The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-Book คู่มือพัฒนาหลักสูตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yordanong jhomhongbhibhat, 2020-05-06 08:40:51

E-Book คู่มือพัฒนาหลักสูตร

E-Book คู่มือพัฒนาหลักสูตร

45

การพจิ ารณามอบหมายผ้จู ัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
คณะครูทุกคนเปน็ ทีป่ รึกษากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ตามท่ีสถานศึกษามอบหมายโดยมบี ทบาทดังน้ี
1. ปฐมนเิ ทศผเู้ ข้าเรียนให้เข้าใจเป้าหมาย วิธกี ารจดั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
2. เลอื กต้ังคณะกรรมการการดำเนินกิจกรรม
3. ส่งเสริมการจัดทำแผนงาน / โครงการ โดยให้ผู้เรียนร่วมแสดงความคิดเห็นในการจัดทำแผนงาน

โครงการ และปฏทิ ินปฏิบัตงิ าน
4. ประสานงาน และอำนวยความสะดวกในดา้ นทรพั ยากรตามความเหมาะสม
5. ให้คำปรึกษา ดูแล ติดตามการจัดกิจกรรมของผู้เรียนให้เป็นไปตามแผนงานด้วยความเรียบร้อย

และปลอดภยั
6. ประเมนิ ผลการเขา้ รว่ มและปฏิบตั กิ ิจกรรมของผเู้ รียน
7. สรปุ และรายงานผลการจดั กิจกรรมตอ่ หวั หน้ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น

ข้ันตอนการดำเนนิ การของกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
1. ประชมุ ผทู้ เ่ี กีย่ วขอ้ ง เพื่อกำหนดนโยบาย
2. แตง่ ต้งั คณะทำงาน
3. สำรวจความสนใจของผ้เู รียนและความพรอ้ มของสถานศึกษา
4. กำหนดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
5. วางแผนรว่ มกันระหว่างผู้ที่เกีย่ วขอ้ ง จดั ทำแผนงานโครงการและปฏิทนิ ปฏบิ ตั ิงาน
6. ปฏิบัตงิ านตามแผนทกี่ ำหนด
7. นเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล
8. สรปุ รายงานผล
5. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

องค์ประกอบที่ 5 เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา

ในการกำหนดเกณฑ์การจบการศึกษาในหลักสูตรสถานศึกษานั้น สถานศึกษาควรศึกษาหลักการวัด
และประเมินผลการเรียนรูข้ องผู้เรียน เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางฯกำหนด ซึ่งต้องอยู่บนหลักการ
พื้นฐาน 2 ประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการ
เรยี นรขู้ องผเู้ รียใหป้ ระสบผลสำเร็จนัน้ ผู้เรยี นจะตอ้ งได้รับการพฒั นาและประเมนิ ตามตัวชว้ี ัดเพ่ือให้บรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคญั และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผ้เู รยี น ซ่ึงเป็นเป้าหมายหลัก
ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับท้องถ่ิน
หรือเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพ
ผู้เรียน โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จ
ทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้
อยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ท้องถนิ่ หรอื ระดบั เขตพน้ื ที่การศึกษา และระดบั ชาติ ดงั น้ี

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั อุบลราชธานี

46

1. การประเมนิ ระดบั ชนั้ เรียน 47
เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและ

สม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต
การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ
ฯลฯ โดยผูส้ อนเปน็ ผูป้ ระเมนิ เองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมนิ เพื่อน ผู้ปกครองรว่ ม
ประเมิน ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชี้วัดให้มีการสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า
ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่
และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมใน ด้านใดนอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้
ผสู้ อนใชป้ รับปรุงการเรยี นการสอนของตนด้วย ทั้งน้ีโดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ดั

2. การประเมินระดับสถานศกึ ษา
เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค

ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตาม
เป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษา
เปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการ
ปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและ การรายงานผลการจัด
การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้
พน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน

3. การประเมนิ ระดบั ทอ้ งถ่ินหรือเขตพื้นที่การศึกษา
เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับท้องถิ่นหรือเขตพื้นที่การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขต
พื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนดว้ ย
ข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยท้องถิ่นจังหวัดหรือเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับ
หน่วยงานตน้ สงั กดั ในการดำเนนิ การจดั สอบ นอกจากนยี้ ังได้จากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มลู จากการประเมิน
ระดับสถานศึกษาในเขตพนื้ ท่ีการศึกษา

4. การประเมนิ ระดบั ชาติ
เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลาง

การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน สถานศึกษาต้องจดั ให้ผเู้ รียนทกุ คนทเี่ รยี นท้ังในระดบั ประถมศึกษาและระดบั มัธยมศึกษา
เขา้ รับการประเมินตามที่สงั กัดกำหนด ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมลู ในการเทียบเคยี งคุณภาพการศึกษาใน
ระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการ
ตดั สนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน
พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรบั ผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรับปรุง
แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี
จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ
กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวัดอบุ ลราชธานี

47

จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้ 48
ผเู้ รยี นได้รบั การพฒั นาและประสบความสำเร็จในการเรยี น

สถานศกึ ษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจดั ทำระเบียบว่าดว้ ยการวดั และประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน เพ่อื ใหบ้ ุคลากรที่เกย่ี วข้องทุกฝ่ายถือปฏิบตั ริ ว่ มกัน

เกณฑ์การจบการศึกษาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในหลักสูตรสถานศึกษา โดยสถานศึกษาต้องกำหนด
คุณสมบัติของผู้ที่จบการศึกษาในแต่ละระดับพัฒนาเกณฑ์การจบให้สอดคล้องสัมพันธ์กับเกณฑ์การจบ
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนด ซึ่งในการปรับปรุ งมาตรฐานและ
ตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลง พ.ศ.2560 ที่ได้นำเสนอรายละเอียดของการปรับปรุงหลักสูตร
กลุ่มสาระทั้ง 4 กลุ่มสาระ ไว้ในส่วนที่ 1 นั้น สำหรับการวัดและประเมินผลยังคงใช้เกณฑ์การวัดและ
ประเมนิ ผลเพอื่ การจบหลักสตู รในแต่ละระดบั การศึกษาท่ีกำหนดไวต้ ามเดิม

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2551:60) ได้ให้แนวทางการกำหนดเกณฑ์การจบ
การศึกษา ระเบียบและเอกสารการวัดและประเมนิ ผลหลักสูตรสถานศกึ ษาไว้ดงั น้ี

การกำหนดเกณฑ์การจบการศึกษา
คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและงานวิชาการของสถานศึกษาพงึ ศึกษาเอกสารหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา
ขนั้ พ้นื ฐาน ในสว่ นของโครงสร้างเวลาเรียนและเกณฑ์การจบหลกั สูตรวา่ มขี อ้ กำหนด

และเงื่อนไขอะไรบ้าง พร้อมทั้งพิจารณาหลักสูตรสถนศึกษาเพื่อกำหนดเกณฑ์การจบหลักสูตรให้
สอดคล้องกนั ทั้งการจบระดับประถมศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เกณฑ์
ดงั กล่าวนีจ้ ะตอ้ งระบุไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษาด้วย

การจัดทำระเบยี บการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษา จะต้องทำเอกสารว่าด้วยว่าระเบียบการวัดและ

ประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้บุคลากรผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติร่วมกัน เช่น ระเบียบเกี่ยวกับการตัดสินผล
การเรียน การซอ่ มเสริม การเล่ือชน้ั การตกซ้ำชนั้ การรายงานผลการเรียน เปน็ ตน้ สาระของระเบียบดังกล่าว
จะต้องกำหนดให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรสถานศึกษา โดยอยู่บน
พื้นฐานของนโยบายด้านการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา รวมถึงหลัก
วชิ าการดา้ นการวัดและประเมินผลการศกึ ษา

การจดั ทำเอกสารบนั ทึกผลและรายงานผลการเรียนรู้
สถานศึกษาต้องจัดทำเอกสารบันทึกผลและรายงานผลการเรียนรู้ ได้แก่ 1) ระเบียนแสดงผล

