The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 1 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทที่ 1 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

บทที่ 1 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 63

ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั
การวดั ผลประเมินผล
การศึกษา

รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร อินทรสมพนั ธ์

ร้จู ักผูส้ อนกันก่อน

รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร อินทรสมพนั ธ์

สาขาวิชาประเมินและวิจยั ทางการศึกษา
คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา

การศึกษา

ปริญญาการศึกษาบณั ฑิต สาขาภาษาองั กฤษ
ปริญญาการศึกษามหาบณั ฑิต สาขาภาษาองั กฤษ
ปริญญาการศึกษาดษุ ฏีบณั ฑิต สาขาการวิจยั และพฒั นาหลกั สตู ร

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

กิจกรรมการเรียนรู้

- เอกสารประกอบการเรียน
- บรรยาย /ถาม-ตอบ/ ทาแบบฝึ กหดั /นาเสนองาน/ สอบกลางภาค-ปลายภาค /

ทาแฟ้ มสะสมผลงาน

ความตื้งใจระหว่างเรียน ทางานรายบคุ คล ทางานกล่มุ ศึกษาค้นคว้า ทาแบบฝึ กหดั
ท้ายบทเรียน และแบบฝึ กหดั (แบบทดสอบ) ผา่ น Google Form เกณฑร์ ้อยละ 80

คะแนนรวมทงั้ หมด 100 คะแนน ได้มาจาก
ส่วนที่ 1 การสอบ ครงั้ ที่ 1 (30 คะแนน) + ครงั้ ที่ 2 (30 คะแนน) รวม 60 คะแนน
ส่วนที่ 2 คะแนนเกบ็ จาก E-portfolio แฟ้มงานที่มอบหมาย 30 คะแนน และ

การเข้าชนั้ เรียน การทาแบบฝึ กหดั นาเสนองาน 10 คะแนน
(ทางานทกุ ครงั้ เกบ็ งานไว้ในไลน์กล่มุ ในอลั บมั้ (ตงั้ ช่ือเป็น “เลขที่ และชื่อ สกลุ “
เช่น 00 วิเชียร อินทรสมพนั ธ์ ) เกบ็ งานเป็นภาพ JPG )

รูปแบบการจดั การเรียนการสอน

จดุ ม่งุ หมาย พืน้ ฐาน กระบวน การวดั ผล
การเรียนการสอน ผเู้ รียน
การเรียนการสอน ประเมินผล

ส่งผลย้อยกลบั

สอน กบั สอบ ของคู่กนั
คนเป็ นครู ตอ้ งยดึ หลักการนี้

ความหมายของการทดสอบ
(Testing)

การทดสอบ (Testing)

หมายถึง กระบวนการในการใช้เคร่อื งมอื อย่าง
มรี ะบบในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพือ่ ใชใ้ นการ
ตรวจสอบพฤตกิ รรมของบคุ คล เช่น การทดสอบในชั้น
เรยี น การทดสอบหลงั เรียน การทดสอบ

ความหมายของการวัดผล
การศึกษา (Measurement)

การวัดผล (Measurement)

หมายถึง กระบวนการวัดในการ

กาหนดตวั เลขแทนขนาดหรือ

ปรมิ าณใหก้ บั สิ่งที่ตอ้ งการวัด
โดยใชเ้ ครือ่ งมอื วัดท่ีเหมาะสม

สรุปลักษณะสาคญั ของการวัดผล

1. มกี ระบวนการวัด
2. มีคุณลักษณะของส่ิงทต่ี อ้ งการวัด
3. มีเคร่ืองมอื วัด
4. ไดผ้ ลการวัดเป็ นตัวเลข

ความหมายของการประเมินผล
(Evaluation)

การประเมนิ ผล (Evaluation)

หมายถงึ กระบวนการในการ
ตดั สินคุณคา่ ของสงิ่ ตา่ ง ๆ โดย
ผลการประเมิน นาผลทไ่ี ด้จากการวัดมาพจิ ารณา
ไม่ผ่าน ตดั สินเทยี บกับเกณฑท์ ตี่ ัง้ ไว้ว่ามี
คุณภาพในระดบั ใด

