The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครู รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 2 จัดพิมพ์โดย สสวท.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือครู รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 2

คู่มือครู รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 2 จัดพิมพ์โดย สสวท.

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟ้า 304

บท เร่อื ง กิจกรรม ลำดับแนวคิดต่อเนอื่ ง ตัวชว้ี ดั

เรือ่ งท่ี 2 กิจกรรมท่ี 2.1 • การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้ามากกว่า ว 2.2 ป.6/1
1 เซลล์ โดยตอ่ ข้ัวบวกของ อธิบายการเกดิ และผลของ แรง
การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ เซลลไ์ ฟฟา้ ต่อกัน เซลลไ์ ฟฟา้ หนึ่งกบั ข้วั ลบของ ไฟฟา้ ซงึ่ เกดิ จากวตั ถทุ ่ผี า่ นการขดั ถู
อกี เซลลไ์ ฟฟ้าหนงึ่ เรียงกันไป โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
อยา่ งไร

เปน็ การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบ

อนกุ รม ทำให้แหลง่ กำเนิด

กจิ กรรมท่ี 2.2 ไฟฟ้ามีพลงั งานมากขน้ึ
เขียนแผนภาพ
วงจรไฟฟ้าได้ • การส่ือสารวธิ ีตอ่ วงจรไฟฟา้
อย่างไร สามารถแสดงไดด้ ้วย
แผนภาพท่ใี ช้สญั ลกั ษณแ์ ทน
อปุ กรณต์ ่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้า

เรอ่ื งที่ 3 กจิ กรรมท่ี 3 • การต่อหลอดไฟฟ้าซง่ึ เปน็ ว 2.3 ป.6/3
การต่ออุปกรณ์ หลอดไฟฟ้าตอ่ กนั อุปกรณไ์ ฟฟ้าอย่างหนึ่งใน ออกแบบการทดลองและทดลอง
ไฟฟ้าในบา้ น อยา่ งไร วงจรไฟฟา้ มกี ารต่อท้ังแบบ ดว้ ยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบาย
ร่วมคดิ ร่วมทำ อนกุ รมและแบบขนาน วธิ กี ารและผลของการต่อ
เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรม
รว่ มคิด ร่วมทำ • การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบ ว 2.3 ป.6/4
อนกุ รม กระแสไฟฟ้าทผี่ ่าน ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรู้
หลอดไฟฟา้ แต่ละหลอด เปน็ ของการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม
กระแสไฟฟา้ ปริมาณเดยี วกนั โดยบอกประโยชน์และการ
ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั
• การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบ ว 2.3 ป.6/5
ขนาน กระแสไฟฟา้ จะแยก ออกแบบการทดลองและทดลอง
ผา่ นหลอดไฟฟ้าแตล่ ะหลอด ด้วยวธิ ที ี่เหมาะสมในการอธิบาย
การต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรม
และขนาน
ว 2.3 ป.6/6
ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องความรู้
ของการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รม
และแบบขนาน โดยบอกประโยชน์
ขอ้ จำกัด และการประยกุ ตใ์ ช้ใน
ชวี ิตประจำวนั

สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

305 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้

บทท่ี 1 แรงไฟฟ้า

จดุ ประสงค์การเรียนรูป้ ระจำบท

เมอ่ื เรยี นจบบทนี้ นักเรียนสามารถ
1. อธบิ ายการเกดิ แรงไฟฟ้า
2. อธิบายผลของแรงไฟฟ้าระหว่างวตั ถทุ ี่มปี ระจุ
ไฟฟา้

เวลา 4.5 ชว่ั โมง

แนวคิดสำคญั

แรงไฟฟ้าเปน็ แรงระหวา่ งประจุไฟฟ้า เกิดข้นึ จาก
การถูวัตถุบางชนิด โดยแรงไฟฟ้าเป็นแรงไม่สัมผัสซึ่งมีทั้ง
แรงดึงดูดและแรงผลัก

ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

1. หนังสอื เรียน ป.6 เล่ม 2 หนา้ 143-167

2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.6 เล่ม 2 หนา้ 110-123

บทนี้มอี ะไร

เร่อื งท่ี 1 การเกดิ และผลของแรงไฟฟ้า
กิจกรรมที่ 1.1 แรงไฟฟ้าเกดิ ขึน้ ได้อย่างไร
กิจกรรมที่ 1.2 ผลของแรงไฟฟา้ เป็นอย่างไร

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า 306

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21

รหัส ทกั ษะ กจิ กรรมท่ี
1.1 1.2

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต 

S2 การวัด

S3 การใชจ้ ำนวน

S4 การจำแนกประเภท

S5 การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง

 สเปซกบั สเปซ

 สเปซกับเวลา

S6 การจัดกระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู

S7 การพยากรณ์

S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู 

S9 การตง้ั สมมตฐิ าน

S10 การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ

S11 การกำหนดและควบคุมตวั แปร

S12 การทดลอง

S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป 

S14 การสร้างแบบจำลอง

ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

C1 การสร้างสรรค์

C2 การคิดอย่างมีวิจารณญาณ 

C3 การแกป้ ัญหา

C4 การสอ่ื สาร 
C5 ความร่วมมอื 

C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร

หมายเหตุ : รหัสทกั ษะท่ปี รากฏน้ี ใช้เฉพาะหนงั สอื คมู่ ือครูเลม่ น้ี

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

307 คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

แนวคดิ คลาดเคล่อื น

แนวคดิ คลาดเคล่ือนท่ีอาจพบและแนวคดิ ท่ีถูกตอ้ งในบทที่ 1 แรงไฟฟ้า มีดงั ต่อไปนี้

แนวคดิ คลาดเคลื่อน แนวคดิ ที่ถูกตอ้ ง

วตั ถุทเ่ี ปน็ กลางทางไฟฟ้า จะไม่มปี ระจุไฟฟ้า วตั ถุที่เปน็ กลางทางไฟฟ้า ประกอบด้วยอะตอม ซ่ึงมีทั้งประจุ
(Beaty, 1998) ไฟฟา้ บวกและประจุไฟฟ้าลบในปรมิ าณที่เทา่ กัน

ถ้าครูพบวา่ มแี นวคดิ คลาดเคลอื่ นใดทย่ี งั ไม่ไดแ้ กไ้ ขจากการทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครูควรจัดการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ เพ่ือ
แก้ไขต่อไปได้

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟา้ 308

บทน้เี รมิ่ ตน้ อย่างไร (0.5 ชวั่ โมง)

1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยชักชวนนักเรยี นให้รว่ มกันสังเกต ในการตรวจสอบความรู้เดิม
รูปนำหนว่ ยในหนังสอื เรยี นหนา้ 142-143 จากน้ันครูใช้คำถามดังน้ี ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
1.1 นักเรียนสังเกตเห็นอะไรในรูปบ้าง (นักเรียนตอบตามสิ่งท่ี สำคัญ ครูยังไม่เฉลยคำตอบใด ๆ
สังเกตเห็น เช่น อาคารสูง ภายในอาคารมีแสงไฟสว่าง เห็นฟ้าผ่า แต่ชักชวนให้หาคำตอบที่ถูกต้อง
แมน่ ำ้ และเรอื ในแมน่ ้ำ) จากกจิ กรรมต่าง ๆ ในบทเรียนน้ี
1.2 นักเรียนคิดว่าสิ่งที่นักเรียนเห็นในรูปเกี่ยวข้องกับแรงไฟฟ้าและ
พลังงานไฟฟ้าหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง เช่น พลังงานไฟฟ้าทำให้หลอดไฟฟ้าในตึกสว่าง สายฟ้าท่ี
ผ่าลงมามพี ลงั งานไฟฟา้ )

2. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่อง แรงไฟฟ้า โดยให้อ่านชื่อหน่วย และอ่าน
คำถามสำคัญประจำหน่วยที่ 6 ในหนังสือเรียน หน้า 142 ดังนี้ ประจุ
ไฟฟา้ เก่ยี วข้องกบั ชวี ิตประจำวันของเราอย่างไร
นักเรียนตอบคำถาม โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ และเมื่อเรียน
จบหน่วยนี้แล้ว ครูถามคำถามนี้อีกครั้งเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ
นักเรยี น

3. นักเรียนอ่านชื่อบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบท ในหนังสือ
เรยี น หนา้ 143 จากนน้ั ครใู ช้คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ดงั น้ี

3.1 บทนี้นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรื่องอะไร (แรงไฟฟา้ และผลของแรงไฟฟ้า)
3.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบท เมื่อเรียนจบบทนี้นักเรียน

สามารถทำอะไรได้บ้าง (อธิบายการเกิดแรงไฟฟ้า และอธิบายผล
ของแรงไฟฟ้าระหวา่ งวตั ถทุ ม่ี ีประจุไฟฟ้า)
4. นักเรียนอ่านแนวคิดสำคัญ ในหนังสือเรียน หน้า 144 จากนั้นครูใช้
คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจดังน้ี จากการอ่านแนวคิดสำคัญ
นักเรียนคิดว่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง (นักเรียนจะได้เรียนรู้
เกี่ยวกับแรงไฟฟ้า การเกิดแรงไฟฟ้า แรงไฟฟ้าเป็นแรงไม่สัมผัส
แรงไฟฟ้ามที ้งั แรงดงึ ดูด และแรงผลัก)

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

309 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้

5. ครูชักชวนให้นักเรียนสงั เกตรปู และอ่านเนื้อเรื่องในหนงั สอื เรยี นหน้า 144 หากนักเรียนไม่สามารถตอบ
โดยครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านทีเ่ หมาะสมกบั ความสามารถของ คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
นักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจในการอ่าน โดยใช้คำถาม คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
ดงั ตอ่ ไปนี้ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
5.1 เราต้องทำอย่างไรกับวัตถุเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ (ต้องออกแรง และรับฟังแนวความคิดของ
กระทำต่อวัตถ)ุ นกั เรียน
5.2 การออกแรงเพื่อทำให้วัตถุเคลื่อนที่ต้องทำอย่างไรบ้าง (สัมผัสกับ
วตั ถนุ ั้น หรือไมจ่ ำเปน็ ต้องสมั ผสั กบั วัตถุน้นั )
5.3 ตัวอย่างการทำให้วัตถุเคลื่อนท่ีโดยไม่ต้องสัมผัสกับวัตถุน้ัน
มีอะไรบา้ ง (ใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู เหล็ก)
5.4 นกั เรยี นเหน็ วัตถอุ ะไรในรปู บา้ ง (กระป๋องอะลมู ิเนียม ลกู โปง่ )
5.5 จากรูป เมื่อนำลูกโป่งเข้าใกล้กระป๋องอะลูมิเนียม เกิดการ
เปลย่ี นแปลงอย่างไรกับกระป๋องอะลูมิเนียม (กระป๋องอะลูมิเนียม
ทว่ี างนิ่งกลิ้งเข้าหาลูกโป่ง)
5.6 การท่ีกระป๋องอะลูมิเนียมกลิ้งเข้าหาลูกโป่งเป็นผลมาจากอะไร
(แรงไฟฟ้า)
5.7 จากรูป แรงไฟฟา้ เกิดขึน้ ทบ่ี ริเวณใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
เช่น แรงไฟฟ้าเกดิ ข้นึ ทลี่ กู โป่ง หรือทก่ี ระป๋องอะลมู เิ นยี ม)
5.8 เราต้องทำอย่างไรจึงเกิดแรงไฟฟ้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
เชน่ ใช้ผา้ ถูกบั ลกู โปง่ )

6. ครูชักชวนนักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับแรงไฟฟ้าในสำรวจความรู้
กอ่ นเรียน

7. นักเรียนทำสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 110
โดยนักเรยี นอา่ นคำถามแต่ละข้อ ครตู รวจสอบความเข้าใจของนักเรียน
จนแน่ใจวา่ นักเรียนสามารถทำได้ดว้ ยตนเอง จึงให้นักเรยี นตอบคำถาม
ซงึ่ คำตอบของแตล่ ะคนอาจแตกต่างกนั และคำตอบอาจถูกหรอื ผิดกไ็ ด้

8. ครูสังเกตการตอบคำถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี
แนวคิดเกี่ยวกับแรงไฟฟ้าอย่างไร โดยอาจสุ่มให้นักเรียน 2-3 คน
นำเสนอคำตอบของตนเอง โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ แต่จะให้

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟา้ 310

นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเรียนจบบทนี้แล้ว ทั้งนี้ การเตรียมตัวล่วงหนา้ สำหรบั ครู
ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่น่าสนใจของนักเรียน เพื่อจัดการเรียนรใู้ นครง้ั ถัดไป
แล้วนำมาใช้ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ไขแนวคิด
คลาดเคลอ่ื นใหถ้ ูกต้อง และต่อยอดแนวคิดทน่ี า่ สนใจของนักเรียนต่อไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
เรื่องที่ 1 การเกิดและผลของแรงไฟฟ้า
ครูอาจเตรียมแม่เหล็ก ลวดเสียบ
กระดาษ หรอื ตะปเู พื่อใช้ทบทวนความรู้
พื้นฐานเกี่ยวกับแรงแม่เหล็กและ
แรงไม่สัมผัส รวมทั้งครูอาจเตรียมหวี
พลาสติก และเสื้อผ้าบาง ๆ ที่ทำจาก
ใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน ผ้าชีฟอง มา
ให้นักเรียนสังเกตเพื่อใช้ประกอบ
การอธิบายเนื้อหาของเรื่องที่อ่านใน
คร้งั ถัดไป

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

311 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

แนวคำตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

การสำรวจความรู้ก่อนเรยี น นกั เรียนอาจตอบคำถามถกู หรือผดิ ก็ไดข้ ้นึ อยู่กับความรเู้ ดิมของนักเรยี น
แต่เมอ่ื เรียนจบบทเรยี นแลว้ ให้นักเรยี นกลบั มาตรวจสอบคำตอบอีกคร้ังและแก้ไขให้ถูกต้อง ดังตวั อยา่ ง
 







⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 312

เรอ่ื งท่ี 1 แรงไฟฟ้า

ในเรื่องนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแรงไฟฟ้าซึ่งเป็น
แรงไม่สัมผัสที่เกิดจากการถูวัตถุบางชนิด ทำให้เกิดแรงดึงดูดหรือ
แรงผลักระหวา่ งวัตถุได้ ซงึ่ แรงไฟฟา้ นี้เป็นแรงระหวา่ งประจไุ ฟฟ้า

