แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าพื้นฐาน
วทิ ยาการคำนวณ ป.2
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ดั สาระเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
คณะผู้เรยี บเรียง
ฝา่ ยวชิ าการ
บริษัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกัด
ดร.นภิ าภรณ์ คำเจรญิ
ภทั รพล พรหมมัญ
จิระพงศ์ ฉันทพจน์
ทรงรัฏต์ ชอมุ่ ดวง
บรรณาธิการ
ณรตั น์นันท์ เพ่ิมสกลุ
จารุชา หาญกอบกลุ
สงวนลขิ สิทธิต์ ามพระราชบญั ญัติ
คำนำ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดสาระเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เพอื่ ให้สถานศึกษานำไปใชเ้ ปน็ กรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา วางแผนการจัดการเรยี นการสอนและ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเป้าหมายของ
หลักสูตร ตลอดจนให้เกิดผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษา ดังนั้น ขั้นตอนการนำหลักสูตร
สถานศึกษาไปปฏิบตั จิ รงิ ในชั้นเรียนของครผู ู้สอน จึงจดั เป็นหัวใจสำคัญในการพฒั นาผู้เรียน
บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด ได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการ
คำนวณ) ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 ขึ้น เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทำเป็น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward
Design) ตลอดจนเน้นกิจกรรมแบบ Active Learning อันจะช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการ
ประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถมั่นใจในผลการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนที่มีหลักฐานตรวจสอบผลการ
เรยี นร้อู ยา่ งเปน็ ระบบ
ผสู้ อนสามารถนำแผนการจดั การเรยี นรู้เล่มน้ี ไปเป็นแนวทางวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการ
ใช้หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 ท่ีทางบรษิ ัทจัดพิมพ์จำหน่าย
โดยทัง้ น้กี ารออกแบบการเรียนรู้ (Instructional Design) ไดด้ ำเนนิ การตามกระบวนการ ดงั นี้
1 หลักการจดั การเรียนรูอ้ งิ มาตรฐาน
หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยจะกำหนดผลการเรียนรู้ไว้เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอน
จะตอ้ งศกึ ษาและวิเคราะหร์ ายละเอยี ดของมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้ีวัดทุกข้อว่า ระบุให้ผู้เรียนต้องมีความร้คู วาม
เข้าใจเก่ียวกับเร่ืองอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดที่เกิดข้ึนกับ
ผเู้ รียนจะนำไปสู่การเสรมิ สร้างสมรรถนะสำคัญและคุณลกั ษณะอันพึงประสงคด์ า้ นใดแก่ผู้เรียน
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ผ้เู รยี นรู้อะไร
ผเู้ รยี นทำอะไรได้
นำไปสู่
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
2 หลกั การจัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ เ่ี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญ
เม่ือผู้สอนวิเคราะห์รายละเอยี ดของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด และไดก้ ำหนดเป้าหมายการจดั การเรียน
การสอนเรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนลงมือ
ปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ีออกแบบไว้จนบรรลุมาตรฐานและตัวชีว้ ดั ทกุ ข้อ
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั เปา้ หมาย หลักการจดั การเรียนรู้
การเรยี นรู้
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ
และการพัฒนา สนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คุณภาพ เนน้ พัฒนาการทางสมอง
ของผูเ้ รยี น ของผู้เรยี น กระตุน้ การคดิ
เนน้ ความรู้คคู่ ณุ ธรรม
3 หลักการบูรณาการกระบวนการเรียนรู้สู่ผลการเรียนรู้
เม่ือผู้สอนกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึงกำหนด
รปู แบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ ท่ีจะฝกึ ฝนใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้ บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้
และตัวชี้วัด โดยเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีเป็นเป้าหมายในหน่วย
น้ัน ๆ เช่น กระบวนการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง กระบวนการ
เผชิญสถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย
กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรทู้ ่ี
มอบหมายให้ผูเ้ รียนลงมอื ปฏิบัตนิ ั้นจะต้องนำไปสู่การเสรมิ สร้างสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของ
ผู้เรยี นตามสาระการเรยี นรู้ทก่ี ำหนดไว้ในแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้
4 หลักการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหน่วย ผู้สอนต้องกำหนดข้ันตอนและ
วิธปี ฏิบตั ิให้ชัดเจน โดยเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ฝกึ ฝนและฝึกปฏิบตั มิ ากท่ีสดุ ตามแนวคดิ และวธิ ีการสำคัญ คอื
1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ที่ผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองในการคิดและทำความเข้าใจ
ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ
สามารถนำเสนอผลงาน แสดงองค์ความรทู้ ่เี กิดขึน้ ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรไู้ ด้
2) การสอน เป็นการเลือกวิธีการหรอื กิจกรรมท่ีเหมาะสมกับการเรียนรใู้ นหน่วยนั้น ๆ และที่สำคัญ คือ ต้อง
เป็นวธิ ีการทีส่ อดคล้องกับสภาพผู้เรยี น ผูส้ อนจึงต้องเลือกใชว้ ิธีการสอน เทคนิคการสอน และรปู แบบการ
สอนอย่างหลากหลาย เพอื่ ช่วยใหผ้ เู้ รยี นปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรูไ้ ดอ้ ย่างราบร่ืนจนบรรลตุ ัวชีว้ ัดทุกขอ้
3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวิธีการและขั้นตอนฝึกปฏิบัติท่ีส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถคิดอย่าง
เป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบการสอนโดยใช้การคิดแบบ
โยนิโสมนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักรการเรียนรู้
แบบ 4MAT รูปแบบการเรยี นการสอนแบบรว่ มมอื เทคนคิ JIGSAW, STAD, TAI, TGT
4) วิธกี ารสอน ควรเลือกใช้วธิ ีการสอนที่สอดคลอ้ งกับเน้อื หาของบทเรียน ความถนัด ความสนใจ และสภาพ
ปัญหาของผู้เรียน วิธสี อนท่ีดจี ะช่วยใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุผลการเรียนร้ตู ามในระดับผลสัมฤทธ์ิที่สงู เช่น
วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาทสมมติ การใช้
กรณตี ัวอย่าง การใช้สถานการณจ์ ำลอง การใชศ้ นู ยก์ ารเรยี น การใชบ้ ทเรียนแบบโปรแกรม เป็นตน้
5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใชเ้ ทคนคิ การสอนท่ีสอดคลอ้ งกบั วิธกี ารสอน และชว่ ยให้ผูเ้ รยี นเข้าใจเน้ือหาใน
บทเรียนได้ง่ายข้ึน สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม
เทคนิคการใช้คำถาม การใช้ตัวอยา่ งกระตนุ้ ความคิด การใช้สือ่ การเรยี นรู้ท่ีน่าสนใจ เปน็ ต้น
6) สื่อการเรียนการสอน ควรเลือกใช้ส่ือหลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทำความกระจ่างให้เน้ือหา
สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และเป็นเคร่ืองมือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลุตัวช้ีวัดอย่างราบรื่น
เช่น ส่ือส่ิงพิมพ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวีดิทัศน์ แผ่นสไลด์ คอมพิวเตอร์ VCD LCD Visualizer
เปน็ ต้น ควรเตรียมส่อื ใหค้ รอบคลุมทงั้ สอ่ื การสอนของครูและสอ่ื การเรียนรู้ของผเู้ รียน
5 หลกั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบย้อนกลับตรวจสอบ
เมื่อผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบรอ้ ยแลว้ จึงนำ
เทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซ่ึงจะนำผู้เรียนไปสู่
การสร้างช้ินงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสำคัญตามธรรมชาติวิชา รวมทั้งคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีเป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามลำดับขั้นตอน
การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ดงั น้ี
จากเปา้ หมายและ เป้าหมายการเรียนรขู้ องหน่วย
หลักฐาน คดิ ย้อนกลบั หลกั ฐานช้นิ งาน/ภาระงาน
แสดงผลการเรยี นรขู้ องหนว่ ย
สูจ่ ดุ เรม่ิ ตน้
ของกจิ กรรมการเรียนรู้ 4 กจิ กรรม คำถามชวนคิด
แสดงผลการเรยี นรขู้ องหน่วย
3 กิจกรรม คำถามชวนคิด จากกิจกรรมการเรยี นรู้
2 กจิ กรรม คำถามชวนคดิ ทีละข้ันบนั ได
1 กจิ กรรม คำถามชวนคดิ สู่หลักฐานและ
เป้าหมายการเรยี นรู้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงแล้ว จะต้อง
ฝึกฝนกระบวนการคิดทุกขั้นตอน โดยใช้เทคนิคการตั้งคำถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับคำถามให้สัมพันธ์กับ
เน้ือหาการเรียนรู้ ต้ังแต่ระดับความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า และ
การสร้างสรรค์ นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซ้ึงแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อม
เพือ่ สอบ O-NET ซึง่ เป็นการทดสอบระดบั ชาตทิ ่ีเน้นกระบวนการคิดระดบั วิเคราะหด์ ว้ ย และในแตล่ ะแผนการเรยี นรู้
จึงมีการระบุคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไว้ด้วยทุกกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนวิธีการทำข้อสอบ O-NET
ควบคู่ไปกับการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามผลการเรียนรู้ท่ีสำคญั
ทั้งนี้การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้ และการ
ประเมินผลด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ตาม
