หน่วยที่ 1
หว่ งโซค่ ณุ คา่ ธรุ กิจต้นนา้ กลางนา้ และปลายนา้ ที่เกีย่ วข้องกับการเกษตร
สาระสา้ คญั
ความหมายและแนวคิดของห่วงโซ่คุณค่าได้ว่าเป็นการศึกษาการดาเนินการทีเกิดข้ึนใน ห่วงโซ่คุณค่า
โดยใหค้ วามสาคัญกับกจิ กรรมทสี่ ร้างความสัมพันธแ์ ละการเพิ่มมูลค่าให้กบสินคา้ ของโซ่คุณค่า วงจรของห่วงโซ่
คุณค่าจะต้องมองความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่างๆ อย่างครบวงจร โดยพิจารณาว่า กระบวนการใดบ้างที่มี
ความสาคญั จากต้นนา้ ถึงปลายนา้ และกาหนดผูร้ ับผิดชอบของแต่ละกระบวนการให้ชัดเจน โดยแยกบทบาทให้
ชัดเจนวา่ ใครมีหนา้ ท่ีอย่างไร เพ่ือไปสู่การบรรลวุ ตั ถุประสงคร์ ว่ มกนั
จดุ ประสงค์
1. ใหค้ วามหมายของหว่ งโซ่คุณค่าได้
2. อธบิ ายหว่ งโซ่คณุ คา่ (Value Chain) ธรุ กิจต้นน้า กลางน้าและปลายนา้ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรได้
3. ยกตวั อยา่ งธรุ กิจ และวเิ คราะห์ธรุ กจิ ตน้ นา้ กลางนา้ และปลายน้าทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การเกษตรได้
สาระการเรยี นรู้
1. หว่ งโซ่คณุ คา่
2. ธรุ กจิ ตน้ นา้ กลางน้าและปลายนา้ ท่ีเก่ยี วข้องกบั การเกษตร
3. ธรุ กจิ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั การเกษตร
เนือหาสาระ
1. ห่วงโซ่คุณค่า
ห่วงโซ่คุณค่าหรือมูลค่า หรือห่วงโซ่การผลิต (Value Chain) เป็นการวิเคราะห์ลาดับกิจกรรมหลัก
เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายและเพ่ือสร้างความได้เปรียบหรือ เพื่อให้ได้ ผลลัพธ์ที่แตกต่างหรือดีกว่า (เม่ือ
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพ่ิมคุณค่าให้ผู้บริโภค ซ่ึงสามารถ ทาได้โดยเปลี่ยนจากการมอง
แบบแยกสินค้าหรือบริการเป็นส่วนๆ เป็นการมองอย่างเป็นกระบวนการว่า กว่าจะมาเป็นสินค้าแต่ละช้ินน้ัน
ต้องมหี รอื ต้องผา่ นกระบวนการอะไรบา้ ง
หว่ งโซ่คณุ คา่ หมายถึง กิจกรรมท่ีมีความสัมพนั ธ์ และเชอื่ มโยงกัน เพอื่ สรา้ งมูลค่าเพิ่มให้กับปัจจัยการ
ผลิต โดยเรมิ่ ตั้งแต่กระบวนการนาวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการ ผลิต กระบวนการจัดจาหน่าย กระบวนการ
จัด ส่งสินค้าสู่ผู้บริโภค และกระบวนการบริการ หลังการขาย การสร้างคุณค่าให้กับสินค้าหรือ บริการน้ัน
อาจจะเป็นการกระทาโดยบริษัทเดียวหรือหลายบริษัท ด้วยการแบ่งขอบเขตของกิจกรรมแล้วส่งต่อคุณค่าใน
แต่ละชว่ งต่อเนือ่ งกันไป
หรือห่วงโซ่คุณค่า หมายถึง การสร้างคุณค่าหรือประโยชน์อื่น ๆ มาประกอบกันให้เป็นประโยชน์
สุดทา้ ยทล่ี ูกค้าต้องการ โดยมีขั้นตอนของกระบวนการสร้างคุณค่าท่ีต่อเน่ืองกันเป็นทอด ๆ เหมือนห่วงโซ่ของ
กิจกรรมที่มีความเก่ียวพันกันเพ่ือสร้างประโยชน์สุดท้ายในผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพ่ือส่งต่อไปให้ลูกค้าได้ใช้
ประโยชน์
สรุป ห่วงโซ่คุณค่า หมายถึง กิจกรรมทั้งหมดที่ใช้เพิ่มมูลค่าในการผลิตสินค้าหรือบริการซึ่งมี
กระบวนการผลิตหลายข้ันตอน ตั้งแต่กระบวนการจัดการวัตถุดิบและปัจจัยอ่ืนๆ จนกระทั่งถึงการจัดส่ง
สินคา้ และบรกิ ารใหผ้ ูบ้ รโิ ภคคนสดุ ท้าย
1.1 การวเิ คราะห์หว่ งโซค่ ุณคา่
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า เป็นการ วิเคราะห์เพ่ือพิจารณาถึงความสามารถของ กิจการใน
การแข่งขัน โดยการศึกษาถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท้ังกิจกรรมหลักและกิจกรรม สนับสนุนว่า สามารถช่วยให้
ได้เปรยี บด้าน ต้นทุนหรือความสามารถในการสรา้ งความ แตกต่างเมื่อเปรียบเทยี บกับคแู่ ข่งขันได้หรือไม่ ซึ่งจะ
ใช้เปน็ แนวทางในการกาหนดจุดแขง็ และจดุ ออ่ นของกิจกรรมไดเ้ ป็นอย่างดี
พ.ศ.2528 ศาสตราจารย์ไมเคิล อี พอร์เตอร์ แห่ง Harvard Business School ได้ให้
แนวความคิดของหว่ งโซ่คณุ คา่ วา่ เปน็ คณุ ค่าหรือราคาสนิ คา้ ที่ลูกคา้ หรือผู้ซอ้ื ยอมจา่ ยให้กับ สินค้าตัวใดตัวหนึ่ง