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. สังเกตและอธิบายการเกดิ แรงไฟฟ้า
2. สังเกตและอธบิ ายผลของแรงไฟฟา้

เวลา 3.5 ชั่วโมง ส่ือการเรียนรูแ้ ละแหลง่ เรียนรู้
วัสดุ อุปกรณ์สำหรบั ทำกจิ กรรม
1. หนังสือเรยี น ป. 6 เลม่ 2 หน้า 146-165
กระดาษ กรรไกร เทปใส ไม้บรรทดั พลาสตกิ ไมบ้ รรทัดเหล็ก 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป. 6 เลม่ 2 หนา้ 111-120
ดินสอไม้ ฝาขวดพลาสติก แท่งแก้วคน ท่อพีวีซี ลูกโป่งที่เป่า
ใหพ้ อง กระดาษเยอื่ ปากกาเมจิก เศษกระดาษ

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

313 ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้

แนวการจดั การเรยี นรู้ (30 นาที)

ขัน้ ตรวจสอบความรู้ (5 นาที) ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน
ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับแรงแม่เหล็ก โดยใช้ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
แท่งแม่เหล็กและลวดเสียบกระดาษหรือตะปู จากนั้นครูนำอภิปรายโดยใช้ นักเรียนต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้
คำถาม ดงั นี้ ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืม
1.1 จากทน่ี กั เรยี นเคยเรยี นเรื่องแม่เหล็กมาแล้ว เมื่อนำแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้ ครตู อ้ งให้ความรทู้ ถ่ี ูกตอ้ งทนั ที
ลวดเสียบกระดาษจะเกิดอะไรข้ึนกบั ลวดเสียบกระดาษ เพราะเหตุใดจึง
เป็นเช่นนั้น (ลวดเสียบกระดาษจะถูกดึงดูดให้เคลื่อนที่เข้าหา
แทง่ แม่เหลก็ เพราะลวดเสยี บกระดาษเปน็ สารแม่เหล็ก)
1.2 นักเรียนคิดว่ามีแรงกระทำระหว่างแม่เหล็กและลวดเสียบกระดาษ
หรือไม่ รู้ได้อย่างไร(มีแรงกระทำ รู้ได้จากลวดเสียบกระดาษ
เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่จี ากอยู่น่งิ เปน็ เคลอื่ นทเี่ ขา้ หาแท่งแม่เหล็ก)
1.3 แรงที่กระทำระหว่างแม่เหล็กกับลวดเสียบกระดาษคือแรงอะไร
(แรงแมเ่ หล็ก)

2. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเรื่อง แรงไฟฟ้า โดยใช้คำถาม

กระตนุ้ ความสนใจดังน้ี แรงไฟฟา้ เหมือนหรอื แตกตา่ งจากแรงแม่เหล็กหรือไม่

อยา่ งไร แรงไฟฟ้าเปน็ อยา่ งไร เหตุการณ์ใดเกย่ี วข้องกบั แรงไฟฟ้าบ้าง

ขน้ั ฝึกทักษะจากการอ่าน (20 นาที)

3. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและคำถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 146
แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนวคำตอบและนำเสนอ ครูบันทึกคำตอบของ
นักเรียนบนกระดานเพื่อใชเ้ ปรียบเทียบคำตอบหลงั จากอ่านเนื้อเรื่อง

4. นักเรียนอ่านคำสำคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่าน
ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนั้นครูชักชวนให้นักเรียนอธิบาย
ความหมายของคำสำคญั ตามความเขา้ ใจของตนเอง

5. นกั เรียนอ่านเนอ้ื เรือ่ งในหนงั สือเรียนหน้า 146-147 โดยครูฝึกทกั ษะการอ่าน
ตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครู
ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอ่าน โดยใช้คำถามดังนี้
5.1 แม่เหล็กมีแรงกระทำต่อวัตถใุ ดบ้าง (แม่เหล็กมแี รงกระทำต่อวัตถุท่เี ป็น
สารแม่เหล็ก และแมเ่ หลก็ ดว้ ยกนั )

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้ 314

5.2 แรงแม่เหล็กเป็นแรงสัมผสั หรือไม่ รูไ้ ดอ้ ย่างไร (แรงแมเ่ หล็กเป็นแรงไม่ การเตรียมตวั ลว่ งหน้าสำหรบั ครู
สัมผัส รู้ได้จากเมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้สารแม่เหล็ก แม่เหล็กสามารถ เพอื่ จัดการเรยี นร้ใู นคร้ังถัดไป
ดึงดดู สารแม่เหล็กได้ โดยไมจ่ ำเปน็ ต้องแตะหรอื สัมผัสกนั )
ในคร้ังถัดไป นกั เรียนจะได้ทำ
5.3 นอกจากแรงแมเ่ หลก็ แลว้ ยงั มีแรงใดทเ่ี ป็นแรงไมส่ ัมผสั (แรงไฟฟา้ ) กิจกรรมที่ 1.1 แรงไฟฟ้าเกิดข้ึนได้อยา่ งไร
5.4 เหตุการณ์ใดบ้างที่เกิดจากแรงไฟฟ้าที่เราอาจพบในชีวิตประจำวัน (ใน ครคู วรเตรียมหลอดดูดพลาสตกิ หรอื
แทง่ พลาสติกและเมด็ โฟมขนาดเล็กเพื่อใช้
วันที่ความชื้นน้อย เมื่อหวีผม หวีจะดึงดูดเส้นผมขึ้นมา หรือเมื่อสวม สาธติ และตรวจสอบความรู้เดิมของ
เสอื้ ผ้าบางชนิด เส้อื ผา้ จะแนบติดตวั เรา) นกั เรียนเก่ียวกบั การเกิดแรงไฟฟา้
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสวมเสื้อผ้าบางชนิดแล้วเคลื่อนไหว นอกจากน้ีในการทำกจิ กรรมท่ี 1.1 ครคู วร
ร่างกาย จะรู้สึกว่าเนื้อผ้าติดกับผิวหนังตลอดเวลา เมื่อดึงผ้าออกห่างจาก เตรียมตัดกระดาษขนาด A4 ทใี่ ช้แลว้ เปน็
ผิวหนังจะรู้สึกว่าเส้นขนที่ผิวหนังถูกดึงดูดขึ้นมาด้วย และเมื่อปล่อยผ้า ผ้าก็ แถบขนาดกว้างประมาณ 4 เซนตเิ มตร
จะติดแนบกบั ผวิ หนังอกี คร้ัง ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร สำหรับใช้
6. ครูอาจให้นักเรียนสังเกตรปู เสน้ ผมทีต่ ิดขึน้ มาเมื่อใช้หวพี ลาสติกหวีผม ดังรูป ในกจิ กรรม ทั้งน้ีเพื่อชว่ ยลดระยะเวลา
ที่ 31 หรืออาจสาธิตโดยใช้หวีพลาสติกหวีผม แล้วสังเกตเห็นเส้นผมติดหวี การตัดแถบกระดาษของนักเรียนใน
ขึ้นมา หรือนำเสื้อผา้ ใยสงั เคราะหเ์ ขา้ ใกล้แขนของนกั เรยี น ท้งั นคี้ รูควรเตรียม ห้องเรียน
ถูหวีพลาสติก หรือถูเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ก่อนการสาธิตไม่นาน โดยไม่ให้
นกั เรียนเห็นก่อนทจี่ ะนำมาเข้าใกลเ้ สน้ ผม หรอื แขนของนักเรยี น

ขัน้ สรุปจากการอ่าน (5 นาท)ี

7. นกั เรยี นร่วมกันสรุปเร่ืองที่อา่ นซ่งึ ควรสรุปไดว้ ่า แรงแม่เหล็กเป็นแรงไม่สัมผัส
ซึ่งเป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับวัตถุนั้น นอกจากน้ี
แรงไฟฟ้าก็เป็นแรงไม่สมั ผัสด้วย ซึ่งเราอาจพบแรงไฟฟ้าในเหตุการณ์ต่าง ๆ
ในชีวติ ประจำวนั เชน่ การหวีผม แลว้ มีเสน้ ผมติดข้ึนมากบั หวี

8. นักเรยี นตอบคำถามในรู้หรอื ยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 111
9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนใน

รหู้ รือยัง กบั คำตอบที่เคยตอบและบันทกึ ไวใ้ นคิดก่อนอา่ น
10.นักเรียนอา่ นคำถามทา้ ยเรอื่ งที่อ่านและลองตอบคำถาม ดังนี้

10.1ทำอย่างไรจึงจะเกิดแรงไฟฟ้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)

10.2แรงไฟฟา้ เกดิ ขน้ึ กับวัตถชุ นดิ ใดบ้าง และสามารถส่งผลต่อวัตถุอย่างไร
(นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)

ครยู งั ไม่เฉลยคำตอบแต่ชกั ชวนให้นกั เรยี นหาคำตอบจากการทำกจิ กรรม

สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

315 คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า

แนวคำตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

เพราะเกิดแรงไฟฟ้า
แรงไฟฟา้ เปน็ แรงไมส่ มั ผสั คลา้ ยกบั แรงแม่เหล็ก เพราะเปน็ แรงที่
กระทำต่อวัตถโุ ดยไมจ่ ำเปน็ ต้องสัมผัสกับวตั ถุน้ัน

⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้ 316

กิจกรรมท่ี 1.1 แรงไฟฟ้าเกิดขึน้ ได้
อย่างไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สังเกตการเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นกับวงล้อกระดาษ เมื่อนำวัตถุต่าง ๆ ที่ไม่ได้ถูและ
ถูดว้ ยกระดาษเยอ่ื มาเข้าใกล้ เพ่อื อธิบายการเกิดแรงไฟฟา้

เวลา 1 ชัว่ โมง
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

สงั เกตและอธบิ ายการเกดิ แรงไฟฟ้า

วัสดุ อปุ กรณ์สำหรบั ทำกจิ กรรม

ส่งิ ทค่ี รตู ้องเตรียม/กลุ่ม

1. กระดาษขนาด A4 1 แผน่

2. กรรไกร 1 เล่ม ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. เทปใส 1 ม้วน S1 การสังเกต
S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล
4. กระดาษเยื่อ 1 มว้ น S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป

5. ไม้บรรทัดพลาสติก 1 อนั ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

6. ไมบ้ รรทดั เหล็ก 1 อัน C4 การสอ่ื สาร
C5 ความรว่ มมอื
7. ปากกาเมจิก 1 ดา้ ม
สอื่ การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้
8. ลกู โป่งทเี่ ปา่ ให้พอง 1 ลูก
1. หนงั สอื เรียน ป.6 เลม่ 2 หนา้ 148-151
9. แทง่ แกว้ คน 1 แทง่ 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.6 เลม่ 2 หน้า 112-115
3. วีดทิ ศั น์ตวั อยา่ งปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตร์สำหรบั ครู
10. ทอ่ พีวซี ีขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ ½ น้ิว
เร่อื ง แรงไฟฟา้ เกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร
ยาวประมาณ 15 ซม. 1 ทอ่ น http://ipst.me/8755

ส่ิงทีน่ ักเรียนต้องเตรียม/กลุ่ม

ดนิ สอไม้ 1 แท่ง

สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

317 คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูเพียงรับฟังเหตผุ ลของนักเรียน
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการเกิดแรงไฟฟ้า โดยครูนำแท่งพลาสติก และยังไม่เฉลยคำตอบใด ๆ แต่
หรือหลอดดูดพลาสติกยาว และภาชนะที่บรรจุเม็ดโฟมมาแสดงหน้า ชักชวนให้นักเรียนไปหาคำตอบ
ชั้นเรียน จากนั้นถามนักเรียนว่าถ้าครูจุ่มแท่งพลาสติกหรือหลอดดูด ดว้ ยตนเองจากการทำกิจกรรม
พลาสติกลงไปในภาชนะที่บรรจุเม็ดโฟมจะเกิดอะไรขึ้น (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจของตนเอง เช่น จะมีเม็ดโฟมติดขึ้นมา หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
จากนั้นครูจุ่มแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดพลาสติกลงไปในภาชนะที่บรรจุ
เม็ดโฟม ซึ่งผลท่ีเกิดขึ้นคือ ไม่มีเม็ดโฟมติดแท่งพลาสติกหรือหลอดดูด
พลาสตกิ ขน้ึ มา

2. ครนู ำแทง่ พลาสติกหรือหลอดดูดพลาสตกิ อนั เดิมมาถกู บั ผา้ โดยไมใ่ หน้ กั เรียน
เหน็ จากนน้ั ให้ตัวแทนนักเรียนนำแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดท่ีถดู ้วยผ้าแล้ว
จุ่มลงในภาชนะที่บรรจุเม็ดโฟม ในครั้งนี้จะพบว่ามีเม็ดโฟมติดมากับหลอด
ดูดเป็นจำนวนมาก ครูถามนักเรียนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร (นักเรียนตอบตาม
ความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ ครทู ากาวที่หลอดดดู หรือครถู ูหลอดดูดดว้ ยผ้า)

3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหน้า 148
จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์
ในการทำกจิ กรรม โดยใชค้ ำถามดังน้ี
3.1 กิจกรรมน้นี กั เรยี นจะไดเ้ รยี นเรื่องอะไร (แรงไฟฟา้ )
3.2 นักเรียนจะไดเ้ รียนรเู้ รื่องนี้ด้วยวธิ ใี ด (การสงั เกต)
3.3 เมอื่ เรียนจบแลว้ นักเรยี นจะทำอะไรได้ (อธิบายการเกดิ แรงไฟฟา้ )

4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 112 และ
อ่าน สิ่งที่ต้องใช้ ในการทำกิจกรรม จากนั้นครูนำวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ใน
กจิ กรรมมาให้นักเรียนดทู ีละอยา่ ง

