The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง การเกิดดินและดินในท้องถิ่นของเรา.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by a.wanitchayakorn, 2022-12-12 02:23:07

เรื่อง การเกิดดินและดินในท้องถิ่นของเรา.docx

เรื่อง การเกิดดินและดินในท้องถิ่นของเรา.docx

เร่ือง การเกดิ ดินและดนิ ในท้องถน่ิ ของเรา

ดินเกดิ จากอะไร ส่ วนประกอบของดนิ

กากราเรกเกดิ ิดดดนินิ
และดแลนิ ะดในนิ ใทนท้ออ้ งงถถิน่่ินขของอเรงาเรา

ประเภทของดิน การแบ่งช้ันดิน

การอนุรักษ์และพฒั นาดิน

ตัวชี้วัดช้ันปี

1. สำรวจและอธิบำยกำรเกิดดิน (ว 6.1.2)
2. ระบุชนิดและสมบตั ิของดินท่ีใชป้ ลกู พืชในทอ้ งถิ่น (ว 6.1.3)

ดนิ เกดิ จากอะไร

ดนิ เป็นทรัพยำกรท่ีเกิดข้ึนเองตำมธรรมชำติที่ปกคลมุ ผิวโลกเป็นช้นั ๆ เกิดจำกหินและ
แร่ธำตทุ ่ีผพุ งั ตำมธรรมชำติ รวมกบั ซำกพืช ซำกสัตวท์ ่ีเน่ำเป่ื อย ซ่ึงเรียกวำ่ ฮิวมัส โดยมีน้ำและ
อำกำศแทรกอยตู่ ำมช่องว่ำงของดิน กระบวนกำรเกิดดินจะเป็นไปอยำ่ งตอ่ เนื่องและใชเ้ วลำนำน
ซ่ึงเป็นผลมำจำกอิทธิพลของกำรเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดลอ้ มอื่นๆ เช่น อณุ หภูมิ ควำมช้ืน ลม
กระแสน้ำและกำรกระทำของมนุษย์

ส่ วนประกอบของดนิ

สสสส

1. แร่ธาตอุ าหาร ซ่ึงเป็นส่วนท่ีเกิดจำกำรสลำยตวั ของหินและแร่ธำตุ หรือ เรียกวำ่ อนนิ ทรียวัตถุ
มีอยปู่ ระมำณ 45 %

2. ซากพืชซากสัตว์ทเ่ี น่าเป่ื อย ผพุ งั หรือ เรียกวำ่ อนิ ทรียวัตถุ มีอยปู่ ระมำณ 5 %
3. อากาศ มีอยใู่ นช่องวำ่ งระหวำ่ งกอ้ นดิน มีอยปู่ ระมำณ 25 %
4. นา้ ที่อยใู่ นช่องวำ่ งระหวำ่ งกอ้ นดิน มีอยปู่ ระมำณ 25 %

ประเภทของดนิ
ประเภทของดิน แบ่งตามลกั ษณะของเนื้อดินได้ 3 ประเภท คือ

1. ดนิ ร่วน หมำยถึง ดินท่ีมีซำกพชื ซำกสตั วผ์ สมอยมู่ ำก
เน้ือดินร่วนซุยมีช่องวำ่ งระหวำ่ งเมด็ ดินมำก ทำใหน้ ้ำซึม
ไดส้ ะดวก จดั เป็นเน้ือดินท่ีมีควำมอุดมสมบรู ณ์ เหมำะสม
สำหรับกำรเพำะปลกู พืชทำกำรเกษตร

2. ดินทราย หมำยถึง ดินท่ีมีเน้ือดินมีลกั ษณะหยำบ เมด็ ดิน
ไมเ่ กำะตวั กนั ทำใหก้ ำรระบำยน้ำไดเ้ ร็วมำก จึงไมส่ ำมำรถ
กกั เก็บน้ำไวไ้ ด้ เหมำะสำหรับใชใ้ นกำรก่อสร้ำง ปลกู พชื
บำงชนิดที่ไม่ตอ้ งกำรน้ำ เช่นกระบองเพชร มนั สมั ปะหลงั
มีควำมอดุ มสมบรู ณ์ต่ำเพรำะควำมสำมำรถในกำรดูดยดึ
ธำตอุ ำหำรพชื มีนอ้ ย พชื ท่ีข้ึนบนดินทรำยจึงมกั ขำดท้งั ธำตุ
อำหำรและน้ำ

