เอกสาร
ประกอบการแสดง
การประกวดวงโหวด
ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
แนวคิดและแรงบันดาลใจ
เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุ
ดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้
มีพระวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญ
พระราชภารกิจในการอนุรักษ์
มรดกของชาติในสาขาต่าง ๆ
คือ พุทธศาสนา ภาษาไทยและวรรณกรรม ประวัติศาสตร์และโบราณคดี
งานช่าง สถาปัตยกรรมและดนตรีไทย พสกนิกรชาวไทยจึงได้รำลึกแบบ
อย่างที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจและพระราช
จริยวัตรในด้านการอนุรักษ์มรดกของชาติ และได้เจริญรอยตามเบื้องพระ
ยุคคลบาท ในการสร้างสรรค์และธำรงมรดกของชาติ ให้ยั่งยืนตกทอดถึง
ลูกหลานไทยสืบต่อไป พระเกียรติคุณและพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่ได้
ทรงบำเพ็ญและจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยในด้านการอนุรักษ์
มรดกของชาติมีมากมายนานัปการ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจ ทั้งปวงด้วย
พระปรีชาสามารถด้วยพระวิริยะอุตสาหะล้ำเลิศ อำนวยประโยชน์แก่
ประเทศชาติและประชาชนนานาประการ ในอันที่จะอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปะ
วัฒนธรรม อันเป็นมรดกอันล้ำค่าของชาติ
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
บทร้อง
การประพันธ์บทร้องและทำนอง
บทร้องท่อนที่ 1 ใช้ทำนองเพลงไทยเดิม
องค์ภูมิพลผ่านฟ้า พระบรมหา ชนกาธิเบศรไท้
แม้ทรงครรลัยลับหล้า เมตตา ธ ฝากเอาไว้ สถิตใจไทยทุกยาม
เคียงองค์พระพันปีแม่สยาม งดงามยิ่งล้ำด้วยน้ำพระทัย
พระทรงฝากดวงแก้วแววฟ้า
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าไท้
พระองค์ทรงรักศิลป์ของไทย
ปวงชนชาวไทย ขอถวายพระพร
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
บทร้อง
การประพันธ์บทร้องและทำนอง
บทร้องท่อนที่ 2 ใช้ทำนองสรภัญญะ
อัญเชิญดวงมาลา มาเบ่งบานบนพานทอง
ดวงใจไทยทั้งผอง กราบฝ่าละอองพระบาทองค์
สมเด็จพระกนิษฐา มิ่งมหาจักรีวงศ์
เลิศล้ำพระดำรง ทรงเมตตาประชาชน
ทรงงานเนิ่นนานมา พระกรุณาดั่งสายฝน
ดับแล้งทุกแห่งหน ดั่งสายชลชโลมไผท
แผ่นดินถิ่นอีสาน แม้กันดารสักเพียงไหน
ภูผาป่าพงไพร พระองค์ไท้เสด็จมา
ดอกไม้บานเต็มภู ข้าวเอนลู่อยู่เต็มนา
ซึ้งแล้วเต็มแววตา ปวงประชาสดุดี
.......
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
บทร้อง
การประพันธ์บทร้องและทำนอง
บทร้องท่อนที่ 3 ใช้ทำนองลายสุดสะแนน
แม่นว่าเด้อคำ...ฟังเด้อล้ำทองคำสูงค่า
สิหาไสใต้ฟ้าคือแก้วหน่วยมณี
แก้วหน่วยนี้ สุดที่พรรณนา
สมเด็จพระกนิษฐา หน่วยมณีนามแก้ว
แววไวยิ่งพระปรีชาสามารถ ศิลป์และศาสตร์รอบด้าน
พระองค์ท่านเชี่ยวชาญ
ดนตรีนั้นกับทั้งการกวี ฝีพระหัตถ์ยามเขียนงดงามยามแต้ม การรำ
ร้องทำนองต่างๆ นาฏศิลป์เอกอ้าง ทวยหล้าซื่นซม
ขอกราบก้มขวัญมิ่งมวลศิลป์ องค์วิศิษฏศิลปินถิ่นสยามนามไท้
ดำรงไว้มรดกของไทยบ่มีฮ้างว่างเปล่า พระกนิษฐาธิราชเจ้ารักษา