5.นักเรียนอ่าน ทำอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับ
ขนั้ ตอนการทำกจิ กรรม โดยอาจใช้คำถามดงั น้ี
5.1 นักเรียนใชก้ ระดาษทำเปน็ วงล้อได้อย่างไร (ตดั กระดาษใหเ้ ป็นแถบยาว
แล้วมว้ นขด 2 รอบ แลว้ ติดด้วยเทปใส)
5.2 นักเรียนต้องนำไม้บรรทัดพลาสติกเข้าใกล้วงล้อกระดาษกี่ครั้ง แต่ละ
ครั้งเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (นำไม้บรรทัดพลาสติกเข้าใกล้วงล้อ
กระดาษ 2 ครัง้ แต่ละครั้งไมเ่ หมอื นกัน โดยครั้งแรกยงั ไม่ได้ใช้กระดาษ

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้ 318

เยอ่ื ถูกับไม้บรรทัดพลาสติก แตค่ ร้ังที่สองใช้กระดาษเยื่อถูกับไม้บรรทัด ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
พลาสติก)
5.3 ส่งิ ท่นี กั เรยี นต้องสังเกตเมื่อนำไม้บรรทัดพลาสติกเข้าใกล้วงล้อกระดาษ 1.ครูควรแนะนำให้นักเรียนตัดแถบ
แตล่ ะครงั้ คืออะไร (สงั เกตการเปล่ียนแปลงของวงล้อกระดาษ) กระดาษขนาดความกว้างประมาณ 4-5
5.4 นักเรียนต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวงล้อกระดาษ เมื่อเปลี่ยน เซนตเิ มตร เพอ่ื ใหม้ ว้ นเป็นวงลอ้ แล้วสามารถตั้ง
อุปกรณ์จากไม้บรรทัดพลาสติกเป็นอะไรอีกบ้าง (ไม้บรรทัดเหล็ก ไดโ้ ดยไม่ลม้
ปากกาเมจกิ ลกู โปง่ แท่งแก้วคน ทอ่ พีวีซี และดินสอไม)้
5.5 เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมครบทุกอุปกรณ์แล้ว นักเรียนต้องร่วมกัน 2. ครูควรแนะนำให้นักเรียนถูกระดาษเย่ือ
อภิปรายเก่ียวกบั เรือ่ งอะไร (การเกดิ แรงไฟฟ้า) กบั ไมบ้ รรทัดพลาสตกิ เปน็ ระยะเวลาหนงึ่ เพ่อื ให้
6. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรมตามขั้นตอน ขณะที่นักเรียนทำกิจกรรม ไม้บรรทัดพลาสติกร้อนขึ้น จากนั้นจึงนำวัตถุ
ครคู วรช่วยเหลือและให้คำแนะนำตามความจำเป็น ตา่ ง ๆ เข้าใกลว้ งลอ้ กระดาษ
7. เมื่อนักเรียนทุกกลุ่มทำกิจกรรมและสังเกตผลที่เกิดขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ครูอาจให้นักเรียนนำข้อมลู บันทึกลงในตารางบนกระดานหรือกระดาษปรู๊ฟ 3. หากกระดาษเยอื่ ท่ีนกั เรียนใช้ถูเปื่อยยุ่ย
ทคี่ รูเตรยี มไว้ให้ หรือเปียกแล้ว ให้นักเรียนเปลี่ยนกระดาษแผ่น
8. นักเรียนนำเสนอผลการสังเกตวงล้อกระดาษ จากนั้นครูและนักเรียน ใหม่
ร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม จากขอ้ มลู ในตารางโดยอาจใช้คำถาม
ดงั นี้ 4. ขณะที่นักเรียนทำกิจกรรมควรปิด
8.1 เมื่อนำวัตถุทุกชนิดท่ียังไม่ถูด้วยกระดาษเยื่อเข้าใกล้วงล้อกระดาษ พัดลมหรือปิดหน้าต่าง เพื่อไม่ให้มีลมพัดเข้ามา
วงล้อกระดาษมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ (วงล้อกระดาษไม่มีการ ในห้อง ซึ่งอาจทำให้การสังเกตผลการทำ
เปลยี่ นแปลง) กจิ กรรมคลาดเคล่ือนได้
8.2 เมื่อนักเรียนนำกระดาษเยื่อถูวัตถุทุกชนิด แล้วนำวัตถุนั้นมาเข้าใกล้
วงล้อกระดาษ วงล้อกระดาษมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร (วัตถุ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
บางชนิด ได้แก่ ไม้บรรทัดพลาสตกิ ปากกาเมจิก แท่งแก้วคน ท่อพีวีซี ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ทน่ี กั เรียนจะได้ฝึก
และลูกโป่งเมื่อถูด้วยกระดาษเยื่อแล้วนำมาเข้าใกล้วงล้อกระดาษ จากการทำกจิ กรรม
จะทำให้วงล้อกระดาษเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่จากอยู่นิ่งเป็น S1 การสังเกตการเปล่ียนแปลงการ
เคลื่อนที่เข้าหาวัตถุนั้น ส่วนไม้บรรทัดเหล็ก และดินสอไม้เมื่อถูด้วย
กระดาษเยอ่ื แลว้ นำมาเขา้ ใกลว้ งล้อกระดาษ จะไมท่ ำใหว้ งล้อกระดาษ เคลอ่ื นท่ีของวงล้อกระดาษเม่ือนำวัตถุ
เปล่ยี นแปลงการเคล่ือนท)่ี ที่ถูและไม่ถดู ว้ ยกระดาษเยื่อเข้าใกล้
8.3 นักเรียนจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้วัตถุบางชนิดสามารถทำให้วงล้อ S8 การลงความเหน็ จากข้อมูลเกีย่ วกับการ
กระดาษเคลื่อนที่เข้าหาได้ (ใช้กระดาษเยื่อถูวัตถุบางชนิด แล้วนำมา เคลื่อนท่ีของวงล้อกระดาษเนื่องจากมี
เขา้ ใกล้วงล้อกระดาษ) แรงกระทำ
8.4 เมื่อถูวัตถุบางชนิดด้วยกระดาษเยื่อ จากนั้นนำวัตถุบางชนิดนั้นมาเข้า C4 การนำเสนอผลการสังเกตการ
ใกล้วงล้อกระดาษ ทำให้วงล้อกระดาษเคลื่อนท่ีเข้าหาวัตถุนั้นได้ เปลยี่ นแปลงการเคล่ือนท่ขี องวงลอ้
กระดาษเมื่อนำวัตถุท่ีถแู ละไม่ถูด้วย
กระดาษเยอ่ื เข้าใกล้
C5 การทำงานร่วมกับผู้อื่นในการสังเกต

การนำเสนอ และแสดงความคิดเห็น

เกย่ี วกับการเกิดแรงไฟฟ้า

สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

319 คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า

นกั เรียนคิดว่ามีแรงกระทำต่อวงล้อกระดาษหรือไม่ รไู้ ดอ้ ยา่ งไร (มีแรง หากนักเรียนไม่สามารถตอบ
กระทำ รู้ได้จากวงล้อกระดาษมีการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่จากอยู่ คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
นงิ่ เปน็ เคลือ่ นทเ่ี ข้าหาวัตถุบางชนิดน้นั ) คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
8.5 แรงที่เกิดจากการถูวัตถุบางชนิดด้วยกระดาษเยื่อคือแรงอะไร อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
(แรงไฟฟ้า) และรับฟังแนวความคิดของ
8.6 แรงไฟฟ้าเป็นแรงสัมผัส หรือแรงไม่สัมผัส รู้ได้อย่างไร (แรงไฟฟ้าเป็น นกั เรียน
แรงไม่สมั ผัส รไู้ ดจ้ ากเมื่อถูวัตถุบางชนิดด้วยกระดาษเยื่อแล้วนำมาเข้า
ใกล้วัตถุอื่น สามารถทำให้วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ได้โดย ถ้าครูพบว่านักเรียนยังมี
ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกบั วตั ถุน้นั ) แนวคิดคลาดเคลือ่ นเก่ยี วกบั การ
9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิด เ ก ิ ด แ ร ง ไ ฟ ฟ ้ า ใ ห ้ ร ่ ว ม กัน
แรงไฟฟ้า จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าเมื่อถูวัตถุบางชนิดแล้ว อภิปรายจนนักเรียนมีแนวคิดท่ี
นำเข้าใกล้วัตถุอื่นจะสามารถดึงดูดวัตถุนั้นได้ เนื่องจากเกิดแรงไฟฟ้า ถูกตอ้ ง
แรงไฟฟา้ เป็นแรงไมส่ ัมผสั (S13)

10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสถานการณ์ต่าง ๆ ว่าเกิดแรงไฟฟ้า
ได้อย่างไร
10.1 นำแท่งพลาสติกหรือหลอดดูดพลาสติกจุ่มลงในเม็ดโฟม พบว่า

เมด็ โฟมตดิ แทง่ พลาสติกหรือหลอดดดู พลาสติกขนึ้ มา (เกิดแรงไฟฟ้า

จากการถแู ทง่ พลาสติกหรือหลอดดดู พลาสตกิ ด้วยกระดาษเย่ือ)

10.2 ลูกโป่งดึงดูดให้กระป๋องอะลูมิเนียมเคลื่อนที่ได้ หรือหวีพลาสติกที่

ดึงดูดเส้นผมใหข้ ้นึ ไปตดิ (เกิดแรงไฟฟ้าจากการถูลกู โป่งดว้ ยกระดาษ

เยือ่ หรอื ถูหวีพลาสตกิ ดว้ ยกระดาษเยือ่ )

10.3 เมื่อสวมเสื้อผ้าบางชนิดแล้วเคลื่อนไหวร่างกาย พบว่าเสื้อผ้าติดแนบ

ลำตวั (เกิดแรงไฟฟา้ จากเสอ้ื ผ้าท่ีสวมใส่ถกู บั ลำตัว)

11. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้

คำถามเพ่มิ เติมเพื่อใหไ้ ด้แนวคำตอบท่ถี ูกตอ้ ง

12. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอ่าน

ส่งิ ทไ่ี ด้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของตนเอง

13. ครูกระตุน้ ใหน้ กั เรียนฝึกตั้งคำถามเกยี่ วกับเร่ืองท่สี งสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม

ใน อยากรู้อีกว่า ครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นำเสนอคำถามของตนเอง

หนา้ ชัน้ เรียน จากนัน้ รว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับคำถามที่เพ่ือนนำเสนอ

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 320
14. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง

วทิ ยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบา้ งและในขั้นตอนใด
15. นกั เรียนอา่ นเกรด็ น่ารู้ ในหนังสอื เรยี นหน้า 151 จากนน้ั อภิปรายเกี่ยวกับ

วัตถุที่นำมาใช้ถูวัตถุบางชนิดจนเกิดแรงไฟฟ้า ซึ่งวัตถุที่ใช้ถูอาจเป็นขน
สัตว์ หรือผ้าแพรก็ได้

สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

321 คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้า

การเตรียมตวั ลว่ งหน้าสำหรบั ครู เพื่อจดั การเรียนร้ใู นครัง้ ถัดไป

ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับผลของแรงไฟฟ้า ครูควรเตรียมอุปกรณ์สำหรับ

สาธติ การเกิดแรงไฟฟ้า ดังนี้

• ถาดอะลมู เิ นยี ม 1 ใบ

(ลักษณะเป็นถาดกลม เปน็ ภาชนะสำหรับบรรจขุ นมประเภทพาย)

• ทอ่ พีวีซคี วามยาวประมาณ 5 cm 1 ทอ่ น

• แผ่นใส หรอื ปกพลาสตกิ ใส หรือแผน่ โฟม 1 แผ่น

• เทปกาวสองหนา้ 1 มว้ น

• หลอดนอี อน 2 ขา (ขนาด 110 โวลต์) 1 หลอด

(เป็นหลอดขนาดเล็ก ภายในกระเปาะบรรจุแก๊สนีออน สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์

ไฟฟ้า)

รปู ถาดอะลมู เิ นยี ม รูป ทอ่ พีวีซี รปู หลอดนีออน 2 ขา

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 322

แนวคำตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม

สงั เกตและอธบิ ายการเกิดแรงไฟฟา้

  อยู่น่ิง
กลง้ิ หรือเคลอ่ื นที่



  อย่นู ิ่ง
กลิ้งหรือเคล่อื นที่

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

323 คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

  อย่นู งิ่
กลง้ิ หรือเคลอ่ื นท่ี

  อยู่นง่ิ
กลง้ิ หรือเคลอ่ื นที่

  อยนู่ ่งิ
กล้ิงหรือเคล่ือนที่



⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟ้า 324

ถวู ัตถดุ ว้ ยกระดาษเย่ือ แล้วนำมาเขา้ ใกล้วงล้อกระดาษ

วตั ถุบางชนดิ ทีถ่ ดู ว้ ยกระดาษเยอ่ื ไดแ้ ก่ ไมบ้ รรทัดพลาสตกิ ปากกาเมจิก
แท่งแก้วคน ทอ่ พีวีซี และลูกโปง่ สามารถดงึ ดดู วงล้อกระดาษให้เคล่อื นท่ีได้
แต่ไมบ้ รรทัดเหล็กและดินสอไมไ้ มส่ ามารถดึงดูดวงล้อกระดาษใหเ้ คลือ่ นท่ไี ด้

มแี รงกระทำต่อวงล้อกระดาษ รู้ได้จากวงล้อกระดาษเปล่ียนจาก
อยู่นิ่งเป็นเคลอ่ื นที่เขา้ มาใกล้วตั ถบุ างชนดิ นั้น

เมอื่ ถไู มบ้ รรทดั พลาสตกิ ปากกาเมจกิ แทง่ แก้วคน ลกู โป่ง และท่อพวี ซี ี ด้วยกระดาษเยื่อแล้วนำมา
เข้าใกลว้ งล้อกระดาษ จะมีแรงไฟฟ้ากระทำต่อวงล้อกระดาษ ทำให้วงลอ้ กระดาษเคลือ่ นที่ได้
แตเ่ ม่ือถูไมบ้ รรทัดเหล็กและดนิ สอไมด้ ว้ ยกระดาษเยือ่ แล้วนำมาเขา้ ใกลว้ งลอ้ กระดาษจะไม่เกดิ
แรงไฟฟ้า วงล้อกระดาษจงึ ไม่เปลย่ี นแปลงการเคล่อื นที่

เม่ือถูวตั ถุบางชนิดแลว้ นำมาเข้าใกลว้ ตั ถอุ น่ื จะสามารถดึงดดู วตั ถุ
น้นั ได้ เนอ่ื งจากเกิดแรงไฟฟ้า แรงไฟฟ้าเปน็ แรงไมส่ มั ผสั