ซ่ึงคุณค่าของสินค้าเหล่านี้ เป็นผลจากการโยงใยคุณค่าต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต หรือดาเนินงานของบริษัท
เจ้าของสินค้า ซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดข้ึนมากมายระหว่างการดาเนินงาน โดยมีความ สัมพันธ์กันคล้ายลูกโซ่
แบบต่อเนื่อง การที่จะ(Michael E. Porter) ตรวจสอบวา่ สนิ คา้ และบรกิ ารมีคุณค่ามาก (จุดแข็ง) จากกิจกรรม
ใด และมคี ณุ ค่าน้อย (จดุ อ่อน) จากกจิ กรรมใดสามารถศึกษาได้จากกจิ กรรมในหว่ งโซค่ ุณค่า
ตามแนวความคิดนี้ ไมเคิล อี พอร์เตอร์ มองธุรกิจว่า เป็นลูกโซ่แห่งกิจกรรมท่ีสร้างสรรค์
คุณค่าต่อเนื่องสัมพันธ์กันเหมือนกับลูกโซ่ เพื่อส่งมอบคุณค่าทั้งหมดให้กับลูกค้า โดยแต่ละกิจกรรมจะมีส่วน
ช่วยก่อให้เกิดมูลค่าเพ่ิมเป็นช่วง ๆ นับตั้งแต่การนาวัตถุดิบท่ีได้จากผู้จัดจาหน่าย เข้าสู่กิจกรรมการผลิต
จนกระท่งั ผ่านออกมาเปน็ ผลิตภัณฑส์ าเรจ็ รูป และสิน้ สดุ ที่ผจู้ ัดจาหน่ายผลิตภณั ฑ์สู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย รวมทั้ง
กิจกรรมการบรกิ ารหลังการขาย
กจิ กรรมภายในห่วงโซค่ ุณค่า ประกอบดว้ ย 2 กจิ กรรม คือ กจิ กรรมหลัก และ กิจกรรม
สนบั สนุน โดยมรี ายละเอียดดังนี้
1.1.1 กิจกรรมหลัก (primary activities) เป็นกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับการผลิตหรือ บริการ
การตลาด และการขนส่งสินคา้ หรอื บริการไปส่ผู ูบ้ รโิ ภค ซงึ่ ประกอบด้วยกจิ กรรม ยอ่ ย 5 กจิ กรรม ดังนี้
1.1.1.1 การจัดหาวัตถุดิบ (inbound logistics) เป็นกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับการ
ลาเลียง การขนส่ง การตรวจรับ การเก็บรักษา การแจกจ่ายวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต และระบบ
คลังสนิ คา้ เปน็ ต้น
1.1.1.2 การผลิต (operations) เป็นกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการแปรสภาพวัตถุดิบ ให้
เปน็ สินคา้ หรือบรกิ าร ไดแ้ ก่ กิจกรรมงานท่ีเกี่ยวข้องกับเคร่ืองจักร การประกอบช้ินส่วนต่าง ๆ เป็นสินค้า การ
บรรจุภณั ฑ์ การบารงุ รักษาเครื่องจกั รและอปุ กรณ์ การทดสอบสินค้า และการควบคุมคุณภาพ เปน็ ต้น
1.1.1.3 การกระจายสินค้า (outbound logistics) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเก็บ
รวบรวม จดั จาหนา่ ยสนิ ค้าใหพ้ รอ้ มทจี่ ะกระจายตัวไปสลู่ กู ค้า ได้แก่ กิจกรรมการเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้า การ
ลาเลียงสินคา้ ไปสง่ ลกู ค้า ดาเนินการสง่ มอบสินคา้ ดาเนินการตามใบสง่ั ซ้ือ เปน็ ต้น
1.1.1.4 การตลาดและการขาย (marketing and sales) เป็นกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับ
การชกั จูงใหล้ ูกค้าซื้อสนิ ค้าและบรกิ าร ได้แก่ กิจกรรมการโฆษณา การจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขาย การจัด
ทีมพนกั งานขาย การกาหนดราคา และการเลือกชอ่ งทางการจดั จาหน่าย เป็นตน้
1.1.1.5 การบริการให้ลูกค้าประทับใจ (customer services) เป็นกิจกรรมท่ีเก่ียวข้อง
กบั การให้บรกิ ารเพื่อเพิ่มคุณคา่ หรือบารุงรักษาสินค้า รวมท้ังบริการหลังการขาย เช่น การติดต้ัง การซ่อมแซม
การฝึกอบรม เปน็ ตน้
1.1.2 กิจกรรมสนับสนุน (support activities) การที่จะดาเนินกิจกรรมหลักให้เป็นไปด้วย
ความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จาเป็นจะต้องมีกิจกรรมสนับสนุนเสริมประกอบด้วยกิจกรรมย่อย 4
กิจกรรม ดังนี้
1.1.2.1 โครงสร้างพื้นฐาน (firm infrastructure) เป็นกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับการ
บริหารงานทั่วไปในองค์การ โครงสร้างขององค์การ การวางแผน การจัดทาระบบงานต่าง ๆ เช่น การควบคุม
คุณภาพ ระบบบัญชีและการเงิน เป็นต้น
1.1.2.2 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (human resource management) เป็นกิจกรรม
ท่ีเก่ียวข้องกับการบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แก่ การสรรหา การคัดเลือก การฝึกอบรมและพัฒนา การ
