - จำนวนชั่วโมงคนที่ใช้ในการบำรุงรักษา - ช่วงเวลาการบำรุงรักษา -ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัย -ขั้นตอนการปฏิบัติงาน - เครื่องมือที่ต้องใช้ - รายการอะไหล่ที่ต้องใช้ - เงื่อนไขเชิงปริมาณที่ผู้ทำการบำรุงรักษาสามารถตัดสินใจได้ - ภาพแสดงตำแหน่งของจุดที่ต้องการบำรุงรักษา - บันทึกประวัติแนบท้ายการบำรุงรักษา 3) ประโยชน์จากประวัติของเครื่องจักร - ใช้ประเมินหาทรัพยากรที่ใช้ในการบำรุงรักษา -แรงงาน - เครื่องมือ -อะไหล่ - ประมาณการค่าใช้จ่ายได้
47 4) ประวัติเครื่องจักรซึ่งควรประกอบด้วย -ชื่อ หมายเลขสถานที่ตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า - จำนวนชั่วโมงคนที่ใช้ในการบำรุงรักษา - ช่วงเวลาการบำรุงรักษา -ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัย -ขั้นตอนการปฏิบัติงาน - เครื่องมือที่ต้องใช้ - รายการอะไหล่ที่ต้องใช้ - เงื่อนไขเชิงปริมาณที่ผู้ทำการบำรุงรักษาสามารถตัดสินใจได้ - ภาพแสดงตำแหน่งของจุดที่ต้องการบำรุงรักษา - บันทึกประวัติแนบท้ายการบำรุงรักษา 3.7 แนวทางการจัดการระบบการบำรุงรักษา ขั้นตอนที่ 1 -SingleLine Diagram - Wiring Diagram -สถานีย่อยไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้า - ห้องตู้สวิตซ์บอร์ด - Car and Motor Car -Traction System -Traction Invertor Container -ล้อและเพลา - ระบบเบรก - ระบบการหล่อลื่น - พูลเลย์และสายพาน - คู่มือการบำรุงรักษา -คู่มือการติดตั้ง
48 ขั้นตอนที่ 2 - เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญหรือไม่ - มีอุปกรณ์สำรองหรือไม่ - ถ้า PM Cost สูงหรือไม่สามารถลดปัญหาการสึกหรอได้ก็ไม่ควรทำ PM - ถ้าอุปกรณ์จะล้าสมัยก่อนเวลาชำรุด ก็อาจไม่ต้องทำ PM ขั้นตอนที่ 3 จัดทำวิธีการตรวจสอบจุดสำคัญ และอุปกรณ์สำคัญ (Critical) ที่ต้องตรวจสอบ รวบรวมอุปกรณ์ที่มี ผล ต่อระบบอื่น รายการ การดำเนินงาน สภาพ หมายเหตุ YES NO อุณหภูมิหม้อแปลง จดอุณหภูมิอากาศ น้ำมันหม้อแปลงและขดลวด ระดับน้ำมันหม้อแปลง (Tank & Onload tap) อ่านค่าจากเครื่องวัดระดับน้ำมัน (สังเกตรอยแตกร้าวหรือมีไอน้ำเกาะในกระจกหรือไม่) น้ำมันรั่วซึม ตรวจตามครีบระบายความร้อน ข้อต่อวาล์ว แล้ว ชิ้นส่วนอื่นๆ เสียงดังผดปกติขณะ ทำงาน ตรวจสอบโดยการฟังเสียงถ้าเกิดจากการสั่งสะเทือน ผิดปกติจะ ทราบได้จากการใช้มือสัมผัส ตัวถังหม้อแปลง บุชชิ่ง ตรวจรอยรั่วซึมของน้ำมัน รอยแตก บิ่น และสิ่ง สกปรก กล่องสารดูดความชื้น ตรวจสารดูดความชื้น (Silica gel) หากมีการเปลี่ยน สี(เป็นสีชมพู) ต้องเปลี่ยนใหม่ตรวจคาบน้ำมัน ตารางที่ 3.1 ตารางจัดทำวิธีการตรวจสอบจุดสำคัญ และอุปกรณ์สำคัญ ขั้นตอนที่ 4 - จัดทำใบรายการบำรุงรักษา - ตารางเวลาการบำรุงรักษา (ได้จากคำแนะนำของผู้ผลิตและจากความชำนาญ ประสบการณ์ระดมสมอง) ใบรายการบำรุงรักษาควรประกอบด้วย... -ชื่อ หมายเลขสถานที่ตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า -จำนวนชั่วโมงจำนวนคนที่ใช้ในการทำงาน - วงรอบการบำรุงรักษา -ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัย
49 - ชนิดของงานบำรุงรักษา (ทางกล ทางไฟฟ้า หล่อลื่น ฯลฯ) -ขั้นตอนการปฏิบัติงาน - เครื่องมือที่ใช้ - รายการอะไหล่ที่ต้องใช้ - เงื่อนไขเชิงปริมาณที่ใช้ในการตัดสินใจว่าปกติหรือไม่ - ภาพแสดงตำแหน่งของจุดที่ต้องการบำรุงรักษา - บันทึกประวัติการบำรุงรักษา ขั้นตอนที่ 5 - Construction and operation of equipment - Specific work method - Electrical hazards that can be present with respect to that equipment or work method - Proper use of specific precautionary techniques - Personal protective equipment (PPE), insulating and shielding materials, and insulated tools and testequipment - Skills and techniques necessary to distinguish exposed, energized parts form other of electrical equipment - Skills and techniques necessary to determine the normal voltage of exposed energized parts - Decision-making process necessary to determine the degree and extent of hazard - Job planning necessary to safety perform the task ขั้นตอนที่ 6 -แรงงานที่ต้องการใช้ - เครื่องมือที่ต้องใช้ -อะไหล่และอุปกรณ์อื่นๆ -ความปลอดภัยส่วนบุคคล -กำหนดเป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายได้
50 ขั้นตอนที่ 7 ทำการตรวจสอบและการบำรุงรักษาโดยใช้Check List รายการ การดำเนินงาน สภาพ หมายเหตุ YES NO อุณหภูมิหม้อแปลง จดอุณหภูมิอากาศ น้ำมันหม้อแปลงและขดลวด ระดับน้ำมันหม้อแปลง (Tank & Onload tap) อ่านค่าจากเครื่องวัดระดับน้ำมัน (สังเกตรอยแตกร้าวหรือมีไอน้ำเกาะในกระจก หรือไม่) น้ำมันรั่วซึม ตรวจตามครีบระบายความร้อน ข้อต่อวาล์ว แล้ว ชิ้นส่วนอื่นๆ / เสียงดังผิดปกติขณะ ทำงาน ตรวจสอบโดยการฟังเสียง ถ้าเกิดจากการสั่ง สะเทือนผิดปกติจะ ทราบได้จากการใช้มือสัมผัส ตัวถังหม้อแปลง บุชชิ่ง ตรวจรอยรั่วซึมของน้ำมัน รอยแตก บิ่น และสิ่ง สกปรก / รอยรั่วซึม น้ำมัน กล่องสารดูดความชื้น ตรวจสารดูดความชื้น (Silica gel) หารมีการ เปลยนสี(เป็นสีชมพู) ต้องเปลี่ยนใหม่ตรวจคาบน้ำมัน ตารางที่ 3.2 กสนตรวจสอบและบำรุงรักษาโดยใช้Check List ขั้นตอนที่ 8 สรุปผลวิเคราะห์จุดบกพร่อง และรายงานรวมทั้งแก้ไขปรับปรุง -จุดบกพร่อง -สาเหตุ -การแก้ไข -การป้องกัน - ทำรายการตรวจสอบและบำรุงรักษา ขั้นตอนที่ 9 บำรุงรักษาตามความจำเป็น - พบจุดบกพร่องแก้ไขทันที - หาเวลาที่เหมาะสมแล้วดำเนินการ -จุดบกพร่องบางรายการยังสามารถใช้งานได้
51 การจัดการหลังการตรวจสอบและบำรุงรักษา - บันทึกผลการตรวจสอบ -วิเคราะห์ผล - หากพบสิ่งผิดปกติแต่ยังใช้งานได้อยู่ให้คอยติดตามงานหรือใช้เครื่องมือวัดตามความจำเป็น 3.8 การซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ และการสื่อสาร 3.8.1 ภาพรวมการซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า (Rolling stock Maintenance) ในส่วนนี้จะได้อธิบายถึงงานซ่อมบำรุงตัวรถไฟฟ้าระบบอาณัติสัญญาณและระบบสื่อสารของระบบ รถไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในระบบขนส่งมวลชน ของประเทศไทย 1) ตัวอย่างงาน PM/CM ของการซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า ประเภทงาน หรือ กลุ่มงาน หัวข้องาน รอบการ ทำงาน 1. งานตรวจสอบทั่วไป 1.1 ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วงล่างรถไฟฟ้าทั่วไป W1 1.2 download TCU and BCU log file W1 1.3 เปิดและปิด drain valve ของระบบลมอัด W1 1.4 ตรวจสอบมอเตอร์ขับเคลื่อนและข้อต่อเพลาทั่วไป W1 1.5 ทำความสะอาดกรองอากาศแอร์ W2 1.6 ตรวจสอบตัวรับกระแสไฟฟ้าทั่วไป W2 1.7 ตรวจสอบระบบเกียร์ M1 1.8 ตรวจสอบระบบเบรคจานเบรคผ้าเบรค M1 1.9 ตรวจสอบหัวต่อพ่วง ด้านหน้าและระหว่างตู้รถไฟฟ้า M1 2. งานตรวจสอบ ฟังก์ชันของระบบ 2.1 ตรวจสอบฟังก์ชั่นการทำงานระบบประตูผู้โดยสารอัตโนมัติ M3 2.2 ตรวจสภาพล้อรถไฟฟ้าโดยละเอียด M3 2.3 ตรวจสอบแบตเตอรี่รถไฟฟ้าและเติมน้ำกลั่น M3 2.4 ตรวจสอบฟังก์ชั่นการทำงานตัวรับกระแสไฟฟ้า M6 2.5 ตรวจสอบฟังก์ชั่นการทำงานระบบเบรค M6 2.6 กลึงล้อรถไฟฟ้า R8 2.7 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ Y1 2.8 อัดจารบีมอเตอร์ขับเคลื่อน Y1 2.9 ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วงล่างรถไฟฟ้าโดยละเอียด Y1 หมายเหตุ คือ W1 ทุก 1 สัปดาห์/ M1 คือ 1 เดือน/ Y1 คือ 1 ปี ตารางที่ 3.3 ตัวอย่างงาน PM/CMของการซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า