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางฯ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พร้อมท้ังออกแบบ
เคร่ืองมือการวัดและประเมินผล ตลอดจนแบบบันทึกผลการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกับมาตรฐาน
ดา้ นคุณภาพผู้เรียน เช่น แบบบันทกึ ผลดา้ นการคิดวิเคราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ ดา้ นสมรรถนะและ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้
ประกอบการจัดทำรายงานการประเมินตนเอง (Self Assessment Reports) จึงม่ันใจอย่างย่ิงว่า การนำแผนการ
จัดการเรียนรู้เล่มนี้ไปเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนจะช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงข้ึน
ตามมาตรฐานการศกึ ษาและการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาทุกประการ
คณะผจู้ ัดทำ
สารบญั
สรุปหลักสตู รฯ วทิ ยาศาสตร์ หนา้
พิเศษ 1-4
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง วทิ ยาศาสตร์
พิเศษ 5-6
คำอธิบายรายวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.2
พิเศษ 8
โครงสรา้ งรายวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.2
พิเศษ 9-11
Pedagogy
พเิ ศษ 12-13
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.2
พเิ ศษ 14-19
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาเบ้ืองต้น 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 การแสดงขนั้ ตอนการแก้ปัญหา 13
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 การหารูปแบบของปัญหาอยา่ งง่าย 22
35
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำ 50
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 การตรวจสอบข้อผิดพลากจากการเขยี นโปรแกรม 64
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ตัวอย่างการเขยี นโปรแกรมดว้ ย Code.org 76
88
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 การจดั การไฟล์อย่างมรี ะบบ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 การใช้งานซอฟต์แวร์เบอ้ื งต้น 107
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 การแก้ไขตกแตง่ เอกสารดว้ ยโปรแกรมประมวลคำ 124
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 การนำเสนอข้อมูลด้วยโปรแกรมนำเสนอ 133
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 การจดั การกับไฟล์ 141
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 การลบและการเปลยี่ นชอื่ 147
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 การจดั เรียงและแยกประเภทไฟล์ 156
166
สารบญั
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย หนา้
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 รจู้ ักข้อมลู ส่วนตัว
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 อนั ตรายจากการเผยแพรข่ ้อมูลสว่ นตวั 184
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 ข้อควรปฏบิ ัติในการใชง้ านอุปกรณเ์ ทคโนโลยี 200
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์เทคโนโลยี 210
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 การใชง้ านอปุ กรณเ์ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม 219
227
235
สรุปหลกั สตู ร วิทยาศาสตร์*
ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 น้ี ไดก้ ำหนดสาระการเรยี นรู้ออกเปน็ 4 สาระ ไดแ้ ก่
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระท่ี
4 เทคโนโลยี มีสาระเพ่ิมเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววทิ ยา สาระเคมี สาระฟิสกิ ส์ และสาระโลก ดาราศาสตร์ และ
อวกาศ
องคป์ ระกอบของหลกั สูตร ท้ังในดา้ นของเนอ้ื หา การจดั การเรยี นการสอน และการวดั และประเมินผลการ
เรยี นรนู้ ้ันมคี วามสำคญั อย่างยงิ่ ในการวางรากฐานการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ของผ้เู รียนในแตล่ ะระดับชน้ั ใหม้ ีความ
ตอ่ เนื่องเชื่อมโยงกันตงั้ แตช่ ้ันประถมศกึ ษาปีที่ 1 จนถึงช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตรไ์ ด้กำหนดตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลางทผ่ี เู้ รียนจำเป็นต้องเรยี นเปน็ พื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำ
ความรูน้ ไ้ี ปใช้ในการดำรงชวี ิต หรือศกึ ษาต่อในวชิ าชพี ทต่ี ้องใชว้ ิทยาศาสตร์ได้ โดยจดั เรียงลำดับความยากง่ายของ
เนื้อหาในแต่ละระดบั ชั้นใหม้ ีการเช่อื มโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ทู สี่ ่งเสรมิ ให้
ผู้เรียนพัฒนาความคิด ท้ังความคดิ เปน็ เหตเุ ป็นผล คิดสร้างสรรค์ คดิ วเิ คราะห์วจิ ารณ์ มีทกั ษะทส่ี ำคัญท้งั ทกั ษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสรา้ งองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบ
เสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตดั สนิ ใจโดยใช้ขอ้ มูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่
ตรวจสอบได้
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องและเช่ือมโยงกัน
ภายในสาระการเรียนรู้เดียวกัน และระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการ
เชื่อมโยงเน้ือหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากน้ี ยังได้ปรับปรุงเพ่ือให้มีความทันสมัยต่อการ
เปลยี่ นแปลง และความเจรญิ กา้ วหน้าของวิทยาการตา่ ง ๆ และทัดเทยี มกบั นานาชาติ ซงึ่ สรปุ ไดด้ งั แผนภาพ
พเิ ศษ 1
*
*สรุปและลดทอนจาก สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระ
ภมู ศิ าสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. 2551, โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย
จำกัด, 2560 หน้า 1-2
พเิ ศษ 2
พเิ ศษ 3
พเิ ศษ 4
มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง วิทยาศาสตร์
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวติ จรงิ อย่างเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ
ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมี
ประสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ป.2 1. แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรอื การ การแสดงขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา ทำไดโ้ ดยการเขียน
แก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ บอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์
หรอื ข้อความ
ปญั หาอยา่ งงา่ ย เชน่ เกมตวั ตอ่ 6-12 ชิ้น การแต่งตัว
2. เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์ มาโรงเรยี น
หรือส่อื และตรวจหาข้อผดิ พลาดของ
โปรแกรม ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตัวละคร
ทำงานตามทตี่ ้องการ และตรวจสอบข้อผดิ พลาด ปรับ
3. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ แกไ้ ขให้ไดผ้ ลลพั ธ์ตามทก่ี ำหนด
คน้ หา จัดเกบ็ เรียกใชข้ ้อมูลตาม
วตั ถุประสงค์ การตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ทำได้โดยตรวจสอบคำสั่งทแ่ี จง้
ข้อผิดพลาด หรือหากผลลพั ธไ์ ม่เปน็ ไปตามทีต่ อ้ งการให้
ตรวจสอบการทำงานทีละคำส่งั
ซอฟต์แวร์หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บัตร
คำส่งั แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.Org
การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บอ้ื งต้น เช่น การเข้าและออกจาก
โปรแกรม การสร้างไฟล์ การจัดเกบ็ การเรยี กใช้ไฟล์ การ
แก้ไขตกแตง่ เอกสาร ทำได้ในโปรแกรม เช่น โปรแกรม
ประมวลคำ โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมนำเสนอ
การสรา้ ง คดั ลอก ย้าย ลบ เปลีย่ นช่อื จดั หมวดหมู่ไฟล์
และโฟลเดอรอ์ ย่างเป็นระบบจะทำใหเ้ รยี กใช้ คน้ หา
ข้อมูลไดง้ ่ายและรวดเรว็
พเิ ศษ 5
ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การใชเ้ ทคโนโลยรสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เชน่ รจู้ ัก
ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใชค้ อมพิวเตอร์ ข้อมลู ส่วนตวั อันตรยจากการเผยแพร่ขอ้ มูลส่วนตวั และ
รว่ มกนั ดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์เบื้องต้น ใชง้ าน ไม่บอกขอ้ มูลส่วนตัวกบั บุคคลอนื่ ยกเว้นผู้ปกครองหรือครู
อยา่ งเหมาะสม แจ้งผ้เู กี่ยวขอ้ งเมอื่ ต้องการความชว่ ยเหลอื เกีย่ วกบั การใช้
งาน
ขอ้ ปฏิบัติในการใช้งานและการดูแลรักษาอุปกรณ์ เชน่
ไมข่ ีดเขยี นบนอุปกรณ์ ทำความสะอาด ใชอ้ ปุ กรณอ์ ย่าง
ถกู วธิ ี
พิเศษ 6
คำอธิบายรายวชิ า
รายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง
ศึกษาการแสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ศึกษาการใช้
งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้าง และจัดการกับข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการใช้
งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย
โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอยา่ งมีระบบ และสรา้ งองค์ความรู้ใหม่จากการใช้
ปัญหาท่ีเกิดขึน้ จริงในชวี ติ ประจำวนั ได้
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ มที ักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสอื่ สารเบื้องต้นในการแก้ปัญหาทพ่ี บใน
ชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ
แก้ปัญหา การจัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม
จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์
ตวั ช้ีวัด
ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4
รวม 4 ตวั ชีว้ ดั
พเิ ศษ 8
โครงสร้างรายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ช้นั ป.2
ลำดับที่ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน มโนทัศน์สำคญั เวลา
1. การแก้ปัญหาอย่าง การเรียนรู้/ตัวชี้วดั (ชม.)