สรุปลักษณะสาคญั ของการประเมินผล
1. มกี ระบวนการประเมนิ
2. มีผลการวัด
3. มเี กณฑท์ ใ่ี ช้ในการตดั สิน
4. มกี ารพจิ ารณาตดั สินคุณค่า
5. ผลการประเมนิ เป็ นระดับคุณภาพ

ธรรมชาตขิ องการวดั ผลการศึกษา

ธรรมชาติของการวดั ผลการศึกษา

1. เป็ นการวดั ส่ิงท่ีเป็ นนามธรรมจบั ตอ้ งไม่ได้ จาลอองึ้ น
2. มีหน่วยวดั ไม่คงที่ วดั ได้ 1 คะแนน แตไ่ ม่เท่ากนั
3. ผลอการวดั มีความคลอาดเคลออ่ื นเสมอ ปนเป้ ื อน
4. เป็ นการวดั ที่ไม่สมบรู ณใ์ นตวั วดั ไดไ้ ม่หมด

5. เป็ นงานสมั พนั ธ์ อิงกลอมุ่ หรอื อิงเกณฑ์

จุดมุง่ หมายของการวัดผลการศึกษา

1. เพอ่ื จัดตาแหน่ง
2. เพอื่ เปรียบเทยี บ
3. เพอื่ วนิ ิจฉัย
4. เพอ่ื พยากรณ์
5. เพอ่ื ประเมินผล

หลกั การวดั ผลการศึกษา

1. กาหนดวตั ถุประสงค์ของการวดั ให้ชัดเจน

ในการวดั ผลแต่ละคร้ังจะตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงค์

ของ การวดั ใหช้ ดั เจน วา่ จะวดั ผลอะไร วดั ผล
ใคร และ วดั ผลทาไม เพ่อื จะไดด้ าเนินการวดั ผลให้

ตรงกบั วตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการ

2. วดั ให้ตรงตามวตั ถุประสงค์ทต่ี ้งั ไว้

ผดู้ าเนินการวดั ผลตอ้ งมุ่งวดั ใหต้ รงตาม วตั ถุประสงคท์ ่ี
ไดก้ าหนดไวใ้ นข้นั ที่ 1 เพราะถา้ วดั ไม่ตรงตามวตั ถุประสงคท์ ่ี
กาหนดไว้ จะทาใหผ้ ลการวดั ไม่มีความหมาย หากนาผลการวดั
ไปใชจ้ ะทาใหเ้ กิดความผดิ พลาดได้

3. เลือกเครื่องมือให้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์

ผวู้ ดั ผลจะตอ้ งเลือกเคร่ืองมือวดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์
ที่กาหนดไว้ เช่น วตั ถุประสงคต์ อ้ งการวดั พฤติกรรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั
จะตอ้ งวดั โดยการใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิแลว้ ครูสงั เกตพฤติกรรมของ
นกั เรียน หากวตั ถุประสงคต์ อ้ งการวดั พฤติกรรมดา้ นพทุ ธิพิสยั จะตอ้ ง
วดั โดยใชแ้ บบทดสอบเป็นเคร่ืองมือ

4. ใช้เครื่องมือทม่ี คี ุณภาพ

เคร่ืองมือท่ีนามาใชใ้ นการวดั ผลตอ้ งมีคุณภาพ
เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลการวดั ที่ถูกตอ้ งแม่นยา เชื่อถือไดม้ ากที่สุด
ดงั น้นั ก่อนดาเนินการวดั ผลจะตอ้ งตรวจสอบคุณภาพ
ของเครื่องมือ หากพบวา่ ไม่มีคุณภาพจะตอ้ งปรับปรุง
ใหม้ ีคุณภาพเสียก่อน

เช่น ก่อนใชแ้ บบทดสอบตอ้ งตรวจสอบวา่ ถาม
ตรงเน้ือหาหรือไม่ คาถามชดั เจนหรือไม่ ยากง่ายเกินไป
หรือไม่ ใหผ้ ลการวดั คงท่ีหรือไม่ เป็นตน้