52 3.8.2 ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน PM/CM 1) งานเปิดและปิด drain valve ของระบบลมอัด (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการวางแผน เรียกรถไฟฟ้าเข้าซ่อมบำรุงรักษา ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Shift leader ประสานงานกับ CCR ในการนำรถไฟฟ้าเข้า ซ่อม และส่งคืนเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ 3 การจัดกำลังคน Technician1คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) not required 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) not required 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) - นำรถไฟฟ้าเข้าซ่อมบำรุงระบบช่วงล่างในช่องซ่อมด้านล่าง - ตรวจสอบให้แน่ใจรถไฟไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ระหว่าง งาน ซ่อมบำรุง - ตัดระบบจ่ายไฟทั้งหมด ป้องกันการต่อกลับคืนและรออย่าง น้อย 1 นาที ในการคลายประจุไฟฟ้า - ใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน - ใช้อุปกรณ์ป้องกัน (เช่น รองเท้านิรภัย, แว่นตา, ฯลฯ) - ก่อนเริ่มงานใดๆใต้bogie, ควรตรวจให้แน่ใจ traction motor ใกล้gearbox ต้องตัดระบบจ่ายไฟ - ปฏิบัติตามขั้นตอน การซ่อมบำรุงและความปลอดภัย ของ BTS 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) เปิด drain valve ดังนี้air reservoir’s A09/ L04, air filter L02, centrifugal filter B01 ปล่อยฝุ่นและน้ำหากพบความผิดปกติให้แจ้งShift leader 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้Maintenance Center ตารางที่3.4 งานเปิดและปิด drain valve ของระบบลมอัด (PM)
53 3.9 ภาพรวมการซ่อมบำรุงระบบอาณัติสัญญาณ (Signalling Maintenance) วัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบอาณัติสัญญาณมีความปลอดภัยและมีความพร้อมสำหรับการให้บริการ 3.9.1 ตัวอย่างงาน PM/CM ของการซ่อมบำรุงระบบอาณัติสัญญาณ 1) งาน Preventive Maintenance (PM) ประเภทงาน หรือ กลุ่มงาน หัวข้องาน รอบการ ทำงาน 1. งานตรวจสอบประแจสับราง 1.1 ตรวจสอบความพร้อมของประแจสับราง ประจำ 2 เดือน M2 (Point Machine) 1.2 ตรวจสอบความพร้อมของประแจสับราง ประจำปี Y1 2. งานตรวจสอบระบบหยุด รถไฟฟ้าฉุกเฉิน 2.1 ตรวจสอบความพร้อมของระบบ หยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉินประจำ 2 เดือน M2 2.2 ตรวจสอบความพร้อมของระบบ หยุดรุถไฟฟ้าฉุกเฉินประจำปี Y1 3. งานตรวจสอบระบบบังคับ สัมพันธ์ 3.1 ตรวจสอบความพร้อมของระบบ บังคับสัมพันธ์ประจำวัน D 3.2 ตรวจสอบความพร้อมของระบบ บังคับสัมพันธ์ประจำเดือน M1 3.3 ตรวจสอบความพร้อมของระบบ บังคับสัมพันธ์ประจำ 6 เดือน M6 หมายเหตุ D คือ ประจำทุกวัน/ M1 คือ ทุก 1 เดือน/ M6 คือ ทุก 6 เดือน/ Y1 คือ ทุก 1 ปี ตารางที่ 3.5 งานPreventive Maintenance (PM)
54 2.) งาน Corrective Maintenance (CM) งาน รายละเอียด 1. งานปรับแต่งประแจสับราง 1.1 ปรับแต่ง ประแจสับราง เนื่องจากทดสอบ 4 มิลลิเมตรไม่ผ่าน 1.2 ปรับแต่งจุดอ้างอิง เนื่องจากเคลื่อนออกจากตำแหน่ง 1.3 ตรวจสอบความพร้อมของแรงดันและกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้กับ ประแจสับราง 2. งานตรวจสอบความพร้อมของ 2.1 ตรวจสอบสายไฟต่างๆ ของปุ่มกดหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน ปุ่มกดหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน 2.2 ตรวจสอบ การใช้งานของปุ่มกดหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน ตารางที่ 3.6 งาน Corrective Maintenance (CM) 3.9.2. ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน PM/CM 1) งานตรวจสอบความพร้อมประแจสับรางประจำ 2 เดือน ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostleแจ้งLine Controllerก่อนเข้าและออกจากพื้นที่ ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Engineer และ/หรือ Technician รวมทั้งหมด2-3 คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและ อุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) 1) ไฟฉาย (Torch) 2) ไขควง 3) ประแจทอล์ค(Torque wrench) 4) จาระบี 5) น้ำมัน 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) เครื่องวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้า 6 กฎความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) 1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องตรวจ สอบกระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail)
55 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 6 (ต่อ) กฎความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) 4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจ มี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือป้าย เตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) ตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของอุปกรณ์สับราง 7.2) สั่งประแจสับรางไปด้าน บวกและลบ 7.3) ทดสอบประแจสับราง 2และ 4 มิลลิเมตร 7.4) ตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับประแจสับราง 7.5) เปิดกล่องประแจสับราง 7.6) ตรวจสอบสายไฟและจุดเชื่อมต่อ 7.7) ตรวจสอบมอเตอร์ 7.8) ตรวจสอบการให้ตัวในขณะเคลื่อนที่ของประแจสับราง 7.9) ตรวจสอบ ยาง และอุปกรณ์ฉนวนกันน้ำ 8 การตรวจสอบ / การทดสอบ ระบบเพื่อความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) 1) ลองหมุนโดยใช้มือเปล่าไปด้าน บวกและลบ 2) ทดสอบประแจสับราง2และ4 มิลลิเมตร 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ผู้จัดการแผนก ระบบ อาณัติสัญญาณ ตารางที่3.7 งานตรวจสอบความพร้อมประแจสับรางประจำ 2 เดือน 2) งานตรวจสอบความพร้อมของปุ่มหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้า และออก จากพื้นที่ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Engineer และ/หรือ Technician รวมทั้งหมด 2-3 คน
56 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) 1. ไฟฉาย (Torch) 2. ไขควง ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) เครื่องวัดแรงดันและกระแสไฟฟ้า 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) 1. อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 2.ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องตรวจ สอบกระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 3. ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 4. ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 5. ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) กล่องหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉินที่ห้องนายสถานี 7.1) - ตรวจสอบกล่องหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน 7.2) - ตรวจสอบความเสียหายของกล่องหยุดรถไฟฟ้า ฉุกเฉิน 7.3) - ตรวจสอบไฟแสดงผล 7.4) ตรวจสอบอุปกรณ์จ่ายไฟในกล่องหยุดรถไฟฟ้า ฉุกเฉิน 7.5) ทำความสะอาด ปุ่มกดหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน 7.6) ตรวจสอบลักษณะทางกายภาพ 7.7) ตรวจสอบป้ายชื่อของปุ่มกดและสายไฟต่างๆ 7.8) ทำความสะอาดปิดกล่องพร้อมแจ้งทาง ผู้ควบคุมระบบ รถไฟฟ้า 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน(Fit for Operation) 1) ทดสอบโดยการกดปุ่มหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ผู้จัดการแผนก ระบบอาณัติสัญญาณ ตารางที่ 3.8 งานตรวจสอบความพร้อมของปุ่มหยุดรถไฟฟ้าฉุกเฉิน