เปน็ ขน้ั ตอน ว 4.2 ป.2/1 ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เป็ น ส่ิ ง ท่ี เกิ ด ขึ้ น ใน
2. ชีวิตประจำวัน เช่น การแก้ปัญหาการเดินทาง 4
การตรวจหา ว 4.2 ป.2/2 ไปโรงเรียน การทำการบ้าน การเลน่ เกม ดังนั้น
3. ขอ้ ผิดพลาดของ จึ ง ต้ อ ง เรี ย น รู้ ขั้ น ต อ น ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เพื่ อ ให้ 3
โปรแกรม ว 4.2 ป.2/3 สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและ
รวดเร็ว ขั้นตอนของการแก้ปัญหามี 4 ขั้นตอน 8
การจัดการไฟล์อย่าง ดังนี้ พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา คือ
การทำความเข้าใจปัญหา โดยวิเคราะห์ปัญหา
นั้น วางแผนการแก้ปัญหา คือ การกำหนดและ
จั ด ล ำ ดั บ ข้ั น ต อ น ข อ ง สิ่ ง ท่ี ต้ อ ง ก ร ะ ท ำ เพ่ื อ
แก้ปัญหาจากข้อมูลที่ได้รับ ลงมอื แก้ปัญหา คือ
การกระทำตามขั้นตอนที่ได้วางแผนเพ่ือให้
ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายท่ีกำหนดไว้
และตรวจสอบผลการแก้ปัญ หา คือ การ
ตรวจสอบผลลัพธ์ท่ีได้ดำเนินการว่าตรงตาม
แนวทางท่ีจะแก้ไขหรือไม่ โดยผลลัพธ์ท่ีเกิดขึ้น
อาจจะไม่เป็นไปตามแนวทางการแก้ปัญหาที่
วางไว้ ซึ่งอาจจะตอ้ งปรับปรงุ แก้ไขอีกครัง้
การเขียนโปรแกรม คือ การเขียนชุดคำส่ัง
ใหค้ อมพิวเตอร์ทำงานตามเงื่อนไขท่ีกำหนดการ
เขียนโปรแกรมแบบวนซ้ำ เป็นการเขียน
โปรแกรมทำงานซ้ำกันหลายรอบ
การตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขียน
โปรแกรมเป็นข้ันตอนหนึ่งที่สำคัญในการเขียน
โปรแกรม ซ่ึงจะต้องตรวจสอบว่าได้ ผลลัพธ์
ตรงตามที่ต้องการหรือไม่ โดยข้อผิดพลาดท่ี
เกิดขึ้นมี 2 ลักษณะ คือข้อผิดพลาดท่ีเกิดจาก
การเขียนคำส่ังผิด และข้อผิดพลาดท่ีเกิดจาก
การเขียน คำสั่งผิดรูป แบบ แบ่งเป็น การ
ตรวจสอบ คำส่ังขั้น ตอน การท ำงาน ของ
โปรแกรม การตรวจสอบคำสั่งผิดรูปแบบทีละ
คำสั่ง
การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น ซึ่งซอฟต์แวร์
พเิ ศษ 9
ลำดับที่ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน มโนทัศนส์ ำคัญ เวลา
4 มีระบบ การเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชม.)
เป็ น ชุ ด ค ำ สั่ งห รื อ โป ร แ ก ร ม ที่ ใช้ สั่ ง งา น ให้
การใช้เทคโนโลยี ว 4.2 ป.2/4 คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับ 5
สารสนเทศอย่าง ข้ันตอนการทำงานที่เขียนข้ึนด้วยคำสั่งของ
ปลอดภัย คอมพิวเตอร์ คำส่ังเหล่าน้ีเรียงกันเป็นโปรแกรม
คอมพิวเตอร์
การนำเสนอข้อมูลโดยใช้โปรแกรมต่าง ๆ
เช่น โปรแกรมกราฟิก ซ่ึงเป็นโปรแกรมท่ีใช้ใน
การวาดภาพ หรือออกแบบกราฟิกบนเคร่ือง
คอมพิวเตอร์ ซ่ึงได้แก่ โปรแกรมเพนต์ การสร้าง
และการจัดเก็บไฟล์ด้วยโปรแกรมกราฟิก การ
เรียกใช้โปรแกรมกราฟิก การแก้ไขตกแต่ง
เอกสารด้วยโปรแกรมกราฟิก การนำเสนอข้อมูล
ดว้ ยโปรแกรมนำเสนอ
การจัดการไฟล์เป็นการจัดระเบียบไฟล์งาน
บนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การสร้าง คัดลอก
ย้าย ลบ เปล่ียนชื่อ และจัดหมวดหมู่ เพื่อให้
สะดวกรวดเรว็ ในการใชง้ าน
ในสภาพสังคมท่ีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท
มาก การรู้จักข้อมูลส่วนตัวของตนเอง และการ
ข อ ค ว า ม ช่ ว ย เห ลื อ เม่ื อ พ บ ปั ญ ห า จ า ก ก า ร
เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว เป็นวิธีหน่ึงที่จะช่วยทำ
ให้สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่าง
ปลอดภัย นอกจากนี้การเรียนรู้ข้อปฏิบัติ การ
ดูแลรักษาอุปกรณ์เทคโนโลยี และการใช้งาน
อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมจะช่วยยืด
อายุการใช้งานของอุปกรณ์เทคโนโลยีให้ใช้งาน
ได้นานมากข้ึน ตลอดจนสามารถใช้งานได้อย่าง
มีประสทิ ธิภาพ
พิเศษ 10
Pedagogy
ส่ือการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.2 ผู้จัดทำได้ออกแบบการสอน (Instructional
Design) อันเป็นวธิ ีการจัดการเรยี นรู้และเทคนิคการสอนท่ีเป่ียมด้วยประสิทธภิ าพและมีความหลากหลายใหก้ ับผเู้ รียน
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึง
ประสงคข์ องผู้เรียนที่หลกั สูตรกำหนดไว้ โดยครสู ามารถนำไปใช้สำหรับจดั การเรยี นรู้ในชน้ั เรียนได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ซึ่งในรายวิชานี้ ได้นำรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) และรูปแบบการสอน
แบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน (problem - based learning) มาใชใ้ นการออกแบบการสอน ดังน้ี
กระบวนการเรียนรู้
เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เน่ืองจากเป็นรูปแบบการ
สอนแบบท่ีมุ่งให้ผู้เรียนไดส้ รา้ งองคค์ วามรู้ใหม่ โดยเชอ่ื มโยงส่ิงท่ีเรยี นรเู้ ขา้ กับประสบการณ์หรือความเดิมให้เป็นองค์
ความรู้หรือแนวคดิ ของผู้เรยี นเอง ดังนัน้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงสามารถพัฒนาผูเ้ รียนให้มคี วามสามารถในการ
แก้ปัญหาโดยเน้นการปฏิบัติจริง มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน เสริมสร้างความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการ
ข้นั ตอนอย่างเป็นวัฏจักร ซง่ึ กระบวนการปฏบิ ตั มิ ขี ัน้ ตอนดังนี้
1. กระตนุ้ ความสนใจ ให้ผ้เู รยี นสนใจใครร่ ู้ในเร่ืองที่เรียน มลี กั ษณะเปน็ การนำเข้าสบู่ ทเรยี น
2. สำรวจและค้นหา เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นไดร้ บั ประสบการณ์ตรง ร่วมกนั สรา้ งและพฒั นาความคดิ รวบยอด
3. อธิบายความรู้ นำเอาความรู้จากการสำรวจและค้นหา ที่พัฒนาเป็นความคิดรวบยอดมาอภิปราย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน
4. ขยายความเข้าใจ ผเู้ รียนได้ขยายความรคู้ วามเขา้ ใจในความคดิ รวบยอดใหก้ ว้างขวางและลึกซ้ึงยงิ่ ขึ้น
5. ตรวจสอบผล ผูเ้ รยี นได้ตรวจสอบแนวความคดิ ท่ไี ด้เรียนรมู้ าแลว้ ว่าถูกตอ้ งและได้รับการยอมรับเพียงใด
เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem - based learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่จาก
การใช้ปัญหาที่เกิดข้ึนจริงในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเป็นการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา
เปน็ เคร่ืองมือในการกระตุ้นให้ผ้เู รียนมีความสนใจและต้องการศึกษาคน้ คว้าข้อมลู เพอ่ื นำไปสูก่ ารแกป้ ญั หา ซึง่ ผู้เรยี น
จะได้วิเคราะหแ์ ละแก้ปัญหาและทำให้เกิดความเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจนและสามารถใชท้ ักษะกระบวนการที่นำไปสู่
การแกป้ ัญหาได้ โดยผา่ นกระบวนการจดั กจิ กรรมที่สำคญั ดงั นี้
1. กำหนดปญั หา ผ้สู อนจัดสถานการณ์ต่าง ๆ กระต้นุ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความสนใจ มองเห็นปญั หา และเกิดความ
สนใจทจ่ี ะคน้ หาคำตอบ
2. ทำความเขา้ ใจกับปัญหา ผเู้ รยี นจะต้องทำความเขา้ ใจปัญหาทตี่ อ้ งการเรยี นรู้ ซ่ึงผเู้ รยี นจะตอ้ งอธบิ ายสิ่ง
ต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ปญั หาได้
3. ดำเนนิ การศกึ ษาค้นคว้า ผู้เรียนตอ้ งกำหนดสง่ิ ทต่ี ้องเรียน ดำเนินการศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเองโดยใช้
วธิ ีการท่ีหลากหลาย
4. สังเคราะห์ความรู้ ผเู้ รียนนำความรทู้ ีไ่ ดค้ น้ ควา้ มาแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ร่วมกนั อภิปรายผล และสังเคราะห์
ความรู้ทไ่ี ด้มาวา่ มีความเหมาะสมหรอื ไม่
พิเศษ 11
5. สรปุ และประเมินคา่ ของคำตอบ ผูเ้ รียนสรปุ ผลงานของกลมุ่ หรอื ผลงานของตนเอง และประเมนิ ผลงานว่า
ข้อมลู ที่ได้ศึกษาค้นคว้ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบแนวคิดอย่างอสิ ระ และสรปุ เป็นองคค์ วามรู้ใน
ภาพรวมของปญั หาอกี ครั้ง
6. นำเสนอและประเมินผลงาน ผู้เรยี นนำขอ้ มูลที่ไดม้ าจัดระบบองค์ความรู้และนำเสนอเปน็ ผลงานใน
รปู แบบทีห่ ลากหลาย ผ้เู รียนทุกกลุม่ รวมทั้งผ้ทู ่เี กีย่ วขอ้ งกับปัญหารว่ มกันประเมนิ ผลงาน
วธิ ีการสอน (Teaching Method)
ผู้จัดทำเลือกใช้วิธสี อนท่ีหลากหลาย เช่น การอภิปราย การใช้สถานการณ์จำลอง การใช้เกม เป็นต้น เพื่อส่งเสริม
การเรียนรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) การเรียนรู้แบบใช้ปญั หาเป็นฐาน (problem - based
learning) ให้เกิดประสิทธภิ าพมากท่ีสุด และยังมุ่งพฒั นาให้ผู้เรียนเกดิ องค์ความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ โดยการคิด
และลงมือปฏิบัติ ซง่ึ จะช่วยให้ผเู้ รยี นมคี วามรแู้ ละเกิดทักษะทีค่ งทน
เทคนคิ การสอน (Teaching Technique)
ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเร่ืองที่เรียน เช่น การต้ังคำถาม การยกตัวอย่าง
การใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีน่าสนใจ เพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้
มากขึ้น ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถฝึกทกั ษะการเรยี นรู้และทักษะการปฏบิ ตั ิเกีย่ วกับงานต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 ได้
พเิ ศษ 12
โครงสรา้ งแผนการจดั การเรยี นรู้ รายว
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธีสอน/วธิ กี ารจดั
แผนที่ 1 การแกป้ ัญหาเบือ้ งตน้ กจิ กรรมการเรยี นรู้
1 การแกป้ ญั หาอยา่ ง
เปน็ ขัน้ ตอน แบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน
(problem- based learning)
แผนท่ี 2 การแสดงข้นั ตอนการ แบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน
แก้ปัญหา (problem- based learning)
แผนท่ี 3 การหารูปแบบของปัญหา แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
อย่างง่าย (5Es Instructional Model)
พเิ ศ
วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป. 2