ไว้อย่างดี อย่างดีรักษาไว้อย่างดี
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
บทร้อง
การประพันธ์บทร้องและทำนอง
บทร้องท่อนที่ 4 ขับลำอีสาน
แนวคิกในการแสดง ทวยเทพนาคา ใต้บาดาลถวายพระพรชัย
(พญานาคตามความเชื่อของคนอีสานเป็นเทพที่บรรดาลความอุดมสมบูรณ์)
ถวยพระพรชัย ขอท่านทรงพระเจริญ
ขอทูลเทอญให้ทรงเกษมสำราญ
ยอพระบาทสถิตเกล้า ชาวอีสาน
*เทวาบาดาล เป็นพยานความภักดี*
โอ้ โอ โอ้
ดวงมณีแห่งศิลปิน
2 เมษา ดั่งฟ้าประทานชาวไทย
มอบแก้วให้มาส่องผืนแผ่นดิน
ราชสมภพพระเทพแห่งธานินทร์
มาสืบศาสตร์ศิลป์ ผืนแผ่นดินสยาม
*ขอเทิดพระนามจงทรงพระเจริญเทอญ*
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
แนวคิดในการสร้างสรรค์ ฉากประกอบการแสดง
การแสดงเทิดพระเกียรติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ
เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
แนวคิดในการสร้างสรรค์ ฉากประกอบการแสดง
การสร้างสรรค์ฉากได้แรงบันดาลใจ
จาก ฉากในท้องพระโรงกลาง
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระบรมหาราชวัง
และสีที่ใช้ “โทนสีเขียว” มาจากสีของ
เสื้อฉลองพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิ
ราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุ
ดาฯ สยามบรมราชกุมารี
และเป็นสีพื้นหลังของฉากท้องพระโรง
กลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
การแสดงชุด
เบิกฟ้านคราสาเกตนคร
แนวคิดในการสร้างสรรค์
นำเสนอให้เห็นถึงความงาม
ของเมืองสาเกตนคร เมืองที่มนต์เสน่ห์
ที่น่าหลงไหลอุดมไปด้วยศิลปวัฒนธรรม
ที่งดงาม อีกทั้งยังได้นำ
บทเพลงออซอนหอโหวด มาสาร้างสรรค์
ดนตรีใหม่ในรูปแบบของการแสดงวงโหวด
สาเกตนคร ออนซอนอีสาน
จะเล่าขานตำนาน เมืองโบราณนานมา
เมืองสิบเอ็ดพักกะตู มาเยี่ยมมาดูก่อนหนา
ขอเชิญท่านทัศนา เมืองสาเกตนคร
พี่น้องเฮาเอ๋ย พี่น้องเฮาเอ๋ย มาเชยชมเมืองนี้
แหล่งโบราณมากมี ทั้งของดีนี่ละน้อ
นบสิบนิ้วขึ้นวันทา พระขัติยาผู้ปกครอง
ทุ่งกุลาอร่ามทอง งามเรืองรองเมืองร้อยเกิน
การแสดงชุด
สาวน้อยหยิกแม่
แนวคิดในการสร้างสรรค์
นำบทประพันธ์
“ลายสาวน้อยหยิกแม่”
ของนายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์
ศิลปิรแห่งชาติ
มาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบร่วมสมัย
และยังมีความเป็นเอกลักษณ์ของลาย
สาวน้อยหยิกแม่ แสดงให้เห็นถึง
พัฒนากากทั้งรูปแบบการบรรเลง
และพัฒนาการของโหวดที่มีความร่วม
สมัย มีความน่าสนใจ และได้
สร้างสรรค์การแสดงประกอบโดยการ
แต่งกายของนักแสดงและนักดนตรีจะ
แต่งกายแบบชาวร้อยเอ็ดในช่วงปี
พ.ศ.2500
การแสดงชุด
อภิญญา มหาชาติชาดก กษัตริย์คืนนคร
แนวคิดในการสร้างสรรค์
"บุญผะเหวด" เป็น 1 ในประเพณี ฮีต 12 ตามวิถีวัฒนธรรมของชาวอีสาน
"บุญผะเหวด" จัดอยู่ในฮีตที่ 4 หรือ บุญเดือนสี่ คำว่า "ผะเหวด" เป็นภาษา
อีสาน มีที่มาจากงานประเพณีพระเวสสันดรชาดกในภาษาภาคกลาง หรืองาน
บุญมหาชาติ ที่เป็นพระนามขององค์สัมมาสัมพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายก่อน