57 3.10 ภาพรวมการซ่อมบำรุงระบบสื่อสารรถไฟฟ้า(Train Communication Maintenance) วัตถุประสงค์เพื่อให้การสื่อสารระหว่างรถไฟฟ้า (Train) สถานี(Station) และห้องควบคุมกลาง (Central Control room ; CCR) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง 3.10.1 ตัวอย่างงาน PM/CM ของการซ่อมบำรุงระบบสื่อสารรถไฟฟ้า 1) งาน Preventive Maintenance (PM) ประเภทงาน หรือ กลุ่ม งาน หัวข้องาน รอบการ ทำงาน 1.ตรวจสอบและทำความ สะอาด (Visual Check and Cleaning) 1.1 Visual checkof the physical condition of thetrain boneradio M1 1.2 Visual checkof the physical condition of the train PA system M1 1.3 Visual checkof the physical condition of the mobile radio(Handportable) M1 1.4 Check at the station perform communicationto station with CCR M3 1.5Visual checkof the physical condition OPTconsolein CCR M1 2.ตรวจวัดและทดสอบ ฟังก์ชั่น ของระบบ 2.1 Transmitter power and antenna VSWR measurement of thetrainradio M6 2.2 Check function diagnostics, calibrate touchscreen and call to CCR test of the train radio M6 2.3 Function test display on the DRM, TDU and TSU of the train PA system M1 2.4 Measurement sound level announcementof the trainPublic Announcement system (PA) M6 2.5 Check leakyfeeders signal distribution this include providing trackside concourse and office area coverage Y1 หมายเหตุ M1 คือทุก1เดือน / M3 คือทุก3เดือน / M6 คือทก6เดือน /Y1 คือทุก1 ปี ตารางที่ 3.9 งาน Preventive Maintenance (PM)
58 2)งาน Corrective Maintenance 3 หัวข้องาน งาน รายละเอียด 1. เครือข่ายระบบวิทยุ (Radio Network) ตรวจสอบเครือข่ายระบบวิทยุ (Radio Network) โดยใช้Network Analyzer 2. วิทยุรถไฟฟ้า (Trainradio) ตรวจสอบสัญญาณ Radio ที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างรถไฟ เจ้าหน้าที่ ควบคุมที่ห้องควบคุมกลางและสถานีโดยใช้Site Analyzer. 3. ระบบประกาศบนรถไฟฟ้า (Train PA) ตรวจสอบความถูกต้องของข้อความแสดงเส้นทางวิ่งของรถไฟฟ้าทั้ง ด้านหน้ารถ (Train End Display: TED) ด้านข้างรถ (Train Side Display: TSD)และภายในตัวรถ(DynamicRout Map: DRM)ด้วย สายตาและใช้Software ในการตรวจสอบ ตรวจสอบและแก้ไขความถูกต้องของข้อความประกาศบนขบวนรถไฟฟ้า โดยใช้Software ตารางที่ 3.10 งาน Corrective Maintenance 3 หัวข้องาน 3.10.2 ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน PM/CM 1) งานตรวจสอบวิทยุสื่อสารบนรถไฟฟ้า Visual check train bone radio (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ Reservetrack for thetrain 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง แจ้ง DEPOT Section ก่อนเข้าและออกจากรถไฟฟ้า 3 การจัดกำลังคน Engineer และTechnician รวม 2คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) 1) เครื่องมือพื้นฐาน (Basic tools) 2) Computer Lab top 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) สายสำหรับ Up-Down Load ข้อมูล 2) Software พิเศษสำหรับ Trainradio 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) ปฏิบัติตามกฏความปลอดภัยทางไฟฟ้า 5ข้อ 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Train radio 7.2) ตรวจสอบสภาพ Connector ต่างๆ 7.3) วัดค่าTransmitter power and VSWR 7.4) ตรวจสอบสภาพ Antenna 7.5) ทดสอบฟังชั่นก์ต่างๆ
59 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ทอสอบโดยการใช้วิทยุเรียกไปยัง CCR หากพบ จุดบกพร่องต้องทำรายงานแนบกับใบงาน 9 การปิดงาน บันทึกรายละเอียดการปฏิบัติงานลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.11 งานตรวจสอบวิทยุสื่อสารบนรถไฟฟ้า Visual check train bone radio (PM) 2) งาน Visual check of the physical condition of the train PA system (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ Reservetrack for the train 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง แจ้ง DEPOT Section ก่อนเข้า และออกจากรถไฟฟ้า 3 การจัดกำลังคน Engineer และTechnician รวม 2คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) 1) เครื่องมือพื้นฐาน (Basic tools) 2) Computer Lab top 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) สายสำหรับ Up-Down Load ข้อมูล 2) Software พิเศษสำหรับ TrainPA 6 กฎความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) ปฏิบัติตามกฏความปลอดภัยทางไฟฟ้า 5ข้อ 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Train PA 7.2) ตรวจสอบสภาพ Connector ต่างๆ 7.3) วัดค่าระดับเสียงประกาศ (Sound Level) 7.4) ตรวจสอบความถูกต้องของเสียงประกาศบนรถไฟฟ้า 7.5) ตรวจสอบข้อความของป้ายประกาศบนตัวรถไฟฟ้า 7.6) ทดสอบฟังชั่นก์ต่างๆ 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) หากพบจุกบกพร่องต้องทำรายงานแนบกับใบงาน 9 การปิดงาน บันทึกรายละเอียดการปฏิบัติงานลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.12 งาน Visual check of the physical condition of the train PA system (PM)
60 3) งานตรวจสอบสายอากาศสื่อสาร Visual Check Leaky Feeder (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possesion ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostleแจ้งเข้างานกับ Linecontrollerat CCR 3 การจัดกำลังคน Engineer และTechnician รวม 3คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (spare part and material list ตาม WI) เครื่องมือพื้นฐาน (Basic tools) 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) สายสำหรับ Up-Down Load ข้อมูล 2) Software พิเศษสำหรับ TrainPA 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) 1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (CCR) 2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของVoltage Tester 3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 4) ติดตั้ง Earthing Device 5) ป้องการการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟฟ้าขั้วป้องกัน หรือ ป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 1) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Leaky Feede และ อุปกรณ์ยึดเหนี่ยว 2) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Leaky Feede Cover และ อุปกรณ์ยึดเหนี่ยว 3) ตรวจวัดระดับสัญญาณ 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความ มั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานหากพบ จุดบกพร่อง ให้ทำการแก้ไขและทำรายงานแนบใบงาน 9 การปิดงาน บันทึกรายละเอียดการปฏิบัติงานลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.13 งานตรวจสอบสายอากาศสื่อสาร Visual Check Leaky Feeder (PM)
61 4) งานตรวจสอบวิทยุสื่อสารรถไฟ Train radio problem (CM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ Reservetrack for thetrain 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง แจ้ง DEPOT Section ก่อนเข้าและออกจากรถไฟฟ้า 3 การจัดกำลังคน Engineer และTechnician รวม 2คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและอุปกรณ์ (stock and material list ตาม WI) 1) เครื่องมือพื้นฐาน (Basic tools) 2) Computer Lab top 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) สายสำหรับ Up-Down Load ข้อมูล 2) Software พิเศษสำหรับ TrainRadio 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (CCR) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของ Voltage Tester 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้ง Earthing Device 6.5) ป้องการการงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟฟ้าขั้วป้องกัน หรือ ป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Train radio 7.2) ตรวจสอบสภาพ Connector ต่างๆ 7.3) วัดค่าTransmitter power and VSWR 7.4) ตรวจสอบสภาพ Antenna 7.5) ทดสอบฟังชั่นก์ต่างๆ 7.6) ทดสอบ Call to CCR 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ทดสอบ Call to CCR 9 การปิดงาน บันทึกรายละเอียดการปฏิบัติงานลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.14 งานตรวจสอบวิทยุสื่อสารรถไฟ Train radio problem (CM)