เวลา 20 ชัว่ โมง
ทกั ษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
(ช่ัวโมง)
1. ทกั ษะการสอื่ สาร 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้
2. ทักษะการคิดเชิงคำนวณ ท่ี 1 การแก้ปญั หาเบอื้ งต้น 1
3. ทักษะการแกป้ ัญหา
4. ทักษะการสงั เกต 2. ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 เรื่อง แก้ปัญหากนั ดีกว่า 2
3. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
1. ทักษะการส่อื สาร 4. สังเกตความมีวนิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ 1
2. ทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ
3. ทกั ษะการแก้ปญั หา มงุ่ ม่ันในการทำงาน
4. ทกั ษะการสังเกต 1. ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 เร่ือง การแสดงขั้นตอน
5. ทกั ษะการทำงานร่วมกัน
การแกป้ ญั หา
1. ทักษะการสื่อสาร 2. ตรวจใบงานที่ 1.2.2 เรอื่ ง การเขยี นผงั งาน
2. ทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
3. ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
4. ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5. สงั เกตความมีวนิ ยั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้
ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
1. ประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) กิจกรรม
การแกป้ ญั หา
2. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
3. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
4. สงั เกตความมวี ินยั ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้
มุง่ มน่ั ในการทำงาน
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรู้
ที่ 1 การแกป้ ญั หาเบอ้ื งตน้
ศษ 13
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วิธีสอน/วิธกี ารจัด
กิจกรรมการเรียนรู้
2 การตรวจหา แผนท่ี 1 การเขยี นโปรแกรมแบบ
ข้อผิดพลาดของ วนซำ้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
โปรแกรม (5Es Instructional Model)
แผนที่ 2 การตรวจสอบข้อผิดพลาด แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
จากการเขียนโปรแกรม (5Es Instructional Model)
แผนท่ี 3 ตัวอย่างการเขยี นโปรแกรม แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ด้วย Code.org (5Es Instructional Model)
พิเศ
ทักษะทไ่ี ด้ การประเมิน เวลา
1. ทกั ษะการสอ่ื สาร (ชว่ั โมง)
2. ทักษะการคิดเชงิ คำนวณ 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้
3. ทกั ษะการแกป้ ญั หา ท่ี 2 การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม 1
4. ทักษะการทำงานร่วมกนั
2. ตรวจใบงานที่ 2.1.1 เรอื่ ง การหาเส้นทาง 1
1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
2. ทักษะการคิดเชงิ คำนวณ 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล 1
3. ทักษะการแกป้ ัญหา 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
4. ทักษะการทำงานร่วมกัน 6. สงั เกตความมวี ินยั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้
1. ทักษะการส่ือสาร มุง่ มั่นในการทำงาน
2. ทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ 1. ตรวจใบงานที่ 2.2.1 เร่อื ง การตรวจหา
3. ทกั ษะการแกป้ ญั หา
4. ทักษะการสังเกต ข้อผดิ พลาดจากการเขียนโปรแกรม
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 2. ประเมินการนำเสนอผลงาน
3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
5. สงั เกตความมีวินยั ความรบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้
มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
1. ตรวจใบงานท่ี 2.3.1 เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรม
ด้วย Code.org
2. ประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) กิจกรรม
การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
4. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ศษ 14
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ วิธสี อน/วธิ กี ารจดั
กจิ กรรมการเรียนรู้
3 การจดั ไฟลอ์ ยา่ งมี แผนท่ี 1 การใชง้ านซอฟตแ์ วรเ์ บอ้ื งต้น แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ระบบ (5Es Instructional Model)
แผนที่ 2 การแก้ไขตกแต่งเอกสารดว้ ย แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
โปรแกรมประมวลคำ (5Es Instructional Model)
แผนท่ี 3 การนำเสนอขอ้ มลู ดว้ ย แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
โปรแกรมนำเสนอ (5Es Instructional Model)
พิเศ
ทกั ษะที่ได้ การประเมิน เวลา
(ชว่ั โมง)
1. ทกั ษะการส่อื สาร 6. สงั เกตความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้
2. ทกั ษะการถา่ ยทอดความคดิ มงุ่ มั่นในการทำงาน 2
3. ทกั ษะการคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์
4. ทักษะการสงั เกต 7. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ 2
ที่ 2 การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม
1. ทักษะการส่อื สาร 1
2. ทักษะการถา่ ยทอดความคดิ 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้
3. ทกั ษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ที่ 3 การจดั ไฟลอ์ ย่างมรี ะบบ
4. ทักษะการสงั เกต
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 2. ตรวจใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง วาดภาพตวั ฉนั
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
1. ทักษะการสอื่ สาร 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
2. ทกั ษะการถ่ายทอดความคดิ 5. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
3. ทกั ษะการคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ 6. สงั เกตความมวี นิ ยั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้
4. ทักษะการสังเกต
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั มุ่งมน่ั ในการทำงาน
1. ตรวจใบงานที่ 3.2.1 เร่อื ง การสร้างนทิ าน
2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
3. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
4. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
5. สังเกตความมวี ินยั ความรับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ มั่นในการทำงาน
1. ประเมินการนำเสนอผลงาน
2. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
3. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
4. สังเกตความมวี ินยั ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้
มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
ศษ 15
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ วธิ สี อน/วิธกี ารจดั
กิจกรรมการเรียนรู้
แผนที่ 4 การจัดการกบั ไฟล์
แบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน
(problem - based learning)
แผนท่ี 5 การลบและการเปลยี่ นชือ่ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
(5Es Instructional Model)
แผนท่ี 6 การจดั เรียงและแยกประเภท แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ไฟล์ (5Es Instructional Model)
พเิ ศ
ทักษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา
(ช่วั โมง)
1. ทักษะการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู 1. ตรวจใบงานที่ 3.4.1 เรื่อง การจดั หมวดหมู่ข้อมลู
2. ทักษะการส่ือสาร 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 1
3. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
4. ทกั ษะการสงั เกต 4. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 1
5. ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5. สังเกตความมวี นิ ยั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
1
1. ทักษะการส่อื สาร มุ่งม่นั ในการทำงาน
2. ทักษะการแลกเปล่ียนขอ้ มลู 1. ตรวจใบงานที่ 3.5.1 เรื่อง การลบไฟลแ์ ละ
3. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์
4. ทกั ษะการสงั เกต โฟลเดอร์
5. ทักษะการทำงานร่วมกัน 2. ตรวจใบงานท่ี 3.5.2 เรื่อง การเปลี่ยนชอื่ ไฟล์และ
1. ทักษะการสอ่ื สาร โฟลเดอร์
2. ทักษะการถ่ายทอดความคดิ 3. ประเมินการนำเสนอผลงาน
3. ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
4. ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
5. ทกั ษะการแก้ปญั หา 6. สังเกตความมีวนิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้
6. ทกั ษะการสงั เกต
7. ทกั ษะการทำงานร่วมกัน มุง่ ม่นั ในการทำงาน
1. ตรวจใบงานท่ี 3.6.1 เร่ือง การจัดเรยี งไฟล์
2. ประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) กจิ กรรม
การจดั การไฟลอ์ ย่างมรี ะบบ
3. ประเมินการนำเสนอผลงาน
4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
5. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
6. สงั เกตความมวี นิ ยั ความรับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
7. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรู้
ท่ี 3 การจัดการไฟลอ์ ย่างมรี ะบบ
ศษ 16
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ ีสอน/วธิ กี ารจดั
แผนที่ 1 ร้จู ักข้อมลู ส่วนตัว กจิ กรรมการเรยี นรู้
4 การใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศอย่าง แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ปลอดภยั (5Es Instructional Model)
แผนที่ 2 อันตรายจากการเผยแพร่ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขอ้ มูลสว่ นตัว (5Es Instructional Model)
