1
บทท่ี 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา
“การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่งของมนุษย์ คนเราเมื่อเกิดมาก็ได้รับการสั่งสอนจาก
บิดามารดา อันเป็นความรู้เบื้องต้น เมื่อเจริญเติบใหญ่ขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของครูและอาจารย์สั่งสอนให้
ได้รับวิชาความรู้สูง และอบรมจิตใจให้พร้อมดว้ ยคุณธรรม เพื่อจะได้เป็นพลเมอื งทีด่ ีของชาตสิ บื ไป ”
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร
, 2505) ประเทศไทยได้ให้ความสำคญั ด้านการศึกษาในฐานะกลไกหลักในการพฒั นาประเทศ มาโดย
ตลอด และเนื่องจากแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับเดมิ ได้สิ้นสุดลง กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนกั งาน
เลขาธิการสภาการศกึ ษาจึงได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ ฉบบั นี้ขึ้น เพอ่ื วาง
กรอบเป้าหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ โดยมุ่งจัดการศึกษา ให้คนไทยทุกคน
สามารถเข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบ การบริหารจัด
การศึกษาที่มีประสิทธภิ าพ พฒั นากำลงั คนให้มสี มรรถนะในการทำงานท่ีสอดคล้อง กับความต้องการ
ของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ วิสัยทัศน์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ (Vision) คนไทยทุกคน
ได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิต อย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลง ของโลกศตวรรษที่ ๒๑ (สำนักงานเลขาธิการ
สภาการศกึ ษา , 2560)
สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เป็นผลสืบเนื่องมาจากความเจริญก้าวหนา
ของวิทยาการต่าง ๆ สังคมปัจจุบันจึงเป็นสังคมที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเป็นสังคมของ
ข้อมูลข่าวสารหรือสังคมสารสนเทศมากขึ้น ระบบการศึกษาปัจจุบันช่วยพัฒนามนุษย์ให้เป็นผู้ที่มี
ความรูความสามารถ รูจักติดตามข้อมูล ข่าวสาร วิทยาการใหม่ ๆ รูเท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหลากหลาย รูจักคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ ให้เหตุผล และแกปัญหาไดอย่าง
สร้างสรรค์ มีความสามารถและทักษะในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ซึ่งสอดคลองกับยุคศตวรรษ
ที่ 21 คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวติ จะมีเพียงความรู้อย่างเดยี วคงจะไมเพียงพอ แต่ต้องมีทักษะ
ในการแกปญั หาและคิดริเร่ิมสร้างสรรค์หาสงิ่ ท่ีแปลกใหม่ควบคูกัน ดังนนั้ การจดั การศึกษาซ่ึงถือเป็น
การเตรียมพรอมในการสร้างคนให้มีศักยภาพ จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุง พัฒนารูปแบบการเรียน
การสอนให้เหมาะสม เพื่อส่งเสริมนักเรยี นให้มีศักยภาพ ซึ่งการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์
2
ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยในการพัฒนาทักษะการคิด และศักยภาพของนักเรียนให้สูงข้ึน
(อนุรักษ์ เร่งรดั , 2557 : 1)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545) ซึ่ง
ถือเป็นกฎหมายแม่บททางการศึกษาฉบับแรกของประเทศไทยได้กําหนดสาระของการปฏิรูป
การศึกษาทั้งระบบ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิรูปการเรียนรู้ของคนไทย โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ยึด
ผู้เรียนเป็นสาํ คัญ จึงสร้างหลักสตู รสถานศึกษาโดยให้เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญไดร้ ะบุแนวทางการปฏิรปู
ระบบการศึกษา การปฏริ ปู การเรียนรู้ และการปฏริ ปู การเรียนการสอน โดยบญั ญตั ไิ ว้ในหมวด 4 แนว
การจดั การศึกษา มาตรา 22 ได้กล่าวถงึ การจัดการศกึ ษา ตอ้ งยดึ หลกั ว่าผู้เรียนทกุ คนมี ความสามารถ
เรียนรู้ พัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
(คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545 : 17) ที่ยึดหลักว่าทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และ
พัฒนาตนเองได้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด การถ่ายทอดความรู้จากผู้สอนสู่ผู้เรียนหรือ
ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ และในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความรู้จะเป็ นสิ่งไร้พรมแดน โดย
เทคโนโลยีการศึกษาจะมีบทบาทมาก ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทําได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยี
เพื่อการศึกษาในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยบัญญัติไว้ในหมวด 9
(คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545 : 52)
สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตรม์ ีบทบาทสำคัญย่ิงต่อความสำเรจ็ ในการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑
เน่อื งจากคณติ ศาสตรช์ ่วยใหม้ นษุ ย์มคี วามคิดริเรมิ่ สร้างสรรค์ คิดอยา่ งมเี หตุผล เปน็ ระบบ มีแบบแผน
สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน
ตัดสินใจ แก้ปัญหา ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ
อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้
ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่
เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัฒน์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ ฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดยคำนึงถึงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ใน
ศตวรรษที่ ๒๑ เป็นสำคัญ นั่นคือ การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมี
วิจารณญาณ การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่าง
ปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และ
สภาพแวดล้อม สามารถแข่งขันและอยู่ร่วมกับประชาคมโลกได้ ทั้งนี้การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ท่ี
3
ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องเตรียมผูเ้ รียนให้มีความพร้อมท่ีจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ พร้อมที่จะประกอบ
อาชพี เม่อื จบการศึกษา หรือสามารถศึกษาตอ่ ในระดับที่สงู ขึ้น ดังนัน้ สถานศกึ ษาควรจดั การเรียนรู้ให้
เหมาะสมตามศกั ยภาพของผ้เู รียน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 10)
จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ประจำปีการศึกษา 2557 ในวิชาคณิตศาสตร์มคี ะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 38.06 ปกี ารศกึ ษา 2558
คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 43.47 ปีการศึกษา 2559 คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 40.47 ปี
การศึกษา 2560 คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 37.12 และปีการศึกษา 2560 คะแนนเฉลี่ย
ระดับประเทศ 37.50 (สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ, 2557 - 2560) ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างเป็นนามธรรม นักเรียนเข้าใจยาก ส่งผลให้นักเรียนมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และสาเหตุหนึ่งเกิดจากครูผู้สอน อาทิเช่น ครูไม่มีสื่อในการสอน ขาด
ประสบการณ์ และไม่มีเทคนิคการสอนใหม่ ๆ ครูยังคงใช้วิธีสอนแบบเดิม ๆ โดยเน้นการสอนแบบ
บรรยาย อธิบายบนกระดานดำ และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นเนื้อหามากกว่ากระบวนการ
ส่งผลให้นักเรียนไม่มีโอกาสได้ร่วมรู้ร่วมคิด แก้ปัญหาที่กำลังเรียน การที่ครูใช้วิธีการดังกล่าวเป็น
ประจำย่อมทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย และไม่สนใจบทเรียน นักเรียนจึงไม่เกิดการเรียนรู้และ
มโนมติในเรือ่ งที่เรียนและไมส่ ามารถนำกฎเกณฑ์ตา่ ง ๆ ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง จากสาเหตุข้างต้นแสดง
ให้เหน็ วา่ การเรยี น การสอนคณติ ศาสตร์ยังไม่บรรลเุ ป้าหมาย ผู้วจิ ยั พบวา่ นักเรยี นได้ประสบปัญหาใน
การเรียนคณิตศาสตร์หลายเรื่อง และปัญหาที่พบมากเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถ
ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และเนื่องจากปัญหาทางคณิตศาสตร์ ถือว่าเป็นเสมือนสถานการณ์
จำลองที่สร้างขึ้นมาจากปัญหาท่ีสามารถพบได้ในชวี ิตประจำวันและถือว่าเป็นสิ่งสำคัญท่ีควรจะไดร้ บั
การพัฒนาให้นักเรียนได้ฝึกคิด ฝึกทดลอง แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะการฝึกแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ต่าง ๆ ย่อมมีส่วนในการช่วยส่งเสริมลำดับการคิด กระบวนการคิด และกระบวนการ
ทำงานของนักเรียน อันจะช่วยให้นักเรียนสามารถนำความรู้ และกระบวนการเรียนรู้ที่ได้นี้ไปใช้
แก้ปญั หาในชีวติ ประจำวนั ได้ (วชิราภรณ์ ชำนิ, 2555 : 1 - 2)
การแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาคณิตศาสตร์วิธหี นึ่งคือ การฝึกทักษะ ซึ่งจะ
ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามอัตภาพ ผู้เรียนแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน การให้
ผู้เรียนได้ทำแบบฝึกท่ีเหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคน ใช้เวลาที่แตกต่างกันออกไป