62 5) งานระบบป่าวประกาศลำโพง Train PA problem (CM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ Reservetrack for thetrain 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง แจ้ง DEPOT Section ก่อนเข้าและออกจากรถไฟฟ้า 3 การจัดกำลังคน Engineer และTechnician รวม 2คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่วัสดุและ อุปกรณ์(stock and material list ตาม WI) 1) เครื่องมือพื้นฐาน (Basic tools) 2) Computer Lab top 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) สายสำหรับ Up-Down Load ข้อมูล 2) Software พิเศษสำหรับ TrainPA 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (CCR) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของ Voltage Tester 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้ง Earthing Device 6.5) ป้องการการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้า ด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟฟ้าขั้วป้องกัน หรือป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) ตรวจสอบสภาพทั่วไปของ Train PA 7.2) ตรวจสอบสภาพ Connector ต่างๆ 7.3) วัดค่าระดับเสียงประกาศ (Sound Level) 7.4) ตรวจสอบความถูกต้องของเสียงประกาศบนรถไฟฟ้า 7.5) ตรวจสอบข้อความของป้ายประกาศบนตัวรถไฟฟ้ 7.6) ทดสอบฟังชั่นก์ต่างๆ 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบ เพื่อความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตรวจสอบและทดสอบ 9 การปิดงาน บันทึกรายละเอียดการปฏิบัติงานลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.15 งานระบบป่าวประกาศลำโพง Train PA problem (CM)
63 3.11 ภาพรวมการซ่อมบำรุงเส้นทางวิ่งรถไฟฟ้า (Permanent Way Maintenance) วัตถุประสงค์เพื่อให้ทางวิ่งรถไฟฟ้ามีความปลอดภัยและมีความพร้อมสำหรับการใช้งานเป็นไปตามหลัก วิศวกรรมระบบรางและมาตรฐานสากล 3.12 ตัวอย่างงาน PM/CM ของการซ่อมบำรุงเส้นทางวิ่งรถไฟฟ้า 3.12.1 งาน Preventive Maintenance (PM) ประเภทงาน หรือ กลุ่มงาน หัวข้องาน รอบการ ทำงาน 1. งานตรวจสอบ ระบบรางด้วยสายตา และงานทาจาระบี 1.1 รางรถไฟ (Running rail + fastening) W2 1.2 จุดสับราง (Turnout) W2 1.3 อุปกรณ์ล็อคจุดสับราง (Manual point lock) W2 1.4 คอนกรีตรองรับราง (Concrete track slab) M6 1.5 จุดรองรับการเคลื่อนตัวตามแนวยาว (Expansion joint) M6 2. งานตรวจสอบ ฟังก์ชันของระบบราง 2.1 ค่าฟังก์ชั่นความปลอดภัยของจุดสับราง (Turnout safety function measurement) M3 2.2 ความสึกหรอของหัวรางตามความยาว (Dip & Corr. By RM1200) M4 2.3การตรวจความสมบูรณ์ภายในเนื้อรางด้วยวิธี Ultrasonic testing M6 2.4 การตรวจวัดค่าความสึกของราง (Rail Wear & Tear measuring) M6 2.5 แป้นหยุดรถไฟ (Buffer Stop) Y1 หมายเหตุW2 คือ ทุก 2 สัปดาห์/ M1คือ ทุก 1 เดือน / Y1 คือ ทุก 1 ปี ตารางที่ 3.16 งาน Preventive Maintenance (PM)
64 3.12.2 งาน Corrective Maintenance (CM) ตารางที่ 3.17 งาน Corrective Maintenance (CM) 3.13 ตัวอย่างขั้นตอนการทำงาน PM 3.13.1 งาน Visual Inspection Trackwork Equipments Every 2 Weeks (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้าและออกจากพื้นที่ ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Engineer และ/หรือ Technician รวมทั้งหมด 2-3 คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและ อุปกรณ์(spare part and materiallist ตาม WI) 1) ไฟฉาย (Torch) 2) แปรง (Brush), 3) ประแจทอล์ค (Torque wrench) 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) เครื่องดูดฝุ่น (Vacumm cleaner) 2) อุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางสำรองเผื่อเปลี่ยน 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ (Safety Rule) 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องตรวจสอบ กระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 6.5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมีกระแส ไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือป้ายเตือน งาน รายละเอียด 1. เจียร์ราง (Rail grinding) 1.1 การเจียร์รางโดยใช้รถเจียร์ราง (Rail grinding by grinding vehicle: VMT445) 1.2 การเจียร์รางโดยใช้เครื่องเจียร์รางขนาดเล็ก (Rail profile grinding by MV03) 2. การเชื่อมพอก (Build upwelding) 2.1 การเชื่อมพอกรางวิ่ง (Rail build up welding) 2.2 การเชื่อมพอกบริเวณ Frog crossing (Frog crossing build up welding) 3 การตัดเปลี่ยนราง (Rail replacement) 3.1การตัดเปลี่ยนรางวิ่ง (Running rail replacement) 3.2 การตัดเปลี่ยนจุดสับรางบริเวณรางลิ้นและรางประคอง (Tongue & Stock rail replacement) 3.3 การตัดเปลี่ยนจุดสับรางบริเวณ Frog crossing 4. การซ่อมคอนกรีต (Concreterepairing) 4.1 การซ่อมคอนกรีตปริมาณน้อย 4.2 การซ่อมคอนกรีตปริมาณมาก
65 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) การตรวจสอบด้วยสายตา (Check visually) 1) สภาพของแผ่นคอนกรีต (The concrete plinth) และพื้น คอนกรีตรองรับราง (Concrete slabs) 2) จุดเชื่อมต่อราง (The weld joint) 3) จุดต่อรางแบบเป็นฉนวนไฟฟ้า (The Isulated Rail Joint) 4) สภาพของรางวิ่งหลัก (The ruuning rail) 5) สภาพของรางกันล้อปีน (Check rail & support) 6) สภาพของจุดสับราง (Turnout) 7) สภาพของแป้นปะทะหยุดรถไฟ (Buffer stop) 8) สภาพของจุดรองรับการขยายตัวตามยาวของราง (Expansion joint) 7.2) การตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวราง 1) การคลายตัวของน็อต (Loose) 2)ความเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ(Anycrack) 8 การตรวจสอบ/การทดสอบระบบ เพื่อความมั่นใจ พร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานหากพบจุดบกพร่อง ต้องทำรายงานแนบด้วย 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่3.18 งาน Visual Inspection Trackwork Equipments Every 2 Weeks (PM) 3.13.2 การตรวจจุดสับรางประแจสับหลีก Turnout Inspection Every 3 Months (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้าและออกจากพื้นที่ ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Engineer 1 และ Technician 2คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและ อุปกรณ์(stock and material list ตาม WI) 1) ประแจทอล์ค (Torque wrench) 2) ไฟฉาย (Torch) 3) เครื่องวัดระยะราง (Track gauge) 4) เหล็กวัด 2 เมตร (Straight ruler)
66 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 4 (ต่อ) การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและ อุปกรณ์(stock and material list ตาม WI) 5) Frog measuring point prob 6) Filler gauge 7) แปรง (Brush) 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) เครื่องดูดฝุ่น (Vacumm cleaner) 2) อุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางสำรองเผื่อเปลี่ยน 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องตรวจสอบ กระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 6.5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ,ขั้วป้องกัน หรือป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) การตรวจสภาพ 1) การสึกของรางกันล้อปีน (Wear & Tear of check rail) 2) การสึกของชุดล็อคประแจ (Wear & Tear of locking device) 3) ตำแหน่งที่ถูกต้องของแผ่นรองราง (The railpads) 4) สภาพของหมอนคอนกรีต (The concretesleepers) 5) สภาพของอุปกรณ์Back drive (The backdrive parts) 6) การคลายตัวของน็อต (Loose) 7.2)การตรวจวัด 1) ระยะต่างๆในอุปกรณ์สับราง (TurnoutFunctional) 2) ระยะการประกบกันที่สมบูรณ์ระหว่างลิ้นรางกับราง หลัก 3) แนวระดับและทิศทางการเคลื่อนที่(Line, Level,Direction) 4) ตำแหน่งที่ถูกต้องของชุดล๊อคประแจ (Clamplocking device)