แผนท่ี 3 ขอ้ ควรปฏิบัติในการใชง้ าน แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
อุปกรณ์เทคโนโลยี (5Es Instructional Model)
พิเศ
ทกั ษะทีไ่ ด้ การประเมนิ เวลา
(ชัว่ โมง)
1. ทักษะการแลกเปล่ยี นข้อมลู 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรู้
2. ทักษะการส่ือสาร ท่ี 4 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั 1
3. ทกั ษะกาคดิ วิเคราะห์
4. ทักษะการสำรวจ 2. ตรวจใบงานที่ 4.1.1 เรื่อง มารู้จกั ข้อมูลสว่ นตวั 1
5. ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 3. ตรวจใบงานที่ 4.1.2 เรอ่ื ง ข้อมูลสว่ นตวั ของเรา
4. ประเมินการนำเสนอผลงาน 1
1. ทกั ษะการสอ่ื สาร 5. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
2. ทกั ษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู 6. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 7. สังเกตความมวี ินยั ความรบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้
4. ทกั ษะการสังเกต
5. ทักษะการประยกุ ต์ความรู้มาใช้ มุง่ มนั่ ในการทำงาน
ในการแก้ปญั หา 1. ตรวจใบงานที่ 4.2.1 เร่ือง อนั ตรายจากการ
6. ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั เผยแพร่ขอ้ มูลสว่ นตวั
1. ทกั ษะการสอ่ื สาร
2. ทกั ษะการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
3. ทกั ษะการคดิ อย่างมี 3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
4. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
วิจารณญาณ 5. สังเกตความมวี นิ ยั ความรบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
4. ทักษะการแสวงหาความรู้
5. ทกั ษะการทำงานร่วมกัน มุ่งมนั่ ในการทำงาน
1. ตรวจใบงานที่ 4.2.1 เรอื่ ง การใชง้ านอปุ กรณ์
เทคโนโลยี
2. ประเมินการนำเสนอผลงาน
3. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
5. สังเกตความมวี ินยั ความรับผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้
มงุ่ ม่ันในการทำงาน
ศษ 17
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ วธิ สี อน/วิธีการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรู้
แผนที่ 4 การดแู ลรกั ษา
อปุ กรณ์เทคโนโลยี แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
(5Es Instructional Model)
แผนท่ี 5 การใชง้ านอุปกรณ์เทคโนโลยี แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
อยา่ งเหมาะสม (5Es Instructional Model)
พิเศ
ทกั ษะทไี่ ด้ การประเมิน เวลา
(ชว่ั โมง)
1. ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู 1. ตรวจใบงานท่ี 4.4.1 เรือ่ ง การดูแลรกั ษาอุปกรณ์
2. ทกั ษะการสื่อสาร 2. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน 1
3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
4. ทักษะการสงั เกต 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 1
5. ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. สงั เกตความมีวนิ ยั ความรบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้
6. ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมลู
1. ทักษะการแลกเปล่ยี นข้อมลู มุ่งมน่ั ในการทำงาน
2. ทกั ษะการส่อื สาร 1. ตรวจใบงานท่ี 4.5.1 เรื่อง ขั้นตอนการใช้งาน
3. ทักษะการคิดวิเคราะห์
4. ทักษะการสงั เกต อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
5. ทักษะการทำงานร่วมกนั 2. ประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) กจิ กรรม
การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
3. ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
4. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
5. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
6. สงั เกตความมวี ินยั ความรบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
มุ่งมั่นในการทำงาน
7. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรู้
ท่ี 4 การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง
ปลอดภยั
ศษ 18
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขั้นตอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
การแกป้ ัญหาอย่างเป็นข้นั ตอน
เวลา 4 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั
ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา ได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจริยธรรม
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดบั ขน้ั ตอนการทำงานหรอื การแก้ปญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ
สญั ลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ
2. สาระการเรียนรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1) การแสดงข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ทำไดโ้ ดยการเขียนบอกเลา่ วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์
2) ปัญหาอย่างง่าย เช่น เกมตัวตอ่ 6-12 ชน้ิ การแต่งตัวมาโรงเรยี น
2.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ
(พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา)
3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ในชีวติ ประจำวันของคนเราจำเปน็ ต้องพบเจอปัญหาต่าง ๆ ดังนน้ั จึงต้องมีการเรียนรู้ข้ันตอนการแก้ปัญหา
เบ้ืองตน้ เพ่ือให้สามารถแกป้ ัญหาได้อย่างถูกต้อง ถูกวิธี และรวดเรว็ แต่การแกป้ ัญหาทดี่ ีจะตอ้ งมีการวางแผน
การแกป้ ัญหา เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นลำดับขั้นตอนเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ซ่ึงสามารถการแสดงขั้นตอน
การแกป้ ัญหาสามารถทำได้โดยการเขียนบอกเล่า การวาดภาพ หรือการใชส้ ัญลักษณ์ และอีกวธิ ีคอื การหารูปแบบ
ของปัญหา ซ่ึงเป็นการหาความสัมพันธ์ของปัญหาโดยการเปรียบเทยี บ จัดกลุ่ม เรียงลำดับ เพื่อชว่ ยให้สามารถ
แก้ปัญหาได้ง่ายข้ึน
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้
- ทักษะการสื่อสาร 3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคดิ เชงิ คำนวณ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- ทักษะการแกป้ ญั หา
- ทักษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
1
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขน้ั ตอน
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ทักษะการทำงานรว่ มกัน
5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ช้นิ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) เรอื่ ง การแกป้ ัญหา
6. การวัดและการประเมนิ ผล วิธีวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน
- ตรวจชนิ้ งาน/ภาระ - แบบประเมินชิ้นงาน ระดับคุณภาพ 2
รายการวัด งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมนิ ตามสภาพจริง
6.1 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน กอ่ นเรียน
(รวบยอด) เรอ่ื ง การแกป้ ัญหา - ใบงานท่ี 1.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจใบงานท่ี 1.1.1
6.2 การประเมินก่อนเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1
เร่อื งาการแก้ปัญหา
อย่างเป็นขั้นตอน
6.3 ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้
1) แก้ปัญหากันดีกว่า
2) การแสดงขน้ั ตอน - ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 - ใบงานที่ 1.2.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การแก้ปญั หา
3) การเขียนผงั งาน - ตรวจใบงานท่ี 1.2.2 - ใบงานที่ 1.2.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
5) พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
6) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
- สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
6.4 การประเมินหลังเรยี น ความรับผดิ ชอบ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบหลังเรยี น ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ัน อนั พงึ ประสงค์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ในการทำงาน
เรื่องาการแก้ปัญหา
- ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ
หลังเรียน
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
2
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้นั ตอน
รายการวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
อย่างเป็นขั้นตอน
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การแกป้ ญั หาอย่างเป็นขน้ั ตอน
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
3
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอน
เร่อื งท่ี 1: การแกป้ ัญหาเบือ้ งตน้ เวลา 1 ชว่ั โมง
วธิ กี ารสอนโดยเนน้ การจดั การเรียนรู้แบบใช้ปญั หาเป็นฐาน (problem- based learning)
ข้นั นำ
ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนและเช่ือมโยงเขา้ ส่บู ทเรยี นวา่ “ถา้ นักเรียน
มาโรงเรียนสายทกุ วนั และนักเรยี นต้องการจะไปโรงเรียนให้ทันเวลาต้องทำอย่างไร” และ
“นกั เรยี นคิดว่าการหาข้อมลู เขา้ มคี วามสำคญั ต่อการแก้ปัญหาอย่างไร”
ขน้ั สอน
ขั้นท่ี 1 กำหนดปัญหา
1. ครถู ามนักเรยี นวา่ “ในชวี ิตประจำวันนกั เรยี นพบปัญหาอะไรบา้ งและนักเรยี นมวี ธิ กี ารแก้ไข
ปญั หาอย่างไร” ใหน้ ักเรยี นเขียนปญั หาที่สำคญั ทีส่ ุดของตนเองและบนั ทึกลงในกระดาษโนต้
ข้ันท่ี 2 ทำความเขา้ ใจปญั หา
2. นักเรยี นแตล่ ะคนวิเคราะห์ถึงสภาพปญั หาและแนวทางการแกไ้ ขปญั หาของตนเอง แลว้ บันทึก
ลงในกระดาษโน้ต (ใบเดิม)
ขั้นท่ี 3 ดำเนินการศกึ ษาคน้ ควา้
3. นกั เรียนศึกษาข้นั ตอนการแก้ปญั หาเบ้ืองตน้ ทงั้ 4 ข้ันตอนจากหนังสอื เรยี น โดยครูอธิบาย