ยกระดับความรู้และทักษะ การเลื่อนตาแหน่ง การกาหนดระบบการให้รางวัลที่เหมาะสม เพื่อจูงใจในการ
ทางาน การสรา้ งสภาพแวดล้อมในการทางานที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจในงานแก่พนักงาน เปน็ ต้น
1.1.2.3 การพัฒนาเทคโนโลยี (technology development) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
กับการเพ่ิมคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ เช่น การวิจัยและพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ การแสวงหา
เทคโนโลยใี หม่ ๆ เปน็ ต้น
1.1.2.4 การจัดหา (procurement) เป็นกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดหาปัจจัยการผลิต
เช่น วัตถุดิบ เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ วัสดุส้ินเปลือง เพ่ือมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ ตลอดจน
การสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดกี ับผ้สู ่งมอบหรอื ซพั พลายเออร์
กจิ กรรมหลักท้ัง 5 กจิ กรรม จะทางานประสานกันไดด้ ีจนกอ่ ให้เกดิ คุณค่า ได้น้ันจะต้องอาศัย
กิจกรรมสนบั สนุนทงั้ 4 กิจกรรม นอกจากกิจกรรมสนับสนุนจะทาหน้าที่สนับสนุนกิจกรรมหลักแล้ว กิจกรรม
สนบั สนุนยังจะต้องทาหน้าท่ีสนับสนุนซ่ึงกันและกันอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าระบบสารสนเทศเป็นองค์ประกอบ
หน่ึงของห่วงโซ่คุณค่า ในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนามาใช้ในการวางแผนการดาเนินงาน การ
ตดั สนิ ใจและการควบคมุ จะต้องทาหน้าท่ีสนับสนุนเช่ือมต่อกิจกรรมในทุกองค์ประกอบของห่วงโซ่คุณค่า เพ่ือ
สร้างความไดเ้ ปรยี บในเชงิ การแขง่ ขันใหก้ บั องค์การ ดังภาพประกอบท่ี 1
ภาพที่ 1 หว่ งโซ่คณุ ค่าทปี่ ระกอบดว้ ยกิจกรรมหลกั และกจิ กรรมสนับสนนุ
จะเห็นได้ว่า คุณค่าของสินค้าที่วิเคราะห์ด้วยห่วงโซ่คุณค่าน้ันเกิดจากการทากิจกรรม
ตอ่ เนือ่ งกัน การขาดกจิ กรรมใดกจิ กรรมหนึง่ ยอ่ มกระทบตอ่ คุณค่าของสินค้าที่ประเมินไว้ในแต่ละกิจกรรมหรือ
แต่ละสินค้า ความสาคัญหรือน้าหนักของแต่ละกิจกรรมจะมีไม่เท่ากัน เช่น รถเบนซ์ ที่สามารถขายได้ในราคา
แพงและเป็นท่ีต้องการของคนทั่วไป แม้ตัวรถเบนซ์จะเป็นผลพวงมาจากการเชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ ใน
กระบวนการผลติ ตั้งแต่การจัดหาวัตถดุ บิ การผลิต การจัดส่งสินค้า การส่งเสริมการขาย และการบริการหลัง
การขาย ซึ่งเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบในทุกข้ันตอน แต่ถ้าวิเคราะห์แล้ว กิจกรรมท่ีโดดเด่นท่ีสุด คือ
กิจกรรมการขายและการตลาด ที่สามารถสร้างภาพลักษณ์ (brand image) ว่ารถยนต์ตราสินค้านี้เป็น
สัญลักษณ์ของความร่ารวย (symbol of wealth) ตรงน้ีเป็นจุดแข็งของรถเบนซ์ และในทานองเดียวกันก็
สามารถอธิบายได้กับนาฬิกาโรเล็กซ์ ที่มีความสามารถในการใช้กิจกรรมการขายและการตลาดที่โดดเด่นเป็น
พิเศษในการปลูกฝังค่านิยมให้เกิดในจิตใต้สานึกของผู้ซื้อว่า คนที่ใช้นาฬิกาโรเล็กซ์เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของ
ความรา่ รวยและมีรสนิยมสงู เปน็ ต้น
ถึงแม้ว่าทุกกิจกรรมในองค์การจะมีความสาคัญ แต่ผู้ประกอบการควรใช้ห่วงโซ่คุณค่า
วิเคราะหด์ ูว่า กิจกรรมใดของธรุ กจิ หรือสินคา้ มนี า้ หนัก หรอื ความสาคญั มากที่สุด แล้วพิจารณาดูว่าในกิจกรรม
น้ันดาเนินการได้ดเี พียงพอหรือยัง ในกรณธี ุรกิจขนาดย่อม เช่น ธุรกิจร้านอาหาร กิจกรรมที่มีความสาคัญท่ีสุด
คอื การผลติ เพอ่ื ให้ได้รสชาตขิ อง อาหารทอี่ ร่อยได้มาตรฐานและสม่าเสมอ แม้จะมีองค์ประกอบท่ีสาคัญหลาย
องค์ประกอบ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นหัวใจสาคัญของความสาเร็จ หากพิจารณาให้ละเอียดเจาะลึกแล้ว การท่ีจะ
ปรงุ อาหารให้มีรสชาติที่อร่อยได้มาตรฐานและสม่าเสมอ ต้องให้ความสาคัญกับกิจกรรมการบริหารทรัพยากร
มนุษย์ คือ พ่อครัว แม่ครัว โดยต้องฝึกอบรมและเพ่ิมทักษะให้สามารถปรุงอาหารให้มีรสชาติที่อร่อยได้
มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ดังน้ันจึงเป็นความผิดพลาดอย่างมากท่ีผู้ประกอบการธุรกิจ
ร้านอาหารจะเน้นขยายตัวไปเปิดสาขามาก ๆ โดยไม่มีการพัฒนาการปรุงอาหารให้มีรสชาติท่ีอร่อยได้
มาตรฐานเสยี ก่อน
1.2 ระบบคุณค่า (Value system)
คือ การรวมกิจกรรมของห่วงโซค่ ุณคา่ ที่มคี วามตอ่ เนื่องจากตน้ น้าจนถงึ ปลายน้า
ต้นนา้ + ระบบคณุ คา่ + ปลายนา้
2. ธรุ กิจตน้ น้า กลางน้าและปลายน้าท่เี กยี่ วข้องกบั การเกษตร
ธุรกิจต้นน้า ธุรกิจกลางน้า และธุรกิจปลายน้าท่ีเกี่ยวข้องกับการเกษตร หากนามาแปลเป็นสินค้า
อุปโภคบริโภค ธุรกิจต้นน้าคือเกษตรกร ชาวประมง หรือฟาร์มสัตว์ต่างๆ ธุรกิจกลางน้าคือตลาดขายส่งและ
พ่อคา้ คนกลาง และธรุ กิจปลายนา้ คือตลาดขายปลกี รา้ นอาหาร หรอื รา้ นค้าท่วั ๆไป
2.1 ธรุ กิจต้นนา้
คือ ธุรกิจที่ทาผลผลิตต้นทาง เช่น ปลูกทุเรียน ธุรกิจต้นน้าจะมีกระบวนการหรือระบบต้น
น้า คือกระบวนการบริหารจัดการวัตถุดิบในห่วงโซ่การผลิต จุดประสงค์เพ่ือสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่
ลูกค้าที่อยู่ปลายน้า โดยให้มีต้นทุนในการบริหารจัดการที่ต่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซ่ึงต้องอาศัยความ
ร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากผู้จัดจาหน่ายวัตถุดิบที่จะสนองความต้องการของการผลิต เสมือนหน่ึงผู้จัดจาหน่าย
วัตถุดิบเป็นส่วนหน่ึงขององค์กรในกระบวนการผลิตสินค้า การบริหารงานของระบบ ประกอบด้วย
กระบวนการผลิต (Product Flow ) กระบวนสารสนเทศ (Information Flow) และกระบวนการเงิน
(Finances Flow)
กระบวนการผลิตจะรวมเอาการเคลื่อนย้ายของสินค้าจากผู้จัดจาหน่ายวัตถุดิบ (Supplier) ไป
ยังลูกค้า (Customer) กระบวนสารสนเทศจะเกี่ยวข้องกับการส่งผ่านใบสั่งซื้อสินค้าและการเปล่ียนแปลง
สถานะในขณะท่ีมกี ารจดั ส่ง กระบวนการเงิน ประกอบด้วยระยะเวลาของการให้เครดิต การชาระเงินและการ
ส่งมอบสินคา้ โดยการแบ่งปนั ขอ้ มูลขององค์กรกับทางผ้จู ัดจาหน่ายวัตถุดบิ และลูกค้าขององค์กร ระบบจะช่วย
ลดค่าใช้จ่ายและร่นระยะเวลาที่นาสินค้าจะเข้าสู่ตลาด และทาให้ผู้ที่เก่ียวข้อทั้งหมดท่ีอยู่ในห่วงโซ่การผลิต
สามารถบริหารจัดการทรัพยากรในปัจจุบันแล ะวางแผนความต้ องการใช้ทรัพยากรในอนาคตได้อย่างมี
ประสิทธิภาพยิ่งข้ึน
2.2 ธุรกิจกลางน้า
คอื ธรุ กจิ ท่ีนาผลผลิตจากตน้ น้ามาผลิตตอ่ เช่น แปรรปู ทเุ รียน ธรุ กิจกลางน้าจะมีกระบวนการ
หรือระบบกลางน้า เป็นระบบสารสนเทศขององค์กรที่สามารถบูรณาการ (integrate) รวมงานหลัก (core
business process) ต่าง ๆ ในองค์กรท้ังหมด ได้แก่ การจัดซ้ือจัดจ้าง การผลิต การตลาดการขาย การเงิน
การบัญชี และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เข้าด้วยกัน เป็นระบบท่ีสัมพันธ์กันและสามารถเช่ือมโยงกันอย่าง
เรียลไทม์ (real time) โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบกลางน้าของระบบ คือระบบการตลาดและการขาย ท่ีทา
หนา้ รบั คาสงั่ ซอ้ื จากลกู ค้าและทาให้เกิดการนาวตั ถดุ ิบมาผลติ เป็นสินคา้ ทจ่ี ะสง่ มอบให้กบั ลูกค้าต่อไป
2.3 ธรุ กิจปลายน้า
คือ ธุรกิจที่นาผลผลิตจากกลางน้ามาผลิตต่อจนถึงมือผู้บริโภค ธุรกิจปลายน้าจะมีกระบวนการ
หรอื ระบบปลายน้า ระบบความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ CRM (Customer Relationship Management) ถือ
เป็นระบบย่อยของกลางน้า มีจุดประสงค์เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าหลังการขายรวมถึงการสร้างสัมพันธ์อันดีกับ
ลูกค้า เป็นระบบท่ีมีจุดประสงค์เพ่ือให้องค์กรสามารถระบุความต้องการของลูกค้าและสามารถใช้ข้อมูล
ดงั กล่าวนามาสรา้ งความพึงพอใจให้แก่ลกู ค้าได้ ระบบ CRM นอกจากจะช่วยในให้องค์กรเข้าใจความต้องการ
ของลกู คา้ แล้ว ยงั ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งองคก์ รกบั ลูกค้าโดยการส่งมอบสินค้าที่มีความเหมาะสม