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

325 คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้

คำถามของนกั เรยี นท่ตี ้ังตามความอยากรขู้ องตนเอง






⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า 326

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรยี นรูข้ องนกั เรยี นทำได้ ดังนี้
1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภิปรายในช้ันเรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคำตอบของนกั เรียนระหว่างการจัดการเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทำกิจกรรมของนกั เรยี น

การประเมินจากการทำกิจกรรมที่ 1.1 แรงไฟฟา้ เกดิ ข้ึนได้อยา่ งไร

รหสั สง่ิ ท่ปี ระเมิน คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
S13 การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว่ มมอื

รวมคะแนน

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

327 คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทักษะ เกณฑก์ ารประเมนิ

กระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
วทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต การสังเกตและ สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ประสาทสัมผสั สามารถใช้ประสาท

บรรยายรายละเอียด สมั ผสั เกบ็ รายละเอียด เกบ็ รายละเอยี ดและ สัมผัสเก็บรายละเอียด

เก่ยี วกบั การเคล่ือนท่ี และบรรยายเกี่ยวกับการ บรรยายเกีย่ วกับการ และบรรยายเกย่ี วกับ

ของวงล้อกระดาษ เคลือ่ นท่ีของวงล้อ เคล่อื นที่ของวงล้อ การเคลอื่ นท่ขี องวงลอ้

เม่อื นำวัตถุทถ่ี ูและไม่ กระดาษเม่ือนำวัตถุท่ีถู กระดาษเม่ือนำวัตถุที่ถู กระดาษเมื่อนำวตั ถุท่ีถู

ถดู ้วยกระดาษเย่ือ และไมถ่ ูด้วยกระดาษเย่อื และไม่ถดู ว้ ยกระดาษเยอ่ื และไม่ถูด้วยกระดาษ

เข้าใกล้วงลอ้ กระดาษ เข้าใกล้วงลอ้ กระดาษได้ เขา้ ใกล้วงลอ้ กระดาษได้ เย่ือเขา้ ใกล้วงลอ้

ถกู ต้องด้วยตนเอง โดย ถกู ต้องจากการชี้แนะของ กระดาษได้ถกู ต้องเพยี ง

ไมเ่ พิ่มความคิดเหน็ ครูหรือผ้อู น่ื หรอื มกี าร บางส่วน แมว้ ่าจะได้

เพมิ่ เติมความคิดเห็น รบั คำชแ้ี นะจากครูหรือ

ผู้อื่น

S8 การลงความ การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็

เหน็ จากข้อมูล ขอ้ มลู ไดว้ ่าวงล้อ ข้อมูลไดถ้ ูกตอ้ งด้วย ข้อมลู ได้ถูกตอ้ งจากการ จากข้อมูลได้ไม่ถูกต้อง

กระดาษเปลย่ี นแปลง ตนเองว่าวงล้อกระดาษ ช้แี นะของครหู รือผ้อู ่ืนวา่ แมว้ า่ จะได้รบั คำชแ้ี นะ

การเคลอ่ื นที่จาก เปลย่ี นแปลงการ วงลอ้ กระดาษ จากครหู รอื ผู้อน่ื วา่ วง

อย่นู งิ่ เปน็ เคล่ือนท่ีได้ เคลอ่ื นทจ่ี ากอยนู่ ่ิงเปน็ เปลีย่ นแปลงการ ล้อกระดาษ

เนอ่ื งจากมแี รง เคลอื่ นที่ได้เนื่องจากมี เคลอื่ นทจี่ ากอยู่น่ิงเปน็ เปลยี่ นแปลงการ

กระทำต่อวงลอ้ แรงกระทำต่อวงล้อ เคลอ่ื นที่ไดเ้ นื่องจากมี เคลอื่ นท่ีจากอยนู่ ิ่งเป็น

กระดาษ กระดาษ แรงกระทำต่อวงลอ้ เคล่อื นท่ีได้เน่ืองจากสง่ิ

กระดาษ อน่ื ที่ไมใ่ ชแ่ รง

S13 การตีความ การตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย

หมายข้อมูลและ ขอ้ มูลที่ได้จากการ ขอ้ มูลท่ีได้จากการสังเกต ข้อมลู ที่ได้จากการสงั เกต ข้อมลู ท่ีได้จากการ

ลงขอ้ สรปุ สงั เกต และนำมาลง และนำมาลงข้อสรปุ ได้ และนำมาลงข้อสรุปได้ สังเกต และนำมาลง

ข้อสรปุ และบอกเหตุ ถกู ต้องด้วยตนเองวา่ เม่อื ถูกต้อง จากการชีแ้ นะ ขอ้ สรุปไดว้ า่ ถูกต้อง

ผลไดว้ ่าเมอ่ื ถวู ตั ถุ ถูวัตถุบางชนิดแลว้ นำมา ของครหู รอื ผ้อู ื่นว่าเม่ือถู เพียงบางส่วน แม้วา่ จะ

บางชนดิ แล้วนำมา เขา้ ใกล้วตั ถุอนื่ จะ วตั ถบุ างชนดิ แลว้ นำมา ไดร้ บั คำชแ้ี นะจากครู

เข้าใกลว้ ตั ถุอน่ื จะ สามารถดึงดูดวัตถนุ น้ั ได้ เข้าใกล้วัตถุอ่นื จะ หรือผู้อื่นว่าแรงไฟฟา้

สามารถดึงดดู วัตถนุ ัน้ เนอ่ื งจากเกิดแรงไฟฟา้ สามารถดึงดดู วัตถุนนั้ ได้ เกดิ จากการถวู ตั ถุได้

ได้ เนื่องจากเกิดแรง เนอื่ งจากเกดิ แรงไฟฟา้ แต่ไมส่ ามารถบอกได้วา่

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้ 328

ทักษะ ดี (3) เกณฑ์การประเมนิ ควรปรบั ปรงุ (1)
กระบวนการทาง รายการประเมนิ
แรงไฟฟา้ เปน็ แรงไม่ พอใช้ (2) แรงไฟฟ้าเปน็ แรงไม่
วิทยาศาสตร์ สัมผัส สมั ผสั
ไฟฟ้า แรงไฟฟา้ เปน็ แรงไฟฟ้าเปน็ แรงไม่
แรงไม่สัมผัส สัมผสั

ตาราง รายการประเมินและเกณฑ์การประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ศตวรรษท่ี 21 สามารถนำเสนอข้อมลู จาก พอใช้ (2) สามารถนำเสนอขอ้ มลู
C4 การสื่อสาร การนำเสนอขอ้ มลู จาก การสงั เกตการ จากการสังเกตการ
การสงั เกตการ เปลย่ี นแปลงของวงล้อ สามารถนำเสนอขอ้ มลู เปลี่ยนแปลงของวงลอ้
C5 ความ เปลีย่ นแปลงของวงล้อ กระดาษเมื่อนำวตั ถุท่ีถู จากการสงั เกตการ กระดาษเม่ือนำวตั ถทุ ่ีถู
ร่วมมือ กระดาษเมื่อนำวัตถทุ ่ีถู และไม่ถูดว้ ยกระดาษเยอื่ เปลย่ี นแปลงของวงลอ้ และไม่ถูดว้ ยกระดาษ
และไมถ่ ดู ้วยกระดาษ เขา้ ใกล้วงล้อกระดาษ กระดาษเมื่อนำวัตถทุ ี่ถู เยอื่ เขา้ ใกล้วงลอ้
เยือ่ เขา้ ใกล้วงล้อ เพอื่ ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจอยา่ ง และไม่ถดู ้วยกระดาษเย่ือ กระดาษใหผ้ ูอ้ นื่ เข้าใจได้
กระดาษเพื่อให้ผู้อนื่ ถูกต้องด้วยตนเอง เขา้ ใกล้วงล้อกระดาษ เพียงบางส่วน แมว้ ่าจะ
เขา้ ใจ เพือ่ ใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจอย่าง ไดร้ บั คำชีแ้ นะจากครู
สามารถทำงานร่วมกบั ถูกต้องจากการชแ้ี นะของ หรือผู้อน่ื
การทำงานร่วมกบั ผูอ้ น่ื ผูอ้ ืน่ ในการสังเกต การ ครหู รือผอู้ น่ื สามารถทำงานรว่ มกับ
ในการสงั เกต การ นำเสนอ และการแสดง ผ้อู นื่ ในการสงั เกต การ
นำเสนอ และการแสดง ความคิดเห็นเพื่ออธิบาย สามารถทำงานรว่ มกบั นำเสนอ และการแสดง
ความคิดเหน็ เพอื่ การเกดิ แรงไฟฟา้ รวมทั้ง ผูอ้ ืน่ ในการสังเกต การ ความคิดเหน็ เพ่ืออธบิ าย
อธบิ ายการเกดิ แรง ยอมรับฟังความคิดเหน็ นำเสนอ และการแสดง การเกดิ แรงไฟฟ้า แตไ่ ม่
ไฟฟา้ รวมทง้ั ยอมรบั ของผู้อ่นื ตลอดเวลาทีท่ ำ ความคิดเหน็ เพอื่ อธิบาย คอ่ ยสนใจความคิดเหน็
ความคิดเห็นของผู้อน่ื กิจกรรม การเกิดแรงไฟฟา้ รวมทั้ง ของผู้อ่ืนเป็นบาง
ยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็น ช่วงเวลาทท่ี ำกิจกรรม
ของผู้อ่นื เป็นบางชว่ งเวลา ท้ังนต้ี อ้ งอาศยั การ
ที่ทำกิจกรรม กระตุ้นจากครหู รือผอู้ ื่น

สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

329 คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า

กิจกรรมที่ 1.2 ผลของแรงไฟฟ้าเปน็
อย่างไร

กิจกรรมนี้นักเรยี นจะไดส้ งั เกตการเปลี่ยนแปลงของ
วัตถุชนิดเดียวกันและต่างชนิดกันที่ถูด้วยกระดาษเยื่อแล้ว
นำมาเข้าใกล้กัน และอธิบายผลของแรงไฟฟ้า อัน
เนอื่ งมาจากประจุไฟฟ้า

เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

สังเกตและอธบิ ายผลของแรงไฟฟา้

วัสดุ อุปกรณ์สำหรบั ทำกจิ กรรม

สง่ิ ท่คี รตู ้องเตรยี ม/กลุ่ม

1. ฝาขวดพลาสตกิ 1 ฝา

2. แทง่ แกว้ คน 2 แทง่

3. ทอ่ พวี ซี ขี นาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ ½ น้วิ

ยาวประมาณ 15 ซม. 2 ท่อน

4. ปากกาเมจกิ 2 ดา้ ม

5. ลกู โปง่ ทีเ่ ปา่ ให้พอง 2 ลกู

6. กระดาษเย่อื 1 มว้ น ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

สง่ิ ทน่ี กั เรียนต้องเตรียม/กลุ่ม S1 สังเกต
เศษกระดาษฉกี เปน็ ช้นิ เลก็ ๆ 1 กอง S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
สงิ่ ทคี่ รูต้องเตรียม/หอ้ ง
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
1. ถาดอะลมู ิเนียมสำหรับบรรจุขนมพาย 1 ใบ
C2 การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ
2. ทอ่ พวี ีซีขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 1 ท่อน/ขวด C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมือ
ประมาณ ½ นิว้ หรือวัสดอุ ื่นทีเ่ ป็น
ส่อื การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้
ฉนวนไฟฟา้ เช่น ขวดนมเปร้ียว
1. หนงั สอื เรียน ป.6 เลม่ 2 หน้า 152-159
3. เทปกาวสองหนา้ 1 ม้วน 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.6 เล่ม 2 หนา้ 116-119

4. แผน่ ใส หรือปกพลาสตกิ หรือแผน่ โฟม 1 แผน่

5. หลอดนีออน 2 ขา 1 หลอด

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 330

แนวการจดั การเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน
ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง
1. ครูทบทวนความรูพ้ นื้ ฐานของนกั เรียน โดยใช้คำถามดังนี้ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
1.1 จากกิจกรรมที่ผ่านมา เมื่อถูวัตถุบางชนิดด้วยกระดาษเยื่อ นักเรียนต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้
แลว้ นำเขา้ ใกล้วัตถอุ ่ืน จะเกดิ อะไรขน้ึ (วัตถุบางชนดิ นั้นจะดึงดูด ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืม
วตั ถอุ ่นื ได)้ ครูตอ้ งใหค้ วามรูท้ ถี่ กู ตอ้ งทันที
1.2 วัตถุที่ผ่านการถูแล้วสามารถดึงดูดวัตถุอื่นได้ ทำมาจากวัสดุ
อะไรบ้าง (พลาสตกิ ยาง แก้ว) ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
2. ครูใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความรูเ้ ดิม และนำเข้าสู่กิจกรรมดังนี้ จะเกิด เป็นสำคัญ และยังไม่เฉลยคำตอบ
ใด ๆ ใหก้ บั นกั เรียน แตช่ ักชวนให้
อะไรขึ้นถ้านำวัตถุ 2 ชิ้น ที่สามารถดึงดูดวัตถุเบา ๆ ได้มาเข้าใกล้กัน นักเรียนไปหาคำตอบด้วยตนเอง
จากการทำกิจกรรม
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง แต่แนวคำตอบที่ครูควรรู้และ

ยังไม่เฉลย คือ เมื่อถูวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ด้วยกระดาษเยื่อ แล้วนำมาเข้า

ใกล้กัน อาจเกดิ แรงดงึ ดูดหรอื แรงผลกั กไ็ ด้)

3.นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทำเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหน้า 152

จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการทำ

กจิ กรรม โดยใช้คำถามดังน้ี

3.1 กิจกรรมน้นี ักเรียนจะได้เรยี นเร่อื งอะไร (ผลของแรงไฟฟ้า)
3.2 นกั เรียนจะได้เรียนรูเ้ รอื่ งนีด้ ้วยวิธีใด (การสังเกต)
3.3 เม่อื เรียนจบแล้ว นกั เรยี นจะทำอะไรได้ (อธบิ ายผลของแรงไฟฟ้า)
4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 116 และ
อ่าน สิ่งที่ต้องใช้ ในการทำกิจกรรม จากนั้นครูนำวัสดุอุปกรณ์มาให้
นกั เรยี นดูทีละอย่าง
5. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ข้อ 1-4 โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านท่ี
เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ
เขา้ ใจเก่ยี วกับลำดบั ขนั้ ตอนการทำกจิ กรรม โดยอาจใช้คำถามดังน้ี
5.1 ในขั้นตอนแรกของการทำกิจกรรม นักเรียนต้องใช้อุปกรณ์