เพมิ่ เติมถึงรายละเอยี ดของขั้นตอนการแกป้ ัญหาเบ้อื งต้น
4. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์การแกป้ ญั หาจากตัวอย่างในหนังสือเรยี น และ
อธบิ ายเกร็ดน่ารู้ในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันให้นกั เรียนฟัง
ขั้นที่ 4 สังเคราะหค์ วามรู้
5. ครใู หน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะการแกป้ ญั หาในหนังสือเรยี น โดยให้นกั เรียนวิเคราะห์
สถานการณ์ และอธิบายวธิ กี ารแก้ปญั หาแตล่ ะขนั้ ตอนลงในสมดุ ประจำตัว พร้อมสุ่มนักเรียน
1-2 คน ออกมาอธิบายวิธกี ารแก้ปญั หาหนา้ ชนั้ เรียน
ขน้ั ที่ 5 สรุปและประเมินคา่ ของคำตอบ
6. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสยั และครูให้ความรเู้ พมิ่ เตมิ เพื่อใหน้ กั เรียนเข้าใจมากย่งิ ขึ้น
และมอบหมายให้นักเรยี นทำใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง แกป้ ัญหากันดกี ว่า และนำมาสง่ ในช่วั โมงถัดไป
ขัน้ ที่ 6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
4
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน
7. ครปู ระเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม การทำใบงาน สมุดประจำตวั ผลการทำใบงาน
และกิจกรรมฝึกทักษะ
ข้นั สรุป
ครูให้นกั เรียนนำกระดาษโน้ตของตนเองมาแปะบนกระดานหน้าช้นั เรียน และสุม่ กระดาษโน้ตของ
นกั เรยี น 2-3 ใบ โดยใหเ้ จ้าของผลงานออกมานำเสนอแนวทางการวเิ คราะห์สภาพปญั หาและ
แนวทางการแกไ้ ขปัญหาหนา้ ชัน้ เรยี น โดยครใู หข้ ้อเสนอแนะเพิ่มเติมและสรุปเน้อื หาร่วมกนั
กับนักเรยี น
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
5
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน
เรอ่ื งที่ 2: การแสดงขนั้ ตอนการแก้ปัญหา เวลา 2 ชัว่ โมง
วธิ กี ารสอนโดยเนน้ การจดั การเรยี นรู้แบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน(problem- based learning)
ขน้ั นำ
ครถู ามคำถามประจำหัวข้อวา่ “การแสดงลำดบั ขน้ั ตอนช่วยในการแกป้ ัญหาอย่างไร”
พร้อมอธิบายเพอื่ เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นวา่
ขน้ั สอน
ขน้ั ท1่ี กำหนดปัญหา
1. ครใู ชค้ ำถามทา้ ทายความคดิ นักเรียนวา่ “นกั เรยี นร้จู ักวธิ ีการทอดไข่เจยี วหรอื ไม่”
ขัน้ ท่2ี ทำความเข้าใจปญั หา
2. นกั เรยี นจบั ค่กู นั เพื่อแลกเปล่ียนประสบการณ์การทอดไข่เจียวของตนเองให้เพอื่ นฟงั
ข้นั ที3่ ดำเนินการศกึ ษาคน้ ควา้
3. นักเรียนศึกษาการแสดงลำดับขนั้ ตอนการแก้ปัญหา โดยการเขียนบอกเลา่ การวาดภาพ และ
การใช้สัญลักษณข์ องผังงานอยา่ งง่าย จากสถานการณ์ตัวอย่างและวธิ ีการแก้ปญั หาตา่ ง ๆ
โดยการเขยี นบอกเลา่ การวาดภาพ และการใช้สญั ลกั ษณ์ของผงั งานอยา่ งงา่ ยจากหนังสือเรียน
4. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คนหรือตามความเหมาะสม เพือ่ ระดมความคิดเหน็ ร่วมกัน
ภายในกล่มุ เก่ยี วกับการแสดงข้นั ตอนการแก้ปญั หาการทอดไขเ่ จยี ว โดยให้นักเรียนเขียนวิธีการ
แก้ปัญหาออกมาในรูปแบบของการเขียนบอกเล่า
ขน้ั ท4ี่ สังเคราะหค์ วามรู้
5. ครใู ห้นักเรียนนำลำดับขัน้ ตอนการทอดไข่เจยี วในรูปแบบการใช้วธิ ีการเขียนบอกเล่ามาปรบั ใหม่
ใหอ้ อกมาในรปู แบบของการวาดภาพแสดงขัน้ ตอนการแกป้ ัญหา และบนั ทึลงในใบงานที่ 1.2.1
เร่ือง การแสดงขน้ั ตอนการแก้ปญั หา
6. ใหน้ กั เรียนนำข้อมูลจากใบงานท่ี 1.2.1 มาปรับใหมใ่ ห้ออกมาในรปู แบบการใชส้ ัญลักษณ์
เพือ่ แสดงขน้ั ตอนการแกป้ ญั หาพรอ้ มจัดทำลงในใบงานท่ี 1.2.2 เรอื่ งการเขยี นผงั งาน
7. ให้นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะการแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหาในหนงั สือเรียนและบันทึกผล
ลงในสมดุ ประจำตัว ครูสุ่มนักเรยี น 2-3 กล่มุ ออกมานำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น
ขั้นที่5 สรุปและประเมนิ คา่ ของคำตอบ
8. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย และครใู ห้ความรเู้ พ่มิ เตมิ ในสว่ นนน้ั หรืออาจจะ
ใหน้ ักเรียนศึกษาเพม่ิ เติมจากอนิ เทอรเ์ นต็
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
6
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นขนั้ ตอน
ขั้นท6่ี นำเสนอและประเมนิ ผลงาน
9. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม การทำใบงาน และสมดุ ประจำตัว
10. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานท่ี 1.2.1 ใบงานท่ี 1.2.2 และกิจกรรมฝกึ ทักษะ
ข้ันสรปุ
นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรุปถงึ การแสดงขนั้ ตอนการแก้ปัญหาที่สามารถทำไดโ้ ดยการเขียนบอกเลา่
การวาดภาพ หรอื การใชส้ ญั ลักษณ์
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
7
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน
เรอื่ งท่ี 3: การหารูปแบบของปญั หาอยา่ งง่าย เวลา 1 ชวั่ โมง
วิธกี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ข้นั นำ
ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูถามคำถามประจำหัวข้อว่า “รูปแบบของปญั หามผี ลต่อการแกป้ ญั หาอยา่ งไร”
2. จากนน้ั ครนู ำบัตรภาพเกมตัวต่อให้นกั เรียนได้ดูพรอ้ มถามนกั เรียนว่า“นกั เรียนรู้หรือไม่
เกมนม้ี วี ิธกี ารเล่นอย่างไร” และใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน หรือตามความเหมาะสม
เพือ่ เลน่ เกมตัวต่อร่วมกัน
ขั้นสอน
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. ครมู อบหมายให้นักเรียนเลน่ เกมตวั ตอ่ โดยครูแจกบตั รภาพเกมตวั ตอ่ ใหน้ ักเรยี นกลุม่ ละ 4 แผน่
และให้เวลาในการเลน่ เกมตามความเหมาะสม กลุ่มใดทำกิจกรรมสำเรจ็ ก่อนกล่มุ น้นั จะเป็นผชู้ นะ
โดยแตล่ ะกลมุ่ จะตอ้ งบันทึกระยะเวลาในการเลน่ เกมตัวต่อตั้งแตเ่ ริม่ ตน้ จนสำเร็จไว้
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
2. จากน้นั ใหน้ กั เรยี นกลุ่มทช่ี นะออกมาอภปิ รายหน้าชน้ั เรียนเก่ียวกบั วธิ ีคดิ ในการเลน่ เกมตัวตอ่
และใหน้ ักเรยี นศึกษาวิธคี ดิ ในการเลน่ เกมตัวต่อท่เี หมาะสมจากหนงั สอื เรยี นเพื่อการเลน่ เกม
ตวั ตอ่ ได้อย่างถกู ต้องและถูกวิธี
ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
3. ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนทำกจิ กรรมฝึกทักษะเกมตัวต่อในหนงั สือเรียนและบนั ทกึ ลงในสมดุ ประจำตวั
และใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม (กลุ่มเดมิ ) เพอื่ เลน่ เกมตัวต่อ โดยใช้บัตรภาพเกมตวั ต่อทง้ั 4 แผ่น เช่นเดมิ
โดยใชว้ ิธกี ารคดิ ตามหนงั สือเรียนและให้ทุกกลุ่มจดระยะเวลาในการเล่นเกมตวั ตอ่ ต้ังแตเ่ ริ่มต้น
จนสำเร็จไว้เพอื่ เปรียบเทียบระยะเวลาในการเลน่ เกมตัวตอ่ ของทัง้ 2 คร้งั
4. นักเรียนทำความเขา้ ใจกบั การหารูปแบบของปญั หาอยา่ งงา่ ยอีกแบบหนึ่ง คือ การเขยี นข้ันตอน
แบบเรยี งลำดบั โดยใหน้ กั เรยี นดูขัน้ ตอนการแตง่ กายมาโรงเรียนจากหนงั สือเรียน
5. ครูถามคำถามทา้ ทายการคิดข้ันสูงว่า“ในการเลอื กเสือ้ ผา้ เคร่อื งแตง่ กายไปโรงเรียนในแต่ละวัน
ให้ถกู ต้อง นักเรียนควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง”
6. ครใู ห้นกั เรียนทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะการแต่งกายมาโรงเรยี นในหนังสือเรียน
ข้นั สรุป
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
8
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน
1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม การรว่ มกนั ทำผลงาน และจากการนำเสนอ
ผลงานหน้าช้ันเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมฝกึ ทกั ษะและกจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
3. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ถึงการแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน
4. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่ือง การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้ันตอน
5. ครมู อบหมายให้นกั เรียนทำกิจกรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้ และทำชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เรอ่ื ง การแกป้ ญั หา และนำมาส่งครใู นชว่ั โมงถัดไป
8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1
เรอื่ ง การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน
2) ใบงานที่ 1.1.1 เรือ่ ง แก้ปญั หากนั ดกี ว่า
3) ใบงานท่ี 1.2.1 เร่ือง การแสดงข้นั ตอนการแก้ปัญหา
4) ใบงานที่ 1.2.2 เรื่อง การเขียนผังงาน
5) บตั รภาพ เรอื่ ง สญั ลกั ษณ์ของผงั งานอย่างง่าย
6) บตั รภาพ เรื่อง เกมตวั ต่อ
7) กระดาษโนต้
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
- อนิ เทอร์เน็ต
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
9
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอน
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใด ไมใ่ ช่ ข้ันตอนการแก้ปญั หาเบ้ืองตน้ 6. เม่ือพบปัญหาควรทำสิง่ ใดเปน็ ขนั้ ตอนแรก
ก. วางแผนการแกป้ ญั หา ก. ลงมอื แก้ปญั หา
ข. ตรวจสอบความถูกต้อง ข. พจิ ารณาและทำความเข้าใจปญั หา
ค. ลงมอื แก้ปัญหา ค. วางแผนการแกป้ ัญหา
2. ข้ันตอนในข้อใด คอื ขน้ั ตอนการตรวจสอบว่า 7. เม่ือลงมือแก้ปัญหาแลว้ ควรทำสิง่ ใดเปน็ ข้ันตอนต่อไป
ปญั หาคอื อะไร ก. จบการแก้ปญั หา
ก. พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา ข. ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา
ข. วางแผนการแก้ปัญหา ค. แก้ปัญหาอื่นต่อๆไป
ค. ลงมอื แก้ปัญหา
8. สัญลกั ษณท์ ิศทางข้อมลู เป็นแบบใด
3. ข้อใด ไม่ใช่ การแสดงขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา ก.