5. ทาการวดั อย่างระมดั ระวงั

ในระหวา่ งดาเนินการวดั ผลจะตอ้ งดาเนินการวดั อยา่ ง
ระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ กิดความคลาดเคลื่อน เช่น จดั สภาพหอ้ ง
สอบใหเ้ หมาะสม ช้ีแจงวธิ ีการสอบใหช้ ดั เจน ไม่ปล่อยให้
ผสู้ อบลอกกนั โดยใหผ้ สู้ อบทุกคนไดร้ ับความเสมอภาคเท่า
เทียมกนั ไม่ลาเอียง

6. แปลผลการวดั อย่างถูกต้อง

เมื่อไดผ้ ลการวดั มาแลว้ จะตอ้ งนาไปแปลผลโดยคานึงถึง
ความถูกตอ้ งสมเหตุสมผล และความยตุ ิธรรม

ผลการวดั ท่ีได้ จะออกมาเป็นคะแนนดิบ ซ่ึงแปล
ความหมายโดยตรงไม่ได้ ตอ้ งนาไปเทียบกบั ส่ิงใดสิ่งหน่ึงเสียก่อน
เช่น นาไปเทียบกบั คะแนนของคนอื่นในกลุ่ม หรือนาไปเทียบกบั
เกณฑท์ ่ีกาหนดไว้

7. ใช้ผลการวดั ให้คุ้มค่า

ผลการวดั ที่ไดจ้ ากการดาเนินการวดั ที่ถูกตอ้ ง เป็นผลการวดั ท่ีมี
คุณคา่ ครูควรนาผลการวดั ท่ีไดม้ าใชใ้ หค้ ุม้ ค่า นน่ั คือ เมื่อครูนาผลการวดั
มาใชต้ ามวตั ถุประสงคท์ ี่กาหนดไว้ แลว้ ไม่ควรทิ้งหรือเกบ็ ผลการวดั น้นั
ไวเ้ ฉย ๆ เพราะ ยงั มีประโยชนต์ ่อดา้ นอื่น ๆ อีก

เช่น หลงั จากท่ีครูนาผลการวดั มาใชเ้ พื่อตดั สินผลการเรียนของ
นกั เรียนตามวตั ถุประสงคท์ ่ีต้งั ไวแ้ ลว้ ยงั สามารถนามาใชต้ ดั สินผลการ
สอนของครูเอง หรือนามาใชต้ ดั สินคุณภาพการจดั การเรียนการสอนของ
โรงเรียนได้

ประเภทของการวัดผล

แบ่งตามจดุ ประสงค์ของการประเมิน
1. การประเมนิ ผลก่อนสอน (Pre-assessment)
2. การประเมนิ ผลย่อย (Formative Evaluation)
3. การประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation)

ประเภทของการวัดผล

แบง่ ตามระบบการวัดผล
1. การวัดผลแบบอิงกล่มุ (Norm-

referenced Measurement)
2. การวัดผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion-

referenced Measurement)

แบง่ ตามจุดประสงค์ของการประเมนิ
1. การประเมนิ ผลก่อนสอน (Pre-assessment)

เพอ่ื วดั การปฏบิ ตั ขิ องผูเ้รยี นว่ามสี ง่ิ น้หี รรอื มม่
- พฤตกิ รรมทจี่ าเป็นหรรอื มม่
- มคี วามรู้มากนอ้ ยเท่ามด
- กจิ กรรมการสอนทจ่ี ะนาเสนอ ควรเป็นอยา่ งมร

1. การประเมนิ ผลก่อนสอน (Pre-assessment)

ผลการประเมนิ ทาใหรม้ ด้ทราบว่า นกั เรยี นคนใด....
- จะต้องปรบั พน้ื ฐาน
- ควรจะมด้รบั การยกเวน้ มมต่ ้องเรยี นบาง

จุดประสงค์
- ควรจะมด้รบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นเฉพาะกรณี

2. การประเมนิ ผลยอ่ ย (Formative
Evaluation) เป็นการประเมนิ ระหรว่างทาการสอนในแต่

ละรายวชิ า โดยจะทาการทดสอบหรลงั จากจบการเรยี นแต่

ละหรน่วยการสอนแลว้ จุดประสงค์หรลกั คอื เพอ่ื วดั ระดบั
ความรอบรู้ (Mastered Learning) และค้นหราจุดท่ี
นกั เรยี นมมส่ ามารถเรยี นใหรร้ อบรู้มด้

3. การประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation) เป็น
การประเมนิ ผลการเรยี นครงั้ ละหรลายๆ หรน่วยการเรยี น หรรอื
ส้นิ สุดการเรยี นการสอนวชิ านน้ั แลว้ เพอื่ เป็นขอ้ มูลสาหรรบั
การตดั สนิ ความสามารถของผูเ้รยี น หรรอื เพอ่ื ดูว่า ผูเ้รยี น
มคี วามรอบรู้ในวชิ านนั้ หรรอื มม่

3. การประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation) ก็

เพอื่

- ใหรเ้ กรด
- รบั รองทกั ษะและความสามารถ
- พยากรณ์ความสาเรจ็ ในรายวชิ าทต่ี ่อเนอ่ื งกนั มป
- เป็นจุดเรม่ิ ต้นการเรยี นวชิ าต่อมป
- เป็นขอ้ มูลยอ้ นกลบั ใหรผ้ ูเ้รยี น
- เปรยี บเทยี บผลลพั ธ์บางประการของนกั เรยี นแต่ละกลุ่ม

แบง่ ตามระบบการวัดผล
1. การวัดผลแบบอิงกล่มุ เพอ่ื ทราบผลการ

เรียนของบคุ คลเมอ่ื เทียบกับคนอื่น หรือเมอ่ื เทียบกับคน

ส่วนใหญ่ เปรียบเทียบความสามารถของผูเ้ รียนโดยใช้
ความสามารถท่ัวไปของกล่มุ เป็ นเกณฑ์ในการแบง่

กล่มุ ในที่น้ีหมายถึงสภาพหรือลักษณะโดนส่วนรวม
ทาหน้าท่ีเป็ นตัวแทนลักษณะของผูเ้ รียนทั้งหมด เช่น
ค่าเฉล่ีย ค่ามัธยฐาน เป็ นต้น

2. การวัดผลแบบอิงเกณฑ์

เป็ นการตรวจสอบความสามารถในการเรยี นร้ขู อง

ผูเ้ รียนว่ามีพฤติกรรมและคุณลักษณะต่างๆ ถึงระดับ
เป้ าหมายท่ีต้องการหรือไม่ หรือเป็ นไปตามความคาดหวัง
ซึ่งกาหนดไว้เป็ ฯเกณฑ์มากน้อยเพยี งใด

ถ้าถึงเกณฑ์ ก็ถือว่าบรรลเุ ป้ าหมาย
ถ้าไมถ่ ึงเกณฑ์ ถือว่า ยังไมผ่ า่ น ไมเ่ ป็ นไปตามความ
คาดหวัง

เกณฑ์ (Criteria) คือ คุณลักษณะทค่ี าดหวังจะให้เกิดกับ

ผูเ้ รียน หลังจากเสร็จการเรียนการสอนแล้ว เพอื่ ใช้เป็ นมาตรฐาน
ขั้นต่าสุด สาหรับการยอมรับคุณภาพของผูเ้ รียน และใช้เป็ น
เครื่องตัดสินว่า ผูเ้ รียนผา่ นหรือบรรลุเป้ าหมายของการเรียนการ
สอนหรอื ไม่ เช่น

ม่งุ หวังให้ผูเ้ รยี นปฏิบัติสิ่งหน่งึ สิ่งใดภายในเวลา 10 นาที
ได้ 80 %

จรรยาบรรณของนักวัดผล

1. มคี วามซื่อสตั ย์สจุ ริต
2. มีความยุตธิ รรม
3. มคี วามขยนั และอดทน
4. มีความละเอยี ดถี่ถว้ นและรอบคอบ
5. มคี วามรบั ผิดชอบสูง
6. ตรงตอ่ เวลา
7. สนใจในเทคนิคการวัดผลอยา่ งสมา่ เสมอ

34

ประโยชน์ของการวดั ผลการศึกษา

1. ครู
2. นักเรยี น
3. การแนะแนว
4. การบริหาร
5. การวิจยั


Click to View FlipBook Version