การเรยี น 2) ประกาศนยี บตั ร และ 3) แบบรายงานผสู้ ำเรจ็ การศกึ ษา โดยใช้แบบพพิ มพท์ ก่ี ระทรวงศึกษาธิการ
กำหนด นอกจากนัน้ สถานศึกษาควรจะจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษาเพ่ือบนั ทึกผลการประเมิน และข้อมูล
ต่างๆ เกี่ยวกับผู้เรียน เอกสารบันทึกผลและรายงานผลการเรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้สำหรับเก็บข้อมูลผล
การเรียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียน และเพื่อรายงานผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อ
ตรวจสอบและใหค้ วามรว่ มมือชว่ ยเหลือในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนต่อไป

เมื่อสถานศึกษาจัดทําหลักสูตรทีส่ อดคลองกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) และเหมาะสมกับสภาพบริบทของตนเองแล้ว ภารกจิ ต่อไปคือวางแผนการวัด
และประเมินผลการเรียนรู้ โดยในการประเมินความรู้และทักษะต่างๆ ตามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ควรบูรณาการ
ไปพร้อมๆ กับการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์และการ
ประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเรียน

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจงั หวดั อุบลราชธานี

48

นอกจากนส้ี ถานศึกษาต้องตรวจสอบเพ่มิ เติม เพื่อใหมนั่ ใจวา่ การจดั การเรยี นรูและการประเมินผลการ
เรียนรู้ที่ครูผูสอนดําเนินการนั้น นําไปสู่การพัฒนาสมรรถนะสําคัญของผูเรียน 5 ประการ ตามที่หลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กําหนด ได้แก ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถใน
การคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช
เทคโนโลยี โดยสมรรถนะสําคัญทั้ง 5 ประการนั้น ควรเป็นผลการประเมินองค์ประกอบทั้ง 5 ด้านไปพร้อม ๆ
กับการประเมินคณุ ลักษณะอืน่ ๆ

ในเอกสารนี้ ได้นำเสนอตัวอย่าง “การเขียนองค์ประกอบที่ 5 เกณฑ์การจบหลักสูตร ระดับ
ประถมศึกษา” สำหรับ สถานศึกษาอาจนำไปปรับ/ประยุกต์ใช้ในการจัดทำเกณฑ์การจบหลักสูตรตามบริบท
ของแตล่ ะสถานศึกษา ตอ่ ไป

ตวั อยา่ งการเขียนองคป์ ระกอบที่ 5 เกณฑก์ ารจบหลกั สตู ร

เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนพระแม่มารีอบุ ลราชธานี
โรงเรียนพระแม่มารีอุบลราชธานี ไดก้ ำหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียนดังนี้

1. การตดั สนิ การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรยี น
1.1 การตดั สนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนนัน้ ผู้สอนตอ้ งคำนึงถงึ การพัฒนาผเู้ รียนแต่ละคน
เป็นหลัก และต้องเกบ็ ข้อมลู ของผเู้ รียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในแตล่ ะภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อม
เสริมผ้เู รียนใหพ้ ัฒนาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ

ระดบั ประถมศกึ ษา
(1) ผูเ้ รียนต้องมเี วลาเรียนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด
(2) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ ทุกตัวช้วี ัด และผ่านตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษา-กำหนด
(3) ผูเ้ รียนต้องได้รบั การตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า
(4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา-กำหนด
ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน
การพิจารณาเลื่อนชั้นทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ของโรงเรียนพระแม่มารีอุบลราชธานี
ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย จะทำการพิจารณาว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ใน
ดุลพินิจของครผู ู้สอนท่ีจะผ่อนผันให้เลื่อนช้ันได้ แตห่ ากผ้เู รยี นไมผ่ ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะ
เป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึน้ ต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ โดยคำนึงถึง
วฒุ ภิ าวะและความรูค้ วามสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคญั

1.2 การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ระดับประถมศึกษาในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา โดยให้ระดับผลการเรียน

หรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และระบบที่ใช้คำ
สำคญั สะท้อนมาตรฐาน

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศึกษาธิการจงั หวดั อบุ ลราชธานี

49

การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน และคุณลักษณะอันพงึ ประสงคน์ ้ัน ใหร้ ะดับผลการ 50
ประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี และผ่านการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วม
กิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วม
กจิ กรรมเป็นผ่าน และไมผ่ ่าน

1.3 การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรียนเปน็ การสือ่ สารใหผ้ ูป้ กครองและผู้เรยี นทราบความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้
ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ
หรอื อย่างน้อยภาคเรยี นละ 1 ครง้ั
การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุ ณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อน
มาตรฐานการเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรู้

2. เกณฑก์ ารจบการศึกษา
หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นพระแมม่ ารีอุบลราชธานี พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลาง

การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ไดก้ ำหนดเกณฑก์ ารจบการศกึ ษา ดังน้ี
2.1 เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศกึ ษา
(1) ผเู้ รียนแตล่ ะระดับช้นั ต้องเรยี นวชิ าพน้ื ฐาน และวชิ าเพม่ิ เตมิ ดังน้ี
- ผ้เู รยี นระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน จำนวน 840 ช่ัวโมง
รายวชิ าเพิม่ เติมจำนวน 320 ชว่ั โมง
- ผเู้ รียนระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน 840 ชั่วโมง
รายวิชาเพิ่มเตมิ จำนวน 320 ช่ัวโมง
- ผู้เรยี นระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน 840 ชวั่ โมง
รายวชิ าเพิม่ เตมิ จำนวน 320 ช่วั โมง
- ผเู้ รียนระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน จำนวน 840 ชัว่ โมง
รายวชิ าเพิ่มเติมจำนวน 320 ชัว่ โมง
- ผูเ้ รยี นระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน จำนวน 840 ช่วั โมง
รายวชิ าเพิ่มเติมจำนวน 320 ช่ัวโมง
- ผู้เรยี นระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เรียนรายวชิ าพื้นฐาน จำนวน 840 ชั่วโมง
รายวิชาเพมิ่ เติมจำนวน 320 ชว่ั โมง

โดยมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานผ่านทกุ รายวิชา มเี วลาเรยี นตลอดปไี ม่ต่ำกวา่ ร้อยละ 80
(2) ผูเ้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนในระดบั “ผา่ น” ข้ึนไป
(3) ผเู้ รียนมตี ้องผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นระดบั “ผ่าน” ข้ึนไป
(4) ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน”

ทุกกิจกรรมผู้เรียนที่มีผลการประเมิน ผ่านเกณฑ์มาตรฐานครบทั้ง 4 เกณฑ์ จัดเป็นผู้ได้รับการตัดสินให้ผ่าน
ช่วงช้นั ทง้ั นีข้ ึน้ อย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของคณะกรรมการประเมินผลการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รสถานศึกษา

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศึกษาธิการจังหวดั อุบลราชธานี

50

3. การเลอื่ นชน้ั 51
ผู้เรียนได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรียนและได้รับการเลื่อนขั้นเมื่อสิ้นปีการศึกษาโดยมี

คณุ สมบตั ิตามเกณฑ์ ดงั น้ี
1. รายวิชาพืน้ ฐาน ไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นผา่ นทกุ รายวิชา
2. รายวิชาเพ่มิ เตมิ ได้รับการตัดสนิ ผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำหนด
3. ผ้เู รียนต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดในการอ่าน

คดิ วเิ คราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
4.ระดับผลการเรียนเฉล่ียในปีการศกึ ษานัน้ ต้องไดไ้ ม่ต่ำกว่า 1.00

ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผู้สอนสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการแก้ไขในภาค
เรียนถดั ไป

4. เอกสารหลักฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ

ที่เก่ียวข้องกับพัฒนาการของผ้เู รียนในด้านตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
4.1. เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด
1.ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการ

เรียนของผูเ้ รยี นตามรายวิชา ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน ผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึง
ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออก
เอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6)
จบการศึกษาภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน(ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6) หรือเม่ือ
ลาออกจากสถานศึกษาในทุกกรณี

2. ประกาศนยี บัตร (ปพ.2) เป็นเอกสารแสดงวฒุ กิ ารศึกษาเพ่ือรับรองศักดแ์ิ ละสิทธิ์ของผู้จบ
การศึกษา ที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพื้นฐานตามหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน

3. แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา(ปพ.3) เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึก
รายชือ่ และข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6)

4.2 เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษากำหนด
โรงเรียนพระแม่มารีอุบลราชธานี ได้จัดทำเอกสารขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ และ

ข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา
ระเบียนสะสม ใบรบั รองผลการเรยี น และ เอกสารอืน่ ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ ดังน้ี

1. แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา(ปพ.5) เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอน
ใช้บันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอ่าน
คิดวิเคราะห์ และเขียน สำหรับการพิจารณาตัดสินผลการเรียนแตล่ ะรายวิชาเป็นรายห้องเรยี นเอกสารบันทกึ
ผลการเรียนประจำรายวชิ า นำไปใชป้ ระโยชน์ ดังน้ี

- ใช้บันทกึ พัฒนาการ ผลการเรยี นรู้ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ การอา่ น คดิ วิเคราะห์และ
เขียน และผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นของผู้เรียนแตล่ ะรายวิชา

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดอบุ ลราชธานี

51

- ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ และผล 52
การเรียนรู้ของผู้เรียน

2. แบบรายงานประจำตัวนักเรียน (ปพ.6) เป็นเอกสารที่จัดทำขนึ้ เพื่อบันทึกข้อมูลผลการ
เรียนรายวิชา และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์การตัดสินการผ่านระดับชั้นของ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งข้อมูลด้านอื่น ๆ ของผู้เรียนที่บ้านและสถานศึกษา โดยจัดทำ
เป็นเอกสารรายบุคคล เพื่อใช้สำหรับสื่อสารให้ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียนและ
พฒั นาการดา้ นต่าง ๆ ของผู้เรียนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แบบรายงานประจำตัวนกั เรียน นำไปใช้ประโยชน์ดังน้ี

- รายงานผลการเรียน ความประพฤติ และพฒั นาการของผ้เู รียนใหผ้ ูป้ กครองไดร้ ับทราบ
- ใช้เป็นเอกสารสื่อสาร ประสานงาน เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข
ผเู้ รยี น
- เป็นเอกสารหลักฐานสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการ
ตา่ ง ๆ ของผู้เรยี น
3. ระเบียนสะสม (ปพ.8) เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของ
ผเู้ รียนในดา้ นตา่ ง ๆ เป็นรายบคุ คลโดยจะบันทึกข้อมูลของผเู้ รยี นอยา่ งต่อเนอื่ ง ตลอดช่วงระยะเวลาการศึกษา
ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระแม่มารีอุบลราชธานี ที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง 2560) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ดงั น้ี
- ใชเ้ ป็นข้อมลู ในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชพี ของผเู้ รียน
- ใช้เปน็ ข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงบคุ ลิกภาพ ผลการเรียนและการปรับตัวของผเู้ รยี น
- ใชต้ ิดต่อสื่อสาร รายงานพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียนระหว่างสถานศกึ ษากบั ผู้ปกครอง
- ใชเ้ ป็นหลักฐานสำหรบั การตรวจสอบ รับรอง และยนื ยนั คณุ สมบตั ขิ องผเู้ รยี น
4. ใบรับรองผลการเรียน (ปพ.7) เป็นเอกสารท่ีจดั ทำข้ึน เพ่อื ใชเ้ ปน็ เอกสารสำหรับรับรอง
ความเป็นนักเรยี นหรอื ผลการเรยี นของผเู้ รยี นเป็นการชวั่ คราวตามท่ีผเู้ รียนร้องขอ ทัง้ กรณีทผี่ ้เู รียนกำลังศึกษา
อยูใ่ นสถานศึกษาและเมื่อจบการศึกษาไปแล้วนำไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้
- รบั รองความเปน็ นกั เรยี นของสถานศึกษาท่ีเรียนหรอื เคยเรยี น
- รบั รองและแสดงความรู้ วุฒิการศกึ ษาของผเู้ รียน
- ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อสมัครเข้าทำงาน หรือ
เมือ่ มกี รณีอ่นื ใดทีผ่ ู้เรียนแสดงคณุ สมบตั เิ ก่ยี วกับวุฒิความรู้ หรือสถานการณเ์ ป็นผูเ้ รียนของตน
- เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธิ์ความเป็นผู้เรียน หรือการ
ไดร้ บั การรบั รองจากสถานศกึ ษา
5. การเทยี บโอนผลการเรียน
การเทยี บโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีตา่ ง ๆ ได้แก่ การยา้ ยสถานศึกษา การเปล่ียนรูปแบบ
การศกึ ษา การย้ายหลกั สตู ร การออกกลางคนั และขอกลับเขา้ รบั การศึกษาต่อ การศกึ ษาจากตา่ งประเทศและ
ขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้
อื่น ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา การจัดการศึกษาโดยครอบครวั
การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรกท่ี
สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน
สถานศึกษาทรี่ ับเทยี บโอนอยา่ งน้อย 1 ภาคเรียน โดยโรงเรยี นพระแมม่ ารีอุบลราชธานจี ะพิจารณาดำเนินการ
ดังนี้

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัดอุบลราชธานี

52

1. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา ซึ่งจะให้ข้อมูลแสดงความรู้ความสามารถของนักเรียนใน
ดา้ นตา่ ง ๆ

2. พจิ ารณาจากความรู้ ประสบการณต์ รงจากการปฏิบัติจริง การทดสอบ การสัมภาษณ์
3. พจิ ารณาจากความสามารถ และการปฏิบตั จิ รงิ
4. ในกรณีมีเหตุผลจำเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไปศึกษาบาง
รายวิชาในสถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แล้วนำมาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
บรหิ ารหลักสตู รและวชิ าการของโรงเรยี นพระแมม่ ารอี ุบลราชธานี
5. การเทียบโอนผลการเรียนให้คณะกรรมการการเทียบโอนโรงเรยี นพระแม่มารีอุบลราชธานี
จำนวน 5 คน เป็นผดู้ ำเนินการ
6. การเทียบโอนใหด้ ำเนนิ การโดย พจิ ารณากรณผี ้ขู อเทียบโอนมีผลการเรยี นมาจากหลักสูตร
อนื่ ให้นำรายวิชาหรอื หนว่ ยกิต ท่มี ตี วั ชีว้ ัด/มาตรฐานการเรยี นร้/ู ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั /จุดประสงค/์ เน้ือหา
ทสี่ อดคล้องกัน ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 มาเทยี บโอนผลการเรยี นและพจิ ารณาใหร้ ะดับผลการเรียนให้สอดคล้อง
กบั หลกั สตู รทีร่ ับเทียบโอน
ทั้งนี้ วิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการและแนว
ปฏิบัตทิ เ่ี ก่ียวขอ้ ง
6. การบริหารจดั การหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นพระแม่มารีอุบลราชธานี
กระบวนการในการบรหิ ารจดั การนำหลักสูตรไปใช้ถอื ว่าเป็นปจั จัยท่ีสำคัญเป็นอย่างมากทีจ่ ะช่วย
สนับสนุนส่งเสริมให้การใช้หลักสูตรของสถานศึกษาบรรลุผลสูงสุด ดังนั้นสถานศึกษาจึงได้กำหนดแผนการ
บริหารจัดการหลักสูตรของสถานศึกษาขึ้น เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
ในทุก ๆ ส่วน และทุกระดับ เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับจุดหมายของหลักสูตร การพัฒนาการเรียนการ
สอน การนิเทศการศึกษา การบริหารหลักสูตร การประเมินผล และแนวปฏิบัติของสถานศึกษาที่จะต้อง
ดำเนินการให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพความต้องการของหลักสูตรสถานศึกษา สำหรับการบริหาร
จัดการหลักสูตรของสถานศึกษาโรงเรียนพระแม่มารีอุบลราชธานี กำหนดแนวทางการบริหารจัดการไว้ 3
ขัน้ ตอน 7 ภารกจิ ดังนี้
7. แนวทางการบรหิ ารจัดการ
ขนั้ ตอนที่ 1 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา
ภารกจิ ที่ 1 การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศกึ ษา
1.1 สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร
ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ทั้งนี้เพื่อให้เห็นความสำคัญ ความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาของสถานศึกษา
1.2 แต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ
กระทรวงศึกษาธกิ ารว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน
1.3 ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงาน องค์กรในชุมชนทุกฝ่ายได้รับทราบ
และความร่วมมอื ในการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รของสถานศึกษา
1.4 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของสถานศกึ ษาอย่างเปน็ ระบบ
1.5 จดั ทำแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั อบุ ลราชธานี