3. ดนิ เหนยี ว หมำยถึง ดินที่มีเน้ือดินละเอียดและมีกำรจบั
ตวั กนั อยำ่ งหนำแน่น มีช่องวำ่ งระหวำ่ งเมด็ ดินนอ้ ย จึง
สำมำรถอุม้ น้ำไวไ้ ดม้ ำก แต่กำรระบำยถ่ำยเทอำกำศไม่
สะดวก เหมำะสำหรับงำนป้ัน และปลูกพืชท่ีชอบน้ำมำก
เช่น ขำ้ ว บวั

การแบ่งช้ันดิน

ช้ันต่างๆ ในดนิ ทเี่ ราใช้เพาะปลูกพืช อาจจะแบ่งอย่างง่ายๆ ดังนี้

1. ดินช้ันบน หรือเรียกวำ่ “ช้นั ไถพรวน” โดยทวั่ ไปมีควำมหนำประมำณ 15-30 ซม.
จำกผวิ หนำ้ ดิน ช้นั ดินบนน้ีเป็นช้นั ท่ีเหมำะสมตอ่ กำรเพำะปลกู เพรำะเป็นช้นั ที่มีอินทรียวตั ถุ
หรือฮิวมสั สูงกวำ่ ช้นั ดินอ่ืนๆ โดยปกติจะมีสีคล้ำหรือดำกวำ่ ช้นั อ่ืนๆ รำกพชื ส่วนใหญ่จะชอน
ไชหำอำหำรอยใู่ นช่วง
ช้นั น้ี

2. ดนิ ช้ันล่าง เป็นช้นั ท่ีมีอินทรียวตั ถุนอ้ ยกวำ่ รำกพืชท่ีชอนไชลงมำถึงช้นั น้ีส่วนใหญ่
จะเป็นรำกของไมผ้ ลหรือไมย้ ืนตน้ ท่ีมีขนำดใหญ่ ท้งั น้ีเพ่ือยดึ เกำะดินไวใ้ หพ้ ชื ทรงตวั อยไู่ ด้ ไม่
โคน่ ลม้ ลงไดง้ ำ่ ยเมื่อมีลมพดั แรงโดยทว่ั ไปรำกพืชเจริญเติบโตและดูดธำตอุ ำหำรเฉพำะในส่วน

ท่ีเป็นดินบนและดินลำ่ ง ซ่ึงดินแตล่ ะชนิดมีควำมลึกไมเ่ ท่ำกนั ดินที่ลึกจะมีพ้นื ท่ีใหพ้ ชื หยงั่ รำก
และดูดธำตอุ ำหำรไดม้ ำกกวำ่ ดินที่ต้ืน กำรปลกู พชื ใหไ้ ดผ้ ลดีจึงควรคำนึงถึงควำมลึกของดินดว้ ย

การอนุรักษ์และพฒั นาที่ดนิ

การอนุรักษ์ หมำยถึง กำรใชอ้ ยำ่ งประหยดั และใหเ้ กิดประโยชน์มำกท่ีสุด ตลอดจน
กำรนำสิ่งที่ใชแ้ ลว้ มำใชใ้ หมห่ รือหำสิ่งอ่ืนมำทดแทน

การอนุรักษ์และพฒั นาทดี่ ิน หมำยถึง กำรรู้จกั ใชท้ ่ีดินใหเ้ กิดประโยชน์มำกท่ีสุด
มีกำรสูญเปล่ำนอ้ ยท่ีสุด และมีกำรสร้ำงหรือทำใหด้ ินมีมำกข้ึน กำรอนุรักษแ์ ละพฒั นำที่ดิน
สำมำรถทำไดโ้ ดย