67 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 8 การตรวจสอบ /การทดสอบระบบ เพื่อความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตรวจสอบค่าต่างๆ ที่ได้จากการวัดว่าอยู่ในพิกัด ปลอดภัย หรือไม่ 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.19 การตรวจจุดสับรางประแจสับหลีก Turnout Inspection Every 3 Months (PM) 3.13.3 แป้นหยุดรถ Buffer Stop Maintenance Every 1 Year (PM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้าและออกจาก พื้นที่ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Technician 4 คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและอุปกรณ์ (stock and material list ตาม WI) 1) ประแจทอล์ค (Torque wrench) 2) ไฟฉาย (Torch) 3) แปรง (Brush) 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) จาระบี(Grease grade 2) 2) อุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางสำรองเผื่อเปลี่ยน 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่อง ตรวจสอบ กระแสไฟฟ้า 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 6.5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือ ป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 7.1) การตรวจสอบด้วยสายตา (Check visually) 1) สภาพของแผ่นคอนกรีต (The concrete plinth) และพื้นคอนกรีตรองรับราง (Concreteslabs) 2) สภาพของเครื่องยึดเหนี่ยวราง (The rail fastening)
68 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 7 (ต่อ) รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) 3) สภาพของจุดต่อรางแบบเป็นฉนวนไฟฟ้า (The Isulated Rail Joint) 4)สภาพของจุดเชื่อมต่อราง (The weld joint) 5) สภาพบริเวณใกล้เคียง (The vicinity of Buffer Stop) - ระยะทางการไถลของแป้นปะทะ (sliding distance) - สภาพของรางวิ่งบริเวณของแป้นปะทะ (The running rail) 7.2) การตรวจสอบความสมบูรณ์ของแป้นปะทะ หยุดรถไฟ 1) สภาพของโครงสร้างเหล็ก (The steel structure) และสีทากันสนิม (The anti-rust paint) 2) สภาพของสกรูทุกตัว (All screw coupling) 3) สภาพขององค์ประกอบต้านแรงปะทะ (Thebrakingequipment) 4) กำจัดสนิม, ทาสารป้องกัน (Any rust, apply corrosion protection) 5) สภาพของ Clampimg bolt, ทาจาระบี, ความแน่นของน๊อต 150Nm 6) สภาพของ Guide claw และทาจาระบี, ความแน่นของน๊อต 250Nm 7) ระดับทิศทางตั้งฉากของแป้นปะทะกับพื้น (Perpendicular position) 8 การตรวจสอบ/การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.20 แป้นหยุดรถ Buffer Stop Maintenance Every 1 Year (PM)
69 3.13.4งานเชื่อมพอกราง Rail Build up Welding (CM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possession ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้าและ ออกจากพื้นที่ทำงาน 3 การจัดกำลังคน Engineer 1 และ Technician 6-7 คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและอุปกรณ์ (stock and material list ตาม WI) 1) เครื่องปั่นไฟ (Generator) 2) ไฟแสงสว่าง (Light plant) 3) ตู้เชื่อม (Welding machine) 4) ถังแก๊ส (LPG) 5) ถังออกซิเจน (Oxygen) 6) ประแจ (Wrench) 7) เครื่องเจียร์รางขนาดเล็ก (MV03, MP06, hand grinding) 8) ไฟฉาย (Torch) 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) ลวดเชื่อมแบบหุ้มฟลักซ์ 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1 ) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 6.2 ) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่อง ตรวจสอบกระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ (Third rail) 6.4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า (Short circuit device) 6.5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบรางจ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) การซ่อมแซมข้อบกพร่องของรางวิ่งโดยวิธีการเชื่อมพอก เนื้อราง ด้วยกระบวนการเชื่อมไฟฟ้าด้วยลวด เชื่อมหุ้มฟลักซ์ 1) Pre-heating 2) เชื่อมไฟฟ้าด้วยลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ 3) Rough grinding 4) Finalgrinding 5)ตรวจสอบรอยเชื่อมด้วยวิธีการ Ultrasonic testing
70 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามคู่มือการเช ื่ อมพอกราง 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.21 งานเชื่อมพอกราง Rail Build up Welding (CM) 3.13.5 งานเปลี่ยนราง Rail Replacement (CM) ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 1 การขอเข้าพื้นที่ มีการประชุม Track possessionล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง Apostle แจ้ง Line Controller ก่อนเข้า และออกจาก พื้นที่ทำงาน 3 การจัดกลังคน Engineer 1 และ Technician 9-10 คน 4 การจัดเตรียมอะไหล่ วัสดุและอุปกรณ์ (stock and material list ตาม WI) 1) เครื่องปั่นไฟ (Generator) 2) ไฟแสงสว่าง (Light plant) 3) อุปกรณ์ (Thermit welding) 4) ถังแก๊ส (LPG) 5) ถังออกซิเจน (Oxygen) 6 ) ประแจ (wrench) 7) เครื่องเจียร์รางขนาดเล็ก (MV03, MP06, hand grinding) 8) ถัง + น้ำ (Tank of water) 9) ถัง + น้ำมัน (Tank of petrol) 10) แม่แรงยกราง (Lifting jacks) 11) เครื่องขันน๊อตขนาดใหญ่ (Coach screwing machine) 12) เครื่องวัดอุณภูมิ 13) ไฟฉาย (Torch) 14) ประแจทอล์ค (Torque wrench) 15) รางใหม่ UIC60 16) เครื่องมือวัดราง (Measurement device)
71 ลำดับ รายการงาน รายละเอียดการทำงาน 5 การจัดเตรียมเครื่องมือพิเศษ (special tool list ตาม WI) 1) ผงเชื่อม (Thermit portion) 2) Mould 3) ถังเชื่อม (Crucible) 4) Luting Sand 6 กฏความปลอดภัยที่ควรทราบ 6.1) อนุมัติการตัดกระแสไฟฟ้าจากห้องควบคุมกลาง (C.C.R.) 6.2) ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่อง ตรวจสอบ กระแสไฟฟ้า (The voltage tester) 6.3) ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่รางจ่ายไฟ(Third rail) 6.4) ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้า(Short circuit device) 6.5) ป้องกันการทำงานที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่อาจมี กระแสไฟฟ้าด้วยฝาครอบราง จ่ายไฟ, ขั้วป้องกัน, หรือ ป้ายเตือน 7 รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงาน (ตาม work card หรือ WI) ทำการเชื่อมต่อรางด้วยวิธีการ Thermit Welding ที่ ระยะ Gap 25 mm. 1) ตัดรางสำหรับเส้นทางหลัก (Mainline) ต้องมี ระยะไม่ต่ำกว่า 5 เมตร และ 3 เมตร สำหรับในโรงซ่อมบำรุง (Depot) 2) ปรับระดับของรางตรงจุดเชื่อม (Alignment setting) 3) ติดตั้ง Mould และเตรียมผงเชื่อมใส่ถัง 4) เผาจุดเชื่อม Pre-heating ด้วยออกซิเจนและ ก๊าซ LPG 4 นาที 5)จุดประจุไฟในถังเชื่อมน้ำเหล็กไหลลงรอยต่อ 4.5 นาที 6) ถอด Mould และตัดเนื้อเชื่อมส่วนเกินทิ้ง 7) Rough grinding 8) Final grinding และ Post-heating 9) Ultrasonic testing 8 การตรวจสอบ / การทดสอบระบบเพื่อ ความมั่นใจพร้อมใช้งาน (Fit for Operation) ตามคู่มือการตัดเปลี่ยนรางและคู่มือการเชื่อม Thermit 9 การปิดงาน กรอกรายละเอียดลงในใบงานแล้วส่งให้ Maintenance Center ตารางที่ 3.22 งานเปลี่ยนราง Rail Replacement (CM)