53

1.6 พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการ
จดั ทำสาระของหลักสตู รสถานศึกษา

ข้ันตอนท่ี 2 การดำเนินการจดั ทำสาระของหลกั สตู รสถานศึกษา
ภารกิจที่ 2 จดั ทำสาระของหลักสูตรสถานศกึ ษา
2.1 ศึกษาวเิ คราะห์ขอ้ มูลท่ีเกย่ี วข้อง
2.2 กำหนดปรชั ญา และเปา้ หมายของการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา
2.3 กำหนดโครงสร้างของหลกั สูตรแตล่ ะรายชน้ั และจัดสดั สว่ นเวลาเรียน
2.4 กำหนดตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้ของกล่มุ วชิ า
2.5 กำหนดสาระและกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี
2.6 กำหนดส่ือการเรียนรู้
2.7 กำหนดการวดั และประเมินผล
ภารกจิ ที่ 3 การวางแผนบรหิ ารจดั การหลักสตู รสถานศึกษา
3.1 การบริหารการจัดการกจิ กรรมการเรยี นรู้
3.2 การบรหิ ารการจัดการกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
3.3 การสง่ เสริมและสนับสนนุ การจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
ภารกจิ ที่ 4 ปฏบิ ัติการบรหิ ารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา

ดำเนินการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รตามภารกิจท่ี 2 และภารกิจที่ 3 ท่กี ำหนดไว้
ข้ันตอนท่ี 3 การนเิ ทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงาน
ภารกจิ ที่ 5 การนเิ ทศ กำกบั ติดตาม ประเมนิ ผล
5.1 การนเิ ทศ กำกับ ติดตาม ประเมนิ ผลการบรหิ ารหลกั สูตร และงานวิชาการภายในสถานศึกษา
5.2 การนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก
สถานศึกษา

ภารกจิ ท่ี 6 สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศกึ ษา
6.1 สถานศึกษาสรปุ ผลการดำเนนิ การ และเขยี นรายงาน
6.2 สรุปผลการดำเนนิ งานรูปแบบบริหารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา
ภารกจิ ที่ 7 ปรับปรงุ และพฒั นากระบวนการบริหารจดั การหลกั สูตร
7.1 สถานศึกษานำผลการดำเนินการ ปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานใน

การวางแผนปรบั ปรุง และพฒั นากระบวนการบรหิ ารจัดการหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
7.2 สถานศึกษาดำเนินการปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพื่อให้เกิด

ประโยชน์มากข้นึ

การตรวจสอบหลักสตู รสถานศึกษา

เมื่อสถานศึกษาจัดทําหลักสูตรสถานศึกษา จนครบทุกองค์ประกอบและสอดคลองกับหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) เหมาะสมกับสภาพบริบทของ
ตนเองแล้ว ภารกิจต่อไปที่ควรต้องดำเนินการก่อนการนำหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษา คือ การตรวจสอบ
หลกั สูตรสถานศึกษา ทุกองค์ประกอบให้เรียบร้อยสมบูรณ์ กอ่ นนำไปเข้าเลม่ เป็นเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั อบุ ลราชธานี

54

ซง่ึ ประกอบด้วย 1) ปกนอก 2) ปกใน 3) คำนำ 4) สารบัญ 5) องคป์ ระกอบและรายละเอยี ดขององค์ประกอบ
หลักสูตรสถานศึกษาทุกองค์ประกอบ และ 6) ภาคผนวก เช่น ประกาศการใช้หลักสูตรสถานศึกษา คำสั่ง
แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรสถานศึกษา
หนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลง มาตรฐานตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงของ
กระทรวงศกึ ษาธิการ เปน็ ต้น ซ่ึงในการตรวจสอบอาจทำเปน็ แบบตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษา จะทำให้เกิด
ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในที่นี้ขอเสนอตัวอย่างแบบตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษา ที่สถานศึกษาสามารถนำไป
ปรับใช้ได้ ดังต่อไปน้ี

ภาคผนวกในเอกสารหลกั สูตรสถานศึกษา ในส่วนของคำส่งั และประกาศที่เก่ยี วขอ้ ง หนงั สอื แจง้
ของกระทรวงศกึ ษาธิการ สถานศกึ ษาสามารถ Download ได้ที่ http://academic.obec.go.th/missiondetail.php?id=34
เชน่

• คำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. 1239/2560 เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ลงวนั ที่ 7 สงิ หาคม พ.ศ. 2560

• คำสั่ง สพฐ. ที่ 30/2561 เรื่อง ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณติ ศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ลงวนั ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

• ประกาศ สพฐ. เรื่อง การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และ
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ลงวนั ท่ี 8 มกราคม พ.ศ. 2561 (หมายเหตุ ขอ้ 3 การจดั การ
เรียนการสอน ข้อ 3.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เทคโนโลยี 2) บูรณาการการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ให้ดำเนินการตามคำสั่ง สพฐ.ที่ 921/2561 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2561)

• คำสั่ง สพฐ. ที่ 921/2561 เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระที่ 2 การออกแบบและ
เทคโนโลยี และสาระที่ 3 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ในกลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพ
และเทคโนโลยี และเปลย่ี นชื่อกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ลงวันท่ี 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

• คำสั่ง สพฐ. ที่ 922/2561 เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างเวลาเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ลงวันท่ี 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

• ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การบริหารจัดการเวลาเรียนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ลงวันที่
11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 (หมายเหตุ ข้อ 1 การบริหารจัดการเวลาเรียน ให้ดำเนินการตาม
คำสัง่ สพฐ.ท่ี 922/2561 ลงวนั ท่ี 3 พฤษภาคม 2561)

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัดอุบลราชธานี

55

ตัวอย่างแบบตรวจสอบการพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)

แบบตรวจสอบการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
โรงเรยี น....................................................อำเภอ......................................กลมุ่ ........................
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำช้ีแจง
1. ตรวจสอบองค์ประกอบหลักสูตรสถานศึกษาตามรายการที่กำหนด แล้วเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงใน
ชอ่ งผลการตรวจสอบตามความเป็นจริง
2. บันทึกแนวทางในการปรับปรุง/แก้ไขแต่ละรายการเพื่อสถานศึกษาจำได้นำไปใช้ประโยชน์ในกา
ปรับปรงุ และพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษาต่อไป
3. หากมขี ้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอ่ืน ใหบ้ ันทึกลงในข้อเสนอแนะ อ่ืน ๆ
4. สรุปผลการตรวจสอบภาพรวมองค์ประกอบหลักสูตรสถานศึกษา โดยเขียนเครื่องหมาย ✓ ลงใน
ตารางแสดงผล การตรวจสอบภาพรวมองคป์ ระกอบหลักสูตร

การใหร้ ะดับคุณภาพ
ให้ระดบั คุณภาพตามท่ีได้พิจารณาตรวจสอบหลักสตู รสถานศกึ ษา โดยเขียนเครือ่ งหมาย ✓ลงใน