อะไรบ้าง (ปากกาเมจกิ และฝาขวดพลาสติก)
5.2 นักเรยี นต้องใชก้ ระดาษเยือ่ ถปู ากกาเมจิกทั้งหมดก่ีดา้ ม (2 ดา้ ม)
5.3 การทดสอบว่าวัตถุที่ถูด้วยกระดาษเยื่อแล้วจะทำให้เกิดแรงไฟฟ้า

หรือไม่ ทำได้อย่างไร (นำวัตถุที่ถูด้วยกระดาษเยื่อเข้าใกล้
เศษกระดาษ ถ้าวัตถุนั้นดึงดูดเศษกระดาษได้ แสดงว่าเกิด
แรงไฟฟา้ )

สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

331 คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า

5.4 ต้องทำอย่างไรกับปากกาเมจิกทั้งสองด้าม (ถูปลายปากกาทั้ง ครูอาจให้นกั เรยี นอ่านทำอย่างไร แล้วทำเป็น flowchart
สองด้ามด้วยกระดาษเย่ือ จากนั้นนำปากกาดา้ มหนึ่งวางบนฝาขวด สรปุ ข้ันตอนการทำกิจกรรมของตนเอง ตัวอย่างการเขียน
พลาสติก แล้วนำปลายปากกาด้านที่ถูแล้วอีกด้ามหนึ่งมาเข้าใกล้ ลำดับขั้นตอนการทำกิจกรรม อาจเป็นดังน้ี
ปลายปากกาด้านทถ่ี ูด้วยกระดาษเยอ่ื ที่วางอยู่บนฝาขวด)
ถปู ลายปากกาเมจกิ 2 ดา้ ม ดว้ ยกระดาษเยือ่
5.5 หลังจากทดสอบปากกาเมจิกแล้ว วัตถุอื่นท่ีต้องนำมาใช้ทดสอบ
มีอะไรอีกบ้าง (ทอ่ พีวซี ี แทง่ แก้วคน ลกู โปง่ ) ทดสอบแรงไฟฟา้

5.6 วัตถุใดท่ีเมื่อถูด้วยกระดาษเยื่อแล้ว ไม่สามารถวางบนฝาขวดได้ วางปากกาด้ามหนึง่ บนฝาขวด นำปลายปากกาอีก
และต้องจัดวัตถุอย่างไร (ลูกโป่งที่เป่าให้พอง ต้องใช้มือจับปาก ดา้ มหน่ึงนำเขา้ ใกลป้ ากกาทอ่ี ยู่บนฝาขวด
ลูกโป่งใหห้ อ้ ยลงมา แล้วหนั ดา้ นท่ีถูด้วยกระดาษเยอื่ เขา้ หากนั )
สงั เกตผล
5.7 สิ่งที่ต้องสังเกตเมื่อนำวัตถุเข้าใกล้กันคื ออะไร (สังเกต
การเปลี่ยนแปลงของวัตถุ เมื่อนำด้านที่ถูด้วยกระดาษเยื่อเข้าใกล้ ถวู ัตถชุ นิดเดียวกันคู่อน่ื แล้วทำตามขั้นตอนเหมอื นเดิม
กัน) ตัง้ แต่แรก

5.8 หลังจากทดสอบคู่วัตถุชนิดเดียวกันแล้ว นักเรียนต้องเปลี่ยนคู่วัตถุ ถวู ัตถตุ า่ งชนิดกนั แล้วทำตามขั้นตอนเหมือนเดมิ
ทนี่ ำมาทดสอบเป็นอย่างไร (เปลย่ี นเป็นควู่ ัตถตุ า่ งชนิดกนั ) ตงั้ แตแ่ รก

6. ครูเขียนขั้นตอนการทำกิจกรรมสั้น ๆ บนกระดาน จากนั้นนักเรียน ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามขั้นตอนที่บันทึกไว้บนกระดาน ขณะที่ทำ
กจิ กรรมครคู วรช่วยเหลอื และใหค้ ำแนะนำตามความจำเปน็ 1. ครูอาจใช้ผ้าแห้งหรือผ้าสักหลาดแทน
กระดาษเย่ือ
7. เมื่อทุกกลุ่มทำกจิ กรรมและสงั เกตผลที่เกิดขึ้นเสร็จเรยี บร้อยแลว้ ครูอาจ
ให้นักเรียนนำข้อมูลบันทึกลงในตารางบนกระดานหรือกระดาษปรู๊ฟ 2. วตั ถุทีน่ ำมาทำกจิ กรรมตอ้ งสะอาดและแห้ง
ทคี่ รูเตรยี มไว้ กิจกรรมนคี้ วรทำในฤดหู นาวทีม่ อี ากาศ
แห้ง หรือทำในห้องทีม่ ีเคร่ืองปรับอากาศ
8. นักเรียนนำเสนอผลการสังเกต จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
ผลการทำกิจกรรม จากขอ้ มูลในตารางโดยอาจใช้คำถามดังน้ี 3. ครคู วรยำ้ ใหน้ ักเรยี นทดสอบการเกิด
8.1 เมื่อถูวัตถุชนิดเดียวกันด้วยกระดาษเยื่อทั้ง 2 ชิ้น แล้วนำมาเข้า แรงไฟฟา้ ดว้ ยการดึงดดู กับเศษกระดาษ
ใกล้กัน วัตถุจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ให้ยกตัวอย่างวัตถุ เยอ่ื ทุกครงั้ ก่อนนำวตั ถุแตล่ ะคทู่ ถ่ี แู ล้ว
ดังกล่าว (วัตถุทั้ง 2 ชิ้น จะเคลื่อนที่ออกห่างจากกันหรือผลักกัน มาใกล้กนั หลังจากทดสอบแลว้ ให้ไป
เช่น ลูกโปง่ กับลูกโป่ง ปากกาเมจกิ กับปากกาเมจกิ ) เข้าใกลว้ ัตถุอีกชิน้ ทนั ที
8.2 นักเรียนคิดว่ามีแรงกระทำต่อวัตถุทั้งสองหรือไม่ รู้ได้อย่างไร
(มแี รงกระทำตอ่ วตั ถุ รู้ไดจ้ ากวัตถุทีอ่ ย่นู ิ่งเปล่ยี นเปน็ เคล่ือนที่)
8.3 แรงที่กระทำต่อวัตถุดังกล่าวเป็นแรงอะไร และแรงนั้นเกิดขึ้นได้
อย่างไร (เป็นแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจากการถูกันของวัตถุกับกระดาษ
เย่อื )
8.4 เมื่อนำวัตถุชนิดเดียวกัน 2 ชิ้นที่ถูด้วยกระดาษเยื่อ แล้วนำมา
เขา้ ใกลก้ นั แรงไฟฟ้าทก่ี ระทำตอ่ วัตถุเป็นแรงแบบใด (แรงผลัก)

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้า 332

8.5 เมื่อถูวัตถุต่างชนิดกัน 2 ชิ้น ด้วยกระดาษเยื่อ แล้วนำมาเข้า ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ใกล้กัน วัตถุจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ให้ยกตัวอย่างวัตถุ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ทนี่ ักเรยี นจะได้ฝึก
ดังกล่าว (วัตถุบางคู่จะเคลื่อนที่เข้าหากัน หรือดึงดูดกัน เช่น แท่ง จากการทำกิจกรรม
แก้วคนกับท่อพีวีซี แต่วัตถุบางคู่จะเคลื่อนทีอ่ อกจากกนั หรือผลัก
กนั เช่น ลูกโปง่ กบั ปากกาเมจิก) S1 การสังเกตการเปล่ยี นแปลงของวัตถุ
แต่ละคู่ทีถ่ ดู ้วยกระดาษเยือ่ แลว้ นำมา
8.6 เพราะเหตุใดเมื่อถูวัตถุชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกัน 2 ชิ้น ด้วย เขา้ ใกล้กนั
กระดาษเยอื่ แลว้ นำมาเข้าใกลก้ ัน จึงเกิดแรงดึงดดู หรือแรงผลักได้
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น มีแรงกระทำ S8 การลงความเหน็ จากข้อมูลเก่ียวกับ
ระหว่างกนั ) ผลของแรงไฟฟ้าท่ีมีต่อการ
เปลยี่ นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุ
9. นักเรียนอ่าน ทำอย่างไร ข้อที่ 5 โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่ ชนดิ เดียวกนั หรอื ต่างชนดิ กนั เมอื่ ถู
เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ ดว้ ยกระดาษเยอ่ื แลว้ นำมาเข้าใกล้กัน
เขา้ ใจเกี่ยวกับลำดับขัน้ ตอนการทำกิจกรรม โดยอาจใช้คำถามดังน้ี
9.1 นักเรียนต้องอ่านใบความรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (เกี่ยวกับการเกิด C4 การนำเสนอข้อมลู จากการสงั เกต
แรงไฟฟ้าและผลของแรงไฟฟ้า) และอภปิ รายผลของแรงไฟฟา้
9.2 เมื่ออ่านใบความรู้แล้ว นักเรียนต้องทำสิ่งใด (อภิปรายเกี่ยวกบั การ ระหว่างวตั ถุทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ประจุ
เกิดแรงไฟฟา้ และผลของแรงไฟฟ้าท่ีเกิดขึ้นระหว่างวัตถุที่นำมาทำ ไฟฟา้
กิจกรรม)
C5 การทำงานรว่ มกับผอู้ ืน่ ในการสงั เกต
10. นักเรียนอ่านใบความรู้ เรื่องแรงไฟฟ้าระหว่างประจุไฟฟ้า จากนั้นครู การนำเสนอ และการแสดง
ตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใชค้ ำถามดังนี้ ความคิดเหน็ เก่ียวกับผลของแรงไฟฟา้
10.1 ประจุไฟฟ้ามีกี่แบบ อะไรบ้าง (ประจุไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ ประจุ
ไฟฟ้าบวก และประจไุ ฟฟา้ ลบ) หากนักเรียนไม่สามารถตอบ
10.2 วัตถุที่อยู่ในสภาพปกติจะมีจำนวนประจุไฟฟ้าบวกและลบเป็น คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
อย่างไร (จำนวนประจุไฟฟ้าบวกและประจุไฟฟ้าลบจะเท่ากัน คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
หรอื เปน็ กลางทางไฟฟ้า) อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
10.3 ทำอย่างไรจึงจะทำให้วัตถุมีจำนวนประจุไฟฟ้าบวกและประจุ และรับฟังแนวความคิดของ
ไฟฟ้าลบไม่เท่ากัน เพราะเหตุใด (ทำได้โดยขัดถู หรือเสียดสีกับ นักเรียน
วัตถุอื่น เพราะจะทำให้เกิดการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าระหว่างวัตถุ
ท่ถี ูกัน)

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

333 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟ้า

10.4 ในการถ่ายโอนประจุไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าใดเคลื่อนที่ได้ (ประจุ ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม
ไฟฟา้ ลบเคลอ่ื นที่ได)้
ถา้ นกั เรยี นได้ผลการสังเกตว่าเมื่อถู
10.5 วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าบวกมากกว่าประจุไฟฟ้าลบ จะถือว่าวัตถุน้ัน วตั ถุ 2 ชิ้นที่เป็นชนิดเดยี วกัน แลว้ นำมาเข้า
มีประจุไฟฟา้ รวมเปน็ อะไร (เป็นวตั ถทุ ี่มีประจุไฟฟา้ รวมเปน็ บวก) ใกล้กันพบว่าวัตถุทั้งสองชิน้ น้ันดงึ ดดู กัน
โดยอาจเกดิ จากวัตถุช้ินใดชิ้นหนึง่ ไมเ่ กดิ
10.6 วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าบวกน้อยกว่าประจุไฟฟ้าลบ จะถือว่าวัตถุนั้น แรงไฟฟา้ ทำใหก้ ารสงั เกตท่ีไดค้ ลาดเคล่อื น
มปี ระจุไฟฟ้ารวมเป็นอะไร (เปน็ วัตถทุ ี่มีประจไุ ฟฟ้ารวมเปน็ ลบ) จากทค่ี วรจะเปน็ ครูอาจแนะนำใหน้ ักเรียน
ทำกจิ กรรมใหม่อกี คร้งั โดยตอ้ งทดสอบวา่ เกดิ
10.7 ถ้าถูผ้าขนหนูกับแก้วพลาสติก แล้วประจุไฟฟ้าลบถ่ายโอนจาก แรงไฟฟ้ากับวตั ถทุ ั้งสองชิ้นแล้วจึงนำมาเขา้
ผา้ ขนหนูไปยังแกว้ พลาสติก วัตถุแต่ละอย่างจะมปี ระจุไฟฟ้ารวม ใกล้กนั
เป็นอย่างไร เพราะเหตุใด (ผ้าขนหนูจะมีประจุไฟฟ้ารวมเป็น
บวก เพราะผ้าขนหนูถ่ายโอนประจุไฟฟ้าลบให้แก่แก้วพลาสติก
ส่วนแก้วพลาสติกมีประจุไฟฟ้ารวมเป็นลบ เพราะได้รับประจุ
ไฟฟา้ ลบจากผ้าขนหนู)

10.8 ประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันเมื่อเข้าใกล้กันจะเกิดอะไรขึ้น (เกิดการ
ผลกั กัน)

10.9 ประจไุ ฟฟา้ ตา่ งชนิดเมื่อเขา้ ใกล้กันจะเกดิ อะไรข้นึ (เกิดการดงึ ดูด
กัน)

