The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียน (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by famechaniswara, 2023-07-10 06:00:57

วิจัยในชั้นเรียน (1)

วิจัยในชั้นเรียน (1)

1 รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน นายศุภสัณห์ เที่ยงตรง รายงานการวิจัยในชั้นเรียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ วิชาการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 2 รหัสวิชา 300-21015 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) สาขาวิชาดนตรีคีตศิลป์ไทยศึกษา คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561


2 บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ดนตรีมีความสำคัญ ทั้งด้าน พัฒนาร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม พัฒนาความรู้ความคิด ทักษะ และความคิดสร้างสรรค์ ของมนุษย์ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคม และเป็นพลเมืองที่ดี ของสังคมได้และยังเป็นส่วนช่วยให้เกิดความสามัคคีภายในหมู่คณะ องค์กร ประเทศชาติอีกด้วย ดังนั้นความสำคัญของวิชาดนตรีจึงเป็นส่วนช่วยในการพัฒนากระบวนการต่างๆ ในการพัฒนามนุษย์ ในด้านต่างๆ วิชาการทางดนตรีเป็นส่วนช่วยในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของแต่ละภาคเพื่อให้เยาวชนได้ ตระหนักถึงความสำคัญของวัฒนธรรมไทย และเข้าเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง ในการเรียนการสอน วิชาดนตรี ครูจำต้องมีทักษะทางด้านการปฏิบัติ ทักษะทางด้านทฤษฎี และรูปในการสอนเพื่อให้ ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในการเรียนดนตรีมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นการที่จะสร้างทักษะในการเรียนดนตรี ให้เกิดประสิทธิภาพ ผู้เรียนจำต้องมีทักษะอยู่บ้างพอสมควร แต่อาจจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ผลต่อการ เรียนวิชาดนตรี สภาพการเรียนการสอนดนตรีในยุคปัจจุบันเป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนิน ชีวิตของมนุษย์อย่างมาก ประชาชนเกิดความต้องการอย่างมากดังนั้นในการที่สังคมในยุคปัจจุบันเป็น เช่นนี้ ก็อาจจะส่งผลต่อการเรียนวิชาดนตรี เช่น ในการเรียนวิชาดนตรีจะต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อให้เกิด ความชำนาญ แต่อาจจะมีปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบ เช่น การเรียนวิชาอื่นๆ เสริมหลังเลิกเรียน ซึ่ง อาจจะทำให้เด็กไม่มีเวลาในการฝึกซ้อม เป็นต้น อีกทั้งเทคโนโลยีในปัจจุบัน สื่อต่างๆ วัฒนธรรม ต่างชาติที่เข้ามามีบทบาทในสังคมไทย สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลกระทบในการเรียนวิชาดนตรี ด้วยเหตุนี้ ครูที่สอนวิชาดนตรีจะต้องมีทักษะในการสอนที่สามารถก้าวทันไปกับเทคโนโลยี มีความ ทันสมัย มีความคิดแบบบูรณาการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสอนวิชาดนตรี ทักษะในการสอน หรือเทคนิควิธีการในการช่วยสอนเป็นส่วนช่วยให้การเรียนการสอนมี ความก้าวหน้าเกิดประสิทธิภาพ เป็นพฤติกรรมในการสอนของแต่ละผู้สอน เช่นในการเรียนวิชาดนตรี ผู้สอนก็จะต้องมีทักษะทั้งปฏิบัติ ทฤษฎี และสิ่งสำคัญคือ การวางแผนในการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิด ความเข้าใจในสิ่งที่ผู้สอนวางแผนให้กับผู้เรียน ทักษะการสอนวิชาดนตรีมีอยู่หลายวิธี เช่น การสอน เสริมหลังเลิกเรียน การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน การสอนแบบใช้ประสบการณ์จริง เป็นต้น วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยสามารถให้ครูพัฒนาทักษะของ นักเรียนได้ การสอนแบบช่วยเพื่อน เป็นการสอนที่เหมาะสำหรับนักเรียนที่ไม่กล้าแสดงออกต่อหน้า ครูผู้สอนโดยตรง แต่จะเป็นการสอนทางอ้อม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องอาศัยครูแต่ เป็นการให้เพื่อนที่สามารถปฏิบัติได้ทำการช่วยเหลือเพื่อนที่ยังไม่สามารถปฏิบัติได้โดยที่ครูผู้สอนคอย


3 ให้คำแนะนำ และหลังจากที่ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ สามารถพัฒนาทักษะได้ด้วยตนเอง ผู้เรียน ก็ จะต้องทำการฝึกซ้อมเพื่อให้เกิดความชำนาญโดยใช้เวลาว่างๆ ในการฝึกซ้อม เช่น ช่วงพักกลางวัน หรือ หลังเลิกเรียนเป็นต้น วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอน แบบเพื่อนช่วยเพื่อน สมมติฐานการวิจัย นักเรียนสามารถปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้นได้อย่างถูกต้อง โดยคิดเป็น ร้อยละ 80 คำถามในการวิจัย ทำไมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทยถึงไม่สามารถปฏิบัติทักษะฆ้องวงใหญ่ได้ ขอบเขตการวิจัย 1. กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย ที่ไม่สามารถปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้นได้จำนวน 4 คน 2. ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ตัวแปรตาม ทักษะการปฏิบัติฆ้องใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น 3. เครื่องมือที่ใช้ 1 แบบสัมภาษณ์ 2 แบบสังเกตพฤติกรรม 4. ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย 30 พฤศจิกายน 2561 – 1 กุมภาพันธ์ 2562