ก. การพูดบรรยาย
ข. การวาดภาพ ข.
ค. การใชส้ ัญลักษณ์
ค.
4. ขอ้ ใด ไม่ใช่ สญั ลกั ษณ์ของผังงานอย่างง่าย 9. การใชส้ ัญลกั ษณใ์ นการแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา
ก.
นิยมใช้กบั ขอ้ ใด
ข. ก. ผงั ความคดิ
ข. แผนภาพ
ค. ค. ผังงาน
5. สญั ลักษณ์ในข้อใดหมายถงึ การเรม่ิ ตน้ 10. เมอื่ เล่นเกมตัวตอ่ ควรทำสิง่ ใดเปน็ ขนั้ ตอนแรก
ก. แยกตัวต่อตามโทนสีที่คล้ายกนั เอาไวใ้ นกลมุ่
หรอื สน้ิ สุดการทำงาน
เดียวกนั
ก. ข. ต่อตัวตอ่ ที่เป็นส่วนด้านขอบกอ่ น
ค. ต่อตวั ตอ่ จนครบ
ข.
ค.
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
10
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขั้นตอน
แบบทดสอบหลงั เรียน
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดต่อไปน้ีหมายถงึ ขัน้ ตอนการพจิ ารณา 6. ข้อใด ไม่ใช่ สัญลักษณ์ของผงั งานอย่างง่าย
และทำความเข้าใจปัญหา ก.
ก. ปญั หาคอื อะไร ? ข.
ข. วธิ แี ก้ปญั หาควรทำอยา่ งไร ?
ค. ผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร ? ค.
2. เมือ่ พบปัญหาควรทำสิง่ ใดเปน็ ขั้นตอนแรก 7. สญั ลกั ษณใ์ นข้อใดหมายถึงการตัดสินใจ
ก. วางแผนการแก้ปญั หา ก.
ข. พจิ ารณาและทำความเข้าใจปญั หา
ค. ลงมอื แก้ปญั หา ข.
3. ขอ้ ใดคือข้ันตอนแรกของการแตง่ กายมาโรงเรียน ค.
ก. สวมกางเกง/กระโปรง 8. สัญลักษณ์ หมายถึงข้อใด
ข. สวมเสอ้ื นักเรียน
ค. สวมถุงเท้า ก. ทิศทางข้อมูล
4. ขน้ั ตอนการตรวจสอบผลการแก้ปญั หาที่ดี
ควรทำหลังจากขั้นตอนใด ข. เสน้ ทางข้อมูล
ก. วางแผนการแกป้ ญั หา
ข. ลงมอื แก้ปัญหา ค. ชน้ี ำขอ้ มลู
ค. จบการแก้ปญั หา
5. ข้อใดคือการแสดงข้นั ตอนการแก้ปัญหา 9. ข้อใดเป็นการใช้สัญลกั ษณ์ในการแสดงขัน้ ตอน
ก. การวาดภาพ การแก้ปญั หา
ข. การพูดบรรยาย
ค. การใช้ผังความคดิ ก. ผงั ความคิด
ข. แผนภาพ
ค. ผังงาน
10. การเล่นเกมตวั ต่อเม่ือแยกโทนสีท่คี ล้ายกนั ไว้ในกลุม่
เดยี วกนั แลว้ ควรทำสง่ิ ใดเปน็ ขั้นตอนต่อไป
ก. ต่อตัวต่อที่เป็นสว่ นด้านขอบก่อน
ข. ต่อตัวตอ่ ทเ่ี ป็นส่วนดา้ นใดก่อน
ค. ต่อตวั ตอ่ จนครบ
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
11
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การแก้ปัญหาอย่างเป็นขนั้ ตอน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 การแก้ปญั หาเบื้องต้น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1
การแกป้ ัญหาเบือ้ งตน้
เวลา 1 ชั่วโมง
1. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด
1.1 ตวั ชีว้ ัด
ว 4.2 ป. 2/1 แสดงลำดับขน้ั ตอนการทำงานหรือการแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์
หรือขอ้ ความ
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายวิธีการแกป้ ญั หาเบ้ืองตน้ แตล่ ะขั้นตอนได้ (K)
2. เขยี นขน้ั ตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ (P)
3. สนใจใฝร่ ใู้ นการศึกษา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
- การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาทำไดโ้ ดย
การเขยี นบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใช้สญั ลกั ษณ์
- ปญั หาอยา่ งงา่ ย เชน่ เกมตัวตอ่ 6-12 ชน้ิ
การแต่งตัวมาโรงเรยี น
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ในชีวติ ประจำวนั จะต้องพบเจอปญั หาต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การไปโรงเรียนสายหรือการลืมจดั
กระเป๋านักเรียน ดังนัน้ จงึ ต้องมกี ารเรียนร้ขู ั้นตอนการแกป้ ัญหาเบอ้ื งต้น เพื่อให้สามารถแก้ปญั หาได้
อย่างถูกต้อง ถูกวธิ ี และรวดเร็ว
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินัย รับผดิ ชอบ
- ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการคดิ 3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
- ทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทักษะการแก้ปญั หา
- ทักษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
13
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้ันตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การแกป้ ัญหาเบื้องต้น
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วธิ กี ารสอนโดยเนน้ การจัดการเรยี นรู้แบบใชป้ ญั หาเป็นฐาน (problem- based learning)
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั นำ
1. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ข้ันตอน
เพ่อื วดั ความรู้เดิมของนักเรยี นก่อนเข้าสู่กิจกรรม
2. ครถู ามคำถามกระต้นุ ความสนใจของนักเรียนว่า“ถ้านกั เรยี นมาโรงเรียนสายทุกวนั และ
นักเรียนต้องการจะไปโรงเรยี นให้ทันเวลาต้องทำอยา่ งไร”
(แนวตอบ : พจิ ารณาคำตอบของนักเรยี น โดยขึ้นอยู่กบั ดุลยพินิจของครผู ู้สอน)
3. ครูถามคำถามเพื่อเชอ่ื มโยงเข้าสบู่ ทเรียนวา่ “นักเรียนคิดวา่ การหาข้อมูลเขา้ มีความสำคญั
ต่อการแก้ปญั หาอย่างไร”
(แนวตอบ : ขอ้ มลู มีส่วนสำคัญ เพราะถา้ มีข้อมลู ทด่ี ี มีความสมบรู ณ์ก็จะช่วยให้ทราบถึง
สาเหตุของปัญหา และนำมาซึ่งการแก้ปัญหาทีเ่ กิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง รวดเรว็ และไดผ้ ลลัพธ์
ตามที่ต้องการ)
ขน้ั สอน
ขั้นท่ี 1 กำหนดปัญหา
1. ครูถามนักเรยี นว่า“ในชวี ิตประจำวันนกั เรยี นพบปัญหาอะไรบ้างและนกั เรยี นมวี ธิ กี ารแก้ไข
ปัญหาอย่างไร”
(แนวตอบ : พจิ ารณาคำตอบของนักเรียน โดยขน้ึ อยู่กับดลุ ยพนิ ิจของครูผู้สอน)
2. ให้นักเรียนเขียนปัญหาที่สำคัญท่สี ดุ ของตนเองพร้อมบนั ทึกลงในกระดาษโน้ต
ขั้นท่ี 2 ทำความเขา้ ใจปญั หา
3. นกั เรยี นแต่ละคนวเิ คราะหถ์ งึ สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปญั หาของตนเอง แล้วบันทึก
ลงในกระดาษโนต้ (ใบเดิม)
ข้นั ที่ 3 ดำเนินการศกึ ษาค้นควา้
4. นกั เรียนศกึ ษาขนั้ ตอนการแก้ปัญหาเบอื้ งตน้ ทงั้ 4 ขั้นตอนจากหนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ข้ันตอน
ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยขน้ั ตอนดงั นี้
- พิจารณาและทำความเข้าใจปญั หา
- วางแผนการแก้ปัญหา
- ลงมือแก้ปัญหา
- ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
14
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขัน้ ตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การแก้ปัญหาเบ้อื งตน้
5. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ถึงรายละเอียดของขัน้ ตอนการแก้ปัญหาเบื้องต้น ดังน้ี
1. พจิ ารณาและทำความเข้าใจปัญหา คอื การวเิ คราะหว์ ่าปัญหาคืออะไร มีข้อมลู และ
เงอ่ื นไขอะไรบ้างท่ีเกย่ี วขอ้ งกับปัญหาน้นั ๆ
2. วางแผนการแกป้ ัญหา คือ การกำหนดวิธีการแก้ปัญหาและผลลัพธท์ ี่ตอ้ งการ
3. ลงมือแก้ปัญหา คือ การแกป้ ัญหาตามแนวทางท่ีไดว้ างแผนไวใ้ หป้ ระสบความสำเรจ็
ตามทีต่ ้องการ
4. ตรวจสอบผลการแกป้ ัญหา คือ การตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้วา่ ตรงตามแนวทางการแกไ้ ข
หรอื ไม่ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแนวทางให้ดำเนนิ การปรับปรงุ ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา
อกี คร้ัง
6. เปดิ โอกาสให้นักเรียนศกึ ษาสถานการณ์การแก้ปญั หาจากตัวอยา่ งในหนังสือเรยี นทีว่ ิเคราะห์
ตามขัน้ ตอนการแก้ปญั หาเบือ้ งตน้ โดยใหน้ กั เรียนทำความเข้าใจกบั สถานการณก์ ารแกป้ ัญหา
อย่างเป็นข้ันตอน เรม่ิ จากการพิจารณาและทำความเขา้ ใจปัญหาของสถานการณ์ โดยวิเคราะห์
ว่าปัญหาคอื อะไร มขี ้อมลู หรือเง่อื นไขใดบา้ งท่ีเกี่ยวข้อง จากน้ันศกึ ษาขน้ั ตอนการวางแผน
การแก้ปัญหาว่ามีการกำหนดหรือการจัดลำดบั ขั้นตอนเพ่ือแกป้ ญั หาอย่างไร มีวิธีการลงมอื