72 3.14 แหล่งจ่ายไฟ และอุปกรณ์ต่างๆ 3.14.1 Power Supply Power Supply หรือแหล่งจ่ายไฟ คืออุปกรณ์จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำหน้าที่ แปลงแรงดันไฟฟ้าให้ตรงกับแรงดันไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะการใช้งาน คือ AC Power Supply และ DC Power Supply รูปที่ 3.8 Power Supply 3.14.2 DC Power Supply DC Power Supply (Direct Current Power Supply) แหล่งจ่ายไฟตรงทำหน้าที่แปลง ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating current) จากไฟบ้าน 220V ให้เหลือแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (Direct current) ตามความต้องการในการใช้งาน เช่น 3.3V 5V หรือ 12V เป็นต้น 1) ประเภทของ DC Power Supply - Switching power supply มีการกรองสัญญาณก่อนจ่ายค่า ออกไป สามารถปรับค่าแรงดันโดยการปรับที่หม้อแปลงด้าน primary ข้อดีของพาวเวอร์ซัพพลายชนิดนี้คือมีน้ำหนักเบาเพราะ แกนของหม้อแปลงมีขนาดเล็ก สามารถใช้ได้กับระบบไฟฟ้าทุก แบบ รูปที่ 3.9 Switching power supply
73 - Linear regulated สามารถจ่ายค่าแรงดันตามที่กำหนดได้และมีการ ลดค่าแรงดันอินพุตที่เกินออกเพื่อให้สามารถจ่ายค่าแรงดันเอาต์พุต สูงสุดให้กับโหลด พาวเวอร์ซัพพลายชนิดนี้ไม่สามารถรักษาระดับ แรงดันได้ ทำได้แค่ลดค่าแรงดันที่เกินมาเท่านั้น จึงต้องรักษาระดับของ แรงดันอินพุตให้สูงกว่าเอาต์พุตที่ต้องการอย่างน้อย 1V ถึง 3V มีความ ร้อนระบายออกมาค่อนข้างเยอะ จึงไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ มีขนาดใหญ่ หนัก และราคาแพง รูปที่ 3.10 Linear regulated - Unregulated power supply จ่ายค่าแรงดันไม่คงที่แล ะ มี สัญญาณรบกวนในขณะที่จ่ายไฟกระแสตรง ถ้าค่าแรงดันอินพุตที่เข้า มาไม่คงที่ ค่าแรงดันเอาท์พุตที่จ่ายออกไปจะไม่คงที่เช่นกัน แต่พาว เวอร์ซัพพลายชนิดนี้ก็ยังมีข้อดีคือ ราคาถูกและใช้งานง่าย รูปที่ 3.11 Unregulated power supply - Ripple regulated power supply มีทรานซิสเตอร์ ทำงานในโหมด on/off ทำหน้าที่ส่งผ่านกำลังไฟตรงไปยังตัว เก็บประจุขนาดใหญ่เพื่อรักษาระดับแรงดันเอาต์พุตให้อยู่ ในช่วงที่กำหนด มีความร้อนระบายออกมาเล็กน้อย ทำให้ ปลอดภัยในการใช้งาน รูปที่ 3.12 Ripple regulated power supply 2) ส่วนประกอบของ DC Power Supply ▪ ฟิวส์ (Fuse) ป้องกันวงจรพาวเวอร์ซัพพลายทั้งหมดจาก กระแสไฟแรงสูง • วงจรกรองแรงดัน (Filter Circuit)กรองแรงดันไฟที่เข้า มา เพื่อป้องกันไฟกระชากไม่ให้วงจรเกิดความเสียหาย • ภาคเรคติไฟเออร์ (Rectifier) แปลงไฟกระแสสลับให้เป็น ไฟกระแสตรง ซึ่งประกอบไปด้วย ▪ ตัวเก็บประจุ (Capacitor) ปรับแรงดันไฟกระแสตรงที่ ออกมาจากภาคเรคติไฟเออร์ให้เป็นไฟกระแสตรงที่เรียบจริงๆ รูปที่ 3.13 ส่วนประกอบของ DC Power Supply
74 • ไดโอดบริดจ์เรคติไฟเออร์ (Bridge Rectifier) อาจใช้เป็นไอซีหรือไดโอด 4 ตัวต่อกัน • วงจรควบคุม (Control Circuit) ควบคุมวงจรสวิตชิ่ง โดยตรวจสอบว่าจะจ่ายแรงดันทั้งหมดให้กับ ระบบหรือไม่ และสั่งการให้วงจรสวิตชิ่งทำงานต่อไป • วงจรสวิตชิ่ง (Switching Circuit) ทำงานร่วมกับวงจรควบคุม โดยถ้าวงจรควบคุมส่งสัญญาณมา ว่าให้ทำงาน ก็จะเริ่มจ่ายแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากภาคเรคติไฟเออร์ไปให้กับหม้อแปลงต่อไป • หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) แปลงแรงดันไฟกระแสตรงสูงให้มีระดับแรงดันลดต่ำลง • วงจรควบคุมแรงดัน (Voltage Control Circuit) กำหนดค่าของแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้รับ มาจากหม้อแปลงไฟฟ้า ให้ได้แรงดันที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เช่น ขนาด 3.3V 5V และ 12V เป็น ต้น 3) ประเภทของ AC Power Supply รูปที่ 3.14 ประเภทของ AC Power Supply • แบบเอาท์พุทเฟสเดียว (Single-phase output AC Frequency Conversion Power Supply) • แบบเอาท์พุท 3 เฟส (Three-phase output AC Frequency Conversion Power Supply) • แบบเอาท์พุทเลือก 1 หรือ 3 เฟสได้ (Multi-mode 1 or 3 phase output AC Frequency Conversion Power Supply)
75 3.14.3 Power Supply Overview รูปที่ 3.15 Power Supply Overview - โครงการจะรับไฟฟ้าแรงสูงจากการไฟฟ้านครหลวง อาจจะ 69kVAC หรือ 115kVAC แล้วแต่พื้นที่ เข้ามายังสถานีไฟฟ้าย่อยประธาน หรือ Bulk Substation ซึ่งที่นี่จะประกอบด้วย อุปกรณ์เช่น - GIS : Gas Insulated Switchgear ทำหน้าที่ตัดต่อไฟระดับ69 หรือ 115kVAC - Power Transformer ทำหน้าที่ลดระดับแรงดันไฟฟ้าเหลือ 24kVAC - Medium Voltage Distribution Panel (24kVAC) ซึ่งจะแบ่งจ่ายไปยัง TSS loop, SSS loop, Depot เป็น ต้น 3.14.4 ส่วนของ SSS - ไฟฟ้าระดับแรงดัน 24kVAC จะเข้ามายัง RMU (Ring Main Unit) เพื่อตัดต่อไฟฟ้าลงมายังหม้อแปลง และส่งต่อไปยังสถานีต่อๆไป - หม้อแปลงเป็นแบบชนิด Dry type จะแปลงแรงดันจาก 24kVAC ลงมาเป็น 400/230 VAC เพื่อจ่ายไปยัง Load ในสถานีเช่น ลิฟท์ บันไดเลื่อน เครื่องขายตั๋ว ระบบแสงสว่าง เป็นต้น - Low Voltage Distribution Panel มีหน้าที่ตัดต่อไฟระดับแรงต่ำก่อนส่งไปยังโหลดระบบต่างๆ หากเกิดปัญหาที่สายส่งระดับ 24kV หรือหม้อแปลงเสียหายจนจนตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำตู้ใดตู้หนึ่งไม่สามารถจ่ายไฟ ได้ ก็จะมี Tie Breaker เพื่อรับไฟระหว่างตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำเพื่อให้ระบบไฟฟ้าสถานีทำงานได้อย่างต่อเนื่อง จะ เห็นว่าแต่ละสถานีจะมี SSS สองแหล่ง
76 3.14.5 ส่วนของ TSS - ไฟฟ้าระดับแรงดัน 24kVAC จะเข้ามายัง RMU: Ring Main Unit เพื่อตัดต่อไฟฟ้าลงมายังหม้อแปลง และส่งต่อไปยังสถานีต่อๆไป - หม้อแปลงเป็นแบบชนิด Dry type จะแปลงแรงดันจาก 24kVAC ลงมาประมาณ 600 VAC - Rectifier set ทำหน้าที่แปลงไฟ กระแสสลับเป็นไฟตรง AC to DC และตรงนี้เราจะได้ไฟ 750 VDC ที่ จะจ่ายให้รถไฟแล้ว - จากนั้นไฟบวก 750 VDC จะถูกส่งเขามายังตู้ DC Switchgear เพื่อทำหน้าที่ตัดต่อไฟบวก 750 VDC ที่ จะจ่ายเข้ารางที่สาม - ไฟลบจะถูกลากจาก Rectifier set ต่อเข้ารางวิ่งเพื่อให้ระบบไฟมาครบวงจรที่นี่ รางที่สามรับไฟแบบ ลักษณะ Bottom contact SSS จะถูกติดตั้งไว้ทุกสถานี ส่วน TSS จะมีบางสถานี รูปที่ 3.16 ส่วนของ TSS • BSS โครงการจะรับไฟฟ้าแรงสูงจากการไฟฟ้านครหลวง อาจจะ 69kVAC หรือ 115kVAC แล้วแต่พื้นที่ เข้า มายังสถานีไฟฟ้าย่อยประธาน หรือ Bulk Substation ซึ่งที่นี่จะประกอบด้วย อุปกรณ์เช่น - GIS : Gas Insulated Switchgear ทำหน้าที่ตัดต่อไฟระดับ69 หรือ 115kVAC - Power Transformer ทำหน้าที่ลดระดับแรงดันไฟฟ้าเหลือ 24kVAC -Medium Voltage Distribution Panel (24kVAC) ซึ่งจะแบ่งจ่ายไปยัง TSS loop, SSS loop, Depot เป็นต้น
77 • SSS - ไฟฟ้าระดับแรงดัน 24kVAC จาก BSS จะเข้ามายัง RMU : Ring Main Unit เพื่อตัดต่อไฟฟ้าลงมายัง หม้อแปลง และส่งต่อไปยังสถานีต่อๆไป - หม้อแปลงเป็นแบบชนิด Dry type จะแปลงแรงดันจาก 24kVAC ลงมาเป็น 400/230 VAC - Low Voltage Distribution Panel มีหน้าที่ตัดต่อไฟระดับแรงต่ำก่อนส่งไปยังโหลดระบบต่างๆ ใน สถานีเช่น ลิฟท์ บันไดเลื่อน เครื่องขายตั๋ว ระบบแสงสว่าง เป็นต้น จะเห็นว่าแต่ละสถานีจะมี SSS สองที่ต่อ สถานี • TSS ด้านการทำงานการรับไฟฟ้า แทบจะบอกได้ว่าถอดแบบมาจากระบบจ่ายไฟฟ้าของรถไฟฟ้า BTS MRT ซึ่งประกอบด้วย - ของชุดหม้อแปลงไฟฟ้าขับเคลื่อน Traction transformer - แปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรง Rectifier - ชุดเบรกเกอร์สำหรับตัดต่อไฟลงรางจ่ายไฟ DC Switchgear - และประกอบด้วยอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Protection relay เพื่อป้องกันกระแสเกิน short circuitเป็นต้น - ไฟฟ้าระดับแรงดัน 24kVAC จะเข้ามายัง RMU : Ring Main Unit เพื่อตัดต่อไฟฟ้าลงมายังหม้อ แปลง และส่งต่อไปยังสถานีต่อๆไป - หม้อแปลงเป็นแบบชนิด Dry type จะแปลงแรงดันจาก 24kVAC ลงมาประมาณ 600 VAC - Rectifier set ทำหน้าที่แปลงไฟ กระแสสลับเป็นไฟตรง AC to DC และตรงนี้เราจะได้ไฟ 750 VDC ที่จะจ่ายให้รถไฟ - จากนั้นไฟบวก 750 VDC จะถูกส่งเขามายังตู้DC Switchgear เพื่อทำหน้าที่ตัดต่อไฟบวก 750 VDC ที่จะจ่ายเข้ารางที่สาม - ไฟลบจะถูกลากจาก Rectifier set ต่อเข้ารางวิ่งเพื่อให้ระบบไฟมาครบวงจร • Monorail การรับไฟจะอยู่ข้างๆ ดังภาพ จะรับไฟจาก Conductor Rail เข้าไปขับชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนแต่ตรงนี้ จะเป็นล้อยาง Driving Wheel และจะมีGuide Wheels เพื่อประคองตัวรถให้วิ่งไปตาม Guide Beam ซึ่ง ด้านไฟฟ้าจะไหลกลับไปครบวงจรที่ Traction substation โดย return rail อีกข้างหนึ่ง