4 นิยามศัพท์เฉพาะ “ทักษะการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่” หมายถึง องค์ประกอบและลักษณะขงทักษะพื้นฐานการ ปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ ประกอบด้วย ความแม่นยำในทำนองเพลง การแบ่งมือในการปฏิบัติ และความถูก ต้องของจังหวะ “การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน” เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนอย่างหนึ่งที่จัดให้ผู้เรียนได้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ คือ เพื่อนช่วยเพื่อนในลักษณะ เก่งช่วยอ่อน ซึ่งเป็นวิธีการที่ผู้เรียนให้ ความสนใจมาก คนเก่งจะจัดกระบวนการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมความสามารถของ ผู้เรียน โดยเฉพาะวิชาการด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคิด วางแผน ปฏิบัติ และ ประเมินผล ให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เรียนรู้ได้พิจารณา และค้นพบความรู้ความสามารถของตนเองให้ ผู้เรียนมองเห็นภาพลักษณ์แห่งตน ตัวตนในอุดมคติ และการเห็นคุณค่าตนเอง ต่อความสำเร็จในการ เรียนการสร้างเว็บไซต์ ภาษา HTML สิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้ผู้เรียน รักและมีความพร้อมที่จะ เรียน มีความสุขในการเรียนรู้ และร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. ได้ทราบวิธีการพัฒนาทักษะการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ของผู้เรียนด้วยการสอนแบบเพื่อนช่วย เพื่อน 2. เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขให้กับปัญหาที่เกี่ยวข้อง


35 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วย เพื่อนในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. ความหมายของการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน 2. รูปแบบการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน 3. หลักการใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน 4. กระบวนในการจัดการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน 5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. ความหมายของการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน กิจกรรมอย่างหนึ่งที่จัดให้ผู้เรียนได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ คือ เพื่อนช่วยเพื่อนใน ลักษณะเก่งช่วยอ่อน ซึ่งเป็นวิธีการที่ผู้เรียนให้ความสนใจมาก คนเก่งจะจัดกระบวนการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมความสามารถของผู้เรียน โดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคิด วางแผน ปฏิบัติ และประเมินผล ให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เรียนรู้ได้พิจารณา และค้นพบความรู้ความสามารถของตนเองให้ ผู้เรียนมองเห็นภาพลักษณ์แห่งตน ตัวตนในอุดมคติ และการเห็นคุณค่าตนเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อ หลอมให้ผู้เรียน รักและมีความพร้อมที่จะเรียน มีความสุขในการเรียนรู้ และร่วมกิจกรรมการเรียนการ สอนอย่างต่อเนื่อง การสอนด้วยวิธีการให้เพื่อนช่วยเพื่อนเป็นวิธีการที่มุ่งให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจต่อการเรียน มากขึ้น เนื่องจากนักเรียนทุกคนเป็นผู้ที่มีบทบาทในกิจกรรมการเรียนการสอน การนำวิธีการสอนแบบ เพื่อนช่วยเพื่อนมาช่วยแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอน ควรจะต้องสร้างแรงจูงใจแก่เพื่อนนักเรียนที่ ช่วยสอน ให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกแห่ง ความสำเร็จ ด้วยการหากิจกรรมที่กระตุ้นให้นักเรียนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือครูและเพื่อน นักเรียนอย่างเต็มใจและพึงพอใจ ผู้สอนจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาทักษะความสามารถของผู้เรียนให้เต็ม ศักยภาพ ด้วยการออกแบบกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่มีความสุข การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนมีความสุข ทั้งกายและใจนั้น จะเริ่มจากการสร้างความศรัทธา ทั้งต่อตัวผู้สอน และต่อวิชาที่เรียน ให้เกิดในตัวผู้เรียน ให้ผู้เรียนมองเห็นถึงความจริงใจของผู้สอน


5 การสอนด้วยกระบวนการเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นกลวิธีการสอนของครูผู้สอนที่จัดให้ผู้เรียน ช่วยเหลือกัน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ให้สามารถพัฒนาได้มาก โดยมีครูมีบทบาทเป็นผู้ให้ คำแนะนำเพื่อให้บรรยากาศในการเรียนการสอนมีความคล่องตัวในการสอนมากขึ้น 2. รูปแบบการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน นักการศึกษาหลายท่านได้ประมวลการสอนที่มีแนวคิดจากกลวิธีการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนไว้ มากมาย มีรายละเอียดดังนี้ 2.1 การสอนโดยเพื่อนร่วมชั้น (Classwide-Peer Tutoring) เป็นการสอนที่เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนทั้งสองคนที่จับคู่กันมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน โดยให้ผู้เรียนทั้งสองสลับบทบาทเป็นทั้ง นักเรียนผู้สอนที่คอยถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนผู้เรียน และนักเรียนผู้เรียนซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการสอน 2.2 การสอนโดยเพื่อนต่างระดับชั้น (Cross-Age Peer Tutoring) เป็นการสอนที่มีการจับคู่ ระหว่างผู้เรียนที่มีระดับอายุแตกต่างกัน โดยให้ผู้เรียนที่มีระดับอายุสูงกว่าทำหน้าที่เป็นผู้สอนและให้ ความรู้ ซึ่งผู้เรียนทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องมีความสามารถทางการเรียนที่แตกต่างกันมาก 2.3 การสอนโดยการจับคู่ (One-to-One Tutoring) เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนที่มี ความสามารถทางการเรียนสูงกว่าเลือกจับคู่กับผู้เรียนที่มีความสามารถทางการเรียนต่ำกว่าด้วยความ สมัครใจของตนเอง แล้วทำหน้าที่สอนในเรื่องที่ตนมีความสนใจ มีความถนัดและมีทักษะที่ดี 2.4 การสอนโดยบุคคลทางบ้าน (Home-Based Tutoring) เป็นการสอนที่ให้บุคคลที่บ้าน ของผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสอน ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาความรู้ความสามารถแก่บุตรหลาน ของตนระหว่างที่บุตรหลานอยู่ที่บ้าน หลักในการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน สามารถจำแนกได้หลายแบบ ทั้งนี้แต่ละวิธีการก็จะให้ ประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน เพราะอาจขึ้นกับศักยภาพของผู้เรียนแต่ละราย กลวิธีการสอนแต่ละ รูปแบบก็จะแตกต่างกัน 3. หลักการใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” การให้เพื่อนช่วยเพื่อนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ควรดำเนินไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ 3.1 เพื่อนผู้สอนจะต้องมีทักษะที่จำเป็น เช่น ความเข้าใจในจุดประสงค์ของการสอนจำแนกได้ ว่า คำตอบที่ผิดและคำตอบที่ถูกต่างกันอย่างไร รู้จักการให้แรงเสริมแก่เพื่อนผู้เรียน รู้จักบันทึก ความก้าวหน้าในการเรียนของเพื่อนผู้เรียน และมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนผู้เรียน 3.2 กำหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมให้ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลทั้งสองช่วยกันบรรลุ เป้าหมายในการเรียน