10.10 เมื่อถูไม้บรรทัดพลาสติกด้วยผ้า แล้วนำมาเข้าใกล้เศษกระดาษ
แล้วเศษกระดาษจะถูกดึงดูดติดกับไม้บรรทัดได้ เพราะเหตุใด
(เมื่อถูไม้บรรทัดพลาสติก จะทำให้เกิดการถ่ายโอนประจุไฟฟ้า
ทำให้ไม้บรรทัดพลาสติกมีประจุไฟฟ้ารวมเป็นบวกหรือลบ เมื่อ
นำมาเข้าใกล้เศษกระดาษซึ่งเป็นกลางทางไฟฟ้า จะดึงดูดประจุ
ไฟฟ้าชนิดตรงกันข้ามในเศษกระดาษให้มาอยู่ใกล้ และผลัก
ประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันในเศษกระดาษให้อยู่ไกล จึงทำให้
เศษกระดาษถกู ดึงดูดไปตดิ กบั ไม้บรรทัดพลาสติกได้)

10.11 เพราะเหตใุ ดเมือ่ ถวู ตั ถชุ นดิ เดยี วกนั 2 ชิ้น ดว้ ยกระดาษเยือ่ แล้ว
นำวตั ถทุ ั้งสองช้ินนั้นมาเขา้ ใกล้กัน วัตถุทงั้ สองจึงผลักกัน (เพราะ
เมื่อถูวัตถุชนิดเดียวกัน 2 ชิ้น ด้วยกระดาษเยื่อ จะเกิดการถ่าย
โอนประจไุ ฟฟ้าระหว่างวัตถุนนั้ กบั กระดาษเย่ือ เนอื่ งจากวัตถุท้ัง
สองเป็นวัตถุชนิดเดียวกัน จึงมีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนำ
วตั ถดุ า้ นท่ถี ูด้วยกระดาษเยื่อเข้าใกล้กัน ประจไุ ฟฟ้าที่อยู่บนวัตถุ
ทั้งสองเป็นประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน จึงทำให้วัตถุทั้งสองผลักซึ่ง
กันและกนั )

⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟา้ 334

10.12 เพราะเหตุใดเมื่อถูวัตถุต่างชนิดกัน 2 ชิ้น ด้วยกระดาษเยื่อ แล้ว ถาดอะลูมเิ นียม ท่อพีวซี ยี าวประมาณ 5 เซนตเิ มตร
นำวัตถุทั้งสองมาเข้าใกล้กัน วัตถุทั้งสองจึงอาจจะดึงดูดกัน หรือ
ผลกั กันก็ได้ (เพราะเมื่อถูวตั ถุต่างชนดิ กนั 2 ช้ินดว้ ยกระดาษเยื่อ รูป ก ติดทอ่ พีวีซีไวก้ ลางถาดด้วยเทปกาวสองหนา้
จะเกิดการถ่ายโอนประจุไฟฟ้าระหว่างวัตถุกับกระดาษเยื่อ แต่ ใชท้ ่อพีวีซีเป็นดา้ มสำหรับจับ
เนื่องจากวัตถุทั้งสองนั้นเป็นวัตถุต่างชนิดกัน ดังน้ันวัตถุทั้งสอง
อาจมีประจุไฟฟ้ารวมชนิดตรงกนั ข้ามหรือมีประจุไฟฟ้ารวมชนดิ แผ่นพลาสติก
เดียวกันก็ได้ ในกรณีที่มีประจุไฟฟ้าชนิดตรงกันข้าม เมื่อนำวัตถุ
ทั้งสองเข้าใกล้กัน ก็จะเกิดการดึงดูดซ่ึงกันและกัน แต่ถ้าวัตถุท้ัง
สองมีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนำวัตถุทั้งสองเข้าใกล้กัน ก็
จะผลักซงึ่ กนั และกนั )

11.ครสู าธิตใหน้ ักเรียนเห็นว่าการถูวัตถุบางชนดิ ทำให้เกิดแรงไฟฟา้ นน้ั

เกี่ยวกับประจุไฟฟ้า ซึง่ สามารถทดสอบได้โดย

11.1 เตรียมแผ่นพลาสติกใสโดยแช่แผ่นพลาสติกในน้ำไว้ประมาณ
10 นาที จากนั้นผึ่งให้แห้งในห้องโดยไม่ให้ถูกลม เพื่อให้
แผน่ พลาสติกใสไม่มีประจไุ ฟฟา้ ที่อาจทำใหเ้ กิดแรงไฟฟ้าได้

11.2 เตรยี มถาดอะลูมิเนยี มโดยใช้ท่อพีวซี ีตดิ เทปกาวสองหน้า แล้ว
นำไปติดท่ีบรเิ วณกึง่ กลางของถาดอะลมู เิ นียม ดงั รปู ก

11.3 ปิดไฟหรือหน้าต่างเพ่อื ทำใหห้ ้องมืด
11.4 ใช้มือจับท่อพีวีซีแล้วแตะถาดอะลูมิเนียมลงบนแผ่นพลาสติก

ใส ดังรูป ข แล้วยกถาดขึ้น จากนั้นใช้มือจับขาข้างหนึ่งของ
หลอดนีออน แล้วนำขาหลอดอีกข้างหนึ่งมาแตะที่ถาด
อะลูมิเนียม สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลอดนีออน ดังรูป ค จะ
พบวา่ หลอดนีออนไมส่ ว่าง
11.5 ทำกิจกรรมอีกครั้ง โดยใช้ผ้าหรือกระดาษเยื่อถูกับแผ่น
พลาสติกใส เพื่อให้เกดิ การถา่ ยโอนประจไุ ฟฟ้า
11.6 จับท่อพีวีซีแล้วแตะถาดอะลูมิเนียมลงบนแผ่นพลาสติกใสที่ถู
ดว้ ยผา้ หรอื กระดาษเยือ่ แลว้
11.7 ยกถาดขึ้น แล้วนำขาอีกข้างหนึ่งของหลอดนีออนมาแตะท่ี
ถาดอะลูมิเนียม โดยไม่ให้มือสัมผัสบริเวณถาด สังเกตสิ่งที่เกดิ
ขึ้นกับหลอดนีออน จะพบว่าหลอดนีออนจะสว่างวาบแล้วดับ
อย่างรวดเร็ว

รปู ข แตะถาดอะลูมเิ นียมลงบนแผ่นพลาสติกทย่ี งั ไม่ถู
และถดู ้วยผา้ หรือกระดาษเย่ือ

สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

335 คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้า

12. จากนั้นครนู ำอภิปรายโดยอาจใชค้ ำถามดงั นี้

12.1 เมื่อนำหลอดนีออนแตะที่ถาดอะลูมิเนียมที่วางบนแผ่น

พลาสติกใสที่ไม่ได้ถูกับกระดาษเยื่อและถูกับกระดาษเย่ือ

หลอดนีออนมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร

(หลอดนีออนมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน โดยเมื่อแตะ

หลอดนีออนกับถาดอะลูมิเนียมที่แตะลงบนแผ่นพลาสติก

ใสทยี่ ังไม่ได้ถูด้วยกระดาษเย่ือ หลอดนอี อนไมส่ ว่าง แต่เม่ือ

แตะหลอดนีออนกับถาดอะลูมิเนียมที่แตะลงบนแผ่น รูป ค จบั ขาข้างหนึง่ ของหลอดนีออน แล้วนำขาอกี ขา้ งหน่งึ

พลาสตกิ ใสที่ถดู ว้ ยกระดาษเย่อื แล้ว หลอดนอี อนสว่าง) ของหลอดนีออนแตะทีข่ อบถาดอะลูมเิ นยี ม

12.2 การสว่างวาบของหลอดนีออนเกี่ยวข้องกบั แรงไฟฟ้าหรือไม่

อย่างไร (เกี่ยวข้อง การที่หลอดนีออนสว่างได้ แสดงว่ามี

ไฟฟ้าเกิดขึ้นเนื่องจากการขัดถูของวัตถุ และพลังงานไฟฟ้า
เปลี่ยนเป็นพลังงานแสง จึงสังเกตเห็นหลอดนีออนสว่าง
วาบได้)

ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเมื่อถูแผ่นพลาสติกด้วยกระดาษเยื่อจะเกิด ถ้าครูพบว่านักเรียนยังมี
การถ่ายโอนประจุไฟฟ้า ทำให้บนแผน่ พลาสติกไม่เปน็ กลางทางไฟฟ้า แนวคดิ คลาดเคลือ่ นเกีย่ วกับผล
เมื่อนำถาดอะลูมิเนียมไปสัมผัสจะทำให้ประจุไฟฟ้าบนแผ่นพลาสติก ของแรงไฟฟ้า ให้ร่วมกัน
ใสถ่ายโอนมายังถาดอะลูมิเนียมฟอยล์ได้ เมื่อนำขาของหลอดนีออน อภิปรายจนนักเรียนมีแนวคิดท่ี
ไปสัมผัส ประจุไฟฟ้าลบจะเคลื่อนที่ผ่านขาของหลอดนีออน ทำให้ ถูกตอ้ ง
หลอดนีออนสวา่ งได้
12. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามในส่ิงที่อยากรเู้ พ่ิมเติมเกี่ยวกับผลของ
แรงไฟฟ้า จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าแรงไฟฟ้ามี

2 แบบ คือแรงผลักและแรงดึงดูด โดยเมื่อถูวัตถุชนิดเดียวกันด้วย

กระดาษเยื่อ จะทำให้วัตถุนั้นมีประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนำวัตถุ

ทั้งสองมาเข้ากันใกล้ จึงทำให้เกิดแรงผลักกัน แต่เมื่อถูวัตถุต่างชนิด

กันด้วยกระดาษเยื่อ อาจจะทำให้วัตถุนั้นมีประจุไฟฟ้าชนิดตรงกัน

ข้าม หรือประจุไฟฟ้าชนิดเดียวกันก็ได้ เมื่อนำวัตถุทั้งสองมาเข้าใกล้
กนั จึงอาจทำให้เกดิ แรงดึงดูดหรอื แรงผลัก (S13)
13. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช

คำถามเพ่ิมเติมเพือ่ ให้ไดแ้ นวคำตอบที่ถูกตอ้ ง

14. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอ่าน

สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทยี บกบั ขอ้ สรุปของตนเอง

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้ 336
15. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้

เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า ครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นำเสนอคำถาม
ของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคำถามที่
เพ่ือนนำเสนอ
16. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในขั้นตอนใด
17. นักเรียนอ่านเกร็ดน่ารู้ในหนังสือเรียนหน้า 151 จากนั้นอภิปราย
เก่ยี วกับการนำความรเู้ รอ่ื งการเกิดแรงไฟฟา้ ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั
18. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หน้า 160 ครูนำ
อภปิ รายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเกยี่ วกบั ส่งิ ท่ีได้เรียนร้ใู นเรื่องน้ี จากนั้นครู
กระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามในช่วงท้ายของเนื้อเรื่องว่า รู้หรือไม่ว่า
ถ้าเราทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านตัวนำไฟฟ้า เราจะสามารถ
นำไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและ
ตอบคำถาม ซึ่งครูควรเน้นให้นักเรียนตอบคำถาม พร้อมอธิบาย
เหตุผลประกอบและชักชวนให้นักเรียนไปหาคำตอบร่วมกันจากการ
เรยี นเรื่องตอ่ ไป

สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

337 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้า

ความรู้เพม่ิ เตมิ สำหรบั ครู

อปุ กรณ์ทีค่ รใู ช้สาธิตเพ่ือให้นักเรยี นเหน็ ว่าแรงไฟฟ้าเกี่ยวข้องกบั ประจุไฟฟา้ มชี ื่อเรยี กวา่
อิเล็กโทรเฟอรัส (Electrophorous) โดยเมือ่ ถวู ตั ถบุ างชนิดจะทำใหเ้ กดิ ประจุไฟฟา้ ซงึ่ เกิดจากการ
ถา่ ยโอนประจุไฟฟ้าระหวา่ งวตั ถุท่ีถูกัน เชน่ ถูแผ่นพลาสติกใสด้วยกระดาษเยื่อ จะทำให้แผน่
พลาสตกิ ใสมปี ระจุไฟฟ้า เมื่อนำถาดอะลูมิเนยี มซ่งึ เป็นตวั นำไฟฟา้ มาสัมผสั กับแผ่นพลาสตกิ ใสจะเกดิ
การถ่ายโอนประจุไฟฟา้ ระหว่างถาดอะลูมเิ นยี มและแผ่นพลาสตกิ ใส ทำใหถ้ าดอะลมู ิเนียมมีประจุ
ไฟฟ้า และเม่อื นำขาของหลอดนอี อนแตะท่ีขอบของถาด จะเกดิ การถา่ ยโอนประจุไฟฟ้าระหวา่ งถาด
หลอดนีออนและมอื ท่จี ับขาหลอดนีออนลงพืน้ โลก ขณะท่ปี ระจไุ ฟฟ้าเคลอ่ื นทผ่ี ่านหลอดนอี อน กจ็ ะ
ทำให้หลอดนีออนสวา่ งได้

ในกรณีที่นำขาหลอดนีออนไปแตะกับแผ่นพลาสติกใสทีถ่ ูด้วยกระดาษเยือ่ จะพบว่า
หลอดนีออนไม่สว่าง เพราะประจุไฟฟ้าท่เี กดิ จากการถูท่ีอยู่บนแผ่นพลาสตกิ ใสนัน้ จะไมส่ ามารถ
เคลือ่ นท่บี นแผ่นพลาสตกิ ใสท่ีเปน็ ฉนวนไฟฟา้ ได้ ทำให้เม่อื นำขาหลอดนีออนไปแตะจะไม่มีประจุ
ไฟฟา้ มากพอทจ่ี ะเคล่ือนท่ีมายงั ขาของหลอดนีออน จนทำให้หลอดนอี อนสว่างได้ แต่การใช้ถาด
อะลูมิเนียมซึ่งเปน็ ตัวนำไฟฟา้ แตะลงบนแผ่นพลาสตกิ ใสท่ถี ูแลว้ จะทำใหแ้ ผน่ พลาสติกถ่ายโอนประจุ
ไฟฟา้ มายังถาด และถาดทำหนา้ ท่ีเป็นตวั นำไฟฟา้ ทำใหป้ ระจุไฟฟ้าเคล่ือนท่ีไปยังหลอดนีออนได้ง่าย
หลอดนอี อนจึงสว่างได้

ถาดอะลูมเิ นยี มทำหน้าทเี่ ปน็ ตัวนำไฟฟา้ ทำให้เกิดประจไุ ฟฟา้ ลบเคล่อื นทไ่ี ปยังหลอดนีออนได้งา่ ย

⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 338

แนวคำตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

สังเกตและอธบิ ายผลของแรงไฟฟา้

ผลกั กัน
ผลกั กนั
ผลักกัน
ผลกั กนั

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

339 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้า

2. ลกู โป่ง – ท่อพีวซี ี ดงึ ดดู กัน
3. แท่งแกว้ คน – ปากกาเมจิก ผลกั กนั
ผลกั กนั

หมายเหตุ: ผลการสังเกตอาจแตกตา่ งจากแนวคำตอบข้นึ อย่กู ับชนิดของวสั ดุทีน่ ำมาใช้ทำวัตถนุ ั้น

เกดิ จากการถ่ายโอนประจไุ ฟฟา้ ระหวา่ งวัตถุทถ่ี ูหรอื เสียดสีกัน ทำใหว้ ตั ถุ
ท้งั สองมีสภาพไมเ่ ปน็ กลางทางไฟฟา้ หรือมีประจุไฟฟ้ารวมเป็นบวกหรือลบ
ดังนั้นจึงเกดิ แรงไฟฟา้ ระหว่างวัตถุท่ีมีประจไุ ฟฟ้า

เมื่อถูวตั ถุชนดิ เดยี วกัน 2 ชิ้น ดว้ ยกระดาษเยอ่ื จะเกดิ การถ่ายโอนประจไุ ฟฟา้ ระหว่างวัตถุ
นน้ั กับกระดาษเยื่อ และเน่ืองจากวตั ถทุ ้งั สองชิน้ นน้ั เปน็ วัตถชุ นิดเดยี วกัน จึงมีประจุไฟฟ้า
ชนดิ เดียวกันบนวตั ถุท้ังสอง เม่อื นำวัตถุทั้งสองมาเข้าใกล้กัน จะทำใหเ้ กดิ แรงผลกั ระหว่าง
วัตถุ

เม่ือถูวัตถุตา่ งชนิดกัน 2 ช้ิน ดว้ ยกระดาษเยื่อจะเกิดการถ่ายโอนประจไุ ฟฟา้ ระหว่าง
วตั ถุนนั้ กับกระดาษเยื่อ ทำให้วัตถตุ ่างชนดิ กันทง้ั สองชนิ้ น้นั มปี ระจุไฟฟ้าชนดิ
เดยี วกัน หรือตา่ งชนดิ กนั ก็ได้ ถา้ วตั ถุทั้งสองมีประจุไฟฟ้าชนดิ เดียวกนั เม่ือนำมาเข้า
ใกล้กนั จะผลกั กนั แต่ถา้ มีประจุไฟฟ้าต่างชนิดกนั เมื่อนำมาเข้าใกล้กันจะดงึ ดูดกัน

⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 340

ผลทเ่ี กิดขนึ้ เหมอื นกนั โดยวตั ถทุ ุกคู่จะผลกั กนั เพราะวัตถทุ ้งั สองมี
ประจุไฟฟ้ารวมชนิดเดียวกัน

ผลท่เี กิดขึน้ อาจเหมือนหรอื แตกต่างกนั โดยวตั ถบุ างคู่ เชน่ ทอ่ พีวซี ีกบั
แท่งแก้วคนจะดงึ ดดู กนั เพราะวตั ถุท้ังสองมีประจไุ ฟฟ้าต่างชนิดกนั แต่
วัตถบุ างคู่ เช่น ลกู โป่งกับปากกาเมจิกจะผลกั กนั เพราะวัตถทุ ้งั สองมี
ประจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดียวกัน

เมอื่ ถูวตั ถุชนดิ เดียวกนั ดว้ ยกระดาษเยอ่ื แลว้ นำมาเข้าใกลก้ นั เชน่ ลกู โป่งกับลกู โป่ง หรือท่อพีวีซกี บั ทอ่ พีวีซี
วัตถทุ งั้ สองจะผลักกนั เสมอ เพราะวัตถุท้งั สองมปี ระจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดียวกัน แต่เมือ่ ถูวัตถุตา่ งชนดิ กนั ดว้ ย
กระดาษเยอื่ แลว้ นำมาเข้าใกล้กนั เช่น ลูกโปง่ และท่อพวี ซี ี วัตถุทัง้ สองจะผลกั กัน เพราะวตั ถทุ งั้ สองมีประจุ
ไฟฟา้ ชนิดเดยี วกัน แต่แท่งแกว้ คนกบั ทอ่ พีวีซีจะดงึ ดูดกนั เพราะวตั ถุทั้งสองมปี ระจุไฟฟ้าต่างชนดิ กัน

แรงไฟฟา้ มที ง้ั แรงดึงดูด และแรงผลกั โดยถ้าประจุไฟฟ้าต่างชนิดกัน
เขา้ ใกลก้ นั จะเกดิ แรงดงึ ดดู แตถ่ ้าประจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดียวกันเขา้ กนั ใกล้
จะเกิดแรงผลกั

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

341 คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้

คำถามของนกั เรียนที่ตั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง








⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้ 342

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมินการเรยี นรขู้ องนกั เรียนทำได้ ดงั นี้
1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภิปรายในชน้ั เรยี น
2. ประเมินการเรียนรูจ้ ากคำตอบของนักเรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรู้และจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกจิ กรรมของนักเรียน

การประเมินจากการทำกจิ กรรมท่ี 1.2 ผลของแรงไฟฟ้าเป็นอย่างไร

รหัส สงิ่ ท่ปี ระเมิน คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเห็นจากข้อมลู
S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป
ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C2 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
C4 การสื่อสาร
C5 ความร่วมมอื

รวมคะแนน

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

343 คูม่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้

ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ทักษะ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ

กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1)

วทิ ยาศาสตร์

S1 การสังเกต การสงั เกตและบรรยาย สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ประสาทใน

รายละเอียดเกี่ยวกบั ผล สัมผสั ในการสังเกตและ สัมผสั ในการสังเกต การสงั เกตและบรรยาย

ของแรงไฟฟา้ ทเ่ี กิดขึ้น บรรยายรายละเอยี ด และบรรยาย รายละเอยี ดเก่ียวกบั ผล

กับวตั ถแุ ตล่ ะคู่ เมื่อถู เกยี่ วกับผลของแรงไฟฟ้า รายละเอียดเก่ยี วกับ ของแรงไฟฟ้าทเี่ กิด

วัตถนุ ้นั ดว้ ยกระดาษเยอื่ ทเี่ กิดขึ้นกบั วตั ถแุ ต่ละคู่ ผลของแรงไฟฟา้ ที่ ขน้ึ กับวัตถแุ ต่ละคู่ เมอ่ื

แลว้ นำมาเข้าใกลก้ ัน เม่อื ถวู ัตถนุ น้ั ด้วย เกดิ ขึ้นกับวัตถแุ ต่ละคู่ ถวู ัตถนุ นั้ ด้วยกระดาษ

กระดาษเย่ือ แล้วนำมา เม่อื ถวู ัตถนุ นั้ ดว้ ย เย่ือ แลว้ นำมาเข้าใกล้

เข้าใกล้กนั ไดถ้ ูกต้อง กระดาษเยือ่ แล้ว กนั ได้ถูกต้องเพียง

ด้วยตนเอง นำมาเข้าใกล้กัน ได้ บางส่วน แม้ว่าจะได้

ถูกต้องจากการชีแ้ นะ รับคำชี้แนะจากครหู รือ

ของครหู รอื ผ้อู ่ืน ผอู้ ่นื

S8 การลง การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเหน็

ความเหน็ จาก ขอ้ มลู ได้ว่าเม่ือถูวัตถุบาง ข้อมูลไดถ้ ูกตอ้ งดว้ ย จากข้อมลู ได้ถกู ต้อง จากข้อมลู ได้ถูกต้อง

ข้อมูล ชนดิ แลว้ นำมาเขา้ ใกล้ ตนเองวา่ เม่ือถวู ตั ถุบาง จากการชแ้ี นะของครู เพยี งบางส่วน แมว้ ่าจะ

วัตถชุ นิดเดียวกันหรอื ชนดิ แล้วนำมาเขา้ ใกล้ หรือผู้อื่นว่าเม่ือถวู ัตถุ ได้รับคำชแ้ี นะจากครู

ตา่ งชนดิ กนั จะทำให้ วัตถุชนิดเดยี วกันหรือ บางชนดิ แลว้ นำมา หรอื ผู้อื่นวา่ เมื่อถวู ัตถุ

วัตถุน้ันเปล่ยี นแปลงการ ตา่ งชนิดกนั จะทำให้ เข้าใกล้วัตถุชนดิ บางชนดิ แล้วนำมาเขา้

เคลอ่ื นที่ได้ เพราะเกดิ วตั ถุนน้ั เปลย่ี นแปลงการ เดียวกนั หรือตา่ งชนิด ใกล้วตั ถุชนิดเดยี วกนั

จากแรงไฟฟ้า เคล่ือนที่ได้ เพราะเกดิ กนั จะทำให้วัตถนุ ้นั หรือตา่ งชนิดกัน จะทำ

จากแรงไฟฟ้า เปล่ียนแปลงการ ให้วัตถนุ ้ันเปลย่ี นแปลง

เคล่อื นท่ีได้ เพราะ การเคลือ่ นทไี่ ด้ เพราะ

เกดิ จากแรงไฟฟ้า เกดิ จากแรง แตไ่ ม่

สามารถระบุได้วา่ เป็น

แรงไฟฟา้

S13 การตีความ การตคี วามหมายข้อมลู ท่ี สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย

หมายข้อมลู และ ไดจ้ ากการสังเกต และ ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกต ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการ ขอ้ มลู ท่ีได้จากการ

ลงข้อสรุป จากใบความรู้แลว้ นำมา และจากใบความรแู้ ล้ว สังเกต และจากใบ สังเกต และจากใบ

⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟ้า 344

ทักษะ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน

กระบวนการทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)

วทิ ยาศาสตร์

ลงข้อสรปุ ได้ว่าแรงไฟฟ้า นำมาลงข้อสรปุ ได้ ความรู้แลว้ นำมาลง ความรูแ้ ล้วนำมาลง

มี 2 แบบ คือแรงผลกั ถูกต้องด้วยตนเองวา่ แรง ข้อสรปุ ได้ถูกต้องจาก ข้อสรปุ ได้ถกู ต้องเพยี ง

และแรงดึงดดู โดยแรงที่ ไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ การชแ้ี นะไดจ้ ากครู บางส่วน แมจ้ ะไดร้ ับ

เกิดข้นึ ระหว่างวัตถุชนิด แรงผลกั และแรงดงึ ดดู หรอื ผอู้ ่ืนวา่ แรงไฟฟา้ การชแ้ี นะไดจ้ ากครู

เดียวกัน 2 ชิน้ ที่มปี ระจุ โดยแรงท่เี กิดขน้ึ ระหวา่ ง มี 2 แบบ คือแรง หรือผู้อ่นื ว่าแรงไฟฟา้ มี

ไฟฟ้าชนดิ เดยี วกนั เมื่อ วัตถุชนิดเดยี วกัน 2 ชิ้น ผลกั และแรงดึงดดู 2 แบบ คอื แรงผลักและ

นำมาเข้าใกล้กนั จะเกิด ทมี่ ีประจุไฟฟ้าชนดิ โดยแรงท่เี กิดขึ้น แรงดงึ ดดู แต่อธบิ าย

แรงผลัก ส่วนแรงท่ี เดยี วกันเมอ่ื นำมาเข้า ระหวา่ งวัตถชุ นิด เหตุผลของการเกดิ แรง

เกดิ ข้ึนระหว่างวตั ถุตา่ ง ใกล้กัน จะเกดิ แรงผลัก เดยี วกนั 2 ชิ้นที่มี ดึงดูดและแรงผลัก

ชนิดเม่ือนำมาเข้าใกล้กนั ส่วนแรงทเ่ี กดิ ขนึ้ ระหว่าง ประจุไฟฟา้ ชนิด ระหวา่ งวัตถุได้ไม่

อาจเกิดแรงผลักเมื่อวตั ถุ วตั ถตุ า่ งชนดิ เมือ่ นำมา เดียวกันเมอื่ นำมาเข้า ชดั เจน

คนู่ น้ั มปี ระจุไฟฟา้ ชนิด เขา้ ใกล้กนั อาจเกิดแรง ใกลก้ นั จะเกดิ แรง

เดยี วกนั หรอื อาจเกดิ ผลกั เมอ่ื วตั ถุคู่น้นั มีประจุ ผลัก ส่วนแรงที่

แรงดงึ ดดู เม่ือวัตถุคนู่ ัน้ มี ไฟฟา้ ชนดิ เดียวกนั หรอื เกดิ ขนึ้ ระหว่างวัตถุ

ประจุไฟฟ้ารวมต่างชนิด อาจเกดิ แรงดึงดูดเมอ่ื ต่างชนิดเม่ือนำมา

กนั วัตถุคนู่ ้ันมีประจไุ ฟฟา้ เขา้ ใกล้กัน อาจเกดิ

รวมตา่ งชนดิ กนั แรงผลักเมอ่ื วัตถคุ ่นู น้ั

มีประจุไฟฟ้าชนดิ

เดียวกัน หรืออาจเกดิ

แรงดึงดดู เมื่อวัตถุคู่

นัน้ มปี ระจไุ ฟฟา้ รวม

ต่างชนดิ กัน

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

345 คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟา้
ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