ที่พระองค์จะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะและตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็น
ศาสดาของศาสนาพุทธ พระเวสสันดร ถือว่าเป็นชาติที่สำคัญยิ่งเนื่องจากเป็น
ชาติที่พระองค์ได้บำเพ็ญทานบารมีอย่างใหญ่หลวง
บุญผะเหวดร้อยเอ็ด เป็นงานบุญอันเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวร้อยเอ็ดมานานกว่า
100 ปี การจัดงานบุญผะเหวดของชาวร้อยเอ็ดนั้น มีความเชื่อกันว่าหากได้
ฟังเทศน์บุญผะเหวดครบ 13 กัณฑ์ จบภายในวันเดียวและจัดพิธีตั้งเครื่อง
คาย (บูชา) ได้ถูกต้อง อานิสงส์จะดลบันดาลให้ไปเกิดในศาสนาของพระศรี
อริยเมตไตร ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสุข สงบ
จึงได้หยิบยกประเพณีบุญผะเหวดมาสร้างสรรค์การแสดงประกอบการ
บรรเลงวงโหวด ในชุด อภิญญา มหาชาติชาดก กษัตริย์คืนนคร
การแสดงชุด
อภิญญา มหาชาติชาดก กษัตริย์คืนนคร
บทร้อง
(ลำเดือนห้าพรรณามหาชาติ ย่าสอนหลาน)
หลานเอ้ย...เวสสันดรแต่เค้า นิทานเก่าชาดก
ปู่สิขอยอยกให้ค่อยฟังเด้อเจ้า คนเฒ่าเพิ่นพาแต่งพาทำ ในอีสานเขตก้ำ พา
กันจำพากันจื่อ แพงเอ้ยคือมหาชาตินั้นขานเอิ้นแต่นาน พันคาถาว่านั้น แต่ละ
กัณฑ์ประดับแต่ง สิบสามกัณฑ์ม่วนแม้งๆ ผลาได้แก่ผู้ฟัง ไผผู้เอาใจตั้งฟัง
ครบจบกัณฑ์ สิเกิดพระศรีอาริย์ผู้เพิ่นลงมาใต้ โอยน้อคำ พากันหามวลไม้เอา
มาประดับแต่ง ผ้าผะเวสแต้มไว้หยายล้อมบาดนั่งฟัง กอกล้วยอ้อยกับทั้งฮัง
ต่อฮังแตน ดอกดวงเอามาแขน ต้นโนมีพร้อม คั่นแม่นซอมดูแล้วให้คือ
หิมพานต์ป่า เด้น้อ เทิงเข้าหนมเข้าต้มดาไว้ซุแนว ล่ะจนว่าเถิงม้วนแล้วๆ จั่ง
พากันหิ้วกะต้าเมือ ละบุญเดือนสามปีละเทื่อ ฮีตสิบสองเฮาเอย
การแสดงชุด
อภิญญา มหาชาติชาดก กษัตริย์คืนนคร
(ลำหย่าว)
อาวหานี้ พระเวสนั้นลำกันแต่เก่า แต่เก่าแต่เก่า สิบสามกัณฑ์เด้อละนั้นล่ะเจ้า
เฮาฮู้ซุวัน กัณฑ์หนึ่งนั้นมีชื่อทศพร หิมพานต์กัณฑ์สอง ทานกัณฑ์ทีสาม
ต่อตามมานี้ กัณฑ์สี่นั้นวนปเวส ชูชกกัณฑ์ที่ห้าหกนั้นจุลพน อย่าหลงส่นเหลือ
อีกบ่ทันเสร็จ กัณฑ์ที่เจ็ดมหาพน แปดกุมารเจ้า แม่มะทีกัณฑ์เก้า ฟังเอาให้จื่อ
ให้จื่อ กัณฑ์สิบคือสักกบรรพเอ่ยอ้างทางเจ้าพ่อพระอินทร์ โอ่ยนั่นแหล่ว ยังบ่
สิ้นมหาราชที่สิบเอ็ด
ยังบ่เสร็จฉ้อกษัตริย์สิบสอง หม่องนิทานลงคล้อย
สิบสามจ้อยนครกัณฑ์บั้นส่ง เชิญองค์พระเวสเจ้าคืนเข้าสู่นคร...
ว่าองค์เวสเอย....ให้คืนเมือสาท่อนคืนนครไปนำพ่อ
ฟังคนสับส่อเว้าจั่งขับเจ้าเข้าป่าไพร ขอเชิญองค์เวสไท้ให้กลับต่าวคืนโฮงลาจา
ดงพงไพรเถิดในคราวนี้
พ่อได้เอาช้างแก้วโตเผือกงาขาว พ่อได้เอาช้างแก้วงายาวโตผ่อง มาฮับคืนสู่
ห้องไปคองตุ้มหมู่ประชา
หกกษัตริย์พบหน้าอยู่กลางป่าพญาดร เสียงวอนวอนจาขานต่กันกระสันเอ้า
มาเชิญองค์เวสเข้าเนาปางตุ้มไพ่ กลางพนาป่าไม้พากันไห้ดอกใส่กัน
ทันใดหกกษัตริย์นั้นกะม้อยมิ่งสมประดี เป็นลมไปทันทีอยู่พงดงด้าว กะใน
คราวตอนนั้นฝนโบกขรพรรษ จั่งได้ตกรินลงสู่คิงติงฟื้ น กะเลยพากันคืน
คชาสารเผือดผ่อง พากันคืนสู่ห้อง....ไปครองยั้ง...นั่งนคร...นั่งนคร....น่า