6 3.3 ครูเป็นผู้กำหนดขั้นตอนในการสอนให้ชัดเจนและให้เพื่อนผู้เรียนดำเนินการตามขั้นตอน เหล่านั้น 3.4 สอนทีละขั้นหรือทีละแนวคิดจนกว่าเพื่อนผู้เรียนเข้าใจดีแล้ว จึงสอนขั้นต่อไป 3.5 ฝึกให้เพื่อนผู้สอนเข้าใจพฤติกรรมการแสดงออกของเพื่อนผู้เรียนด้วยว่า พฤติกรรมใด แสดงว่าเพื่อนผู้เรียนไม่เข้าใจ ทั้งนี้จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง 3.6 เพื่อนผู้สอนควรบันทึกความก้าวหน้าในการเรียนของเพื่อนผู้เรียนตามจุดประสงค์เชิง พฤติกรรมที่กำหนดไว้ 3.7 ครูผู้ดูแลรับผิดชอบจะต้องติดตามผลการสอนของเพื่อนผู้สอนและการเรียนของเพื่อน ผู้เรียนด้วยว่าดำเนินการไปในลักษณะใด มีปัญหาหรือไม่ 3.8 ครูให้แรงเสริมแก่ทั้ง 2 คนอย่างสม่ำเสมอ 3.9 ช่วงเวลาในการให้เพื่อนช่วยเพื่อนไม่ควรใช้เวลานานเกินไป งานวิจัยระบุว่าระยะเวลาที่มี ประสิทธิภาพในการให้เพื่อนช่วยเพื่อนในระดับชั้นประถมศึกษาอยู่ระหว่าง 15-30 นาที 3.10 เพื่อนผู้สอนมีการยกตัวอย่างประกอบการสอน จึงจะช่วยให้เพื่อนผู้เรียนเรียนเข้าใจ เนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น กลวิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีขั้นตอนการสอนที่ชัดเจน สามารถพัฒนาการเรียนการ สอนให้เกิดประสิทธิภาพ และกระบวนการสอนมีความยืดหยุ่นระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน 4. กระบวนในการจัดการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ยอมรับว่าผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ ปฏิบัติต่อผู้เรียน ในลักษณะกัลยาณมิตร และเข้าใจในความเป็นตัวเขา นอกจากนั้น การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนหรือ การให้ผู้เรียนช่วยสอนกันเองนี้ เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์ทางด้านวิชาการด้วยกัน ทั้ง 2 ฝ่าย การเรียนการสอนแบบนี้ได้มีการพัฒนาและนำมาใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตาม จุดมุ่งหมายและวิธีการได้รับการตอบสนองความต้องการในระดับแรกๆ ก่อนเท่านั้น เมื่อก้าวผ่านขั้น หนึ่งไป มนุษย์เราจะมีความต้องการสูงขึ้นไปทีละขั้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้จริง ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการ เรียนรู้ที่ดีเพราะเป็นการสอนระหว่างกลุ่มเพื่อน ทั้งนี้เพราะในกลุ่มเพื่อนจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทกว่า ครูกับผู้เรียนจึงทำให้กระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนได้รับความนิยมที่แพร่หลาย 5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กมลพร ขาวนวล (2556) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาวิธีการเรียนรู้ร่วมกันโดยการเรียนแบบ เพื่อนช่วยเพื่อนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช : กรณีศึกษาชุดวิชาไทยศึกษาจังหวัด