ตามลักษณะการเรียนรู้ของแต่ละคน จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
4
ทำให้ผู้เรียนเกิดกำลังใจในการเรียนรู้ นอกจากนั้นยังเป็นการซ่อมเสริมผู้เรียนที่เรียนไม่ผ่านเกณฑ์
การประเมิน (ชฎาพร ภูกองชัย, 2561) การฝึกทักษะยังช่วยให้ครูสามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
ปัญหานั้น ๆ ได้ทันท่วงที ทราบข้อบกพร่องของผู้เรียนแต่ละคน และเป็นการประหยัดเวลา
นักเรียนไม่ต้องเสียเวลาลอกโจทย์แบบฝึกหัด จะเห็นว่าแบบฝึกทักษะเป็นนวัตกรรมที่มีบทบาท
ตอ่ การสอนที่ดี ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ในทุกระดับชัน้ สามารถนำมาเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหา และ
เพิ่มประสทิ ธภิ าพการเรียนการสอนวชิ าคณิตศาสตร์ได้อีกแนวทางหน่งึ หรอื กล่าวได้วา่ แบบฝึกทักษะ
คือ สื่อการเรียนการสอนอย่างหนึ่งที่ใช้ฝึกทักษะให้กับผู้เรียนหลังเรียนจบเนื้อหา แบบฝึกทักษะจะ
ชว่ ยให้ผ้เู รียนมีทักษะเขา้ ใจบทเรยี นไดด้ ีย่ิงขนึ้ (วมิ ลรัตน์ สนุ ทรโรจน์, 2555 : 113)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึง ต้องการพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง วงกลม ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อศึกษาว่าแบบฝึกทักษะจะมีประสิทธิภาพเปน็ ไป
ตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 หรือไม่ ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
หรือไม่ และแบบฝึกมีประสิทธิผลเป็นอย่างไร เพื่อที่จะนำผลการวิจัยที่ได้มาเป็นแนวทาง
ในปรับปรุงการจัดการเรียนร้วู ชิ าคณติ ศาสตรข์ องโรงเรียนใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากย่ิงข้ึน
วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั
ในการวจิ ัยคร้งั นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ดังนี้
1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เร่ือง วงกลมของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 6
ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์รอ้ ยละ 70/70
2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปที ่ี 6
3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ
วชิ าคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 ระหวา่ งกอ่ นเรียและหลงั เรียน
5
สมมติฐานของการวจิ ัย
ในการวิจัยครั้งนี้มสี มมตฐิ านของการวจิ ยั ดังน้ี
1. แบบฝึกทกั ษะวิชาคณิตศาสตร์ เร่อื ง วงกลม ของนกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6
มปี ระสิทธิภาพไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 70/70
2. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
มคี ่าดชั นปี ระสิทธผิ ลไมน่ ้อยกว่า 0.50
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์
เร่อื ง วงกลม มีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตรห์ ลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรยี น
ขอบเขตของการวจิ ัย
ในการวิจัยครัง้ น้ไี ด้กำหนดขอบเขตของการวิจัย ดงั น้ี
1. ประชากรในการวิจัยคร้ังนี้ เปน็ นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเพ็ญ
ประชานุกูล อำเภอเพ็ญ จงั หวดั อุดรธานี จำนวนห้องเรียนท้งั หมด 4 หอ้ งเรยี น จำนวนนักเรยี น 181
คน
2. ตวั แปรในการวิจัย ในการวจิ ัยครัง้ นีม้ ีตวั แปร ดังนี้
2.1 ตัวแปรตน้ คือ แบบฝกึ ทกั ษะวิชาคณิตศาสตร์ เร่ือง วงกลม
2.2 ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่
2.2.1 ประสทิ ธิภาพของแบบฝกึ ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เร่อื ง วงกลม
2.2.2 ประสทิ ธผิ ลของแบบฝึกทกั ษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม
2.2.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร์
3. เนื้อหาสาระที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง วงกลม รายวิชา
คณิตศาสตร์พื้นฐาน ค16101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) แบ่งเนื้อหาออกเป็น 16 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง
ประกอบไปด้วย
3.1 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 45 เรอ่ื ง สว่ นต่าง ๆ ของวงกลม
3.2 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 46 เรอ่ื ง สว่ นตา่ ง ๆ ของวงกลม
3.3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 47 เร่ือง การสร้างวงกลมด้วยแถบกระดาษ
3.4 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 48 เร่อื ง การสรา้ งวงกลมโดยใช้วงเวียน