ทักษะแห่ง รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ศตวรรษท่ี 21 สามารถคดิ โดยใช้เหตผุ ลท่ี พอใช้ (2) สามารถคิดโดยใชเ้ หตผุ ล
C2 การคิด การคดิ โดยใชเ้ หตผุ ลที่ หลากหลายเพ่อื สร้างคำ เพ่อื สรา้ งคำอธิบาย
อย่างมี หลากหลาย เพ่ือสร้าง อธิบายเกยี่ วกบั ผลของแรง สามารถคดิ โดยใช้เหตผุ ล เกีย่ วกับผลของแรง
วจิ ารณญาณ คำอธบิ ายเก่ยี วกับผล ไฟฟ้าทเ่ี กดิ ข้นึ จากประจุ ท่ีหลากหลายเพื่อสร้างคำ ไฟฟา้ ทเี่ กิดข้ึนจากประจุ
ของแรงไฟฟา้ ท่เี กิดขึน้ ไฟฟ้าบนวตั ถุไดถ้ ูกต้อง อธบิ ายเกย่ี วกับผลของ ไฟฟ้าบนวตั ถุไดบ้ างส่วน
C4 การสอ่ื สาร จากประจุไฟฟ้าบนวัตถุ ด้วยตนเอง แรงไฟฟา้ ทเี่ กดิ ขนึ้ จาก แตย่ งั ขาดความชัดเจน
ประจไุ ฟฟ้าบนวตั ถุได้ แมไ้ ด้รับการช้ีแนะของ
C5 ความ นำเสนอข้อมูลจากการ สามารถนำเสนอข้อมลู จาก ถกู ต้อง จากการชแี้ นะ ครูหรือผ้อู ่ืน
รว่ มมือ สงั เกตและการอภปิ ราย การสงั เกตและการ ของครูหรือผ้อู น่ื สามารถนำเสนอข้อมลู
ผลของแรงไฟฟา้ อภปิ รายผลของแรงไฟฟ้า จากการสงั เกตและการ
ระหวา่ งวตั ถทุ ่เี กีย่ วขอ้ ง ระหว่างวตั ถทุ ่ีเก่ียวขอ้ งกับ สามารถนำเสนอข้อมูล อภปิ รายผลของแรง
กบั ประจุไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าให้ผ้อู ่ืนเข้าใจได้ จากการสังเกตและการ ไฟฟ้าระหวา่ งวัตถุที่
ถูกต้องด้วยตนเอง อภปิ รายผลของแรงไฟฟ้า เกี่ยวขอ้ งกบั ประจุไฟฟา้
ทำงานร่วมกบั ผู้อื่นใน ระหวา่ งวตั ถทุ เ่ี กี่ยวขอ้ ง ใหผ้ ้อู ื่นเขา้ ใจได้เพยี ง
การสงั เกต การนำเสนอ สามารถทำงานรว่ มกับ กบั ประจุไฟฟา้ ให้ผู้อน่ื บางสว่ น แมว้ า่ จะได้
และการแสดงความ ผอู้ นื่ ในการสงั เกต การ เขา้ ใจได้ถกู ต้อง จากการ รับคำชีแ้ นะจากครหู รือ
คดิ เห็นเพ่ืออธิบายผล นำเสนอ และการแสดง ชี้แนะของครูหรือผู้อ่นื ผอู้ ืน่
ของแรงไฟฟา้ รวมท้งั ความคิดเห็นเพ่ืออธบิ ายผล สามารถทำงานร่วมกับ
ยอมรับความคิดเห็น ของแรงไฟฟ้า รวมทงั้ สามารถทำงานรว่ มกบั ผ้อู น่ื ในการสงั เกต การ
ของผู้อื่น ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ผู้อ่นื ในการสังเกต การ นำเสนอ และการแสดง
ของผู้อ่ืน ตลอดเวลาท่ที ำ นำเสนอ และการแสดง ความคิดเหน็ เพ่อื อธิบาย
กิจกรรม ความคดิ เห็นเพื่ออธิบาย ผลของแรงไฟฟา้ รวมท้ัง
ผลของแรงไฟฟ้า รวมทง้ั ยอมรับฟังความคิดเหน็
ยอมรับฟงั ความคดิ เห็น ของผู้อนื่ เปน็ บาง
ของผู้อ่ืน เป็นบาง ช่วงเวลาทที่ ำกจิ กรรม
ช่วงเวลาท่ที ำกจิ กรรม ท้ังน้ตี อ้ งอาศัยการ
กระตุ้นจากครหู รือผู้อ่ืน

⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า 346

กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 1 แรงไฟฟ้า (0.5 ชั่วโมง)

1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทนี้ ในแบบบันทึก
กจิ กรรมหนา้ 120

2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงทีไ่ ดเ้ รยี นรู้ของตนเองโดยเปรียบเทยี บกบั
ภาพสรปุ เน้อื หาประจำบทในหัวขอ้ ร้อู ะไรในบทน้ี ในหนงั สือเรียน หนา้
165

3. นักเรยี นกลบั ไปตรวจสอบคำตอบของตนเองในสำรวจความรูก้ ่อนเรียน
ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 110 อีกครั้ง ถ้าคำตอบของนักเรียน
ไม่ถูกต้องให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านั้น หรือใช้ดินสอสีอื่นแก้ไขให้
ถูกต้อง นอกจากนี้ครูอาจนำคำถามในรูปนำบทในหนังสือเรียน หน้า
144 มารว่ มกันอภปิ รายคำตอบอกี ครงั้ ดังนี้
1. ตอ้ งทำอยา่ งไรกบั ลูกโป่ง ลกู โปง่ จงึ ทำให้กระป๋องกลงิ้ ได้ (ใช้ผ้า
หรอื กระดาษเย่อื ถูกบั ลกู โป่ง แล้วนำลกู โปง่ ไปเข้าใกลก้ ระปอ๋ ง)
2. รู้หรือไม่ว่า แรงไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร (แรงไฟฟ้าเกิดจากการ
ขัดถูกันของวัตถุบางชนิด แล้วนำวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าเข้าใกล้
วตั ถอุ น่ื ทำให้มีแรงกระทำซงึ่ กันและกนั )

4. นักเรียนทำ แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 แรงไฟฟ้า ในแบบบันทึกกิจกรรม
หน้า 121-123 จากนั้นนำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน ถ้าคำตอบยัง
ไม่ถูกต้องครูควรนำอภิปรายหรือให้สถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อแก้ไข
แนวคิดคลาดเคลอื่ นใหถ้ กู ต้อง

5. นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม ร่วมคิด ร่วมทำ โดยร่วมกันระดมความคิด
ว่าถ้าโรงเรียนมีการจัดงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ ให้ร่วมกันออกแบบ
ของเล่นท่ีนำความรเู้ กยี่ วกับการเกดิ แรงไฟฟ้าและผลของแรงไฟฟา้ มาใช้
ในการเลน่

สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

347 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

สรปุ ผลการเรียนรู้ของตนเอง

รูปหรือข้อความสรปุ สิ่งที่ได้เรียนร้จู ากบทน้ตี ามความเขา้ ใจของนักเรยี น

⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลังงานไฟฟา้ 348

แนวคำตอบในแบบฝกึ หดั ท้ายบท


แรงไฟฟ้ามีท้งั แรงดึงดดู และแรงผลัก


เมอื่ ถูวตั ถุบางชนิด เช่น พลาสตกิ ยาง จะดงึ ดดู วตั ถุที่เบาได้






ถา้ นำวตั ถุตา่ งชนดิ กัน 2 ชนิ้ ถูดว้ ยกระดาษเยอื่
แล้วนำมาเขา้ ใกลก้ นั วัตถอุ าจจะดงึ ดูด หรือผลกั กัน
เพราะวตั ถุทั้งสองอาจจะมปี ระจไุ ฟฟ้าต่างชนดิ กนั หรือชนดิ เดียวกันกไ็ ด้

v

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

349 คูม่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟา้

⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.6 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลังงานไฟฟา้ 350

เมื่อถูแผ่นพลาสตกิ ด้วยกระดาษเย่อื จะเกดิ การถ่ายโอนประจุไฟฟา้
ระหวา่ งกระดาษเยื่อและแผ่นพลาสตกิ ทำใหแ้ ผน่ พลาสตกิ มปี ระจไุ ฟฟา้
ชนดิ เดยี วกนั ทั้งสองแผน่ เม่ือนำแผ่นพลาสติกทง้ั สองแผ่นมาเข้าใกล้กนั
แผน่ พลาสตกิ จะผลักกัน เพราะประจุไฟฟ้าบนแผน่ พลาสตกิ เปน็ ประจุ
ชนิดเดยี วกนั จงึ มแี รงผลักระหว่างประจุไฟฟา้

สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

351 คูม่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า

บทท่ี 2 วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย สอื่ การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ประจำบท 1. หนงั สือเรียน ป.6 เล่ม 2 หนา้ 168-202

เมื่อเรียนจบบทน้ี นักเรียนสามารถ 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.6 เลม่ 2 หน้า 124-158
1. ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของส่วนประกอบ
ของวงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย บทนีม้ ีอะไร
2. อธิบายการต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายโดยการเขียนแผนภาพ
วงจรไฟฟา้ เรอ่ื งท่ี 1 วงจรไฟฟ้าใกลต้ ัว
3. อธบิ ายวธิ กี ารและผลการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม กิจกรรมที่ 1 ต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายได้อยา่ งไร
4. อธิบายการนำความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม เรื่องท่ี 2 การต่อเซลลไ์ ฟฟ้า
ไปใชป้ ระโยชน์ กิจกรรมท่ี 2.1 เซลล์ไฟฟา้ ต่อกนั อย่างไร
5. อธิบายวิธีการและผลของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม กิจกรรมที่ 2.2 เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าได้อยา่ งไร
และแบบขนาน เร่อื งที่ 3 การต่ออปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในบ้าน
6. อธิบายการประยุกต์ใช้และข้อจำกัดของการต่อ กจิ กรรมท่ี 3 หลอดไฟฟา้ ต่อกันอย่างไร
หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานในชีวติ ประจำวัน

เวลา 10 ช่วั โมง

แนวคดิ สำคญั

วงจรไฟฟ้าเป็นเส้นทางที่กระแสไฟฟ้าผ่านได้ครบรอบ
วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายมีส่วนประกอบที่มีหน้าที่แตกต่างกัน
เราสามารถเขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าโดยใช้สัญลักษณ์เพื่ออธิบาย
ลกั ษณะการต่อวงจรไฟฟา้

การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมทำให้แหล่งกำเนิดไฟฟ้า
มีพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น สำหรับการต่อหลอดไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า
อย่างง่ายมีทั้งการต่อแบบอนุกรมและแบบขนาน ซึ่งนำไปใช้ต่อ
วงจรไฟฟ้าภายในบา้ นไดแ้ ตกตา่ งกนั

⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า 352

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

รหสั ทักษะ กจิ กรรมท่ี
1 2.1 2.2 3

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

S1 การสงั เกต   

S2 การวดั

S3 การใชจ้ ำนวน

S4 การจำแนกประเภท

S5 การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง

 สเปซกับสเปซ

 สเปซกับเวลา

S6 การจัดกระทำและสื่อความหมายขอ้ มลู  

S7 การพยากรณ์

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S9 การต้ังสมมติฐาน 

S10 การกำหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ตั กิ าร

S11 การกำหนดและควบคุมตวั แปร 

S12 การทดลอง 

S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ   

S14 การสร้างแบบจำลอง

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C1 การสร้างสรรค์

C2 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ   

C3 การแกป้ ัญหา

C4 การสอื่ สาร   

C5 ความร่วมมอื   

C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร   

หมายเหตุ : รหสั ทักษะทีป่ รากฏน้ี ใช้เฉพาะหนงั สอื คู่มือครเู ลม่ นี้

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

353 คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 2 | หน่วยที่ 6 แรงไฟฟา้ และพลงั งานไฟฟ้า

แนวคิดคลาดเคล่ือน

แนวคดิ คลาดเคลื่อนท่ีอาจพบและแนวคดิ ท่ีถูกตอ้ งในบทท่ี 2 การตอ่ วงจรไฟฟา้ อยา่ งง่าย มีดงั ต่อไปนี้

แนวคิดคลาดเคล่อื น แนวคดิ ที่ถกู ต้อง

เมือ่ ปิดสวิตช์ ทำใหว้ งจรไฟฟ้าเปิด จะมีกระแสไฟฟ้า เมื่อวงจรไฟฟ้าเปิด จะไม่มีกระแสไฟฟ้าออกจากแหล่งกำเนิด

ออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า แลว้ มาหยดุ รวมกันทสี่ วติ ช์* ไฟฟ้าเลย

การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายต้องใช้สายไฟฟ้าอย่างน้อย การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายไม่จำเป็นต้องใช้สายไฟฟ้า 2 เส้น

2 เส้น* โดยอาจจะใชส้ ายไฟฟ้าเพียงเสน้ เดียวก็สามารถทำให้ครบวงจร

มีกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ ได้

เมื่อปิดสวิตช์ของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าทำให้วงจรไฟฟ้านั้นเปน็ เมื่อปิดสวิตช์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าทำให้วงจรไฟฟ้านั้นเป็นวงจร

วงจรปดิ เครอื่ งใช้ไฟฟ้าจึงไมท่ ำงาน * เปิด จึงทำใหเ้ ครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าไม่ทำงาน (ความเข้าใจคลาดเคล่ือน

นี้เกิดจากภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันไม่ตรงกับภาษาทาง

วิทยาศาสตร์)

ภายในหลอดไฟฟ้าแบบมีไส้จะมีปลายไส้หลอดไฟฟ้า ภายในหลอดไฟฟ้าแบบมีไส้จะมีปลายไส้หลอดไฟฟ้าด้านหนึ่ง
เชื่อมอยู่ทจ่ี ุดเดียวกัน * เชื่อมกับด้านล่างของหลอดไฟฟ้า และปลายไส้หลอดไฟฟ้าอีก
ดา้ นหนงึ่ เชื่อมกบั บรเิ วณด้านขา้ งของหลอดไฟฟ้า

สายไฟฟ้าสีแดงต้องเชื่อมกับขั้วเสียบด้านสีแดงเท่านั้น สายไฟฟ้าไม่ว่าสีใด ก็สามารถเชื่อมเข้ากับวงจรไฟฟ้าได้ เพราะ

และสายไฟฟ้าสีดำก็ต้องเชื่อมกับขั้วเสียบด้านสีดำ ด้านในของสายไฟฟ้าเป็นตัวนำไฟฟ้า การใช้สีที่สายไฟฟ้า

เท่านัน้ เครื่องใช้ไฟฟ้าจึงจะทำงานได้* เพื่อให้สะดวกในการแสดงการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีขั้วใน

วงจรไฟฟ้า

ถ้าครูพบวา่ มแี นวคดิ คลาดเคลื่อนใดท่ยี งั ไม่ได้แก้ไขจากการทำกิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรจดั การเรียนรเู้ พ่ิมเติมเพอื่
แกไ้ ขตอ่ ไปได้

* ข้อมูลจากการสงั เกตชั้นเรียนจากการทดลองใช้หนงั สือเรียนของ สสวท.

⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version