7 สมุทรสาครพบว่าวิธีการเรียนรู้ร่วมกันโดยการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ใช้ได้ 3 แบบแบบที่ 1 จิ๊ก ซอว์1 เป็นวิธีเรียนแบบต่อบทเรียน โดยแบ่งเป็นกลุ่มบ้านและทำงานในกลุ่มเชี่ยวชาญแบบที่ 2 ทรีส เต็บอินเทอร์วิว เป็นวิธีเรียน 3 ขั้นตอน โดยเรียนเป็นคู่กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ แบบที่ 3 สแตด เป็นวิธี เรียนแบบกลุ่มคละผลสัมฤทธิ์ในลักษณะร่วมคิดร่วมทำ (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มทดลอง มี คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน มีความสัมพันธ์กัน ในเชิงบวก ในระดับ -ข –ปานกลางอย่างมี นัยสำคัญ ทางสถิติที่ .01 (3) เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม ปรากฏว่า กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า กลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 (4) นักศึกษามีความเห็นว่าวิธีเรียนที่เหมาะกับนักศึกษาในระดับมาก คือ วิธีเรียนแบบ สแตด และ เหมาะกับ นักศึกษาในระดับปานกลาง คือ ทรีสเต็บอินเทอร์วิว และแบบจิ๊กซอว์ คณพล จันทน์หอม (2539) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้วิธีการ เรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ผลการวิจัยปรากฏว่า ผลจากการจัดการเรียนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมาใช้ในการเรียนการสอน วิชาคณิตศาสตร์พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดทุกคนและกิจกรรมกลุ่ม ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นสนใจ ตั้งใจ และมีความรับผิดชอบมาก ขึ้น อีกทั้งช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ช่วยสร้างความสามัคคีรู้จัก แก้ปัญหาร่วมกัน สมพิศ แซ่เฮง (2556) ได้ศึกษาเกี่ยวกับการใช้วิธีสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปี ที่1 โรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัยผลการวิจัยพบว่า คะแนนมาตรฐานเฉลี่ยเรื่องค่ามาตรฐานซึ่ง ใช้วิธีสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมีคะแนนมาตรฐานสูงกว่าคะแนนมาตรฐานเฉลี่ยเรื่องการวัดค่ากลาง ของข้อมูล ซึ่งสอดคล้องกับ สมมติฐานที่ตั้งไว้คือ นักเรียนที่ได้รับการสอนวิธีสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 สูงขึ้นและสอดคล้องกับงานวิจัยของนางนวกานต์ มณีศรี(2555) และนายนภดล คาเรียง (2549) ที่กล่าวว่า เทคนิคการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ทำให้ ผู้เรียนสามารถพัฒนาการเรียนได้สูงขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ความสัมพันธ์ของเพื่อนมีความสนิทสนม ทำ ให้นักเรียนกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ต่ำ กล้าที่จะถามเพื่อน อีกทั้งนักเรียนกลุ่มที่มีผลสัมฤทธิ์สูงมีการกระตุ้น และช่วยสอนเสริมทำให้นักเรียนผลสัมฤทธิ์ต่ำ มีการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น สังเกตได้ จากพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นการเรียนที่มีความสัมพันธ์ของผู้เรียนที่ดีกว่าการเรียนกับครูผู้สอน จึงทำให้ผู้เรียนที่มีการเรียนต่ำ กว่าปกติสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น


8 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในชั้นเรียน โดยศึกษาสาเหตุและพัฒนาทักษะ ฆ้องวงใหญ่ของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยมีกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และเพื่อให้การวิจัยในครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ผู้วิจัยได้แบ่งขั้นตอนการดำเนินการและ รายละเอียดในการศึกษาไว้ ดังนี้ 1. กลุ่มเป้าหมาย 2. ตัวแปรที่ศึกษา 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 4. วิธีการดำเนินการวิจัย 5. เก็บรวบรวมข้อมูล 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 กลุ่มเป้าหมาย 3.1.1 กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย ที่ไม่สามารถปฏิบัติ ฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้นได้จำนวน 4 คน 3.2 ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ตัวแปรตาม ทักษะการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.3.1 การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เบื้องต้น 3.3.2 การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น 3.3.3 แบบสังเกตพฤติกรรมและการปฏิบัติ 3.3.4 แบบประเมินผลการปฏิบัติ


9 3.4. วิธีการดำเนินการวิจัย การศึกษางานวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ตามขั้นตอน ดังนี้ 3.4.1 รวบรวมข้อมูลเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1) หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ 2) ศูนย์สารนิเทศ วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี 3.4.2 รวบรวมข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 4 คน ดังนี้ 1) เด็กชายวีรพัฒน์ จันทร์ตรี ป.5/6 2) เด็กชายปัญญา ผลจรัล ป.5/3 3) เด็กชายบุญบารมี บุญมี ป.5/3 4) เด็กชายภัทรพล พรมใจรักษ์ ป.5/2 3.4.3 การสร้างเครื่องมือในการวิจัย เพื่อใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติของนักเรียน ดังนี้ 1) แบบทดสอบ 2 แบบโดยการใช้ฆ้องวงใหญ่เป็นเครื่องมือปฏิบัติ 1.1) การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง 1.2) การปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) 1.3) การปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 2) 2) แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติ 3) ประเมินผลการปฏิบัติของนักเรียน โดยกำหนดมาตราส่วนในการให้คะแนน ดังนี้ (18 – 20 คะแนน) ระดับ 4 หมายถึง ดีมาก (15 – 17 คะแนน) ระดับ 3 หมายถึง ดี (12 – 14 คะแนน) ระดับ 2 หมายถึง พอใช้ (ต่ำกว่า 12 คะแนน) ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง 3.5 เก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการทำแบบสังเกตพฤติกรรม และแบบประเมินการปฏิบัติ ของนักเรียนทั้งหมด 6 ครั้ง เป็นตารางผลในการปฏิบัติแต่ละครั้ง โดยใช้สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ในการให้คะแนนเป็นตัวเลข ดังนี้ ระดับ 4 หมายถึง ดีมาก ระดับ 3 หมายถึง ดี ระดับ 2 หมายถึง พอใช้


10 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง 3.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1) ร้อยละเป็นค่าสถิติที่นิยมใช้กันมาก โดยเป็นการเปรียบเทียบความถี่ หรือจำนวนที่ต้องการ กับความถี่หรือจำนวนทั้งหมดที่เทียบเป็น 100 จะหาค่าร้อยละจากสูตรต่อไปนี้ เมื่อ P แทน ค่าร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นค่าร้อยละ N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด ค่าร้อยละจะแสดงความหมายของค่าและสามารถนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบได้ 2) ค่าเฉลี่ย หรือเรียกว่าค่ากลางเลขคณิต ค่าเฉลี่ย ค่ามัชฌิมเลขคณิต เป็นต้น X = x n เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดของกลุ่ม n แทน จำนวนคนในกลุ่ม = 100 N f p