ช่องระดับคุณภาพ ดังน้ี
ระดบั คุณภาพ 3 หมายถงึ ครบถ้วน ถกู ต้อง สอดคล้อง เหมาะสม ทุกรายการ
ระดับคุณภาพ 2 หมายถงึ มคี รบทุกรายการ แตม่ ีบางรายการควรปรบั ปรุงแก้ไข
ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ไมม่ ี มีไม่ครบทกุ รายการ ไม่สอดคล้อง ต้องแก้ไขหรือเพ่ิมเติม

ตอนที่ 1 องคป์ ระกอบของหลักสตู รสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551

รายการ ระดับคณุ ภาพ ข้อเสนอแนะ
54321 ปรับปรงุ /แกไ้ ข
1.สว่ นนำ
1.1 ความนำ
แสดงความเชื่อมโยงระหวา่ งหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กรอบหลักสูตรระดบั ทอ้ งถ่นิ
จุดเน้น และความตอ้ งการ ของสถานศึกษา

1.2 วิสัยทัศน์
1.2.1 แสดงภาพอนาคตท่ีพงึ ประสงค์ของผเู้ รยี นท่สี อดคลอ้ งกบั

วิสยั ทศั น์ของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) อยา่ งชัดเจน

1.2.2 แสดงภาพอนาคตที่พึงประสงคข์ องผ้เู รยี นสอดคลอ้ งกบั กรอบ
หลักสตู รระดับทอ้ งถิ่น

1.2.3 แสดงภาพอนาคตทพ่ี งึ ประสงค์ของผเู้ รยี น ครอบคลมุ สภาพความ
ต้องการของโรงเรยี น ชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ

1.2.4 มีความชดั เจนสามารถปฏิบัตไิ ด้

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี

56

1.3 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
มคี วามสอดคลอ้ งกับหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

พทุ ธศกั ราช 2551
1.4 คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1.4.1 มีความสอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช 2551

1.4.2 มคี วามสอดคลอ้ งกบั เป้าหมายจดุ เน้น กรอบหลกั สตู รระดบั
ท้องถน่ิ

1.1.3 สอดคล้องกบั วสิ ยั ทศั น์ของโรงเรยี น
2. โครงสรา้ งหลักสูตรสถานศกึ ษา

2.1 โครงสรา้ งเวลาเรยี น
2.1.1 มีการระบเุ วลาเรียนของ 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ทู เ่ี ปน็ เวลาเรยี น

พ้นื ฐานและเพม่ิ เติม จำแนกแตล่ ะชั้นปอี ยา่ งชดั เจน
2.1.2 มกี ารระบุเวลาจดั กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นจำแนกแต่ละชน้ั ปีอย่าง

ชัดเจน
2..1.3 เวลาเรียนรวมของหลกั สูตรสถานศึกษาสอดคลอ้ งกับโครงสรา้ ง

เวลาเรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)

2.2 โครงสร้างหลกั สตู รชน้ั ปี
2.2.1 มีการระบรุ ายวชิ าพน้ื ฐานท้ัง 8 กลมุ่ สาระสารเรียนรู้ พรอ้ มทั้ง

ระบุเวลาเรียนและหรอื หน่วยกิต
2.2.2 มีการระบรุ ายวิชาเพ่ิมเติมท่สี ถานศึกษากำหนด พร้อมทั้งระบเุ วลา

เรยี นและหรือหน่วยกิต
2.2.3 มีการระบกุ ิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พร้อมทั้งระบุเวลาเรยี น
2.2.4 มีรายวิชาพ้ืนฐานที่ระบุรหสั วิชา ช่ือรายวิชา จำนวนเวลาเรียน

และหรือหน่วยกติ ไว้อยา่ งถกู ต้องชัดเจน
2.2.5 มรี ายวิชาเพม่ิ เตมิ / กิจกรรมเพ่ิมเติม สอดคล้องกบั วสิ ัยทศั น์

จุดเนน้ ของโรงเรียน
3. คำอธิบายรายวชิ า

3.1 มีการระบรุ หสั วชิ า ชื่อรายวชิ า และชื่อกลมุ่ สาระการเรียนรไู้ ว้อยา่ ง
ถกู ตอ้ งชดั เจน

3.2 มกี ารระบชุ น้ั ปีที่สอนและจำนวนเวลาเรยี นและ/หรือหน่วยกติ ไว้
อย่างถกู ตอ้ งชดั เจน

3.3 การเขยี นคำอธิบายรายวิชา เขยี นเปน็ ความเรยี ง โดยระบอุ งคค์ วามรู้
ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะหรอื เจตคติทีต่ อ้ งการ

3.4 มีการจัดทำคำอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐานครอบคลุมตัวชี้วัด สาระการ
เรยี นรู้แกนกลาง

3.5 มกี ารระบรุ หัสตวั ชี้วัด ในรายวชิ าพ้นื ฐาน และจำนวนรวมของ
ตัวช้ีวัด

3.6 มกี ารระบผุ ลการเรยี นรู้ ในรายวชิ าเพ่มิ เติม และจำนวนรวมของผล
การเรยี นรู้

3.7 มกี ารกำหนดสาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่นิ สอดแทรกอย่ใู นคำอธบิ าย
รายวชิ าพน้ื ฐานหรือรายวิชาเพิม่ เติม

กล่มุ นเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี

57

4. กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
4.1 จดั กิจกรรมท้ัง 3 กจิ กรรมตามทก่ี ำหนดไว้ในหลกั สูตรแกนกลาง

การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
4.2 จดั เวลาทั้ง 3 กจิ กรรมสอดคลอ้ งกบั โครงสร้างเวลาเรียนท่ีหลกั สูตร

แกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
4.3 มีแนวทางการจัดกจิ กรรมทีช่ ดั เจน
4.4 มีแนวทางการประเมินกจิ กรรมทีช่ ดั เจน

5. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา
5.1 มกี ารระบุเวลาเรยี น/หนว่ ยกิต รายวิชาพ้นื ฐานและรายวชิ าเพิ่มเตมิ

ตามเกณฑ์การจบหลกั สตู รของโรงเรยี นไวอ้ ยา่ งชัดเจนและสอดคลอ้ งกบั
โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษา

5.2 มีการระบเุ กณฑก์ ารประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นไว้อย่าง
ชัดเจน

5.3 มกี ารระบุเกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคไ์ วอ้ ยา่ งชัดเจน
5.4 มีการระบุเกณฑ์การผ่านกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นไว้อยา่ งชัดเจน

ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
............................................................................................................................. ........................................................
.....................................................................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 สรปุ ผลการตรวจสอบองคป์ ระกอบหลักสตู รสถานศกึ ษา จุดเด่น จดุ ที่ตอ้ งเพิม่ เตมิ และพัฒนาจุดเด่น
ของหลกั สูตรสถานศึกษา
................................................................................................................. .....................................................
..................................................................................................................... .................................................
จุดท่ตี อ้ งเพิ่มเตมิ /พัฒนา
1.ส่วนนำ
คำนำ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................
วิสัยทศั น์
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................ ......................................
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................... ............................

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั อุบลราชธานี

58

2. โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................................
3. คำอธบิ ายรายวิชา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. ........................................
4. กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
............................................................................................................................. ...............................................
...........................................................................................................................................................
5. เกณฑ์การจบการศึกษา
............................................................................................................. .................................................................
............................................................................................................................. .............................

ลงชอ่ื ........................................................
(.......................................................)

ผู้บริหารสถานศกึ ษา/คณะกรรมการบริหารหลักสูตร

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั อุบลราชธานี

59

สว่ นที่ 3
การนำหลกั สตู รสถานศึกษาไปใช้

เมื่อสถานศึกษาจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและตรวจสอบหลักสูตรสถานศึกษา รวมถึงมีการ
ประกาศใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง
พ.ศ.2560) แลว้ นน้ั ลำดับต่อไปคอื การนำหลักสตู รสถานศึกษาท่ีพัฒนาขน้ึ ไปใช้ในระดบั ชนั้ เรยี น โดยครูผู้สอน
แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำหลักสูตรระดับชั้นเรียน อันประกอบด้วย โครงสร้างรายวิชา
การออกแบบและจัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดทำแผนการเรียนรู้และนำแผนไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
โดยจดั ทำเปน็ เอกสารประกอบหลักสูตรระดบั ชน้ั เรยี น ซงึ่ ในทางปฏบิ ตั ิแลว้ หากรายวชิ าใดมผี ูส้ อนมากกว่าหน่ึง
คน ครูอาจร่วมมือกันทำงานเป็นทีมเพื่อวางแผนและออกแบบการจดั การเรยี นรู้ใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพ
และบรรลุเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ในชั้นเรียน มีกระบวนการและ
ขั้นตอน แสดงไดด้ ังภาพประกอบ 9

จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
และประเมนิ ผล

ภาพประกอบ 9 กระบวนการนำหลักสูตรสถานศกึ ษาไปใช้ในชนั้ เรยี น

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั อบุ ลราชธานี

60

จากภาพประกอบ 9 กระบวนการนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ ซึ่งเป็นหลักสูตรระดับชั้นเรียนนั้น
ครูผู้สอน ต้องนำคำอธิบายรายวิชาในแต่ละวิชาทั้งวิชาพื้นฐานและและชาเพิ่มเติม ไปจัดทำเป็นโครงสร้าง
รายวิชา ซึ่งรายวิชาแต่ละรายวิชานั้น ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรูห้ ลายหน่วย ท่ีได้วางแผนและออกแบบไว้
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และเป้าหมายที่สถานศึกษากำหนดไว้ใน
วสิ ัยทัศนข์ องหลักสูตรสถานศึกษา ดงั น้นั เพ่อื ที่จะชว่ ยใหผ้ สู้ อน และผเู้ กย่ี วข้องเห็นภาพรวมของแต่ละรายวิชา
จำเป็นต้องมีการจัดทำโครงสร้างรายวิชา เพื่อให้ได้ทราบว่ารายวิชานั้นประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้จำนวน
เท่าใด เรื่องใดบ้าง แต่ละหน่วยพัฒนาให้ผู้เรียนบรรลุ มาตรฐาน ตัวชี้วัดใด โดยใช้เวลาในการจัดการเรียน
การสอนเท่าใด สัดส่วนการเก็บคะแนนของรายวชิ านั้นเป็นอย่างไร

ตวั อยา่ งแบบโครงสรา้ งรายวิชา

รายวชิ า.............................รหัสวิชา ........................... กล่มุ สาระการเรียนรู้ ......................................
ชั้น ............................................................................ เวลา ............. ช่ัวโมง ………………. หนว่ ยกติ

หน่วยที่ ชอื่ หนว่ ย มฐ./ตช. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้ำหนกั
การเรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน

ระหว่างภาค
สอบปลายภาค

รวม

ขอ้ ควรคำนึงในการจดั ทำโครงสรา้ งรายวชิ า
1) การตั้งชื่อหน่วย ควรตั้งชื่อหน่วยให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวชี้วัด เนื้อหา สาระการเรียนรู้ที่จะ

เรียนและเป็นที่ชื่อหน่วยที่มีจุดเด่น น่าสนใจ เพื่อสร้างความสนใจให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ มีเนื้อหาที่เชื่อมโยง
สมั พนั ธก์ นั ในแต่ละหน่วย ควรเรยี งลำดับจากหน่วยทงี่ ่ายไปหาหนว่ ยท่ียาก

2) การกำหนดสดั ส่วนของคา่ น้ำหนกั คะแนน กำหนดชั่วโมงในแตล่ ะหน่วย ไม่มากหรือนอ้ ยเกนิ จนไป
ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับเนื้อหา สาระการเรียนรู้ที่กำหนด รวมทั้งตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้
ซึ่งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้มี จำนวน 20 ชั่วโมง หรือ 0.5
หนว่ ยกติ ขนึ้ ไป เทา่ กบั 1 วิชา ส่วนจำนวนชวั่ โมงในแผนการจดั การเรยี นรูค้ วรกำหนดแผนละ 1-3 ชว่ั โมง

3) การเขยี นสาระสำคัญหรือความคิดรวบยอด ซง่ึ เปน็ concept ) เปน็ องค์ความรทู้ เี่ ป็นหลักการ หรือ
หลักวิชาของแต่ละเรื่องเนื้อหาสาระการเรียนรู้ในหน่วยนั้น ๆ ควรเขียนให้กระชับ ชัดเจนว่า เรียนอะไร
เกิดอะไรขึน้ หรอื มีประโยชนจ์ ากการเรียนรใู้ นหนว่ ยนั้นอย่างไร

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนักงานศกึ ษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี

61

ตวั อยา่ งโครงสรา้ งรายวิชา

โครงสรา้ งรายวิชา

รหัสวิชา ว 21104 รายวิชาวิทยาการคำนวณ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เวลา 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต

หน่วย ช่อื หน่วย มฐ./ตช. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนัก
ท่ี การเรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน

1 หอ้ งเรียนนกั คดิ ว.4.2 ม.1/1, การออกแบบอัลกอรทิ มึ เพือ่ แกป้ ญั หาหรืออธบิ าย 4 20

ม.1/4 การทำงานในชีวติ ประจำวนั โดยใชแ้ นวคิดเชงิ

ส 1.2 ม.1/4 นามธรรมในการประเมนิ ความสำคัญในรายละเอียด

ค 2.1 ป.5/4 ของปัญหา คำนงึ ถงึ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ

อยา่ งถูกต้องและปลอดภัย เกดิ ประโยชนต์ อ่ การ

เรยี นรแู้ ละไมส่ ร้างความเสยี หายใหก้ ับผอู้ ื่น

2 โปรแกรมเมอร์ ว.4.2 ม.1/2, การใชซ้ อฟต์แวร์ในการออกแบบและเขยี นโปรแกรม 10 40

ม.1/4 ท่มี ีการใชต้ วั แปร เงอื่ นไขวนซำ้ เป็นการแกป้ ญั หา

อย่างเป็นข้นั ตอนชว่ ยให้แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมี

ประสิทธภิ าพ

3 ท่องโลกไซเบอร์ ว.4.2 ม.1/3, การรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งข้อมลู ปฐมภมู ิ โดยใช้ 4 20
ม.1/4 ซอฟตแ์ วร์หรือบรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตทีห่ ลากหลาย
เพือ่ ประมวลผล สรา้ งทางเลอื กทำใหไ้ ด้สารสนเทศ 18 80
เพอื่ ใช้ในการแกป้ ญั หาหรอื การตัดสนิ ใจได้ถูกตอ้ ง 2 20
20 100
ระหว่างภาค

สอบปลายภาค

รวม

กล่มุ นิเทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอบุ ลราชธานี

62

ตัวอยา่ งโครงสร้างรายวิชา

โครงสร้างรายวิชา

รายวิชา ท23101 ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เวลารวม 60 ชัว่ โมง 1.5 หน่วยกิต

หน่วย ช่ือหนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนกั

ท่ี เรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด (ชวั่ โมง)

1 อ่านใหด้ ีมขี อ้ คิด ท1.1 ม.3/1,ม.3/2 บทร้อยแก้วมคี ตสิ อนใจ ชว่ ยให้ผู้อ่าน 10 12