กบั ลูกค้ามากทีส่ ดุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใหบ้ ริการกบั ลูกคา้ ระบบ CRM จะรวมระบบหน้าร้าน(Front
Office)กับระบบหลังร้าน(Back Office) เข้าด้วยกันเพ่ือสร้างฐานข้อมูล การติดต่อกับลูกค้า เช่น การสั่งซื้อ
สินค้าของลูกค้า การให้บริการสนับสนุนทางด้านเทคนิค การนาเสนอสินค้าและบริการใหม่ ๆ ให้แก่
ลูกค้า ฐานข้อมูลน้ีช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมการให้บริการในด้านต่าง ๆ สาหรับลูกค้าให้เป็นหนึ่ง
เดยี ว และช่วยปรบั ปรงุ คุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับลูกค้า ในขณะเดียวกันระบบ CRM ก็เปิด
ใหล้ ูกค้าสามารถปรบั ปรุงข้อมลู บางอย่างของลกู คา้ ในระบบด้วยตนเองได้ผา่ นทางระบบออนไลน์
3. ธุรกจิ ทเี่ กยี่ วข้องกับการเกษตร
ในยุคโลกาภิวัตน์และการแข่งขันในตลาดที่สูงมากในยุคปัจจุบัน มีการเปล่ียนแปลงทั้งด้านการตลาด
เทคโนโลยธี รุ กิจ และความตอ้ งการใหม่ๆ ของลกู คา้ เป็นเรื่องยากทจี ะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันอย่าง
ต่อเน่ือง จึงจาเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างหน่วยธุรกิจไปพร้อมกัน เพ่ือรักษาและสร้างมูลค่าให้เกิดข้ึนใน
สายตาลกู คา้ รวมถงึ การเพม่ิ ความได้เปรียบต่อคู่แข่งในตลาด จึงได้เกิดหลักการใหม่ในการบริหารธุรกิจ ตลาด
และอุตสาหกรรมข้ึนมาว่า ธุรกิจไม่สามารถดาเนินอยู่ได้เพียงผู้เดียว การดาเนินธุรกิจอุตสาหกรรมในยุคนี้
จาเป็นทีจะต้องหันมาจับมือกับธุรกิจรอบตัว จึงได้ริเร่ิมการใช้เครื่องมือทีเรียกว่า ห่วงโซ่คุณค่า เพ่ือช่วย
แยกแยะกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีความสาคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการแข่งขันในตลาด ธุรกิจรอบตัวท่ีกล่าวถึงนี้จะรวมท้ัง
รอบตัวในแนวดิ่งและแนวราบ ความร่วมมือระหว่างธุรกิจในแนวด่ิงจะรวมถึงธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลผลิตจริงใน
สายการผลิตของตน ต้ังแต่ผู้จัดหาวัตถุดิบ ผู้จัดส่ง ผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้าและลูกค้า ส่วนความร่วมมือใน
แนวราบนั้นจะรวมถึงธุรกิจที่มีลักษณะส่งเสริมหรือสนับสนุนหรือเป็นคู่ค้าท่ีมีประโยชน์ก่อให้เกิดการเพิ่ม
ผลผลิต หรือยกระดับความสามารถของตนได้ ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกัน แนวคิดการหันมา
จบั มอื กบั ธุรกจิ รอบตัวนี้เป็นแนวคิดทเี รยี กว่า ห่วงโซ่อปุ ทาน (Supply Chain) ซึงจะกล่าวถงึ รายละเอียดดังนี้
3.1 Value Chain หว่ งโซ่คณุ ค่า
Porter (1985) ได้เสนอแบบจาลองห่วงโซ่คุณค่าไว้ โดยมุ่งให้ความสาคัญกับกิจกรรมในโซ่
คณุ ค่าของแตล่ ะหนว่ ยธุรกิจ ต้ังแต่การจดั หาแหลง่ วัตถดุ บิ การแปรรูป ตลอดจนถึงกระบวนการส่งมอบสินค้า
และบรกิ ารใหก้ บั ลกู ค้า โดยมุ่งสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ทางธุรกิจ ด้วยการวิเคราะห์มูลค่าเพ่ิมท่ีเกิดขึ้น
ในแต่ละขั้นตอนหรอื กจิ กรรม ดังน้ัน หว่ งโซค่ ุณคา่ จงึ เป็นการเช่ือมโยงกิจกรรมต่างๆ ทส่ี ร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-
Creation Activities) และเกิดการเชื่อมโยงกับคู่ค้าในโซ่อุปทานด้วยกัน การเชื่อมโยงกิจกรรมที่เกิดข้ึนท้ัง
ภายในและภายนอกองค์กร ส่งผลต่อศกั ยภาพในการแข่งขนั (Competitive position)
Porter ได้จาแนกคุณค่าของกิจกรรมภายในองค์กรออกเป็น 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมหลัก Primary
Activities) และกิจกรรมสนับสนนุ (Support Activities) โดยกจิ กรรมทุกประเภทมีส่วนในการช่วยเพ่ิมคุณค่า
ให้กับสินค้าหรือบริการของบริษัท กิจกรรมหลัก 5 กิจกรรมเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกบการผลิตหรือ
สร้างสรรคส์ ินคา้ หรือบริการ การตลาดและการขนส่งสินค้าหรือบริการไปยังผู้บริโภค ระบบสารสนเทศจะเป็น