3.5 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 49 เรื่อง การสร้างวงกลมโดยใชว้ งเวียน
3.6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 50 เรอ่ื ง การประดิษฐภ์ าพโดยใชว้ งเวยี น
3.7 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 51 เรือ่ ง ความยาวของเส้นรอบวง
6
3.8 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 52 เรอื่ ง ความยาวของเสน้ รอบวง
3.9 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 53 เรือ่ ง พ้นื ท่ีของวงกลม
3.10 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 54 เรอื่ ง พน้ื ท่ีของวงกลม
3.11 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 55 เรอื่ ง โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกับความยาวของเสน้ รอบวง
3.12 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 56 เรอ่ื ง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวของเส้นรอบวง
3.13 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 57 เร่อื ง โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกับพ้ืนท่ีของวงกลม
3.14 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 58 เรือ่ ง โจทยป์ ัญหาเกีย่ วกับพื้นท่ขี องวงกลม
3.15 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 59 เรื่อง โจทย์ปญั หาเกี่ยวกับความยาวของเสน้ รอบวงและ
พ้นื ที่ของวงกลม
3.16 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 60 เรอ่ื ง โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกับความยาวของเสน้ รอบวงและ
พื้นทขี่ องวงกลม
4. ระยะเวลาในการวิจัยครัง้ น้ีใชเ้ วลา 18 ชวั่ โมง สปั ดาห์ละ 4 ช่วั โมง รวม 5 สปั ดาห์
โดยทำการทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
นิยามศพั ท์เฉพาะ
ในการวิจัยคร้งั นไี้ ดก้ ำหนดนยิ ามศัพทเ์ ฉพาะของการวจิ ยั ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะ หมายถึง เอกสารการฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่ผู้ วิจัยสร้างข้ึน
จำนวน 1 เล่ม เพ่อื ใชเ้ ป็นส่ือสำหรบั นักเรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ใิ น เรื่อง วงกลม ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปี
ที่ 6 โ ด ย ม ี อ ง ค ์ ป ร ะ ก อ บ ต ่ า ง ๆ ค ื อ ค ำ แ น ะ น ำ ใ น ก า ร ใ ช ้ แ บ บ ฝ ึ ก ท ั ก ษ ะ
สาระสำคัญ จุดประสงค์ในการเรียนรู้แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ใบความรู้ กิจกรรม
ฝกึ ทกั ษะ แบบบันทกึ คะแนนแบบฝึกทกั ษะ และเฉลยคำตอบ
2. ป ร ะ ส ิ ท ธ ิ ภ า พ ข อ ง แ บ บ ฝ ึ ก ท ัก ษ ะ หมายถึง คุณภ าพของแบบฝึกท ั ก ษ ะ
วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ 70/70
70 ตัวแรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย ของนักเรียนทุกคนที่ได้จากการปฏิบัติ
กิจกรรมฝึกทกั ษะในแบบฝึกทกั ษะแต่ละชุด เร่อื ง วงกลม ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6
70 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ย ของนักเรียนที่ได้จากการทำแบบทดสอบ
หลังเรียนโดยใช้แบบฝกึ ทกั ษะวชิ าคณิตศาสตร์ เรือ่ ง วงกลม ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6
7
3. ดัชนปี ระสทิ ธิผล หมายถงึ คะแนนที่แสดงถึงความก้าวหน้าในการเรียนของผู้เรียนท่ีเรียน
ด้วยแบบฝึกทกั ษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยเปรียบเทียบ
กับคะแนนที่เพิ่มขึ้นจากการทดสอบก่อนเรียนกับคะแนนที่ได้จากการทดสอบหลังเรียน ไม่น้อย
กวา่ 0.50
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณติ ศาสตร์ หมายถึง คุณลักษณะและความรู้ความสามารถ
ทางด้านสติปัญญา (Cognitive Domain) ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนกั เรียน ซึ่งเป็นผลมาจาก
การเรียนโดยใชแ้ บบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตาม
จุดประสงค์ในบทเรียนซึ่งวัดโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตาม
จุดประสงค์การเรียนรู้และเนือ้ หาสาระ เรื่อง วงกลม มีลักษณะเป็นแบบทดสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ
4 ตวั เลอื ก จำนวน 20 ข้อ
ประโยชนท์ ีจ่ ะได้รบั
ในการวิจยั ครั้งน้ี จะไดร้ ับประโยชนจ์ ากการวจิ ัย ดังนี้
1. ไดร้ บั ความร้เู ก่ียวกบั การสรา้ งและพฒั นาแบบฝึกทักษะวชิ าคณิตศาสตร์ที่จะสามารถนำไป
สร้างและพฒั นาแบบฝกึ ทักษะในเนื้อหาสาระอน่ื ๆ
2. ได้แนวทางการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนโดยใช้
แบบฝกึ ทกั ษะ
3. ได้ตวั อยา่ งแบบฝกึ ทกั ษะ และแนวทางการใชแ้ บบฝกึ ทักษะในการจัดการเรียนรู้