แก้ปัญหาใหป้ ระสบความสำเรจ็ ตามทีก่ ำหนดไว้ได้หรือไม่ และศึกษาวธิ ีการตรวจสอบผล
การแก้ปัญหาวา่ ผลลัพธ์ที่ไดเ้ ป็นไปตามแนวทางการแก้ปญั หาที่วางไว้หรอื ไม่
7. ครอู ธบิ ายเกร็ดน่ารใู้ นการแก้ปญั หาต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวันว่า“ในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ
จำเป็นตอ้ งใชท้ ักษะการคดิ เชิงคำนวณมาชว่ ยในการดำเนินการ เพราะจะช่วยใหล้ งมือ
แก้ปัญหาตา่ ง ๆ ได้งา่ ยข้นึ และได้ผลลัพธต์ ามที่ตอ้ งการ”
ขน้ั ท่ี 4 สังเคราะห์ความรู้
8. ครใู ห้นกั เรียนทำกิจกรรมฝกึ ทักษะการแก้ปัญหาในหนังสือเรยี น โดยให้นกั เรียนวเิ คราะห์
สถานการณ์ และอธบิ ายวิธกี ารแกป้ ัญหาแตล่ ะข้นั ตอนลงในสมดุ ประจำตัว
9. ครูสมุ่ นกั เรยี น 1-2 คน ออกมาอธบิ ายวิธีการแก้ปัญหาหนา้ ชน้ั เรยี น
ขน้ั ที่ 5 สรุปและประเมนิ คา่ ของคำตอบ
10. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามข้อสงสยั และครูให้ความรู้เพ่ิมเติมเพื่อใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
มากยิง่ ขนึ้
11. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี 1.1.1 เรอื่ ง แกป้ ัญหากนั ดีกวา่ โดยให้นกั เรียน
บอกปญั หาที่นกั เรยี นพบในชีวติ ประจำวนั และเขยี นอธิบายวิธกี ารแกป้ ญั หาเบื้องตน้
แต่ละข้ันตอนให้ชดั เจน และนำมาส่งในชัว่ โมงถดั ไป
ข้ันที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน
12. ครูประเมนิ ผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม การทำใบงาน และสมุดประจำตวั
13. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 1.1.1 และกิจกรรมฝกึ ทักษะ
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
15
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การแกป้ ญั หาเบ้อื งต้น
Note
วตั ถุประสงคข์ องกิจกรรมเพ่อื ให้นกั เรยี น
- มีทักษะการแก้ปัญหาทน่ี กั เรยี นพบในชวี ติ ประจำวนั และเขยี นข้นั ตอน
การแก้ปัญหาเบ้อื งต้นได้อยา่ งชัดเจนโดยใชก้ ารคิดเชิงคำนวณ
- มที ักษะการส่ือสาร โดยการตอบคำถามและการอธบิ ายวิธีการแก้ปัญหา
จากกิจกรรมฝึกทักษะในหนงั สือเรียน
- มที กั ษะการสังเกต โดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้ศึกษาตวั อย่างสถานการณ์
การแก้ปัญหาท่วี ิเคราะหต์ ามข้ันตอนการแก้ปญั หาเบื้องต้นจากหนงั สือเรยี น
ข้ันสรปุ
1. ครูใหน้ กั เรยี นนำกระดาษโนต้ ทีไ่ ดบ้ อกถึงผลการวเิ คราะหส์ ภาพปญั หาและแนวทางการแกไ้ ข
ปญั หาของตนเองมาแปะบนกระดานหนา้ ช้นั เรยี น
2. จากนน้ั ครูสุ่มกระดาษโน้ตจำนวน 2-3 ใบ โดยให้เจ้าของผลงานออกมานำเสนอแนวทาง
การวิเคราะห์สภาพปญั หาและแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้าช้นั เรียน โดยครใู หข้ อ้ เสนอแนะ
เพิ่มเติม เพื่อใหน้ ักเรยี นมแี นวทางในการแก้ไขปญั หาท่ถี ูกต้องมากย่งิ ขึ้น
3. นกั เรียนและครูสรปุ รว่ มกันว่า“คนเราทุกคนย่อมมีปัญหาท่ีแตกตา่ งกันอย่างหลากหลาย
บางปัญหาสามารถแก้ไขได้ บางปัญหาไมส่ ามารถแก้ไขได้ ดังนัน้ เมอื่ พบปัญหาควรมีสติ
ในขณะที่ลงมือแก้ไขปัญหาโดยใชว้ ธิ กี ารแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสมและถูกวิธกี ็จะทำให้ปัญหา
ที่เกิดข้ึนสามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์”
7. การวัดและประเมินผล วิธวี ดั เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
- แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจริง
รายการวดั กอ่ นเรยี น
รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - ใบงานท่ี 1.1.1 ระดับคุณภาพ 2
- แบบทดสอบก่อนเรยี น กอ่ นเรียน - แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 การทำงานรายบุคคล
เร่อื ง การแก้ปัญหา
อย่างเป็นขั้นตอน
7.2 การประเมินระหว่างการ
จดั กจิ กรรม
1) แกป้ ัญหากนั ดกี วา่ - ตรวจใบงานท่ี 1.1.1
2) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
16
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การแก้ปญั หาเบือ้ งต้น
3) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ ความรับผิดชอบ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1
เรื่อง การแกป้ ัญหาอย่างเป็นข้ันตอน
2) ใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง แกป้ ัญหากนั ดกี วา่
3) กระดาษโนต้
8.2 แหล่งการเรียนรู้
-
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
17
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การแก้ปัญหาเบอ้ื งต้น
ใบงานที่ 1.1.1
เร่อื ง แก้ปัญหากันดีกว่า
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นบอกปัญหาท่นี ักเรียนพบในชีวิตประจำวนั และเขยี นขั้นตอนการแกป้ ัญหาเบ้อื งต้น
ใหช้ ัดเจน
ปญั หาท่ีนกั เรียนพบในชีวติ ประจำวันคือ
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
มขี ้ันตอนการแก้ปัญหาเบื้องตน้ ดังนี้
1.พิจารณาและทำความเขา้ ใจปัญหา 2.วางแผนการแกป้ ญั หา
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
4.ตรวจสอบผลการแกป้ ัญหา 3.ลงมอื แกป้ ญั หา
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
18
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ข้ันตอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 การแกป้ ัญหาเบือ้ งตน้
ใบงานท่ี 1.1.1 เฉลย
เร่ือง แกป้ ัญหากนั ดกี วา่
คำชีแ้ จง : ให้นักเรยี นบอกปัญหาที่นักเรียนพบในชวี ติ ประจำวนั และเขยี นข้ันตอนการแก้ปญั หาเบือ้ งตน้
ให้ชัดเจน
ปญั หาทน่ี กั เรยี นพบในชวี ิตประจำวันคอื
.....................................................................ม...า..โ.ร..ง..เ.ร..ยี..น...ส..า..ย.....................................................................
................................................................................................................................................................
มขี นั้ ตอนการแก้ปัญหาเบอื้ งตน้ ดังน้ี
1.พิจารณาและทำความเข้าใจปัญหา 2.วางแผนการแกป้ ัญหา
…ม…าโ…ร…งเ…รีย…น…ส…าย…เ…พ…รา…ะ…ไ…ม่ย…อ…ม…ทำ…ก…าร…บ…้า…น………… …ร…ีบ…ทำ…ก…า…รบ…้า…นห…ล…ัง…จา…ก…เล…กิ …เร…ียน……แ…ละ…เข…า้ …น…อน…เ…ร็ว…
…ห…ล…ังจ…า…กเ…ล…กิ เ…รีย…น…จ…ึง…ทำ…ใ…ห้ต…อ้ …ง…นอ…น…ด…ึก…แล…ะ…ท…ำใ…ห…้ …จ…ะ…ทำ…ใ…ห้ม…า…โร…ง…เร…ียน…ไ…ดท้…นั …เว…ล…า…………………………
…ม…าโ…ร…งเ…รยี …น…ส…าย……………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
4.ตรวจสอบผลการแกป้ ัญหา 3.ลงมอื แกป้ ญั หา
…ต…รว…จ…ส…อบ…ผ…ล…วา่…เม…ื่อ…เข…้า…น…อน…เ…ร็ว…จ…ะท…ำ…ให…้ …………… …ลง…ม…อื …แก…้ป…ญั …ห…าต…า…ม…แน…ว…ท…าง…ท…ี่ก…ำห…น…ด…………………
…ม…าโ…รง…เร…ยี …น…ได…้ท…ัน…เว…ลา…ห…ร…อื ไ…ม…่ ถ…้าห…า…ก…ไม…ท่ …ัน………… ……………………………………………………………………
…จ…ะต…อ้ …ง…หา…ว…ธิ กี…า…รแ…ก…้ไข…ป…ญั …ห…าต…่อ…ไป……………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
…………………………………………………………………… ……………………………………………………………………
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
19
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขั้นตอน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การแก้ปัญหาเบื้องต้น
9. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ
ลงชอ่ื ................................................
(นายสุพศิ อาจเชื้อ)
ตำแหน่งผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นอนุบาลรัตนบรุ ี
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคำนวณ)
ด้านอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )
ปญั หา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ)
20