11 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วย เพื่อนครั้งนี้ผู้วิจัยได้กำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี จำนวน 4 คน สามารถปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้นได้ โดย เริ่มจากการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง การปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) และการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น(ท่อน 2) โดยการเรียนเป็นคู่มาเป็น เครื่องมือในการแก้ปัญหาของนักเรียน ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 4.1 การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง โดยเริ่มจากการตีฆ้องด้วยมือซ้ายจากลูกที่ 1 - 8 จากนั้นตีฆ้องด้วยมือขวาตีลูกที่ 9 - 16 ดังนี้ มือซ้าย ตีลูกฆ้องตั้งแต่เสียง มี ฟา ซอล ลา ที โด เร มี มือขวา ตีลูกฆ้องตั้งแต่เสียง ฟา ซอล ลา ที โด เร มี ฟา หลักจากฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียงแล้ว ผู้เรียนควรฝึกตีให้ตรงตามจังหวะอย่าง สม่ำเสมอ เพื่อให้สะดวก และง่ายในการต่อเพลง คือเพลงแขกบรเทศ สองชั้น โดยมีวิธีการฝึกตาม แบบฝึกหัดที่ 1 แบบฝึกหัดที่ 1 1. ให้นักเรียนที่มีทักษะในการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่จับคู่กับเพื่อน โดยให้นักเรียนคนที่ 1 ท่อง โน้ตทีละตัว ส่วนนักเรียนคนที่ 2 ตีฆ้องวงใหญ่ตามทีละเสียง และสลับกันปฏิบัติ โดยแต่ละคนจะต้อง ฝึกการตีฆ้องวงใหญ่ให้ถูกต้องตรงตามระดับเสียง 2. ครูจะบันทึกแบบสังเกต 2 ครั้งและประเมินผล 2 ครั้ง


12 กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน - 21 ธันวาคม 2561 ดังนี้ วันที่ การดำเนินกิจกรรม หมายเหตุ 30 พ.ย. 61 ฝึกการตีฆ้องวงใหญ่ถูกต้องตรงตามระดับเสียง 11 ธ.ค. 61 สังเกตและประเมินการตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงระดับเสียง ครั้งที่ 1 12 - 20 ธ.ค. 61 ฝึกการตีฆ้องวงใหญ่ถูกต้องตรงตามระดับเสียง 21 ธ.ค. 61 สังเกตและประเมินการตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงระดับเสียง ครั้งที่ 2 4.2 การปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 เมื่อนักเรียนฝึกการตีฆ้องวงใหญ่ได้ถูกต้องตามระดับเสียงแล้ว จึงให้นักเรียนฝึกปฏิบัติฆ้องวง ใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 โดยมีวิธีการฝึกตามแบบฝึกหัดที่ 2 แบบฝึกหัดที่ 2 1. หลังจากปฏิบัติแบบฝึกหัดที่ 1 แล้ว ครูต่อเพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) ให้นักเรียน เมื่อต่อจบหนึ่งท่อนจึงให้นักเรียนจับคู่กัน โดยให้นักเรียนคนที่ 1 คอยท่องโน้ตเพลง และปรบมือกำกับ จังหวะ โดยสลับกันปฏิบัติ 2. ครูจะบันทึกแบบสังเกต 2 ครั้งและประเมินผล 2 ครั้ง โน้ตเพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 มือขวา - - - ซ - - ล ล - - - ดํ - - ล ล - - ซ ซ - ล - ซ - - - - - ม - ม มือซ้าย - - - - - ล - - - - - - - ล - - - ซ - - - ล - ซ - - - ท - - - ท มือขวา - ล ซ - ซ ม - - ดํ ดํ - - รํ รํ - มํ - มํ - มํ - มํ - - มํ มํ - - รํ รํ - ดํ มือซ้าย - - - ม - - ร ด - - - ร - - - ม - ซ - ล - ซ - ม - - - ร - - - ด


13 ท่อน 2 มือขวา - - มํ มํ - รํ - ดํ - รํ - ดํ - ซ - ล - ล - - ล ซ - - - รํ - - ดํ ดํ - รํ มือซ้าย - ม - - - ร - ด - ร - ด - ร - ม - - - ม - - - ล - ร - ด - - - ร มือขวา - ล ซ - ซ ม - - ดํ ดํ - - รํ รํ - มํ - มํ - มํ - มํ - - มํ มํ - - รํ รํ - ดํ มือซ้าย - - - ม - - ร ด - - - ร - - - ม - ซ - ล - ซ - ม - - - ร - - - ด กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2561 - 11 มกราคม 2562 ดังนี้ วันที่ การดำเนินกิจกรรม หมายเหตุ 24 ธ.ค. 61 ฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) 4 ม.ค. 62 สังเกตและประเมินการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) ครั้งที่ 1 7 - 10 ม.ค. 62 ฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) 11 ม.ค. 62 สังเกตและประเมินการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) ครั้งที่ 2 4.3 การปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 2) เมื่อนักเรียนฝึกการตีฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) ได้แล้ว จึงให้นักเรียนฝึก ปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 2) จนจบเพลง โดยมีวิธีการฝึกตามแบบฝึกหัดที่ 3 แบบฝึกหัดที่ 3 1. หลังจากปฏิบัติแบบฝึกหัดที่ 2 แล้ว ครูต่อเพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 2) ให้นักเรียน เมื่อต่อจบหนึ่งท่อนจึงให้นักเรียนจับคู่กัน โดยให้นักเรียนคนที่ 1 คอยท่องโน้ตเพลง ปรบมือกำกับ จังหวะ และฝึกปฏิบัติตั้งแต่ท่อน 1 ถึงท่อน 2 จนจบเพลง โดยสลับกันปฏิบัติ 2. ครูจะบันทึกแบบสังเกต 2 ครั้งและประเมินผล 2 ครั้ง