78 3.14.6 DC Traction Power Supply รูปที่ 3.17 DC Traction Power Supply ระบบไฟฟ้าของรถไฟฟ้าในกรุงเทพ สายสีเขียวจะเป็นระบบไฟฟ้ากระแสตรง DC 750 V. จ่ายผ่าน รางรถไฟไปยังตัวรถไฟฟ้า >> การทำงานของระบบจะเริ่มต้นรับไฟ 24 kV จากการไฟฟ้านครหลวง ผ่านหม้อแปลง Traction Transformer 2x1275 kVA แปลงแรงดันเป็นกระแสสลับ 585 VAC แล้วผ่านไปยังชุด Rectifier 12 Pulse เพื่อแปลงไฟเป็นDC 750 V. ไปจ่ายให้รถไฟฟ้า >> โดยจ่ายไฟเส้นบวกไปยังรางที่สามเพื่อจ่ายไฟให้รถไฟฟ้า แล้ววิ่งกลับเส้นลบ ที่รางรถไฟต่อสายกลับ เข้ามาผ่าน Negative Return Busbar Connection เพื่อกลับสู่ระบบ โดยมีอุปกรณ์ short Circuit device ทำหน้าที่จับแรงดันของ Running Rail ซึ่งหามีค่าสูงกว่าที่ตั้งไว้ก็จะตัดวงจรลงดิน เพื่อแก้ปัญหาของ stray current corrosion 3.15 งานบำรุงรักษาบริภัณฑ์ไฟฟ้าของระบบรถไฟฟ้า กิจกรรมการบำรุงรักษาอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าเป็นข้อมูลจาก บริษัทผู้ผลิต (Original Equipment Manufacturer, OEM) ผู้ใช้งานต้องบำรุงรักษาตามคำแนะนำเพื่อให้อุปกรณ์เกิดความน่าเชื่อถือ ตามที่ผู้ผลิต ได้ออกแบบไว้ กรณีที่อุปกรณ์ถูกออกแบบ ผลิต และติดตั้งเพื่อใช้งานแต่ไม่ระบุกิจกรรมบำรุงรักษาไวผู้ใช้งาน สามารถเลือกใช้งานบำรุงรักษาตามมาตรฐานได้
79 อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับระบบรถไฟฟ้า ความถี่การบำรุงรักษา (เดือน) PM, GIS 69 kV Switchgear 1 PM, Power Transformer 1, 12 PM, MCB for Charger 3 PM, 24kV Switchgear 12 PM, Traction Substation 12 PM, Service Substation 12 PM, Short Circuit Device 12 PM, Trackside Switch 12 PM, Test run Diesel Generator 0.5 PM, Neural Grounding Resistor, NGR 12 PM, Diesel Generator Set 6, 12, 36 PM, Emergency Trip Switch, ETS 12 PM, MDB, MCCB for UPS 3 PM, Measure track to earth resistance 12 PM, Filter Plant 6 PM, SMS System 0.25, 1, 12 PM, Power Supply for Stinger System 6 PM, UPS & Batt 3, 6, 12, 36 PM, DC Charger & Battery 1, 3, 6, 12, 36 PM, Step-up Transformer & Switchgear of GEN 12 PM, Protection Relays 24 PM, Discharge UPS batteries Y3 ตารางที่ 3.23 ความถี่การบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าสาหรับระบบรถไฟฟ้า เมื่อนำบริภัณฑ์ไฟฟ้ามาติดตั้งใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้ผลิตแนะนำ จะทำให้ อุปกรณ์เหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือที่เปลี่ยนไป ดั่งนั้นเพื่อคงสภาพให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีความน่าเชื่อถือ กิจกรรมการบำรุงรักษาต้องได้รับการพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกบสภาพที่ใช้งานจริง สภาพการใช้งานบริภัณฑ์ไฟฟ้าตามมาตรฐาน มี 3 ลักษณะคือติดตั้งใช้งานภายนอกอาคารปราศจาก สิ่งป้องกันมลภาวะที่มาจากสิ่งแวดล้อม (Poor Condition ) ติดตั้งใช้งานภายในอาคารที่มีการระบายอากาศ โดยพึ่งพาการหมุนเวียนอากาศตามธรรมชาติ (Average Condition) และติดตั้งใช้งานภายในอาคารที่มีระบบ ควบคุมสภาพแวดล้อมทั้งอุณหภูมิและความชื้น (Good Condition) เพื่อให้การใช้งานบริภัณฑ์ไฟฟ้าให้เกิด ความน่าเชื่อถือสูงสุดสามารถปรับปรุงความถี่ในการบำรุงรักษาโดยใช้ตัวคูณตามตารางไขว้ตัวคูณความถี่งาน บำรุงรักษาบริภัณฑ์ระบบไฟฟ้า
80 EQUIPMENT RELIABILITY REQUIREMENT EQUIPMENT CONDITION POOR AVERAGE GOOD LOW 1.0 2.0 2.5 MEDIUM 0.50 1.0 1.5 HIGH 0.50 1.0 1.5 0.25 0.50 0.75 ตารางที่ 3.24 ไขว้ตัวคูณความถี่งานบำรุงรักษาบริภัณฑ์ระบบไฟฟ้า 3.16 ระบบไฟฟ้าสำาหรับการเดินรถในสภาวะฉุกเฉิน ระบบไฟฟ้าสำาหรับการเดินรถในสภาวะฉุกเฉิน สถานการณ์ที่เป็นสภาวะฉุกเฉินของระบบไฟฟ้า สำหรับการเดินรถ สามารถกำหนดการบริหาร สถานการณ์ได้ด้งนี้ 1) กรณีที่ Traction Substation ชุดหนึ่งเกิดขัดข้องไม่สามารถจ่ายกระไฟฟ้าได้Traction Substation ตัวที่อยู่ถัดออกไปจะทำการจ่ายไฟฟ้าให้กับ Conductor Rail ในส่วนที่เกิดปัญหาทันทีแทน ซึ่งทำ ให้Conductor Rail ยังคงมีไฟฟ้าป้อนให้กับขบวนรถไฟฟ้าอยู่ตลอด แต่ต้องทำการลดระดับความเร็วการเดิน รถ ลงประมาณครึ่งงหนึ่งของความเร็วปกติเพื่อไม่ให้Traction Transformer รับภาระ Load มากเกินไป 2) กรณีที่ไฟฟ้าแหล่งจ่ายแรงสูงของการไฟฟ้าดับลงทั้งหมด ทำให้ไม่มีระบบไฟฟ้า 24kVac สำหรับ ป้อนให้กับ Traction Substation ต่างๆ ไม่มีไฟฟ้ากระแสตรงไปจ่ายให้กับขบวนรถไฟฟ้าตลอด เส้นทางกรณีนี้ มีโอกาสเกิดน้อยมาก ซึ่งในขบวนรถไฟฟ้านั้น เมื่อรับไฟฟ้า 750V dc แล้วจะแปลงเป็นไฟฟ้า กระแสสลับด้วย Inverter จ่ายไฟฟ้าให้มอเตอร์ขับเคลื่อน นอกจากนี้ยังจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบอื่นๆ ในขบวน รถไฟฟ้าด้วย อาทิ เช่นเครื่องปรับอากาศ หลอดไฟแสงสว่าง ระบบสื่อสารการเปิด-ปิดประตู เป็นต้น โดยมีการติดตั้ง Battery สำรองสำหรับจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบที่สำคัญๆ ในสภาวะฉุกเฉิน เช่นหลอดไฟ ห้องคนขับ ระบบควบคุม และป้องกันขบวนรถ ระบบระบายอากาศฉุกเฉิน ระบบสื่อสาร และการเปิดประตู รถไฟฟ้า ในรถไฟฟ้ารุ่นแรกๆ Battery สำรองนี้จะไม่จ่ายไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อน 750Vdc ดับลง ขบวนรถไฟฟ้ายังสามารถเคลื่อนต่อไปได้ด้วยแรงเฉื่อยสักพักหนึ่งและหยุดลง และ เมื่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองส่วนกลางทำงานสามารถส่งกระแสไฟฟ้าภายใน 30 วินาทีผู้ควบคุม เส้นทางก็จะ สั่งการให้ทำการเดินรถในแต่ละจุดไปส่งผู้โดยสารในสถานีที่ใกล้ที่สุดต่อไป และถ้าไม่มีกระแสไฟฟ้าจากเครื่อง กำเนิดไฟฟ้าอีก พนักงานขับจะนำผู้โดยสารออกจากขบวนรถไปยังสถานีหรือ ทางออกที่ใกล้ที่สุดหลังจากได้รับ อนุมัติจากผู้ควบคุมส่วนกลางแล้ว นอกจากนี้ในส่วนประตูกั้นชานชาลาที่ สถานีรถไฟฟ้านั้นกำหนดการ ออกแบบให้มีประตู Emergency ที่สามารถเปิดจากด้านนอกด้วยมือได้(Manual) ในสภาวะที่ไฟฟ้าหลักของ สถานีดับลงทั้งหมด
81 รูปที่ 3.18 ระบบไฟฟ้าสำาหรับการเดินรถในสภาวะฉุกเฉิน 3.17 MTTR และ MDT ของบริภัณฑ์ไฟฟ้า ข้อมูลจำาเพาะ MTTR ของบริภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้ในระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำหรับระบบรถไฟฟ้า เนื่องจากระบบรถไฟฟ้ามีลักษณะโครงสร้างเป็นแนวยาวตามเส้นทางให้บริการ จุดประจำการของหน่วย ซ่อม บำรุงจะอยู่ส่วนกลาง ดังนั้น เวลาที่ใช้สำหรับแก้ไขอุปกรณ์เมื่อเกิดความล้มเหลวขึ้นจำเป็นต้องบวก ระยะเวลา เดินทางระหว่างศนย์ประจำการไปยังที่ตั้งของอุปกรณ์
82 ตารางที่3.25 MTTR และ MDT ของบริภัณฑ์ไฟฟ้า