องค์ประกอบหน่ึงในห่วงโซ่คุณค่าในสว่ นของการพฒั นาเทคโนโลยี ที่จะนามาใช้ในการวางแผน การดาเนินงาน
การตัดสินใจ และการควบคุม โดยจะต้องทาหน้าท่ีสนับสนุนเชื่อมต่อกิจกรรมในทุกๆ องค์ประกอบของห่วงโซ่
คุณคา่ เป็นการสร้างความไดเ้ ปรยี บในเชงิ แข่งขนั ของธุรกจิ หรือองค์กรเป็นอย่างดี
ภาพท่ี 2 การใช้ Value Chain Model ในการพัฒนาข้าวหอมมะลิเพ่ือการส่งออก
จากแผนภาพสามารถอธิบายกระบวนงานในการพัฒนาข้าวหอมมะลิเพื่อการส่งออก ตามห่วงโซ่
คุณค่าข้าวหอมมะลิได้ดังนี้ โดยกระบวนงานหลักในการพัฒนาข้าวหอมมะลิเพื่อการส่งออกประกอบด้วย 4
กระบวนงาน คือ กระบวนงานหลักก่อนการเก็บเก่ียว (Pre-Harvest) เป็นกระบวนงานทีเริมตังแต่การเตรียม
พื้นท่ี ปลูก การจัดการพื้นท่ีและแปลงปลูก การส่งเสริมการผลิตและการใช้เมล็ดพันธุ์ การปรับปรุงดิน การ
จัดระบบน้าการจัดการศัตรูพืช เพ่ือส่งเสริมให้เกษตรกรมีมาตรฐานในการเพาะปลูก ได้ข้าวทีมีคุณภาพ และ
ได้ผลผลิตสูง กระบวนงานหลักหลังเก็บเก่ียว (Post-Harvest) เป็นกระบวนงานเพ่ือการแปรสภาพผลผลิตทีมี
มาตรฐาน และ สามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าข้าวหอมมะลิ รวมถึงการเพ่ิมและสร้างมูลค่าเพ่ิมให้ข้าวหอมมะลิ
เพ่ือการส่งออก กระบวนงานหลักด้านอุตสาหกรรม (Manufacturing) เป็นกระบวนงานเพื่อการแปรสภาพ
ผลผลิตทีมมี าตรฐาน และสามารถพัฒนาคณุ ภาพสนิ ค้าข้าวหอมมะลิ รวมถึงการเพิ่มและสร้างมูลค่าเพ่ิมให้ข้าว
หอมมะลิเพื่อการสง่ ออก และกระบวนงานหลักด้านการค้า (Trading) เป็นกระบวนงานทีส่งเสริมกระบวนงาน
ในด้านการตลาด และโลจิสติกส์ของข้าวหอมมะลิ ซ่ึงเกี่ยวข้องกบการเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันและ
ศูนย์กระจายสินค้า และโลจิสติกส์โดยกระบวนงานหลักนั้นจะประกอบไปด้วย 3 กระบวนงานย่อย (Sub-
process) คือ กระบวนงานเพ่ิมผลผลิต พัฒนาคุณภาพและลดต้นทุน กระบวนงานแปรสภาพ เพ่ิมและสร้าง
คณุ ค่า และ กระบวนงานพฒั นาระบบการตลาด
3.2 Supply Chain ห่วงโซ่อปุ ทาน
ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) คือ กระบวนการที่เช่ือมโยงการดาเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อ
ตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าปลายทางท้ังในด้านสินค้าและบริการ เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด
ประกอบด้วยจุดที่สาคัญคือ ผู้ส่งมอบ (Suppliers) โรงงานผู้ผลิต (Manufactures) ศูนย์กระจายสินค้า
(Distribution centers) และรา้ นค้าย่อยและลกู ค้าหรอื ผู้บริโภค (Retailers or customers) ทั้งนี้ความสาเร็จ
ท่ีจะเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน จะประกอบด้วยการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร สินค้าและเงินทุน ซ่ึงจะอยู่
ระหว่างขนั้ ตอนแตล่ ะกระบวนการ ในการตอบสนองต่อความพงึ พอใจของลูกค้า
กระบวนการในห่วงโซ่อุปทานท่ีขึ้นอยู่กับการดาเนินงานที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการของ
ผบู้ ริโภค สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ กระบวนการดึง (Pull) เป็นการดาเนินการโดยการเร่ิมจากคาสั่งการ
ส่ังซ้ือของผู้บริโภคโดยสามารถรู้ความต้องการของผู้บริโภคที่แน่นอน และกระบวนการผลัก (Push) เป็นการ
ดาเนินการโดยการผลิตก่อนคาส่ังการส่ังซ้ือของผู้บริโภค ซึ่งเป็นความต้องการที่ไม่แน่นอนต้องมีการพยากรณ์
ลว่ งหนา้
ภาพท่ี 3 ลกั ษณะของห่วงโซ่อุปทาน แบบ Push/Pull
การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ประกอบไปด้วยขั้นตอนทุกๆ ข้ันตอนที่
เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมท่ีมีต่อการตอนสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งไม่เพียงแต่อยู่ในส่วนของ
ผู้ผลิตและผู้จัดส่งวัตถุดิบเท่านั้น แต่รวมถึงส่วนของผู้จัดส่ง คลังสินค้า พ่อค้าคนกลางและลูกค้าอีกด้วย ส่ิงท่ี
เป็น ตัวเช่ือมต่อองค์ประกอบต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานคือ สายสัมพันธ์ทางธุรกิจ (Business Relationship)
ต้ังแตต่ น้ น้า (Upstream) ถึงปลายน้า (Downstream) ซ่ึงการมีสายสัมพันธ์ท่ีดีในทางธุรกิจจะทาให้เกิดความ
ไว้วางใจ (Trust) นาไปสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance) และจะทาให้การดาเนินงานภายใน
โซ่อุปทานเป็นผลในทางปฏิบัติมากข้ึน ท้ังนี้การดาเนินงานภายใต้โซ่อุปทาน จะพิจารณาถึงผลการดาเนินงาน
ในระยะยาวของธุรกิจ ทีjจะกอ่ ให้เกิดประโยชน์รวมกันของทุกฝ่าย (Mutually Benefit) กลยุทธ์ในการแข่งขัน
คือ การระบุความต้องการของลูกค้าซ่ึงองค์กรจะต้องตอบสนองความต้องการน้ันเพ่ือท่ีจะทาให้เกิดความพึง
พอใจในผลิตภัณฑ์ หรือบริการของตน ดังน้ันกลยุทธ์ในการแข่งขันขององค์กรจะได้รับการกาหนดบนพื้นฐาน
ของการให้ความสาคัญของลูกค้า โดยจะมุ่งเป้าหมายท่ีลูกค้าหนึ่งกลุ่มหรือมากกว่านั้น โดยพยายามท่ีจะ
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าคือ การบรรลุถึงความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์ขององค์กรจะเชื่อมโยงอยู่กับส่ิง
สาคัญคือ เป้าหมายของกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทาน ซ่ึงเป็นการทาให้เกิดความสมดุลระหว่างการตอบสนองความ
ตอ้ งการของลกู คา้ และประสิทธภิ าพ จะมีผลในด้านความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์กับกลยุทธ์เชิงการแข่งขันในการ
ท่ีจะทาให้บรรลุเป้าหมายน้ี องค์กรจะต้องพิจารณาถึงการใช้ตัวขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานท้ัง 4 ด้าน ได้แก่
สนิ คา้ คงคลงั การขนสง่ ส่ิงอานวยความสะดวก และข้อมูลข่าวสาร
ภาพที 4 โครงสร้างโซ่อปุ ทานยางพาราในประเทศไทย
จากแผนภาพเป็นตัวอย่างการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานยางพาราในประเทศไทย โดยโซ่อุปทาน
ยางพารา เริมต้นจากเกษตรกรเตรียมพื้นท่ีปลูกยาง โดยจะคัดสรรพันธ์ุยางให้เหมาะสมกบพ้ืนที่ จัดการดูแล
สวนยาง จนกว่าจะให้ผลผลิต ได้แก่ น้ายางสด ยางแผ่นดิบ และเศษยาง ซึ่งผลผลิตเหล่าน้ีเกษตรกรจะขาย
ให้กับกลไกตลาดภายในประเทศ ประกอบด้วย สหกรณ์ พ่อค้าคนกลาง และตลาดกลางยางพารา ทาหน้าท่ี
เป็นตัวกลางในการเก็บรวบรวมยางธรรมชาติจากเกษตรกรให้กับโรงงานแปรรูปยางธรรมชาติในประเทศ เม่ือ
โรงงานแปรรูปยางธรรมชาติรับซื้อยาง จะนามาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นยางแปรรูปชนิดต่างๆ เช่น ยาง
แผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ายางข้น เป็นต้น เพื่อใช้ในอุตสาหกรรผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศและเพ่ือการ
ส่งออกเป็นสว่ นใหญ่ จากการท่ีสวนยางพารามกี ารกระจายตัวอยู่ทั่วไประเทศและโรงงานแปรรูปยางธรรมชาติ
มีการกระจายตัวตาม พ้ืนที่ปลูกยางพารา แต่โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ยางมีการกระจุกตัวอยู่ในภาคกลางและ
ภาคตะวันออกของประเทศดังน้ัน จึงจาเป็นต้องมีกระบวนการขนส่งภายในประเทศทั้งทางถนน ทางราง และ
ทางน้า เพื่อนายางแปรรูปส่ง ให้กับโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ยาง ได้แก่โรงงานผลิตยางยานพาหนะ โรงงานผลิต
ถงุ มือยาง โรงงานผลติ ยางยดื และโรงงานผลิตยางรดั ของ
โดยสรุปแล้ว การจัดการห่วงโซ่อุปทาน เป็นการจัดการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ปลายทาง โดยเกดิ จากการร่วมมือกันในการดาเนินงานระหว่างหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ เพื่อให้การไหลของ
สนิ ค้า ขอ้ มูล และเงิน เป็นไปไดอ้ ย่างสมบูรณ์
ตารางเปรยี บเทียบ ห่วงโซ่อปุ ทาน (Supply chain) และ ห่วงโซค่ ณุ คา่ (Value chain)
ประเด็นเปรยี บเทียบ Supply chain Value chain
นิยาม - การจัดการการไหลท้ังหมดของสนิ คา้ จากซัพ - ห่วงโซข่ องกจิ กรรมท่ีทาให้ผล
พลายเออร์ถงึ ผูบ้ ริโภคท้ายสุด ผลติ มคี ุณค่ามากกว่าผลรวมของ
- โดยพจิ ารณาถงึ การบูรณาการของ คณุ คา่ ในแตล่ ะกิจกรรม
กระบวนการทางธุรกิจในโซ่อุปทาน
จุดเนน้ - เนน้ ท่ีกิจกรรมต้นน้าเพ่ือบรู ณาการซัพพลาย - เน้นที่กิจกรรมปลายน้าเพื่อสรา้ ง
เออรแ์ ละกระบวนการของผู้ผลติ คุณค่าในสายตาของลกู ค้า
- ต้นทุนและประสทิ ธภิ าพในการจัดสง่
- ลดของเสยี
วัตถุประสงค์ - เพ่อื ลดตน้ ทุน - เพอื่ เพมิ่ คุณค่าโดยตัดกจิ กรรมท่ี
- เพื่อเตมิ เต็มความตอ้ งการของลกู ค้าให้ ไมจ่ าเป็นออกไป และเพิม่ กจิ กรรม
สามารถใช้ทรัพยากรไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ บางอย่างทใ่ี ห้คุณค่าเพม่ิ ขนึ้
สงู สดุ รวมถึงความสามารถในการกระจาย
สินค้าและแรงงาน
ขอบเขต - เริ่มตั้งแตก่ ารจัดหาวัตถดุ บิ จนถึงการส่ง - เริ่มตงั้ แตก่ ารจดั หาวตั ถดุ ิบจนถึง
มอบผลติ ภณั ฑ์หรือต้ังแต่ซพั พลายเออร์ของ การสง่ มอบผลิตภัณฑ์
ซัพพลายเออร์จนถึงลูกคา้ ของลกู ค้า
สรปุ
ความหมายและแนวคิดของห่วงโซ่คุณค่าได้ว่าเป็นการศึกษาการดาเนินการทีเกิดข้ึนใน ห่วงโซ่คุณค่า
โดยให้ความสาคัญกบั กจิ กรรมทสี่ ร้างความสัมพนั ธ์และการเพ่ิมมูลค่าใหก้ บสินคา้ ของโซ่คุณค่า วงจรของห่วงโซ่
คุณค่าจะต้องมองความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่างๆ อย่างครบวงจร โดยพิจารณาว่า กระบวนการใดบ้างท่ีมี
ความสาคัญจากต้นน้าถึงปลายนา้ และกาหนดผ้รู ับผิดชอบของแต่ละกระบวนการให้ชัดเจน โดยแยกบทบาทให้
ชัดเจนว่าใครมีหน้าทอ่ี ย่างไร เพือ่ ไปสูก่ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกัน
คุณค่า หมายถึง ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ และ มูลค่า หมายถึง จานวนเงินที่ ลูกค้าพร้อมจะจ่าย
เพ่ือซ้ือสินค้าและบริการ แนวคิดของห่วงโซ่คุณค่า คือ กิจกรรมใน แต่ละกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่านั้น จะ
เพิ่ม คุณค่าหรือประโยชน์ให้กับผลิตภัณฑ์สุดท้าย โดยแต่ละขั้นตอนหรือกิจกรรมในห่วงโซคุณค่าน้ัน จะเพ่ิม
คุณค่าใหผ้ ลติ ภณั ฑส์ ุดทา้ ยด้วย
ห่วงโซ่คณุ คา่ หรอื มูลคา่ หรอื ห่วงโซ่การผลิต (Value Chain) หมายถึง กจิ กรรมท้ังหมดท่ีใช้เพิ่มมูลค่า
ในการผลิตสินค้าหรือบริการซึ่งมีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ต้ังแต่กระบวนการจัดการวัตถุดิบและปัจจัย
อื่นๆ จนกระทัง่ ถงึ การจดั สง่ สนิ ค้าและบรกิ ารใหผ้ บู้ ริโภคคนสดุ ทา้ ย ดงั นี้
การจัดหาปัจจัยการผลติ (ตน้ นา้ )
(กลางนา้ )
การผลติ
การรวบรวมผลผลติ การทาความสะอาดและการคดั เกรดสินคา้
(ปลายน้า)
การค้า/คา้ สง่
การแปรรูปและบรรจหุ ีบห่อ
การขายปลีก/การส่งออก
เอกสารอา้ งองิ
กฤษณา จันทรค์ ล้าย. การวเิ คราะหโ์ ซ่ อุปทานยางพาราของการสร้ างมลู ค่าเพมิ . หลักสูตรปริญญาวิศวกรรม
ศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิศวกรรมระบบการผลติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี
นิภา หวงั สนิ ทวกี ลุ . หว่ งโซ่ อุปทานของมะมว่ งพนั ธน์ าดอกไม้ เพื่อการส่ งออกไปประเทศญีป ุ ่ น ในจงั หวดั ุ
ฉะเชิงเทรา. หลกั สตู รวิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, 2550.
บุณฑรี จันทร์กลับ. การวิเคราะห์โซ่ คุณคา่ ของขา้ วในพืนทีล่มนาปากพนัง. ุ หลักสูตรปรญิ ญาวทิ ยาศาสตร
มหาบัณฑติ สาขาวชิ าการจดั การดา้ นโลจสิ ติกส์ บณั ฑิตวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2550.
มุนินทร์ ลพบุรี . การศึกษาปัจจยั สาคญั แห่ งความสาเร็จในการจัดการโซ่ อปุ ทานในอุตสาหกรรมค้าปลกี .
หลักสตู รวศิ วกรรมศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2550.
สถาบนั ยทุ ธศาสตร์ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น และ สานักงานคณะกรรมการพฒั นา
ระบบ ราชการ. หว่ งโซค่ ุณค่า (Value Chain) ข้าวหอมมะลิเพือ่ การสง่ ออก. 2549.
อภิชาต โสภาแดง และคณะ. โครงการ “การศึกษาระบบจัดการโซ่ อปุ ทานของลาไยสดในประเทศไทย”.
กรงุ เทพฯ: สานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย, 2551.