ม.3/3,ม.3/5 ได้ข้อคิดแนวทางการดำเนนิ ชีวติ

ม.3/6,ม.3/7 สามารถปรบั ใช้ในชีวิตประจำวนั

ม.3/8,ม.3/9 โดยการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ

ม.3/10 นำเสนอแงค่ ดิ โดยการพูด และเขียน

ท 2.1 ม.3/1,ม.3/4 อย่างมีมารยาท

ม.3/10

ท 3.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/4

ท 4.1 ม.3/5

ท 5.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,ม.3/4

2 นทิ านแสนสนุก ท1.1 ม.3/1,ม.3/2, การร้คู วามหมายของคำศัพทท์ จี่ ะ 10 12

ม.3/3,ม.3/5 นำมาไปใช้เพอ่ื การอา่ นบทรอ้ ยกรอง

ม.3/6,ม.3/7 และการอา่ นในชีวติ ประจำวนั จะชว่ ย

ม.3/8,ม.3/9 เพมิ่ คุณคา่ ของภาษาเม่ือนำไปพดู และ

ม.3/10 เขยี นในโอกาสตา่ ง ๆ

ท 2.1 ม.3/2,ม.3/6

ท 3.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/4,ม.3/6

ท 4.1 ม.3/4

ท 5.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,.3/4

3 เขยี นดีมีคณุ คา่ ท1.1 ม.3/1,ม.3/2, การพดู การเขียน การแสดงความ 12 14

ม.3/3,ม.3/5 คิดเห็นในเชิงวจิ ารณ์ โตแ้ ยง้ ควร

ม.3/6,ม.3/7 คำนงึ ถงึ ความสมเหคุสมผล และความ

ม.3/8,ม.3/9 น่าเชื่อถือของข้อมูลท่ีนำไปประกอบ

ม.3/10

ท 2.1 ม.3/2,ม.3/3

ม.3/5,ม.3/7

ม.3/8

ท 3.1 ม.3/1,ม.3/3

ม.3/5

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี

63

ท 4.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,ม.3/6

ท 5.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,ม.3/4

4 ตำนานบา้ นเรา ท1.1 ม.3/1,ม.3/2, การอา่ น การฟัง การดู โดยผา่ น 12 14

ม.3/3,ม.3/4 ตำนานท้องถ่ินหรือเรอ่ื งเลาเร่อื งราวใน 18

ม.3/5,ม.3/6 อดตี แสดงให้เหน็ ถึงวิถชี ีวิตซงึ่ จะชว่ ย 70
30
ม.3/7,ม.3/8 ใหไ้ ด้ขอ้ คิด และแนวทางการปฏบิ ัติตน 100

ม.3/9,ม.3/10 ของคนในยุคปจั จุบนั

ท 2.1 ม.3/4,ม.3/6

ม.3/8

ท 3.1 ม.3/3,ม.3/4

ท 4.1 ม.3/4,ม.3/5

ท 5.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,ม.3/4

5 วรรณกรรม ท1.1 ม.3/1,ม.3/2, คำศัพท์ท่ีไดจ้ ากการอา่ นวรรณกรรม 14

ทอ้ งถิน่ ม.3/3,ม.3/5, ท้องถนิ่ ของแต่ละยคุ แต่ละสมยั ชว่ ยให้

ม.3/6,ม.3/7 ผอู้ า่ นมีความรู้ ความเข้าใจในภาษา

ม.3/8 และววิ ัฒนาการของภาษา รเู้ รื่องราว

ท 2.1 ม.3/7,ม.3/9 นอดีต และเปน็ ข้อคดิ ในชวี ติ ประจำวนั

ท 3.1 ม.3/3,ม.3/4

ม.3/3,ม.3/4

ท 4.1 ม.3/5

ท 5.1 ม.3/1,ม.3/2

ม.3/3,ม.3/4

ระหว่างภาค 58
ปลายภาค 2
60
รวม

การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้

การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ เป็นกระบวนการหนึ่งในการนำหลักสูตรสถนศึกษาไปใช้ในชั้นเรียน
เนอ่ื งจาก หน่วยการเรียนรู้เป็นหวั ใจสำคัญของหลักสตู ร จำเปน็ ต้องมีการออกแบบให้เอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้จึงจำเป็นต้องมีความรู้ที่ครบวงจรในเรื่องหนึ่ง ที่เกิดจากการบูรณการสาระต่าง ๆ ของกลุ่ม
สาระการเรียนรู้หนึ่งๆแล้ว จัดเป็นเรื่องหรือหน่วยย่อย หน่วยการเรียนรู้เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการจัดทำ
หลักสูตรระดับชั้นเรียน เพราะเป็นส่วนสาระการเรียนรู้ย่อยของรายวิชาที่สามารถนำมาใช้ในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ ที่จะนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในการเรียนการสอนอย่างแท้จริง ทุกองค์ประกอบของหน่วย
การเรียนรู้ต้องเชือ่ มโยงกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัดในรายวชิ านนั้ ๆ

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจงั หวัดอุบลราชธานี

64

สำนักคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( 2551 :7 ) ได้กำหนดการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ไว้ว่า
การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้มีหลายรปู แบบ ในแต่ละรูปแบบที่สถานศึกษากำหนด ต้องเป็นไปตามขั้นตอนท่ี
ชัดเจนโดยมีมาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด เป็นเป้าหมายของหน่วยและองค์ประกอบภายในหน่วยการเรียนรู้
ได้แก่ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด สาระสำคัญ สาระการเรียนรู้ ชิ้นงานหรือภาระงานที่กำหนดให้ผู้เรียน
ปฏิบัติ กิจกรรมการเรียนการรู้และเกณฑ์การวัดและประเมินผลครบทุกองค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้
จะตอ้ งเชื่อมโยงมาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ัด เปน็ เปา้ หมายของหน่วย ดงั นี้

ตวั อยา่ งตารางการออกแบบหน่วยการเรียนรู้

การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรเู้ รอ่ื ง.........................................................ชน้ั ................................................................. เวลา.................ชั่วโมง
รายวิชา............................................................................................... กลุ่มสาระการเรียนร.ู้ .........................................................
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั .....................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

......................................................................................................................................................................... .....

............................................................................................................................. ................................

สาระการเรียนรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน การวัดและประเมนิ ผล แนวทางการจัดกิจกรรม
แกนกลาง วธิ ีการ เครื่องมอื การเรียนรู้

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวดั อุบลราชธานี

65

ตัวอยา่ งการออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้

การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่ือง พากเพยี รการใช้ภาษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 เวลา 10 ชั่วโมง

รหสั วชิ า ท 23101 รายวิชา ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย

มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด

มฐ.ท1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิดเพอื่ นำไปใชต้ ัดสินใจแก้ปัญหาในการดำเนินชวี ติ และมีนสิ ัยรักการอ่าน

ม.3/2 ระบคุ วามแตกตา่ งของคำทมี่ คี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั 23101

มฐ. ท2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูล

สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ

ม.3/2 เขยี นข้อความโดยใชถ้ อ้ ยคำได้ถกู ตอ้ งตามระดบั ภาษา

มฐ. ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทยการเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษาภูมิปัญญาทางภาษา

และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ

ม.3/2 วเิ คราะหโ์ ครงสร้างประโยคซบั ซ้อน

สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ภาษามีความจำเปน็ และสำคัญอย่างย่งิ ชวี ิตประจำวนั ทงั้ ฟัง พูด อา่ น และเขยี นพูด การอา่ นร้อยกรองจากวรรณคดี

การใช้วิจารณญาณ วิเคราะห์วิจารณ์ ได้อย่างสมเหตุสมผลก่อให้เกิดความเข้าใจ ประเมินเรื่องที่อ่าน ฟัง และ การพูดแสดง

ความคิดเห็นภาษาไทยได้ถูกต้อง เหมาะสมทั้งประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน เพื่อใช้ในการเขียนเรียบเรียง

เรื่องราว อย่างถูกต้องตามหลักการ เป็นการพัฒนาทักษะทางด้านการใช้ภาษา เป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารใน

ชวี ิตประจำวัน ทำใหก้ ารสอ่ื สารมีประสิทธิภาพทำให้เกดิ ผลดใี นการทำงาน ดำรงชวี ติ อยู่ในสังคม อย่างมคี วามสุข

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ช้นิ งาน/ภาระงาน การวัดและประเมนิ ผล แนวทางการจดั กจิ กรรม

วธิ ีการ เครอ่ื งมอื การเรียนรู้

- ลักษณะของประโยคใน -ผลงานการเขียนเรยี ง -สงั เกต -แบบสงั เกต 1.กิจกรรมศกึ ษา กลุ่มคำ

ภาษาไทย ร้อยประโยคเปน็ -สัมภาษณ์ -แบบสมั ภาษณ์ ประโยค ความหมาย

-ประโยคสามญั เรือ่ งราว -ตรวจ -แบบบันทึกการ ส่วนประกอบของประโยค

-ประโยครวม -ผลการงานการเขียน ผลงาน ตรวจผลงาน จากเรอ่ื งท่ีกำหนดให้

-ประโยคซ้อน วิเคราะห์ สังเคราะห์ -ทดสอบ -แบบทดสอบก่อน 2.กจิ กรรมจบั คกู่ บั เพอ่ื นฝกึ

-ประโยคทซี่ บั ซอ้ น สรุปความตามประเด็น และหลงั เรยี น การเขียนประโยคสน้ั ๆ คน

-คำทีม่ ีความหมายโดยตรง หรือเรื่องที่กำหนดให้ ละ 1 ประโยค ฝึกเขยี นบท

และความหมายโดยนยั -โครงงานภาษาไทย สื่อและแหล่ง ขยายหรือสว่ นขยายให้

- ระดับภาษา เรยี นรู้ ประโยค ครูและนักเรียน

-หนงั สอื เรยี น ร่วมกันตรวจสอบความ

ภาษาไทย ชัน้ ถูกตอ้ ง

มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 3.กจิ กรรมอภิปรายความรู้

- ห้องสมดุ เรอ่ื ง ชนดิ ของประโยค โดย

- อินเตอร์เน็ต ศึกษาจากส่อื Power

-สือ่ ส่ิงพิมพ์ point แล้วให้นกั เรยี นทำใบ

-บุคคล งานท่ี 1 เร่ือง โครงสร้าง

ของประโยค จากนั้นครูสมุ่

เรียกนักเรียนออกมาเฉลย

คำตอบทหี่ น้าชน้ั เรียน

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั อุบลราชธานี

66

4. กิจกรรมกลมุ่ ๆ ละ 5 คน
คละกันตามความสามารถ
แต่ละกลุ่มเขยี น ประโยค
ความเดียว ประโยคความ
รวม และประโยคความซ้อน
แล้วนำไปเขยี นบนกระดาน
แต่ละกล่มุ ชว่ ยกันวิเคราะห์
โครงสร้างประโยค
5. กิจกรรมกลมุ่ วเิ คราะห์
ประโยค กลุม่ ส่งตวั แทน
ออกมาเฉลยคำตอบที่
ถูกตอ้ ง จากนัน้ ครสู มุ่ เรยี ก
นกั เรยี นออกมาแตง่ ประโยค
ที่หนา้ ชัน้ เรยี น โดยใหแ้ ตง่
ประโยคความเดยี วและ
ประโยคความรวม
6. กิจกรรมอภปิ รายหน้าท่ี
ของประโยค การวเิ คราะห์
สว่ นประกอบของประโยค
วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ปญั หา
การเขียน การพดู โดยใช้
ประโยคต่าง ๆ
7.กจิ กรรมโครงงาน
ภาษาไทยเกีย่ วกบั การพดู
การเขียน การใช้ภาษาไทย
ให้ถกู ต้องตามอักขระวิธี
และอัตลกั ษณ์ทางภาษา

การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ในระดับชั้นเรียนนั้น หลังจากที่นำคำอธิบายรายวิชามาจัดทำเป็น
โครงสร้างรายวิชา จัดทำการออกแบบหน่วยการเรียนรู้แล้ว ลำดับต่อไปคือการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
ของแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ที่ได้ออกแบบไว้ ซึ่งคุณครูผูส้ อนสามารถจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ได้หลากหลาย
วิธี ในที่นี้ได้เสนอตวั อยา่ งหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรยี นรู้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่าง
ให้กบั ครใู นการออกแบบหน่วยการเรยี นรู้และจดั ทำแผนการจัดการเรยี นรู้ ดังต่อไปน้ี
https://www.hongpakkroo.com/2826.html
หน่วยการเรียนรู้เรอ่ื ง MyStory
https://drive.google.com/drive/folders/0B9t56k6dmUe5SVBVVTl0dV9taE0
หน่วยการเรยี นรู้เรื่อง การคาดคะเนระยะทางและความสูง
https://drive.google.com/drive/folders/0B9t56k6dmUe5dFR1SmlfZG5Wa3M
หนว่ ยการเรยี นร้เู รื่อง มารู้จักจงั หวะการอา่ นโนต๊ เพลงไทยแสนง่าย
https://drive.google.com/drive/folders/0B9t56k6dmUe5ZUNBQ2kzT1Q3Y1E

กลุ่มนเิ ทศติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี

67

บรรณานุกรม

กระทรวงศึกษาธกิ าร, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ดั กลมุ่
สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
พิมพ์คร้งั ที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2560

. ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ : โรง
พิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560

. ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง
พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 พิมพ์คร้ังท่ี 1. กรงุ เทพฯ : โรง
พมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2560

. ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตรฯ์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 และแนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
พิมพค์ ร้ังที่ 1. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2560

. แนวทางการบริหารจัดการหลกั สูตร ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 พมิ พ์คร้งั ท่ี 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2553

. แนวทางการจดั การเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช
2551 พิมพ์ครงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2553

. แนวทางการจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
พุทธศักราช 2551 พิมพ์คร้งั ท่ี 2. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2553

. แนวปฏบิ ตั กิ ารวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้
พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 พิมพค์ รัง้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย,
2553

. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 พิมพ์คร้ังที่ 1. กรุงเทพฯ :
โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2551
โรงเรียนพระแม่มารีอบุ ลราชธานี. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นพระแม่มารีอุบลราชธานี พุทธศักราช 2563
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) พมิ พ์ครั้งที่ 1. ฝ่าย
วิชาการ, 2563

กลุ่มนเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนกั งานศกึ ษาธิการจังหวัดอบุ ลราชธานี

68

คณะผู้จัดทำ

คณะกรรมการท่ปี รึกษา ศกึ ษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี ประธานคณะกรรมการ
1. ดร.วีระพงศ์ เดชบุญ
2. ดร.อุดมศกั ดิ์ เพชรผา รองศึกษาธิการจงั หวดั อุบลราชธานี กรรมการ

คณะกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ภิ ายนอก

1. ผศ.ดร.ภูมพิ งษ์ จอมหงษ์พิพัฒน์ ประธานสาขาวชิ าการพัฒนาหลักสูตรและการเรยี นการสอน

(ดษุ ฎีบณั ฑิต) คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

2. ดร.สาวิตรี เถาวโ์ ท อาจารยป์ ระจำ สาขาวิชาการพฒั นาหลกั สตู รและการเรยี นการสอน

คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี

คณะผูจ้ ดั ทำ ศึกษานิเทศก์ สำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั อุบลราชธานี
1. ดร.ยอดอนงค์ จอมหงษ์พพิ ัฒน์ ศึกษานิเทศก์ สำนกั งานศึกษาธกิ ารจังหวัดอบุ ลราชธานี
2. นายวิทยา ครองยุติ ศกึ ษานเิ ทศก์ สำนักงานศึกษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี
3. ดร.ดนภุ ัค เชาว์ศรีกุล ศกึ ษานิเทศก์ สำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวดั อบุ ลราชธานี
4. ดร.สวุ ิมล ไวยารตั น์ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั อุบลราชธานี
5. นางสาวณฐลมนต์ ทองสุทธ์ิ ศึกษานิเทศก์ สำนักงานศึกษาธกิ ารจงั หวดั อุบลราชธานี
6. นายคัมภรี ์ เจริญราษฎร์

ผ้จู ัดทำและตรวจสอบรูปแบบ
นางสาวนงลักษณ์ มุสิกา

กล่มุ นเิ ทศตดิ ตามและประเมินผล สำนักงานศกึ ษาธิการจงั หวดั อบุ ลราชธานี

กล่มุ นิเทศตดิ ตามและประเมินผล สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั อบุ ลราชธานี

กล่มุ นิเทศตดิ ตามและประเมินผล สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั อบุ ลราชธานี


Click to View FlipBook Version