83 3.18 การเปรียบเทียบระบบ 1x25kV, 1x25 kV with Booster Transformer และ 2x25kV Auto Transformer แม้ว่าระบบ 1x25kV จะมีการใช้งานได้ดีสำหรับรถไฟทางไกลมานานแล้ว แต่ระบบ 2x25kV ที่ใช้งาน ร่วมกัน กับ Auto Transformers กลายเป็นระบบที่ทันสมัยและกลายเป็นมาตรฐานระบบจ่ายไฟฟ้าขับเคลื่อน แบบ เหนือศีรษะ OCS จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ได้ผลดีเยี่ยมกับรถไฟฟ้าที่มีความเร็วสูง ในรูปแบบ การ จ่ายไฟฟ้าแบบ 2x25kV with Auto Transformers ทำให้แรงดันระหว่างสายสัมผัส และราง ยังคงมีความ ต่างศักย์ของแรงดันอยู่ที่ 25KV และมีสายไฟนำกระแสไหลกลับ ที่ความต่างศักย์ของแรงดัน -25kV สามารถ ยังคงรักษาระดับแรงดันไม่ลดลงเนื่องจากระยะทาง ทำให้สามารถยืดระยะทางที่อยู่ระหว่างสถานีไฟฟ้า ตอน ออกไปได้ไกลมาก ม แม้ว่าด้วยรูปแบบของระบบนี้ ทำให้ต้องการอุปกรณ์ประกอบมากขึ้นเมื่อ เทียบกับระบบ เดิม แต่ก็ทำให้ลดจำนวนสถานีไฟฟ้าขับเคลื่อนลงได้พอสมควร ซึ่งหมายถึงการลดจุดต่อ เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค ลดภาระการก่อสร้างสถานีรับไฟฟ้าจากการไฟฟ้ารวมถึงที่ดินที่ต้องใช้ได้ อย่างมีนัยสำคัญ ระบบ 2x25kV จะมีแรงดันตกคร่อมระหว่างสายไฟเหนือหัวกับราง เป็น 25KV และระหว่างรางกับสาย NE ก็เท่ากับ 25kV รวมแรงดันตกคร่อมระหว่างสาย กับสายไฟนำกระแสไหลกลับ เป็น 50 KV กำลังไฟฟ้าจะ ถูก ส่งผ่านระหว่างสถานีไฟฟ้าขับเคลื่อนและหม้อแปลง Auto Transformers จะมีกระแสไหลในรางรถไฟน้อย เนื่องจากความแตกต่างขององศา หรือต่างเฟส) ของแรงดันไฟฟ้าเกือบเป็นตรงกันข้ามกันที่ 180 องศา โดย กระแสส่วนมากจะไหลอยู่ในงสายไฟเหนือหัวกับสายไฟนำกระแสไหลกลับ โดยข้อได้เปรียบประการสำคัญ ของ ระบบนี้คือเรื่องการรบกวนทางสนามแม่เหล็ก Electromagnetic Interference (EMI) ที่ส่งออกมา เนื่องจาก ภาระกระแสไฟฟ้าในสายไฟเหนือหัวและรางรถไฟมีปริมาณลดลง โดยหม้อแปลง Auto Transformers ทำ หน้าที่รักษาสมดุลย์ของกระแสที่ไหลในสองส่วนของขอลวดของหม้อแปลง โดยการ รบกวนทางสนามแม่เหล็ก สำหรับระบบนี้จะถูกจำกัดวงอยู่ที่ด้านบนของเสา เป็นบริเวณติดตั้งสายไฟเหนือหัวกับสายไฟนำกระแสไหล กลับ เท่านั้น ทำให้ลดการรบกวนระบบต่างๆ ที่อยู่ตลอดแนวเส้นทางทั้งด้านล่าง และด้านข้างลดลงมาก ดังรูป ที่ 3.19 รูปที่ 3.19 แสดงผลกระทบ Electromagnetic Interference (EMI) กับระบบจ่ายไฟทั้ง 2 ชนิด
84 3.19 รูปแบบการขึงสายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OCS) การจ่ายไฟฟ้า และระบบจ่ายไฟฟ้า ต้องมาดูอีกส่วนหนึ่งซึ่งคนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่เป็นส่วนสำคัญ ในการจะบอกว่าจะวิ่งได้เร็วแค่ไหนคือการขึงสาย OCS เนื่องจาก สาย OCS สามารถขึงได้หลายรูปแบบ โดยที่แต่ละรูปแบบจะมีความแตกต่างกัน ทางด้านการ ยอมรับในการขยับตัวของสาย การติดตั้งและซ่อมบำรุง ความซับซ้อนของระบบขึง และที่สำคัญที่สุดคือ ความเร็วสูงสุดที่รองรับได้ จะแบ่งเป็น 4 รูปแบบหลัก คือ 1. Trolley-contact line stitch suspension and droppers ซึ่งเป็นแบบง่ายที่สุด โดยการแค่มีจุดยึดเป็นช่วงๆ ไม่มี Suport line คอยพยุงไม่ให้ตกท้องช้าง ซึ่งรูปแบบนี้จะใช้ในระบบเก่าๆ และไม่ใช้ความเร็วสูง เช่น รถรางส่วนใหญ่ และรถเมล์ไฟฟ้า (Trolley bus) 2. Simple contact line with Catenary: with droppers ซึ่งแบบนี้จะเป็นการขึงสายที่เห็นได้ทั่วไป สำหรับรถไฟที่ใช้ความเร็วไม่สูงมาก ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ ย่อยคือ With droppers at the support และ With offset support droppers 3. Contact line with Catenary: Stitch suspension 4. Contact lines with auxiliary catenary wire: Compound contact line ซึ่งถ้าดูจากรูปแบบสุดท้าย เป็นการขึงซึ่งซับซ้อน และลดการขยับหรือหย่อนของสายได้มาก เพื่อ การจ่ายไฟฟ้าที่เสถียร และรองรับความเร็วสูง โดยระบบรถไฟฟ้าสายสีแดงใช้แบบที่ 2 Simple contact line with Catenary: with droppers (b) With offset support droppers ส่วนระบบ Booster Transformer โดยพื้นฐานระบบสายส่งจะใช้รูปแบบเดียวกับ 1x25kV แต่มี การคิดค้น ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic interference :EMI) ที่บริเวณรางรถไฟเพราะเป็นการช่วยให้กระแสส่วนใหญ่ไหลผ่านกลับขึ้นไปด้านบนของ สาย return traction. แต่เนื่องจากการพิจารณามูลค่าการลงทุนของแหล่งจ่ายไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูงและค่าการ สูญเสียของพลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับประโยชน์จากการลดการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วพบว่าไม่มีความ เหมาะสม ทั้งทางด้านวิศวกรรมและการลงทุนในโครงการนี้ ดังนั้นจากรายละเอียดการวิเคราะห์และศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม “ระบบไฟฟ้าฯ” ดังที่กล่าว มาแล้วข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า “ระบบไฟฟ้าฯ” ที่เหมาะสมสำหรับโครงการฯ คือระบบไฟฟ้า กระแสสลับ (AC) และใช้แรงดันที่ 2×25kV AC, 50Hz เป็นรูปแบบการจ่ายไฟฟ้าแบบเหนือศรีษะที่เหมาะสม ที่สุด
85 3.20 รูปแบบระบบสายไฟฟ้าเหนือศีรษะ สำหรับระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะ (Overhead contact line System) มีทั้งแบบที่เป็น Single trolley และระบบ Overhead Catenary ซึ่งขึ้นกับรูปแบบ พื้นที่ในการติดตั้งสายไฟฟ้า โดยจะเห็นว่าเมื่อมาเป็น รถไฟฟ้าชานเมือง เช่น โครงการ Airport Rail Link หรือโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง กำหนดให้ใช้ ระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะชนิด Overhead Catenary System (OCS) ระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือศีรษะมีหลาย รูปแบบ แบ่งตามลักษณะการติดตั้งและการใช้งานดังต่อไปนี้ 3.20.1 Trolley-contact line stitch suspension and droppers รูปที่ 3.20 Trolley-contact line stitch suspension and droppers 3.20.2 Simple contact line with Catenary: with droppers ระบบนี้มีแบ่งย่อยได้เป็นสองชนิด คือ With droppers at the support และ With offset support droppers (a) มีการติดตั้ง droppers ที่บริเวณจุดรองรับสายไฟ (With droppers at the support) รูปที่ 3.21 มีการติดตั้ง droppers ที่บริเวณจุดรองรับสายไฟ
86 (b) มีการติดตั้ง droppers เว้นระยะที่จุดรองรับสายไฟ (With offset support droppers) รูปที่ 3.22 มีการติดตั้ง droppers เว้นระยะที่จุดรองรับสายไฟ 3.20.3 Contact line with Catenry: Stitch suspension รูปที่3.23 Contact line with Catenary: Stitch suspension 3.20.4 Contact line with auxiliary catenary wire: Compound contact line รูปที่3.24 Contact line with auxiliary catenary wire: Compound contact line รูปแบบระบบสายไฟฟ้าเหนือศรีษะแต่ละแบบมีความเหมาะสมทั้งทางด้านกายภาพและ เทคนิคที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้ที่จะทำการติดตั้งและการออกแบบ
87 ตารางที่3.26 แสดงข้อดี-ข้อด้วย ของการติดตั้งสายไฟฟ้าเหนือหัวรูปแบบต่างๆ 3.21 ระบบการขับเคลื่อนของรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) 3.21.1 มอเตอร์ที่ใช้ในรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในขบวนรถไฟฟ้า BTS เป็นชนิดอินดักชั่นมอเตอร์ แบบกรงกระรอก 3 เฟส ใน 1 ขบวน จะใช้มอเตอร์จํานวน 8 ลูกโดยมีพิกัดทางไฟฟ้า ดังนี้ Name Plate มอเตอร์ที่ใช้ในรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) Specifications List Data Unit Nominal voltage 554 Volt Nominal Current 284 Amp Nominal Power 230 kW. Nominal Speed 1,900 rpm Displacement Power Factor 0.91 - Nominal Frequency 64.4 Hz Thermal Class 200 íC Nominal Insulation Voltage 1,500 Volt Maximum Voltage 721 Volt Maximum Current 440 Amp Maximum Speed 3,467 rpm. Circuit Star (Y) - Supply Conductor 70 mm2 Per Phase Specifications IEC 349 – 3 / 93 - ตารางที่3.27 Name Plate มอเตอร์ที่ใช้ในรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS)