The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

BP ครูสายทอง กัญญาพันธ์ โรงเรียนบ้านโคกสว่ - สพป. อุบลราชธานี เขต 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mr.archanai, 2022-07-09 11:12:42

BP ครูสายทอง กัญญาพันธ์ โรงเรียนบ้านโคกสว่ - สพป. อุบลราชธานี เขต 4

BP ครูสายทอง กัญญาพันธ์ โรงเรียนบ้านโคกสว่ - สพป. อุบลราชธานี เขต 4

1

2

Best Practice

โรงเรยี นบา้ นโคกสวา่ ง สังกัดสำนักงำนเขตพน้ื ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4

จังหวดั อุบลรำชธำนี

ชือ่ โครงการ/โครงงาน/กจิ กรรม เส่ือใบเตยปำ่ สู่วถิ ชี วี ติ ที่พอเพยี ง

ลกั ษณะโครงการ/โครงงาน/กจิ กรรม (เก่า/ใหม่) สอดคล้องกับนโยบาย/กลยุทธ์/ยุทธศาสตร์

ที่ 2 ปลูกฝังคณุ ธรรมควำมสำนึกในควำมเปน็ ชำติไทย และวถิ ชี ีวติ ตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ระยะเวลาดาเนินงาน 1 ปีกำรศึกษำ

หนว่ ยงานที่รบั ผิดชอบ โรงเรียนบ้ำนโคกสวำ่ ง

โทรศพั ท์ - โทรสาร -

 1. ผู้อานวยการ

 2. ครู นำงสำยทอง กัญญำพนั ธ์

 3. นักเรยี น ช้นั

 4. ศึกษานิเทศก/์ นักวชิ าการ

 5. อ่นื ๆ

เบอร์โทรศพั ท์ 0933236141

E-mail : [email protected]

3

แบบรายงาน Best Practice

1. ชื่อเรอ่ื ง เสื่อใบเตยป่ำ สู่วถิ ีชีวติ ทพ่ี อเพยี ง

2. ความเป็นมา

2.1 สภาพท่ัวไป
สงั คมไทยในยคุ ปัจจบุ ันเป็นยคุ แหง่ ควำมเจริญกำ้ วหน้ำทำงเทคโนโลยีและขอ้ มูลข่ำวสำร

ตำ่ ง ๆ มกี ำรเปลีย่ นแปลงและพฒั นำในทกุ ๆด้ำน ซึ่งกำรเปล่ยี นแปลงต่ำง ๆเหลำ่ น้ีส่งผลให้วิถีกำร
ดำเนินชวี ติ เปล่ียนแปลงไปด้วย ไดแ้ ก่ ด้ำนเศรษฐกิจ กำรเมือง และสงั คม กำรเปล่ียนแปลงดังกล่ำว
ส่วนใหญเ่ ปน็ กำรเปล่ยี นแปลงทำงดำ้ นวัตถุ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ควำมเจริญทำงดำ้ นจติ ใจแล้วจะเหน็
วำ่ ไม่มีควำมสัมพนั ธ์กัน จำกผลกำรเปลี่ยนแปลงท่ีไมส่ มั พันธ์กนั น้ีทำใหเ้ กิดปญั หำดำ้ นสังคมตำมมำ
คอื ปญั หำด้ำนจิตใจของคนในสังคม ท้ังทำงดำ้ นศลี ธรรม วัฒนธรรม กำรเมือง เศรษฐกิจและ
กำรศกึ ษำ ก่อใหเ้ กิดคำ่ นยิ มและควำมต้องกำรของสงั คมที่เปล่ยี นไป ทำใหส้ ังคมไทยมกี ำรเอำรดั เอำ
เปรียบซึง่ กันและกัน เหน็ ประโยชนส์ ่วนตนมำกกว่ำสว่ นรวม ขำดคุณธรรมจรยิ ธรรม กลำยเปน็
สภำพสงั คมท่ีไม่มีควำมสงบสุข

บ้ำนโคกสว่ำง ตั้งอยู่ที่บ้ำนโคกสว่ำง หมู่ที่ 3 ตำบลโคกสว่ำง อำเภอสำโรง จังหวัด
อุบลรำชธำนีสภำพชุมชนมีลักษณะเป็นชุมชนชนบท มีประชำกรประมำณ 1,033 คน อำชีพหลัก คือ
ทำนำ อำชีพเสริมกำรทอเส่ือด้วยใบเตยป่ำ ประชำกรส่วนใหญ่มีฐำนะยำกจน จบกำรศึกษำระดับ
ประถมศึกษำ นับถือศำสนำพุทธ ประเพณ/ี ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นท่ีเปน็ ทรี่ ู้จักโดยทัว่ ไป คือ ประเพณีกำร
ทำบุญเทศน์มหำชำติ (บุญพระเวส) และประเพณี กำรทำบุญตำมเทศกำลวันสำคัญทำงศำสนำ กำรทอ
เส่ือใบเตยป่ำ เป็นภูมิปัญญำท้องถ่ินของชุมชนบ้ำนโคกสว่ำงที่มีควำมสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนใน
ชมุ ชน เป็นกำรนำทรัพยำกรทม่ี ีในทอ้ งถ่ินมำใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ นบั วำ่ อำชีพเสรมิ ทีส่ รำ้ งรำยได้ให้กับ
ครอบครัวและสร้ำงช่ือเสียงให้กับชุมชน สอดคล้องกับปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ที่องค์
พระบำทสมเด็จประเจ้ำอยู่หัวทรงช้ีแนะแนวทำงกำรดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทำงที่ควรจะเป็นโดยมี
พื้นฐำนมำจำกวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย นำมำประยุกต์ใช้ และมองโลกท่ีเปล่ียนแป ลงอยู่
ตลอดเวลำ เพอื่ มุ่งรอดพน้ จำกภยั และวิกฤติดว้ ยควำมมัน่ คงและยง่ั ยืน “กำรทอเสอื่ ใบเตยป่ำ” ถือว่ำ
เป็นภูมิปัญญำท้องถิ่น ทคี่ วรส่งเสริมและอนุรักษ์ สืบสำนให้กับคนรุ่นหลังให้มีตระหนักและเห็นคุณค่ำใน
ภมู ิปญั ญำท้องถ่นิ ของตนเอง

2.2 สภาพปัญหา
ในปัจจุบันสังคมไทยมีกำรเปล่ียนแปลงอย่ำงก้ำวกระโดด ทั้งด้ำนเศรษฐกิจ สังคม

วัฒนธรรม กำรเมืองกำรปกครอง และ ควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยี ปรำกฏกำรณ์ดังกล่ำว
ส่งผลกระทบตอ่ วิถีกำรดำรงชวี ิตของบุคคลอยำ่ งหลีกเลี่ยงไม่ได้ สภำพสังคมไทยเกิดกำรแข่งขันกนั ใน
ทุกมิติ มีกำรอพยพแรงงำนจำกชนบท เข้ำกรุงเทพมหำนคร และเมืองใหญ่ ส่งผลให้ครอบครัวและ
ชุมชนขำดควำมเข้มแข็ง ทำให้เกิดปัญหำสังคมท่ีสลับซับซ้อน ระบบสังคมท่ีเคยดีงำมของไทยได้รับ

4

ผลกระทบอย่ำงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งกำรพัฒนำทำงด้ำนเศรษฐกิจเป็น กำรพัฒนำทำงด้ำนวตั ถุมำกกว่ำ
พฒั นำสงั คมในด้ำนอ่นื ๆ โดยเฉพำะกำรพัฒนำทำงดำ้ นจิตใจ จงึ ทำใหเ้ กดิ ปัญหำควำมย่อหย่อนของ
คุณธรรม จริยธรรม มีกำรประพฤติปฏิบัติที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมำกกว่ำส่วนรวม กำรขำด
คุณธรรมจริยธรรม ทำให้เกิดปัญหำทุจริตคอรปั ชัน่ กำรพัฒนำคุณธรรมจริยธรรมของคนไทยในสังคม
ให้เป็นคนดี จึงเป็น เร่ืองที่จำเป็น เพรำะคนในสังคมต่ำงเรียกร้องในเรือ่ งคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดขึ้น
ในสงั คมไทยแมเ้ ป็น เร่ืองท่ีมีควำมยำกเป็นอยำ่ งยิง่ เพรำะเป็นกระบวนกำรทีม่ ีควำมสลับซบั ซ้อน และ
มีองค์ประกอบอ่นื ๆ ที่เกยี่ วข้อง

จำกกำรศึกษำข้อมูลพื้นฐำนของชุมชนบ้ำนโคกสว่ำง ตำบลโคกสว่ำง อำเภอสำโรง
จังหวัดอุบลรำชธำนี ประชำกรส่วนใหญ่มีฐำนะยำกจน ผู้ปกครองนักเรียนบำงส่วนไปทำงำนท่ี
กรุงเทพมหำนคร และในตัวจังหวัด เพื่อหำรำยได้ส่งให้กับครอบครัว ทำให้สภำพครอบครัวเป็น
ครอบครัวที่แตกแยกขำดควำมอบอุ่น ซ่ึงส่งผลต่อกำรเรียนของนักเรียน และพบว่ำมีอำชีพที่เป็นภมู ิ
ปัญญำของท้องถิน่ ท่มี ีชือ่ เสียงและได้รับกำรยอมรับ คอื อำชพี กำรทอเส่ือใบเตยป่ำ ซึ่งเป็นอำชีพเสริม
ที่สร้ำงรำยได้ให้กับชุมชนหลังฤดูทำนำ กำรทอเสื่อใบเตยป่ำ จึงนับว่ำเป็นอำชีพท่ีมีควำมสำคัญต่อ
วิถีชีวิตของคนในชุมชนบ้ำนโคกสว่ำง ปัจจุบันอำชีพกำรทอเส่ือใบเตยป่ำนับวันจะจำงหำยไป
เน่ืองจำกคนรุ่นหลังไม่เห็นคุณค่ำ ควำมสำคัญในอำชีพของบรรพบุรุษท่ีสืบทอดกันมำ ขำดควำมรู้
ควำมเข้ำใจและทักษะในภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ ของตนเอง

หลักสูตรสถำนศึกษำโรงเรียนบ้ำนโคกสว่ำง ตำมหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน
พุทธศักรำช 2551 สำระของหลักสตู รยงั ไมส่ อดคล้องกับสภำพปัญหำและควำมตอ้ งกำรของสังคมใน
ทอ้ งถ่นิ เนอื่ งจำกไมไ่ ด้จัดทำสำระกำรเรียนรู้ที่ส่งเสรมิ กำรนำทรัพยำกร และภมู ปิ ญั ญำท้องถนิ่ มำใช้ให้
เกิดประโยชน์ต่อกำรศึกษำ สรำ้ งพน้ื ฐำนในกำรประกอบอำชีพอันจะนำไปสู่กำรสร้ำงงำนสร้ำงรำยได้
แก่ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือเป็นสมำชิกท่ีดี ของครอบครัว ชุมชน
สงั คมและประเทศชำติ ขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจและทกั ษะในภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ ของตนเอง

2.3 ลักษณะสาคัญของ Best Practice
เป็นกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ีใช้ภูมิปัญญำท้องถ่ิน โดยได้พัฒนำหลักสูตร

วิทยำศำสตร์ท้องถ่ิน กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เรื่อง เสื่อใบเตยป่ำ ชั้น
ประถมศึกษำปีท่ี 5 และ กิจกรรมชุมนุม รักษ์ภูมิปัญญำท้องถ่ิน ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมชุมนุมของ
กิจกรรมพัฒนำผู้เรียนท่ีโรงเรียนเปิดสอนให้กับนักเรียนที่มีควำมสนใจในวิชำชีพท้องถ่ิน หลักสูตร
ท้องถ่ิน และกิจกรรมชุมนุมรักษ์ภูมิปญั ญำท้องถิ่น ที่ได้พัฒนำข้ึนและนำมำใชจ้ ัดกิจกรรมกำรเรียนรู้
ใหก้ ับนกั เรยี น มคี วำมสอดคล้องกับสภำพปัญหำและควำมต้องกำรของสังคมในท้องถ่นิ เปดิ โอกำสให้
ท้องถนิ่ มีส่วนร่วมในกำรจดั กำรเรียนรู้ เป็นกำรเพิ่มควำมรู้ทักษะชีวิต ทักษะพนื้ ฐำน วฒั นธรรม ภมู ิ
ปัญญำท้องถ่ินไว้ในหลักสูตรกำรเรียนกำรสอน มุ่งเน้นพัฒนำผู้เรียนให้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจและมี
ควำมสำมำรถเก่ียวกับงำนอำชีพในท้องถ่ิน สำมำรถทำงำนเป็นหมู่คณะ มีคุณธรรม จริยธรรม สร้ำง
ค่ำนยิ มทเี่ ป็นพ้ืนฐำนของคนดี เกิดควำมรกั ภำคภูมใิ จเหน็ คุณคำ่ ในภูมิปญั ญำท้องถน่ิ ของตนเอง อัน
ส่งผลให้เกิดคุณลักษณะของโรงเรียนสุจริต 5 ประกำร คือ มีทักษะกระบวนกำรคิด ควำมมีวินัย

5

ควำมซ่ือสัตย์ อยู่อย่ำงพอเพียง มีจิตสำธำรณะ และสอดคล้องกับปฏิญญำโรงเรียนสุจริต คือ กำร
ปลกู ฝงั กำรป้องกนั และกำรสร้ำงเครือขำ่ ย

3. หลักการและเหตุผล

พระรำชบัญญัติกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2)
พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้จัดกำรศึกษำเพื่อพัฒนำคนไทยให้เป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ท้ังทำงร่ำงกำย จิตใจ
สตปิ ัญญำ ควำมรู้ คณุ ธรรม จริยธรรมและวฒั นำธรรมในกำรดำรงชีวติ สำมำรถอย่รู ว่ มผอู้ ืน่ ไดอ้ ย่ำงมี
ควำมสุข (มำตรำ 6) รู้จักรักษำผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชำติรวมทั้งส่งเสริมศำสนำ
ศิลปวัฒนธรรมของชำติ กำรกีฬำ ภูมิปัญญำท้องถ่ิน ภูมิปัญญำไทย และควำมรู้อันเป็นสำกล
ตลอดจนกำรอนุรักษ์ทรพั ยำกรธรรมชำติและสงิ่ แวดล้อม มีควำมสำมำรถในกำรประกอบอำชีพ รู้จัก
พึ่งตนเอง มีควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์ ใฝ่รู้ใฝ่เรียนด้วยตนเองอย่ำงต่อเนื่อง (มำตรำ 7) กำรจัดกำร
ศึกษำต้องยึดหลักว่ำผู้เรียนสำคัญที่สุดและสำมำรถพัฒนำได้เต็มตำมศักยภำพ (มำตรำ 22) กำรเรียน
กำรสอนต้องเป็นควำมรู้คู่คุณธรรม กระบวนกำรเรียนรู้บูรณำกำรตำมควำมเหมำะสม ควำมรู้และ
ทกั ษะในกำรประกอบอำชีพและสำมำรถดำรงชีพอย่ำงมีควำมสุข (มำตรำ 27 (5)) หลกั สตู รแกนกลำง
กำรศึกษำข้ันพื้นฐำน เพื่อควำมเป็นไทยกำรเป็นพลเมืองดีของชำติ กำรดำรงชีวิตกำรประกอบอำชีพ
ตลอดจนกำรศึกษำเรียนต่อให้สอดคล้องกับสภำพปัญหำในชุมชนและสังคมภูมิปัญญำท้องถิ่น
คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมำชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชนสังคมประเทศชำติ (มำตรำ 27)
ให้สถำนศึกษำร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมควำมเข้มแข็ง
ของชุมชน โดยกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ภำยในชุมชนรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญำและวิทยำกำรต่ำง ๆ
เพื่อพัฒนำชุมชนให้สอดคล้องกับสภำพปัญหำและควำมต้องกำรรวมทั้งวิธีกำรสนับสนุนให้มีกำร
แลกเปล่ียนประสบกำรณ์ร่วมกันระหว่ำงชุมชน (มำตรำ 29) (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2545) หลักสูตร
แกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 มุ่งพฒั นำผเู้ รียนทุกคนซึ่งเปน็ กำลังของชำติให้เป็น
มนุษย์ท่ีมีควำมสมดุลท้ังด้ำนร่ำงกำย ควำมรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในควำมเป็นพลเมืองไทยและเป็นพล
โลก ยึดม่ันในกำรปกครองตำมระบอบประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีควำมรู้และ
ทักษะพ้ืนฐำน รวมท้ัง เจตคติ ท่ีจำเป็นต่อกำรศึกษำต่อ กำรประกอบอำชีพและกำรศึกษำตลอดชีวิต
โดยมุ่งเน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญบนพื้นฐำนควำมเชื่อวำ่ ทุกคนสำมำรถเรยี นรู้และพัฒนำตนเองได้เต็มตำม
ศกั ยภำพ (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2551)

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นหลักปรัชญำและแนวคิดที่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวได้
ทรงพระรำชทำนให้กับปวงชนชำวไทยในวโรกำสต่ำง ๆ เพ่ือเป็นแนวทำงในกำรดำรงชีวิต กำรปฏิบัติ
ตนของทุกฝ่ำยและประชำชนทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ นอกจำกน้ียังได้
ทรงเนน้ ย้ำถงึ คำวำ่ “พอเพียง” ว่ำ หมำยถงึ ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตผุ ล และกำรสร้ำงภมู คิ ุม้ กัน
ท่ีดีในตัวพอสมควรต่อผลกระทบใด ๆ อันเกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงทั้งภำยนอกและภำยใน โดยมี
เง่ือนไขพื้นฐำน ท่ีจะก่อให้เกิดควำมพอเพียงคือ จะต้องอำศัยควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบ ควำม
ระมัดระวัง รวมไปถึงกำรเสริมสร้ำงพื้นฐำนจิตใจของคนในชำติให้สำนึกในคุณธรรม ควำมซ่ือสัตย์
สุจริต มีควำมรอบรู้ท่ีเหมำะสมและดำเนินชีวิตด้วยควำมอดทน ควำมเพียร มีสติปัญญำ และควำม

6

รอบคอบ เพ่ือให้เกิดควำมสมดุลและพร้อมต่อกำรเปล่ียนแปลงอย่ำงรวดเร็ว และกว้ำงขวำงทำงด้ำน
วัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรมจำกโลกภำยนอก (คณะอนุกรรมกำรขับเคล่ือนเศรษฐกิจ
พอเพียง สำนกั งำนพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำติ, 2551)

กำรพัฒนำประเทศในระยะแผนพัฒนำฯ ฉบับที่ 11 มีแนวคิดท่ีมีควำมต่อเนื่องจำก
แนวคิดของแผนพัฒนำฯ ฉบับท่ี 8-10 โดยยังคงยึดหลัก “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง” และ “คน
เป็นศูนยก์ ลำงของกำรพฒั นำ” รวมทัง้ “สรำ้ งสมดุลกำรพฒั นำ” ในทกุ มติ ิ และขับเคล่อื นใหบ้ งั เกิดผล
ในทำงปฏบิ ตั ทิ ชี่ ัดเจนยิ่งข้ึนในทุกระดับ เพื่อให้กำรพฒั นำและบริหำรประเทศเปน็ ไปบนทำงสำยกลำง
เชื่อมโยงทุกมิติของกำรพัฒนำอย่ำงบูรณำกำร ท้ังคน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและกำรเมือง โดย
มกี ำรวิเครำะห์อย่ำง “มีเหตผุ ล” และใช้หลกั “ควำมพอประมำณ” ใหเ้ กดิ ควำมสมดุลระหว่ำงมิติทำง
วัตถุกับจิตใจของคนในชำติ ควำมสมดุลระหว่ำงควำมสำมำรถในกำรพ่ึงตนเองกับกำรแข่งขันในเวที
โลก ควำมสมดุลระหว่ำงสังคมชนบทกับเมืองเตรียม “ระบบภูมิคุ้มกัน” ด้วยกำรบริหำรจัดกำรควำม
เสี่ยงให้เพียงพอพร้อมรับผลกระทบจำกกำรเปลี่ยนแปลงทั้งภำยนอกและภำยในประเทศ ทั้งนี้ กำร
ขับเคล่ือนกระบวนกำรพัฒนำทุกขั้นตอนต้องใช้ “ควำมรอบรู้” ในกำรพัฒนำด้ำนต่ำงๆ ด้วยควำม
รอบคอบ เป็นไปตำมลำดบั ขนั้ ตอน และสอดคลอ้ งกับวิถชี วี ิตของสังคมไทย รวมทงั้ เสริมสรำ้ งศีลธรรม
และสำนึกใน “คุณธรรม” จริยธรรมในกำรปฏิบัติหน้ำท่ีและดำเนินชีวิตด้วย “ควำมเพียร” จะเป็น
ภูมิคุ้มกันที่ดีให้พร้อมเผชิญกำรเปลย่ี นแปลงที่เกิดขึ้นท้ังในระดับปจั เจก ครอบครัว ชุมชน สังคม และ
ประเทศชำติ (สำนักงำนคณะกรรมกำรพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชำติ, 2551 )

สอดคล้องกับ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนได้ดำเนินกำรโครงกำร
เสริมสร้ำงคุณธรรม จริยธรรม และธรรมำภิบำลในสถำนศึกษำ“ป้องกันกำรทุจริต”ตำมยุทธศำสตร์
ของสำนักงำนคณะกรร มกำรกำร ศึ กษำ ขั้น พ้ืนฐำนว่ำด้วย กำรป้ อง กันกำ รทุจริต ซึ่ง ได้ก ำ ห น ด
คุณลักษณะของนักเรียนไว้ 5 ประกำร ได้แก่ มีทักษะกระบวนกำรคิด มีวินัย ซื่อสัตย์ อยู่อย่ำง
พอเพียง มจี ติ สำธำรณะ โรงเรียนจงึ เปน็ หนว่ ยงำนทจ่ี ะต้องสง่ เสรมิ และจัดกิจกรรมกำรเรียนร้โู ดยกำร
ปลูกฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม คำ่ นยิ มควำมซ่ือสตั ย์ และตอ่ ต้ำนคอรร์ ัปช่ันใหเ้ กิดขึน้ ในหมเู่ ยำวชน

กำรจัดกำรเรียนกำรสอนกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2563) เป็นกลุ่มสำระท่ี
ช่วยให้ผู้เรียนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจ มีทักษะพ้ืนฐำนท่ีจำเป็นต่อกำรดำรงชีวิต และรู้เท่ำทันกำร
เปล่ียนแปลง สำมำรถนำควำมรู้เกี่ยวกับกำรดำรงชีวิตกำรอำชีพ และเทคโนโลยี มำประยุกต์ใช้ในกำร
ทำงำนอย่ำงมีควำมคิดสร้ำงสรรค์และแข่งขันในสังคมไทยและสำกล เห็นแนวทำงในกำรประกอบอำชีพ
รักกำรทำงำน และมีเจตคติท่ีดีต่อกำรทำงำน สำมำรถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่ำงพอเพียง และมี
ควำมสุข (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2551)

สถำนศกึ ษำมภี ำรกจิ หลักในกำรจดั กำรศึกษำใหผ้ ู้เรียนได้รบั กำรพัฒนำอย่ำงเต็มตำม
ศกั ยภำพ สถำนศึกษำจึงมบี ทบำทในกำรจัดทำหลักสูตรสถำนศึกษำและดำเนนิ กำรนำหลักสูตรสู่กำร
ปฏิบัติในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในช้ันเรียนอย่ำงมีประสิทธิภำพโดยต้องสร้ำงควำมมั่นใจต่อพ่อแม่
ผู้ปกครอง และชุมชนว่ำผู้เรียนจะมีคุณภำพตำมมำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด และเกิดสมรรถนะ
สำคัญ ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตำมที่กำหนดไว้ในหลักสูตร เพ่ือให้บรรลุเจตนำรมณ์
ดังกล่ำว สถำนศึกษำจะต้องออกแบบหลักสูตรให้ครอบคลุมส่วนที่เป็นหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำ

7

ข้ันพ้ืนฐำนตำมท่กี ระทรวงศึกษำได้ประกำศใช้ เพ่อื พัฒนำผูเ้ รยี นใหบ้ รรลถุ งึ คุณภำพตำมำตรฐำน อัน
เป็นควำมคำดหวังท่ีกำหนดไว้ร่วมกันในกำรพัฒนำเยำวชนทุกคนในชำติ นอกจำกน้ันหลักสูตร
สถำนศึกษำยังต้องสอดคล้องกับสภำพปัญหำ และควำมต้องกำรของชุมชนและท้องถิ่น เพื่อพัฒนำ
ผู้เรียนเป็นสมำชิกท่ีดีของชุมชนสำมำรถอยู่ในสังคมส่ิงแวดล้อมได้อย่ำงมีควำมสุข และเกิดควำมรัก
ควำมผกู พันในบ้ำนเกดิ เมอื งนอน มีบทบำทในกำรรว่ มพฒั นำชมุ ชน(กระทรวงศึกษำธกิ ำร, 2553)

จำกที่กล่ำวมำข้ำงต้น โรงเรียนบ้ำนโคกสว่ำงได้เห็นควำมสำคัญจึงได้นำภูมิปัญญำ
ท้องถ่ิน “เสื่อใบเตยป่ำ” มำพัฒนำเป็นหลักสูตรท้องถิ่นของโรงเรียนในกลุ่มสำระกำรเรียนรู้
วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เร่ือง เส่ือใบเตยป่ำ ช้ันประถมศึกษำปีที่ 5 และจัด
กิจกรรมชุมนุม รักษ์ภูมิปัญญำท้องถ่ิน ซ่ึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมชุมนุมของกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนที่
โรงเรียนเปิดสอนให้กับนักเรียนท่ีมีควำมสนใจในวิชำชีพท้องถ่ิน เป็นกำรเพ่ิมควำมรู้ทักษะชีวิต
ทกั ษะพืน้ ฐำน วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญำท้องถ่นิ ไวใ้ นหลกั สูตรกำรเรยี นกำรสอน ม่งุ เน้นพัฒนำผ้เู รยี นให้มี
ควำมรู้ควำมเข้ำใจและมีควำมสำมำรถเก่ียวกับงำนอำชีพในท้องถ่ิน สำมำรถทำงำนเป็นหมู่คณะ มี
คุณธรรม จริยธรรม สร้ำงค่ำนิยมท่ีเป็นพ้ืนฐำนของคนดี เกิดควำมรักภำคภูมิใจเห็นคุณค่ำในภูมิ
ปัญญำท้องถ่ินของตนเอง รู้จักใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ และสำมำรถดำรงชีวิตตำมหลักปรัชญำ
ของเศรษฐกิจพอเพียงอันส่งผลให้เกิดคุณลักษณะของโรงเรียนสุจริต 5 ประกำร คือ มีทักษะ
กระบวนกำรคิด ควำมมีวินัย ควำมซื่อสัตย์ อยู่อย่ำงพอเพียง มีจิตสำธำรณะ และสอดคล้องกับ
ปฏญิ ญำโรงเรียนสจุ รติ คือ กำรปลูกฝัง กำรปอ้ งกัน และกำรสร้ำงเครือขำ่ ย

4. วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื พัฒนำหลักสตู รท้องถิ่น กล่มุ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวชิ ำ

เพิ่มเติม เรอื่ ง เสื่อใบเตยป่ำ ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ 5
2. เพื่อใหน้ ักเรยี นมคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจอำชีพภูมปิ ัญญำทอเสือ่ ใบเตยป่ำของท้องถิ่น
3. เพ่ือใหน้ ักเรยี นมีทักษะในกำรทอเสอ่ื ใบเตยป่ำและสรำ้ งสรรค์ผลิตภัณฑจ์ ำกเส่ือใบเตยปำ่
4. เพื่อให้นักเรียนมีคุณลกั ษณะ 5 ประกำรของโรงเรยี นสจุ รติ
5. เพ่อื ศึกษำผลกำรจดั กำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ท้องถิน่ โดยใช้ชดุ กำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์

ทอ้ งถ่ิน เร่ือง เสือ่ ใบเตยป่ำ สำหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 5 ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรยี น
วิทยำศำสตร์ ทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ และเจตคตทิ ำงวิทยำศำสตร์

5. เปา้ หมาย

5.1 เชงิ ปริมาณ
1) โรงเรยี นมีหลกั สตู รท้องถน่ิ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวิชำ

เพมิ่ เติม เรอ่ื ง เสอ่ื ใบเตยปำ่ ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 5
2) นักเรยี นร้อยละ 80 มคี วำมรคู้ วำมเข้ำใจอำชีพภูมิปัญญำทอเสือ่ ใบเตยป่ำของท้องถ่นิ
3) นักเรียนร้อยละ 80 มีทกั ษะในกำรทอเสื่อใบเตยปำ่ และสรำ้ งสรรคผ์ ลติ ภัณฑจ์ ำกเส่อื

ใบเตยป่ำ

8

4) นกั เรียนร้อยละ 80 มีคุณลกั ษณะ 5 ประกำรของโรงเรียนสุจรติ
5) เพ่ือศึกษำผลกำรจดั กำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ทอ้ งถน่ิ โดยใช้วิทยำศำสตร์ท้องถ่ิน เร่ือง
เสือ่ ใบเตยป่ำ สำหรับนกั เรียนชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 5 ที่มีต่อผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรยี นวทิ ยำศำสตร์
ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ และเจตคตทิ ำงวิทยำศำสตร์

5.2 เชงิ คุณภาพ
1) นักเรยี นมีควำมรู้ควำมเข้ำใจอำชีพภูมปิ ัญญำทอเสื่อใบเตยปำ่ ของท้องถ่นิ เกิดควำม

รกั ภำคภมู ิใจเห็นคุณค่ำในภูมิปัญญำท้องถิน่ ของตนเอง รู้จักใชเ้ วลำวำ่ งให้เปน็ ประโยชน์ และ
สำมำรถดำรงชวี ติ ตำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียง

2) นกั เรยี นสำมำรถทอเส่อื ใบเตยป่ำและสร้ำงสรรคผ์ ลิตภณั ฑจ์ ำกเส่ือใบเตยปำ่
เพ่อื จำหน่ำยได้

3) นักเรียนมีคุณลกั ษณะ 5 ประกำรของโรงเรียนสุจริต ไดแ้ ก่ ทกั ษะกระบวนกำรคิด
มีวนิ ัย ซือ่ สัตย์สุจริต อยอู่ ย่ำงพอเพียง และมีจติ สำธำรณะ

4) นกั เรียนมีผลกำรจัดกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ โดยใช้วทิ ยำศำสตรท์ ้องถ่นิ เรอ่ื ง เสือ่
ใบเตยปำ่ สำหรบั นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษำปีที่ 5 ทมี่ ีต่อผลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรียนวทิ ยำศำสตร์ ทกั ษะ
กระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ และเจตคตทิ ำงวิทยำศำสตร์

6. Conceptual Frame Work

- กำรทอเสือ่ ใบเตยปำ่ P ขัน้ วำงแผน - ผลสัมฤทธทิ์ ำงกำรเรยี น
ของหมบู่ ้ำนโคกสวำ่ ง - สำรวจ/เรียนรภู้ มู ปิ ัญญำ หลักสตู รทอ้ งถิ่น
ตำบลโคกสว่ำง อำเภอสำโรง ท้องถนิ่ - ทักษะกำรปฏบิ ตั ิงำน
จงั หวดั อุบลรำชธำนี - วเิ ครำะห์หลกั สตู ร - คุณลักษณะ 5 ประกำร
- หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำ - พัฒนำหลักสตู ร ของโรงเรียนสจุ ริต
ขัน้ พน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช 2551
(ฉบับปรบั ปรุง 2563 ) D ขนั้ ปฏิบัติ 1) ทกั ษะกระบวนกำรคิด
กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ - จดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 2) มีวินยั
ตำมหลักสูตร (7 แผน) 3) ซื่อสตั ย์สุจริต
วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี - จดั กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน 4) อยู่อย่ำงพอเพยี ง
กิจกรรมชุมนุม 5) มจี ิตสำธำรณะ

“รกั ษภ์ มู ิปญั ญำท้องถ่ิน”
C ข้ันตรวจสอบ
- กำรวัดและประเมนิ ผล

- เครอ่ื งมือวัดและประเมินผล

D ข้นั ปรบั ปรงุ
- นำเสนอผล เผยแพรผ่ ลงำน
- สร้ำงเครอื ขำ่ ย
- ปรับปรงุ พฒั นำอย่ำงต่อเน่ือง

9

7. ลาดับข้ันตอนการดาเนินกิจกรรมพฒั นา Flow Chart (แผนภูม)ิ Model ของ Best Practice

7.1 ขัน้ ตอนการดาเนินงาน
ข้ันท่ี 1 ศกึ ษาข้อมลู พนื้ ฐาน

ได้ดำเนินกำรศึกษำข้อมูลพื้นฐำน บริบทของชุมชน โรงเรียน โดยกำรสอบถำม
สัมภำษณ์ ชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผลจำกกำรศึกษำข้อมูลพ้ืนฐำน ทำให้ทรำบข้อมูลพื้นฐำนของ
ชุมชนบ้ำนโคกสว่ำง ประชำกรส่วนใหญ่มีฐำนะยำกจน ผู้ปกครองนักเรียนบำงส่วนไปทำงำนท่ี
กรุงเทพมหำนคร และในตัวจังหวัด เพื่อหำรำยได้ส่งให้กับครอบครัว ทำให้สภำพครอบครัวเป็น
ครอบครัวท่ีแตกแยกขำดควำมอบอุ่น ทำให้เกิดปัญหำทำงสังคม และพบว่ำมีพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ
ในท้องถิ่น คือ ต้นเตยป่ำ ชุมชนได้นำใบเตยป่ำมำใช้ประโยชน์ในกำรทอเส่ือ ทำให้เกิดอำชีพท่ีเป็น
ภูมิปัญญำของท้องถิ่น คือ อำชีพกำรทอเสื่อใบเตยป่ำ ซ่ึงเป็นอำชีพเสริมท่ีสร้ำงรำยได้ใหก้ ับชุมชนท่ี
มีชอื่ เสยี งและได้รบั กำรยอมรบั กำรทอเส่อื ใบเตยป่ำจึงนับวำ่ เป็นอำชีพที่มีควำมสำคัญต่อวิถชี วี ิตของ
คนในชุมชนบ้ำนโคกสว่ำง ปัจจุบันอำชีพกำรทอเสื่อใบเตยป่ำนับวันจะจำงหำยไป เน่ืองจำกคนรุ่น
หลังไม่เห็นคุณค่ำ ควำมสำคัญในอำชีพของบรรพบุรุษท่ีสืบทอดกันมำ ขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจและ
ทักษะอำชีพภูมิปัญญำท้องถิ่นของตนเอง จำกกำรประเมินผลกำรใช้หลักสูตรสถำนศึกษำ ตำม
หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนพุทธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2563) โรงเรียนบ้ำน
โคกสว่ำง พบว่ำหลักสูตรสถำนศึกษำยังไม่สอดคล้องกับสภำพปัญหำและควำมต้องกำรของสังคมใน
ท้องถน่ิ เนือ่ งจำกไมไ่ ดจ้ ดั ทำสำระกำรเรียนรู้ท่สี ่งเสริมกำรนำทรัพยำกร และภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่นมำใช้ให้
เกิดประโยชน์ต่อกำรศึกษำสร้ำงพื้นฐำนในกำรประกอบอำชีพอันจะนำไปสู่กำรสร้ำงงำนสร้ำงรำยได้
แก่ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชนและประเทศชำติ

ขัน้ ท่ี 2 พัฒนาหลักสตู รท้องถ่ิน
1) วเิ ครำะห์หลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พ้นื ฐำน พทุ ธศักรำช 2551

(ฉบับปรบั ปรงุ 2563) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
2) ศกึ ษำแนวคิดทฤษฎี หลักกำร เน้ือหำสำระ รปู แบบ วิธกี ำรจำกเอกสำรและ

ผลกำรวจิ ัยทเ่ี กยี่ วข้องกบั หลกั สูตรท้องถิ่น
3) ศกึ ษำควำมคดิ เหน็ ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 5 เกย่ี วกบั ควำมต้องกำร

เรยี นรหู้ ลักสูตรท้องถ่นิ เร่อื ง กำรทอเส่ือใบเตยป่ำ
4) ผู้บรหิ ำร ครู คณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำ ผู้ร/ู้ ภมู ิปญั ญำทอ้ งถิ่น รว่ มประชมุ

เก่ียวกับสภำพกำรบริหำรกำรจัดกำรหลักสตู รท้องถ่นิ ปัญหำและอุปสรรคเกีย่ วกับกำรจัดกำรเรยี น
กำรสอนตำมหลักสูตรท้องถน่ิ ประโยชนจ์ ำกกำรพัฒนำหลักสตู รทอ้ งถิน่ ผลทเี่ กิดกบั ผเู้ รียน โรงเรยี น
และชมุ ชน

5) ดำเนนิ กำรจัดทำโครงรำ่ งหลักสูตรท้องถิน่ ซ่งึ ประกอบด้วย ควำมนำ วิสยั ทศั น์
หลักกำร จดุ หมำย สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะที่พึงประสงค์ โครงสรำ้ งหลกั สตู ร
คำอธิบำยรำยวชิ ำ ผลกำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ กำรจดั กำรเรียนรู้ สอ่ื และแหล่งกำรเรียนรู้
กำรวดั และประเมนิ ผล

10

6) จัดทำเอกสำรประกอบหลักสตู ร ไดแ้ ก่ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ซ่ึงมีส่วนประกอบ
ไดแ้ ก่ สำระสำคัญ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ช้ินงำน/ภำระงำน กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ กำรวดั และประเมินผล

7) ประเมินหลักสตู รท้องถนิ่ โดยผเู้ ชี่ยวชำญจำนวน 5 คน ปรับปรงุ หลกั สตู รฉบบั รำ่ ง
โดยนำผลท่ีได้จำกแบบประเมินหลักสตู รทอ้ งถิ่นฉบับรำ่ งมำปรับปรงุ หลกั สตู รให้มคี วำมถูกตอ้ ง
เหมำะสม ก่อนนำไปใช้จดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ให้กับนักเรยี น

8) ทดลองใช้หลักสตู ร
นำหลักสตู รฉบบั รำ่ งไปทดลองใชก้ บั นักเรียนท่ีไมใ่ ช่กลุ่มเปำ้ หมำย ดังน้ี
8.1 ทดสอบก่อนเรยี น โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรยี น

จำนวน 30 ข้อ
8.2 จัดกิจกรรมกำรเรยี นรโู้ ดยใชแ้ ผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ กลุ่มสำระกำร

เรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี (รำยวชิ ำเพิ่มเติม) เรอื่ ง เส่ือใบเตยป่ำ ตั้งแต่แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่
1 จนถึงแผนท่ี 7 ตำมลำดับ

8.3 วัดและประเมินผลขณะจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ โดยใช้แบบประเมนิ ทักษะ
กำรปฏิบตั ิงำนและประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

8.4 ทดสอบหลังเรยี น โดยใช้แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรียนชุดเดิม
9. ประเมินผลกำรใช้หลักสูตร ดำเนนิ กำรตำมขั้นตอน ดงั นี้

9.1 กำรประเมินหลักสตู รและเอกสำรประกอบหลักสตู ร ได้ดำเนินกำรโดย
ใหผ้ เู้ ช่ียวชำญ จำนวน 5 คน ดำเนนิ กำรประเมินทง้ั หลักสูตรและเอกสำรประกอบหลักสตู รซง่ึ หลกั สูตร
และ เอกสำรประกอบหลกั สตู รทมี่ ปี ระสิทธิภำพ จะต้องมีค่ำดัชนคี วำมสอดคล้องตัง้ แต่ .50 ขึ้นไป และ
มีคำ่ เฉลย่ี ควำมเหมำะสมในระดับดขี ้ึนไป

9.2 กำรประเมนิ ผลกำรนำหลักสูตรไปใช้ ดำเนนิ กำรประเมินในขณะก่อน
ทดลองใชห้ ลักสตู รท้องถิน่ ขณะท่ีทำกำรทดลองใช้หลกั สตู รท้องถิ่น และหลงั จำกกำรใช้หลกั สูตร
ทอ้ งถนิ่ โดยประเมินจำกผลสัมฤทธิท์ ำงกำรเรียนของนักเรียนท่ีไดร้ ับกำรเรียนกำรสอนโดยใช้หลกั สูตร
ท้องถิ่นกล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ กำรงำนอำชพี และเทคโนโลยี (รำยวิชำเพ่ิมเติม) เร่อื ง เสอื่ ใบเตยป่ำ
สำหรับนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี 6 ประสิทธิภำพและดชั นปี ระสทิ ธภิ ำพผลของแผนกำรจัดกำร
เรยี นรขู้ องหลกั สตู รท้องถน่ิ ซง่ึ ดำเนนิ กำรโดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรียนกอ่ น-หลัง
แบบประเมินทักษะกำรปฏบิ ัติงำน และ แบบสอบถำมควำมคดิ เหน็ ของนักเรยี น

ข้ันที่ 3 จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
3.1 จัดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้หลกั สูตรท้องถ่นิ
1) นำหลกั สตู รท้องถิน่ ท่ีพฒั นำแลว้ มำจัดกจิ กรรมกำรเรยี นร้ใู ห้กับนกั เรยี น

ระดับชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 5 ซึง่ ประกอบด้วย แผนกำรจดั กำรเรียนรจู้ ำนวน 10 แผน ดังนี้
ชุดท่ี 1 เรอื่ ง พืชดอกและพืชไม่มดี อก
ชดุ ที่ 2 เรื่อง วัฏจกั รชีวติ ของเตยป่ำ

11

ชดุ ท่ี 3 เร่อื งพชื ใบเล้ียงเดี่ยว และพชื ใบเลย้ี งคู่
ชุดที่ 4 เรื่องใบเตยปำ่ ที่มีอำยแุ ตกต่ำงกัน
ชุดท่ี 5 เรอ่ื งมวลของเส้นใบเตยป่ำท่มี ีอำยุแตกตำ่ งกนั
ชุดที่ 6 เรื่องควำมเหนียวของเส้นเตยป่ำที่มีอำยุแตกต่ำงกนั
ชุดท่ี 7 เรื่องสถำนะ และสมบัติของวสั ดุ (ของแข็ง ของเหลว แก๊ส)
ชุดท่ี 8 เร่อื ง กำรเปล่ียนแปลงสถำนะของสำร
ชดุ ท่ี 9 เรื่องกำรนำควำมร้อนของวัสดุ
ชดุ ที่ 10 เร่อื งกำรนำไฟฟำ้ ของวสั ดุ
ชุดท่ี 11 เรอื่ ง แรงลัพธก์ ับเส่อื ใบเตยป่ำ
ชุดท่ี 12 กำรออกแบบผลิตภัณฑ์และกำรจดั จำหน่ำย
2) กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ จะดำเนินกำรทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยใหน้ ักเรียนไปศึกษำ
ในแหล่งเรยี นรู้ในชุมชน จำกผู้ร้/ู ภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ิน และเชญิ ผู้ร/ู้ ภูมปิ ญั ญำท้องถิน่ เข้ำมำมีส่วนรว่ มในกำรจัดกำร
เรยี นรู้ให้กับนักเรยี น จดั กิจกรรมกำรเรยี นรทู้ ี่หลำกหลำย เช่น กำรเรียนรู้ด้วยโครงงำน กระบวนกำรกลุ่ม กำรฝกึ
ปฏบิ ตั ิ ซึ่งในกำรฝึกปฏิบัติกำรทอเสอ่ื ใบเตยป่ำจะใช้ในเวลำเรียนและนอกเวลำเรยี น
3.2 จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมชุมนุม“รักษภ์ ูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ”
1) กำรจัดกิจกรรมชมุ นุม รกั ษภ์ มู ปิ ญั ญำทอ้ งถนิ่ เปน็ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้
ที่มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนไดส้ ร้ำงสรรคผ์ ลติ ภัณฑ์จำกใบเตยปำ่ หำรำยไดร้ ะหว่ำงเรยี น มแี ผนกำรจดั กำรเรียนรู้
จำนวน 6 แผน ดงั น้ี

- แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง กำรทอเสื่อใบเตยป่ำ (เส่ือม้วน)
- แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง กำรทำเส่อื พับ
- แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง กำรทำเสอื่ นัง่ สมำธิ
- แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 4 เรื่อง กำรทำทรี่ องแก้วจำกใบเตยป่ำ
- แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 5 เร่อื ง กำรทำทร่ี องจำนจำกใบเตยป่ำ
- แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง กำรสรำ้ งสรรคผ์ ลติ ภัณฑ์จำกใบเตยป่ำ
2) กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง กำรสร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์
จำกใบเตยป่ำจะดำเนินกำรท้ังในโรงเรียน และนอกโรงเรียน โดยให้นักเรียนเรียนรู้ จำกผู้รู้/ภูมิปัญญำ
ท้องถ่ิน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในสร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักเรียน กิจกรรมน้ีใช้เวลำเรียนท้ังในและ
นอกเวลำเรียน ซ่ึงในข้ันตอนกำรสร้ำงสรรค์ผลติ ภัณฑ์ ดำเนนิ กำรแบ่งกล่มุ สมำชกิ 4 กลมุ่ ประกอบด้วย
กลุ่มทอเสื่อ กลุ่มตัดเส่ือตำมแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มตัดผ้ำเย็บขอบ กลุ่มเย็บผลิตภัณฑ์ (กำรเย็บ
ผลิตภัณฑ์เสื่อพับ ผู้ปกครองนักเรียนภูมิปัญญำท้องถิ่น มีส่วนร่วมในกำรเย็บผลิตภัณฑ์) โดยจะ
หมุนเวียนกันทุก 2 ช่ัวโมง สมำชิกทุกคนในกลุ่มจะมีส่วนร่วมกันในกำรจัดทำผลิตภัณฑ์จำกใบเตยป่ำ
ทุกขั้นตอน กำรแบ่งปันรำยได้ หลังดำเนินกำรจัดทำผลิตภัณฑ์จำกใบเตยป่ำแล้ว จะจำหน่ำยส่ง
ให้กับพ่อค้ำคนกลำงท่ีมำซ้ือเสื่อใบเตยป่ำในหมู่บ้ำน โดยพ่อค้ำจะมำเข้ำรับซื้อท่ีโรงเรียน เดือนละ
1 ครั้ง และจำหน่ำยให้กับร้ำนค้ำ Otop และร้ำนค้ำท่ัวไป โดยจะแบ่งปันรำยได้ให้กับสมำชิก
ภำคเรียนละ 1 คร้ัง

12

ขัน้ ที่ 4 การวัดผลประเมนิ ผล
4.1 การวดั ผลประเมนิ ผลการจดั การเรียนรู้หลกั สตู รท้องถน่ิ
กำรวดั ผลและประเมินผลกำรเรยี นรู้ หลกั สตู รทอ้ งถนิ่ กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์

และเทคโนโลยี รำยวิชำเพิ่มเติม เร่ือง เสื่อใบเตยป่ำ เพื่อให้บรรลุผลตำมเป้ำหมำยของกำรเรียนรู้ที่
วำงไว้ ไดก้ ำหนดกำรประเมินเป็น 3 ระยะไดแ้ ก่ กำรประเมนิ ผลกอ่ นเรียน ประเมินผลระหวำ่ งเรียน
และประเมินผลเพอ่ื สรุปผลกำรเรยี น ดงั นี้

4.1.1 ประเมินผลก่อนเรียน เป็นกำรประเมินเพ่ือตรวจสอบควำมพร้อม
ทกั ษะกระบวนกำรตำ่ ง ๆของผ้เู รียน เพอ่ื เตรียมผูเ้ รียนให้มคี วำมพร้อมนำไปสู่กำรวำงแผนกำรจัดกำร
เรียนรู้ให้สอดคล้องกับศักยภำพของผู้เรียน เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรประเมินเป็นแบบทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ไม่นำผลกำรประเมินนไ้ี ปใช้ใน
กำรตดั สนิ ผลกำรเรียน

4.1.2 ประเมินระหว่ำงเรียน เป็นกำรประเมินท่ีดำเนินกำรระหว่ำงกำรจัด
กิจกรรมกำรเรียนรู้ตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้หรือหน่วยกำรเรียนรู้ เพ่ือตรวจสอบพัฒนำกำรเรียนรู้
ของผูเ้ รียนตำมผลกำรเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของ
ผ้เู รียน นำไปสูก่ ำรแกไ้ ขปรับปรงุ กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เครื่องมือท่ีใชไ้ ด้แก่ แบบทดสอบประจำ
หนว่ ยกำรเรียนรู้ เป็นแบบทดสอบ ปรนยั 4 ตัวเลอื ก แบบประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงำน และ
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

4.1.3. ประเมินผลเพ่ือสรุปผลกำรเรียน เป็นกำรประเมินเพ่ือตรวจสอบ
ควำมสำเร็จของผู้เรยี นตำมผลกำรเรียนรู้เมื่อผ่ำนกำรเรียนรูช้ ว่ งเวลำหน่งึ หรือสิ้นสุดกำรเรยี นรำยวิชำ
สะทอ้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประกอบดว้ ย

1) กำรประเมนิ หลงั เรียน
กำรประเมนิ หลังเรยี น เป็นกำรประเมนิ ในเรื่องท่ีไดเ้ รียนจบแล้ว เพอ่ื ตรวจสอบ

ดูว่ำผู้เรยี นเกิดกำรเรยี นรู้ตำมผลกำรเรียนรู้หรือไม่ เม่อื นำผลไปเปรียบเทยี บกับกำรประเมินก่อนเรียน
ผู้เรียนเกดิ พัฒนำกำรขึ้นมำกน้อยเพียงไร เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในกำรประเมนิ เปน็ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์
ทำงกำรเรียน จำนวน 30 ขอ้ แบบปรนยั 4 ตัวเลอื ก ข้อมูลทไี่ ดจ้ ำกกำรประเมนิ หลังเรียนเป็นข้อมูล
ท่ีสำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ในกำรปรับปรุงแก้ไขวิธีกำรเรียนรู้ของผู้เรียนและพัฒนำกระบวนกำร
จดั กำรเรยี นร้ขู องครู

2) กำรประเมินผลปลำยปี
กำรประเมินผลปลำยปี เป็นกำรประเมินเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ในกำรเรียน

กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพิ่มเติม เรื่อง เส่ือใบเตยป่ำ ตำมผลกำร
เรยี นรกู้ ำรประเมินผลนมี้ ีจุดประสงค์เพ่ือสรปุ ตัดสินควำมสำเรจ็ ของผ้เู รียนในกำรเรียนสำระกำรเรียนรู้
รำยปี แนวทำงและเครื่องมือท่ีใช้ในกำรวัดผลประเมินผล ได้กำหนด แนวทำงและเครื่องมือวัดผล
ประเมินผล 3 ด้ำน ดงั น้ี

1. ด้ำนควำมร้คู วำมเข้ำใจ เป็นกำรประเมนิ เพอ่ื ตรวจสอบดูวำ่ ผเู้ รียนเกดิ กำรเรียนรู้
ตำมผลกำรเรยี นรูห้ รือไม่อย่ำงไร

13

1.1 เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน และ
แบบทดสอบประจำหน่วยกำรเรยี นรู้

1.2 เกณฑก์ ำรประเมิน ผ่ำนเกณฑร์ อ้ ยละ 80 ข้ึนไป
2. ดำ้ นทักษะกระบวนกำรปฏบิ ตั งิ ำน เป็นกำรประเมนิ เพือ่ ตรวจสอบทกั ษะกำร
ปฏิบัตงิ ำนของผู้เรยี น ไดก้ ำหนดรำยกำรประเมินและเกณฑ์กำรประเมินแบบมำตรประมำณค่ำ ดังนี้

2.1 รำยกำรประเมินทกั ษะกระบวนกำรปฏบิ ตั งิ ำน
1) ใหค้ วำมรว่ มมือในกำรทำงำนกลมุ่
2) กำรแบ่งหน้ำทที่ ำงำน
3) ทำงำนตำมขนั้ ตอน
4) มีสว่ นร่วมเสนอควำมคิดเห็น
5) ยอมรับควำมคดิ เห็นของผู้อ่ืน
6) รว่ มมอื กนั ทำงำนจนสำเรจ็
7) ส่งงำนตำมเวลำกำหนด

3. ดำ้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
กำรวัดผลประเมินผลด้ำนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของหลักสูตรท้องถ่ิน กลุ่ม

สำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เรื่อง เสื่อใบเตยป่ำ ประเมิน 2 ลักษณะ ดังน้ี
3.1 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำน

พุทธศกั รำช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2563) รักชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยู่
อย่ำงพอเพยี ง มงุ่ ม่นั ในกำรทำงำน รักควำมเป็นไทย มจี ิตสำธำรณะ

3.2 คุณลักษณะของนักเรียนโรงเรียนสุจริต ตำมโครงกำรเสริมสร้ำง
คณุ ธรรม จริยธรรม และธรรมำภิบำลในสถำนศกึ ษำ“ป้องกนั กำรทจุ ริต”ของสำนักงำนคณะกรรมกำร
กำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนว่ำด้วยกำรป้องกันกำรทุจริต ได้แก่ มีทักษะกระบวนกำรคิด มีวินัย ซื่อสัตย์
สจุ รติ อย่อู ยำ่ งพอเพยี ง และมจี ิตสำธำรณะ

ข้ันท่ี 5 สรปุ รายงานผลการดาเนินงาน/เผยแพรผ่ ลงาน
กำรสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำนของ เสอื่ ใบเตยป่ำสวู่ ิถีชวี ติ พอเพียง ไดด้ ำเนนิ กำร ดังน้ี
1. ประชุมคณะทำงำนที่เก่ียวข้อง ประกอบดว้ ยครูฝ่ำยวชิ ำกำร ครูผูส้ อนกลุ่ม

สำระวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี และครูผู้รบั ผิดชอบชมุ นุม รกั ษ์ภูมิปญั ญำท้องถิ่น เพือ่ ประเมินผล
กำรจดั กจิ กรรม และปัญหำอุปสรรค ท่ีเกิดขึ้นในระหวำ่ งกำรจัดกจิ กรรม

2.รำยงำนผลกำรดำเนินงำนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรูต้ ำมหลักสตู รท้องถนิ่ และ
กำรจัดกิจกรรมชมุ นุม รักษภ์ ูมิปญั ญำท้องถ่ิน

3. เผยแพร่ผลงำน ประชำสัมพันธ์ผลกำรดำเนินงำน สร้ำงเครือข่ำยกำรจดั กำร
เรียนรภู้ มู ิปัญญำท้องถน่ิ เส่อื ใบเตยป่ำ กับโรงเรียนใกล้เคียง

14

7.2 Flow Chat ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน

ศึกษำขอ้ มลู พ้ืนฐำน
พฒั นำหลักสตู รวทิ ยำศำสตร์ทอ้ งถนิ่

จัดกิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมหลักสูตรท้องถ่ิน
จดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ชมุ นมุ รักษ์ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ

วัดผลและประเมนิ ผล

สรุปรำยงำนผลกำรดำเนนิ งำน/เผยแพรผ่ ลงำน

8. งบประมาณโครงการ
ได้รบั จดั สรรจำกโรงเรียน อนุมัติ จำนวน 3,500 บำท (สำมพนั ห้ำร้อยบำทถว้ น)

ท่ี กจิ กรรม/คาชแ้ี จงการใช้ งบประมาณ งบประมาณกาหนดตามหมวดรายจ่าย
งบประมาณ ค่าตอบแทน ค่าใชส้ อย คา่ วสั ดุ

1 พฒั นำหลกั สูตรวทิ ยำศำสตร์ 1,100 - - 1,100
ทอ้ งถน่ิ กระดำษ เอ4 2 ลัง
500 - 500 -
2 คำ่ อำหำรว่ำง กำรประชุม
คณะกรรมกำรจดั ทำหลกั สตู ร 1,200 1,200 - -

3 จัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 700 700
- คำ่ จ้ำงวิทยำกรท้องถ่นิ 6 ช่ัวโมง
- ค่ำวัสดฝุ ึกทอเส่ือใบเตยปำ่

รวมท้งั ส้ิน 3,500 1,200 500 1,800

15

9. ผลทีค่ าดหวงั ใหเ้ กดิ ขึน้ เมอ่ื ดาเนนิ การพัฒนาตามขั้นตอนของ Best Practice ตอบรับ
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการโรงเรยี นสุจรติ ข้อใดและอยา่ งไร

วตั ถุประสงค์ ผลท่คี าดหวัง

1. เพอื่ พัฒนำหลกั สตู รวทิ ยำศำสตร์ 1. โรงเรียนมีหลักสูตรท้องถนิ่ ที่สอดคล้องกบั

ท้องถิน่ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ สภำพปัญหำและควำมต้องกำรของท้องถน่ิ

และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เรอ่ื ง ชมุ ชนมสี ว่ นร่วมในกำรจัดกำรศึกษำ

เสื่อใบเตยปำ่ ชั้นประถมศึกษำปที ี่ 5

2. เพอ่ื ให้นักเรียนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจ 1. นักเรียนมีควำมรคู้ วำมเข้ำใจและสำมำรถ

และทกั ษะกำรทอเสื่อใบเตยป่ำ ทอเส่ือใบเตยป่ำ

2. นักเรียนเกิดควำมรัก ควำมภำคภมู ใิ จ และเหน็

เห็นควำมสำคัญภมู ปิ ัญญำท้องถ่ิน

3. นกั เรียนสำมำรถสร้ำงรำยได้ใหก้ ับตนเองได้

3. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมคี ุณลักษณะ 5 นกั เรียนมีคุณลักษณะ 5 ประกำร ไดแ้ ก่

ประกำรของโรงเรียนสจุ ริต ( 1 ) นกั เรยี นสำมำรถวิเครำะหส์ ถำนกำรณ์

รูจ้ ักเลือกรบั ขอ้ มูลขำ่ วสำร รวมทั้งสำมำรถ

พิจำรณำไตร่ตรองและตัดสินใจได้อยำ่ ง

สมเหตุสมผลในกำรดำเนนิ ชีวิต

( 2 ) นกั เรียนมีควำมรับผดิ ชอบต่อหน้ำที่

และสิทธขิ องตนเอง ผอู้ ่ืน และสงั คมในโรงเรียน

และชุมชน

( 3 ) นกั เรยี นตระหนักและเห็น

ควำมสำคัญของควำมซื่อสัตย์สจุ ริต ไมเ่ อำสงิ่ ของ

ของผู้อืน่ มำเปน็ ของตน โดยไม่ได้รบั อนญุ ำต ไม่

เอำเปรียบผอู้ ่นื

( 4 ) นกั เรยี นมีแนวทำงในกำรดำเนินชวี ิตท่ี

ยดึ หลกั ควำมพอประมำณ มีเหตุผล มภี ูมิคมุ้ กัน

มคี วำมรู้ และมีคุณธรรมไมป่ ระพฤติตนในทำงที่

ไมส่ จุ ริต

( 5 ) นักเรยี นตระหนักและเหน็ ควำมสำคัญ

ของควำมเอื้อเฟ้อื เผื่อแผ่ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วน

ตน พรอ้ มทีจ่ ะช่วยเหลือและเสียสละเพ่อื

ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมสำมำรถ

ปฏิบตั ติ นได้อย่ำงถูกต้องเมื่อทำงำนรว่ มกับผู้อนื่

16

10. ร่องรอยหลักฐานระหวา่ งการพฒั นาทแี่ สดงว่าดาเนินการนาสู่เปา้ หมาย
9.1 หลกั สตู รทอ้ งถิ่น กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่มิ เติม

เรือ่ ง เสือ่ ใบเตยป่ำ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 5 เปน็ หลกั สูตรที่สอดคล้องกบั สภำพปญั หำและควำม
ตอ้ งกำรของสงั คมในท้องถน่ิ ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มในกำรพัฒนำหลักสตู รและจดั กำรเรยี นรู้

9.2 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำกกำรพฒั นำหลกั สตู รท้องถน่ิ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้กำรงำน
อำชพี และเทคโนโลยี รำยวชิ ำเพม่ิ เติม เร่อื ง เสือ่ ใบเตยป่ำ ชั้นประถมศึกษำปที ่ี 5 ได้แผนกำรจัดกำร
เรยี นรู้จำนวน 12 ชดุ ประกอบดว้ ย

ชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง พชื ดอกและพืชไม่มีดอก
ชดุ ท่ี 2 เร่อื ง วฏั จกั รชวี ติ ของเตยป่ำ
ชุดท่ี 3 เรือ่ งพชื ใบเลี้ยงเด่ียว และพืชใบเล้ียงคู่
ชดุ ท่ี 4 เรือ่ งใบเตยป่ำทมี่ อี ำยุแตกตำ่ งกัน
ชดุ ท่ี 5 เร่ืองมวลของเสน้ ใบเตยป่ำท่ีมีอำยแุ ตกตำ่ งกนั
ชุดที่ 6 เรอื่ งควำมเหนียวของเส้นเตยป่ำที่มีอำยุแตกต่ำงกนั
ชดุ ท่ี 7 เรอ่ื งสถำนะ และสมบตั ขิ องวสั ดุ (ของแข็ง ของเหลว แก๊ส)
ชุดท่ี 8 เรื่อง กำรเปล่ยี นแปลงสถำนะของสำร
ชดุ ที่ 9 เร่อื งกำรนำควำมร้อนของวัสดุ
ชดุ ที่ 10 เรอื่ งกำรนำไฟฟำ้ ของวัสดุ
ชดุ ที่ 11 เรอื่ ง แรงลัพธ์กบั เส่ือใบเตยป่ำ
ชุดท่ี 12 เรอื่ ง กำรตลำดและกำรจัดจำหนำ่ ย
9.3 โครงงำนประวัติกำรทอเสื่อใบเตยป่ำ นักเรียนจัดทำโครงงำนประวัติกำรทอเสื่อใบเตย
ป่ำ จำกกำรจัดกิจกรรมตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง ประวัติภูมิปัญญำกำรทอเส่ือใบเตยป่ำ
ของท้องถ่ิน ได้ให้นักเรียนเรียนรปู้ ระวัตกิ ำรทอเส่อื ใบเตยป่ำของท้องถิ่น โดยกำรจดั ทำโครงงำน ทำ
ให้นักเรียนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับประวัติกำรทอเส่ือใบเตยป่ำ เพรำะได้เรียนรู้ และค้นหำ
คำตอบและองค์ควำมรู้ด้วยตนเอง และปฏิบัติตนตำมแบบอย่ำงของผู้รู้/ภูมิปัญญำท้องถิ่นในกำร
ดำเนินชีวิตอย่ำงพอเพียง ใช้แบบประเมินโครงงำนในกำรตรวจประเมินโครงงำนของนักเรียน และ
แบบสัมภำษณ์ และได้ไปเผยแพร่ในกำรประกวดโครงงำนประวัติศำสตร์ที่สำนักงำนเขตพื้นที่
กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
9.4 หนังสือเล่มเล็ก จำกกำรจัดกิจกรรมตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 2 และ5 ผลกำรจัด
กิจกรรมกำรเรียนรู้ ผลงำนนักเรียนท่ีได้ หนังสือเล่มเล็กเร่ือง เตยป่ำ และเรื่อง เคร่ืองมือและ
อุปกรณ์ กำรทอเส่ือใบเตยป่ำ นักเรียนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและสรุปองค์ควำมรู้เก่ียวกับเตยป่ำ
เคร่ืองมือและ อปุ กรณ์ กำรทอเส่ือใบเตยป่ำ นักเรียนมีควำมรับผิดชอบต่องำนท่ีได้รับมอบหมำย ส่ง
งำนตำมกำหนดเวลำ ยอมรับฟังข้อเสนอแนะและควำมคิดเห็นของผู้อ่ืน ใช้แบบประเมินผลงำน และ
แบบสังเกตกำรปฏิบัตงิ ำน
9.5 ใบกิจกรรมตำ่ งๆ จำกกำรจัดกจิ กรรมตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวน 7 แผน ผลกำร
จัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ นักเรียนสำมำรถทำกิจกรรมตำมใบกิจกรรมได้ ใช้แบบสังเกตทักษะกำร
ปฏิบัติงำนในกำรประเมนิ และแบบประเมนิ ผลงำน

17

9.6 ผลงำนนักเรยี น (ผลิตภณั ฑ์จำกเส่อื ใบเตยป่ำ) ผลจำกกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้นกั เรียน
สำมำรถสร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์จำกใบเตยป่ำได้หลำกหลำย เช่น เสื่อม้วน เส่ือพับ เสื่อน่ังสมำธิ
ที่รองแก้ว ที่รองจำน ฯลฯ ใช้แบบสังเกตทักษะกำรปฏิบัติงำนในกำรประเมิน และแบบประเมิน
ผลงำน

11. Best Practice โครงการดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกับคุณลกั ษณะ 5 ประการอยา่ งไรบ้าง

คณุ ลกั ษณะ กจิ กรรมทส่ี อดคล้อง เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการทดสอบ
1. ทกั ษะกระบวนกำรคดิ
- กำรจัดทำโครงงำน - แบบประเมินโครงงำน
- กำรจัดทำหนังสือเล่มเล็ก - แบบประเมินผลงำน
- กำรสรุปองค์ควำมรู้ - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
-กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ อันพงึ ประสงค์
จำกใบเตยป่ำ -แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
โรงเรียนสุจรติ

2. ควำมมวี ินัย กลุ่ม “รกั ษภ์ ูมิปัญญำทอ้ งถิ่น” -แบบประเมนิ ทกั ษะกำร

- กำรทอเส่ือใบเตยปำ่ ปฏบิ ัติงำน

- กำรร่วมกันทำงำนสรำ้ งสรรค์ - แบบประเมินคุณลักษณะ

ผลติ ภัณฑ์จำกใบเตยป่ำ อนั พงึ ประสงค์

-แบบประเมินคุณลักษณะ

โรงเรียนสุจรติ

3. ควำมซ่อื สตั ยส์ จุ รติ - กำรจำหนำ่ ยผลติ ภัณฑจ์ ำก - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
ใบเตยปำ่ อันพึงประสงค์
- กำรจดั ทำบญั ชรี ำยรบั - จ่ำย - แบบประเมินคุณลกั ษณะ
โรงเรียนสุจริต

4. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง กลมุ่ “รกั ษ์ภมู ิปัญญำทอ้ งถ่ิน” - แบบประเมินคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
- แบบประเมินคุณลกั ษณะ
โรงเรยี นสุจรติ

5. มจี ิตสำธำรณะ กลุม่ “รักษ์ภูมปิ ญั ญำท้องถ่ิน” - แบบประเมนิ คุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- แบบประเมินคุณลักษณะ
โรงเรียนสุจรติ

18

12. กจิ กรรมทส่ี อดคล้องกับปฏญิ ญาโรงเรียนสุจริต ไดแ้ ก่

ปฏญิ ญา กจิ กรรมที่สอดคลอ้ ง วิธีการ
1.ปอ้ งกัน
กำรรว่ มกล่มุ ”รักษ์ภูมิ - กำรทำงำนรว่ มกันในกลมุ่
ปัญญำท้องถ่นิ ” - กำรสร้ำงสรรคผ์ ลิตภณั ฑ์จำกใบเตยปำ่
- สอดแทรกปลกู ฝังคุณลักษณะโรงเรียน
สจุ รติ ในกิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน

2.ปลกู ฝัง - จดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ - ใหค้ วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจเกยี่ วกับ

ตำมหลักสตู รท้องถนิ่ เรอ่ื ง ภมู ิปัญญำท้องถิน่ ทอเสอ่ื ใบเตยป่ำ

ทอเสือ่ ใบเตยป่ำ - ฝกึ ทักษะกำรทอเสื่อใบเตยป่ำ

- จดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ - สร้ำงควำมตระหนัก ควำมภำคภมู ิใจ

ชมุ นุมรกั ษ์ภมู ปิ ญั ญำ รกั และหวงแหนภมู ิปัญญำท้องถ่นิ

ท้องถ่นิ ทอเสอื่ ใบเตยป่ำ

- สอดแทรกปลกู ฝังคุณลักษณะโรงเรียน

สุจรติ ในกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน

3. กำรสรำ้ งเครอื ข่ำย กำรจัดตงั้ กลุ่ม”รักษภ์ ูมิ - ให้นกั เรยี นสมัครร่วมกลุ่ม
ปัญญำท้องถนิ่ ” “รักษ์ภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น”
- ประชำสัมพนั ธ์ผลงำนท่เี กดิ จำกกำร
จัดกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับ ภูมิปญั ญำ
ทอ้ งถ่ิน
- กำรจัดกำรเรียนรู้โดยผรู้ ู้/ภูมิปัญญำ
ท้องถิน่ มสี ว่ นร่วม
- สอดแทรกปลูกฝังคุณลักษณะโรงเรียน
สุจริตในกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน

13. เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการตรวจสอบ (แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบตรวจผลงาน ดชั นีช้วี ัด ฯลฯ)
13.1 แบบสัมภำษณ์ควำมคิดเห็นสำหรับผู้บริหำรโรงเรียนบ้ำนโคกสว่ำง ครูผู้สอน

กลุ่มสำระกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ จำนวน 1 ฉบับ เกี่ยวกับ
ควำมต้องกำรพัฒนำหลักสูตรท้องถ่ิน กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เร่ือง
เส่ือใบเตยป่ำ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี 5 ซ่ึงเป็นแบบสัมภำษณ์ชนิดมีโครงสร้ำง
(Structured interview) ทส่ี ร้ำงข้นึ มีดังน้ี

ตอนท่ี 1 สถำนภำพและข้อมูลทั่วไป ได้แก่ ชื่อ เพศ อำยุ ตำแหน่ง วุฒิกำรศึกษำ
ประสบกำรณ์ในกำรปฏิบัติงำน ประสบกำรณ์กำรฝึกอบรมเกีย่ วกับกำรพัฒนำหลักสตู ร

19

ตอนที่ 2 แบบสัมภำษณ์ข้อมูลพื้นฐำนเก่ียวกับควำมต้องกำรพัฒนำหลักสูตรท้องถิ่น
กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เร่ือง เสื่อใบเตยป่ำ สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศกึ ษำปีที่ 5

ตอนท่ี 3 สัมภำษณ์ควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ เพื่อพัฒนำหลักสูตรท้องถ่ิน
กลุ่มสำระวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รำยวิชำเพ่ิมเติม เร่ือง เสื่อใบเตยป่ำ สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษำปที ่ี 5

13.2 แบบสอบถำมควำมคิดเห็นสำหรับนักเรียน จำนวน 1 ฉบับ ได้แก่ แบบสอบถำม
สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษำปีที่ 5 เกี่ยวกับควำมต้องกำรและควำมคิดเห็นในกำรพัฒนำ
หลักสตู รทอ้ งถน่ิ กลุ่มสำระวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวชิ ำเพิ่มเติม เร่ือง เสื่อใบเตยป่ำ สำหรบั
นักเรียนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 5 จำนวน 32 คน ลักษณะของแบบสอบถำมสำหรับนักเรียนท่ีสร้ำงข้ึนมี
ดงั น้ี

ตอนที่ 1 แบบสอบถำมเกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไป มีจำนวน 3 ข้อ ได้แก่ 1) เพศ 2) รำยได้
ของผปู้ กครอง 3) ควำมร้แู ละประสบกำรณ์ในกำรทอเส่ือใบเตยป่ำ

ตอนที่ 2 แบบสอบถำมควำมคิดเห็นเก่ียวกับพัฒนำหลักสูตรท้องถ่ิน กลุ่มสำระกำร
วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี รำยวชิ ำเพมิ่ เติม เรือ่ ง เสอ่ื ใบเตยป่ำ สำหรบั นักเรยี นช้ันประถมศึกษำปีท่ี
5 มีจำนวน 4 ข้อ ไดแ้ ก่ 1) ประโยชนข์ องกำรพัฒนำหลักสตู รท้องถิ่น 2) ควำมรเู้ ดมิ เกย่ี วกับเส่ือใบเตยป่ำ
3) เหตุผลในกำรอนุรักษ์ภูมิปัญญำของท้องถ่ิน 4) วิธีกำรอนุรักษ์ภูมิปัญญำท้องถิ่น ซึ่งเป็นแบบสอบถำม
แบบปลำยเปดิ (opened form)

ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
13.3 แบบสัมภำษณ์กระบวนเสื่อใบเตยป่ำ สำหรับผู้รู้/ภูมิปัญญำท้องถ่ิน จำนวน 1 ฉบับ
เกยี่ วกบั ขัน้ ตอนเสื่อใบเตยป่ำของท้องถิ่น ซ่ึงเป็นแบบสมั ภำษณ์ชนิดมโี ครงสร้ำง (Structured interview)
ทส่ี รำ้ งขนึ้ มดี งั นี้

ตอนท่ี 1 สถำนภำพและข้อมูลท่ัวไป ได้แก่ ช่ือ เพศ อำยุ ประสบกำรณ์ในกำรทอเส่ือ
ใบเตยปำ่

ตอนที่ 2 แบบสัมภำษณเ์ ก่ียวกับข้ันตอนกำรทอเส่ือใบเตยป่ำของท้องถิ่น
ตอนท่ี 3 สัมภำษณ์ควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะอน่ื ๆ เพื่อพัฒนำหลกั สูตรท้องถิน่
กลุม่ สำระกำรงำนอำชีพและเทคโนโลยี รำยวิชำเพิม่ เติม เรอื่ ง เส่ือใบเตยปำ่ สำหรับนกั เรยี นช้นั
ประถมศกึ ษำปีที่ 5
13.4 แบบประเมินหลักสูตรท้องถ่ิน เป็นแบบประเมินที่ให้ผู้เชี่ยวชำญ พิจำรณำ
ตรวจสอบคุณภำพของหลักสตู รฉบับร่ำง มำตรวจให้คะแนน โดยกำหนดเกณฑ์กำรให้คะแนนดังนี้
+1 เมอื่ ผู้เชยี่ วชำญมีควำมคิดเห็นโดยแน่ใจว่ำองค์ประกอบของหลักสูตรฉบับร่ำงมีควำม
สอดคล้องกัน
0 เม่ือผู้เชี่ยวชำญมีควำมคิดเห็นโดยไม่แน่ใจว่ำองค์ประกอบของหลักสูตรฉบับร่ำงมี
ควำมสอดคล้องกัน
- 1 เมื่อผู้เช่ียวชำญมีควำมคิดเห็นโดยแน่ใจว่ำองค์ประกอบของหลักสูตรฉบับร่ำงไม่มี
ควำมสอดคล้องกัน

20

นำผลจำกกำรให้คะแนนมำทำกำรวิเครำะห์ เพื่อตรวจสอบควำมสอดคล้องของ
สว่ นประกอบของหลักสูตรฉบับร่ำง โดยใชว้ ิธหี ำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง (IOC) นำคำ่ ดัชนคี วำมสอดคล้อง
ท่ีคำนวณได้มำเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ซึ่งมีค่ำเฉล่ียมำกกว่ำหรือ เท่ำกับ 0.50 หมำยถึง องค์ประกอบของ
หลักสูตรฉบับร่ำงมีควำมสอดคล้องกับจุดประสงค์ และเหมำะสมกับระดับช้ันของผู้เรียนสำมำรถนำมำ
สร้ำงหลักสตู รได้

13.5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน เป็นข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ เกณฑ์กำรให้คะแนน เมื่อตอบถูกให้ 1 คะแนนเมื่อตอบผิด หรือไม่ตอบให้
0 คะแนน โดยสร้ำงแบบทดสอบแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ต้องกำรจริง 30 ข้อ โดย
ครอบคลุมทุกตัวชี้วัดและ สำระกำรเรียนรู้ และสอดคล้องกับจุดประสงค์กำรเรียนรู้ที่กำหนดไว้ นำ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน ท่ีสร้ำงข้ึนไปให้ผู้เช่ียวชำญ เพื่อตรวจสอบคุณลักษณะของ
แบบทดสอบในด้ำนควำมเท่ียงตรงเชิงเนื้อหำ ควำมสอดคล้องกับจุดประสงค์กำรเรียนรู้ ภำษำและควำม
เหมำะสมของคำถำมและตวั เลือก โดยใชเ้ กณฑ์ ดังน้ี

+1 หมำยถึง ขอ้ คำถำมมีควำมสอดคล้องกบั จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
0 หมำยถงึ ข้อคำถำมที่ไม่แน่ใจว่ำมีควำมสอดคล้องกับจุดประสงค์กำรเรยี นรู้
-1 หมำยถงึ ขอ้ คำถำมที่ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์กำรเรียนรู้
นำแบบทดสอบที่ได้รับกำรตรวจสอบจำกผู้เช่ียวชำญมำคำนวณหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง
ระหว่ำงแบบทดสอบกับจุดประสงค์กำรเรียนรู้ แล้วคัดเลือกข้อสอบท่ีมีควำมเที่ยงตรงตำมเนื้อหำตั้งแต่
.60 ขน้ึ ไป
13.6 แบบทดสอบก่อน - หลังเรียนประจำหน่วย เป็นข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ เกณฑ์กำรให้คะแนน เม่ือตอบถูกให้ 1 คะแนนเม่ือตอบผิด หรือไม่ตอบให้
0 คะแนน จะใช้ทดสอบนักเรียนก่อนและหลังเรียนในแต่ละหน่วยเพ่ือตรวจสอบควำมก้ำวหน้ำในกำร
เรยี นรู้ ขัน้ ตอนในกำรออกข้อสอบปฏบิ ตั ิเช่นเดียวกนั กบั แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน
13.7 แบบสังเกตทักษะกำรปฏิบัติงำน สังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติงำนในระหว่ำงกำร
เรียนหลกั สตู รวทิ ยำศำสตร์ทอ้ งถ่นิ กลุม่ สำระวทิ ยำศำสตร์ทอ้ งถิ่น รำยวิชำเพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง เสอ่ื ใบเตยป่ำ
ของนกั เรยี นรำยบุคคล เป็นแบบสงั เกตพฤติกรรม จำนวน 7 ข้อ
เกณฑ์กำรให้คะแนน ใช้เกณฑด์ ังน้ี
ให้ 3 คะแนน เมอื่ มีกำรปฏบิ ัติมำก
ให้ 2 คะแนน เมื่อมีกำรปฏบิ ตั ิเปน็ บำงครัง้
ให้ 1 คะแนน เมือ่ มกี ำรปฏบิ ัติน้อย
ไดค้ ะแนน 16-21 ระดบั คุณภำพ หมำยถงึ ดมี ำก
ไดค้ ะแนน 8-15 ระดบั คณุ ภำพ หมำยถงึ พอใช้
ไดค้ ะแนน 1-7 ระดับคณุ ภำพ หมำยถึง ปรบั ปรงุ
13.8 แบบสอบถำมควำมคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อหลักสูตรวิทยำศำสตร์ท้องถ่ิน เพ่ือ
เก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับควำมคิดเห็น ควำมสนใจ และทัศนคติของนักเรียน เป็นแบบสอบถำม
ชนดิ ปลำยปดิ แบบมำตรำส่วนประมำณค่ำ (Rating Scale) โดยกำหนดชว่ งควำมคิดเป็น 5 ระดบั คือ

21

ระดับ 5 หมำยถึง เห็นดว้ ยมำกท่สี ุด
ระดับ 4 หมำยถงึ เหน็ ด้วยมำก
ระดบั 3 หมำยถงึ เห็นด้วยปำนกลำง
ระดับ 2 หมำยถึง เหน็ ดว้ ยนอ้ ย
ระดับ 1 หมำยถงึ เหน็ ด้วยน้อยท่สี ดุ
13.9 แบบประเมินผลงำน เป็นแบบประเมินแบบมำตรประมำณค่ำ (Rating scale) 3
ระดับ ผ่ำนกำรตรวจสอบควำมสอดคล้องกับพฤติกรรมที่จะประเมินกับตัวชี้วัด และควำมถูกต้องใน
กำรใช้ภำษำของผู้เชี่ยวชำญ แล้วนำมำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง IOC เลือกข้อท่ีมีค่ำ IOC ตั้งแต่ .50
ขึ้นไป
13.10 แบบประเมินโครงงำน เป็นแบบประเมินแบบมำตรประมำณค่ำ (Rating scale)
4 ระดบั ผำ่ นกำรตรวจสอบควำมสอดคล้องกบั พฤติกรรมท่ีจะประเมนิ กับตัวช้ีวัด และควำมถูกต้องใน
กำรใช้ภำษำของผู้เช่ยี วชำญ แล้วนำมำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง IOC เลือกข้อที่มีค่ำ IOC ต้ังแต่ .50
ขึ้นไป
13.11 แบบประเมินคุณลกั ษณะโรงเรียนสุจริต เป็นแบบประเมินแบบมำตรประมำณค่ำ
(Rating scale) 4 ระดบั ผำ่ นกำรตรวจสอบควำมสอดคล้องกับพฤตกิ รรมทีจ่ ะประเมินกบั ตวั ชว้ี ัด และ
ควำมถูกต้องในกำรใช้ภำษำของผู้เชย่ี วชำญ แล้วนำมำหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง IOC เลือกข้อที่มีค่ำ
IOC ต้ังแต่ .60 ขึ้นไป วิเครำะห์คุณภำพแบบประเมิน หำค่ำควำมเช่ือม่ัน (Reliability) ของแบบ
ประเมิน