1. ปลกู พชื คลุมดิน เพอื่ ไมใ่ หน้ ้ำชะเอำแร่ธำตุตำ่ งๆ ไป
2. ปลกู พชื หมนุ เวยี นและใชป้ ๋ ยุ ใหถ้ ูกวธิ ี
3. ปลูกหญำ้ เพอื่ เล้ียงสัตวแ์ ละปลูกป่ ำไม้
4. ปลูกพชื ตระกลู ถวั่ แลว้ ทำใหเ้ น่ำเปื่ อยกลำยเป็นป๋ ุย
5. ไมเ่ ผำป่ ำหรือทำลำยป่ ำไม้
6. ไม่ทำไร่เล่ือนลอย

7. สร้ำงคนั ดินก้นั ขวำงที่ลำดชนั เพอ่ื ชะลอควำมเร็วของน้ำที่ไหลเป็นกำรป้องกนั
กำรกดั เซำะพดั พำหนำ้ ดิน หรือปลูกหญำ้ แฝกเพอื่ ป้องกนั ดินพงั ทลำย

8. ปลกู พชื แนวขวำงเป็นข้นึ บนั ไดตำมเน้ือที่ลำดชนั ทำใหด้ ินถูกชะลำ้ งไปไดย้ ำก

แบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง การเกดิ ดนิ และดินในท้องถิ่นของเรา

สาระการเรียนรู้กำนงำนอำชีพและเทคโนโลยี ระดับช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 2 จานวน 20
ขอ้

**********************

1) ดินเกิดจำกกำรสลำยตวั ของสิ่งใด 5) ดินชนิดใดท่ีมีกำรถำ่ ยเทอำกำศไดน้ อ้ ยที่สุด
ก. เปลือกโลก ข. ลำวำ ก. ดินร่วน ข. ดินเหนียว
ค. แมกมำ ง. หินและแร่ธำตุ ค. ดินทรำย ง. ดินร่วนปนทรำย

2) สิ่งใดเป็นตวั กำรยอ่ ยสลำยซำกพืชซำกสัตวใ์ น 6) ป๋ ยุ ในขอ้ ใดไม่ใช่ป๋ ุยอินทรีย์
ดิน ก. ป๋ ยุ คอก ข. ป๋ ุยพืชสด
ค. ป๋ ุยหมกั ง. ป๋ ยุ วทิ ยำศำสตร์
ก. เช้ือโรค ข.จุลินทรีย์
ค. สำรเคมี ง. แบคทีเรีย 7) พืชชนิดใดทีเหมำะสมสำหรับปลูกเป็นพชื
หมนุ เวยี น
3) สิ่งใดที่สลำยตวั เป็นฮิวมสั
ก. ซำกพืช ซำกสัตว์ ก. ถว่ั เหลือง ข. มนั สำปะหลงั
ข. วตั ถตุ น้ กำเนิดดิน ค. เผอื ก ง. โหระพำ
ค. หินและแร่ธำตุ
8) กำรปลูกพชื คลมุ ดินเพ่อื วตั ถปุ ระสงคอ์ ะไร
ง. สำรเคมี ก. ไม่ใหห้ นำ้ ดินสึกกร่อน

4) ปัจจยั ใดที่มีผลต่อกำรกำเนิดของดิน ข. เพ่ิมป๋ ยุ ใหแ้ ก่ดิน
ก. สภำพภูมิอำกำศอำกำศ ค. ไม่ใหด้ ินถูกแสงแดด
ข. สภำพภมู ิประเทศ ง. ไม่ใหด้ ินจืด
ค. สิ่งมีชีวติ ในดิน

ง. ถกู ทุกขอ้

9) ส่ิงใดเมื่อนำไปฝังลงในดินแลว้ ทำใหด้ ินเสีย ข. ดินที่มีอำกำศมำก
ก. ซำกพืชที่เน่ำเป่ื อย ค. ดินที่มีอินทรียว์ ตั ถุมำก
ข. ซำกสตั วท์ ่ีตำยแลว้ ง. ดินท่ีมีน้ำมำก
ค. สำรเคมี
ง. เศษอำหำร 14) นำดินมำใส่น้ำเป็นวิธีกำรทดลองเร่ืองใด

10) ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั กำรอนุรักษด์ ิน ก. น้ำในดิน ข. ในดินมี
ก. ปลูกพืชหมุนเวยี น
ข. ยตุ ิกำรทำไร่เล่ือนลอย อำกำศ
ค. กำรปลูกพชื คลุมดิน
ง. ใชย้ ำฆำ่ แมลงเพื่อฆ่ำศตั รูพืช ค. ในดินมีแบคทีเรีย ง. ใน

11) ซำกพืช – ซำกสัตวต์ ำยทบั ถมเป็นดินที่มีธำตุ ดินมีป๋ ุย
อำหำรให้แก่พืช เรียกวำ่ อะไร
15) ในดินมีส่วนประกอบใดมำกที่สุด
ก. หินดินดำน ข. ฮิวมสั ก. อำกำศ ข. ฮิวมสั
ค. ฟอสซิล ง. ลิกไนต์ ค. อนินทรียวตั ถุ ง. น้ำ

12) ถำ้ เผำดินแลว้ นำมำละลำยในน้ำเป็นวธิ ีกำร 16) ขอ้ ใดเรียงลำดบั ขนำดของเมด็ ดินจำกเม็ดดิน
ทดลองเพอื่ คน้ หำอะไร ขนำดใหญท่ ่ีสุด ไปหำเมด็ เลก็ ท่ีสุด ไดถ้ ูกตอ้ ง

ก. อำกำศในดิน ข. น้ำในดิน ก. ดินร่วน ดินทรำย ดินเหนียว
ค. แร่ธำตุในดิน ง. อนินทรียวตั ถใุ นดิน ข. ดินทรำย ดินเหนียว ดินร่วน
ค. ดินทรำย ดินร่วน ดินเหนียว
13) ดินที่เหมำะแก่กำรเกษตรมำกท่ีสุด คือดิน ง. ดินเหนียว ดินร่วน ดินทรำย
แบบใด
17) เมื่อนำดินเหนียวท่ีป้ันเป็นกอ้ นไปเผำ แลว้ จะ
ก. ดินที่มีอนินทรียวตั ถุมำก พบวำ่ ดินเหนียวน้นั จะแหง้ และแตก ผลจำกกำร
ทดลองดงั กลำ่ วสำมำรถสรุปไดว้ ำ่ ดินมีส่ิงใดเป็น
องคป์ ระกอบ

ก. อำกำศ ข. น้ำ
ค. อินทรียวตั ถุ ง. อนินทรียว์ ตั ถุ

18) ตน้ ถว่ั สำมตน้ ปลูกพร้อมกนั เม่ือเวลำผำ่ ไป 1
เดือน ผลปรำกฏดงั ภำพ นกั เรียนคดิ วำ่ มีอะไร
เกิดข้นึ กบั ตน้ ถว่ั ตน้ ท่ี 1 ตน้ ท่ี 2 ตน้ ที่ 3

ก. ตน้ ถว่ั ท้งั สำมตน้ เป็นถว่ั ต่ำงชนิดกนั
ข. ตน้ ถวั่ ตน้ ท่ี 3 สูงกวำ่ ตน้ ถว่ั ตน้ ท่ี 2

และตน้ ท่ี 1
ค. เมลด็ ตน้ ถว่ั ตน้ ท่ี 1 เป็นเมลด็ ที่ขำด

ควำมสมบูรณ์
ง. ดินท่ีนำมำปลกู ตน้ ถวั่ แต่ละตน้ มี

ควำมอดุ มสมบรู ณ์ต่ำงกนั

19) ขนำดของเมด็ ดินแตล่ ะประเภทมี
ควำมสมั พนั ธ์กบั ส่ิงใดมำกทส่ี ุด

ก. กำรไหลผำ่ นของน้ำ
ข. ควำมอุดมสมบรู ณ์
ค. กำรนำมำใชป้ ระโยชน์
ง. องคป์ ระกอบที่พบในดิน

20) ถำ้ ดินแน่นแขง็ และขำดธำตอุ ำหำรพืชควร
แกป้ ัญหำอยำ่ งไร

ก. ปลกู หญำ้ แฝก
ข. ทำทำงระบำยน้ำ
ค. ปลกู พืชแบบข้นั บนั ได
ง. ไถพรวนและใส่ป๋ ุยคอก


Click to View FlipBook Version