14 โน้ตเพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 มือขวา - - - ซ - - ล ล - - - ดํ - - ล ล - - ซ ซ - ล - ซ - - - - - ม - ม มือซ้าย - - - - - ล - - - - - - - ล - - - ซ - - - ล - ซ - - - ท - - - ท มือขวา - ล ซ - ซ ม - - ดํ ดํ - - รํ รํ - มํ - มํ - มํ - มํ - - มํ มํ - - รํ รํ - ดํ มือซ้าย - - - ม - - ร ด - - - ร - - - ม - ซ - ล - ซ - ม - - - ร - - - ด ท่อน 2 มือขวา - - มํ มํ - รํ - ดํ - รํ - ดํ - ซ - ล - ล - - ล ซ - - - รํ - - ดํ ดํ - รํ มือซ้าย - ม - - - ร - ด - ร - ด - ร - ม - - - ม - - - ล - ร - ด - - - ร มือขวา - ล ซ - ซ ม - - ดํ ดํ - - รํ รํ - มํ - มํ - มํ - มํ - - มํ มํ - - รํ รํ - ดํ มือซ้าย - - - ม - - ร ด - - - ร - - - ม - ซ - ล - ซ - ม - - - ร - - - ด กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2562 ดังนี้ วันที่ การดำเนินกิจกรรม หมายเหตุ 14 ม.ค. 62 ฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 18 ม.ค. 62 สังเกตและประเมินการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 1 21 - 31 ม.ค.62 ฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 1 ก.พ. 62 สังเกตและประเมินการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 2


15 4.4 แบบสังเกตผลการฝึกปฏิบัติ 4.4.1 แบบสังเกตผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ครั้งที่ 1 วันที่ 11 ธ.ค. 61 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนยังตีฆ้องไม่ถูกต้องตามตำแหน่ง ไม่กล้าตีเพราะ ไม่มีความมั่นใจ 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนยังจับไม้ไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่มั่นใจ ตีฆ้อง ถูกต้องตามตำแหน่งในบางลูก 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียนยังตีฆ้องไม่เป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ น้ำหนัก มือในการตียังไม่คงที่ 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนสามารถตีฆ้องไล่เสียงได้อย่างถูกต้อง แต่ไม่ สามารถควบคุมจังหวะและน้ำหนักมือได้ 4.4.2 แบบสังเกตผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ครั้งที่ 2 วันที่ 21 ธ.ค. 61 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนตีฆ้องได้ถูกต้องตามตำแหน่งมากขึ้น กล้าตีและ มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนจับไม้ได้ถูกต้องมีความมั่นใจ ตีฆ้องถูกต้องตาม ตำแหน่ง 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียตีฆ้องเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ น้ำหนักมือใน การตีคงที่มากยิ่งขึ้น 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนสามารถตีฆ้องไล่เสียงได้อย่างถูกต้อง สามารถ ควบคุมจังหวะและน้ำหนักมือได้ดี


16 4.4.3 แบบสังเกตผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ครั้งที่ 1 วันที่ 4 ม.ค. 62 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนยังจำโน้ตเพลงไม่ได้ ไม่ค่อยมีความมั่นใจเมื่อตี ตามโน้ตเพลง 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ในบางช่วงบางวรรค ยังตีไม่ตรง ตามจังหวะ 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียนสามารถตีฆ้องตามโน้ตเพลงได้ แต่ยังไม่ตรงตาม จังหวะ และเสียงไม่สม่ำเสมอในบางโน้ต 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนยังจำโน้ตเพลงไม่ได้ และตีไม่ตรงตามจังหวะ 4.4.4 แบบสังเกตผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ครั้งที่ 2 วันที่ 11 ม.ค. 62 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนยังจำโน้ตเพลงได้มากขึ้น ไม่ค่อยมีความมั่นใจ เมื่อตีตามโน้ตเพลง 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ในบางช่วงบางวรรค ตีตรงตาม จังหวะมากขึ้น 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียนสามารถตีฆ้องตามโน้ตเพลงได้ ตีตรงตาม จังหวะ แต่เสียงยังไม่สม่ำเสมอในบางโน้ต 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนจำโน้ตเพลงได้มากขึ้น และตีตรงตามจังหวะ


17 4.4.5 แบบสังเกตผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 1 วันที่ 18 ม.ค. 62 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนยังจำโน้ตเพลงได้บางวรรค มีความมั่นใจ มากขึ้น 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ในบางวรรค ตีตรงตามจังหวะ มากขึ้น 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียนสามารถตีฆ้องตามโน้ตเพลงได้ ตีตรงตาม จังหวะ 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ และตีตรงตามจังหวะ แต่เสียง ยังไม่สม่ำเสมอกัน 4.4.6 แบบสังเกตผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 2 วันที่ 1 ก.พ. 62 ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี นักเรียนจำโน้ตเพลงได้บางวรรค มีความมั่นใจมากขึ้น 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ ตีตรงตามจังหวะมากขึ้น 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี นักเรียนสามารถตีฆ้องตามโน้ตเพลงได้ ตีตรงตาม จังหวะ น้ำหนักเสียงสม่ำเสมอ 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ นักเรียนจำโน้ตเพลงได้ และตีตรงตามจังหวะ แต่เสียง ยังไม่สม่ำเสมอกัน


18 4.5 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติ 4.5.1 แบบประเมินผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ครั้งที่ 1 วันที่ 11 ธ.ค. 61 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ตามระดับเสียง คะแนนรวม ระดับ ตรงระดับเสียงโน้ต ความถูกต้องของตัวโน้ต เสียงชัดเจน ท่านั่งในการปฏิบัติ (5) (5) (5) (5) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 2 4 4 3 13 2 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 2 5 2 4 13 2 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 2 3 5 3 13 2 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 5 5 2 4 16 3 รวมคะแนน 55 รวมคะแนนเฉลี่ย 13.75 รวมค่าร้อยละ 68.75 จากแบบประเมินผลการท่องโน้ตให้ตรงระดับเสียง ครั้งที่ 1 พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 13.75 และค่าร้อยละ คือ 68.75 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดี


19 4.5.2 แบบประเมินผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ครั้งที่ 2 วันที่ 21 ธ.ค. 61 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ตามระดับเสียง คะแนนรวม ระดับ ตรงระดับเสียงโน้ต ความถูกต้องของตัวโน้ต เสียงชัดเจน ท่านั่งในการปฏิบัติ (5) (5) (5) (5) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 4 5 4 4 17 3 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 3 5 5 4 17 3 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 4 5 5 4 18 4 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 5 5 4 5 19 4 รวมคะแนน 71 รวมคะแนนเฉลี่ย 17.75 รวมค่าร้อยละ 88.75 จากแบบประเมินผลการท่องโน้ตให้ตรงระดับเสียง ครั้งที่ 2พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 17.75 และค่าร้อยละ คือ 88.75 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ ดี ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ ดี ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ ดีมาก ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดีมาก


20 4.5.3 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ครั้งที่ 1 วันที่ 4 ม.ค. 62 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) คะแนนรวม ระดับ การจดจำโน้ตเพลง ความถูกต้องของตัวโน้ต ตรงระดับเสียงและทำนอง ตรงจังหวะ ท่านั่งในการปฏิบัติ (4) (4) (4) (4) (4) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 2 3 2 2 4 13 2 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 3 3 2 2 4 14 2 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 3 3 2 4 2 14 2 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 4 4 3 4 3 18 4 รวมคะแนน 59 รวมคะแนนเฉลี่ย 14.75 รวมค่าร้อยละ 73.75 จากแบบประเมินผลการท่องโน้ตและจดจำทำนองเพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ครั้งที่ 1 พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 14.75 และค่าร้อยละ คือ 73.75 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดีมาก


21 4.5.4 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 1 ครั้งที่ 2 วันที่ 11 ม.ค. 62 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น(ท่อน 1) คะแนนรวม ระดับ การจดจำโน้ตเพลง ความถูกต้องของตัวโน้ต ตรงระดับเสียงและทำนอง ตรงจังหวะ ท่านั่งในการปฏิบัติ (4) (4) (4) (4) (4) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 4 3 3 3 4 17 3 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 4 4 3 3 4 18 4 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 3 4 3 4 3 17 3 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 4 4 4 4 3 19 4 รวมคะแนน 71 รวมคะแนนเฉลี่ย 17.75 รวมค่าร้อยละ 88.75 จากแบบประเมินผลการท่องโน้ตและจดจำทำนองเพลงลาวเสี่ยงเทียน ครั้งที่ 2 พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 17.75 และค่าร้อยละ คือ 88.75 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ ดี ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ ดีมาก ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ ดี ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดีมาก


22 4.5.5 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 1 วันที่ 18 ม.ค. 62 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น(ท่อน 2) คะแนนรวม ระดับ การจดจำโน้ตเพลง ความถูกต้องของตัวโน้ต ตรงระดับเสียงและทำนอง ตรงจังหวะ ท่านั่งในการปฏิบัติ (4) (4) (4) (4) (4) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 2 3 2 3 3 13 2 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 2 3 3 3 3 15 3 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 2 3 2 3 4 14 2 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 3 4 3 4 4 18 4 รวมคะแนน 60 รวมคะแนนเฉลี่ย 15 รวมค่าร้อยละ 75 จากแบบประเมินผลการจดจำเนื้อเพลงและร้องเพลงลาวเสี่ยงเทียนให้ตรงกับระดับเสียง ครั้งที่ 1 พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 15 และค่าร้อยละ คือ 75 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ ดี ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ พอใช้ ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดีมาก


23 4.5.6 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ท่อน 2 ครั้งที่ 2 วันที่ 1 ก.พ. 62 ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลง แขกบรเทศ ชั้นเดียว (ท่อน 2) คะแนนรวม ระดับ การจดจำโน้ตเพลง ความถูกต้องของตัวโน้ต ตรงระดับเสียงและทำนอง ตรงจังหวะ ท่านั่งในการปฏิบัติ (4) (4) (4) (4) (4) (20) 1. ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี 4 3 3 4 4 18 4 2. ด.ช.ปัญญา ผลจรัล 4 3 4 4 3 18 4 3. ด.ช.บุญบารมี บุญมี 2 3 3 4 4 16 3 4. ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์ 4 4 4 4 4 20 4 รวมคะแนน 72 รวมคะแนนเฉลี่ย 18 รวมค่าร้อยละ 90 จากแบบประเมินผลการจดจำเนื้อเพลงและร้องเพลงลาวเสี่ยงเทียนให้ตรงกับระดับเสียง ครั้งที่ 2 พบว่า คะแนนเฉลี่ย คือ 18 และค่าร้อยละ คือ 90 ด.ช.วีรพัฒน์ จันทร์ตรี อยู่ในระดับ ดีมาก ด.ช.ปัญญา ผลจรัล อยู่ในระดับ ดีมาก ด.ช.บุญบารมี บุญมี อยู่ในระดับ ดี ด.ช.ภัทรพล พรมใจรักษ์อยู่ในระดับ ดีมาก


24 จากสมมุติฐานของการพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วย เพื่อนคิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรีจำนวน 4 คน พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนเพื่อนช่วยเพื่อน สามารถพัฒนาทักษะการปฏิบัติฆ้อง วงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้นผ่านเกณฑ์ของสมมุติฐานที่ตั้งไว้ คือ ร้อยละ 89.17 ตามตารางสรุป การประเมินผลการปฏิบัติ ดังนี้ ตารางสรุปการประเมินผลการปฏิบัติ ลำดับ เรื่อง ค่าร้อยละ ครั้งที 1 ค่าร้อยละ ครั้งที่ 2 1 ผลการประเมินการท่องโน้ตให้ตรงระดับเสียง 68.75 88.75 2 ผลการท่องโน้ตและจดจำทำนองเพลงแขกบรเทศ สองชั้น 73.75 88.75 3 ผลการจดจำเนื้อเพลงและร้องเพลงแขกบรเทศ สองชั้นให้ตรงกับ ระดับเสียง 75 90 รวม ร้อยละ 89.17


25 บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ จากการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอน แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ข้อสรุปดังนี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย การพัฒนาทักษะฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชุมนุมดนตรีไทย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ด้วยกระบวนการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนพบว่า การใช้ วิธีการสอนการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เป็นวิธีการสอนที่ให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งนักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีทั้งหมด 4 คน แบ่งได้ 2 คู่แต่ละคู่จะ ได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน หลังจากฝึกปฏิบัติตามแบบฝึกทั้ง 3 แบบแล้ว นักเรียนแต่ละคู่ก็สามารถพัฒนาทักษะการ ปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้นได้ตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ นักเรียนทั้ง 4 คนมีผลการประเมิน อยู่ในระดับดี 1 คน และระดับดีมาก 3 คน ซึ่งผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ครั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 68.75 และครั้งที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 88.75 ผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น(ท่อน 1) ครั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 73.75 และครั้งที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 88.75 และผลการฝึก ปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น(ท่อน 2) ครั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 75 และครั้งที่ 2 คิดเป็น ร้อยละ 90 เมื่อรวมแล้วคิดเป็นค่าร้อยละ 89.17 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ คือร้อยละ 80 และ นักเรียนทั้ง 4 คนยังมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ สามารถพัฒนาการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ได้ถูกต้อง จดจำโน้ตเพลง และตีฆ้องได้ตรงตามทำนองถูกระดับเสียง และมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของเสียง จังหวะและทำนองมากขึ้น 5.2 ข้อเสนอแนะ 5.2.1 ควรพัฒนาทักษะการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ในเพลงอื่น ๆ เช่น เพลงลาวดวงเดือน เพลงลามสมเด็จ เป็นต้น 5.2.2 ศึกษาเทคนิคการปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เช่น การสะบัด การประคบ เป็นต้น


26 บรรณานุกรม กมลพร ขาวนวล. การพัฒนาเอกสารประกอบการสอน วิชาขับร้องเพลงไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, 2556. กาญจนา อินทรสุนานนท์. สารานุกรมดนตรีเพลงไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ พ.ศ.พัฒนา จำกัด, มทป. คณพล จันทน์หอม. การขับร้องเพลงไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2539. ปริญญา ช่างกลึงกูล. วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การขับร้องหมู่โดยใช้เครื่องดนตรีไทย (ขลุ่ยเพียงออ) จับเสียงร้องและไล่เสียงร้องให้ตรงตามตัวโน้ต. โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี, 2557. มนตรี ตราโมท และวิเชียร กุลตัณฑ์. ฟังและเข้าใจเพลงไทย. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทาน เพลิงศพขุนทรงสุขภาพ (นายแพทย์ทรง บุณยะรัตเวช), 2523. สมพงษ์กาญจนผลิน. ทักษะการขับร้องเพลงไทย เพลงรำวง เพลงประกอบการฟ้อนรำ. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อ แกรมมี่ จำกัด, 2539. อุษา คงทอง. คู่มือการจัดระบบการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เทียนวัฒนา พริ้นท์ติ้ง, 2553.


27 ภาคผนวก


28 ภาคผนวก ก แบบสังเกต และแบบประเมินผลการปฏิบัติ


29 แบบสังเกต การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 1) และการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น (ท่อน 2) ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ผลการสังเกต 1. 2. 3. 4.


30 แบบประเมินผลการฝึกตีฆ้องวงใหญ่ให้ตรงตามระดับเสียง ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกตีฆ้องวงใหญ่ตรงตามระดับเสียง คะแนนรวม ระดับ ตรงระดับเสียงโน้ต ความถูกต้องของตัวโน้ต เสียงชัดเจน ท่านั่งในการปฏิบัติ (5) (5) (5) (5) (20) 1. 2. 3. 4. รวมคะแนน รวมคะแนนเฉลี่ย รวมค่าร้อยละ


31 แบบประเมินผลการฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่เพลงแขกบรเทศ สองชั้น ลำดับ ชื่อ – สกุล การฝึกปฏิบัติฆ้องวงใหญ่ เพลงแขกบรเทศ สองชั้น คะแนนรวม ระดับ การจดจำโน้ตเพลง ความถูกต้องของตัวโน้ต ตรงระดับเสียงและทำนอง ตรงจังหวะ (5) (5) (5) (5) (20) 1. 2. 3. 4. รวมคะแนน รวมคะแนนเฉลี่ย รวมค่าร้อยละ


32 ภาคผนวก ข ภาพการฝึกปฏิบัติ


33


34


35 ประวัติผู้วิจัย ชื่อ นายศุภสัณห์ เที่ยงตรง วัน เดือน ปีเกิด 13 ตุลาคม 2538 สถานที่เกิด โรงพยาบาลเทวพร ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี 72000 สถานที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 27 ถนนพลายแก้ว ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี72000 ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2550 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส พ.ศ. 2553 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดไชนาวาส พ.ศ. 2556 ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี พ.ศ. 2560 กำลังศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีปีที่ 4 หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต (5 ปี) สาขาวิชาดนตรีคีตศิลป์ไทยศึกษา แขนงวิชาดนตรีไทย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี


Click to View FlipBook Version