14. ผลทเี่ กิดจากการทา Best Practice
14.1 นกั เรียนมีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจอำชีพภูมิปัญญำทอเสือ่ ใบเตยป่ำของท้องถิน่ เกิด

ควำมรกั ภำคภมู ิใจเห็นคุณค่ำในภมู ปิ ัญญำท้องถ่นิ ของตนเอง รจู้ กั ใชเ้ วลำวำ่ งให้เปน็ ประโยชน์ และ
สำมำรถดำรงชีวติ ตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง

14.2 นกั เรียนสำมำรถทอเสื่อใบเตยปำ่ และสร้ำงสรรค์ผลิตภัณฑ์จำกเส่ือใบเตยป่ำ
เพื่อจำหน่ำยได้

14.3 นักเรยี นมีคุณลกั ษณะ 5 ประกำรของโรงเรยี นสุจรติ ได้แก่ ทักษะกระบวนกำรคิด
มวี นิ ยั ซ่ือสตั ย์สุจริต อยู่อยำ่ งพอเพียง และมีจิตสำธำรณะ

14.4 กจิ กรรมบรษิ ทั สร้ำงกำรดี กำรนำเสนอผลงำนกำรประกวดแข่งขนั กิจกรรมกำร
เรยี นรู้ภำยใต้โครงกำรเสรมิ สร้ำงคุณธรรมจริยธรรมและธรรมำภบิ ำลในสถำนศึกษำ(โครงกำรโรงเรียน
สจุ ริต)ระดับประเทศและกจิ กรรมเนื่องในวันต่อต้ำนคอร์รปั ชั่นสำกล

14.5 กจิ กรรมบรษิ ทั สร้ำงกำรดี กำรนำเสนอผลงำนกำรประกวดแข่งขนั กิจกรรมกำร
เรียนรู้ภำยใต้โครงกำรเสริมสร้ำงคุณธรรมจริยธรรมและธรรมำภิบำลในสถำนศึกษำ(โครงกำรโรงเรยี น
สจุ รติ )ระดับประเทศและกจิ กรรมเนื่องในวันต่อต้ำนคอรร์ ปั ชั่นสำกล

14.5 กิจกรรมบริษัทสรำ้ งกำรดี กำรนำเสนอผลงำนกำรประกวดแข่งขันกจิ กรรมกำร
เรยี นรูภ้ ำยใตโ้ ครงกำรเสริมสร้ำงคุณธรรมจริยธรรมและธรรมำภิบำลในสถำนศึกษำ(โครงกำรโรงเรียน
สุจรติ )ระดับภำค

22

14.6 กิจกรรมสำนึกพลเมอื ง กำรนำเสนอผลงำนกำรประกวดแข่งขันกิจกรรมกำร
เรียนร้ภู ำยใต้โครงกำรเสริมสร้ำงคุณธรรมจริยธรรมและธรรมำภิบำลในสถำนศึกษำ(โครงกำรโรงเรยี น
สุจรติ )ระดับภำค

14.7 กำรประชุมเปิดเวทเี สวนำแลกเปลย่ี นเรยี นรูก้ ำรพฒั นำหลกั สตู รต่อเนอื่ ง
เช่ือมโยงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำนกับอำชวี ศึกษำและอดุ มศึกษำจงั หวดั อุบลรำชธำนี

14.8 ผนู้ ำเสนอผลงำนวจิ ัยแบบบรรยำย เรอื่ ง กำรพัฒนำชุดกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์
เร่อื ง เสื่อใบเตยป่ำสำหรับนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษำปีที่ 4 โรงเรยี นบำ้ นโคกสวำ่ ง อำเภอสำโรง สังกัด
สำนกั งำนเขตพน้ื ท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4 เน่อื งในกำรประชุมวชิ ำกำร
วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยเี พอ่ื กำรพฒั นำทย่ี ง่ั ยนื คร้ังท่ี 4 ณ อำคำรศนู ย์วิทยำศำสตร์

15. แนวทางการขยายผลสร้างเครือข่าย/วิธกี ารเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์
15.1 เผยแพรใ่ นโรงเรียนจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ภูมิปัญญำทอ้ งถน่ิ บูรณำกำรกลุ่มสำระ

อน่ื ทุกชนั้ เรียน
15.2 เปิดรบั สมำชกิ ชมุ นุม “รกั ษ์ภมู ิปัญญำท้องถิน่ ” เพ่ิมสำหรบั นกั เรียนทมี่ ีควำม

สนใจ
15.3 จดั ทำเอกสำรแผน่ พับประชำสมั พนั ธผ์ ลติ ภณั ฑจ์ ำกใบเตยป่ำของนักเรียนแจก

ใหก้ บั ผู้ปกครองและบุคคลทวั่ ไป
15.4 ประชำสมั พันธ์เผยแพร่ กำรจดั กำรเรยี นรภู้ มู ปิ ัญญำท้องถน่ิ เสือ่ ใบเตยปำ่

ทำงเว็บไซต์ของโรงเรียน, https://www.facebook.com/groups/1497571650477063,
facebook , https://www.facebook.com/profile.php?id=100002808784992,
https://www.facebook.com/koksawangUB/

15.5 กำรทำ MOU หลกั สตู รเช่ยี มโยงสอู่ ำชีวศกึ ษำ หลักสูตรระยะส้นั เสอ่ื ใบเตยปำ่
15.6 ส่งนกั เรยี นเขำ้ ประกวดแข่งขนั ศลิ ปหัตถกรรมนักเรียน ในกิจกรรมโครงงำนอำชพี
ระดบั ป.4-6 กิจกรรมบรษิ ัทสรำ้ งกำรดี กิจกรรมโครงงำนคุณธรรณ
15.7 ศนู ย์กำรเรียนรู้ตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ฐำนกำรเรยี นรพู้ ัฒนำ
ทักษะอำชพี กจิ กรรมเสื่อใบเตยปำ่ สรำ้ งอำชพี
16. ปญั หาและแนวทางการแก้ไข
16.1 ปญั หำทีเ่ กิดขึ้นระหว่ำงกำรจดั กจิ กรรม

16.1.1 ผู้ปกครองบำงส่วนยงั ไม่เห็นควำมสำคญั ของกำรนำภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ มำจดั
กิจกรรมกำรเรียนรู้ให้กบั นักเรียน

16.1.2 ผู้ร/ู้ ภมู ปิ ญั ญำท้องถน่ิ ยังไม่มีประสบกำรณใ์ นกำรถ่ำยทอดควำมรใู้ หก้ ับ
นกั เรียน และยงั ไมเ่ หน็ ควำมสำคญั ของกำรมีสว่ นร่วมในกำรจัดกำรศกึ ษำ

16.1.3 นกั เรยี นบำงส่วนยงั ไม่เหน็ ควำมสำคญั ของกำรเรยี นรู้ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่ิน
เพรำะคิดวำ่ เปน็ สงิ่ ทเ่ี คยพบเหน็ เปน็ ประจำ

16.2 แนวทำงแกไ้ ขทีเ่ กิดขึ้นระหว่ำงกำรจัดกิจกรรม

23

16.2.1 ประชมุ ชีแ้ จงใหผ้ ู้ปกครองตระหนักควำมสำคญั ของกำรจัดกิจกรรมกำร
เรยี นร้ภู ูมิปัญญำท้องถิ่น ทนี่ ักเรยี นและคนในชมุ ชนควรอนุรักษแ์ ละสืบสำนใหก้ ับเยำวชนรุน่ หลัง

16.2.2 มอบเกยี รติบัตรให้กบั ผู้ร/ู้ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่นทมี่ สี ว่ นรว่ มในกำรจดั กำรเรยี นรู้
ใหก้ ับนักเรยี น

16.2.3 สร้ำงควำมตระหนักโดยกำรชีแ้ จงให้นักเรียนได้เขำ้ ใจและเหน็ คุณค่ำและ
ร่วมสืบสำนภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถิ่น ซึ่งจะส่งผลให้นักเรยี นเกิดคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ตำมหลักสูตร
กำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 และคณุ ลกั ษณะโรงเรยี นสจุ ริต

16.2.4 มอบเกยี รติบัตรแสดงควำมยินดใี หน้ กั เรยี นท่ีมีผลงำนดีเดน่ ในกำรมีส่วนมี
รว่ มในกจิ กรรมของภูมิปญั ญำทอ้ งถน่ิ

16.3 ผลท่เี กิดขนึ้ จำกกำรแก้ไขปัญหำในระหวำ่ งกำรจัดกิจกรรม
16.3.1 นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้รภู้ ูมปิ ัญญำท้องถนิ่ เขำ้ ใจ ตระหนักเหน็ คุณคำ่ และ

ร่วมสบื สำนภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ
16.3.2 นักเรยี นเกิดคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ตำมหลกั สูตรกำรศึกษำข้นั พนื้ ฐำน

พทุ ธศักรำช2551(ฉบบั ปรบั ปรงุ 2563) และคณุ ลักษณะโรงเรยี นสุจรติ

17. ขอ้ เสนอแนะ
17.1 โรงเรยี นควรนำภมู ปิ ัญญำท้องถ่นิ เร่ือง ทอเสื่อใบเตยปำ่ ไปบรู ณำกำรจัดกำร

เรียนรใู้ นกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้อ่ืน และในระดบั ช้นั อน่ื ๆ และประชำสัมพนั ธ์ใหผ้ ู้ปกครองรับทรำบผล
กำรดำเนนิ งำนอยำ่ งสมำ่ เสมอ

17.2 สำนักงำนเขตพืน้ กำรศกึ ษำที่ควรเปิดโอกำสให้มเี วทีกำรจัดแสดงผลงำน และ
เผยแพรผ่ ลงำน ประชำสัมพันธ์ทำงเว็บไซต์ของสำนักงำนเขตฯ

17.3 สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพนื้ ฐำน ควรนำผลท่ีได้จำก Best Practice
จดั ทำเป็นหนงั สอื รวม Best Practice และเผยแพรผ่ ลงำนทำงเวบ็ ไซต์ของสพฐ.

24

ภาคผนวก

25

ภาพกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ

การเตรียมเส้นเตยป่า

ภาพกจิ กรรมการฝกึ ปฏบิ ตั ิ

การเตรียมโครงกี่สาหรับทอ
เสือ่

ภาพกจิ กรรมการฝึกปฏบิ ตั ิ

การเตรียมโครงกส่ี าหรับทอ
เสื่อ

26

ภาพกิจกรรมการฝกึ ปฏิบัติ

การเย็บขอบผลิตภัณฑ์

กำรบรรจผุ ลติ ภณั ฑเ์ ส่ือใบเตยป่ำ

27

การมีส่วนร่วมกบั หน่วยงายภายนอก องคก์ ารบริหารส่วนตาบลโคกสวา่ ง การศึกษาตามอธั ยาศยั
นอกโรงเรียน(กศน.สาโรง) พฒั นาชุมชนอาเภอสาโรง กลุ่มพฒั นาสตรีแม่บา้ นโคกสวา่ ง กลุ่ม
พฒั นาสตรีแมบ่ า้ นหนองอะลาง

28
การเผยแพร่กบั หน่วยภายในและภายนอกในระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษา ระดบั จงั หวดั และระดบั ภาค

29

30

รว่ มทำ MOU กบั วทิ ยำลัยสำรพดั ช่ำงหลกั สูตรเชื่อมโยงสู่อำชีวศกึ ษำเส่อื ใบเตยป่ำ
i
รูปภำพกำรนำเงินสำธำรณะประโยชนไ์ ปใชใ้ นกจิ กรรมกำรทำหนงั สอื เลม่ เล็ก


Click to View FlipBook Version